ตอนที่ 32
สะสางไว้ใจฝอย
เมื่อรู้ความจริง ผมก็คิดแผนเอาคืน
ไม่ ผมไม่ประจานเขาหรอก บทเรียนของพายยังจำไม่ลืม การสร้างข่าวฉาวมีแต่เสียกับเสีย ในเมื่อผมให้อภัยพายได้ ทำไมจะยอมยกโทษให้นิฌานไม่ได้ แต่กับคนคนนี้จะปล่อยไปเฉยๆ ก็ใช่เรื่อง อย่างน้อยต้องให้เขาสำนึก ไล่ไปไกลๆ จากผมและเตโชถึงจะดี
ผมนั่งคิดอยู่หลายวันว่าจะจัดการกับนิฌานยังไง เพราะพอทบทวนเรื่องราวทั้งหมด ก็พบว่าเขาลื่นเป็นปลาไหล จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน แต่งเรื่องเก่งยิ่งกว่าจิตรินซะอีก ดูน่าเชื่อถือ น่าคล้อยตาม จนเผลอคิดว่าเขาช่างแสนดี ทั้งที่ทุกอย่างเป็นเรื่องโป้ปดมดเท็จ ถึงว่า...ไม่มีคู่ควงของเขาคนไหนมีเรื่องมีราวกันมาก่อน ผมเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าตอนเลิกรากัน นิฌานก็คงจะบอกเล่าเก้าสิบ อ้างเหตุผลสารพัดอย่างจนแยกจากกันด้วยดี คมสันพูดถูกทุกอย่าง จอมมารช่างสายตากว้างไกลนัก
ผมขยะแขยงคนประเภทนี้มาก แม้จะเข้าใจว่าในวงการบันเทิงหาความจริงใจยาก แต่นิฌานก็เกินไปหน่อยมั้ย กับคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง ย่อมไม่อยากร่วมงานกับปลาไหลตัวพ่ออย่างเขา มิน่าล่ะถึงอยู่ในช่วงขาลง
สมน้ำหน้า!
หากเค้นคอเอาตามตรงไม่มีทางสารภาพแน่ วิธีเดียวที่จะจัดการกับนิฌานได้ คือการเรียกตัวช่วยที่ฝอยเก่งกว่าอีกฝ่ายหลายเท่าอย่างจิตริน
ใช่ คนอย่างนิฌาน ชาญชัย ต้องเจอกับจิตริน ทองคำดี!!
“อะไรนะ เกิดเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอจิระ!?” ผู้รักความยุติธรรมอย่างจิตรินถึงกับกำหมัดเมื่อได้ยินผมฟ้อง...เอ่อ เล่าเรื่องราวทั้งหมดว่ามีปัญหากับพระเอกคนดังของกองอย่างไร ความจริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนเขียนบทแม้แต่น้อย ควรจะบอกโปรดิวเซอร์ไม่ก็ผู้จัดการส่วนตัวถึงจะถูก แต่ผมไม่อยากทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เลยเลือกมาพึ่งพาใบบุญของจิตริน
เมื่อฟังจบ จิตรินกับผมก็พร้อมใจกันเดินไปหานิฌานที่เพิ่งมาถึงกอง ตอนแรกผมกลัวว่าจิตรินจะต่อยพระเอกชื่อดังซะอีก เตรียมร้องห้ามแล้วเชียว แต่ผมคิดผิด เพราะแม้จิตรินจะโกรธแค้นแทนผมยังไงก็ยังคงความมารยาทงาม เดินดุ่มๆ ไปหยุดยืนตรงหน้าพร้อมยกมือไหว้ โค้งตัวสี่สิบห้าองศาเป๊ะๆ
“สวัสดีครับ”
“เอ่อ...สวัสดีครับ” นิฌานงงเป็นไก่ตาแตกว่าทำไมคนเขียนบทถึงได้ดูคุกคามขนาดนี้ ถ้ามีเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ คาดว่าจิตรินชนะขาด เพราะเขาเคยเป็นสตั้นท์แมนเก่า แถมหมัดหนักมากๆ ด้วย
แต่จอมฝอยไม่เคยใช้กำลังในการแก้ปัญหา
หลังยกมือไหว้เป็นพิธี จิตรินก็รีบเอ่ยเข้าเรื่องไม่คิดถ่วงเวลา
“ผมกับจิระต้องการคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว” คำพูดคล้ายนักเลงชวนไปท้าต่อยนั้นทำให้นิฌานเลิกคิ้วฉงน แต่เมื่อหันมาเห็นผมยืนยิ้มกริ่ม เขาก็คล้ายจะเข้าใจว่าหน้ากากคนดีนั้นแตกเพล้งเสียแล้ว
“ได้สิ” พระเอกคนดังย่อมไม่อยากเปิดเผยตัวกลางกองถ่าย จึงตกลงรับคำแล้วเดินตามหลังจิตรินที่เชี่ยวชาญทั่วทุกแห่งในบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ตามประสาคนรักของท่านประธาน เขาพาผมกับนิฌานไปสตูดิโอเล็กๆ ห้องหนึ่งที่ไม่มีคนใช้งาน ก่อนจะล็อกประตูป้องกันไม่ให้มีคนนอกขัดจังหวะ รอบคอบอย่างน่าชื่นชม
