A Box บทจบ - 01/11/2017
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A Box บทจบ - 01/11/2017  (อ่าน 1833 ครั้ง)

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
A Box บทจบ - 01/11/2017
« เมื่อ23-09-2017 06:02:37 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2017 10:26:43 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: A Box บทนำ 22/09/2017
«ตอบ #1 เมื่อ23-09-2017 06:03:55 »

A Box กล่องซ่อนคน - ฉบับแก้ไข

ณ เวลา 4:38 AM

ช่วงเวลานี้คือตัวเลขที่ปรากฏขึ้นที่จอนาฬิกาที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงของห้องนอนห้องหนึ่ง มันอาจจะเป็นช่วงของเวลาที่หลายคนพักผ่อนหลับนอนและกำลังฝันดี หลายคนคือช่วงเวลาของการกลับบ้านไม่ว่าจะจากการทำงานกะดึกหรือ ไปเที่ยวเฮฮากับเพื่อนฝูง แต่สำหรับบางคนแล้วช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาของการรับรู้ข่าวคราวของบุคคลที่เขาไม่ได้พูดคุยมานานเกือบ 2 ปี


ครืดดดดๆๆๆๆ

"โว๊ยยยย ไม่วางสักทีวะ”

ชายหนุ่มเจ้าของห้องที่มีนาฬิกาตั้งบอกเวลาอยู่นั้นได้หมายมั่นปั่นมือเอาไว้ว่าถ้าเกิดเขายอมเอื้อมมือไปรับสายแล้วสายนี้เป็นการโทรเข้ามาเพื่อที่จะขายตรงกับเขาละก็เขาจะทำเรื่องฟ้อง ‘สคบ’ ให้เจ้าของสินค้าจ่ายค่าปรับเสียให้เข็ด

เสียงสถบที่ดังแข่งขึ้นกับเสียงโทรศัพท์นั้นดังมาจากของชายหนุ่มที่กำลังนอนเปลือยแผงอกท่อนบนผู้ที่กำลังซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนุ่มพร้อมกับแอร์ที่เปิดเอาไว้อย่างเย็นช่ำ

เจ้าของเสียงโทรศัพท์เครื่องนี้ก็คือ ‘ลานบิน’ คนที่ปล่อยให้โทรศัพท์คู่กายที่ถูกวางเอาไว้ข้างโต๊ะหัวเตียงสั่นอยู่หลายครั้งอย่างต่อเนื่องซึ่งมันสั่นมานานแล้วไม่ต่ำกว่า 5 นาที

ลานบินพยายามอย่างมากที่จะเพิกเภยต่อเสียงสั่นนั้นโดยการนับแกะกล่อมให้ตัวเองหลับต่อ ปกติแล้วลานบินไม่ใช่คนขี้เซาแต่คืนนี้เขาเพิ่งจะหลับตาลงไปเมื่อตอนตี 1 นี้เองแล้วตอนนี้คือเวลาตี 4 กว่าเพียงเท่านั้นลานบินจึงพยายามทุกวีถีทางที่จะทำให้ตัวเองเลิกรับรู้ถึงการสั่นเตือนแต่จนแล้วจนรอดเขาก็ทำไม่สำเร็จเขาจึงได้แต่โกรธตัวเองที่ไม่ยอมปิดเครื่องก่อนที่จะล้มตัวลงนอน

เหตุที่เจ้าตัวต้องนอนดึกก็เพราะเมื่อคืนงานแต่งที่จ้างวงของเขาไปเล่นเจ้าบ่าวเจ้าสาวเกิดติดใจในเสียงดนตรีที่พวกเขาบันเลงออกมากเลยขอทุ่มเงินก้อนใหญ่อีกก้อนให้วงของเขาเล่นงาน after party ต่อ

ด้วยตำแหน่งของหัวหน้าวงที่ต้องรับผิดชอบชีวิตคนในวงอย่างลานบินจะให้เขาทำตัวเพิกเฉยต่อกระดาษสีเทาๆ หลายใบนั้นได้อย่างไรลานบินเลยตัดสินใจรับงานและเล่นต่อจากงานที่ดิวเอาไว้ถึงแค่ 4 ทุ่มเลยได้ลากยาวจนมาถึงเที่ยงคืนเข้าจนได้


"อะฮึม ฮัลโหล"

เสียงของลานบินที่เปล่งออกไปมันแหบแห้งเหมือนเด็กผู้ชายที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มจนทำให้เขาต้องกระแอมไออยู่หลายครั้งนั้นเกิดจากที่ลำคอของเขาได้รับการใช้งานมาอย่างหนักโดยรับเอาน้ำใจที่มีชื่อว่าแอลกอฮอล์ของบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวก่อนจะโดนตัดพ้อว่าเป็นคนหยิ่ง

แต่ไม่ว่าเสียงของลานบินจะแหบแห้งขนาดไหนตอนที่รับโทรศัพท์เสียงนั้นก็ไม่สามารถกลบความเกรี้ดกราวที่เกิดจากการถูกรบกวนในการนอนที่เกิดขึ้นในน้ำเสียงที่ส่งออกไปของเขาได้

"ฮะ ฮัลโหล นะ นั้น บินใช่ไหม?"

"แล้วคุณโทรมาเบอร์ใคร?"

"เรา ตั้งใจโทรหาบิน"

"..."

“ขอบคุณที่ยังไม่เปลี่ยนเบอร์”

เสียงที่ลานบินได้ยินกลับมาจากทางปลายสายทำให้ลานบินตื่นตาได้อย่างเต็มที่แถมยังยอมสละความนุ่มของผ้าห่มลุกขึ้นมานั่งเอามือขยี้ตาแล้วจ้องมองดูที่หน้าจอที่ขึ้นเพียงแค่ ‘No caller ID’ แต่เสียงที่เขาได้เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเจ้าของเสียงคือ

"น่านน้ำ?"

"ใช่ เราเอง ขอบคุณบินที่ยังจำเสียงเราได้ ขอบคุณๆ"

ลานบินอยากจะถามกลับไปทางคนปลายสายเหลือเกินว่าเขาจะสามารถลืมเสียงของ ‘น่านน้ำ’ บุคคลที่เขาแอบรักมาตลอด 4 ปีตั้งแต่สมัยก่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย คนที่กว่าเขาจะสมหวังและได้ใช้ชีวิตร่วมกันตลอด 3 ปี ให้หลังและจบลงโดยที่ทิ้งเขาไปอย่างเลือดเย็นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาลงได้อย่างไร?

"มีอะไร?"

"ช่วยเราด้วย"

"ทำไมผมต้องช่วยคุณ?"

"...."

"ไม่ลองโท...."

"ถ้าจะถามว่าทำไมเราต้องโทรมารบกวน เราก็จะบอกว่าเราลองโทรหาคนอื่นแล้วแต่ไม่มีใครรับสายเราเลย ยกเว้น...บิน"

“ฮึ นั้นสินะ” ลานบินไม่รู้ว่าตัวเองควรจะดีใจหรือเสียใจดีที่คนที่เขาเคยรักมากที่สุดกำลังนึกถึงเขา...เป็นคนสุดท้าย

"บิน"

"งั้นมีอะไรให้ผมช่วย?”

"ขอร้องละ ช่วยมาพาเราออกไปจากที่นี่ที ขอร้อง"

เสียงขอความช่วยเหลือที่ร้อนรนจากคนรักเก่าทำให้ลานบินสลัดความคิดน้อยใจต่างๆ ออกไปเลิกประชดประชัน แล้วเริ่มใส่ใจในที่สิ่งที่อีกทางปลายสายพูดอย่างจริงจัง

“เราติดอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ พยายามเท่าไหร่ก็ออกไปไม่ได้สักที ปัดโธ่โว้ย ไอ้ประตูบ้านั้นเปิดเท่าไหร่ก็ไม่ออก แล้วตะโกนเท่าไหร่ก็ไม่มีคนมาเปิด”

“เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ น้ำ เป็นอะไร? ค่อยๆ พูดเราฟังอยู่"

"บินยังจำได้? ว่าเราชอบให้เรียกว่า..."

"น้ำ มันใช่เวลาไหม?"


แน่นอนว่าลานบินจำได้เป็นอย่างดีว่าตั้งแต่สมัยที่ยังเด็กคนๆ นี้ชอบให้ใครต่อใครเรียกตัวเองว่า ‘น้ำ’ เพราะจะได้คล้องกับชื่อของน้องสาวที่ชื่อว่า ‘ใจ’  และรวมกันเป็น ‘น้ำใจ’ แต่เพราะชื่อ ‘น้ำ’ ดันเกิดไปซ้ำกับชื่อของรุ่นพี่ที่เป็นถึงลีดเดอร์ชื่อดังในประจำโรงเรียน น่านน้ำเลยมักจะถูกล้อว่าใช้ชื่อของผู้หญิง

การล้อเลียนในวันเด็กเกิดเป็นความอายที่สะสมทำให้น่านน้ำต้องปิดบังความต้องการของตัวเองพร้อมทั้งยังแสดงท่าทางต่อต้านไม่ชอบใจฮึดฮัดใส่เวลาที่ใครต่อใครต่างเรียกด้วยชื่อนี้

“โอ๊ย บินบอกแล้วไงว่าถ้าไปเจอเพื่อนเราที่มหาวิทยาลัยนะให้เรียกเราว่า ‘น่าน’ ไม่ใช่ ‘น้ำ’”

ลานบินมักจะโดนน่านน้ำบ่นใส่ทุกครั้งที่เขาทำเหมือนเป็นบังเอิญไปเดินเจอกับกลุ่มของน่านน้ำที่ห้างแถมดันหลุดปากเรียกชื่อต้องห้ามนั้นออกไป

ไม่ใช่ว่าลานบินจะจดจำสิ่งที่คนที่อยู่ในใจเขามาตลอดตั้งแต่วันที่น่านน้ำย้ายบ้านมาอยู่ข้างบ้านของเขาต้องการไม่ได้แต่ในตอนนั้นเขาดันมีความคิดแบบเด็กๆ เพียงแค่ว่าการเรียกชื่อที่ไม่มีใครเรียกคือการแสดงความสนิทอย่างหนึ่งและเขาก็ต้องการแสดงให้เพื่อนที่มหาวิทยาลัยของน่านน้ำเห็นว่าเขากับน่านน้ำนั้นสนิทกันมากเพียงใด

“ยุ่งยาก จะชื่อไหนก็เรียกคนเดียวกันนั้นแหละ”

“ก็พวกนั้นไม่เคยมีใครรู้ว่าเราชื่อเล่นว่าน้ำ”

“ที่บ้านน้ำก็เรียกแบบนี้กันทุกคน ถ้าอยากให้เปลี่ยนชื่อเรียกนักน้ำก็ไปบอกคุณป้าให้เปลี่ยนชื่อสิแล้วเราจะยอมเรียกตาม”

“ทำอย่างนั้นได้ไงเล่า แม่บ่นหูชาตาย”

“งั้นก็จะเรียกแบบนี้ต่อไป อย่าเรื่องมากนะ”

“ก็ชื่อนั้นมันสำหรับที่บ้านเท่านั้น”

การขอร้องที่ผ่านมาทั้งหมดในอดีตไม่ได้ผลเท่ากับคำพูดของน่านน้ำที่พูดออกมาในวันนั้นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ลานบินได้แต่คิดว่าเขานี่มันโง่แสนโง่ที่เอาแต่คิดจะแสดงความสนิทแบบเด็กๆ ว่ารู้อะไรที่มากกว่าคนอื่นโดยที่ลืมไปเลยว่ามีก็แต่คนในครอบครัวแล้วก็เขาเพียงเท่านั้นที่ยังได้รับอณุญาตให้เรียกชื่อต้องห้ามนี้

“อื้ม ต่อไปไม่เรียกแล้ว”


"ยังเหมือนเดิมทุกอย่างเลยนะบิน อย่างเรื่องชอบดุก็ไม่เปลี่ยน" เสียงบ่นที่รอดออกมาจากปลายสายทำให้ลานบินกลับจากภาพในอดีตมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง

"สรุปแล้วอยู่ที่ไหน?"

