ตอนที่ 25
เปิดตัวมันซะเลย
“นี่ก็เป็นครั้งที่สามกันแล้วนะคะที่เตโชกับจิระมานั่งอยู่ในรายการของเรา ตั้งแต่วันแรกที่จิระได้เป็นพระเอกเอ็มวีเพลงเวลา จนมาถึงการโปรโมตเพลงหิวรัก ฉันเชื่อว่าทุกคนได้เห็นกับตาว่าทั้งคู่เวลาอยู่ด้วยกันนั้นน่ารักขนาดไหน ครั้งนี้เราจะไม่พูดอะไรมากค่ะ แต่จะเปิดรายการด้วยเพลงใหม่ของเตโชที่ร้องในงานคอนเสิร์ตพัทยาเป็นครั้งแรก”
พิธีกรสาวเจ้าเก่าเจ้าเดิมเกริ่นเปิดรายการด้วยสีหน้าตื่นเต้นและตื้นตัน
“ขอเสียงปรบมือให้กับเพลง ‘เคียงใจ’ ด้วยค่า!”
สปอร์ตไลท์สาดส่องไปที่เตโช แต่ครั้งนี้แตกต่างจากเดิมคือมีผม นายจิระที่ถูกจัดให้นั่งเคียงข้างคนหน้ามึนด้วยความเก้อเขินอย่างประหลาด
ปกติเวลาเตโชร้องเพลง เขาจะเหมือนหลุดไปในโลกของเขา ซึ่งนั่นเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้รับชมถูกดึงดูดไปกับความรักที่เขามีต่อเสียงเพลง แต่ครั้งนี้ เตโชหันเอียงมาทางผมสี่สิบห้าองศา เหลือบตามองเล็กน้อยก่อนจะเริ่มดีดกีตาร์เกิดเป็นเสียงกระจ่างใสก้องกังวาน
ไม่มีใครเข้าใจ ไม่มีใครรับฟัง ไม่มีใครต้องการเพียงเริ่มร้องท่อนฮุกแรก เสียงร้องกึ่งตัดพ้อนั้นก็ไม่ต่างกับการเว้าวอน
แต่เมื่อมีเธอเข้ามา ข้างกายฉันไม่เคยเงียบเหงาสีหน้าเตโชเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มจากหัวใจ ราวกับดอกไม้เหี่ยวเฉาค่อยๆ ผลิบาน
อยากมีเธอแบบนี้ทุกวัน เพื่อให้ตัวฉันมีชีวิตในแบบที่ไม่เคยเป็นเตโชจ้องตรงมาที่ผม ราวกับว่าในสายตาของเขาตอนนี้มีเพียงผมเท่านั้น ราวกับว่าเราไม่ได้อยู่ในสตูดิโอถ่ายทำรายการ แต่อยู่กันสองคนในห้องและกำลังเย้าหยอกกัน
ฉันจะเข้าใจเธอ จะรับฟังเธอ จะต้องการเธอ
ดวงตาของเตโชพราวระยับ ผมว่าเขาคงกำลังชอบใจที่เห็นผมอายม้วนทำอะไรไม่ถูก ก็โดนจัดที่นั่งให้ฟังเพลงระยะประชิดขนาดนี้ แถมยังถูกสั่งว่าห้ามหันหน้าหนี ห้ามลุกจากเก้าอี้ ผมเลยพยายามหลุบตาหลบสุดชีวิตและยกมือยกไม้แก้เหงา เดี๋ยวก็ปัดผมทัดหู เดี๋ยวก็จับเสื้อ ดึงกางเกง ขยับตัวขยุกขยิกไม่หยุด
จะไม่แยกจาก และเคียงกันตลอดไปกว่าเพลงจะจบ ผมก็แทบจะขาดใจตายอยู่รอมร่อ
ครับ ฟังเพลงเคียงใจครั้งที่ห้า ผมคล้ายถูกจับมาเชือดกลางรายการ โดยมีเตโชเป็นเพชฌฆาตหน้ามึนที่มีกีตาร์และเสียงร้องเป็นอาวุธ
เสียงปรบมือและเป่าปากดังหวีดหวิวไปทั่ว ผมยิ่งเขินหนัก จะตบหัวเตโชระบายอารมณ์ก็ไม่ได้เพราะกลัวพรุ่งนี้จะมีข่าวฉาวใหม่ เช่น จิระคลุ้มคลั่งอาละวาด ตบตีนักร้องชื่อดังจนน่วมอะไรประมาณนั้น
ไม่รู้ทำไมถึงมีแต่คนสงสารเตโชประหนึ่งผู้ถูกกระทำ
แน่จริงให้ถอดเสื้อโชว์ดูสิ รอยแดงช้ำจากการไปเดตกันที่พัทยายังอยู่เลย!
