ตอนที่ 33
งานประกาศรางวัล
งานพรมแดงปีนี้นับเป็นช่วงที่หลายคนรอคอย หนึ่งในนั้นคือตัวผมเอง ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าจะได้รับเชิญให้มาร่วมงานแสนทรงเกียรตินี้ด้วยดีกรีผู้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเรื่อง Love After Death
คมสันตามตัวผมแต่เช้าไปเสริมหล่อ ใช้เวลาร่วมสามชั่วโมงในการแต่งองค์ทรงเครื่อง ผมสีอ่อนที่เริ่มยาวขึ้นนับตั้งแต่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้จบถูกเสยขึ้นข้างหนึ่งเผยให้เห็นโครงหน้าสมบูรณ์แบบ ขณะที่อีกข้างปล่อยให้ส่วนหยักศกน้อยๆ นั้นปรกตา ทำให้ภาพลักษณ์ของออกมาทรงเสน่ห์เต็มเปี่ยมด้วยฟีโรโมน ผมสวมเสื้อสูทแฟชั่นสีขาวปกดำ ผูกหูกระต่ายสีเดียวกันเข้าคู่กับรองเท้าหนังสุดหรู ทันทีที่ก้าวลงจากรถของบริษัท แสงแฟลชจำนวนมากก็พากันเก็บภาพดาราชายที่ถูกพูดถึงมาที่สุดในปีนี้
ใช่ โดนพูดถึงครบถ้วนทั้งข่าวฉาวและไม่ฉาว แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต่างยอมรับคือฝีมือการแสดงของนายจิระ นราสมุทรคือของแท้ สามารถดึงดูดให้คนลืมเลือนเสียสนิทว่าเคยสร้างเรื่องอะไรไว้ แล้วจมจ่อกับตัวละครในบทบาทนั้นๆ ราวมีอยู่จริง
ยามย่างเท้าบนพรมแดง ในใจผมลอบประหม่า แต่ถึงอย่างนั้นก็แฝงซึ่งความภาคภูมิ ผมโบกมือทักทายนักข่าว ทักทายแฟนคลับที่มายืนรอหน้างาน ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน รวมตัวกับนักแสดงคนอื่นๆ อย่างนิฌานและแสงดาว
ภาพรวมของเราสามคนนั้นได้รับความสนใจมาก เพราะครั้งนี้รางวัลนักแสดงนำชายจากภาพยนตร์เรื่องเดียวกันได้รับการเข้าชิงถึงสองชื่อ นั่นคือตัวผมกับนิฌานนั่นเอง
แสงดาวซึ่งรับบทหนักต้องร้องไห้จนตาบวมเกือบทั้งเรื่องก็ถูกเสนอชื่อในรางวัลนักแสดงนำหญิงเช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกที่ทุกสื่อจะจับตาพวกเราสามคนมากเป็นพิเศษ
เมื่อเข้างาน ผมก็เดินไปนั่งลงข้างจิตรินซึ่งถือเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้กำกับ และทีมงานคนอื่นๆ ต่างรอลุ้นกับงานประกาศผลที่กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า
ป่านนี้เจ้าตูบคงดูการถ่ายทอดสดอยู่แน่ๆผมคิดในใจด้วยความเสียดาย เพราะแม้อยากให้เตโชมาอยู่ด้วยกันในวันนี้ก็ทำไม่ได้ในเมื่อสายงานของพวกเราสองคนแตกต่างกัน
“วันนี้จิระหล่อมาก” จิตรินยิ้มกว้างชมเชย วันนี้เขาสวมเสื้อสูทสีดำสนิท ผมที่มักปล่อยกระเซิงถูกจัดแต่งให้เป็นทรง ดูคมเข้มคมคายในแบบที่ไม่เคยเห็น
“นายก็ดูดี” ผมเอ่ยตามความจริง ก่อนจะเหล่มองพระเอกชื่อดังซึ่งนั่งถัดออกไปสามช่วงอย่างจงใจเว้นระยะห่างจากเราสองคนด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “จิตรินคิดว่าผมจะเอาชนะนิฌานได้รึเปล่า”
“มันแน่อยู่แล้ว จิระของผมเก่งที่สุด!”
