Chapter XV Milky Moon
“ไอ้เหี้ยเอ็ม!”
หมัดหนักกระแทกหน้าคนที่เพิ่งเล่าเรื่องราวจบจนลงไปกองกับพื้น ไม่ใช่ว่าหลบไม่ได้แต่ไม่คิดจะหลบเพราะความผิดติดตัวมันก็รุนแรงและกระทบต่อความรู้สึกเจ้านายของตัวเองอย่างมาก
“มึงทำได้ไง? ทำได้ไง หา! บอกให้จันทร์ไปมีคนอื่นได้ไง”
เจิ้นไม่ได้โมโหแบบนี้มานานแล้วตั้งแต่สมัยมัธยมที่ยังเป็นวัยรุ่นใจร้อน ลูกชายคนเดียว ทายาทเจ้าของอาณาจักรช่อฟ้าทำให้อีโก้สูงจนไม่แคร์สายตาใคร ความเยือกเย็นสิบกว่าปีถูกทำลายลงเพียงเพราะนกในกรงทองกำลังจะบินหนีไป
“ก็เจิ้นไม่รัก ก็ปล่อยคุณจันทร์ไปเถอะครับ”
“ใครบอกว่ากูไม่รัก?”
“คุณจันทร์บอกครับ...คุณจันทร์บอกว่าเจิ้นไม่ได้รักคุณจันทร์คนเดียว เจิ้นมีคนอื่น เจิ้นมีอีกคน แล้ววันหนึ่งคุณจันทร์ก็ต้องแบ่งเจิ้นกับคนอื่น คุณจันทร์เลยเลือกจะไปเอง”
“กูไม่ได้มีคนอื่น ก็รู้?”
“ผมรู้ แต่คุณจันทร์ไม่รู้”
“หมายความว่าไง?”
แววตากราดเกรี้ยวกลายเป็นความวูบไหว ทำไมอยู่ๆก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ทำไมศศิมณฑลถึงคิดว่าเขามีคนอื่น หรือว่า... คำพูดจากกันติชาเมื่อนานมาแล้วตีกลับเข้ามาในหัว เจ้าจันทร์เคยถามคนเป็นสิบว่า แฟน กับ คนรัก คืออะไร และใช่...เขาเองที่ตอบไม่ชัด ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองผิด จนน้องต้องไปอยู่อเมริกา เขาคิดว่าเจ้าจันทร์อาจจะถูกเบี่ยงเบนความสนใจจนลืมไปแล้ว หรือไม่ใส่ใจกับมันนักเพราะน้องก็ไม่ได้สนใจอะไรนานเป็นพิเศษ...แต่ เขาคิดผิด
“เจิ้น คุณจันทร์โตแล้ว ผมบอกเขาตามตรงว่าเจิ้นไม่ได้มีใคร แต่คำตอบที่ได้...คือคุณจันทร์ไม่มั่นใจ การไม่มั่นใจก็คือการที่เขาระแวง...คุณจันทร์ในวันนี้ไม่ได้เชื่อใจเจิ้นเหมือนเมื่อก่อนแล้วครับ”
เอ็มดันตัวลุกขึ้นจากพื้น ขมวดคิ้วนิดหน่อยเพราะมุมปากรู้สึกตึงๆ พรุ่งนี้คงจะช้ำน่าดู
“...”