"เรา....ก็ไม่รู้"

"หมายความว่ายังไง? ทำไมถึงไม่รู้?"

"พอตื่นขึ้นมา เราก็อยู่ในนี้แล้ว"

"ในไหน?"

"ในห้องที่ไหนสักที่ แล้วในห้องก็มืดมาก เรามองอะไรไม่เห็นเลย"

“ที่ไหนก็ไม่รู้? ไม่รู้สึกคุ้นตาบ้างเลยเหรอ?”

“อื้ม”

“แล้วรอบห้องมีอะไรบ้าง?”

“มีมือถือที่วางเอาไว้ข้างตัว ตอนที่ตื่นในห้องมันมืดมากจนเรามองไม่เห็นอะไรเลย เลยใช้มือคลำเอาเจอมันวางอยู่โชคดีที่ใช้โทรได้จริง พอเปิดเครื่องแล้วเห็นว่ามันมีแสงไฟที่หน้าจอเราเลยลองกดโทรออก”

“ลองกดดูเบอร์ที่เครื่องได้ไหม?”

“หมายความว่าไง? เราโทรไปมันก็ต้องเชว์เบอร์สิ”

“มันขึ้นว่า No caller ID สงสัยเครื่องนั้นปิดการโชว์เบอร์เอาไว้”

“มันเป็นรุ่นเก่าอะ ที่มีแต่ปุ่มกดไม่ได้มีหน้าจอสัมผัส มันดู My number แบบพวกทัชสกรีนไม่ได้”

 “มันจะแรงเกินไปแล้วนะ ไอ้พวกนั้น”

“ที่พูดคือรู้เหรอว่าใครทำแบบนี้?”

“คิดว่ารู้ ก็ล่าสุดก็อยู่กับพวกมัน พวกเพื่อนที่มหาวิทยาลัยนะ”

“แล้วไม่โทรบอกให้พวกนั้นเลิกเล่น แล้วมาปล่อยตัวกลับไปได้แล้ว? พนันอะไรเอาไว้ก็ยอมแพ้ซะ”

“ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้พนันอะไรเอาไว้นะ ทำไมต้องเล่นอะไรแบบนี้ด้วย? อีกอย่างเราจำเบอร์ได้แค่คนเดียว คือเบอร์ของ ‘โซ’ โทรไปแล้วหลายรอบ แต่โซไม่รับสายเลย”

“เข้าใจละ งั้นครั้งล่าสุดที่รู้สึกตัว ตอนนั้นอยู่ที่ไหน? เพื่อนไม่น่าปล่อยน้ำไว้ไกลจากแถวนั้น"

"เรากำลังนั่งกินข้าว จำได้ว่าอยากเข้าห้องน้ำเลยขอตัวออกมาจากโต๊ะ แล้ว…มีคนเรียกชื่อเรา เราหันไป แล้ว...”

“แล้วอะไร?”

“แล้วเราก็....จำอะไรไม่ได้อีกเลย ภาพทุกอย่างหลังจากนั้นมันเป็นสีขาวมองไม่เห็นอะไร คิดว่าน่าจะโดนทำให้หลับนะถึงได้ลืมหมดแบบนี้"

“สักนิดก็จำอะไรไม่ได้เลย? แม้กระทั่งหน้าคนเรียก?”

“อื้ม ใช่ พยายามนั่งคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก”

“คุ้นเสียงไหมว่าผู้หญิง หรือ ผู้ชาย?”

“เอาจริงนะเราไม่แน่ใจ”

"ตอนนั้นกี่โมง?"

"น่าจะประมาณเกือบตีหนึ่งได้มั้ง"

"ตีหนึ่ง??!!? แน่ใจเหรอว่านั้นคือการกินข้าว ที่ไปนะร้านข้าวหรือร้านเหล้ากันแน่? แล้วไอ้ที่บอกว่าจำไม่ได้ หรือ ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น นั้นเป็นเพราะว่าเมารึเปล่า? ใช่ไหม?"

"..."

"ว่าไง? แบบที่เราพูดถูกไหม?"

"ก็ มีดื่มนิดหน่อย แต่ เราไม่ได้เมา"

"ฮึ แต่ก็จำอะไรไม่ได้เลย”

“เราไม่ได้เมา!!”

“คนเมาใครจะพูดว่าเมา!!”

ลานบินได้แต่สถบในใจว่ามันก็แบบนี้ทุกทีตั้งแต่วันที่เขาสามารถทำให้น่านน้ำรับรักของเขาแล้วได้เลื่อนตำแหน่งจากเพื่อนข้างบ้านมาเป็นแฟน นอกจากการบอกรักและท่าทีที่ดูเขินบ้างเวลาเขาทำอะไรที่หวานๆ ให้นอกนั้นระหว่างเขากับน่านน้ำก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย น่านน้ำยังคงพูดจากับเขาด้วยคำพูดที่เหมือนตอนเขา 2 คนยังเป็นเพื่อนกันแถมยังไม่เคยคิดจะแสดงความเป็นเจ้าของหรือหึงหวงเขาเลยสักนิด

ความสัมพันธ์ระหว่างลานบินกับน่านน้ำมีแต่แย่ลง นอกจากความสนิทระหว่างเพื่อนจะหายไปความสนิทแบบคนรักก็ไม่มีทีท่าว่าพัฒนา ที่แย่ที่สุดในความสัมันธ์นี้ก็คือจากคนที่รู้เรื่องของกันและกันในทุกเรื่องกลับกลายเป็นว่ายิ่งนานวันลานบินยิ่งเอาแต่จับโกหกของน่านน้ำได้อยู่เรื่อยไป

มาจนถึงตอนนี้ลานบินเองยังไม่รู้และแน่ใจเลยด้วยซ้ำว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาน่านน้ำเคยรักหรือเห็นความสำคัญของเขาบ้างไหม

“ทำไมก่อนที่น้ำจะบอกอะไรได้แต่ละที น้ำต้องรอให้เราจับโกหกได้เองทุกครั้งไป"

"ก็บอกว่าไม่ได้เมา”

“แต่นั้นก็คือร้านเหล้าไม่ใช่ร้านอาหาร”

“ก็เพราะรู้ว่าถ้าพูดไปแล้วบินจะเป็นแบบนี้ไงบินเคยรับฟังในเรื่องที่เราพูดได้บ้างไหม? เคยคิดจะหยุดฟังสักครั้งไหม?"

"ก็แล้วจะมีสักครั้งไหมที่น้ำจะสามารถบอกความจริงกับเราได้ตั้งแต่ประโยคแรกที่เราคุยกัน? ทำไมไอ้นิสัยขี้โกหกแบบนี้มันไม่หายไปสักที จะเป็นไอ้ขี้โกหกไปขนวันตายเลยรึไง?”

“ถ้าบินจะเอาแต่ขุดเรื่องนี้มาด่าเรา เราวางสายแล้วกัน ขอโทษที่รบกวน”

การที่ลานบินจับโกหกได้อีกครั้งในเรื่องเดิม ทั้งเรื่องโกหกและร่วมไปถึงเรื่องที่น้ำแอบหนีไปเที่ยวเหมือนที่เขาเคยจับได้มาตลอด 3 ปี มันทำให้ลานบินสติแตกและหลุดไปอยู่ในวังวนของเหตุการณ์ในอดีตโดยที่ลืมไปเลยว่า ณ ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่

“เดี๋ยว” ลานบินสูดลมหายใจเพื่อเรียกสติของตัวเองให้กลับมาอีกครั้งก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปเปิดไฟในห้องให้สว่างและกลับมาลงนั่งที่เตียง

“แน่ใจนะว่านี่คือการล้อเล่นในกลุ่มเพื่อน ‘กลุ่มนั้น’ เท่านั้น”

“ค่อนข้างมั่นใจเพราะก็อยู่กับพวกมันจนนาทีสุดท้าย แต่...”

“แต่อะไร?”

“อีกใจก็แอบคิดว่าไม่ใช่”

“ทำไมคิดแบบนั้น?”

“เพราะในห้องนี้ไม่มีแม้กระทั่งสัญญาณอินเตอร์เน้ท แล้วพวกนั้นจะสนุกกับการแกล้งเราได้ยังไง...ถ้าไม่เห็นเรา”

‘กลุ่มนั้น’ ในความหมายของลานบินคือกลุ่มที่เขาเคยเอาน่านน้ำออกห่างมาก่อนที่น่านน้ำจะเปลี่ยนจากเด็กนักศึกษาไปเป็นมาตกร เพื่อนกลุ่มนั้นของน่านน้ำเป็นกลุ่มพวกลูกคนรวยที่มีนิสัยสุดโต่งชอบเห็นคนอื่นเป็นของเล่นและยังชอบแกล้งอะไรกันแรงๆ

ถ้าให้ลานบินอธิบายแล้วละกันพวกนั้นเป็นเหมือนพวกโรคจิตที่ชอบเห็นคนอื่นตื่นกลัวตัวเองอยู่ตลอดเวลา หลายครั้งที่ระหว่างเขากับน่านน้ำต้องทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ เขาใช้ความพยายามอย่างมากที่จะดึงให้น่านน้ำออกมาจากสิ่งที่ไม่ดีแต่กลับเป็นน่านน้ำที่พยายามขอให้เขาเชื่อใจว่าน่านน้ำจะไม่ถลำลึกไปกว่าที่ทำแถมยังพยายามอธิบายให้เขาฟังอีกว่าเพื่อนกลุ่มนั้นความจริงแล้วไม่ได้มีนิสัยแย่อย่างที่เขาเข้าใจ

ส่วนนึงในจิตใจเขาก็แอบเอนเอียงคิดไปว่าเหตุการณ์ครั้งนี้มันคือการล้อเล่น ยิ่งรู้ว่ามันเกิดขึ้นหลังจากมีแอลกอฮอล์ร่วมอยู่ด้วยมันก็ยิ่งเป็นไปได้ แต่อีกใจก็จริงอย่างที่น่านน้ำว่าถ้าพวกนั้นเป็นคนลงมือแน่นอนว่าพวกนั้นไม่มีทางที่จะยอมอดดูความหวาดกลัวของเพื่อนหลังจากที่อุตส่าห์วางแผนเอาไว้

“งั้นที่บอกว่ามืดมากเพราะอะไร? ไฟในห้องไม่ติด?”

