Internal Love
ตอนที่ 21
Getting lost late at night, under stars
Finding love standing right where we are,
“ช่วยด้วย”
เมืองแมนพยายามเปล่งเสียงออกมาจากริมฝีปาก ทว่ากลับไม่มีเสียงหลุดลอดออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ร่างกายหนักอึ้งขยับไม่ไหวคล้ายถูกอากาศกดทับ หางตายังเห็นร่างแบบบางของหญิงสาวคนหนึ่งนั่งหันหลังอยู่ที่ปลายเตียง เธออยู่ในชุดสีขาวคุ้นตา เหมือนกับ...
“หมอ? คุณเป็นหมอใช่มั้ย” ชายหนุ่มนึกในใจ แต่เสียงกลับดังก้อง
“ใช่ ฉันเป็นหมอเหมือนกับเธอ เมืองแมน” เสียงใสเหมือนระฆังตอบกลับมา เธอยังคงหันหลังคุยกับเขา
“คุณคือ...หมอหลินใช่มั้ย” ความกลัวเริ่มลดลงไป เมืองแมนกลั้นใจถามต่อ
ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวเคลียไหล่พยักหน้าช้าๆ แทนคำตอบ
“เกิดอะไรขึ้น...ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่”
“ช่วยฉันด้วย เธอผู้มีชะตาเดียวกับฉัน” เธอตอบกลับมา “ฉันมาขอความช่วยเหลือ”
“จะให้ผมทำยังไง” เมืองแมนถามอย่างมึนงง “คุณไม่ได้ฆ่าตัวตายงั้นหรือ”
หลินส่ายหน้าก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งสองข้างแล้วเปล่งเสียงกรีดร้องออกมาดังๆจนเมืองแมนสะดุ้งเฮือก ขนลุกเกรียวทั้งตัว
“อ้าก!!”
“แมน! เมืองแมน เป็นอะไรไป เปิดประตูสิ เมืองแมน เกิดอะไรขึ้น”
เสียงตะโกนทุบประตูดังขึ้นหน้าห้อง เมืองแมนลุกพรวดขึ้นมานั่งหอบหายใจ เสียงกรีดร้องของหญิงสาวยังดังก้องอยู่ที่ริมหู หากแต่ไม่มีร่างของเธอให้เห็นอีก ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่เปียกไปด้วยเหงื่อ เขาหาเสียงตัวเองจนเจอแล้วตะโกนตอบกลับไป
“ประตูไม่ได้ล็อค”
“แล้วทำไมมันเปิดไม่ได้...อ้าว” คนข้างนอกเปิดประตูเข้ามา เพลิงกัลป์ก้าวมาประชิดเตียงเป็นเวลาเดียวกันกับที่เมืองแมนยกมือขึ้น อีกฝ่ายก้มลงกอดเขาเอาไว้ทั้งตัว “เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น ได้ยินเสียงร้องดังลั่น ตกใจหมดเลย ฝันร้ายเหรอ” เสียงห้าวพูดรัวเร็ว ลูบมือเสยปอยผมที่ชื้นเหงื่อของเขาให้พ้นใบหน้า
“.............” เมืองแมนรู้สึกสงบลงเล็กน้อย ซบหน้าลงกับอกเสื้อของอีกฝ่าย
“ดีขึ้นหรือยัง โอเคมั้ย” เพลิงกัลป์กระซิบที่ข้างหู เมืองแมนอดรู้สึกไม่ได้ว่าจอนหูข้างนั้นถูกสัมผัสแผ่วเบา
“ดีขึ้นแล้ว” เขาพึมพำ ขยับจะดันตัวออก แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมคลายวงแขนให้
“เล่ามาก่อน ฝันร้ายเหรอครับ” รูมเมทของเขาถามเสียงอ่อนราวกับกำลังหลอกล่อถามกับเด็กเล็กๆอย่างนั้นแหละ
“โดนผีอำ” เมืองแมนตอบแล้วก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้อีกคนฟัง “....เธอบอกจะขอความช่วยเหลือ พอถามว่าจะให้ช่วยอะไร เธอก็กรี้ดแล้วก็สะดุ้งตื่น”