“คุณจันทร์เขาแยกแยะออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร แล้วเขาพร้อมจะเดินต่อไปข้างหน้าในทางที่ไม่มีเจิ้น คราวนี้ก็เป็นเจิ้นแล้วครับที่ยังย่ำอยู่ที่เดิม”
เลขาคนสนิทนอกจากจะต้องรู้งานก็ยังต้องรู้ใจ ถึงคำพูดจะเกินความจริงไปสักหน่อยว่าเจ้าจันทร์พร้อมจะเดินจากไปทั้งๆที่ยังไม่ใช่ แต่ถ้าไม่สะกิดอะไรบ้างเจิ้นก็ยังไม่ลงมือทำอะไรสักที
“แล้วถ้าคุณจันทร์ยังเข้าใจผิดแบบนี้ วันหนึ่งคุณจันทร์เจอคนที่ดีกว่าก็คงไปจากเจิ้นจริงๆ จะกี่พันล้านก็รั้งคุณจันทร์ไว้ไม่ได้หรอกครับ วันๆคุณจันทร์ใช้เงินทำอะไรบ้างนอกจากกันดั้มกับไอติม คนอื่นก็ให้ได้ ต่อให้ไม่มีคนอื่นสุริยะ หยางก็เลี้ยงได้ พาไปอยู่จีนด้วยกันกับคุณตองก็จบแล้ว ที่คุณจันทร์ยังอยู่ก็เพราะคุณจันทร์รักเจิ้น”
เอ็มคิดว่าตัวเองมาถูกทางเพราะเจิ้นเริ่มเม้มปาก ทั้งๆที่ปกติใบหน้านี้อย่างมากก็แค่คิ้วขมวดเวลาเจอปัญหาในการทำงาน อยากจะขำให้ลั่นช่อฟ้า เจิ้นเก่งในเรื่องงานแต่เรื่องส่วนตัวถือว่าสอบตกอย่างร้ายแรง
“ผมไม่ได้เป็นคนยุให้คุณจันทร์ไปมีคนอื่น คุณจันทร์เขาคิดออกมาเอง ผมเลยแนะนำไปบางเรื่องเพื่อให้คุณจันทร์ไม่รีบตัดสินใจเร็วนัก...ผมเสนอให้คุณจันทร์มาปรึกษาเจิ้นครับ”
ปากที่เม้มอยู่คลายออก คำพูดทิ้งท้ายของเอ็มทำให้เริ่มเข้าใจสาเหตุที่เอ็มมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
“กูไว้ใจมึงได้ใช่ไหม?”
“เจิ้นไม่ไว้ใจผม แล้วเจิ้นจะไปไว้ใจใครครับ”
“เสี้ยมจันทร์ไปมีคนอื่น น่าไว้ใจมากใช่ไหม?”
“น้องนุ่ม จันทร์เอายังไงดี”
ผมคิดไม่ออกจริงๆเรื่องเจิ้น แล้วก็อนาคตของตัวเอง ผมจะต้องไปมีแฟนจริงๆหรอ แล้วถ้าไปมีแล้วเจิ้นก็ไม่ได้ว่าอะไรล่ะ? เท่ากับว่าเขาก็ไม่ได้อยากมีผมไว้ใช่ไหม? แล้วแฟนผมจะต้องหาไปหาที่ไหนอ่ะ
อยากให้น้องนุ่มพูดได้จัง น้องนุ่มอาจจะมีคำแนะนำดีๆให้ผม เพราะถึงยังไงน้องนุ่มน่าจะประสบความสำเร็จในชีวิตคู่มากกว่าผมอีกอ่ะ มีทั้งศรราม มีทั้งลูกๆ ดูเป็นแฟมิลี่อบอุ่น ส่วนผมกับเจิ้นนี่ยังหาทางออกไม่เจอเลย
มาคิดๆดูการมีแฟนเหมือนเป็นแผนสำรองไว้ในกรณีที่ผมไม่อยู่กับเจิ้นแล้ว แต่ทำไมผมต้องมีคนมาแทนด้วยล่ะ ก็แค่...อยู่คนเดียวก็ได้ อยู่กับพ่อ คงไม่มีใครแทนเจิ้นได้หรอก เจิ้นอยู่กับผมมาทั้งชีวิตของผมนะ เราเหมือนเป็นเนื้อคู่หนุบหนับกันไปแล้ว หรือจริงๆเป็นเนื้องอก? เพราะการจะตัดเจิ้นออกไปมันเจ็บมากเลย
เฮ้อ...เครียดจัง
“คุณจันทร์ทานข้าวเย็นเลยไหมคะ เจิ้นคงติดงาน”
“อื้อ”
ผมจะกินข้าวตรงเวลาเพราะเจิ้นกลัวผมจะปวดท้อง ถ้าเขามาสายผมห้ามรอ เขาบอกว่าถ้ามาสายแสดงว่ามีงานให้ผมกินก่อนได้เลย คุณป้าแม่บ้านก็จะกินเป็นเพื่อนผม
การกินข้าวคนเดียวมันก็ชินแล้วแหละ ก็เป็นแบบนี้มาตลอดที่เจิ้นจะต้องไปงานเลี้ยงนั่นนี่โน่นหรือไปทานข้าวกับลูกค้า ผมเลยใช้เวลาช่วงค่ำดูการ์ตูน
ปกติผมมีการ์ตูนที่ชอบดูประจำแล้วก็จะติดงอมแงมแต่ช่วงนี้ผมคงเครียดๆเรื่องเจิ้นเลยดูไม่ค่อยรู้เรื่อง นั่งฆ่าเวลาไปเกือบจะสามทุ่มแล้วแต่เจิ้นก็ยังไม่มาเลย
ถึงเจิ้นจะไปงานต่อแต่เจิ้นจะกลับประมาณสามทุ่มถึงสามทุ่มครึ่งตลอด ถึงเราจะไม่ได้พูดกันตรงๆแต่เจิ้นก็รู้ว่าผมรอ
“สินเชื่อ คิดถึงเจิ้นแล้วเนอะ สินเชื่อคิดถึงเหมือนจันทร์ไหม”
ผมไม่อยากหลับไปก่อนเจิ้นจะมา ผมรู้สึกกระวนกระวาย...ทั้งๆที่เมื่อก่อนก็หลับไปก่อนเจิ้นหลายครั้ง แต่...แต่ผมอยากให้แน่ใจว่าเจิ้นจะกลับมา
ผมกลัวเจิ้นหายไป...