“ปลั๊กไฟที่มีมันใช้การไม่ได้”

“เกี่ยวอะไรกับปลั๊ก?”

“ในนี้มันมีหลอดไฟที่ติดอยู่ที่ข้างฝาอยู่นะ แต่พอเราลองเสียบปลั๊กไฟที่ห้อยลงมาเพื่อเปิดไฟมันก็มันไม่ทำงาน เราเลยไม่คิดว่าปัญหามันน่าจะอยู่ที่ปลั๊กมากกว่าที่หลอด”

“แล้วลองดูบนฝ้ายัง? มีหลอดไฟไหม? หรือมีแค่ที่ข้างฝานั้น?”

“แป้ปนะ อืมมมม ไม่มีเลย มีแต่อะไรไม่รู้มีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยม มันเหมือนเป็นพัดลม แต่เราเห็นไม่ชัดนะ แต่ก็แปลกนะมีเหมือนใบพัดแต่เป็นตะแกรงครอบอีกที ไม่เคยเห็นมาก่อน”

“แล้วหน้าต่าง?”

“เท่าที่ลองเปิดไฟจากมือถือดู ห้องไม่มีหน้าต่าง”

“ลองเดินไปรอบๆ ใช้มือคลำ ตาอาจจะเห็นได้ไม่หมด ลองใช้มือคลำไปให้ทั่วห้องดูก่อน อย่าลืมก้มลงและยืดตัวขึ้นด้วย”

“แป้ปนะ ขอเราเดินให้ทั่วก่อน”

“อื้ม”

“ไม่มีเลย แม้แต่ขอบกระจกก็ไม่มี”

“เดินทั่วแล้วเหรอ?”

“ทั่วแล้ว”

มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ห้องห้องนึงจะไม่มีหน้าต่างแถมยังมีปลั๊กไฟแค่อันเดียว แล้วทั้งห้องน่านน้ำยังใช้เวลาเดินแบบละเอียดโดยไม่ถึง 5 นาที ที่นั้นมันคือห้องแบบไหนกัน

“บิน บิน ยังอยู่ไหม?”

“อยู่ๆ”

“เห็นเงียบไป เรานึกว่าสัญญาณโทรศัพท์จะหายไปอีก”

“ในห้องนั้น น้ำเห็นอะไรบ้าง?”

“กำแพง”

“ไม่ดิ อะไรที่มากกว่ากำแพง อะไรก็ได้”

“ก็บอกแล้วไงว่าลองดูไปแล้วหนึ่งรอบ มันไม่มีอะไร มีแค่ที่จับด้ามจับประตูเหล็กเล็กหนึ่งอันก็เท่านั้นบินคิดว่าก่อนที่เราจะโทรมาขอความช่วยเหลือจากบินเราทำอะไรบ้างในห้องนี้วะ? คิดว่าแค่เราลืมตาตื่นขึ้นมาเราก็เอาแต่คว้าโทรศัพท์แล้วก็เอาแต่ขอความช่วยเหลือรึไง?”

“...”

“ทำไมบินไม่เคยมองว่าเราช่วยเหลือตัวเองได้สักที ทำไมต้องคิดเอาเองเสมอว่าเราเป็นพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ”

“พูดใหม่สิ”

“หะ? สนุกมากไหมบิน? ให้พูดซ้ำทั้งหมดคืออะไร?”

“ไอ้ที่บอกว่าคลำเจออะไรนั้นนะ เอาตรงนั้น”

“อ่อ เอ่อ ตอนที่เราตื่นเราพยายามหาทางออกเราเจอประตูแต่มันมีเหมือนขอบประตู มันก็แปลกนะประตูเหมือนมียางมันไม่เหมือนกับประตูห้องทั่วไป แล้วก็พอจับเปิดมันเปิดไม่ออก”

“แล้วยังไงอีก ลองอธิบายให้ละเอียดสิ”

“มันก็ ไม่เหมือนกลอนประตูทั่วไป มันเป็นด้ามจับเหล็กที่ใช้โยกไปมา”

“แล้วมันมีอะไรอีกไหม?”

“ไม่รู้สิ พอเปิดไม่ออกเราก็ผละออกมา ขอเดินกลับไปดูก่อน”

“อื้ม”

“ไม่มีอะไรเลย มันมีแค่ที่จับที่ทำด้วยเหล็ก”

“จับแบบไหน?”

“ก็ เหล็กที่ยื่นออกมา ไม่ยาวมาก บิดขึ้นลงได้”

“แบบไหน?”

“ก็บอกไปแล้ว”

“ก็มันคิดตามไม่ออก ให้มันละเอียดกว่านี้”

“ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงแล้ว ที่พูดไปก็ละเอียดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้!!”

“แล้วเหล็กมันเป็นเหล็กยังไงเล่า?”

“บินฟังไม่เข้าใจรึไง? จะให้พูดยังไงว่ามันก็คือเหล็ก เหล็กนะเข้าใจไหม? ว่ามันก็คือเหล็ก เข้าใจไหม?”

จากคำพูดลานบินสามารถรับรู้ได้ถึงความไม่มั่นคงในอารมณ์ของทางปลายสาย แต่เขาในขณะนี้ก็กำลังพยายามที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้มากที่สุดมันคงไม่ดีแน่ถ้าเขาจะมีอารมณ์ตามน่านน้ำ

ยิ่งฟังก็ยิ่งมีแต่ข้อสงสัยมันจะแปลกเกินไปไหมที่ในห้องนั้นจะที่ไม่มีอะไรสักอย่าง แคบนิดเดียว แถมที่จับกลอนประตูยังไม่เหมือนกับที่อื่น

“น้ำ ตั้งสติ เราไม่ได้จะชวนทะเลาะ เราแค่ต้องการรู้รายละเอียดให้มากที่สุดก็เท่านั้น”

ทางปลายสายเงียบเสียงไปแล้วในตอนแรกลานบินไม่แน่ใจว่าทางฝ่ายนั้นจะยังอยู่กับเขาอยู่รึเปล่าเขาจึงละมือถือออกจากหูเพื่อมามองที่หน้าจอเมื่อยังเห็นว่าตัวเลขของนาทียังคงนับอย่างต่อเนื่องเขาจึงเอาโทรศัพท์กลับมาแนบหูอีกครั้ง กำลังจะส่งเสียงเรียกชื่อของปลายสายก็พอดีว่าลมหายใจของฝ่ายนั้นหลุดรอดเข้ามาในลำโพงทำให้ลานบินรู้ว่าน่านน้ำยังไม่ได้หายไปจากเขา

“ขอโทษ ที่เราระเบิดอารมณ์ใส่”

“ไม่เป็นไร เราเข้าใจ แต่หลังจากนี้น้ำต้องมีสติ แล้วที่สำคัญอย่าวางสาย”

“อื้ม”

“สรุปแล้วรูปแบบของกลอนนั้นคือยังไง?”

“พอลองคิดดีๆ แล้ว มันก็คล้ายๆ แบบล็อคเกอร์ของฟิตเนทที่บินไปประจำนั้นแหละ เพียงแต่ว่ามีขนาดที่ใหญ่กว่า”

“อะหะ คราวนี้ลองถอยออกมาแล้วดูไปที่ขอบประตูสิที่ว่ามันมียางสิ ยางมันเป็นยังไง?”

“ระหว่างประตูปกติมันจะมีช่องว่างเล็กๆ ใช่ไหม? แต่ประตูที่นี่มันไม่มีช่องว่างเลยขอบระหว่างประตูกับผนังมันกว้างออกกว่าเดิมก็จริง แต่มันถูกคั่นเอาไว้ด้วยยาง”

“ยาง?”

“อีกอย่าง เราเพิ่งเห็นว่าประตูน่ะสูงจนแทนจะขึ้นไปชนกับผนังทางด้านบนเลยนะ แล้วก็มียางรองรับอยู่ทุกด้านเลยด้วย”

“หะ?” คิ้วของลานบินเริ่มขมวดเป็นปม ยิ่งฟังมากเท่าไหร่เขายิ่งรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในครั้งนี้

“อื้ม ยางจริงๆ เอ๊ะ จะว่าไปพอลองจับดูอีกที”

“ว่า?”

“มันก็เหมือนยางตรงประตูตู้เย็นเลยอะ บินเป็นอะไรรึเปล่าทำไมเสียงดูไม่โอเค ง่วงเหรอ?” น่านน้ำคงได้ยินเสียงลมหายใจของลานบินเริ่มถี่ขึ้นตลอดเวลาที่ได้ยินข้อมูลเพิ่มเติมจากน่านน้ำ

“เปล่า น้ำทำตามที่เราบอกนะเอาหลังติดกับประตูแล้วลองด้าวเดินจากตรงนี้ไปจนถึงอีกฝั่งของกำแพงก้าวเท่าที่เคยก้าวเดินให้เป็นปกติ ก่อนที่จะก้าวนับถอยหลังจาก 3 ด้วย”

“โอเค 3 2 1...”