“เธอคือผีหมอหลินจริงๆงั้นหรือ”
“เธอพยักหน้า ก็น่าจะใช่แล้วล่ะ” เมืองแมนนึกแล้วยังอดขนลุกไม่ได้ เนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมาเสียเฉยๆ “แล้วมึงตื่นได้ยังไง กูกลัวแทบตาย ตะโกนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงออกมา”
“ได้ยินเสียงร้องน่ะเลยสะดุ้งตื่น หายตกใจหรือยัง”
“อืม ดีขึ้นแล้ว” เมืองแมนตอบ ขยับตัวอีกรอบ เริ่มงงว่าอีกฝ่ายขึ้นมานั่งกอดตนเองบนเตียงตั้งแต่ตอนไหน “มึง...เอ่อ ช่วยปล่อยหน่อยได้มั้ย หายใจไม่ออก” ความร้อนวิ่งขึ้นใบหน้า เมืองแมนดันท่อนแขนล่ำสันที่โอบรอบเอวของตัวเองออกอย่างขัดเขิน
“แต่กูยังขวัญหายอยู่เลย” ฝ่ายนั้นตอบกลับมา ไม่ยอมปล่อยแขน ปลายจมูกโด่งวนเวียนอยู่แถวซีกแก้มและซอกคอของเขา
“ปล่อยน่า....โอ๊ะ!” เมืองแมนงอตัวลงเพราะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างในท้องที่ขยับพลิกอย่างแรงจนสะดุ้ง
“เป็นอะไรไปอีก” เพลิงกัลป์ตกใจ ก้มลงดูหน้าท้องที่เริ่มนูนชัด เมืองแมนขมวดคิ้ว วางมือลงตรงหน้าท้องของตนเองแล้วเงียบไปจนอีกฝ่ายร้อนใจ “เป็นอะไร ปวดท้องเหรอ เจ็บตรงไหน”
จู่ๆรอยยิ้มก็ค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเมืองแมน เจ้าตัวคว้ามือของรูมเมทมาวางบนหน้าท้องของตัวเองบ้าง ฝ่ามือใหญ่วางทาบได้ครู่เดียวก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวข้างในนั้น
ใบหน้าคมเข้มแดงซ่านลามลงมาถึงลำคอ เพลิงกัลป์หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่ามันจะหลุดออกมา การเคลื่อนไหวในท้องนั้นยังดำเนินต่อไปอีกครู่หนึ่งก่อนจะสงบลง
“ลูกดิ้น” เสียงห้าวกระซิบเบาๆราวกับกลัวคนในท้องจะสะดุ้งตื่นขึ้นอีก “ลูกดิ้นแล้ว”
“ใช่” เมืองแมนกระซิบตอบ ความตื่นเต้นในตอนแรกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกอะไรอย่างหนึ่งเมื่อเห็นหยาดน้ำตาคลออยู่ในดวงตาคมของคนตรงหน้า “นั่น...ร้องไห้เหรอ”
“เปล่าๆ ฝุ่นมันเข้าตา” เพลิงกัลป์ตอบ ยกมือขึ้นขยี้ตา แล้วยิ้มกว้าง “เริ่มดิ้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ก่อนที่จะสะดุ้งตื่นนี่ล่ะ ตอนแรกตกใจนึกว่ามีใครมาถีบ ดิ้นแรงเสียด้วย”
“สี่เดือนกว่าเกือบห้าเดือนแล้วนี่นะ” เพลิงกัลป์พึมพำ วางมือทาบบนหน้าท้องนั้น “ดิ้นอีกสิลูกพ่อ ดิ้นเก่งต้องลูกผู้ชายแน่ๆเลย”
คำว่าลูกพ่อหลุดออกมาจากปากเขาอย่างง่ายดายราวกับพูดอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพลิงกัลป์พูดได้หน้าตาเฉย ขณะที่คนฟังอีกคนกลับรู้สึกอายจนไม่อยากสบตาคมคู่นั้น
“เกี่ยวกันตรงไหนว่าดิ้นเก่งต้องเป็นลูกชาย” เมืองแมนถามเฉไฉ
