Part 18วินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างรอบตัวหยุดหมุน…ผมได้แต่ยืนนิ่ง เพิ่งเคยได้ยินและรับรู้ว่าเสียงหัวใจของคนเรามันเต้นแรงได้ถึงเพียงนี้… ปากที่เม้มแน่น และมือที่พราวเหงื่อยิ่งทำให้ผมรู้สึกประหม่าจนแทบอยากจะตายไปเสียให้ได้ สุดท้าย…สิ่งที่ทำได้ คือ ภาวนาให้ทุกอย่างมันเสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็ว
แม่ของซันก้าวถอยหลังไปหมือนจะล้ม ดีที่หว้าและซันรีบเข้าไปพยุงตัวไว้ก่อน…
“ไม่ต้อง” เธอกล่าวเสียงสั่น แต่แฝงไว้ด้วยความหนักแน่น ขาคู่เล็กนั่นถอยหลังไปเรื่อย สองมือก็ควานหาเก้าอี้ไม้ตัวประจำ เมื่อคว้าไว้ได้แล้วจึงค่อยๆ นั่งลง เธอสูดหายใจเข้าลึกสองสามที กราดสายตามองคนรอบกาย…
“แม่…ผม”
“เงียบ”
เธอสั่งให้ลูกชายปิดปากเสียหลังจากที่มันพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง ได้แต่เดินเข้าไปนั่งข้างๆ ปล่อยให้ผมยืนเก้กังอยู่คนเดียว ทำไงได้ล่ะครับ ผมก็ยืนงงอยู่แบบนั้นแหล่ะ…จนกระทั่งไอ้ซันยื่นมือมาดึงผมให้ไปใกล้ๆ มันนั่นแหล่ะ
“แม่ผมขอโทษ…แต่ผมแต่งงานไม่ได้จริงๆ” ไอ้ซันยังคงพูดต่อ ถึงแม่มันจะไม่ได้หันมามองหน้าลูกชายสุดที่รักเลยก็ตาม
“ทำไม…นี่มันเรื่องจริงหรือแม่ฝันไปเนี่ย” เธอหลับตาลง สองมือกำที่วางแขนเก้าอี้แน่น
แนทเดินเข้ามาและโน้มตัวลงนั่งที่พื้นตรงเท้าแม่…
“เรื่องจริงค่ะแม่ พวกเราขอโทษ” สิ่งที่แนทพูดออกมายิ่งทำให้ผมอึ้ง… เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะผมไม่คิดว่าเธอจะกล้ามายืนยันความผิดด้วยอีกคน ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เธอจะอ้างว่าไม่มีเอี่ยวด้วยเลยยังได้
“แนท…ลูกก็รู้งั้นเหรอ??”
“..ค่ะ” แนทกลืนน้ำลายเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้าเรียวนั่น
“นี่มันบ้ากันไปใหญ่แล้ว”
เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่…ปิดเปลือกตาลงแน่นอีกครั้ง ทุกคนไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย ได้แต่ลุ้นว่าแม่จะทำอย่างไรต่อไป ผมน่ะเหรอ…ถามมาได้ ตอนนี้มีแต่คำว่า ‘กลัว’ ลอยไปลอยมาเต็มหน้าไปหมด กลัวว่าแม่จะโกรธ กลัวว่าทุกอย่างมันจะพัง กลัวว่าเธอจะตกใจจนหัวใจวาย …แต่มาถอยลำเอาตอนนี้คงไม่ได้แล้ว และที่สำคัญ… ไอ้คนที่นั่งมือนึงกุมแม่ และมือนึงกุมผมอยู่นี่คงไม่ยอมแหงๆ
“เล่าเรื่องทั้งหมดมาซิ”