“แต่นายเป็นคนเลือกเขาเป็นพระเอกนะ”
“ได้ชื่อว่าเป็นพระเอก ได้นางเอกไปครอง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผู้ชนะตลอดไปนี่” จิตรินหยักคิ้วหลิ่วตาอย่างขี้เล่น “จิระเองก็มั่นใจมากไม่ใช่เหรอ”
“มั่นใจรึเปล่าไม่รู้ แต่ที่รู้คือยังไงก็ต้องตีเสมอกับเตโชให้ได้!” ผมเอ่ยอย่างมุ่งมั่น พอดีกับไฟที่ดับลงเป็นสัญญาณว่างานประกาศรางวัลได้เริ่มขึ้นแล้ว
การแสดงเปิดตัวเป็นไปอย่างน่าตื่นตา แต่ไม่ทำให้ผมตื่นเต้นเท่าการมอบรางวัลที่เริ่มไล่จากการแต่งหน้ายอดเยี่ยม เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม เพลงนำประกอบละครยอดเยี่ยม บันทึกและผสมเสียงยอดเยี่ยม ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลล้วนชวดหมดอย่างน่าเสียดาย
จนกระทั่ง...
“และขอแสดงความยินดีกับบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเรื่อง... Love After Death ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน คุณจิตริน ทองคำดีค่า!”
คนข้างตัวผมนั่งอึ้ง แม้จะมีแสงไฟสาดส่องก็ยังไม่ขยับตัวเหมือนไม่อยากเชื่อ
“ทุกคนต้องยอมรับกับบทภาพยนตร์ที่แปลกใหม่ในเรื่องนี้นะคะ ความรักสามรูปแบบที่เรียกน้ำตาจากคนทั้งประเทศด้วยการนำเสนอผ่านตัวละครนำเรื่องของวิญญาณ ทุกลำดับเหตุการณ์ร้อยเรียงให้หลงรักทุกตัวละคร ทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งหน่วง ทั้งซึ้ง ต้องยกให้เรื่องนี้จริงๆ ค่ะ!”
“พิธีกรบิ้วจนแทบจะหมดมุกแล้ว ออกไปสักทีสิจิตริน” ผมสะกิดบอกคนข้างตัวที่กว่าจะลุกจากที่นั่งได้ก็เกือบสะดุดขาตัวเองล้มคะมำ เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาจากคนร่วมงานเป็นอย่างดี
ภาพของจอมฝอยที่ขึ้นไปรับรางวัลอย่างเก้ๆ กังๆ นั้นทำเอาผมยิ้มกว้าง
“ก่อนอื่น..ผมต้องบอกว่าบทภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากการร่วมแรงร่วมใจของคนหลายคน ผมอยากให้ทุกคนปรบมืออีกครั้งให้กับทีมงานเขียนบทที่นั่งหลังขดหลังแข็งช่วยตัดช่วยเกลาจนออกมาสมบูรณ์ในวันนี้ ขอบคุณครับ!”
จิตรินถือถ้วยรางวัลมานั่งข้างผม ก่อนจะหันมาถามด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอย
“นี่ผมฝันอยู่รึเปล่า โอ๊ย จิระ”
“ร้องขนาดนี้คงไม่ใช่ฝันแล้วล่ะจิตริน” ผมตอบเขาหลังช่วยคลายข้อสงสัยโดยการเหยียบเท้าลงไปเต็มแรง
“อยากให้เสี่ยอยู่ด้วยจัง...”