“ก็เตะต่อยเก่งตั้งแต่อยู่ในท้องไง ตัวแค่นี้....” ชายหนุ่มทำมือกะขนาด “แค่นี้ได้มั้งยังถีบเอาๆ ดิ้นได้แต่ถีบเบาๆหน่อยนะลูก แม่เขาเจ็บนะลูก รู้มั้ย” ประโยคหลังเขาพูดกับหน้าท้องของเมืองแมนด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ถีบได้แต่อย่าแรงนะครับ”
“โธ่” คนเป็นแม่อุทานแล้วหัวเราะออกมา หน้าแดงจัดเพราะอีกฝ่ายไม่พูดเปล่า กลับจรดริมฝีปากลงบนหน้าท้องของเขาแบบไม่บอกกล่าว
“นอนได้แล้วนะครับ ฝันดีนะลูก”
“.............” เมืองแมนพยายามจะไม่ยิ้มแล้ว แต่ก็ดูไม่ค่อยจะสำเร็จเท่าไหร่
ความรู้สึกข้างในมันอัดแน่นอย่างไรบอกไม่ถูก ชายหนุ่มลูบมือบนหน้าท้องของตัวเองเบาๆ พอได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวคล้ายจะบอกกันในทีว่ายังมีอีกหนึ่งชีวิตในท้องก็อดรู้สึกตื้นตันแปลกๆไม่ได้ ความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของสิ่งมีชีวิตในท้องนี้ เป็นคนดูแลปกป้องชีวิตเล็กๆที่รอจะออกมาลืมตาดูโลก เลือดเนื้อเชื้อไขของเขา...แค่นึก น้ำตาก็ชักจะซึมๆออกมา ไม่ได้มีแค่เพลิงกัลป์คนเดียวหรอกที่ร้องไห้
“คืนนี้ขอนอนด้วยได้มั้ย” เพลิงกัลป์พูด เหลือบมองหน้าเขาด้วยท่าทางที่ทำให้เมืองแมนอดนึกถึงเด็กโข่งตัวโตที่จะขอเงินแม่ไปซื้อขนมไม่ได้
“จะนอนตรงไหน” เมืองแมนถามกลับ แทนคำอนุญาต
ดวงตาของอีกฝ่ายเริ่มแพรวพราว เพลิงกัลป์มองหน้าเขาแล้วยิ้มกว้าง
“ตรงนี้....ได้มั้ย”
ตรงนี้ที่เจ้าตัวบอก หมายถึงบนเตียงนี้ ข้างเขาสินะ...เมืองแมนเม้มปาก
“ขออยู่กับลูกนิดเดียว...”
...ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อนแบบนี้ได้มั้ย...คนฟังเบือนหน้าหนี
“เผื่อแมนนอนแล้วเจอผีอำอีก ไม่กลัวหรอ...”
“เตียงเล็ก” เมืองแมนพึมพำ
“นอนไม่กินที่หรอก ตัวนิดเดียวเองดูสิ นอนแค่ริมนี้ก็ได้” คนพูดพูดด้วยท่าทางน่าเชื่อถือ ตรงข้ามกับขนาดตัวใหญ่คับห้องของตัวเองเหลือเกิน เมืองแมนย่นจมูกใส่ด้วยความหมั่นไส้
“เดี๋ยวก็ตกเตียง”
“ไม่ตกหรอก จริงๆ นอนพื้นมันปวดหลังนะ”
“งั้นกลับไปนอนห้อง”
“โธ่แมน...นะครับ...นะๆ”
เมืองแมนบอกตัวเองว่าที่เขาพยักหน้ายอมให้อีกฝ่ายนอนบนเตียงด้วยนี่ไม่ใช่เพราะแววตาเว้าวอนของอีกฝ่ายเลย ไม่ใช่เพราะน้ำเสียงอ่อนๆนั้นด้วย อย่าเข้าผิด...เป็นเพราะเขาขี้เกียจเถียงกับอีกคนแล้วตะหาก
นอนได้ก็นอนไป
“เย้” เพลิงกัลป์ส่งเสียง แล้วยิ้มใส่ตาเขา เจ้าตัวกระวีกระวาดลุกขึ้นไปหยิบหมอนที่ห้องของตัวเองแล้วกลับมาที่เตียง เมืองแมนขยับเว้นที่ว่างข้างตัวเอาไว้ให้ก่อนจะล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้ รู้สึกได้ถึงความยวบของที่นอนที่ยุบลงตอนที่ร่างของอีกฝ่ายปีนขึ้นมานอนเคียงข้าง