นั่นแหล่ะครับ…ผมและไอ้ซันก็สลับกันเล่าว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง ถึงส่วนใหญ่ไอ้ซันจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่าก็เถอะ คุณแม่หันมามองผมเป็นระยะ ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ กลับไป เหงื่อไหลท่วมตัว แต่ดูไอ้ซันแล้วท่าทางมันจะเล่าได้คล่องเสียเหลือเกิน แถมเรื่องบางอย่างผมยังลืมไปแล้วด้วยซ้ำ แต่มันก็ยังขุดมาเล่าให้แม่ฟังได้
โดยเฉพาะเรื่องตอนที่ผมทิ้งมันไป…แม่หันมามองขวับอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ได้ไอ้ซันช่วยอธิบายถึงเหตุผลต่างๆ นานา เธอถึงค่อยเบนสายตาไปมองอย่างอื่นแทน ไม่รู้เพราะเข้าใจ หรือ เพราะทนเห็นหน้าผมไม่ไหวกันแน่
และสุดท้ายก็มาถึงช่วงเวลาที่แนทเข้ามาเกี่ยวข้อง…
“ผมขอโทษ…แม่…แนท ผมขอโทษ” ไอ้ซันเงยหน้าขึ้นมองแนท สายตาของเค้าจริงจังและจริงใจจนผมแอบหวั่นไม่ได้ ส่วนแนทเองก็เงียบ ส่งเพียงยิ้มน้อยๆ มาให้จนเดาไม่ได้ว่าในใจเธอคิดอย่างไร
“แล้วทำไมแกต้องไปยื่นข้อเสนอโง่ๆ แบบนั้นให้แนทด้วย!” แม่ขึ้นเสียงสูงด้วยความโกรธ มองหน้าลูกชายตัวเอง น้ำตาคลอหน่วย…
“ตอนนั้นผมไม่คิดว่ามาร์ชจะกลับมาจริงๆ แม่…ผมอยากจะลืมเค้า ที่สำคัญ..ผมอยากให้แม่สบายใจ สบายใจที่เห็นผมมีครอบครัวเสียที” ไอ้ซันเอ่ยเสียงอ่อยอย่างคนยอมรับความผิด
สิ้นเสียงคำตอบไอ้ซันเล่นเอาผมสะอึก ความจริงเรื่องนี้ก็คาใจผมอยู่ไม่น้อย เรื่องที่ทำไมมันจะต้องไปแต่งงานกับแนทด้วยถ้ามันมาได้รักเธอเลย และยิ่งได้รู้ว่าเพราะมัน ‘อยากจะลืมผม’ ยิ่งทำให้เจ็บตรงหน้าอกแปลกๆ
“แกจะยิ่งทำให้แม่ตายไวน่ะสิ!” เธอตะเบงเสียงดัง จนไอค่อกแค่ก
“แม่…อย่าพูดแบบนั้น”
“จะไม่ให้แม่พูดได้ยังไงล่ะ มีอะไรทำไมไม่บอกกันหึ! คิดว่าแม่โง่มากนักรึไง… ที่พยายามหาคู่ให้แกดูตัวนั่นน่ะก็เพราะอยากให้แกน่ะเลิกเที่ยว เลิกทำตัวไร้หลักแหล่งเสียที…” เธอพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง และยกน้ำขึ้นดื่ม
“ม..แม่หมายความว่า…”
“เฮ้อออออ แม่ตกใจนะ ทั้งตกใจทั้งช็อก…”
ผมกับไอ้ซันมองหน้ากันอย่างงงๆ
“แต่ก็เอาเถอะ ท่าทางตาซันจะรักลูกมาร์ชจริง…ไอ้ตอนช่วงนี้เราเมาหัวราน้ำจนต้องเข้าโรงพยาบาล แม่ก็คิดแล้วคิดอีกว่าเกิดอะไรขึ้น แถมร้อยวันพันปีไม่เคยจะทิ้งคอนโดมาบ้าน ถามเท่าไหร่ก็ไม่เคยตอบ แม่ล่ะแทบจะเป็นบ้าตามไปด้วย… ตอนนี้ถึงเพิ่งได้มารู้สาเหตุ…” เธอหันหน้ามามองผมนิ่ง…ผมไม่รู้ว่านั่นคือสายตาตำหนิหรือเพียงแค่ล้อเล่น
“ขอโทษครับ…” ผมตอบ ให้ตายเถอะ อยากจะร้องไห้ชะมัด…ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย
“หึ เอาเถอะ ก่อนอื่น แม่มีเรื่องจะถาม”
เธอหายใจเข้าเป็นทางยาวอีกครั้ง ก่อนที่จะก้มหน้าลง เอื้อมมือไปลูบหัวแนทที่นั่งนิ่งตลอดการพูดคุย แนทเงยหน้าขึ้นมองแม่แบบงงๆ
“ลูกแนท…” แม่เรียก
“คะ?”