“ฉันเข้าใจความรู้สึกนาย” ผมโคลงศีรษะเล็กน้อย หันมาใจจดใจจ่อกับการประกาศรางวัลนักแสดงสมทบทั้งชายและหญิง และแน่นอนที่สุดว่า นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในปีนี้แสงดาวได้ไปครองอย่างใสสะอาด
“เรื่องนี้ทำให้ฉันเสียน้ำตาทั้งชีวิตไปเลยค่ะ” แสงดาวเอ่ยติดตลกขณะชูถ้วยรางวัลพร้อมรอยยิ้มกว้าง “บางคนอาจคิดว่าฉากที่ยากที่สุดคือฉากที่ฉันฆ่าตัวตายในห้องน้ำ แต่ฉันขอบอกตรงนี้เลยว่าฉากที่ยากที่สุดสำหรับดาวคือตอนแต่งงานกับตุลย์แล้วพบว่ากันย์กำลังจะจากไปตลอดกาล ความรู้สึกในตอนนั้นให้บรรยายออกมาฉันก็บรรยายไม่ได้ ต้องขอบคุณทีมงานและนักแสดงทุกคน ที่ทำให้แสงดาวได้รู้จักความรักที่แสนสวยงามผ่านดาว เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่ามากจริงๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เสียงปรบมือดังขึ้นกึกก้อง ทุกคนต่างรับรู้ถึงความจริงใจที่ส่งผ่านคำพูดของเธอ
“สำหรับรางวัลต่อไป ไม่พูดถึงคงไม่ได้เพราะมีการเสนอชื่อนักแสดงนำชายจากเรื่องเดียวกันถึงสองคน ซึ่งคงไม่มีใครคัดค้านใช่มั้ยคะในเมื่อทั้งคู่ต่างแสดงในบทบาทของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม เรามาร่วมลุ้นกันเถอะค่ะว่ารางวัลทรงคุ้นค่านี้จะตกเป็นของใคร...”
ผมบีบมือตัวเองเมื่อภาพของกันย์ถูกฉายบนหน้าจอเป็นคนแรก จากนั้นจึงไล่เป็นนิฌานในบทของตุลย์ และนักแสดงอีกสามท่านจากภาพยนตร์เรื่องอื่น
“ขอแสดงความยินดีกับ...จิระ นราสมุทรค่ะ!!”
แม้จะเชื่อมั่นว่าตัวเองต้องได้ แม้จะพูดย้ำกับเตโชหลายครั้งว่าจะเอาถ้วยรางวัลกลับมาฝาก แต่เมื่อได้ยินชื่อตัวเองถูกประกาศ วินาทีนั้นผมคล้ายกับภาพตรงหน้ามึนเบลอกะทันหันจนต้องถามตัวเองว่ากำลังฝันอยู่รึเปล่านะ
“ไม่ได้ฝันหรอกจิระ ไปสิ” เป็นจิตรินที่ช่วยเรียกสติ ยังดีที่ครั้งนี้เขาไม่เหยียบเท้าผมเป็นการเอาคืน
ผมแอบล้วงมือกำยาดมในกระเป๋าเสื้อเพื่อเสริมสร้างกำลังใจ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยท่วงท่างามสง่าและก้าวเท้าขึ้นเวทีพร้อมอารมณ์ที่สงบเกินคาด
“ตอนได้อ่านบทเรื่องนี้ครั้งแรก ผมก็บอกตัวเองทันทีว่าต้องคว้าไว้ให้ได้ ไม่มีใครกล้าปฏิเสธใช่มั้ยล่ะครับว่าบทของตัวละครนำที่โดดเด่นกว่าพระเอกและนางเอกนั้นหายากแค่ไหน เมื่อได้รับโอกาสนี้ ผมจึงมุ่งมั่นตั้งใจแสดงออกมาให้ดีที่สุด” ผมเอ่ยทั้งรอยยิ้มภาคภูมิใจ ก่อนสายตาจะเปลี่ยนไปเมื่อเห็นสีหน้ายิ้มฝืนของนิฌาน