จากนั้นการสืบสวนก็เริ่มต้นขึ้น
“ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้ นิฌาน”
เจ้าของชื่อเลิกคิ้ว คงคาดไม่ถึงว่าจิตรินจะเปิดด้วยประโยคสุดเบสิกอย่างการกล่าวโทษซึ่งหน้าทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ทันยอมรับการกระทำน่ารังเกียจของตัวเองด้วยซ้ำ หึหึหึ อย่าเพิ่งได้ใจเลยนิฌาน ของจริงเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
“ทำไมครับ ทำไมถึงโกหกจิระว่าคบกับแสงดาวด้วย ทำแบบนี้ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลยนะครับ เธอจะรู้สึกยังไงหากมารู้ว่าคุณพูดลับหลัง แต่งเรื่องเสร็จสรรพว่าเธอตกลงขอคบด้วยที่ตึกใบหยก ถึงที่นั่นจะสวยจริงก็เถอะ โดยเฉพาะชั้นบนสุดที่หากนั่งติดหน้าต่างตอนกลางคืนจะเห็นไฟสวยมาก แต่โดยส่วนตัวผมว่าห้องทำงานเสี่ยสวยกว่าอีก เป็นห้องกระจกปิดล้อมเหมือนกัน แถมยังกว้างกว่าโล่งกว่า สวยขนาดเคยเป็นฉากสุดโรแมนติกในหนังรางวัลเมื่อปีก่อนเชียวนะ คุณเคยดูรึเปล่า”
นิฌานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง
“เอ่อ...เคยดูสิ”
กว่าจะหาเสียงเจอถึงกับติดอ่างเลยทีเดียว พระเอกคนดังคงยังประมวลผมไม่เสร็จว่าไอ้ประโยคต่อว่าเมื่อครู่นั้นไปเกี่ยวข้องกับห้องทำงานของเสี่ยตรงไหน แต่ได้ชื่อว่าเจ้าคารม ย่อมหาทางไกล่เกลี่ยได้อย่างสบายๆ
“พี่อธิบายเรื่องดาวได้นะ ถ้าไม่อ้างชื่อเธอ จิระก็คงไม่วางใจใช่มั้ยล่ะ ก็ชื่อเสียงด้านเจ้าชู้ของพี่มันไม่ดี แต่ในเมื่อสนใจจิ อยากรู้จักกับจิ เลยต้องกุเรื่องเพื่อตีสนิทเรา...”
“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ถูกต้องอยู่ดี คุณทำให้จิระเข้าใจผิด คิดว่าแสงดาวทิ้งคุณไปหาผู้ชายคนอื่นได้ยังไงครับ ต่อให้อ้างเรื่องอยากสนิทสนมกับจิระ แต่ทำไมต้องลากต้องดึงชื่อเสียงของนักแสดงหญิงให้แปดเปื้อนด้วย คบกับคุณว่าแย่แล้ว แต่มาบอกเลิกเพราะมีผู้ชายคนใหม่มาจีบหมายความว่ายังไง คุณไม่คิดถึงใจของแสงดาวบ้างเหรอครับ ถ้ารู้เรื่องขึ้นมารับรองมองหน้ากันไม่ติดแน่ๆ แล้วบรรยากาศในกองถ่ายจะเป็นยังไง แล้วดาวกับตุลย์ล่ะจะคบกันต่อรึเปล่า ทั้งที่กันย์พยายามให้พวกคุณสองคนรักกันยาวนานจะได้ไปสู่สุคติอย่างวางใจทั้งที่ลอบกล้ำกลืนในอก แต่คุณก็หักหลังพวกเรา หักหลังตุลย์!”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ” นิฌานพยายามตั้งสติ อธิบายอย่างมีเหตุมีผลเมื่อจิตริน ทองคำดียิ่งพูดก็ยิ่งเลยเถิด ออกนอกเรื่องไปไกลแล้วยังอุตส่าห์วกกลับมาปะปนกับภาพยนตร์ได้อย่างเหลือเชื่อ ในโลกนี้คงมีจิตรินคนเดียวที่ทำได้ “พี่พยายามปิดเรื่องนี้เป็นความลับแล้วไง ดาวจะไม่รู้เรื่องนี้ และไม่มีใครเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น ใช่มั้ย เพื่อกองถ่าย เพื่อภาพลักษณ์ของคู่พระเอกนางเอกที่ไม่ควรมีเรื่องบาดหมางกัน”
“คุณกำลังข่มขู่ไม่ให้ผมกับจิระเอาเรื่องนี้ไปแฉเหรอครับ ไม่ต้องห่วงหรอก จิระบอกผมแล้วว่าให้รู้กันเอง เพราะมันเป็นเรื่องไร้สาระ! ทุกอย่างมันก็แค่ลมปากคน และเขาก็เผอเรอเองที่หลงเชื่อ เห็นอย่างนี้แต่จิระน่ะหัวอ่อนกว่าผมเยอะ แถมยังใจดี น่ารัก น่าเอ็นดู...”