ควันบุหรี่ลอยไปบนท้องฟ้าจนกระทั่งกลุ่มควันสีเทาละลายหายไปในอากาศ ดวงตาที่เคยมั่นคงยามนี้ว่างเปล่าราวกับคืนเดือนมืด ก่อนสองนิ้วที่คีบมวนบุหรี่จะเคาะเบาๆที่ขอบระเบียงเพื่อให้ขี้เถ้าร่วงหล่นไปยังพื้นเบื้องล่าง
“ไม่ได้สูบบุหรี่ด้วยกันนานแล้วนะครับ”
เสียงจากคนข้างกายดังผ่านความเงียบสงบอันยาวนาน
“อืม”
“จะสูบยังต้องลงมาสูบด้านล่าง”
เพราะชั้นห้าสิบเก้ายามนี้เจ้าจันทร์กำลังดูการ์ตูน การสูบบุหรี่ให้เจ้าจันทร์เห็นมันไม่ดี แม้น้องจะเคยบอกว่าไม่เป็นไร แล้วเป็นฝ่ายจุดบุหรี่ให้เอง แต่...ควันบุหรี่ก็อาจจะทำลายปอดเล็กๆนั่น และไม่อยากให้เจ้าจันทร์จำภาพตัวเองยามสูบบุหรี่เท่าไหร่ เลยต้องลงมาที่สวนลอยฟ้าส่วนกลางที่ชั้นสิบ
“แต่สูบเยอะไปก็ไม่ดีนะครับเจิ้น มวนที่สามแล้ว”
“เมื่อก่อนยังมากกว่านี้”
“คุณจันทร์...”
“เออน่า รู้แล้ว”
กลายเป็นผู้ชายรักสุขภาพเพราะเมื่อโตขึ้นก็นึกได้ว่าตัวเองแก่กว่าน้องอยู่สิบปี ถึงจะอายุยืนก็ยังมีเปอร์เซ็นต์จะต้องจากเจ้าจันทร์ไปก่อน...ก็ควรจะรักษาสุขภาพไว้ จะได้อยู่ด้วยกันอีกหลายๆสิบปีข้างหน้า ถ้าป่วย...คนตัวเล็กคงร้องไห้ และเขาไม่อยากให้เจ้าจันทร์ร้องไห้
“ถ้าเริ่มกินคลีนด้วยก็อาจจะดีนะครับ ไหนๆก็แก่แล้ว”
“มึงตายก่อนกูอยู่แล้วเอ็ม”
“คงงั้นมั้งครับ”
เสียงหัวเราะดังเบาๆ ทว่าคนห้ามเจ้านายสูบบุหรี่กลับคีบมวนบุหรี่เข้าปากและอัดควันใส่ปอดตัวเอง ก่อนจะปล่อยออกมาเป็นควันวงกลม
“ฝีมือยังไม่ตกแฮะ”
“หึ...”
“พอจะคิดอะไรออกบ้างยังครับ?”