เอ่อ...รวมถึง...รอยข่วนของผมบนหลังเขาด้วย
อย่าถอดเสื้อเลยดีกว่าเพราะดูไปดูมาเห็นทีจะเป็นการขุดหลุมฝังตัวเอง
“มานั่งตรงนี้เลยค่ะเตโช จิระ” พิธีกรสาวเข้ามาในฉาก เชื้อเชิญให้ผมกับเตโชเดินลงจากเวทีมายังโซฟาซึ่งจัดให้สำหรับแขกรับเชิญ “ก่อนจะเข้าเรื่องสำคัญที่เป็นประเด็นกันอยู่ตอนนี้ ฉันต้องขอถามตามธรรมเนียมก่อนนะคะว่า...เพลงเคียงใจของเตโชนั้นได้แรงบันดาลใจจากอะไร”
“จากจิระ”
เสียงกรี๊ดดังขึ้นทันควัน ผมอยากจะวิ่งหนีออกจากห้องเต็มแก่แล้ว แต่ทำไม่ได้เพราะความรับผิดชอบค้ำคอ เลยได้แต่บอกกับตัวเองในใจว่าตอนนี้ผมคือก้อนหิน ใช่แล้ว ผมคือก้อนหิน ก้อนหินจิระ
“อะแฮ่ม เรามาเท้าความไล่ลำดับเวลากันก่อนดีกว่า” พิธีกรเรียกความสงบมาสู่ห้องอัด “ทั้งคู่รู้จักกันครั้งแรกจากการถ่ายเอ็มวีเพลงเวลาใช่มั้ยคะ”
เตโชพยักหน้าหงึกหงัก ส่วนผมนั้นคือก้อนหิน
“ถ้าอิงจากคำสัมภาษณ์ของจิระที่เคยลงข่าวไป...แสดงว่าทั้งคู่มาเจอกันอีกครั้งในฐานะของเพื่อนข้างห้อง ถูกต้องมั้ยคะ”
เตโชพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะแอบเอานิ้วสะกิดไหล่ผม คงสงสัยว่าทำไมถึงแข็งค้างไปแล้ว
“จากนั้นจิระก็ทำอาหารให้เตโชกินแทบทุกมื้อ กลายเป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงหิวรัก และทุกวันเสาร์-อาทิตย์ตอนเย็นก็จะนั่งดูเช็กเมทด้วยกัน แถมช่วงหลังมานี้เตโชยังไปเฝ้าจิระถึงกองถ่ายด้วย”
เตโชพยักหน้าตอบไม่มีปฏิเสธแม้แต่นิดเดียว
“หลังถ่ายทำซีรีส์เช็กเมทจบ จิระก็ไปเฝ้าเตโชอัดเพลง...จากนั้นทั้งคู่ก็ไปพัทยาด้วยกัน ทุกอย่างถูกต้องนะคะ”
คราวนี้เตโชไม่ตอบ แต่สะกิดผมยิกๆ ไม่หยุด
ทนไม่ไหวแล้ว ก้อนหินตบะแตก ผมหันไปจ้องเตโชตาถลึง แยกเขี้ยวใส่เขาว่ามันใช่เวลามากวนประสาทกันมั้ย
“ถือว่าถูกต้องนะคะ งั้นมาที่ข้อสงสัยข้อแรกกันก่อนดีกว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเตโชมีคิวขึ้นคอนเสิร์ตตอนสามทุ่ม แต่เขาป่วยหนักมากจนหลุดไอบนเวที จิระพอจะตอบได้มั้ยคะว่าเพราะอะไร”