ลานบินลุกขึ้นจากเตียงแล้วรีบออกก้าวเดินไปที่กำแพงของห้องนอนตัวเองเช่นเดียวกับที่อีกทางปลายสายกำลังทำอยู่โดยที่เขาเองก็หยิบเอาหนังสือติดตัวมาด้วย 2 เล่ม

ลานบินได้แต่หวังเอาว่าในช่วงเวลา 2 ปีที่น่านน้ำหายไปลักษณะท่าทางของน่านน้ำยังคงเป็นเหมือนเดิม เพราะเขาจำท่าทางก้าวย่างก้าวเดินนั้นได้อย่างขึ้นใจ

“...เริ่มละนะ 1 2 3..” ทั้งสองคนกำลังออกก้าวเดินและนับตัวเลขตามจำนวนก้าวไปพร้อมๆ กันเหมือนว่าเขาทั้งสองคนกำลังเดินอยู่ข้างๆ กันไม่ใช่สถานที่ที่ห่างไกลกันแบบนี้

“7 ระ เราเดินได้แค่ 7 ก้าว” เสียงของน่านน้ำบ่งบอกถึงความตื่นกลัวอย่างชัดเจน มันมากกว่าครั้งแรกที่ฝั่งนั้นจะโทรมาหาลานบินเสียอีก

“น้ำ อย่าเพิ่งตกใจ มันยังไม่จบน้ำ คราวนี้ น้ำลองทำแบบเดียวกันกับที่ทำไปเมื่อกี้ แต่เป็นอีกด้านของฝั่งกำแพงที่น้ำยังไม่เคยเดินไปสัมผัสสิ”

“อะ โอเค”

“5 6 7..7 เท่ากันเลยบิน 7 เท่ากันเลย มันจะเป็นไปได้ยังไงที่ห้องที่นี่จะกว้างเพียงเท่านี้”

“ลองไปยืนที่ตรงกลางห้องสิ ที่ที่บอกว่าเห็นอะไรบางอย่างทางด้านบน ลองเอาไฟที่อยู่ที่หน้าจอส่องไปสิว่ามันคืออะไรกันแน่”

“มันเป็น กลมๆ ทางด้านบนมีซี่ๆ แล้วมันเหมือนมีใบพัด มันเหมือนที่อยู่หลังตู้เย็นลักษณะแบบนั้น”

“ใบพัด?”

“แปลกมาก...แปลกจริงๆ”

นั้นนะสิจะเป็นไปได้อย่างไรที่ห้องหนึ่งห้องจะมีความกว้างเพียงแค่ 7 ก้าวเดิน ลานบินรู้ว่าน้ำเป็นคนก้าวขายาวแต่ต่อให้ยาวแค่ไหนบวกลบก็ไม่เกิน 10 ก้าว แต่ตรงที่เขาเริ่มเดินไปพร้อมกับน้ำความกว้างที่เขาเอาหนังสือวางเอาไว้ที่พื้นมันยังไม่ถึงครึ่งห้องของเขาด้วยซ้ำ

แล้วไหนจะเรื่องความสูงที่มันไม่ได้สูงมากแค่เพียงน้ำกระโดดก็สามารถแตะถึงทางด้านบนได้ ด้วยความกว้างขนาดนั้นในความคิดนึงที่เด้งเข้ามาในหัวของเขาคือ

“กล่อง”

“อะไรนะบิน?”

“เปล่า”

“แต่เราได้ยินว่าบินพูดอะไรว่ากล่อง? กล่องมันเกี่ยวกับอะไร?”

ลานบินเงียบเพื่อตัดสินใจไปนานว่าเขาควรจะบอกในเรื่องที่เขาคิดอยู่ในหัวของเขาออกไปให้อีกฝ่ายได้รู้ดีหรือไม่? เพราะเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เขาคิดมันจะถูกต้องมีหลายห้องไปที่มีห้องขนาดเล็กเพราะเป็นชุมชนแออัด คนที่ทำแบบนี้อาจจะอยากให้น้ำรู้สึกเหมือนที่เขากำลังคิดอยู่ก็ได้

“ฮัลโหล บิน บิน”

“เรายังอยู่”

“สรุปแล้วคืออะไร?”

ถ้าบอกความตกใจที่น่านน้ำมีอยู่ก็จะยิ่งมากขึ้นจากเดิม แต่ถ้าไม่บอกน่านน้ำก็จะไม่รู้ตัวเองเลยสักนิดว่าควรปฎิบัติตัวอย่างไรเวลาที่ต้องอยู่ในสถานที่แบบนั้น

“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด จากที่น้ำเล่ามา เล่าว่า น้ำ...”

“อะไร เราทำไม?”

“น้ำกำลังถูกขังอยู่ใน “กล่อง””


tbc

ขอบคุณค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2017 11:33:21 โดย sweetsky »

ออฟไลน์ Zyse

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: A Box บทนำ 22/09/2017
«ตอบ #2 เมื่อ23-09-2017 06:30:03 »

หายไป 2 ปี กลับมาทำไมหนออออ  รอลุ้นนน

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: A Box บทนำ 22/09/2017
«ตอบ #3 เมื่อ23-09-2017 09:29:58 »

เกิดอะไรขื้น...รอ   :hao5:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
Re: A Box บทนำ 22/09/2017
«ตอบ #4 เมื่อ29-09-2017 22:39:38 »

น่านฟ้า น่านน้ำ

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: A Box บทนำ 22/09/2017
«ตอบ #5 เมื่อ31-10-2017 11:31:10 »

น่านฟ้า น่านน้ำ

แหะๆ ความจริงต้องเป็นน่านน้ำค่ะ ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
Re: A Box บทนำ 22/09/2017
«ตอบ #6 เมื่อ31-10-2017 11:43:30 »

ณ 5.30 AM


“ไม่ๆ ไม่จริง ไม่ๆๆๆๆ”

 “น้ำๆ ใจเย็นๆ”

“เย็นไม่ไหวแล้ว บิน มันต้องไม่ใช่บินต้องกะอะไรผิดไป บินไม่ได้เรียนอะไรที่เกี่ยวกับเลขมาสักหน่อยจะไปรู้ได้ยังไง อย่าพูดอะไรแบบนี้ อย่ามาทำให้เรากลัวอีกคน อย่า...”

“น้ำ”

“อีกอย่างพวกนั้นก็ไม่น่าเล่นกับเราแบบนี้ มันเกินไป มันเกินไป”


ลานบินปล่อยให้น่านน้ำปลดปล่อยทั้งอารมณ์โกรธทั้งความเสียใจและความหวาดกลัวออกมาให้หมด เขารู้ว่ามันเป็นไปได้ยากที่จะทำใจให้สงบถ้ารู้ว่าตัวเองกำลังถูกขังอยู่ในกล่องแคบๆ แบบนั้น

ในขณะที่น่านน้ำกำลังปล่อยความเสียใจออกมาตามสายลานบินก็เดินไปหยิบเอาหูฟังที่ถูกกองเอาไว้ในกระเป๋าถือมาเสียบเข้ากับโทรศัพท์แล้วก็จัดการพิมพ์ค้นหาข้อมูลผ่านทางเว็บไซส์ชื่อดัง

ลานบินพยายามหาว่าไอ้ข้อมูลที่เขาได้ยินมาทั้งหมดมันพยายามเป็นอะไรได้บ้าง แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามเขียนข้อมูลลงไปมากเท่าไหร่เว็บไซส์ชื่อดังก็ไม่สามารถให้เขาคำตอบที่เขาอยากได้สักที

“เอาเบอร์โชมา โทรไปถามให้รู้เรื่องเลยดีกว่า จะได้รู้ว่าเป็นฝีมือของเพื่อนน้ำรึเปล่า”

“ได้ๆ 086xxxx”

“แล้วเบอร์คนอื่นๆ ที่ที่ไปด้วยกันเมื่อวานละ? หรือไปแค่กับโช 2 คน?”

“เปล่า เราไปกับโช กับ รัก ด้วย แต่เราจำเบอร์รักไม่ได้”

“หึ”

“หึ อะไร? คิดอะไรทุเรศระหว่างเรากับเพื่อนอีกแล้วละสิ?”

“เปล่า...”

“บิน”

“ช่างมันเถอะ พูดไปก็เป็นเรื่องเก่าๆ อยู่ดี”

เรื่องเก่าที่เขายังคงค้างคาใจมาจนถึงวันนี้ เขาเคยบอกกับน่านน้ำหลายครั้งแล้วว่าเพื่อนของน่านน้ำที่ชื่อว่าโชไม่ว่าจะมองดูมุมไหนก็มองออกว่าคนๆ นั้นไม่ได้คิดกับน่านน้ำเพียงแค่เพื่อน แต่น่านน้ำก็ไม่เคยที่จะฟังคำพูดของเขาเพราะนอกจากจะไม่เลิกคบแล้วยังไปเพิ่มความสนิทสนมให้กับคนๆ นั้นเสียอีก เรื่องนี่จึงเป็นอีกหัวข้อที่เขากับน่านน้ำจะทะเลาะกันตอนที่เขาทั้งสองยังคงอยู่ด้วยกัน

“เป็นยังไงโทรติดไหม?”

“ยังไม่ได้โทร”

“อ้าว....”

“กำลังใส่เสื้อ จะลงไปโทรหน้าคอนโด”

“โทรศัพท์ บินรุ่นโทรออกอีกสายในตอนที่คุยไม่ได้เหรอ?”

“อื้ม ไม่ได้”

“ยังใช้รุ่นเก่าอยู่?”

“อื้ม เก่า”

“โธ่ พ่อนักดนตรีใหญ่ เคยบอกแล้วว่าอาชีพนี้มันลำบาก ก็ใจรักดึงดันทำมาถึงวันนี้”

“รู้ได้ยังไงว่าทำอยู่?”

“เอ่อ...เดาเอา”

ไม่จริง ลานบินรู้ว่าน้ำโกหกคนอย่างน่านน้ำไม่มีวันที่จะพูดในสิ่งที่เดาน่านน้ำจะพูดแต่เรื่องที่ตัวเองมั่นใจแล้วเท่านั้น แต่เขาเองก็เพิ่งโกหกออกไปเหมือนกันเรื่องโทรศัพท์เพราะเขาไม่อยากเพิ่งความหวาดกลัวให้กับอีกคนเขาจึงตอบไปแบบนั้นไป ไหนๆ ก็ถือว่าคนทั้งสองคนต่างคนต่างโกหกต่อกัน เขาจะถือซะว่าครั้งนี้เจ๋ากันก็แล้วกัน

ปกติแล้วโทรศัพท์เครื่องนี้ของลานบินสามารถที่จะโทรออกในขณะที่กำลังใช้งานกับอีกสายอยู่ได้ แต่เพราะเขาไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดอย่างเช่นสายหลุดลานบินจึงคิดว่าว่าการที่โทรด้วยอีกเครื่องมันน่าจะเป็นทางที่ปลอดภัยมากที่สุด แล้วถ้าจะให้บอกไปตรงๆ ว่าเขากำลังมีความกังวลที่สูงเขาก็ไม่อยากทำให้น่านน้ำรู้สึกไม่สบายใจแบบนั้น

“ถ้าให้เดาต่อ เราว่างานบินต้องเยอะนะเห็นตั้งแต่ก่อนเลิกกันมีรุ่นพี่รุ่นน้องจ้างไปเล่นให้เพียบ ทำไมยังไม่มีเงินละ?”

“ก็...”

“นักดนตรีไส้แห้ง // นักดนตรีไว้แห้ง”

ทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกันจนเหมือนเป็นการประสานเสียง ความไม่ตั้งใจที่เกิดขึ้นทำให้บรรยากาศแห่งความอึดอัดในเรื่องของโชลดลงได้บ้างจนลานบินสามารถได้ยินเสียงหัวเราะที่แผ่วเบาของน่านน้ำรอดเข้ามา

“เสียงเดินลงบันไดนิ ทำไมไม่ลงลิฟท์ละ?”