สุดท้ายมวนบุหรี่ที่เหลือแต่ก้นก็ถูกวางลงกับที่เขี่ยบุหรี่กันทั้งคู่
“เราจะช้าไม่ได้ครับเจิ้น”
เวลาจริงจังก็ไม่คิดจะเล่นผิดเวลา แม้ปากจะยังบวมช้ำกับการถูกเจิ้นต่อยแต่ก็แค่หมัดเดียวไม่กี่วันก็หาย ที่สำคัญคือเจิ้นจะเอายังไง
“ก็เสือกไปเสี้ยม”
คำหยาบที่ยังไม่หมดไปบ่งบอกว่าเจ้าตัวยังอารมณ์กรุ่นๆอยู่ไม่น้อย นานแล้วจริงๆที่เจิ้นไม่ได้กรุ่นโกรธจนเหมือนกองไฟเคลื่อนที่แบบนี้
“ก็พูดความจริงแล้วคุณจันทร์ไม่เชื่อ ความนิยมลดลงนะครับเจิ้น... แฟนคลับอันดับหนึ่งอาจจะเปลี่ยนใจไปชอบคนอื่นแล้ว”
เจิ้นจำได้ว่าเอ็มเคยพูดว่าเจ้าจันทร์ก็เหมือนคนที่อยู่ในลัทธิบูชาผู้นำ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรน้องก็เชื่อ แต่เขาชะล่าใจไปว่าน้องอาจจะยังเหมือนเดิม แม้อีกใจหนึ่งจะดีใจที่การปล่อยน้องไปอยู่อเมริกาจะทำให้เจ้าจันทร์โตขึ้น และมีความคิดซับซ้อนขึ้น...ที่หงุดหงิดคือปัญหามันดันวนกลับมาเข้าตัว
เตรียมใจไว้แล้ว...แต่พอเจอกับสถานการณ์จริงมันก็ไม่ง่ายเลย
“แล้วต้องทำการตลาดยังไง ความนิยมจะกลับมา?”
“ถ้าเราวิเคราะห์ดีๆ ถ้าเจิ้นเป็นโปรดัคหนึ่งชิ้น แล้วคุณจันทร์เป็นลูกค้าที่ Brand Royalty สูงมาก การที่ทำให้ลูกค้าตัวจริงเปลี่ยนใจ แสดงว่า...คุณภาพลดลงหรือเปล่า? เพราะมันไม่มีสินค้าตัวอื่นมาเป็นคู่แข่งด้วยซ้ำ เจิ้นต้องพัฒนาคุณภาพตัวเองครับ หรือทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมั่นที่จะซื้อเจิ้นต่อ”
“ไม่ต้องสมจริงขนาดนั้นก็ได้”
“แหม่มันจะได้เห็นภาพไงครับ ไหนๆจุดแข็งตอนนี้ก็คือยังไม่มีคู่แข่ง ลูกค้าก็ยังไม่ถึงกับเลิกซื้อ ก็ทำพีอาร์ตัวเองใหม่ รีแบรนด์ดิ้งปรับรูปลักษณ์ ก็เป็นวิธีที่ดี”
“ยังไง? ตัดผม?”
“แพคเกจจิ้งก็มีส่วนครับ แต่ซินแสคงโวยวายก่อน อันนั้นยิ่งกว่าลูกค้าไปด่าในพันทิปอีก... ก็แค่อาจจะลองปรับเปลี่ยนวิธีการใช้งาน เช่น... จากที่เคยให้ความรักไปง่ายๆ อะไรที่มันง่ายมันก็เบื่อง่ายเหมือนแค่ของแถมที่มีหรือไม่มีก็ได้ แต่ถ้าทำเป็นของพรีเมี่ยมให้คุณจันทร์รู้สึกว่าต้องไขว่คว้า มีแค่ชิ้นเดียวในโลก ให้ใครก็ไม่ได้ สร้างความรู้สึกอยากครอบครอง”
“ขอสั้นๆ”
“เจิ้นลองทำตัวเป็นของพรีเมี่ยมเหมือนกันดั้มคุณจันทร์สิครับ กันดั้มที่เป็นรุ่นลิมิเต็ด ซื้อได้แค่ช่วงเวลาเดียว ต้องได้ และจะพลาดไม่ได้”
“นี่จะบอกว่าทุกวันนี้กูฟรี?”
“ก็เห็นแจกฟรีตัวเองให้คุณจันทร์ประจำอย่างกับสิทธิ์แลกซื้อเซเว่น... ”
“ไอ้เหี้ยเอ็ม!”