“แนทรักซันมั้ยลูก?”
เพียงเท่านั้นแหล่ะผมใจหายวาบ…เหมือนถูกดึงขึ้นที่สูงแล้วเกี่ยวขาลงมาที่ต่ำอย่างรวดเร็ว ทั้งขาทั้งแขนมันแข็งไปหมดเหมือนใครเอาไปแช่ตู้เย็นไว้ ผมสังเกตเห็นสีหน้าของแนทแล้วก็ต้องถึงกับกลั้นหายใจเฮือก
“…แม่” แนทตอบเสียงเครือ เธอหันมามองหน้าซันและผมคนละทีเหมือนไม่อยากจะตอบคำถามนี้สักเท่าไร
“ตอบแม่มาตามจริงเถอะ…แม่ขอร้อง”
แนทเงียบไปพักหนึ่ง…
“ค่ะ หนูรักซัน” เพียงเท่านั้นบรรยากาศรอบตัวก็ราวกับปกคลุมด้วยไอเครือๆ มันมืดครึ้มอย่างบอกไม่ถูก ผมค่อนข้างแน่ใจกับคำตอบนี้อยู่แล้วเลยไม่ตกใจเท่าไร เพียงแต่มันรู้สึกเสียดหน้าอกเล็กๆ เท่านั้น… แต่ไอ้ซันนี่สิ มันท่าทางจะอึ้งน่าดู เพราะนั่งนิ่ง มือกำผมแน่น ตาเปิดค้าง จ้องแนทไม่กระพริบ ส่วนแม่นั้น…ผมเดาอารมณ์ไม่ถูก เพราะนิ่งเหลือเกิน
“แนท…ทำไม” ไอ้ซันพยายามจะพูดอะไรสักอย่างด้วยเสียงอันเบา แต่ก็โดนแม่ขัดไว้ก่อน
“แล้วลูกล่ะซัน…ลูกรักแนทมั้ย?”
ผมคิดในใจ…ให้ตายเถอะ ตอนแรกมันเหมือนจะดูดีขึ้นแล้ว แต่พอมาเจอแบบนี้ นี่แม่ต้องการจะทำอะไรกันแน่? และผมมั่นใจว่าไอ้ซันเองก็คิดแบบเดียวกัน เพราะสีหน้ามันแฝงด้วยความงุนงงและสับสนไม่น้อย
“ผม…แนท ผมขอโทษ ผมรัก…”
“แนทรู้ค่ะ” เธอรีบตอบโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายสิ้นประโยค ผมลอบเห็นหยาดน้ำตาที่เกือบจะร่วงหล่นลงมาถ้าเจ้าของมันไม่ปาดเก็บไว้เสียก่อน
“เอาล่ะ แล้วเราล่ะ ลูกมาร์ช? อย่าหาว่าแม่จู้จี้เลยนะ ลูกมาร์ชรักเจ้าซันมั้ย?” แม่หันมาถามผม คราวนี้ใบหน้านิ่งนั้นกลับเปื้อนยิ้มจนผมอดแปลกใจไม่ได้
“ค..ครับ แน่นอน” ผมบีบมือ สลับกับจ้องหน้าไอ้คนที่ผมเพิ่งบอกว่ารักมาหมาดๆ …อดที่จะอายจนหน้าร้อนไม่ได้ ก็ดูสายตาที่มันกำลังจ้องมองผมนี่สิ ให้ตายเถอะ… จะเยิ้มไปไหนไหนห๊ะ!