ผมสะดุ้งโหยงเมื่อถูกโยนคำถามให้ซะงั้น
“เอ่อ...เพราะผมกับเขาเล่นน้ำทะเลกันเพลินไปหน่อยครับ” ผมตอบเสียงอ่อน
แอบเติมในใจว่าผม ‘บังคับ’ ให้เขาว่ายน้ำอยู่ฝ่ายเดียวส่วนตัวเองกอดคอสบายใจเฉิบ “เตโชไม่ค่อยดูแลตัวเอง ถ้าผมไม่ทำอาหารให้ทานก็จะกินไม่ตรงเวลา ตอนแต่งเพลงช่วงกลางคืนบางวันก็ไม่หลับไม่นอน เห็นอย่างนี้แต่ผมแข็งแรงกว่าเขาอีก ขนาดนอนจับมือเฝ้าไข้ตลอดสองวันยังไม่ติดไข้เลย”
“อุ๊บ นอนจับมือกันด้วย”
ผมยกมือปิดหน้าพลางครางระโหยในใจ ตั้งใจจะอวดว่าแข็งแรงแต่ดันกลายเป็นประจานตัวเองซะงั้น
หลุดปากอีกแล้วนะจิระ!ก่อนมาออกรายการผมกำชับเตโชนักหนาว่าอย่าพูดอะไรแปลกๆ อย่าตอบอะไรที่ผมไม่อนุญาต แต่ทุกครั้งที่ย้ำเตือนเขา มักจะเป็นตัวผมเองที่หลุดตลอดจนน่าเศร้าใจ
“เห็นว่าจิระเป็นคนขอให้เตโชกลับก่อนเพราะเขาไข้ขึ้นหนักใช่มั้ยคะ”
“ใช่ครับ ปกติแล้วเตโชเป็นคนไม่ค่อยพูดเลยไม่ค่อยไอ แต่พอร้องเพลงแล้วอาการก็ทรุดหนัก หน้าซีดไปหมด ผมกลัวเขาจะแพร่เชื้อโรคใส่ศิลปินท่านอื่นเลยขอพาเตโชกลับก่อน”
“งั้นรูปถ่ายที่เตโชอัพลงโซเชียลในวันต่อมาจิระก็เป็นคนถ่ายใช่มั้ยคะ”
“ครับ ความจริงแล้วคืนนั้นเตโชอาละวาดถีบผ้าห่มจนผมนอนไม่หลับ ก็เลยลากเขาไปฉีดยา ผลคืออาการดีขึ้นมาก ผมเลยถ่ายรูปเขาให้บอกแฟนคลับว่าอาการดีขึ้นแล้ว”
“ใส่ใจกันจังเลยนะคะ”
เป็นเพราะคมสันบอกให้ทำหรอก!ผมเถียงในใจ
“งั้นมาถึงภาพที่กำลังเป็นที่พูดถึงในขณะนี้ จิระคะ”
“ครับ” ผมกลืนน้ำลาย
“จิระเมาอาละวาด บังคับขี่หลังเตโชเหรอคะ” ไม่พูดเปล่า แต่ภาพผมตอนเมา
เละตุ้มเป๊ะยังถูกแสดงขึ้นหน้าจออีกด้วย กลายร่างเป็นก้อนหินคงไม่เพียงพอ ผมล่ะอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเหลือเกิน
“เรื่องนั้น...” ผมมองสภาพทุเรศของตัวเองแล้วก็สงสัยว่าเตโชกินลงได้ยังไงวะ “หลังดูเช็กเมทจบพวกเราก็ไปเดินเที่ยวเทศกาลดนตรีเพราะเห็นว่าเป็นวันสุดท้าย แต่คนเยอะมาก เลยตัดสินใจนั่งฟังเพลงที่ร้านอาหารแถวนั้น แต่ผมคงคึกจัดไปหน่อยก็เลยดื่มเยอะไปนิด...”