ขายาวยกขึ้นถีบเลขาตัวเอง แต่ไม่แรงมากนักแค่พอตัดรำคาญ มันยังไม่ใช่ไอเดียที่เสร็จสมบูรณ์ดี แต่จากเรื่องที่เจ้าจันทร์ไม่มั่นใจในตัวเองมันก็ต้องทำให้ความมั่นใจเหล่านี้กลับมาให้ได้ แล้วถ้ายิ่งรู้จักหวงเขาด้วยจะยิ่งดีมาก
ทำไมสมองเล็กๆนั่นถึงคิดไปได้ว่าเขาจะรักคนอื่นเพิ่มอีกคน... อาจจะเพราะเขาเองที่ทำให้มันไม่ชัดเจนจนน้องสับสนและไม่เชื่อใจ จนกลายเป็นเจ้าจันทร์จะหาคนอื่นมาแทนที่
“แต่ผมหาทางออกให้เจิ้นไว้แล้ว วิธีรับมือกับคุณจันทร์”
“ยังไง?”
“ก็แบบที่เจิ้นทำมาตลอดไงครับ...หลอกเด็ก”
ตาคมหรี่ลงจนกระทั่งเอ็มเล่าแผนการทุกอย่างออกมา รอยยิ้มจากจึงแตะมุมปากในที่สุด ต้องยกความดีให้เลขาที่วางแผนการณ์ไกลมาให้ตั้งแต่ต้น
“มั่นใจแค่ไหน?”
“มากครับ แต่ก็อาจจะมีน้ำตากันบ้าง เจิ้นในแข็งให้ได้แล้วกัน”
“เหอะ....ลาออกไปสักที”
“ไม่ออก ออกแล้วจะเอาอะไรแดกครับเจิ้น”
เอ็มยิ้มขำกับคนที่เหมือนเอาภาระออกจากไหล่ หน้าที่เลขาจะมีอะไรมากไปกว่าการเป็นคู่คิดของเจ้านาย เมื่อเจ้านายถึงทางตันก็ต้องช่วย
คนมีความรักก็เหมือนตาบอดทั้งๆที่เรื่องมันก็ง่ายนิดเดียว แต่เจิ้นอยากจะเดินอ้อมมาเองก็ต้องอ้อมไปให้ถึงจุดหมาย...ที่มีคุณจันทร์รออยู่ตรงนั้น
“เอาหุ้นไป แล้วลาออกซะ”
“เจิ้น...”
“ไม่ได้พูดเล่น จบเรื่องจันทร์ก็ลาออกได้แล้ว ไปมีชีวิตของตัวเอง อายุสามสิบกว่าแล้วเอ็ม ไม่มีใครอยากรอไปตลอดชีวิต”
ความนัยน์ที่หมายถึงใครอีกคน...คนที่รอมานานเหลือเกิน
“เขาควรเจอคนที่ดีกว่าผม”
“ดีไม่ดีให้เขาเลือกเอง อย่าเสือก”
เจิ้นยิ้มขำเลขาที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก รู้สึกได้เอาคืนบ้างก็ดีเหมือนกัน โดนมันกวนประสาทมาหลายครั้งแล้ว เห็นหน้าช้ำๆเถียงไม่ออกแล้วอารมณ์ดี
มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงที่มือถือสั่นบ่งบอกว่ามีสายเรียกเข้า ก่อนนัยน์ตาคมจะอ่อนลงเมื่อเป็นเบอร์ของคนที่ดูการ์ตูนอยู่ชั้นห้าสิบเก้า
“คุณจันทร์โทรตามหรอครับ? งั้นเดี๋ยวผมขอตัวก่อนดีกว่า”
“อืม...ฝากด้วยนะเอ็ม รู้ใช่ไหม...พลาดไม่ได้”
“ผมรู้ครับว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับเจิ้น”
เจิ้นรู้สึกสับสน...และความสับสนก็หมุนวนเป็นความกรุ่นโกรธ อยากจะนั่งมองคนที่หลับไปแล้วนิ่งๆเพื่อสงบสติอารมณ์ที่กระจัดกระจาย
เจ้าจันทร์นอนซุกอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ มีหัวกระต่ายหูยาวโผล่พ้นมาบ่งบอกว่าน้องกอดเจ้าเพื่อนซี้หูยาวอยู่ ทำไมน้องไม่สงสัยบ้างว่าสินเชื่อรักน้องไหม อาจจะเป็นจุดได้เปรียบของการเป็นตุ๊กตาคือไม่ต้องถูกระแวง
เจิ้นโน้มตัวลงแตะปลายจมูกบนแก้มนิ่มที่หอมกลิ่นนม...กลิ่นนมที่อานุภาพร้ายกาจทำให้เขาหัวหมุนวนจนหลงไปกับความหอมละมุนนี่...