“จิตริน” ผมกระแอมไอเมื่อคนตรงหน้าเริ่มเป๋ไปในทางไม่ถูกไม่ควร
“คุณไม่ควรหลอกจิระ! ต่อให้บอกว่าทำไปเพื่อเข้าใกล้เขา หวังใกล้ชิดสนิทสนมก็ไม่ควรอยู่ดี ใครจะหลงรักคนที่พูดโกหกตลอดเวลาลงกันล่ะ ถ้าแน่จริงก็แสดงความจริงใจออกมาสิครับ จะเดินหน้าจีบใครก็ทำตัวให้สมเป็นลูกผู้ชายหน่อย ควักหัวใจออกมา เอาออกมาพิสูจน์ เพราะแค่เพียงคำพูดไม่พอ!”
นั่นจิตรินกำลังร้องเพลงใช่มั้ยผมลอบกุมขมับ ส่วนนิฌานนั้นต่อให้อยากกุมขมับแค่ไหนก็ไม่กล้าพอเนื่องจากยังมีชนักติดหลังและแทบไม่ได้แก้ต่างอะไรเลย
“เรามาพูดกันดีๆ เถอะนะ อย่าใช้อารมณ์เลย จิระมีแฟนอยู่แล้ว พี่รู้เรื่องนั้นดีเลยไม่กล้าเข้าหาอย่างเปิดเผย ได้แต่ใช้ข้ออ้างต่างๆ เพื่ออย่างน้อยก็ได้คุยกับเขาอย่างสนิทสนม เป็นแค่เพื่อนกันก็ยังดี...”
“เพื่อนกันก็ห้ามโกหกกัน เจตนาแรกของคุณมันไม่บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ส่อพิรุธไปหมด สารภาพดีกว่าว่าคืนนั้นคุณไม่ได้เมา จริงๆ แล้วคุณหลอกปล้ำจิระ ตั้งใจฟันแล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องใช่มั้ยครับ คุณรู้ว่าเตโชจะกลับมา ก็เลยเผด็จศึกหมายให้ทั้งสองคนทะเลาะกัน พอพวกเขาเลิกก็จะได้ถือโอกาสเสียบ ผมรู้ ผมเห็น ผมสัมผัสได้!”
“พี่เมาจริงๆ...”
ผมไม่เคยเห็นใครตั้งใจคุยกับจิตรินด้วยท่าทางเป็นจริงเป็นจังได้นานขนาดนี้มาก่อนเลย ต้องชื่นชมนิฌานเลยนะเนี่ย
“ลองคิดดูสิ ถ้าพี่อยากให้จิระกับเตโชเลิกกัน ทำไมต้องหาเบอร์โทรศัพท์เตโชเพื่อแนะนำร้านชาด้วยล่ะ จริงมั้ย”
แถมยังหาข้อแก้ตัวได้สมบูรณ์แบบ
“ถ้าเมาแล้วทำไมถึงเรียกชื่อดาวเพื่อไม่ให้จิระสงสัยตอนถูกคุณจู่โจมล่ะครับ ถ้าเมาจริง ต้องเรียกชื่อจิระที่แอบชอบถึงจะถูก ทั้งหมดที่คุณทำมันคือการแสดงเพื่อให้เข้าใจผิดและไม่เอาความชัดๆ อ้างคนอื่นมาปั้นเรื่องโยงหาเหตุผลเพื่อให้รอดตัว คุณมันชั่วช้าสามานย์! ตัวแทนแห่งความยุติธรรมจะลงทัณฑ์คุณเอง!”