“แสดงว่าจิระเมาอาละวาดใช่มั้ยคะ”
“คงงั้น...มั้งครับ” ผมหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือใส่เตโชที่นั่งนิ่งให้ผมตอบคนเดียวอยู่ได้
“จิระไม่ได้เมาอาละวาด” ในที่สุดคนหน้ามึนก็เปิดปากสักที “จิระเมาแล้วอ้อน”
เสียงกรี๊ดดังกระหึ่ม ผมกุมขมับ คิดผิดหรือถูกวะเนี่ยที่ส่งสัญญาณเอสโอเอสให้คนหน้ามึน
“งั้นเตโชจะบอกว่า...จิระอ้อนขอขี่หลังเหรอคะ”
เจ้าของชื่อพยักหน้ารับหงึกหงัก เรียกเสียงกรีดร้องดังขึ้นไปอีก
“งั้นมาถึงคำถามสำคัญที่สุดในวันนี้...” พิธีกรเว้นจังหวะเล็กน้อยให้บรรยากาศรุ่มร้อนปานเชียร์บอลนั้นยิ่งฮึกเหิมขึ้นไปอีก “เตโชกับจิระ เป็นคู่จิ้นหรือคู่จริงคะ”
ผมเหงื่อแตกพลั่ก ตอนอยู่กับคมสันล่ะปากดีว่าจะประกาศกร้าว แต่พออยู่ต่อหน้ากลุ่มคนดันกลายเป็นคนขี้ขลาดซะงั้น
“คู่...” เตโชลากเสียงยาว ยิ่งทำให้แต่ละคนลุ้นระทึกขึ้นไปอีก “คู่จิ้นคืออะไร”
คล้ายมีคนเอาน้ำเย็นมาสาด
คำถามด้วยสีหน้ามึนงงของเตโชทำเอาทุกคนพากันอ้าปากค้าง
“นี่นายไม่รู้จักคู่จิ้นเหรอ!” ผมอึ้งทึ่งพอกัน “คู่จิ้นก็คือ...”
“ไม่ต้องอธิบายค่ะจิระ เพราะฉันจับใจความสำคัญได้แล้ว” พิธีกรรีบยกมือห้ามผมที่เกือบจะเกรี้ยวกราดพอดี “ในเมื่อเตไชไม่รู้จักคู่จิ้น งั้นแสดงว่าทั้งคู่ก็เป็นคู่จริงแต่แรกใช่มั้ยคะ”
คนหน้ามึนพยักหน้ารับทันควัน
วินาทีนั้น...บรรยากาศที่ช็อกค้างก็กลายเป็นร้อนระอุอย่างรวดเร็ว
“กรี๊ดด!!”
เสียงกรีดร้องดังกระหึ่มทำเอานึกว่าผมหลุดมาอยู่ในคอนเสิร์ตพัทยาอีกครั้ง
“จิระมีอะไรจะอธิบายมั้ยคะ”
“ก็...ตามนั้นแหละครับ” ผมยิ้มเจื่อนตอบอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก ก็มันแปลกที่ต้องมาป่าวประกาศเรื่องส่วนตัวในที่สาธารณะนี่หว่า! ผมคงไม่ชินกับการเป็นดาราไปตลอดชีวิตนั่นแหละ
“งั้นที่เตโชแต่งเพลงเคียงใจ แสดงว่าเตโชเป็นฝ่ายชอบจิระก่อนเหรอคะ”
เตโชไม่ตอบ แต่หันมามองผมพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“มองทำไม ฉันจะไปรู้นายเหรอ!”
“แล้วจิระล่ะคะ รู้สึกชอบเตโชตอนไหน”
“เรื่องนั้น...” ผมหันไปมองเตโชบ้าง ผลคือโดนเขายกยิ้มใส่อย่างขำขัน “อย่าหัวเราะสิ!”
“ยู้ฮู ทั้งคู่คะช่วยสนใจพิธีกรด้วย”
สรุปแล้วการสัมภาษณ์วันนั้นจบลงด้วยดี...รึเปล่านะ แต่อย่างน้อยก็เป็นวันที่ผมเปิดใจพูดความจริงออกไปทุกอย่าง ไม่มีการเสแสร้งอย่างที่เคยทำ กระทั่งความผิดพลาดในอดีตก็ถูกชี้แจงแถลงไขทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น
“ที่จิระติดยาเป็นเรื่องจริงรึเปล่าคะ”
“นั่นเป็นเรื่องในอดีตก่อนที่ผมจะเข้าวงการครับ” ผมตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“แล้วตอนนี้จิระติดอะไรเหรอคะ”
“ติดยา...” เตโชพูดแทรกขึ้นมา สร้างความตื่นตะลึงไปทั้งห้องอัดรายการ “ยาดม”
ตึงโปะ!