แต่พอคิดว่าเจ้าจันทร์จะพาตัวเองห่างออกไปจากเขา...ก็เกิดอาการหวงขึ้นมา...หวงแบบที่มากกว่าหวง แบบที่ไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบาย หลุมดำในใจเจ้าจันทร์มันกัดเจ็บแค่ไหน คงจะสู้ฝูงแร้งในใจเขาไม่ได้
“อย่าไปจากพี่...”
“อื้อ...เจิ้นกลับมาแล้วหรอ”
ตากลมปรือออกช้าๆก่อนมือเล็กจะยกขึ้นขยี้ตาป้อยๆ แสงจากโคมไฟหัวเตียงทำให้เห็นเสี้ยวหน้าและปากเล็กที่ขยับเสียงเอื้อนเอ่ย...เหมือนคนหูหนวกที่ไม่รู้ว่าใครพูดอะไร สายตามันเอาแต่จรดจ้องไปที่ใบหน้าที่แสนรักนักหนา...
ดวงตากลมโตที่เห็นมาเป็นสิบปี...กลิ่นกายรสนมที่ทำเอาเขาไปไหนไม่ได้...และลาดไหล่เนียนที่เคยประทับทำรอย...มันเป็นของเขา ของเขาทั้งหมด
“เจิ้น...เป็นอะไรหรอ ไม่สบายหรอ...อื้อออ”
ความต้องการมหาศาลทะลักราวกับน้ำล้นเขื่อน เจ้าจันทร์ถูกอ้อมแขนแกร่งรวบมานั่งบนตัก เรียวปากถูกครอบครองด้วยจูบร้อนแสนเอาแต่ใจ ความง่วงงุนหายไปราวกับหมอกที่พัดผ่าน...และเหลือเพียงแววตาคมที่ฉายชัดอยู่ตรงหน้า
สองมือเล็กขยำเสื้อเชิ้ตบนอกแกร่งไว้เป็นหลัก...คำถามมากมายถูกเก็บเอาไว้เพราะเจิ้นไม่เปิดโอกาสให้ได้ถาม...จูบอันยาวนานจนเกือบจะขาดใจตาย...จูบที่ราวกับสูบวิญญาณ...และแผดเผาด้วยอ้อมกอดของเจิ้น
“จันทร์...จันทร์...”
“เจิ้น...อ้ะ”
เจิ้นดูแปลกๆ...ดูกระวนกระวาย และ...ต่างจากทุกที สองมือของเจิ้นดึงรั้งเสื้อผ้าเขาออกจนหมด เจ้าจันทร์ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่มีจังหวะให้หยุดคิดเพราะหัวหมุนไปกับสัมผัสของคนเอาแต่ใจ
เพียงไม่นานฟันคมก็ขบลงบนแผ่นอกที่เปลือยเปล่า เสื้อผ้าถูกถอดไปจนหมด...เสียงครางหวานดังผะแผ่วตามจังหวะลิ้นร้อนที่ไล้เลียรอบราวนมและฟันคมๆกัดลงมาอย่างแรง
เจ็บทว่าร่างกายแอ่นสะท้านเพราะความต้องการ...ชอบให้เจิ้นกัด...และเจิ้นก็รู้ว่าคนของตัวเองชอบให้กัด...รอยฟันคมกระจัดกระจายไปตามแผ่นอกขาวผ่องจนทั่ว
หยาดน้ำตารื้นที่กรอบตากลมโต ไม่รู้ว่าเจิ้นเป็นอะไร...ถึงรุนแรงกว่าทุกที...มันทรมาน แต่...เป็นความทรมานที่สุดท้ายตัวเองก็เรียบร้องอยากจะได้
สองมือปัดป่ายช่วยเจิ้นถอดกระดุม...เสียงลมหายใจและกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยคลอเคลียอยู่ข้างใบหู ฟันคมขบเม้มไปตามใบหูที่เป็นจุดอ่อนไหวจนกรีดเสียงออกมา สองมือรีบยกปิดปากทว่าถูกมือแกร่งกว่าดึงออกทันที
“พี่อยากได้ยินเสียงจันทร์...”
