CAPPUCCINO
Capturing our moments
CHAPTER 3
BGM “ช่วงนี้มึงแปลกๆ นะ”
แคปเอ่ยทักขึ้นมาลอยๆ ในขณะที่เปลี่ยนเกียร์ถอยหลังเพื่อเอารถเข้าจอด
หน้าร้านกาแฟของที่บ้าน เท็นที่นั่งมาด้วยหันไปมองหน้าเพื่อนพลางเลิกคิ้วเชิงถาม
“ยังไงวะ?”
“ซ้อมเสร็จ เล่นเสร็จก็กลับบ้านเลย ปกติไม่เห็นเคยพลาดวงเหล้าซักครั้ง”
“กูว่าอันนั้นกูต้องเป็นคนถามมึงนะ”
เท็นหัวเราะก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยของตนออก และแกล้งหันไปกดของแคปออก
จนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง และส่งเสียงโวยวายขึ้นมา
“แหม่ ก็กูบอกมึงแล้วว่ากูโดนพี่ริสสวดยับไปหลายรอบ กูขอพักยาวๆ”
แคปว่าแล้วก็ทำหน้าแขยง ตั้งแต่คราวก่อนที่เท็นหามเขากลับมาส่งที่บ้าน และคนที่ลงมารับ
เป็นพี่ริส แทนที่จะเป็นพี่อัพเหมือนปกติ เลยโดนพี่ชายเทศน์ยาวไปเป็นชั่วโมงเรื่องสุราบุหรี่
ไหนจะเรื่องกลับดึก เรื่องรบกวนเท็น รบกวนพี่อัพ เรียกได้ว่าด่าจนสร่างเมา แคปก็เข็ดจนคง
ไม่กล้าดื่มเหล้าอีกเลยมาเป็นเวลาสองเดือนได้
“ว่าแต่มึงเหอะ ตามเทรนด์รองเดือนคณะหรือยังไง?”
“ค่ะพี่ ชอบพี่มากเลยอ่ะ พี่โคตรเท่ ทุ้ย!”
แคปหัวเราะก๊าก พลางพิงหลังลงกับประตูรถ จึงอยู่ในท่าหันข้างมามองหน้าเท็นเต็มๆ
เจ้าของผิวสองสีสบตากลมๆ ของเพื่อน ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ และพิงหลังลงกับพนักพิง
พลางมองตรงไปข้างหน้า
“ปกติกูก็ไม่กินเหล้าอยู่แล้วนี่หว่า ที่อยู่ดื่มก็เพราะต้องอยู่เก็บศพมึงเนี่ย”
คำตอบของเท็นทำให้แคปเลิกคิ้วงงๆ เพราะเวลาเขาเมาแต่ละครั้งความจำของเขาก็จะเบลอ
ไปจนเช้าทุกครั้ง ไม่เคยจำได้หรอกว่าใครพาเขากลับบ้าน แต่ก็รู้ๆ กันอยู่ทั้งบ้านอยู่ดีว่าคงไม่พ้น
คนตรงหน้าเขานี่แหละ
“พอมึงไม่กิน กูก็ไม่มีสาเหตุจะต้องอยู่กิน”
ใบหน้าคมระบายยิ้มอย่างพระเอกละครจนแคปอดยกมือปัดหน้าอีกฝ่ายเบาๆ ไปด้วยความ
หมั่นไส้ไม่ได้
“เออๆ พระเอกโคตรๆ หน้าหล่อไม่พอยังจะใจหล่ออีก”
“หึๆ มีเพื่อนหล่อกว่าก็ต้องหาจุดขายนิดนึง”
ทั้งสองคนสบตากันก่อนจะหัวเราะเล็กน้อย แคปเป็นฝ่ายถอดกุญแจรถและเปิดประตูออกก่อน
ตามด้วยเท็นที่เดินอ้อมไปเอาจักรยานจากท้ายรถก่อน
ร่างสูงถอนหายใจเบาๆ เมื่อพ้นสายตาแคปออกมาแล้ว แอบน้อยใจโชคชะตาเล็กน้อยกับเรื่องที่
จู่ๆ แคปก็ตัดสินใจหักดิบเลิกดื่มเหล้าไปเสียอย่างนั้น จากที่ตั้งตารอวันที่จะพาแผนสารภาพรัก 100 ครั้ง