รายการสัมภาษณ์ถูกตัดต่ออย่างรวดเร็วและแทรกคิวฉายทันตามที่คมสันต้องการ เกาะกระแสคำถามที่กำลังเป็นที่ถกเถียงในขณะนี้ ผลตอบรับเป็นไปทั้งในแง่ดีและแง่ลบ เพราะคนที่แอนตี้ผมก็ยังคงต่อต้านสุดกำลัง ทางแฟนคลับเช็กเมทเองก็ไม่ได้ชอบใจการคบหาผู้ชายของนักแสดงที่กำลังเป็นข่าวฉาว จะมีก็แต่แฟนคลับของเตโชที่ยืนหยัดเคียงข้าง และบางกลุ่มที่เริ่มติดตามจากการแสดงของผมและนึกเอาใจช่วย
“สุดท้ายก็แฟนสินะ”
“ถ้าพี่อัคจะแซ็วกันละก็บอกเลยว่าอาทิตย์นี้ผมโดนมาเยอะจนชาชินไปหมดแล้ว” ผมพูดดักพระเอกชื่อดังของช่องขณะซักซ้อมบทเพื่อเตรียมถ่ายทำมิวสิกวีดีโอเพลงประจำตัวของมิสเตอร์เอส
“โดนชมหรือโดนด่าล่ะ”
“ก็ต้องอย่างหลังสิพี่ คำชมน่ะอยู่ห่างๆ แต่เรื่องด่าล่ะกราดใส่กันไม่ยั้งกันเลย” ผมถอนหายใจเฮือก เพราะหลายวันมานี้ต้องทนรับกับกระแสด้านลบจนแทบทนไม่ไหว ต้องขอบคุณเตโช...ที่ไม่สะทกสะท้านหรือสนใจกับความเป็นไปของโลก ทุกครั้งที่อยู่กับเขา ผมเลยมักรู้สึกสงบ จากนั้นก็กลายเป็นปลงตก
เพราะไอ้กระแสด้านลบมันพุ่งมาที่ผมมากกว่าเตโชนี่สิ!
ดูหัวข้อข่าวจ่าหัวแต่ละฉบับซะก่อน ‘จิระประกาศคบหากับนักร้องหนุ่มชื่อดัง’ บ้างล่ะ ‘ดาราสุดฉาวเปิดใจว่าเป็นเกย์’ บ้างล่ะ ไม่มีใครพูดถึงเตโชในด้านเสียๆ หายๆ บ้างเลย ราวกับว่าการหาเรื่องโยนใส่คนมึนนั้นไม่น่าสนใจมากพอ ขายไม่ออกเท่าใช้ชื่อผมนำ
ไม่ยักจะมีใครพาดหัวว่า ‘แสดงความยินดีกับความรักเคียงใจของจิระและเตโช’ เถือกนี้กันสักคน ขยันใช้คำขยี้รุนแรงให้ยิ่งฉาวโฉ่ จนผมอดห่วงเรตติ้งของเช็กเมทไม่ได้
“ไม่ต้องห่วงหรอกจิระ ตอนนี้เรตติ้งเช็กเมทดีมากนะ”
“จริงเหรอครับ” ผมค่อนข้างกังวลเพราะตอนล่าสุดที่เพิ่งฉายไปนั้นเป็นตอนสิบหก...มุมมองของมิสเตอร์เอสที่ต้องแบกรับความกดดันทั้งตอน
“จริงสิ โดยเฉพาะตอนล่าสุดน่ะพุ่งสูงมาก ข่าวฉาวบางทีก็ไม่ได้หมายถึงการฉุดเรตติ้งอย่างเดียวหรอก ตอนนี้น่ะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่จิระ จิระ พอนายได้แสดงนำในตอนสิบหก คนเลยรอดูกันทั้งบ้านทั้งเมืองตั้งใจจับผิดเอามาด่าต่อจะได้ทันกระแสไง”
เป็นคำพูดที่น่าชื่นใจชะมัด
“แต่ก็ไม่มีใครด่าเพิ่มนะ ผลตอบรับตอนที่สิบหกดีมาก ทุกคนเชื่อหมดใจว่านั่นคือมิสเตอร์เอส ไม่ใช่จิระ”
“ถือว่าเป็นข่าวดี...”