“สติ สติ” ไม่แน่ใจว่านิฌานกำลังบอกให้จิตรินตั้งสติ หรือบอกกับตัวเองให้มีสติกันแน่ “พี่หมายถึง...ที่เรียกชื่อดาวมันมีเหตุผลอยู่ เพราะตอนนั้นพี่เมาแต่ยังพอมีสตินิดหน่อย แม้จะห้ามใจไม่ไหวเผลอจูบแต่ก็ยังไม่ลืมว่าอ้างอะไรไว้เลยรีบเรียกชื่อดาวเพื่อไม่ให้จิระรังเกียจพี่ ตอนนั้นพี่ไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินเราเลยนะ หลังจูบเสร็จพี่ก็เริ่มสร่างแล้ว”
เชื่อก็ควายน่ะสิ!“แค่จูบเหรอครับ แล้วนี่คืออะไรกัน” จิตรินถกเสื้อผมลงเผยให้เห็นรอยจูบที่กระจายเต็มตัวอย่างตะกละตะกลาม เอ่อ....เข้าใจผิดแล้ว นี่คือฝีมือเตโชต่างหาก “อย่า! อย่าแก้ตัวเลย ผมผิดหวังในตัวคุณมากครับ แม้ผมจะเป็นคนเขียนบทตัวเล็กๆ ที่อาจจะไม่เล็กเพราะตัวสูงเท่าคุณ แต่ผมคนนี้เป็นคนเลือกนักแสดงเองกับมือ นิฌาน ที่ผมเลือกคุณก็เพราะชื่นชมกับบทบาทของเด็กสู้ชีวิตเมื่อยี่สิบปีก่อน ภาพยนตร์เรื่องนั้นเพียงนึกน้ำตาก็แทบไหล เด็กชายตัวน้อย ถูกทิ้งให้อยู่ในสลัม ต้องขอเศษเงินและคุ้ยหาอาหารตามถังขยะ” จิตรินพูดพลางปาดน้ำตา “ร่างบอบบาง แขนผอมแห้ง เดินโซซัดโซเซหาบ้าน ดูเลื่อนลอยไร้จุดหมาย ฮึก นิฌาน คุณช่างน่าสงสาร”
“หยุด!” พระเอกชื่อดังเอ่ยเสียงเข้ม เส้นเลือดปูดโปนข้างขมับอย่างโกรธจัด แม้จะพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกนั้นไว้จนมือสั่นระริกก็ตาม ราวกับว่าไปจี้ใจดำเข้าอย่างจังจนทนสวมหน้ากากต่อไม่ไหว “สรุปแล้วเราจะเอายังไงกับพี่ บอกมาเลยดีกว่า”
ความอดทนของนิฌานมาถึงจุดสิ้นสุดจนได้
ผมแค่นยิ้ม ก่อนจะแตะไหล่จิตรินให้เบี่ยงหลบ เพื่อให้ผมได้เผชิญหน้ากับพระเอกชื่อดังที่ไหลลื่นยิ่งกว่าน้ำมันเครื่อง
“พี่ต้องเลิกคิดเคลมผม และเลิกโทรหาแฟนผมสักที”
“ตกลง” นิฌานยกมือยอมแพ้อย่างว่าง่าย “แล้วพี่ต้องเซ็นสัญญาอะไรมั้ย ต้องอัดเสียงรึเปล่า เราไม่เชื่อคำพี่แล้วไม่ใช่รึไง”
“ไม่ต้องหรอกครับ เพราะตรงนี้มีพยานอีกหนึ่งคน” ผมหันไปยิ้มให้จอมฝอย “เนอะจิตริน”
“ถ้าจิระอยากให้จบตรงนี้ผมก็จะจบ” จิตรินถอนหายใจเฮือกอย่างจำยอม ทั้งที่คนที่อยากจะถอนหายใจอย่างโล่งอกยิ่งกว่าใครน่ะคือนิฌานต่างหาก “อย่าคิดเคลมจิระอีกนะครับ สาเหตุอีกอย่างที่ผมเลือกคุณมาแสดงเป็นตุลย์ ก็เพราะประทับใจหนังเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นคุณเล่นเป็นผู้ชายอบอุ่นที่เห็นคนรักสำคัญเป็นที่หนึ่ง ตามจีบทุกวันไม่ลดละความพยายามจนทุกคนพากันสงสารเห็นใจ พูดแล้วก็นึกถึงฉากนั้น ฉากที่คุณวิ่งไล่ตามรถเมล์เพราะหญิงสาวคนรักทำกระเป๋าเงินตก ความห่วงใยว่าเธอจะไม่มีเงินจ่ายค่าตั๋วรถจนวิ่งฝ่าฝนประทับใจตราตรึงผมมาก น่าเสียดายจริงๆ ที่ชวดรางวัลไ...”
“จบเถอะ พี่ขอร้อง” นิฌานถึงกับยกมือไหว้แม้แก่กว่า ทำหน้าเหมือนกินยาขม จนจิตรินคนมารยาทงามไหว้ตอบแทบไม่ทัน “ให้ถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วกัน พี่จะลบเบอร์เรากับเตโชทิ้ง สบายใจแล้วนะ”
พระเอกคนดังทำตามคำพูดด้วยการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลบเบอร์แล้วหันหน้าจอให้ผมตรวจสอบ
“ขอบคุณครับ”
ผมฉีกยิ้มร่าเมื่อนิฌานรีบเดินหนีอย่างหัวเสีย คิดถูกจริงๆ ว่าการให้คนเจ้าคารมจอมสร้างเรื่องมาเจอกับคนฝอยออกทะเลนั้นต้องได้ผลแสนสุดยอด
“ขอบคุณนะจิตริน”
“ถ้ามีอะไรก็เรียกใช้บริการไอ้จิได้เลย!” จิตริน ทองคำดี ตบอกตัวเองอย่างภาคภูมิใจด้วยใบหน้าร่าเริงสดใสไร้ความทุกข์ร้อนแม้จะทำให้ใครบางคนทุกข์ระทมจนคาดว่าอาจจะเก็บไปฝันร้าย
ผมขำก๊าก ตบบ่าจิตรินอย่างชมเชย ไม่ลืมโทรบอกเตโชว่าสะสางปัญหานี้ยังไง เพียงคนหน้ามึนได้ยินว่านิฌานเจอจอมฝอย ความกรุ่นโกรธก็เลือนหายแทนที่ด้วยความเห็นใจ
(( เขาหูดับมั้ย ))
“ไม่หูดับหรอก แต่ถ้าเจออีกครั้งคงอยากดับชีวิตตัวเองเลยล่ะ!”