ไปถึงฝั่งฝันเสียทีก็ต้องยกแผนพักยาวไปอีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ อย่างกับคนบนฟ้าไม่อยากให้เขาบอกรัก
แคปซักทียังไงอย่างงั้น
ถ้าคุณกำลังสงสัยว่าเรื่องคราวก่อนไม่ทำให้เท็นยอมแพ้หรือ นี่ก็คงเป็นคำตอบมากพอ
เพราะบอกเลยว่าไม่
แน่นอนว่าเท็นเสียกำลังใจและแอบซึมไปหลายวันหลังจากนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าแคปคิดยังไง
เขาแค่ช็อคเพราะไม่เคยได้ฟังคำตอบนั้นตรงๆ จากปากแคปมากกว่า พอถอยหลังไปตั้งหลักเรียบร้อย
เท็นก็เลยกลับมาเป็นปกติ เพราะถ้าไม่อยู่กับแคปและคอยดูแลแคปแบบนี้ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า
จะไปทำอะไร
“เชี่ย”
เสียงสะดุ้งเบาๆ จากคนข้างหน้าเรียกสายตาของเท็นขึ้นมาจากพรมเช็ดเท้า ตามด้วยภาพ
ของเทมส์และมาร์คที่โต๊ะๆ หนึ่งในร้าน ขายาวทั้งสองชะงักลงตามหลังแคปเพียงเสี้ยววินาที
ไม่ทันที่เท็นจะได้พูดพร่ำทำเพลง แคปก็คว้าข้อมือเท็นหมับ และลากไปยืนกระจุกอยู่กับพี่ริส
ที่หลังเคาน์เตอร์เรียบร้อย
“นานยังอ่ะพี่?”
“ซักพักละ แต่ไม่พลาดอะไรมาก”
สองพี่น้องกระซิบกันมุบมิบ ส่วนเท็นก็แอบเงี่ยหูฟังอยู่ไม่ห่าง แคปยิ้มให้ริส ก่อนจะหันกลับมา
มองน้องชายแสนรักแสนชังอย่างให้กำลังใจ
ถึงแคปมักจะด่าและมีเรื่องกับมาร์คมากที่สุดในบ้าน แคปเองก็รักและเป็นห่วงน้องชายมาก
เพราะอายุใกล้กันที่สุดและมักจะถูกมาร์คขอความช่วยเหลืออยู่เสมอ เรื่องที่จีบเทมส์ด้วยก็เช่นกัน
ใครจะรู้ว่าช่วงแรกๆ ที่มาร์คอกหักกลับมาบ้าน แคปเองก็แอบมีโมเมนต์กินข้าวไม่ลงตามน้องไปด้วย
อีกคน
เท็นยกยิ้มบางๆ ตามรอยยิ้มกว้างอย่างเห็นได้ชัดบนใบหน้าของแคป ซึ่งหาดูได้ยากเสียยิ่งกว่าอะไร
ดวงตาสีน้ำตาลดวงโตจ้องน้องชายที่ลุกขึ้นจูบเทมส์กลางร้านด้วยความปลื้มปริ่ม เหมือนพ่อแม่ที่มา
ส่งลูกไปโรงเรียนวันแรก เป็นแววตาที่เท็นหลงรักเสียเหลือเกิน
“แฮปปี้เอนดิ้งซะทีวะ โอ้ย”
คำพูดแคปดังขัดบรรยากาศแสนโรแมนติคขึ้นมา ก่อนจะโดนริสหยิกไปตามระเบียบ คนแก่กว่า
หันมาหยิกเอวน้องชายพลางพึมพำอะไรบางอย่างกับแคปซึ่งเท็นเองก็ฟังไม่ได้ความ ก่อนแคปจะ
เปลี่ยนมายักคิ้วทำหน้ากวนส้นเท้าพี่ชาย
“แหม่ รอดูผมบ้างเห๊อะ เด็ดกว่านี้ชัวร์”
ริสหัวเราะหึอย่างท้าทาย ก่อนขะเท้าแขนข้างหนึ่งลงกับเคาน์เตอร์และหันมาเผชิญหน้ากับแคปเต็มตัว
“พูดแบบนี้...แสดงว่ามีแล้วงั้นสิ?”
“ไม่อ่ะพี่ มันโสดสนิท”
เท็นที่ยืนมองสองพี่น้องเถียงกันเป็นเด็กๆ มาซักพักพูดขัดขึ้นมาสั้นๆ แต่กลับมีพลังดาเมจสูง
จนถ้านี่เป็นหนังตลกแคปคงเซล้มไปแล้ว
เสียงของบุคคลที่สามที่แทรกขึ้นมาทำให้ริสเกือบหลุดขำ ส่วนแคปที่เล่นหูเล่นตากับพี่ชายจน
ลืมเพื่อนก็หันมาทำตาขู่ใส่เพื่อนตัวสูงที่ยืนหัวโด่อยู่ข้างหลัง
“ตอนนี้อ่ะโสด”
ชายหนุ่มกระซิบพลางกัดฟันกรอด และหันกลับมายิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ใส่พี่คนรอง
"แต่อีกไม่นานแน่ พี่รอดูเลย”
ริสกระซิบตอบกลับมาว่า จะรอดู พร้อมรอยยิ้มเย็นยันกระดูกสันหลัง ก่อนจะขอตัวกลับ
เข้าห้องครัวที่เขามักจะไปซุ่มอยู่ทุกวี่ทุกวันเช่นเคย ทิ้งสองเพื่อนรักยืนมองคู่รักคู่ใหม่ล่าสุด
ที่นั่งจับมือคุยกันหนุงหนิง
“ของอะไรขึ้นหรอ?”
“ฮะ?”
คำถามจากปากเท็นทำให้แคปหันขวับมาตอบจนคอแทบเคล็ด เท็นหัวเราะในลำคอ พลางเท้าตัว
ลงกับเคาน์เตอร์ตรงหน้า มือข้างขวาก็จับขวดโหลเก็บน้ำตาลเล่นอย่างคุ้นเคย
“ไหนบอกว่าไม่อยากมีใคร วันดีคืนดีไปท้าพี่ริสเฉย”
“อ้าว คนมันก็เปลี่ยนกันได้”
แคปหันหลังและพิงลงบนเคาน์เตอร์ข้างๆ กับเท็น ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มทะเล้น พลางยักคิ้วเจ้าเล่ห์
“มีคนในใจละดิ อะไรวะ ไม่บอกกูเลย”
“อ้าว มึงยังไม่บอกกูเลย”
“ก็มันไม่มี จะให้บอกว่าใครล่ะ”
เท็นยิ้มโกหกหน้าตายเพราะทำมานานจนจะเป็นดาราสุพรรณหงษ์ได้อยู่แล้ว ก่อนจะสบตาแคป
เล็กน้อยให้สมจริงยิ่งขึ้น
“เออๆ กูก็ไม่มีหรอก”
“อ่าว”
แคปหัวเราะหึๆ ก่อนจะพลิกตัวมายืนเท้าแขนกับเคาน์เตอร์ในท่าเดียวกับเท็นแทน ดวงตากลม
มองไปทางเทมส์กับมาร์ค ก่อนร่างสูงจะถอนหายใจเบาๆ
“กูสารภาพเลยนะ ว่ากูชอบมองคนมีความรัก”
รอยยิ้มที่แสดงด้านอ่อนโยนของแคปโผล่ออกมาอีกครั้งจนเท็นใจเต้นไม่อยู่สุข ร่างสูงเหม่อมอง
น้องชายกับเพื่อนร่วมห้องแล้วก็ใจฟูกับความน่ารักของทั้งคู่
“ก่อนหน้านี้ที่กูไม่ได้อยากมีใคร เพราะกูขี้รำคาญ แต่พอเห็นคนที่จุกจิกยิ่งกว่ากูร้อยเท่าอย่างไอเทมส์
มันเปิดใจ กูเองก็อยากจะเจอคนที่จะทำให้กูเปิดใจได้เหมือนกันนะ”
ร่างสูงหัวเราะเคอะเขินกับสิ่งที่ตัวเองกำลังพูด แต่ก็พูดต่อไปเรื่อยๆ เหมือนทุกครั้งที่แคปมักจะเปิดใจ
เปิดเผยด้านอ่อนไหวๆ ของตัวเองให้เท็นเห็นเสมอ
“กูก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าความรักมันให้คนๆ นึงยอมทำอะไรได้ขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
เท็นส่งยิ้มน้อยๆ ให้อีกฝ่ายเมื่อทั้งสองสบตากัน ผมสีน้ำตาลเข้มสะบัดไหวเมื่อเท็นพยักหน้า
“นั่นสินะ”
ก็ได้แต่หวัง ว่าความรักของแคป จะเป็นของเขา
___________________________________
“เชี่ย เห็นตอนที่ไอ้เท็นมันโซโล่ป่ะ สาว ๆ โต๊ะข้างหน้านี่กรี๊ดกันลืมพวกกูเลย”
พีชหยอกเพื่อนคนเก่งพลางยกมือผลักหัวเจ้าของชื่ออย่างหมั่นไส้
“นี่ยังไม่นับพวกฐานแฟนคลับที่ยังตามมาดูมันเล่นนะเว่ย แข่งจบมาสี่ปี ไม่น่าเชื่อว่าจะ
โคตรเหนียวแน่น”
“คนมันมีฝีมือก็เงี้ยแหละเพื่อนๆ”
เท็นทำเป็นยักคิ้วขิงพีชกับคิงที่ทำเป็นแซะเขาไม่เปลี่ยนไปจากสมัยปีหนึ่ง โดยมีเอฟ
ยืนหัวเราะพี่ ๆ อยู่กลางวง ส่วนแคปที่เพิ่งคุยกับพี่ผู้จัดการร้านเสร็จเดินตามมาด้านหลัง
พร้อมยกแขนพาดไหล่เท็นอย่างสนิทสนม
“ช่วยอวยกูที มึงไม่อยู่ละกูโดนรุม”
“หมาหมู่นะพวกมึงอ่ะ” แคปยกนิ้วชี้หน้าเพื่อนเรียงตัวและทำเป็นยกยิ้มมุมปากแบบมาเฟีย
ที่เห็นในหนัง
“แหม ปกป้องออกหน้าออกตานะมึง”
“เปล่า กูจะด่าพวกมึง ที่รุมเท็นกันไม่เรียกกู กูอยากจอย”
ทุกคนระเบิดหัวเราะออกมาจนแทบดังสู้ดนตรี EDM ในร้านได้อยู่แล้ว พีชหันหน้ามองไปรอบ ๆ
ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อน ๆ
“กูว่าไม่น่ามีโต๊ะว่างว่ะ...เราไปนั่งริมหาดกันมะ?”
“เอ้อออ กู๊ดไอเดีย มาบางแสนทั้งทีก็ต้องเอาให้ได้บรรยากาศหน่อยดิวะ”
แคปดีดนิ้วดังเป๊าะ และเดินไปกอดคอพีชแทนสำหรับไอเดียแสนบรรเจิด
งานวันนี้เป็นงานพิเศษจากร้านญาติของคิง ที่กำลังจัดเทศกาลดนตรีมหา'ลัย จึงเชิญวงดนตรี
จากคณะ และมหาวิทยาลัยต่างๆ มาวนเล่นกันไปอาทิตย์ละวง แถมยังมีที่นอนที่รีสอร์ทริมหาดแถมให้ฟรี
พร้อมแอลกอฮอลล์ไม่อั้น บอกเลยว่าพวกเขาไม่มีทางปฏิเสธ ยิ่งช่วงเวลานี้ของปี ที่บรรยากาศริมหาด
กำลังสวย ๆ อีกด้วย
“อ้าวแคป คิดว่ามึงจะเลิกดื่มแล้วซะอีก”
เสียงเท็นแย้งขึ้นมาจากด้านหลัง แคปจึงหยุดเดินและหันไปยิ้มแป้นใส่เพื่อนสุดที่รัก
“กูพักไปเพราะพี่ริสด่า แต่ดื่มที่นี่กูไม่โดนด่า กูก็ไม่ต้องอดสิครับ แหม่”
ทุกคนในวงร้องฮิ้วกับสปิริตนักดื่มที่กลับเข้าสิงแคปหลังจากห่างหายไปหลายเดือน
ส่วนเท็นก็ยืนกอดอกส่ายหัวอย่างเพลียใจ แต่ก็ยอมรับว่าในใจน่ะดีใจไม่แพ้กัน
ได้โอกาสซักที
“อ่ะ ไปกันยัง? คิง ฝากไปเอาเหล้าหน่อยดิ”
คิงรับคำ และหันหลังหายไปในฝูงชน แต่ไม่ทันสี่หนุ่มที่เหลือจะได้เดินออกไปจากเสียงจอแจ
ในร้าน ก็มีเสียงหนึ่งทักขึ้นมาเสียก่อน
“Hey Cap!! (เฮ้แคป!!)”