“ลูกดิ้นอีกมั้ย” เพลิงกัลป์กระซิบถาม เห็นแต่แผ่นหลังของอีกฝ่ายที่ขยับน้อยๆตามการหายใจ
“นิดหน่อย”
“ขอจับท้องอีกทีได้มั้ย” คนข้างหลังเขากระซิบต่อมา เมืองแมนเหลือบมองผ่านหางตา เห็นร่างสูงใหญ่นอนตะแคงเท้าแขนก้มลงมองเขาอยู่
“พอแล้ว ไม่นอนหรือไงนะ”
“ก็นอนแบบจับท้องไปด้วยไง” ฝ่ายนั้นตอบ ไม่รอให้เมืองแมนถาม อีกฝ่ายจัดแจงดึงตัวเมืองแมนเข้าไปจนชิดแผ่นอกกว้าง มือใหญ่โอบรอบตัวเขาซ้อนจากด้านหลังมาวางที่หน้าท้องของเมืองแมน ท่าทางนั้นทำให้คนตัวเล็กกว่าหน้าร้อนผ่าว ขยับตัวอย่างอึดอัด
“ร้อน ...ขยับออกไปหน่อย”
“เดี๋ยวตกเตียง” ฝ่ายนั้นกระซิบอยู่ใกล้หูจนจั๊กจี้ รู้สึกถึงลมหายใจอุ่นจัดที่เป่ารดแก้มเป็นจังหวะ
“ไม่เอา” เมืองแมนดิ้นยุกยิก
“เดี๋ยวลูกตื่นนะ ...ใครบอกจะรีบนอนเมื่อกี้”
...รีบนอนแต่ไม่ใช่ท่านี้มั้ยล่ะ เมืองแมนคิดในใจ ติดตรงที่เรี่ยวแรงของเขาดูจะแปรผันตรงกับความง่วงงุนเหลือเกิน โทษความง่วงเพลียก็แล้วกันที่ทำให้เขาขี้เกียจดันแขนอีกฝ่ายออกจากสะโพก
เมืองแมนเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองคิดผิด เพราะฝ่ามือที่วางทาบอยู่บนหน้าท้องนิ่งๆในตอนแรกนั้นกลับเริ่มขยับลูบไล้บนส่วนนูนเด่นปกคลุมด้วยเสื้อยืดตัวบางสำหรับใส่นอนของเขา ลูบขึ้นแล้วก็วกลงต่ำแล้วก็กลับลูบวนใหม่อยู่อย่างนั้น ..พอเผลอฝ่ามือนั้นก็กลับสอดเข้ามาใต้ชายเสื้อ สัมผัสกับเนื้อแท้ของเขาที่ไร้การปกปิด
“หยุดๆ จะทำอะไร” เมืองแมนยึดมือของอีกฝ่ายเอาไว้ บังคับให้ออกจากเสื้อ
อีกฝ่ายส่งเสียงอืออาราวกับละเมอแล้วก็เงียบไป มือข้างนั้นวางเอาไว้บนหน้าท้องของเขาตามเดิม
เมืองแมนนอนอย่างระแวงอยู่อีกพักใหญ่ก็เริ่มเคลิ้มๆใกล้จะหลับ เจ้ามือข้างเดิมนั้นก็กลับเริ่มขยับยุกยิกขึ้นอีก คราวนี้ล้วงเข้ามาในเสื้อของเขาโดยตรง ปลายนิ้วเรียวยาวนั้นปัดผ่านยอดอกของเขาราวกับไม่ตั้งใจ แต่ทำให้เจ้าของสะดุ้งตื่นลืมตาโพลง
“จะทำอะไร” เมืองแมนถามเสียงแข็ง อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่กลับใช้ปลายนิ้วปัดวนที่จุดเดิมทั้งสองข้างเบาบ้างแรงบ้างจนเมืองแมนเริ่มรู้สึกวูบวาบขึ้นมา ไม่รู้เลยว่าเจ้าของมือตอนนี้ ‘ตื่น’ ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
เพลิงกัลป์นอนลืมตาโพลง ใจเต้นตึกตักมาเกือบชั่วโมงแล้ว กลิ่นหอมอ่อนๆเฉพาะตัวที่ระเหยออกมาจากทุกรูขุมขนของอีกฝ่ายทำให้เขาตื่นตัวจนฝืนหลับต่อไม่ลง สัมผัสนุ่มเนียนมือที่ลูบไล้อยู่นั่นก็ยิ่งกระตุ้นให้ความรู้สึกยิ่งกระเจิดกระเจิงไปกันใหญ่ การตั้งครรภ์ให้อีกฝ่ายมีน้ำมีนวลขึ้นมาก เนื้อตัวที่เคยผอมบางก็กลับเต็มไม้เต็มมือชวนให้หัวใจเต้น