อานุภาพของจิตริน ทองคำดีนี้นั้นช่างหาใดเปรียบ
ทำให้คนอารมณ์ดีได้ และก็ทำให้คนอยากตายได้เช่นเดียวกัน!
นับว่านิฌานทำตามคำพูด หรือไม่ก็ขยาดจอมฝอยที่จ้องเขม็งเหมือนจับผิดหากเข้าใกล้ผม เลยไม่กล้าคุยเล่นหรือโทรหาเตโชอีกเลย แสงดาวเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติ เริ่มคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้นเลยเดินมาตบไหล่ผมพร้อมกล่าวว่า...
“ครั้งนี้พี่ฌานเล็งจิระนี่เอง”
โทษเถอะครับ เรื่องนี้มีนักแสดงกันแค่สามคนถ้าไม่นับตัวประกอบฉาก ไม่ให้เล็งผมแล้วจะไปเล็งหมาเล็งแมวที่ไหน!
แต่จะว่าแสงดาวก็ไม่ถูก เธอคงคาดไม่ถึงเพราะโดนคารมของนิฌานหลอกตาเช่นเดียวกัน คนที่คุยกับแฟนผม บอกว่าอิจฉาความรักของผมกับเตโช แต่ดันเข้ามาแทรกกลางหน้าด้านๆ เนี่ย...เฮ้อ เอาเป็นว่าเลิกคุยถึงเรื่องนี้ดีกว่า แค่นึกก็ขนลุกเกรียวไปหมด อยากเอาปากไปล้างกับแอลกอฮอล์ สงสารตัวเองจับใจ
การถ่ายทำดำเนินไปด้วยดีอย่างราบรื่นและรวดเร็ว เพราะเดิมที Love After Death นั้นเน้นที่อารมณ์รับส่งของนักแสดงมากกว่าลปัจจัยภายนอกอื่นๆ ส่วนใหญ่จึงมักถ่ายทำในสตูดิโอได้เลย ส่วนงบการลงทุนหลักล้านนั้นก็มาลงกับการทำกราฟฟิกให้ตัวผมโปร่งแสงเป็นวิญญาณตลอดทั้งเรื่อง
ยกเว้นแต่ฉากสุดท้ายซึ่งทุ่มทุนสร้าง เพราะเป็นงานแต่งงานของตุลย์และดาวจัดกลางสวนดอกไม้ ตกแต่งงดงามราวภาพฝัน ประดับด้วยรูปภาพของคู่บ่าวสาวที่ร่วมฟันฝ่าอุปสรรคกันมาตลอดจนกระทั่งครองคู่กัน
ฉากนี้รวมนักแสดงเยอะที่สุด ทั้งพ่อแม่ของดาว พ่อแม่ของตุลย์ พ่อแม่ของกันย์ แล้วยังบรรดาเพื่อนๆ และแขกร่วมงานอีกนับน้อยชีวิต
บรรยากาศเป็นไปด้วยความวุ่นวายครู่ใหญ่กว่าจะเรียกความสงบได้ เพราะนื่เป็นฉากสำคัญ คือการลาจากอย่างแท้จริงของกันย์
...ลาจาก...ตลอดกาล
“ตื่นเต้นเหรอดาว”
ผมแซ็วหญิงสาวในชุดราตรีสีขาวกระโปรงยาวฟูฟ่อง ดาวเกล้าผมขึ้นทัดด้วยดอกไม้ ดูงดงามอ่อนหวานไม่ต่างจากเจ้าหญิง
“กันย์ถามว่าคุณตื่นเต้นหรือ” ตุลย์ช่วยแปลภาษาวิญญาณให้อีกต่อ
“ตื่นเต้นสิคะ ก็นี่เป็นงานแต่งงานแรกของดาวนี่นา” ดาวเอ่ยด้วยสีหน้าลนลาน สองมือกำแน่นกับเจ้าบ่าว รอพิธีกรเรียกชื่อทั้งคู่เพื่อเดินไปหยุดยืนตรงกลางระหว่างบาทหลวง “กันย์จะร่วมอวยพรด้วยใช่มั้ย”
“แน่นอนสิ” ผมตอบทั้งรอยยิ้ม เอื้อมมือช่วยเกี่ยวเส้นผมที่ร่วงลงมาปรกหน้าของดาว ตุลย์เห็นความพยายามอันสูญค่าของผมแล้วก็ช่วยทำแทน ดาวชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขอบคุณกับความเอาใจใส่นั้นด้วยรอยยิ้มหวาน
รอยยิ้ม...ที่ไม่ได้มอบให้ผม
“ดาวมีความสุขมั้ย”
“กันย์ถามว่าดาวมีความสุขมั้ย” ตุลย์ช่วยแปล
“มีความสุข...มีความสุขอย่างที่ไม่คิดว่าจะมีได้หลังจากเสียกันย์ไป” หญิงสาวเอ่ยเสียงเครือเมื่อนึกถึงช่วงเวลาแห่งความสูญเสีย “แต่กันย์ยังอยู่ในใจดาวเสมอนะ”