“เข้าลิฟท์ไปสัญญาณก็ตัดหมดพอดี ถามไม่คิด เดี๋ยวก็ปล่อยให้อยู่คนเดียวซะเลย ดีไหม?”

“อย่า...”

“รู้แล้วน่า ใครจะปล่อยให้น้ำอยู่คนเดียว”

“บินก็ใจดีหลังจากดุเราเสมอ อย่างตอนที่เราโดนจับเพราะบังเอิญไปอยู่ในกลุ่มที่เขาแข่งรถกันวันนั้นบินตะโกนใส่เราซะเสียงดังในโทรศัพท์แถมก่อนตัดสายยังบอกให้เรานอนมันไปในที่ขังนั่นแหละแล้วก็ท้าให้เราโทรหาที่บ้านเราเอง แต่พอเวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงบินก็เดินมาที่โรงพักพร้อมกับรุ่นพี่ที่คณะของบินเพื่อมาทำเรื่องประกันตัวเราออกไป”

“เรื่องเก่าแล้วน้ำ แก่เหรอ? เอาแต่พูดเรื่องเก่า”

“เราก็แค่อยากรู้ ว่าทำไมบินต้องทำให้เราหงุดหงิดและรู้สึกแน่ก่อนเสมอนะ ทำไมถึง...”

“น้ำ?” อยู่ๆ น่านน้ำก็หยุดพูดและเงียบไปเฉยๆ ลานบินจึงต้องหยุดเดินและเรียกชื่อด้วยความกังวล

“หื้มมม?? ..”

“ทำไมเงียบไป?”

“เราง่วงอะบิน”


“ไม่หลับนะ น้ำอย่าเพิ่งหลับ อยู่กับเราก่อน”


ณ 7.00 AM


เสียงที่แสดงออกถึงความเหนื่อยล้าของน่านน้ำทำให้ลานบินเปลี่ยนจากการเดินเร็วเป็นวิ่งลงมาตามขั้นบรรไดของทางหนีไฟแทน นึกแล้วก็เจ็บใจที่ตอนซื้อห้องเขาดันซื้อไว้ถึงชั้น 10 ถ้ารู้ว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นเขาจะซื้อแค่เพียงชั้น 2 ด้วยซ้ำ

พรืดดด ปึก “โอ๊ย”

“เป็นอะไรนะบิน?... บิน?”

เพราะด้วยความร้อนใจตอนแต่งตัวลานบินจึงได้คว้าเอาตัวที่ใกล้ตัวที่สุดใส่ส่วนรองเท้าก็ไม่ได้เลือกคู่ที่ดีที่มีอยู่แต่เอาคู่แรกอยู่ในสายตาทำให้ลานบินลืมคิดไปเลยว่ามันคือรองเท้าแตะคู่ที่ดอกยางแทบจะไม่เหลือ ตอนนี้เขาเลยลงมานั่งจั้มบ๊ะอยู่ที่ขั้นบันไดที่แถมไอ้เจ้ารองเท้าก็ขาดจนลานบินไม่สามารถใส่เดินได้แล้ว

“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร”
    
ลานบินตัดใจวิ่งต่อลงมาทางด้านล่างโดยที่ไม่สนใจว่าเขากำลังจะออกวิ่งด้วยเท้าเปล่าเขารู้ว่าทุกวินาทีมันมีค่าเพราะฉะนั้นเขาจะไม่ยอมเสียมันไปแม้แต่วินนาทีเดียว

“แต่เรา ได้ยินเสียง”

“ของตกนะ”

“อ่อ โอเค...บิน อากาศวันนี้ร้อนเหรอ? เราร้อนมากเลย”

“มะ..ก็ร้อนนะ น้ำก็รู้สึกเหรอ?”

“อื้ม เรารู้สึกร้อนมากเลย เหงื่อเราออกหมดแล้วเนี่ย ทั้งที่เมื่อวาน...เรายังรู้สึกหนาวอยู่เลย อากาศเปลี่ยนเร็วเนอะ”

“อื้ม อากาศเปลี่ยน”

“อึดอัดจังบิน มันร้อน... เสียดายนะ...ที่ไม่มีหน้าต่าง..”

“ยิ่งมีหน้าต่างจะยิ่งร้อนนะสิแดดส่องดีแล้วละที่ไม่มี อดทนนะ ร้อนก็ถอดเสื้อในห้องไม่มีใครเห็นหรอก”

“อื้ม”

ลานบินกำลังโกหกคำโตนี่เพิ่งจะ 7 โมงกว่ายังไม่ 8 โมงดีด้วยซ้ำอีกอย่างวันนี้อากาศไม่ได้ร้อนอย่างที่เขาพูดออกไปแถมยังเย็นกว่าทุกวันที่ผ่านมาอีกด้วยซ้ำ

ปึกๆๆๆๆ ลานบินกระแทกหูโทรศัพท์ลงอย่างที่ลืมคิดเลยว่านี่คือตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ต้องมีคนอื่นอาจจะต้องการใช้ต่อจากเขา แต่จะให้เขาใจเย็นต่อไปเขาก็ทำไม่ได้เพราะนี่ก็รอบที่ 5 เข้าไปแล้วที่เสียงเรียกโทรศัพท์ของโชเอาแต่ส่งเสียงบอกว่าเครื่องมือถือนั้นไม่สามารถติดต่อได้

“บินเป็นไงบ้าง ได้เรื่องไหม?”

“เรา โทรหาโชไม่ติด น้ำพยายามนึกเบอร์คนอื่นด้วยได้ไหม? ไม่ก็เบอร์ของโชเบอร์อื่นละ อย่างเบอร์บ้าน”

“ไม่มีหรอก เรามีแค่เบอร์มือถือนี่แหละ”

“...”

“คราวนี้เชื่อหรือยังว่าเราไม่ได้คบกับโช”

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกันน้ำ?”

“ก็เราไม่มีเบอร์ที่บ้านของโช แต่เรามีเบอร์ที่บ้านของบิน”

“มันน่าเชื่อถือมากเลยเนอะกับหลักฐานนี้”

“อ้าว...”

“เราเชื่อแล้วๆ” 

“บิน หิวน้ำ เราร้อน”

“รู้แล้วใจเย็นๆ น้ำบอกเราแล้ว”

“บอก?”

“ร้อนไง”

“อ้าว เราพูดแล้วเหรอ?”

“น้ำ”

ในตอนแรกลานบินก็ไม่ได้เอะใจเวลาที่ได้ยินเสียงถึงความอ่อนล้าของน่านน้ำแต่ประโยคที่น่านน้ำเริ่มพูดแล้วหายเริ่มพูดวกไปวนมาเขาถึงได้เริ่มเอะใจถึงอาการของน่านน้ำ

นั้นสิเขาลืมไปได้อย่างไรว่าน่านน้ำอยู่ในนั้นโดยที่ไม่มีแม้แต่อากาศผ่านเข้าไปได้ งั้นอากาศที่อยู่ในนั้นละ? ลานบินลืมคิดถึงข้อนี้ไปโดยสิ้นเชิงเขาว่าเขาควรทำอะไรที่จริงจังมากกว่าการมาไล่โทรอะไรแบบนี้ได้แล้ว

“พี่ ไปโรงพักครับ”

“บิน อย่า เดี๋ยวที่บ้านเราเป็นห่วง”

“ยังไงก็ต้องไปไหม? ไม่งั้นใครจะหาน้ำเจอ”

“แต่..”

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะอยู่ข้างๆ ตอนที่คุณลุงคุณป้าว่าน้ำเอง”

“โอเค”

ลานบินตะโกนเรียกวินมอเตอร์ไซส์ที่ห่างจากตัวคอนโดของเขาไปไม่ไกลนักแล้วขอให้คนขับพาเขาไปที่สถานีตำรวจที่ใกล้กับที่นี่มากที่สุด

“คุณ 30 บาท”

“พี่ผมไม่มีเงินติดตัวเลย เอางี้พี่อยู่วินนั้นตลอดใช่ไหมเดี๋ยวตอนเย็นผมเอาไปให้ได้ไหม?” ลานบินลืมไปเลยว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีแค่เพียงเศษเหรียญที่กวาดมาจากหลังตู้เย็นเพื่อเอามาหยอดตู้โทรศัพท์ซึ่งมันก็มีไม่ถึง 30 บาท

“เฮ้ย จะโกงกันแบบนี้เลยเหรอวะ?”

“เดี๋ยวผมไปจ่ายให้ไง เดี๋ยวเสร็จเรื่องผมจะไปจ่าย”

“ใครจะเชื่อว่าจะกลับไป”

“ก็ผมอยู่คอนโดนั้น พี่ก็เห็นว่าผมเดินออกมาจากทางประตูคอนโด”

“ใครจะไปรู้ไม่เอาอะ เอาเงินมา”  เจ้าของมอเตอร์ไซส์มองลานบินตั้งแต่หัวจรดเท้า แน่นอนใครจะไปเชื่อกับคนที่แม้รองเท้ายังไม่มีใส่เช่นเขา

“นะพี่นะ ปล่อยผมไปก่อนผมรีบจริงๆ เดี๋ยวผมวิ่งเข้าโรงพักทำเรื่องเสร็จแล้วผม...”

“ไม่รอเสียเวลาทำมาหากิน..”

“เฮ้ยพี่ ทำไมพูดไม่รู้เรื่องวะ?”

“เดี๋ยวคุณเกิดอะไรกันขึ้นครับ?”

ก่อนที่ทั้งลานบินและคนขับมอเตอร์ไซจะได้วางมวยกันก็มีเสียงทุ้มตะโกนขัดเข้ามา สิ่งที่ทำให้ทั้งสองถอยห่างออกจากกันไม่ใช่เสียงที่ดูน่าเกรงขามแต่มันเป็นเพราะพวกเขาเห็นเครื่องแบบที่มีอยู่เพียงครึ่งท่อนล่างนั้นว่ามันเป็นเครื่องแบบของตำรวจ

“เขาจะโกงผมครับ”

“เฮ้ยผมเปล่า ผมรีบ ผมต้องมาแจ้งความ ผมไม่ได้จะโกงเขา เดี๋ยวนะครับ ฮัลโหลน้ำยังอยู่ไหม?...อื้มๆ เราถึงที่แล้ว...ไม่มีอะไร...”

นายตำรวจหนุ่มตรงหน้าวิเคราะห์ตามสิ่งที่เขาเห็นเพียงครู่ ว่ากันตามจริงแล้ว คนๆ นี้ก็คงจะรีบมาตามที่เขาพูดแถมยังคุยโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา

“งั้นเดี๋ยวผมออกให้ก่อน เท่าไหร่ครับ?”

“30 บาท ขอบคุณครับ”

TBC


ออฟไลน์ sweetsky

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
ณ 8.30 AM


“มีอะไรให้ผมช่วยครับ?”