เกือบลืมเสียสนิท...ว่าพระเอกชื่อดังที่เป็นแนวหน้าในวงการภาพยนตร์คนนี้นั้น นับตั้งแต่ประสบความสำเร็จกับบทบาทในวัยเด็กเมื่อยี่สิบปีก่อนที่โด่งดังเป็นพลุแตกแถมกวาดรางวัลไปมากมาย นิฌานซึ่งถูกเสนอชื่อเขาชิงแทบทุกปีก็ไม่เคยได้แตะถ้วยเกียรติยศในฐานะนักแสดงนำชายอีกเลย
“แต่ลองคิดกลับกันนะครับ ถึงเรื่องนี้จะเล่าผ่านมุมมองของกันย์ แต่เรื่องราวจะดำเนินต่อไปไม่ได้เลยหากขาดตุลย์...หรือนิฌานที่คอยเป็นล่ามแปลภาษาวิญญาณตลอดทั้งเรื่อง”
สปอร์ตไลท์สาดใส่พระเอกเมื่อถูกพูดถึง สีหน้าของนิฌานเต็มไปด้วยความประหลาดใจเมื่อจู่ๆ ผมก็เปลี่ยนคำพูดกะทันหัน แม้พวกเราจะเคยชิงชัยกัน แต่ถึงอย่างนั้น...พวกเราต่างก็เป็นนักแสดง
และผมยอมรับนับถือเขาด้วยใจ
“หากขาดกันย์ ตุลย์คงไม่ได้รักกับดาว และถ้าขาดตุลย์ กันย์ก็คงช่วยชีวิตดาวไว้ไม่ได้ สำหรับผม...รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมปีนี้มาจากบทบาทของกันย์และตุลย์ที่ไม่สามารถขาดใครคนใดคนหนึ่ง ผมเลยอยากเชิญนิฌานขึ้นมารับรางวัลด้วยกันครับ”
เสียงปรบมือดังกึกก้องยาวนานเมื่อพระเอกชื่อดังเดินขึ้นบนเวทีมาถือถ้วยรางวัลเคียงข้างผม เหล่านักข่าวพร้อมใจกันรุมถ่ายภาพยิ่งกว่าครั้งไหน
“หมากตานี้เดินได้ดี คิดจะให้ฉันกับนายขึ้นหน้าหนึ่งพร้อมกันสินะ” นิฌานเอ่ยขณะหันไปฉีกยิ้มให้กับสื่อมวลชนที่พากันให้ความสนใจกับรางวัลอันทรงเกียรติซึ่งได้รับการเข้าชิงจากภาพยนตร์เรื่องเดียวกันถึงสองคนไม่พอ นักแสดงนำชายคนนั้นยังเรียกอีกคนให้ขึ้นมารับรางวัลด้วย
“ผมไม่คิดไกลถึงขั้นนั้นหรอก แต่คิดว่าคุณสมควรจะได้แตะถ้วยนี้ด้วยก็เท่านั้น” ผมเอ่ยตอบ ก่อนจะแย่งถ้วยมาถือไว้เองตอนเดินลงบันได “ผมให้คุณแตะแค่นั้นแหละ บอกไว้ก่อนว่าผมเอาถ้วยกลับนะ”
นิฌานถึงกับทำหน้าไปไม่เป็น ก่อนส่ายศีรษะน้อยๆ พร้อมเอ่ยออกมาเสียงกลั้วหัวเราะคล้ายสมเพชตัวเอง
“ฉันยอมแพ้ แพ้ทั้งนายและจิตรินนั่นแหละ”
“ต่อให้คุณไม่ยอม คุณก็ต้องแพ้อยู่ดี” ผมเชิดหน้าเอ่ยข่มอย่างไม่เจียมตัวเองทั้งที่เพิ่งจะใจอ่อนยวบยาบกับสีหน้าของนิฌาน “ผมไม่อยากร่วมงานกับคุณอีก แต่หวังว่าจะเจอกันอีกครั้งในรอบเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมปีหน้านะ”
“ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวัง” นิฌานคลี่ยิ้มบาง ก่อนที่พวกเราต่างแยกย้ายกันไปนั่งประจำที่เพื่อรอฟังผลประกาศรางวัลต่อไป
รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี
ผมกับจิตรินซึ่งถือถ้วยรางวัลคนละถ้วยต่างลุ้นกันจนใจแทบกระดอนออกจากอก ก่อนพวกเราจะร้องลั่นดีใจกอดกันกลมดิ๊กเมื่อพิธีกรประกาศออกมาว่า...
“รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีคือ...Love After Death ครั้งหนึ่งเราเคยรักกันค่า!”