“จะ จันทร์อาย...”
“ไม่มีอะไรน่าอาย...จันทร์ของพี่สวยที่สุดในโลก”
เจ้าจันทร์คิดว่าตัวเองกำลังสำลักความสุข... แม้มันจะเต็มไปด้วยความเจ็บยามที่เจิ้นกระแทกตัวเองเข้ามาในตัวเขา เจิ้นขยับแรกและขยับลึก ไม่เหมือนทุกครั้งที่จะดำเนินไปด้วยความละมุนละไม และมีแค่การกัด...เป็นออพชั่นเสริม
ทว่าคราวนี่ฟันคมฝังอยู่บนลาดไหล่ทุกครั้งที่เอวแกร่งกระแทกเข้ามาจนร้องไห้...ร้องแต่เจิ้นก็ไม่ยอมปล่อย เขาแค่เลียราวกับแมวเลียขน กระซิบเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงทุ้มหวาน...ความหวานที่อันตรายเพราะสุดท้ายก็ถูกแทนที่ด้วยฟันคม
แต่เขาก็ยังรัก...รักสัมผัสของเจิ้น ยังเรียกร้องยามเจิ้นผละออกไป...เป็นฝ่ายยอมปรนเปรือร่างกายตัวเองเพียงเพื่อให้ความอบอุ่นยังคงโอบล้อมอยู่ข้างกาย
แม้เจิ้นจะผละออกไปเพราะกลัวเขาจะไม่ไหว ทว่าสองขากลับยกโอบรัดสะโพกแกร่งและเรียกร้องให้เจิ้นเข้ามาอีกครั้ง..เจิ้นยังไม่อิ่ม...สายตาทรงพลังยังคงเต็มไปด้วยความปรารถนาและเขาไม่อยากจะทำให้เจิ้นรู้สึก...ไม่พอ
“อื้อ...”
ร่างกายบิดเร่าเมื่อปากอุ่นกลับมาไล้ชิมที่ยอดอกตัวเองอีกครั้ง ภาพลิ้นแกร่งที่ตวัดระรัวไปกับจุดเล็กสองข้างสลับไปมามันน่ามองนักหนา...ยิ่งมือแกร่งขยำขย้ำราวกับหน้าอกผู้หญิงร่างกายยิ่งสั่นสะท้าน
“จันทร์...คนดีของพี่”
“อะ อ๊า....”
โลกหมุนเพราะร่างกายถูกพลิกคว่ำลงก่อนสะโพกจะถูกรั้งสูงขึ้นและแกนกายแกร่งสวนกระแทกเข้ามาทีเดียวจนมิด สองมือผวาขยำผ้าปูที่นอนเนื้อดีไว้แน่น เพราะสะโพกลอยเด่นสูงแต่หน้าทิ่มหมอนมันเลยเป็นท่าโก่งโค้งที่มองเห็นส่วนที่ร่างกายกำลังเชือมกัน...
หยาดความต้องการที่ล้นจากรอบที่แล้วๆมาร่วงหล่นลงมาตามจังหวะกระแทกกระทั้นเกิดเสียงเฉอะแฉะอันน่าอาย...ราวกับร่างกายกำลังกลืนกินเจิ้น...
“ดีไหม...”
“อื้ออ อะ อะ อ๊ะ...”
กลุ่มผมถูกกระชากให้ต้องแหงนหน้าขึ้น เป็นครั้งแรกที่เจิ้นกระชากหัวแม้จะไม่แรงมากนัก...ทว่าเสียงครางต่ำที่ดังขึ้นกว่าเดิมบ่งบอกว่าเจิ้นรู้สึกดีมากแค่ไหน
“เมียพี่...”