“เอ่อ ผมต้องการแจ้งความครับ เหมือนว่าเพื่อนของผมจะถูกลักพาตัว”

“คุณรู้ได้อย่างไรครับ? ช่วยเล่าตั้งแต่ต้นให้ผมฟังด้วยครับ”

“คือว่า...”

ลานบินรู้สึกว่าอย่างน้อยความหวังที่จะเจอน่านน้ำโดยเร็วของเขากำลังกลับมาอีกครั้ง แม้เขาจะเสียเวลาไปอย่างมากกับคนขับมอเตอร์ไซส์แต่เขาก็ยังมีความโชคดีที่เจอเขากับ ‘สารวัตรท้อป’ บุคคลที่เป็นสารวัตรฝ่ายสืบสวนโดยตรงทำให้เขาประหยัดเวลาของการไปนั่งรอทางด้านนอกตรงนั้นไปมากโข

“แล้วเพื่อนของคุณก็ยังอยู่ในสาย?”

“ครับ”

“งั้นรบกวนคุณเปิดลำโพงด้วยครับ ผมอยากคุยกับเจ้าตัวเพิ่มเติม”

“ได้ครับ น้ำ น้ำคุยกับสารวัตรนะ”

“อื้ม ครับ”

“คุณได้ยินเสียงอะไรดังเข้ามาบ้างไหมครับ?”

“ไม่ครับ”

“ผมอยากให้คุณน้ำ ตั้งสติผมรู้ว่ามันค่อนข้างยากเพราะคุณกำลังร้อนและไม่สบายตัว แต่คุณต้องลองตั้งใจฟังสิ่งรอบๆ ตัวให้ดีครับ”

“มันเงียบมากจริงๆ ครับ ในนี้ไม่มีเสียงอะไรเลย...บิน เราหายใจอึดอัดมากเลย”

“น้ำ น้ำเป็นอะไร”

“เราง่วง”

“ออกซิเจนน้อยแล้ว เขาควรหยุดพูด”

สารวัตรท้อปยื่นกระดาษที่เขียนด้วยลายมือที่รีบเขียนยื่นมาให้ผมตรงหน้าลานบินได้แต่โกรธตัวเองที่ลากน่านน้ำคุยมานานขนาดนี้ทำไมเรื่องพื้นฐานแบบนี้เขาถึงคิดไม่ถึง ทำไมเขาถึงดึงให้น่านน้ำเอาแต่พูดจนน่านน้ำปล่อยสารคาร์บอไดออกไซค์ออกมาแทนที่อากาศที่ดีจนหมดเขาคือคนที่ทำให้ตอนนี้อากาศที่อยู่ในห้องนั้นมันเป็นพิษต่อร่างกายของน่านน้ำ

“น้ำไม่ต้องพูดแล้วเรารู้ว่าน้ำเหนื่อย เอางี้เดี๋ยวน้ำฟังเราพูดอย่างเดียวแล้วกัน อยู่กับเราก่อน อย่าเพิ่งหลับนะ อยู่กับเรา”

“เดี๋ยวผมจะลองติดต่อกับทาง ICT ที่สำนักงานใหญ่ดูว่าเขาทำอะไรได้บ้างกับเรื่องนี้”

“ขอบคุณครับ”

ลานบินรีบพยักหน้าให้กับสารวัตรด้วยความหวังที่ว่าตอนที่สารวัตรกลับมาเขาจะมีหนทางที่จะตามตัวน่านน้ำเจอและรู้ว่าน่านน้ำอยู่ที่ไหนก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป

“บิน”

“หื้ม?”

“ที่ผ่านมาโกรธเรามากไหม?”

“เราบอกแล้วว่าไม่ต้องพูดแล้ว”

“แต่เราอยากรู้”

ลานบินบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถามของน่านน้ำมันเป็นเพราะว่าเอาเข้าจริงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไรกับคนในสาย โกรธไหมที่ทิ้งเขาไปโดยที่ไม่ได้มีแต่คำลา? แต่ถ้าจะให้พูดตามความรู้สึกจริงๆ ที่มีก็คงเป็น

“เราไม่ได้โกรธที่ต้องเลิกกันแต่เราเสียใจที่น้ำหายไปโดยไม่ลา ไม่บอกลากันสักคำเราว่าเราน้อยใจมากกว่าโกรธ”

“รู้ไหมทำไมตอนนั้นเราถึงหายไปโดยไม่บอกบิน?”

“ไม่รู้สิ”

“เพราะเราไม่พร้อมที่จะเลิก”

“แต่ที่ทำก็ไม่เห็นว่าจะต่างกันตรงไหน....”

ลานบินรู้ตัวว่าน้ำเสียงของตัวเองเริ่มที่จะใส่อารมณ์กับคนปลายสายอีกครั้งเขาจึงต้องสูดลมหายใจเพื่อเป็นการระงับอารมณ์ตัวเองก่อนที่จะระเบิดมันออกไป

“พอเถอะ เราเพิ่งบอกว่าอย่าเพิ่งพูดไงน้ำ”

“แต่...เราอยากพูด...เราไม่ได้อยากเลิกกับบิน แต่ยิ่งอยู่ด้วยกันก็ยิ่งทะเลาะกัน เราจะไปกับเพื่อนบินก็ไม่เชื่อใจ เราจะทำอะไรบินก็เอาแต่บังคับ เราไม่อยากให้มันแย่ไปกว่านี้ เราเลยเดินออกมา”

“...”

“เราคงโง่มากเลยใช่ไหม? ที่เราหวังว่าถ้าไม่ได้บอกเลิกก็จะยังคงมีสักวันที่เราสองคนจะได้กลับมาคบกัน”

“น้ำไม่โง่เลย ไม่ได้โง่เลย เพียงแค่...เออนิ วันก่อนมีคนมาชวนให้เราไปแคสในห้องอัดด้วยนะ”

ลานบินมีอีกหลายเรื่องที่อยากจะพูดคุยอยากปรับความเข้าใจแต่เขาไม่รู้เลยว่าถ้าพูดออกไปแล้วมันจะจบลงด้วยการทะเลาะกันรึเปล่าเขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องพูดคุยให้เป็นเรื่องอื่น

“ทำไมต้องแคสละ? บินจะไปเป็นนักร้องเหรอ?”

ลานบินยิ้มให้กับความสำเร็จของตัวเอง ไม่รู้ว่าจะดีใจดีไหมเพราะถ้านี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยามปกติแล้วละก็น่านน้ำไม่มีวันที่จะโอนอ่อนผ่อนตามไม่เอาคำตอบและไหลไปตามเขาง่ายแบบนี้

“น้ำก็รู้ว่าเสียงของเราไม่มีวันได้ไปยืนร้องเพลง พี่เขาอยากได้คนเล่นกีต้าร์ประจำห้องอัดนะพี่เขาเพิ่งได้สัญญากับทางค่ายเพลงค่ายนึงมา”

“พี่คนไหน? แค่กๆ”

“น้ำไอนิ คอแห้งเหรอ? จะพักก่อนไหม?”

“เราโอเค ต่อ แค่กๆ เลย”

“พี่ที่คอยมาลากเราไปซ้อมบ่อยๆ ที่เราเคยบ่นและหนีไม่รับโทรศัพท์พี่เขาตอนที่จะฟอร์มวง”

“อ่อ อื้ม แค่กๆ”

“เรายังไม่รู้เลยว่าจะเลือกเพลงไรดี? เรามีเพลงถนัดไม่กี่เพลงเอง”

“เอาเพลงซมซานสิ สมัยก่อน แค่กๆ บินเล่นบ่อยน่าจะถนัดที่สุด”

“น้ำว่าเพลงนั้นจะดีเหรอ? แล้วเราควร...”

ติ๊ด ติ๊ด

“เสียงอะไรอะน้ำ?”

“....”

“น้ำ?”


ณ 9.15 AM


“บิน...”

“ว่าไงเสียงอะไรเหรอ?”

“แบตมันขึ้นกระพริบ...แบตมันจะหมดแล้วบิน”

สิ้นเสียงของการบอกเล่าลานบินก็ดีดตัวขึ้นแล้วออกเดินเริ่มมองหาสารวัตรท้อปที่เดินจากเขาไปได้สักพัก แต่มองหาเท่าไหร่เขาก็มองไม่เห็นเขาจึงเริ่มออกเดินและตามหาไปทั่วทั้งโรงพักแห่งนี้

“เห็นสารวัตรท้อปไหมครับ?”

“คุณ ใจเย็นๆ นั่งรอก่อนครับ สารวัตรกำลังประชุมอยู่ทางชั้น 2 ครับ”

“ผมต้องการพบเขาโดยด่วนครับ”

“คุณต้องรอครับ”

“ผมต้องการพูดกับเขา”

“ผมบอกแล้วไงว่าสารวัตรประชุมอยู่”

“มันนานแล้วนะครับ”

“คุณ..”

“จ่าไม่เป็นไรผมดูแลต่อเองมากับผมในห้องทางนี้ดีกว่าครับ”

“สรุปว่ายังไงบ้างครับ?”

“ทาง ICT แนะนำขั้นตอนมาแล้วครับโชคดีที่เรามีเครื่องนั้นอยู่ที่นี่พอดีเพราะเรากำลังจะทำการฝึกกับพนักงานของเราด้วยเช่นกันแต่เราต้องขอเวลาติดตั้งสักครู่ครับ”

“สารวัตรครับ แบตของน้ำกำลังจะหมดแล้ว”

“งั้นให้เขารับวางสายครับ”

“สารวัตรคุณจะบ้าเหรอไง? ให้วางสาย สารวัตรก็รู้ว่ามันเป็นวิธีเดียวที่ผมจะอยู่กับเขา”

“คุณต้องใจเย็นๆ แล้วฟังผมให้มากกว่านี้”

“ให้เย็นอยู่ได้ไง? คนของคนแย่แล้ว พวกคุณเข้าใจไหม คนรักของผมกำลังแย่แล้ว!!!”

“บิน”

“อะไร ไม่ต้องกังวลนะน้ำยังไงเราก็ต้องหาทางไปเจอน้ำให้ได้ ไม่ต้องห่วงไปนะ น้ำยังมีเรายังไงเราก็จะไม่ทิ้งน้ำไปไหน”

“ลองทำตามสารวัตรดูก่อนไหม?”

“แต่เราไม่วาง”

“ยังไงพวกคุณก็ต้องวางครับ ถึงไม่วางตอนนี้สายก็ต้องตัดอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้อยู่ดีแล้วมันก็จะจบอยู่เพียงเท่านั้นเพราะว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาไม่มีเลขพอไม่มีเลขเราก็หาสัญญาณจากตัวเสาที่ใกล้เคียงหรือเบอร์ของเครือข่ายไม่ได้”

“หมายความว่าที่คุณหายไปมาตั้งนานคุณหาทางออกได้เพียงเท่านี้?”