“ผมก็รักมาร์ชครับแม่”
“หึ แม่ยังไม่ทันถามเลย สอดจริงนะเรา” เธอหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะยกมือขึ้นตีแขนลูกชายตัวเองเบาๆ
“แม่อ่ะ…” ไอ้เด็กน้อยในคราบชายหนุ่มเต็มตัวทำท่างอนแม่ตัวเอง ดูแล้วนาถีบเสียนี่กระไร
“ก็แค่นี้… จะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ทำไม พวกเธอสองคนจะรักกัน จะอะไรกัน แม่ก็ไม่ได้ว่า ไม่ได้ห้าม แค่อย่าทำอะไรที่มันน่าเกลียดมากเกินไปก็พอ ส่วนตาซัน…ลูกยังมีคดีติดตัวอยู่นะ ไปขอโทษหนูแนทเสียให้ดี”
“ครับ” ไอ้ซันรับปาก แล้วหันหน้าไปยิ้มให้แนท
“หนูแนท แม่ขอโทษจริงๆ นะลูก…ขอโทษแทนไอ้ลูกชายแม่คนนี้ด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่…. ซันเองก็เป็นสุภาพบุรุษ เค้าไม่เคยล่วงเกินอะไรหนูเลย และยังให้อะไรหนูมากมายเกินกว่าจำเป็นอีกด้วย แถมคุณแม่ยังเอ็นดูหนูเสียขนาดนี้ ถึงหนูจะรักซัน…”
“แนท…” ไอ้ซันครางออกมาอย่างสำนึกผิด
“แต่หนูก็ดีใจที่ได้มีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคุณน้า…ถึงมันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม” เธอหันมายิ้มให้ซันและแม่สลับกันไป ผมสุดแสนจะอึ้งกับสปิริตของสาวน้อยคนนี้
“อย่าพูดแบบนั้นเลยหนูแนท…มาอยู่กับแม่เถอะ คอยดูแลแม่แทนตาซันเค้าด้วย ตานี่เนี่ยไม่ค่อยจะมีเซ้นส์เรื่องดูแลคนอื่นเท่าไหร่หรอก ทำอะไรก็หยาบๆ เหมือนพ่อมันน่ะแหล่ะ…ถ้ายังไงแม่จะขอจ้างหนูแนทมาคอยดูแลคนแก่คนนี้ได้ไหมจ๊ะ” แม่ลูบหัวแนทไปมาอย่างอ่อนโยน
“อย่าจ้างเลยค่ะ…เพียงแค่คุณน้าให้โอกาส ให้ความรักและทุกสิ่งทุกอย่างกับหนู แค่นี้มันก็มากเกินพอแล้ว”
ผมยืนมองผู้หญิงทั้งสองคนกอดกันแน่นด้วยน้ำตารื้นขอบผ่าวๆ… ไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างจะเริ่มออกมาลงตัวได้ดีขนาดนี้ ในขณะที่ผมกำลังยืนปลื้มกับภาพตรงหน้านั้น อยู่ๆ ก็ถูกไอ้ซันดึงเข้าไปใกล้ชนิดที่ว่าแทบจะชนกัน
“แม่ อย่าลืมต้อนรับลูกสะใภ้คนนี้ด้วยนะ” มันพูดเป็นเชิงหยอกเย้า จนทุกคนระเบิดหัวเราะออกมา…ส่วนผมน่ะเหรอ อายจนแทบอยากมุดดินหนี!
“สะใภ้บ้าอะไร!” ผมกระซิบเสียงเบาตอบมันไป พร้อมกับยกเข่าขึ้นเตะก้นอีกฝ่ายเบาๆ
“โอ๊ย แม่ดูดิ ลูกสะใภ้แม่ทำร้ายร่างกายผม” มันยังไม่เลิกครับ -*-
“ฮ่ะๆๆ ดีมากลูกมาร์ช.. ตีมันให้ตายเลย ไอ้ลูกคนนี้ ก่อเรื่องดีนัก” แม่ว่าพร้อมกับยกกำปั้นขึ้นทุบไอ้ซันเสริมอีกแรง
เสียงไอ้ซันร้องโอ๊ยๆ ยกมือตัวเองบังซ้ายบังขวาสลับไปมายิ่งเรียกเสียงหัวเราะของคนรอบข้างให้ดังขึ้นกว่าเดิม จนกระทั่ง…
“ลูกมาร์ช มาหาแม่มาลูก” เธอหยุดมือลง แล้วเรียกผมเข้าไปใกล้…ผมเหรอ รีบหุบขาลงสิครับ ก็เตะไอ้ซันเพลินไปหน่อย
“ผ…ผมเหรอ?”