“ใช่ เป็นข่าวดีแล้วจิ ตอบสิบหกนับเป็นจุดพลิกผันของซีรีส์ ไม่ว่าใครหลงมาดูก็ต้องติดหนึบ ทางผู้ใหญ่คาดเดาว่าเรตติ้งจะพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีตก โดยเฉพาะในตอนจบที่มีเสียงชื่นชมจากสื่อมวลชนเยอะมากทั้งที่โดนนายเบี้ยวนัด เชื่อสิว่าต้องมีแต่คนรอดูหน้าจอว่าทำไมจิระ ดาราสุดฉาวในตอนนี้ถึงไม่โดนด่า”
“พี่อัคกำลังปลอบผมใช่มั้ย”
“จะได้มีแรงแสดงเอ็มวีต่อไง เตโชแต่งเพลงนี้ดีมากเลยนะ”
“ครับ...ผมก็ชอบมากเลย”
อารมณ์เปลี่ยนทันควันเมื่อหัวข้อเปลี่ยนมาเป็นเนื้อเพลง เพียงนึกก็หลุดยิ้ม เพราะเตโชเคยร้องให้ผมฟังในวันที่รู้สึกท้อกับซีรีส์เช็กเมท ตอนนั้นเขาเองก็ประสบปัญหา แต่งเพลงไม่ออกเพราะตัวละครที่ชอบอย่างมิสเตอร์เอสตาย แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์วันนั้นมาด้วยกัน เตโชและผม ต่างก็นำประสบการณ์ที่พวกเราจับมือข้ามผ่านมาเรียนรู้และปรับใช้
ตอนนั้นเป็นเพลงของผม
แต่ตอนนี้เป็นเพลงของมิสเตอร์เอส
‘เบื้องหลัง’
เพราะไม่ใช่เพลงรัก อีกทั้งยังไม่ใช่เพลงอกหัก น้ำเสียงที่เตโชใช้ร้องจึงแตกต่างจากเพลงอื่นของเขา ไม่ใช่ความปวดร้าวเจ็บลึก ไม่ใช่ความอบอุ่นแว่วหวาน แต่มันคือคำสัญญาและการตัดสินใจ
ความหมายของคำว่าเบื้องหลังนั้น ย่อมหมายถึงตัวมิสเตอร์เอสที่คอยช่วยเหลือพระเอกอยู่เสมอ ทั้งในซีซันแรก ที่คอยเฝ้าบ้านนั่งแฮกแผนที่บอกทางหนีทีไล่ มักช่วยพลิกวิกฤตเป็นโอกาสในยามคับขัน และในซีซันสอง ที่จำต้องฝืนทนแบกรับความกดดัน เป็นฝ่ายไล่ต้อนพระเอก เป็นศัตรูกัน
แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ให้ความช่วยเหลืออยู่ลับหลัง ไม่มีแม้แต่เสี้ยวนาทีที่จะคิดทรยศพวกพ้อง
การถ่ายทำมิวสิกวีดีโอนี้ ผมต้องแต่งตัวเป็นทั้งซีเคร็ทและมิสเตอร์เอส เผยมุมที่ไม่เคยปรากฏในซีรีส์ช่วงหลังตอนที่สิบหกซึ่งในเรื่องหลักได้แต่ผลุบๆ โผล่ๆ สร้างความสับสนให้กับตัวพระเอกและคนดู
สีหน้ามากมายที่ต้องเก็บกลั้นไว้ในเรื่องปรากฏชัดเจนผ่านเนื้อเพลง
ทั้งใบหน้าโล่งใจตอนลอบปล่อยไวรัสสำเร็จแล้วกลับมาที่ห้องพัก ใบหน้ากลัดกลุ้มหลังเผชิญกับพระเอก จนต้องกุมมือภาวนาให้พวกพ้องปลอดภัยยามอยู่คนเดียว ความกังวลสับสนตอนถูกชายชุดดำเรียก และความเหนื่อยล้าเมื่อต้องแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้โดยไม่อาจบอกใคร
มิวสิกวีดีโอดำเนินผ่านการแสดงของผมในฉากที่หลากหลาย
เบื้องหลังของเธอนั้น ยังมีฉันอยู่เสมอมักเป็นมุมมองของมิสเตอร์เอสซึ่งเป็นฝ่ายมองอัครเดชอยู่ห่างๆ ทุกครั้งที่มองไปยังแผ่นหลังของสหาย ความกังวลเหนื่อยล้าทั้งหลายก็แปรเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น
แม้เส้นทางจะเต็มไปด้วยความมืดมิด จนเหมือนอยู่ตามลำพังอย่างเหนื่อยล้า