ปลายนิ้วลูบไล้ผ่านเสื้อนอนเข้าไปสัมผัสเนื้อแท้ที่นุ่มมือราวกับแพรไหมชั้นดี เพลิงกัลป์กล้าพูดได้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นคนผิวสวยยิ่งกว่าสาวคนไหนๆที่เขาเคย 'คบ’ มา ยิ่งลูบก็ยิ่งเพลิน แสงไฟเปิดสว่างทั้งห้องทำให้เขาเห็นความนวลเนียนได้ถนัดตา
“เมืองแมน” เขาเรียกชื่ออีกฝ่าย รู้สึกได้ว่าฝ่ายนั้นตัวสั่นน้อยๆ จะเพราะอารมณ์ที่ถูกเขาปลุกปั่นหรือเพราะความโกรธก็สุดจะเดา ขอเข้าข้างตัวเองว่าอีกฝ่ายก็กำลังมีอารมณ์เหมือนกันกับเขากระมัง
“ปล่อยนะ” เมืองแมนตอบกลับมา
อีกฝ่ายไม่หยุดมือ ยิ่งห้ามกลับเหมือนยิ่งยุ เพลิงกัลป์สอดมืออีกข้างเข้าไปในขอบกางเกงของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว ฝ่ามือสากสัมผัสเข้ากับส่วนที่อ่อนไหวของเขาถนัดถนี่ ทำเอาเจ้าของสะดุ้งเฮือกบิดตัวหนี
“ให้ช่วยนะ”
“ไม่!” เมืองแมนร้องเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายดึงกางเกงของเขาออกพ้นสะโพก ความเย็นสัมผัสเข้ากับส่วนล่างตัดกับความร้อนจัดของฝ่ามือที่กอบกุมกลางตัวของเขาเอาไว้ เพลิงกัลป์ขยับมืออย่างชำนาญไม่นานเมืองแมนก็เริ่มหายใจหอบเร็ว ถูกกระตุ้นพร้อมกันทั้งข้างบนข้างล่างด้วยคนที่ผ่านประสบการณ์มามากกว่าทำให้เมืองแมนรู้สึกเหมือนจะขาดใจ
“อย่า...อ้ะ..อืม” เสียงแหบพร่าลอดลำคอออกมาฟังดูแปลกแปร่งราวกับไม่ใช่เสียงของเขา เมืองแมนเม้มปากแต่ก็สุดจะกลั้น ริมฝีปากร้อนๆสัมผัสอยู่ที่หลังคอของเขา ไล่เลยมายังซอกคอและแผ่นหลัง ความรู้สึกพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิของร่างกายทะยานขึ้นสูงทุกทีๆ จนเขากลัวว่าตัวเองจะมอดไหม้ไป
ความต้องการล้นเอ่อจนสุดกลั้น เมืองแมนหายใจติดขัด ตัวกระตุกสองสามครั้งก็ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาเต็มที่ เหงื่อผุดขึ้นเต็มตัวผสมกับความเหนอะหนะจากของเหลวบางส่วนของร่างกายตนเอง
“ปล่อยนะ” เขาหลุดประโยคเดิมออกมาเพราะคิดคำอื่นไม่ออก ในหัวขาวโพลนไปครู่หนึ่งก่อนที่จะใบหน้าแดงซ่านเพราะนึกขึ้นได้ว่าครั้งนี้เป็นฝีมือของคนอื่น ไม่ใช่ของตนเองเหมือนทุกที
“ตากูบ้างนะ” เสียงห้าวพึมพำตอบกลับมา
“เห้ยๆ เดี๋ยวๆ” เมืองแมนร้องห้าม สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่ที่สะโพก เขาขยับตัวหนีทว่าวงแขนล่ำสันกลับคว้าตัวของเขาเอาไว้แนบชิด กล้ามเนื้อสมบูรณ์แข็งแรงของอีกฝ่ายแนบสนิทเสียดสีอยู่ที่ด้านหลังของเขาเนิบนาบ
ปลายนิ้วร้ายกาจเริ่มกลับมาทำหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง เมืองแมนส่งเสียงร้องออกมาเพราะอีกฝ่ายเริ่มสัมผัสเข้าที่จุดไวสัมผัสอีกครั้งแบบหนักมือกว่าเดิม ริมฝีปากของอีกฝ่ายกดย้ำที่หลังคอของเขาลามเลยมายังทรวงอกด้านหน้าจนเมืองแมนกลัวว่าจะเกิดรอยขึ้น