“นั้นเป็นเพราะตอนที่คุณได้รับโทรศัพท์ครั้งแรก เรายังไม่ได้ตั้งเครื่องติดตามสัญญาณที่เครื่องของคุณและยังไม่ได้เชื่อมต่อตัวเครื่องโทรศัพท์เข้ากับเครื่องจับสัญญาณกับของเราครับ”

“งั้น ตอนนี้พวกผมต้องทำยังไง?”

“คุณน้ำครับ หลังจากวางโทรศัพท์ ผมขอ 5 นาทีในการต่อเครื่องมือถือของคุณลานบินกับเครื่องจับสัญญาณของเรา หลังจาก 5 นาทีผ่านไปคุณส่งข้อความมาที่เบอร์นี้ เป็นข้อความสั้นๆ ก็ได้ครับ”

“แล้วคุณต่อตั้งแต่ตอนนี้ไม่ได้เหรอไง?”

“บิน อย่าเพิ่งขัดสารวัตรสิ”

“ไม่ได้ครับ”

“แล้วถ้าพวกผมทำตามแบบที่สารวัตรบอก สารวัตรสามารถให้คำยืนยันได้ไหมว่าสารวัตรจะหาน้ำเจอ”

“ผมไม่สามารถรับปากแบบนั้นได้ครับ เพราะว่ามันก็เป็นแค่เพียงหนึ่งวิธีที่น่าจะสามารถนำเราไปถึงตัวคุณน้ำได้”

“แล้วสารวัรตก็จะให้พวกเราเสี่ยงกับวิธีที่สารวัตรเองก็ยังไม่แน่ใจกับผลลัพธ์ของมัน?”

“หรือคุณคิดว่ามันน่าจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่าวิธีของผมครับ?”

“....ก็ไม่มีแต่ผมอยากได้อะไรที่มัน 100 เปอร์เซ็นต์”

“ผมว่ายิ่งถ้าเราลงมือช้า โอกาสที่จะหาคุณน้ำเจอมันก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ นะครับ”

คำตอบของสารวัตรท้อปทำให้สมองของลานบินหยุดสั่งการไปชั่วขณะ เขารู้ว่าไม่มีวิธีไหนที่สามารถรับรองผลได้ 100 เปอร์เซ็รต์ตามที่เขาเรียกร้องไปที่สำคัญเขาเองก็ไม่ได้มีวิธีที่ดีไปกว่าวิธีของสารวัตรและถ้าต้องเพิ่งกำลังของตำรวจเขาก็คงต้องทำตามคำแนะนำของทีมงาน

แต่ให้ตายเถอะลานบินไม่อยากที่จะวางสายจากน่านน้ำไปเลยจริงๆ เขาคงจะไม่สามารถอยู่นิ่งๆ ได้ในทุกวินาทีที่ผ่านไปทุกวินาทีที่เขาจะไม่สามารถติดต่อกับน่านน้ำได้

คิดมาถึงตรงนี้มันก็น่าแปลกเนอะทีก่อนหน้านี้เขาไม่ได้คุยกับน่านน้ำมาเป็นปีๆ เขาก็ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรแถมยังเคยแอบภาวนาขอไม่ให้ต้องเจอกันอีกตลอดชีวิตนี้ แต่พอมาถึงตอนนี้เขากลับไม่อยากที่จะหยุดคุยกับคนในสายแม้แต่เสี้ยววินาทีเขาก็ไม่อยาก

“บิน”

“ว่าไง?”

“ที่เราพูดมาทั้งหมด เราพูดจริงๆ นะ เราไม่เคยอยากเลิกกับบิน เราขอโทษที่เราตัดสินใจทำอะไรแบบนั้นไป ที่ผ่านมา เราขอโทษ”

“เราขอไม่รับคำขอโทษ”

“บิน...”

“น้ำต้องมาบอกกับเราด้วยตัวเอง ต้องมาด้วยตัวเอง”

“เราไม่ได้อยากเลิก เรา..เรา อาจ ไม่มี โอกาส” เสียงสะอื้นที่แสดงออกถึงความอ่อนแอจุดถึงขีดสุดของน่านน้ำทำให้ลานบินรู้ตัวว่าอย่างน้อยเขาก้ต้องเข็มแข็งมากกว่านี้ อย่างน้อยก็ให้เพื่อน่านน้ำมีกำลังใจจะอยู่รอให้ตำรวจชุดนี้ไปเจอ

“ผมขอ 2 นาที”

ลานบินพูดปากเปล่าแบบไร้เสียงกับสารวัตรท้อป สารวัตรท้อปพยักหน้าแล้วหันกลับไปสั่งงานกับทางทีมงาน

 “ต้องมีสิต้องมี น้ำรอเรานะ ยังไงเราก้ต้องไปหาน้ำให้ได้”

“...”

“แล้วพอเราเจอกัน ตอนนั้นน้ำต้องขอโทษเราเป็นคำแรกเลย รู้ไหม?”

“อื้ม”

“สัญญาก่อนว่าจะรอเรา”

“ได้ เราสัญญาว่าเราจะรอ เผื่อพูดคำว่าขอโทษกับบินให้ได้”

“เราวางแล้วนะ อย่าลืมส่งข้อความมา แล้วเจอกัน”

“อื้ม”

ลานบินเอาแต่เดินวนรอบโต๊ะที่ทางทีมงานกำลังเชื่อมต่อมือถือของเขาเข้ากับเครื่องจับสัญญาณ พยายามข่มใจไม่ให้ตัวเองเอ่ยปากเร่งมือกับเจ้าหน้าที่โดยการที่เอามือกัดนิ้วมือของตัวเองเอาไว้โดยตลอด

สีหน้าของความโล่งใจเริ่มปรากฎให้เห็นจากทุกฝ่ายเมื่อทางทีมงานสามารถเชื่อมต่อได้เร็วกว่าที่ขอเอาไว้ ที่นี้ก็เหลือเพียงแค่ข้อความจากน่านน้ำเพียงเท่านั้น

สิ่งที่ลานบินกังวลมากที่สุดก็คือแบตของน่านน้ำจะยังคงอยู่ได้ถึงเวลานั้นไหมเขาเริ่มที่จะโทษตัวเองอีกครั้งแล้วว่าเป็นเพราะเขาที่เอาแต่ชวนคุยทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าแบตเตอร์รี่ของฝั่งนั้นมันน้อยลงทุกที

ติ้ง เสียงร้องเตือนเวลามีข้อความเข้าดังขึ้นทำให้การรอคอยที่แสนทรมาณและคิดไปเองนั้นจบลง เพราะเสียงแมสเสจนั้นเป็นเครื่องมือที่ยืนยันได้ว่ามือถือของฝั่งน่านน้ำยังคงใช้ได้จนถึงตอนนี้

“เราต้องใช้เวลาเท่าไหร่ก่อนที่เราจะรู้ว่าสัญญาณตัวนี้มันอยู่ละแวกไหน?”

“ไม่น่าเกิน 15 นาทีครับ”

ณ 10 : 00 AM
   
“คุณอยากดื่มน้ำก่อนไหมครับ?”

“ไม่เอาครับ ทำไมมันนานกว่าที่บอกไว้ละครับ?”
   
“เราต้องแยกเสาสัญญาณครับว่ามันส่งมาจากต้นไหน”
   
“เมื่อ 15 นาทีที่แล้วสารวัตรก็พูดแบบนี้ สรุปแล้วมันหาเจอจริงไหมครับไป้ตัวจับสัญญาณเนี่ย?”
   
“เครื่องนี้ใช้งานได้ตามที่โปรแกรมตั้งมาให้ครับ ผมหวังว่าเราจะหาเจอครับ...”
   
“ได้แล้วครับ เราเจอพื้นที่ใกล้เคียงแล้วครับ คาดว่าจะส่งมาโดยที่ใช้เสาต้นที่ 200.356.245 อยู่ในระแวกพิกัดนั้นไม่เกิน 50 เมตรครับ”
   
“แถวนั้นอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ สน ไหน?”
   
“สน หัวหมากครับ”
   
“ลองหาให้ผมหน่อยว่าแถวนั้นมีร้านอาหาร หรือ ตลาดนัดอะไรที่ไม่ได้เปิดช่วงเช้าแต่เปิดในช่วงเย็นไปถึงกลางดึกบ้างไหม?”
   
“ได้ครับสารวัตร”
   
“สารวัตรครับมีตลาดนัดการกีฬา กับ ตลาดนัดที่โรงเรียนเทพลีลาครับ”
   
“แล้วร้านอาหารละ?”
   
“แถวนั้นมีร้าน 13 เหรียญตั้งอยู่ครับ”
   
“งั้นคุณประสานไปว่าให้ทางนั้นแบ่งกองกำลังไปทางตลาดทั้ง 2 ที่ทางนั้นเป็นตำรวจในพื้นที่เขาน่าจะรู้จักกับคนดูแลและเจรจาได้ดีกว่าผม อย่าลืมค้นหาเบอร์ของเจ้าของหรือผู้ดูแลร้าน 13 เหรียญนั้นให้ผมด้วยผมต้องการให้เขาอำนวยความสะดวกในการค้นหา”
   
“ครับสารวัตร”
   
“อีกอย่าง โทรเรียกให้หน่อยกู้ภัยให้ขับตามไปด้วย”
   
“ครับสารวัตร”
   
“ผมขอไปด้วย” ลานบินรีบเดินเข้าไปหยุดทางด้านหน้าตอนที่สารวัตรท้อปกำลังรีบลุดหน้าไปช่วยเหลือน่านน้ำ
   
“ผมว่าคุณอยู่รอฟังข่าวที่นี่ดีกว่าครับ”
      
“ผม ขอ ไปด้วยนะครับ ผมขอร้อง ผมไม่สามารถนั่งรออยู่ที่นี่เฉยๆ โดยที่ไม่ทำอะไรได้จริงๆ”
   
“งั้น ได้ครับ แต่คุณต้องฟังในสิ่งที่พูด”
   
“ได้ครับ”
   
แม้ว่าการจราจรช่วงนี้จะไม่คับคั่งแต่ตลอดการเดินทางจาก สน ทองหล่อ มาที่ ร้านอาหารที่ชื่อ 13 เหรียญที่ตั้งอยู่แถวหลังมหาวิทยาลัยเอกชนที่นึงมันช่างเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานสำหรับลานบินเหลือเกิน

“ผมขอถามได้ไหมว่าทำไมถึงต้องเป็นตลาดนัดที่มีร้านอาหารกับร้านอาหารครับ?”

“จากสภาพที่คุณน้ำเล่ามาผมคิดว่าสิ่งที่คุณน้ำอยู่ก็คือ ‘ตู้แช่เย็นขนาดใหญ่’ ครับ”

“ว่ายังไงนะครับ??”