“จ๊ะ มาสิ” ไอ้ซันดันหลังผมให้ไปหาแม่ด้วยรอยยิ้ม….
“ครับ” ผมรับปาก…ก้มลงคุกเข่าคลานเข้าไปหา
“แม่ฝากเจ้าลูกชายคนเดียวของแม่ด้วยนะ… ตาซันน่ะเป็นคนหัวรั้น อยากได้อะไรก็ต้องได้ (ผมแอบพยักหน้าเห็นด้วย)…แต่ก็เป็นคนจริงจังและจริงใจ … ยังไงก็รักกันชอบกันดีๆ อย่าชักชวนกันออกนอกลู่นอกทาง เป็นกำลังใจให้กันและกันเมื่อยามอีกฝ่ายล้ม เพียงแค่นี้แม่ก็ดีใจแล้ว”
ผมรับปากด้วยสั้นๆ ว่า ‘ครับ’ ก่อนที่จะถูกมืออุ่นนั้นดึงเข้าไปกอดราวกับรับผมเป็นลูกคนนึงในครอบครัวด้วย ความอบอุ่นจากฝ่ามือนิ่มของคนในครอบครัวที่ผมไม่เคยได้รับ แทบทำให้เขื่อนน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถกลั้นออกมาทะลักทะลาย ผมโผเข้าไปกอดแม่อย่างไม่อาย ปากพร่ำบอก แค่คำว่า ‘ครับ’ และ ‘ขอบคุณ’ ไม่ขาดสาย
ซันเป็นคนดึงตัวผมออกมาเพราะท่าทางแม่คงหนักที่อยู่ๆ ก็มีผู้ชายตัวโตเข้าไปกอดแน่นเสียขนาดนั้น เลยแต่หัวเราะ แหะๆ อย่างอายๆ และหันไปยิ้มให้กันอย่างโล่งใจ… แม่ไม่เป็นไร และที่สำคัญ แม่ดูเหมือนยอมรับพวกเราแล้ว มันแปลกที่ทุกอย่างดูง่ายกว่าที่คิด แต่ก็แอบสงสารแนทที่ยืนยิ้มนัยน์ตาแดงเถือกไม่ได้ และเธอก็ดูจะรู้สิ่งที่ผมคิด เพราะแนทยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน พร้อมกับส่ายหน้าเป็นเชิงว่า ‘ชั้นเข้าใจ’ มาให้ และนั่นทำให้ผมสามารถที่จะยิ้มตอบกลับให้เธออย่างเต็มที่เช่นกัน
“ให้ตายสิ ถึงจะตกใจขนาดไหน แต่แม่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นอย่างที่คุณพลพูดเลยนะนี่”
เธอส่ายหน้าเล็กน้อย ถอนหายใจ… ส่วนผมสิ ตาโตกว่าเดิมหลายเท่า พ่องั้นเหรอ??***TBC
ตัดเป็นตอน 18 เลยละกันเนอะ...
นุ้งเหมียว พี่หมีขอมาลงก่อนนะ เดี๋ยวไปนอนละ
คิดถึงทุกคนครับ จจ ด้วยนะ เดี๋ยวงอนอีก 555
ตอนนี้ดีขึ้นมาแล้วครับ หลังจากที่นอนซมเป็นไข้ ฮ่าๆ
อย่าเพิ่งหายหน้าหายตา กลับมาอ่านต่อก่อน
แล้วจะรีบมาต่อให้ครับ