“ดีเลย ได้ยินอย่างนี้ก็วางใจ ผมจะได้ไปสู่สุคติสักที”
“กันย์!” ตุลย์อุทานอย่างตกใจ
“ทำไมล่ะ วิญญาณเร่ร่อนอย่างผมควรไปเกิดใหม่นานแล้ว ยังจะรั้งกันอีกเหรอ หรือว่านายจะดูแลดาวไม่ดี ถ้าอย่างนั้นผมอยู่ต่อก็ได้นะ”
“ไม่...ไม่หรอกกันย์ ฉันแค่รู้สึกใจหาย” ตุลย์เอ่ยก่อนจะหันไปกระซิบบอกดาวว่าผมพูดอะไรออกมา หญิงสาวตาเบิกกว้าง น้ำใสคลอหน่วยเมื่อรู้ว่าอดีตคนรักที่เฝ้ามองและฟูมฟักความรักครั้งใหม่นี้ของเธอมาตลอดจะจากไป
“ไม่เอา อย่าร้องไห้สิดาว” ผมพยายามซับน้ำตา แต่ทำได้เพียงสัมผัสความว่างเปล่าเพราะเป็นเพียงวิญญาณโปร่งแสง “อวยพรสิ อวยพรให้ผมไปที่ชอบๆ ไม่แน่นะ ผมอาจจะเกิดใหม่เป็นลูกของดาวกับตุลย์ก็ได้”
“ถ้าได้ก็ดี” ตุลย์พูดทีเล่นทีจริง ช่วยส่งผ้าเช็ดหน้าให้เจ้าสาวที่เริ่มสะอื้นไห้ “ยิ้มส่งกันย์เถอะดาว อย่าให้เขาต้องห่วงพวกเราอีกเลย”
“กันย์...” ดาวเอ่ยเสียงเครือ “ดาวรักกันย์นะ”
“ผมรู้”
“กันย์จะอยู่ในความทรงจำของพวกเราตลอดไป”
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มหวาน มองส่งทั้งคู่เดินลอดซุ้มตรงไปยังแท่นพิธี พร้อมน้ำตาที่ค่อยๆ หลั่งรินลงมา “ฮะฮะ เพิ่งบอกดาวไม่ให้ร้องไห้แท้ๆ แต่ดันขี้แยเองซะได้”
กันย์พยายามเช็ดน้ำตา แต่ยิ่งเช็ดหยดน้ำก็ยิ่งหลั่งรินจนเลิกการกระทำแสนไร้ค่า แล้วเงยมองภาพแสนสวยงามนั้น มองภาพของสองหนุ่มสาวที่ยิ้มให้กัน แลกแหวนกัน และจุมพิตกัน
“จะจดจำผมไว้ตลอดไปงั้นเหรอ” ร่างของกันย์ค่อยๆ เลือนหายอย่างเชื่องช้า “แล้วผมควรจะทำยังไง ถึงจะจดจำทั้งคู่ได้บ้างนะ”
คนเป็นยังคงอยู่ แต่คนตายคงเหลือเพียงความว่างเปล่า
ร่างของกันย์ค่อยๆ จางหายอย่างเงียบเหงาท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงชื่นชมยินดีของผู้มาร่วมงาน ไม่มีใครสังเกตสักคนว่ามีวิญญาณดวงหนึ่งกำลังสิ้นสูญ และเมื่อเสร็จสิ้นพิธี ยามตุลย์เดินจูงมือดาวมายังตำแหน่งเดิม ชายหนุ่มก็พบว่าวิญญาณที่เฝ้ามองพวกเขาทั้งคู่มาตลอดนั้นได้จากไปแล้ว
“เคยมีคนบอกว่า...ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ” ตุลย์เอ่ยกับคนรักด้วยความรู้สึกหน่วงหนึบในใจ “ผมควรขอบคุณกันย์ที่ทำให้ผมได้เจอกับคุณ”
ดาวยิ้มรับทั้งน้ำตา รู้ทันทีว่าไม่อาจพูดคุยกับกันย์ได้อีกแล้ว
สองบ่าวสาวกอดกันท่ามกลางสายลมหนาว ไอเย็นที่พัดผ่านเข้ามานั้นเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนฤดูกาล
จากหน้าฝนเป็นหน้าหนาว
...จากเดือนกันยายนเป็นเดือนตุลาคม
ทันทีที่เครดิตขึ้นพร้อมเพลงประกอบ ทุกคนในโรงพร้อมใจกันนั่งนิ่งราวตกอยู่ในภวังค์ ผมจับมือเตโช กังวลว่าผลตอบรับจะออกมาไม่ดี เพราะนี่คือคือรอบปฐมทัศน์ที่เชิญสื่อมวลชนและคนดังจากสื่อโซเชียลมาร่วมรับชมเพื่อวิจารณ์ติติง ความพยายามตลอดสองเดือนของผม และการตัดต่อรอคิวเข้าฉายอีกสี่เดือน ถ้าทุกอย่างล้มไม่เป็นท่าในวันนี้...ผมคงร้องไห้โฮๆ ไม่ต่างกับกันย์
พลันเสียงปรบมือดังขึ้น
และค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมเสียงสะอื้นไห้
ที่แท้...ทุกคนต่างนั่งนิ่งเพราะน้ำตาร่วงด้วยความซาบซึ้งอยู่นี่เอง
ผมโล่งอก ก่อนจะหันไปหาเตโชแล้วหลุดยิ้มขำ เพราะใบหน้าของเขากำลังชุ่มด้วยน้ำตา อินจัดไม่ต่างกับผู้ชมคนอื่นๆ เลย
“ผ้าเช็ดหน้ามั้ย” ดีนะที่ผมเตรียมพร้อมตลอด
“ขอบคุณ” เตโชรีบรับไปซับ ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเงยหน้าหันมาบอกผมด้วยสีหน้าจริงจังเท่าที่ทำได้ว่า “ซึ้งมาก”
“แค่เห็นฉันก็รู้แล้ว” ผมแย่งผ้าเช็ดหน้ามาช่วยเช็ดคราบน้ำตาที่ยังเหลือตรงข้างแก้มเขาให้
“จิระเล่นดี”
“แน่นอนสิ ฉันคือใคร ฉันคือจิระ นราสมุทรนะ”
“ท่านจิระผู้ยิ่งใหญ่”
ผมแย้มยิ้มกับคำเยินยอนั้น ก่อนจะเดินไปรวมกลุ่มกับนักแสดงนำ เพื่อยืนส่งสื่อมวลชนและแขกท่านอื่นๆ ให้กลับบ้านโดยสวัสดิภาพ
หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมง คำวิจารณ์แรกก็ถูกโพสลงโซเชียล
พาดหัวด้วย ‘หนังรักที่สุขสมหวังแต่คลอเคล้าด้วยน้ำตา’ พร้อมคำแนะนำว่า ‘ทิชชูม้วนเดียวไม่พอ ขอแนะนำให้พกติดตัวสองม้วนขึ้นไป’
คืนนั้นผมแทบไม่หลับไม่นอนเพราะมัวแต่นั่งยิ้มกับคำชมที่ค่อนไปทางบวกทั้งหมด นอกจากชื่นชมนักแสดงแล้วยังชื่นชมคนเขียนบทที่กล้านำเสนอความรักในรูปแบบใหม่ ที่มีทั้งความเสียสละของกันย์ การเริ่มต้นใหม่ของดาว และการพร้อมที่จะประคับประคองช่วยเหลือของตุลย์
ทุกคนต่างหลงรักตัวละครทั้งสามคนนี้
โดยเฉพาะกันย์ ที่แม้จะไม่ใช่พระเอก แต่กลับตราตรึงในใจจนเป็นที่พูดถึงมากที่สุด และกลายเป็นหัวข้อในการถกเถียง ว่าถ้าคุณเป็นกันย์ คุณจะเลือกทำอย่างไร
“จิระ นอน”
นานครั้งเตโชจะเป็นฝ่ายตามผมเข้านอน เพราะคนหน้ามึนมักแต่งเพลงเพลินจนโดนผมไล่มากกว่า ก็อารมณ์อินดี้ของเขาชอบมาตอนแสงจันทร์สาดส่อง สงสัยจะมีเลือดกึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์หมาป่า ถึงได้คึกคักตอนกลางคืน
“ขออีกนิดน่า”
นานครั้งที่ผมจะได้คำชื่นชมไม่มีก่นด่าแทรกแซง เลยอดที่จะนั่งอ่านความเห็นอย่างเบิกบานไม่ได้ หลายเดือนผ่านไป ความมุ่งมั่นตั้งใจของผมก็เริ่มบังเกิดผล แม้จะมีคนขุดข่าวคอยย้ำเตือนอยู่บ้าง แต่เมื่อได้รางวัลแรกมา คำวิจารณ์ด้านลบก็เริ่มน้อยลงไปโดยอัตโนมัติ
ครับ ผมได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากซีรีส์เช็กเมท
ดูตู้ที่เพิ่งซื้อมาตั้งอยู่ข้างกีตาร์สามตัวของเตโชนั่นสิ มีถ้วยรางวัลอยู่สามถ้วย โดดเด่นเป็นสง่า หันไปมองทีไรก็ชวนยิ้มกว้างทุกที
อย่าเพิ่งสงสัยว่าอีกสองถ้วยนั้นมาจากไหน ก็มาจากคนหน้ามึนที่พยายามจะแย่งโทรศัพท์ผมนี่ไง เตโชได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมประจำปี และได้รับรางวัลเพลงยอดนิยมประจำปีจากเพลงหิวรักที่จนป่านนี้ก็ยังร้องได้ทั่วบ้านทั่วเมือง นับว่าเราสองคนทำตามความฝันสำเร็จ แต่ก็ใช่ว่าจะหยุดอยู่ที่ตรงนี้
รอก่อนเถอะเตโช ฉันจะตีตื้นให้ได้!ผมเฝ้าคอยและวาดหวังว่าภาพยนตร์ที่เพิ่งนำแสดงไปนั้นจะต้องคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมาให้ได้ มีคนละสองถ้วยกำลังดี แล้วปีหน้าค่อยมาลุ้นใหม่อีกครั้ง
“แฟน” เตโชเริ่มใช้ไม้ตาย โดยการเรียกผมด้วยคำที่ฟังทีไรก็สยิวทุกรอบ “แฟนครับ”
“รู้แล้วๆ ฉันวางโทรศัพท์ก็ได้” ผมยอมแพ้ ไม่วายหันไปยักคิ้วยิ้มยั่วใส่คนหน้ามึน “นายว่าฉันจะได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมรึเปล่า”
“นอน”
เตโชไม่คึกตามผมเลย
“โอเค นอนก็นอน” เห็นว่าใกล้จะตีสองแล้วหรอกนะถึงยอมนอน ช่วงนี้ถ้าไม่นับการเดินสายโปรโมตภาพยนตร์แล้ว ผมก็ไม่มีงานแสดงเป็นชิ้นเป็นอันเลย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าตลอดหกเดือนที่ผ่านมานี้ผมมีละครเพิ่มมาหนึ่งเรื่อง โฆษณาหนึ่งตัว และมิวสิกวีดีโอสองเพลงของนักร้องคนอื่นที่ไม่ใช่เตโช ฟังดูน้อยใช่มั้ยล่ะ แต่ผลงานทุกอย่างถูกคัดผ่านคมสัน คุณเลขาจอมมารที่มีสายตากว้างไกลว่าทำแล้วดี ทำแล้วดัง งานที่ออกมาจึงได้ผลตอบรับน่าพอใจ
ข้อดีของคมสันคือเขาเข้าใจผม คัดงานแต่คุณภาพเน้นๆ เพื่อให้ผมมีเวลาว่างในการพักผ่อนและอยู่กับเตโช เพราะทุกครั้งที่รับบทนำเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นอันต้องจมกับบทบาทนั้นทุกที เลยพยายามรับแสดงทีละเรื่องเพื่อฟื้นฟูสุขภาพจิตและสุขภาพใจ
“แฟนครับ”
“ไปแล้วๆ นายนี่เร่งกันจัง” ผมทิ้งตัวนอนข้างเตโช เขยิบตัวเข้าไปซบกับต้นแขนอุ่นๆ ของเขา ก่อนจะไถศีรษะไปมาเพื่อหาตำแหน่งที่สบายที่สุด “นอนแล้วนะ”
“ราตรีสวัสดิ์” เตโชก้มกระซิบ ก่อนจะจูบเปลือกตาผมเบาๆ จบท้ายที่หอมเหม่งดังฟอด หมั่นไส้ชะมัด ผมแอบเตะเขาหนึ่งทีพร้อมกระซิบตอบ
“ราตรีสวัสดิ์ ไอ้แฟนบ้า”
-----------------
ตอนนี้หลังจากน้องฝอยสะสางกับนิฌาน ก็ไทม์สคิปกันไปหกเดือนตอนหนังเข้าโรงฉายนะคะ
อารมณ์ก็จะแตกต่างกันหน่อยระหว่างครึ่งบนกับครึ่งล่าง แต่เราชอบบรรยากาศหลายๆ อย่างในตอนนี้มาก ทั้งตอนนิฌานโดนน้องฝอยไล่ต้อนจนหลุดมาด ทั้งตอนจบระหว่างกันย์ ดาว และตุลย์ รวมถึงฉากเตโชที่ไล่จิระไปนอนกับความสำเร็จของทั้งคู่
ตอนหน้ามางานประกาศรางวัลกันค่ะ! นับเป็นการทิ้งท้ายกันจริงจังแล้ว!!
เพจนักเขียนที่รู้สึกผูกพันกับทุกตัวละครทั้งจิระ มิสเตอร์เอส และกันย์