“ผมก็ไม่มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ครับแต่ก็มีความมั่นใจในระดับนึง”

มือทั้งสองข้างของลานบินกำเอาไว้แน่นถ้านี้เป็นการล้อกันเล่นระหว่างเพื่อนในกลุ่มมันคงจะเป็นการเล่นที่ดูเลยเถิดมากเกินไปและมันก็ไม่น่าเป็นการกระทำที่สามารถเรียกว่าเพื่อนได้อีกแล้ว

ถ้าผ่านเหตุการณ์นี้ผ่านไปได้ด้วยดีแล้วน่านน้ำยังดื้อดึงที่จะคบกับพวกนี้ลานบินคิดว่าเขาคงต้องเอาเรื่องราวทั้งหมดนี้ไปบอกคุณลุงคุณป้าเพื่อบีบบังคับให้น่านน้ำยุติการติดต่อ

แต่ถ้ามันไม่ใช่การล้อเล่นอย่างนั้นจะเป็นใครกันที่เป็นคนที่ทำได้ถึงขนาดนี้ ใครกันที่ต้องการทรมาณคนคนนึงให้ถึงชีวิต บุคลิคที่เป็นมิตรและยอมลงให้กับแทบทุกคนอย่างน่านน้ำลานบินเขาไม่คิดว่าน่านน้ำจะไปสร้างศัตรูที่ไหน

“แล้วทำไมสารวัตรถึงไม่คิดว่ามันจะเป็นร้านที่น้ำไปดื่มกับเพื่อน?”

“ร้านนั้นเป็นแค่ร้านเหล้าทำกับแกล้มง่ายๆ ไม่กี่อย่างด้วยเหตุผลนี้ผมไม่คิดว่าทางร้านไม่น่าจะมีตู้แช่เย็นที่ใหญ่พอที่จะมีคนอยู่ในนั้นได้ในร้านมีอย่างมากก็ตู้แช่เครื่องดื่มต่างๆเท่านั้น และคนที่ลงมือทำไม่น่าขนทุกอย่างออกมาจากตู้แช่นั้นได้ทัน”

“หรือคนร้ายไม่ได้มีคนเดียว?”

“ผมยังไม่สามารถตอบอะไรได้เลยครับ”

“งั้นสารวัตรคิดว่าถ้าเอาน้ำไปที่ร้านอื่นคนร้ายจะมีเวลามากพอ?”

“ผมถึงต้องไปร้านที่เขามีมากกว่า 1 ตู้ครับ”

“อ่อ ครับ”


ณ 10 : 30 AM

ที่หน้าร้านอาหารมีหน่วยกู้ภัยจอดรออยู่พร้อมกับชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้จัดการร้านยืนอยู่รอทางด้านข้างของร้านที่ใกล้กับทางหลังร้านพวกเขาอยู่แล้ว สารวัตรท้อปเดินตรงไปที่ชายหญิงคู่นั้นพร้อมกับตะโกนสั่งการกับทางรถกู้ภัยไปพร้อมกัน
   
“ใครเป็นคนดูแลตู้แช่เย็นเก็บอาหารครับ?”
   
“ดิฉันค่ะเชิญทางนี้เลยค่ะ ตั้งแต่ตอนที่สารวัตรโทรมาดิฉันก็เข้าไปเปิดเช็คตามสั่งแล้วนะคะ แต่ก็ไม่เจออะไรที่ผิดปกติตู้แช่ยังถูกเปิดเอาไว้เพราะยังมีผักสดอยู่ในนั้น”
   
“คุณเข้าไปเช็คแล้ว?”

“ใช่ค่ะ เพราะดิฉันเองก็ร้อนใจกลัวว่าจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น” สารวัตรชะงักฝีเท้าลดความเร็วลงก่อนที่มองไปรอบๆ พื้นที่ของร้านอาหารอีกครั้ง แล้วเหมือนสารวัตรก็จะเจอกับสิ่งที่ต้องการหาอยู่

“ที่มีของกองทิ้งอยู่ทางด้านในนั้นคืออะไรครับ?”

“อ่อ ที่ตรงนั้นเป็นของเก่าที่ทางร้านไม่ได้ใช้แล้วต้องจ้างคนมาขนเพื่อเอาไปทำลายค่ะ”
   
“คุณเข้าไปเช็คล่าสุดเมื่อไหร่ครับ?”
   
“ไม่มีใครไปเช็คนานแล้วค่ะ แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนมีผู้ชายเข้ามาดูค่ะ เขาบอกว่าเขาเป็นคนรับซื้อพวกของเก่า”
   
“งั้น ผมขอเดินไปดูตรงนั้นแล้วกัน”
   
“ได้ค่ะ”
   
ลานบินรีบเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วเท่ากับช่วงการเดินของสารวัตรท้อปยิ่งเข้าไปใกล้ตรงนั้นเท่าไหร่หัวใจของลานบินก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้น

ทางด้านในสุดมีตู้เหล็กสีขาวใบใหญ่ตู้นึงตั้งติดอยู่กับขอบกำแพงของร้านสภาพของตู้ใบนั้นเก่าจนแทบจะไม่เห็นสีขาวที่เป็นสีเดิมของมันแถมมันยังถูกคล้องเอาไว้ด้วยสายโซ่ขนาดใหญ่โดยที่มีแม่กุญแจล็อคเอาไว้

“ผมขอที่ตัดโซ่หน่อยครับไม่ทราบว่าในร้านคุณมีคีมอันใหญ่บ้างไหม?”

“ในรถกู้ภัยมีครับ”

ทีมงานกู้ภัยออกตัววิ่งหลับไปที่รถส่วนทางกับลานบินที่กำลังวิ่งฝ่าเข้าไปดงที่มีข้างของที่ไม่ได้ใช้แล้วกองอยู่มากมายพร้อมทั้งยังตะโกนเรียนชื่อของน่านน้ำอย่างไม่ขาดปากพร้อมทั้งยังคอยทุบพนังตู้นั้นไปด้วย แต่ไม่ว่าลานบินจะทุบตู้นั้นแรงเท่าไหร่ก็ไร้เสียงตอบรับจากคนข้างในออกมา

“มาแล้วครับๆ” ทีมงานยิ่งกลับมาที่ตู้พร้อมกับเครื่องมือมากมาย ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมใจกันช่วยตัดโซ่ที่พันเอาไว้ถึง 3 รอบออก ใช้เวลาเพียงไม่นานโซ่นั้นก็หลุดออกจากกัน ล็อคที่ประตูไม่ได้ถูกล็อคเอาไว้แต่เพราะโซ่ที่คล้องเอาไว้ทำให้ตัวประตูไม่สามารถถูกเปิดออกมาได้

และทันทีที่ประตูเปิดออกร่างของน่านน้ำก็ทิ้งตัวลงมาตามแรงโน้มถ่วง แต่ก่อนที่ร่างของน่านน้ำจะล่วงลงกระแทกกับพื้นคอนกรีททางด้านนอกลานบินก็รีบวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างนั้นเอาไว้

“น้ำๆ ลืมตาน้ำ”

“ถอยหน่อยครับ ถอยก่อนครับ”

ลานบินไม่อยากที่จะปล่อยร่างกายของน่านน้ำออกจากอ้อมกอดของเขาแต่เขารู้ว่าการที่มีเขาอยู่ตรงนี้มันจะรั้งแต่ขัดขว้างการทำงานของเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่อตตนี้กำลังเตรียมสวมเครื่องช่วยหายใจแบบพกพาให้แก่น่านน้ำ ลานบินวางน่านน้ำลงกับพื้นทั้งตัวจัดท่าทางให้สบายก่อนที่จะลุกออกมา

“เขาจะต้องปลอดภัยครับ เราหาเขาเจอแล้ว”

“ครับ”

“เป็นยังไงบ้าง?”

“ไม่หายใจครับ” สิ้นคำตอบเหล่าทีมงานก็ช่วยกันปั้มหัวใจและความโกลาหลต่างๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นจากตรงนี้หน่วยกู้ภัยขับรถผ่าเข้ามาใกล้กับที่เกิดเหตุเตรียมพร้อมกับการเคลื่อนย้าย

การปฐมพยาบาลเป็นไปอย่างต่อเนื่องอีก 1 นาที และพอ 1 นาทีผ่านไปทุกคนก็เตรียมเคลื่อนย้ายน่านน้ำให้ขึ้นรถพยาบาลมันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ลานบินก็หมดความอดทนที่จะยืนดูร่างของคนที่เขารักนอนหมดสติอยู่แบบนี้ ลานบินย่อตัวลงไปนั่งแทรกกับทีมกู้ภัยในรถพยาบาลเขาเลือกนั่งลงข้างตัวของน่านน้ำกุมมือของน่านน้ำเอาไว้

“น้ำ ตื่นลืมตาสิ ง่วงมากเหรอ? ตื่นก่อนนะมาคุยกับเราก่อน จำได้ไหมว่าน้ำยังติดขอโทษเราน้ำจะไม่ขอโทษเราต่อหน้าเราก็ไม่ให้อภัยนะ รีบตื่นขึ้นมาสิตื่นขึ้นมา”

“น้ำ น้ำไม่อยากรู้เหรอว่าเรารู้สึกกับน้ำยังไง? ว่าเรายังรักน้ำอยู่ไหม? น้ำอยากรู้รึเปล่า? อยากรู้ความรู้สึกเรารึเปล่า ถ้าอยากรู้ก็ลืมตาสิ หายใจสิ หายใจ” จากบีบมือลานบินก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นเขย่าตัวของน่านน้ำจนเจ้าหน้าที่ต้องลุกขึ้นมาห้ามการกระทำนี้เอาไว้

“กลับมาหาบินนะน้ำ กลับมา”

แล้วน้ำตาหยดแรกของวันก็ไหลออกมาจากดองตาของลานบิน ลานตาหยดนั้นหนดลงไปที่ตรงเปลือกตาของน่านน้ำอย่างกับจับวางตำแหน่งเอาไว้ ถ้ามองเผลินๆ แล้ว มันเหมือนกับว่าเขาทั้งสองคนกำลังร้องไห้ไปพร้อมกัน


“ชีพจนเต้นแล้วครับ หายใจแล้วครับ”


“น้ำ ขอบคุณน้ำ ขอบคุณที่กลับมาขอบคุณ”



The end

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: A Box บทจบ - 01/11/2017
«ตอบ #8 เมื่อ02-11-2017 08:22:23 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Cyclopbee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: A Box บทจบ - 01/11/2017
«ตอบ #9 เมื่อ27-12-2018 11:13:39 »

ใครทำเนี่ย น่ากลัว  :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: A Box บทจบ - 01/11/2017
« ตอบ #9 เมื่อ: 27-12-2018 11:13:39 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด