^
^
^
จิ้มบิ๊กกกก(จิ้มกันเข้าไป

)
***
Round 07 “…กูหนัก” มันพูดเสียงเบาจนแทบจะกลืนหายไปในลำคอ จนผมอดกลืนน้ำลายตามไม่ได้ แล้วกูจะกลืนน้ำลายทำไมฟะ
“ทำมาเป็นบ่นนะมึง ตัวเองก็ใช่ย่อย” ผมค่อยๆ หยัดตัวเองขึ้นจากร่างเล็ก(กว่า)ตรงหน้า แล้วลุกขึ้นยืนโดนดึงมือไอ้นั่นที่ยื่นออกมาให้ช่วยฉุดด้วย เราต่างคนต่างจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วยืนนิ่ง ไอ้มาร์ชบ่นงุบงิบๆ จับใจความได้ประมาณว่า 'กูหนักน้อยกว่ามึงละกัน' ....พอต่างคนต่างตั้งหลักได้แล้วก็มองหน้ากัน เงียบไปชั่วขณะ
“มึง…ชอบกูจริงอ่ะ” ไอ้มาร์ชพูดแบบกล้าๆ กลัวๆ ตาไม่ยอมสบกับผม
“เวร ชอบเชี้ยไร หลงตัวเองใหญ่ละมึง” ผมค่อนหัวเราะ ยืนท้าวสะเอวมองหน้ามันหยามๆ
“อ่าว กูถามดีๆ นะมึง ก็มื่อกี้มึงบอกแก้วว่าชอบกู ถ้ามึงไม่ชอบกู มึงพูดงั้นทำไม”
“มึงจะอยู่กรุงเทพนานเท่าไหร่”
“หะ??”
“กูถามว่ามึงจะอยู่กรุงเทพนานเท่าไหร่” ผมย้ำเสียงดังขึ้นเรื่อย แล้วหันไปจ้องหน้ามัน เห็นไอ้มาร์ชมันสะดุ้งไปทีนึง
“ส….สองอาทิตย์”
“ดี มึงเตรียมเจอกูตลอดสองอาทิตย์นี้” ผมพูดแล้วล้วงมือถือที่เป็นออร์แกไนซ์เซอร์ด้วยขึ้นมากดยิกๆ
“หา หมายความว่าไง??” แอบเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย มันทำหน้าเหรอหราตาโตเท่าไข่ห่าน
“หมายความอย่างที่พูด กูจะบอกให้ ที่กูบอกว่ากูชอบมึงเพราะจะได้ใช้เหตุผลในการตามมึง กันมึงให้ห่างจากแก้ว…คงยังไม่ลืมใช่มั้ย สัญญาที่กูบอกมึงไว้ หึหึหึ” ผมไม่พูดเปล่า เดินเข้าไปใช่มือหยาบๆ ตบลงที่ข้างแก้มขาวมันเบาๆ สองสามที
“มึงจะบ้ารึไง! เรื่องที่มึงชอบแก้วกูเข้าใจ แต่แบบนี้มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลชัดๆ!จะมายุ่งอะไรกับกูตั้งสองอาทตย์ บ้าเหรอมึง!” มันโวยวายเอาสองมือผลักที่หน้าอกผมจนเซ ใจดีหน่อยล่ะเริ่มขึ้นเสียงนะมึงงงง
“กูไม่สน” ผมยักคิ้วตอบมันหน้าตาเฉย คงจะไปกระตุ้นแรงโกรธมันไม่ใช่น้อย มันถึงกับเริ่มพุ่งเข้ามาชาร์จผมอีกรอบ
“มึงจะเอายังไงหะ! ก็ได้ กูไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกับแก้วอีกก็ได้ กูรับปาก! แล้วมึงก็ช่วยไสหัวออกไปจากชีวิตกูด้วย!” มันเข้ามาขยำคอเสื้อผมแล้วเขย่าพร้อมกับขึ้นเสียงดังลั่นห้อง
ผมหายใจออกทางจมูกส่งเสียงดังเหอะ แล้วยิ้มหยัน รวบแขนทั้งสองข้างของมันให้หยุดทำร้ายร่างกายผมเสียที ก้มลงจ้องตามันเขม็ง
“หึ กูไม่เชื่อใจมึง…คนอย่างมึงน่ะต่อหน้าอีกอย่าง ลับหลังก็ทำอีกอย่าง คิดว่ากูไม่รู้เหรอ” รอยยิ้มเย็นของผมคงแผ่ความน่ากลัวไปให้อีกฝ่ายไม่มากก็น้อย ก็เห็นมันยืนนิ่งตาใสทังสองข้างมีแววสั่นระริกจนผมเกือบใจอ่อน
“ไอ้เลว…” มันส่งเสียงรอดไรฟันออกมาค่อนขอด
“พูดให้มันถูกๆ หน่อย ใครกันแน่ที่เลว”
“…มึงมีสิทธิ์อะไรมาว่ากูเลว ไอ้คนที่คิดแผนชั่วๆ สัญญาเหี้ยๆ แบบนั้นน่ะมันเลวกว่ากูซะอีก แผนสูงนะมึงงงง ทำเป็นบอกว่าเป็นเกย์ ทำเป็นบอกว่าชอบกู ทำมาเป็นว่าคนอื่นต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง แก้วน่ะเค้ารู้มั้ยว่าสันดานที่แท้จริงของมึงเป็นแบบนี้น่ะ ทำเป็นคนดี ทำเป็นเจ้นท์ แหวะ กูจะอ้วก……อึ๊ก!...ปล่อยกูไอ้สัตว์!”
ด่ากูได้ด่ากูดีนะมึง…ฮึ่มมม ผมบีบข้อมือมันแรงมาก แรงจนผมรู้ว่าเล็บตัวเองจิกลงกับนิ้ว เพราะอะไร ทำไมถึงต้องโกรธขนาดนี้ ผมพยายามระงับอารมณ์ตัวเอง…เพราะที่มันพูดเป็นเรื่องจริงสินะ ใช่ ตลอดเวลาที่คบกับแก้วจะเรียกว่าผมใส่หน้ากากตลอดเวลาเลยก็ได้ เพราะผมเองก็ม่ใช่คนดีเด่อะไรหรอก เรื่องฟันผู้หญิงแล้วทิ้งน่ะก็มีบ้าง แต่ไม่เคยเอามาป่าวประกาศแบบไอ้เชี้ยนี่ และผมก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับแก้ว เพราะคิดว่าเธอแตกต่าง…เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ผิดรึไง!
“หุบปากถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัวมากกว่านี้!” ผมตวาดสุดเสียงสองมือยังคงกำแขนมันแน่น
“ฮึ่ก…มึง…ไอ้คนสองหน้า! ทำมาเป็นอ้างเรื่องแก้ว แกก็แค่ไอ้คนไม่มีปัญญาจะเอาเค้าเลยต้องมาลงกับคนอื่นแทน ไอ้ขี้ขลาด!” มันน้ำตาคลอเกร็งกระตุกเมื่อผมเพิ่มแรงบีบจิกลงที่แขนจนรอยแดงเห็นชัดเจน
“มึง! จะหุบปากมั้ย!”
“ไม่! ปากกูไม่ติดอยู่กับปากมึงนี่ มึงบังคับกูได้งั้นเหรอ! …อึอื้ออออออออออ”
ผมเบียดปากตัวเองเข้ากับริมฝีปากบางของคนตรงหน้าทันทีเมื่อสิ้นคำสบประมาท เสียงอื้ออึงต่อต้านในลำคอไม่ทำให้ไฟในตัวผมมอดลงไปได้ แต่กลับยิ่งโหมกระพือให้มันพลุ่งพล่านจนแทบมอดไหม้ ในใจพลางคิด…ได้ มึงอยากลองดีนักใช่มั้ย กูจะทำให้ดู ว่าคำว่า “เลว” น่ะ ที่จริงมันเป็นยังไง
กลิ่นคาวเลือดเปรี้ยวๆ เริ่มฟุ้งในปากหลังจากที่ผมขบกัดริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายจนสะดุ้งน้ำตาเล็ด แต่ยังคงบุกรุกโพรงปากร้อนอย่างต่อเนื่อง ตวัดเอาลิ้นเปียกชุ่มนั่นมาดุนดูดอย่างรุนแรงแล้วเน้นตรงแผลเลือดซึมนั่นเป็นระลอกๆ
“อื้ออออออ เจ็บ…จ ..เจ็บ” มันครางฮือน้ำตาไหลบนแก้มเป็นทาง สองมืออ่อนแรงจนต้องพาดกับไหล่ผม ส่วนมือผมตอนนี้ก็ปล่อยจากแขนมันแล้ว แต่เอามาบีบคางเรียวนั่นแทนเพื่อบังคับให้อ้าปากออก
ผมย้ำที่แผลแดงบวมที่ริมฝีปากนั่นก่อนที่จะผละออกมา ….เลือดซึมออกซะแดงเชียว หึหึหึ ปากมันสั่นระริก หุบไม่อยู่เพราะเจ็บเกินกว่าจะปิดลงได้
“จำไว้ อย่าเถียงกู แล้วพรุ่งนี้กูจะมาตามสัญญา ห้ามหนี ไม่ว่าวิธีไหนเด็ดขาด ไม่งั้นมึงเจอหนักกว่านี้ร้อยเท่าแน่...”
ว่าแล้วก็ปล่อยมือออกจากคางมัน แล้วละออกมา ไอ้มาร์ชทรุดตัวนั่งแบะลงกับพื้น ยกแขนทั้งสองข้างที่มือรอบแดงช้ำจากการจิกกำมาปิดปากตัวเอง มันร้องโอ๊ยทันทีที่มือสัมผัสโดนริมฝีปาก หลับตาปี๋น้ำใสไหลรินเปื้อนสองแก้มใสไม่หยุด
ผมไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองอีก..ในใจตอนนี้มันเต็มไปด้วยหลากอารมณ์ แน่นอนว่ารู้สึกโกรธ เกลียด แค้น อยากจะทำอะไรก็ได้กับคนตรงหน้าให้มันสะใจ อยากให้มันเจ็บ!...แต่อีกใจนึงเมื่อเหลือบไปเห็นน้ำตาที่ไหลจากดวงตาคู่สวยดุนั่นแล้ว…มันรู้สึกแปลกๆ ...ทำไมกัน
ว่าแต่ปากมันก็นุ่มเหมือนมาร์ชเมลโล่จริงๆ ด้วยแหะ หึหึหึ
***TBC
เฮ้อออ คนเขียนชอบดีเลย์ฉากที่ทุกคนเรียกร้องเนอะ

ว่าแต่ไอ้คู่นี้นี่มันหวีดกันได้แป๊บเดียวแหล่ะ (แป๊บเดียวจริงๆ หายใจเข้ายังไม่ทันเต็มปอด หยองอีกละ

)