จิตรินถึงกับน้ำตาเล็ดเมื่อความคิดริเริ่มอย่างไม่จริงจังของเขากลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นด้วยแรงสนับสนุนของคมสันจนกลายเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่น่าเหลือเชื่อในวันนี้
เห็นคนตัวโตที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นผมก็พลอยน้ำตาคลอไปด้วย ก่อนจะผลัก
นิฌานที่นับว่าอาวุโสที่สุดเป็นคนรับรางวัลและกล่าวขอบคุณ
“ผมไม่รู้จะพูดอะไรถึงจะแทนความรู้สึกของพวกเราในตอนนี้ได้ เพราะคิดว่าท่าทางของพวกเราคงบอกทุกอย่างหมดแล้ว สิ่งเดียวที่พูดได้ตอนนี้คือคำว่าขอบคุณเท่านั้น ขอบคุณ...ขอบคุณครับ!”
ในช่วงท้ายนั้นเสียงของนิฌานสั่นเครือ เขาเองก็พยายามจะกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ ส่วนคนร้องไห้หนักสุดคือแสงดาว ทำเอาทุกคนต้องช่วยกันปลอบโยนทั้งรอยยิ้มผสมน้ำตา
รางวัลอันน่าภาคภูมิใจนี้ย่อมไปประดับเป็นเกียรติยศที่บริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ ทางทีมงานจึงให้จิตรินเป็นคนถือเพราะคงไม่มีใครใกล้ชิดท่านประธานได้เท่าเขาอีกแล้ว
งานประกาศจบลงเมื่อการแสดงสุดท้ายสิ้นสุด พวกเราชูถ้วยรางวัลให้นักข่าวเก็บภาพอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปด้านหลังของโรงแรมเพื่อเตรียมแยกย้ายกลับบ้าน
แต่ระหว่างทางนั้นกลับมีชายคนหนึ่งยืนรออยู่แล้ว
“เสี่ย!” จิตรินแทบจะทิ้งถ้วยในมือเพื่อวิ่งถลาเข้าไปกอดชายคนรักซึ่งยืนเก๊กอยู่ข้างเสาด้วยหลังเหยียดตรงมาดผู้ดี ในมือของเสี่ยถือช่อดอกไม้สีขาว คงตั้งใจมาเซอร์ไพรส์นั่นเอง
“เสี่ย เสี่ยเห็นผมมั้ย เมื่อกี้ผมขึ้นไปรับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย แถมยังเกือบสะดุดหัวทิ่มอีก นี่ เมื่อกี้ผมทำหน้าตลกรึเปล่า ผมไม่ได้ทำอะไรน่าอายออกไปใช่มั้ย ผม...ผม...”
“ใจเย็นๆ ค่อยๆ พูด” เสี่ยรับถ้วยรางวัลมาถือ แล้วยัดช่อดอกไม้ที่เตรียมมาใส่มือจิตริน “ฉันฟังเธอได้ทั้งวันอยู่แล้ว”
“เสี่ย!”
เห็นคนสองคนพลอดรักกันตรงหน้า ผมชักอิจฉาอย่างไรชอบกล ก่อนจะใจเต้นรัวเมื่อมีช่อดอกไม้ถูกยื่นให้ แต่พอเงยหน้ามอง...
“คมสัน”
ดันเป็นคุณเลขาจอมมารซะงั้น!
“ยินดีด้วยนะครับคุณจิระ อันที่จริงผมอยากบอกประโยคนี้กับคุณจิตรินด้วย แต่คงยังไม่เหมาะ” ไม่บอกก็รู้ว่ายังไม่อยากขัดจังหวะการฝอยน้ำไหลไฟดับของคู่รักติงต๊องนั่นเอง
“ช่อดอกไม้คุ้นๆ นะ” ผมรับมาถือเป็นน้ำใจ
“ช่อเดียวกับที่เสี่ยให้จิตรินนั่นแหละครับ ในเมื่อผมเป็นคนหาซื้อตามคำสั่งของท่าน”
“...”