แต่ฉันยังอยู่ตรงนั้น
ภาพความสำเร็จจากการร่วมมือของทั้งคู่ตั้งแต่ซีซันหนึ่งและสองถูกตัดต่อลงไปในบทเพลง
แม้เธอมองไม่เห็น แต่โปรดจงเชื่อมั่น
เพราะฉันคือหนึ่งในกำลังสำคัญ
ที่พร้อมจะก้าวเดินไปด้วยกันกับเธอเกือบตลอดทั้งเพลง มิสเตอร์เอสคือฝ่ายเฝ้ามองแผ่นหลังของพระเอก
เพราะนี่คือความในใจของเขา คือตัวตนของเขา
จนกระทั่ง...อัครเดชหันหลังกลับมา
ช่วงจังหวะนั้น เสียงดนตรีพลันช้าลงจนชวนใจหาย ร้องวนท่อนฮุคอีกครั้งแต่มุมมองกลับแตกต่างออกไป
เบื้องหลังของเธอนั้น ยังมีฉันอยู่เสมอยามอัครเดชหันมา ร่างของมิสเตอร์เอสที่เฝ้ามองมาตลอดพลันค่อยๆ แตกสลาย
แม้เส้นทางจะเต็มไปด้วยความมืดมิด จนเหมือนอยู่ตามลำพังอย่างเหนื่อยล้ากลายเป็นละอองดาวกระจัดกระจาย ค่อยๆ ลอยหายไปบนฟากฟ้า
แต่ฉันยังอยู่ตรงนั้นอัครเดชเอื้อมคว้าเศษเสี้ยวนั้นพลางกำแน่น หลับตาซบกับมือด้วยใบหน้าแฝงความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสูญเสีย
แม้มองไม่เห็น แต่โปรดจงเชื่อมั่นอัครเดชแบมือ เผยความว่างเปล่าที่ไม่อาจคว้าอะไรได้ ทว่า...
เพราะฉันคือหนึ่งในกำลังสำคัญชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเชื่องช้า ค่อยๆ ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
ที่พร้อมจะก้าวเดินไปด้วยกันกับเธอมิวสิกวีดีโอจบลงด้วยภาพแผ่นหลังของอัครเดชที่เดินตรงไปยังเส้นทางมืดมิด แต่มีดวงดาวส่องนำทาง แม้แผ่นหลังจะดูอ้างว้างโดดเดี่ยว แต่ประกายดาวนั้นคล้ายจะโอบกอดปลอบประโลม
มุมมองที่ปรับเปลี่ยนกะทันหันแทนการตายของมิสเตอร์เอสนั่นเอง
“คัต!”
การถ่ายทำมิวสิกวีดีโอจบลงด้วยดีและราบรื่น คมสันเดินเข้ามาตามผมเพราะหลังจากนี้เรามีนัดต่อ
“เดี๋ยวก่อนจิ วันนั้นพี่ยังไม่ได้อวยพรเราเลย” อัครเดชคงหมายถึงวันที่ผมหมดคิวในฐานะของมิสเตอร์เอสและซีเคร็ท วันที่ผมเปิดใจกับธนัทและพาย ขณะที่พระเอกชื่อดังติดถ่ายทำฉากเก็บตก “ขอให้โชคดีกับการแสดงนะ!”
มองพี่ชายแสนใจดีให้กำลังใจแล้วผมก็ซาบซึ้งและฮึกเหิมขึ้นมา
“ขอบคุณมากครับ พี่อัค”
-----------------
และแล้วจิระก็ถูกแฉจนได้ว่าของรักของหวงนั้นคืออะไร...ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นยาดมสุดที่รัก!!!!
เส้นทางการทำงานของจิระยังคงไปทางลุ่มๆ ดอนๆ มีทั้งคนชื่นชมและคัดค้านตามเดิมค่ะ แต่ชีวิตยังต้องมุ่งมั่นต่อไป!! ทำวันนี้ให้ดีที่สุดตามความฝัน!! ตอนแรกเราจะแบ่งเป็นสองตอนค่ะ แต่พอเเต่งช่วงถ่ายเอ็มวีแล้วสั้นกว่าที่คิดเลยจับรวบไปเลยดีกว่า กลายเป็นตอนที่มีอารมณ์ต่างขั้ว ทั้งฟินทั้งคิดถึงมิสเตอร์เอสในคราวเดียว ครั้งนี้ส่งท้ายกันอย่างจริงจังแล้วค่ะ ตอนหน้าจะเริ่มเข้าสู่ภาพยนตร์และบทบาทใหม่ของจิระกันแล้ว!!
เพจนักเขียนที่อยากกวาดซื้อยาดมทั้งโลกมอบแด่จิระ