“อ๊า...เจิ้น ระ แรงอีก”
อารมณ์ไต่ระดับไปยังขอบฟ้าทีละก้าว...ดวงตาเริ่มพร่าเบลอและสุดท้ายก็ทรุดฮวงลงเมื่อเดินไปถึงเส้นขอบฟ้าในที่สุด แต่เจิ้นยังไม่ใช่....เจิ้นยังคงยึดสะโพกเขาไว้แล้วพาตัวเองก้าวตามมา จังหวะสุดท้ายโลกหมุนอีกครั้งพร้อมกับร่างกายที่วูบโหวงเพราะส่วนเติมเต็มขยับออก...และหยาดน้ำก็ไหลทะลักเปรอะเปื้อนเต็มหน้าทันทีที่พลิกตัวกลับมา
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองจะตาย...ร่างกายเหมือนไม่ใช่ของตัวเอง แม้จะเจ็บปวดและเมื่อยไปหมดแต่ผมกลับรู้สึกดี...เพราะเจิ้นพอใจมาก ลูกไฟในดวงตาเขาหายไปเหลือเพียงแค่ความอ่อนโยนที่ผมคุ้นเคย
ร่างกายผมเลอะเทอะไปหมดแต่เจิ้นก็ไม่ได้อุ้มผมไปอาบน้ำ เขาบอกอยากจะเลอะเทอะข้ามคืนแบบนี้บ้างสักครั้ง ผมประท้วงเพราะในร่างกายผมมีแต่น้ำของเขา แต่เจิ้นบอกว่า...ให้ทิ้งไว้เผื่อผมจะท้องได้
“จันทร์ไม่ใช่ผู้หญิงนะ”
“หึหึ...พี่รู้...นมที่พี่ดูดก็แบนราบขนาดนี้จะเป็นผู้หญิงได้ไง”
“งื้อออ ไม่ต้องมาดูดเลย”
ถึงพายุอารมณ์จะสงบแล้วแต่...เจิ้นก็ยังนอนดูดนมผม เขายุบยิบกับนมผมบ่อยๆ ยิ่งหลังจากเวลาเราเมคเลิฟกันเขาก็ชอบที่จะดูดเล่นแบบนี้ไปเรื่อยๆ บางทีอารมณ์กรุ่นๆก็กลับมาอย่างง่ายดาย...แล้วเจิ้นก็ชอบให้เป็นอย่างนั้น
ส่วนผมก็ทำได้แค่ยกสองแขนโอบรอบคอคนซนกับนมผมไว้...ผมอยากเอาใจเจิ้นนี่...ก็เขาชอบดูด ผมก็ชอบที่เขายุบยิบกับตัวผม...พักหลังมานี่ผมก็รู้สึกยอมรับตัวเองที่เป็น ยุบยิบลิซึ่มได้มากขึ้น กลายเป็นว่าผมอยากจะอ้อนให้เขายุบยิบผมด้วยซ้ำในบางครั้ง
“นมเมียพี่อร่อยที่สุด”
“งื้อออไม่ใช่เมียนะ ไม่ใช่ผู้หญิงเป็นเมียไม่ได้สักหน่อย”
ผมง้องแง้งกับเจิ้นสักพักเขาก็กัดนมผมแรงๆ แต่เสียงร้องของผมมันดันกลายเป็นเสียงคราง...ผมรู้สึกต้องการเขาอีกแล้ว และเจิ้นก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องเพราะเขาอยากให้ผมอ้อนวอน
“เจิ้น....กอดจันทร์นะ”
“หืม อะไรนะ?”
“กอดจันทร์นะ...นะ”
“เดี๋ยวป่วยนะจันทร์”
“งื้อออไม่เป็นไร กอดจันทร์สักที...กอดเร็ว...”
“มูนนี่....เฮ้อ...เดี๋ยวหมอก็ด่าพี่อีก”
“ด่าเจิ้นไม่ได้ด่าจันทร์นี่...มากัดจันทร์เดี๋ยวนี้นะ!”
ทำไมโตมาถึงได้ร้ายขนาดนี้นะ...มูนนี่!
============
ตาเจิ้นวางแผนบ้างแล้วนะมูนนี่! แล้วมาดูกันแผนเจิ้นกับแผนมูนนี่ใครจะชนะ 555555555+
มูนนี่หนูโตมาแซบมากลูกพี่แบมภูมิใจในตัวหนู มีสั่งให้เจิ้นกัดเจิ้นกอด ดีมากกกอย่าไปยอมเขา(?)
ปล. ช่วงนี้งานยุ่งจริงๆค่ะ ขอโทษด้วยน้า