“ยินดีด้วยนะครับคุณจิระ”
“ฉันรู้แล้ว”
“ผมบอกแล้วไงครับว่าต้องมีสักวันที่มีคนเห็นความสามารถของคุณ”
“นั่นฉัน...ก็รู้แล้ว” น้ำเสียงยามตอบกลับนั้นสั่นเครืออย่างประหลาด รู้ตัวอีกทีผมก็หาญกล้าเข้ากอดจอมมาร ซุกหน้ากับบ่าอันอบอุ่นไม่ต่างกับเด็กน้อยคนหนึ่ง
แม้ผมจะไม่เคยเห็นหน้าพ่อ ไม่เคยกอดแม่
แต่ผมคิดว่าความรู้สึกนั้นคงไม่ต่างกับที่ผมเป็นในตอนนี้
“ขอบคุณนะที่อดทนกับฉันมาตลอด”
“เทียบกับเสี่ยแล้ว...ผมก็ไม่นับว่าอดทนกับคุณมากหรอกครับ เสี่ยยังหาเรื่องปวดหัวให้ผมเยอะกว่ามาก โชคดีที่มีคุณจิตรินช่วยแบ่งเบา”
“แต่นายก็เหมือนจะช่วยเลี้ยงจิตรินอยู่นะ”
“ครับ ตอนนี้ผมเลี้ยงเด็กอยู่สามคน สนุกมากครับ”
ผมมองคมสันด้วยสายตากระอักกระอ่วน จอมมารมีงานอดิเรกคือการเลี้ยงเด็ก แถมยังเป็นวิธีเลี้ยงที่ผิดมหันต์ คนหนึ่งก็ตามใจจนเสียคน อีกคนก็หลอกล่อสารพัด ส่วนคนสุดท้าย...ก็ถูกขู่จนขวัญหนีดีฝ่อหลายครั้งหลายครา
“ฉันขอเอาคำขอบคุณเมื่อกี้คืนจะทันมั้ย”
“ไม่ทันแล้วครับ และยินดีด้วยนะครับกับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมประจำปีนี้ หวังว่าปีหน้าจะไม่มีข่าวฉาว หรือทำเรื่องเสื่อมเสียอีกนะครับ”
“ไม่มีแล้ว ไม่มีอีกแล้ว!”
จิระคนใหม่ไฉไลกว่าเดิมไม่มีทางซ้ำประวัติศาสตร์เดิมแน่ เอ่อ...คิดว่านะ
“เย็นนี้ผมขอเชิญคุณไปเลี้ยงฉลองกันที่คฤหาสน์ของเสี่ย รวมถึงคุณเตโชด้วยนะครับ”
พอได้ยินชื่อของคนที่คิดถึงผมก็ส่ายหน้าทันควัน
“วันอื่นได้มั้ย”
“ทำไมหรือครับคุณจิระ”
“ก็วันนี้ฉันติดฉลองกับเตโชกันสองต่อสองแล้วน่ะสิ!"
-----------------
ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกคน ที่ร่วมติดตามกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะท่านที่ตามกันมาตั้งแต่เรื่องของเสี่ยกับจิตริน ในตอนนี้ ถือว่าเป็นบทจบสวยๆ สำหรับหนูจิทั้งสอง ทั้งจิระและจิตรินกับการสานฝันสำเร็จค่ะ รู้สึกเหมือนมองลูกน้อยกำลังเดิบใหญ่ก็ไม่ปาน ยิ่งกับจิระที่เทียบกับเรื่องก่อนแล้ว...มีการพัฒนาทางอารมณ์ละความคิดขึ้นมาก อยู่กับเตโชก็น่ารักน่าเอ็นดู แม้เรื่องราวจะจบลง แต่เส้นทางของทุกคนในเรื่องนี้ยังดำเนินต่อ อยากให้นักอ่านทุกท่านรักและเอาใจช่วยกันด้วยนะคะ ^ ^
ปล.ยังมีบทส่งท้ายอีกตอนน้า
เพจนักเขียนที่ปลื้มใจกับงานนี้เหมือนเห็นลูกขึ้นไปรับรางวัล