“เดี๋ยว...เดี๋ยวแท้ง” สติที่เริ่มหลุดลอยหายไปทุกทีทำให้เขาอ้าปากเตือน อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยปลายลิ้นเรียวที่สอดเข้ามาในริมฝีปาก เกี่ยวกระหวัดดูดดึงและไล่ต้อนราวกับต้องการให้เขาจนมุม
ก่อนหน้านี้เราเคยจูบกันมาครั้งหนึ่ง หากแต่ครั้งนั้นเป็นเพียงแค่การสัมผัส ถ้าจะเปรียบเป็นลำดับชั้นก็คงอยู่ในขั้นอนุบาล ขณะที่ตอนนี้เมืองแมนอยากจะคิดว่าเขาถูกพาข้ามมาชั้นมัธยมปลายเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยเลยทีเดียว
เพลิงกัลป์นอกจากจะเรียนเก่งแล้ว...ยังจูบเก่งมากด้วย
ฝ่ายนั้นไม่ได้ไล่ต้อนเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่กลับหยุดเว้นให้เขาได้หายใจหายคอเป็นระยะก่อนจะกลับมาหยอกเย้าใหม่ด้วยทักษะที่ทำให้เขาหายใจลำบากยิ่งกว่าเดิม
อารมณ์ที่สงบลงเพียงชั่วครู่หนึ่งถูกปลุกปั่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว เมืองแมนรู้สึกได้ถึงความแข็งขืนที่ขยับอยู่แถวสะโพก เขาพยายามจะหนีแต่อีกฝ่ายก็ตามมาไม่หยุดยั้ง
“ไม่แท้งหรอกน่า” เสียงห้าวต่ำพูดขึ้นราวกับตอบความกังวลใจของเขา เจ้าตัวคว้ามือของเขาไปสัมผัสกับความร้อนจัดนั้น เมืองแมนตกใจชักมือออก อีกฝ่ายเลยหัวเราะเบาๆ พ่นลมใส่ที่ริมหูจนขนลุกเกรียว “สัญญาว่าจะไม่ให้แท้งแน่ๆ”
“............” เมืองแมนไม่ได้ตอบออกไปเพราะอีกฝ่ายจัดการปิดปากเขาลงมาอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับส่วนล่างที่ขยับไปด้วย ความร้อนที่เสียดสีผ่านช่วงล่างของเขานั้นทำให้เมืองแมนรู้สึกวาบหวามยิ่งกว่าเดิมทั้งที่ฝ่ายนั้นไม่ได้ล่วงล้ำเข้ามาในร่างกายของเขาเลยสักนิด
ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดอยู่ที่ใบหน้า เมืองแมนหลับตาลงตอนที่รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเร่งจังหวะขึ้น อารมณ์ของเขาถูกเพลิงกัลป์ชักจูงพาให้กระโจนไปข้างหน้าอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง รู้สึกตัวอีกทีเขาก็พบว่าร่างกายถูกเผาไหม้ด้วยเชื้อเพลิงร้อนจัดจนแทบละลายกลายเป็นไอน้ำพร่างพรมลงมาบนเนื้อตัวของเราทั้งคู่
เมืองแมนผล็อยหลับไปทันทีด้วยความเหนื่อยอ่อน ขณะที่เพลิงกัลป์เงยซบใบหน้าลงกับหน้าท้องที่เริ่มนูนนั้น อดคิดไม่ได้ว่ารอยสีเข้มที่ผาดผ่านจากสะดือยาวลงไปยังช่วงช่างของอีกฝ่ายนั้นดูเย้ายวนเหลือเกิน ให้ตายสิ...เพลิงกัลป์ที่ไม่เคยคิดพิศวาสผู้ชายด้วยกันนั้นกลับเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
แตะริมฝีปากที่ส่วนกลางท้องอีกครั้ง คราวนี้รู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวข้างใต้...ลูกของเขาอาจจะตกใจกระมัง
“ขอโทษนะครับคนดี ...นอนได้แล้วนะครับ”