แล้วก็ดูเหมือนเสียงที่ว่าจะสะกิดหูของแคปเพียงคนเดียวในกลุ่ม ร่างสูงค่อย ๆ หันกลับมา
มองต้นเสียง ก่อนจะร้องเฮ้ยจนคนอื่นสะดุ้ง
“Hey Bro!! Long time no see. How’s it been? (หวัดดีเพื่อน ไม่เจอกันนานเลย เป็นไงมั่ง?) ”
สำเนียงภาษาอังกฤษสุดเป๊ะที่หลัง ๆ มาเจ้าตัวไม่ค่อยได้พูดนักรัวออกมาจากริมฝีปากอิ่มไม่มีหยุด
ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาชายหนุ่มผิวเข้ม ใบหน้าคมไปทางญี่ปุ่นในเสื้อกล้ามสีเทา ก่อนทั้งสองจะสวมกอด
กันแน่นเหมือนไม่ได้เจอกันมานับสิบปี
“Cool dude. What a surprise to meet you here. “ก็ดีแหละ เซฮร์ไพรซ์มากเลยนะที่มาเจอนายที่นี่)”
“I know. You should’ve told me you were coming to Thailand. (ใช่ป่ะ? น่าจะบอกกันก่อนนะ
ว่าจะมาไทย)”
“I wanted to but seems like you’ve changed your Facebook and email (ก็อยากจะบอกอยู่หรอก
แต่เหมือนนายจะเปลี่ยนเฟชบุ๊ค แล้วก็อีเมลไปแล้ว)”
แคปทำท่านึก ก่อนจะระบายยิ้มเชิน ๆ เพราะตั้งแต่กลับมาเข้ามหาลัยเขาก็เปลี่ยนช่องทางโซเชี่ยลทุกอย่าง
ไม่ให้คนที่ใหม่สืบประวัติเขาให้ใหญ่โต แล้วก็ไม่ได้กลับไปใช้บัญชีเก่าอีกเลย จะเหลือก็แค่เพื่อนสนิทมาก ๆ
บางคนที่ตามมาค้นเฟสใหม่ของเขาเจอเองเท่านั้น ที่ยังติดต่อกันอยู่
“Sorry man…I was busy with all the university thing, and then forgot to get back to the old accounts.
(โทษทีว่ะ...พอดีตอนนั้นฉันยุ่ง ๆ กับเรื่องมหาลัย แล้วก็ลืมกลับไปเช็คพวกแอคเคานต์เก่า ๆ เลย)”
“No worries! We’ve meet at last anyways. (ไม่ต้องห่วงน่า! ยังไงเราก็ได้มาเจอกันแล้วนี่)”
พ่อหนุ่มหน้าเข้มดึงแคปเข้าไปโอบ ท่อนแขนหนาจากการเล่นกล้ามเป็นประจำโอบไหล่ผอม ๆ ของแคป
ได้อย่างพอดีมือ ฝ่ายแคปก็หันไปยิ้มตอบอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่อยู่ห่างกันไม่มาก ทำให้เท็นต้องแอบกำหมัดแน่น
เพื่อหักห้ามความหึง
"By the way, you guys were awesome on the stage. I always knew you had the talent.
(จะว่าไป บนเวทีเมื่อกี๊พวกนายเจ๋งมาก ฉันรู้อยู่แล้วว่านายมีของ) “
แคปหันมาแนะนำคนแปลกหน้าคนนี้กับเพื่อน ๆ ว่าชื่อเจค เป็นเพื่อนจากฮาวายที่เรียนที่เดียวกันสมัยเรียน
ไฮสคูลที่อเมริกา แถมยังเป็นคนที่เริ่มเล่นดนตรีมาด้วยกัน ก่อนจะหันไปสวัสดีคนอื่น ๆ อีกสี่คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น
มีทั้งฝรั่งตาน้ำข้าวสองคน คนดำหนึ่งคน และคนเอเชียตัวขาวอีกหนึ่งคน
“What a small world, huh? (โลกกลมจริง ๆ นะเนี่ย)”
แคปตบบ่าฝรั่งผมทองที่ชื่อแมทธิว ก่อนจะหันไปไฮไฟฟ์กับคนเอเชียผิวขาวตามแบบเด็กอเมริกันแท้ ๆ
“Yup!! Hey do you wanna hang out with us a little? It’s been ages (ใช่!! อยากมาอยู่กับพวกเราก่อน
ซักหน่อยมั้ยล่ะ? ไหนๆ ก็ไม่เจอกันมาตั้งนาน) “
เจคว่า พลางพยักเพยิดหน้ามาทางคนไทยสี่หน่อที่ยืนยิ้มแหย ๆ อยู่กลางร้าน แคปตอบไปว่าขอตัว
มาคุยกับเพื่อนก่อน และลุกกลับมาหาเพื่อนร่วมวง
“พวกมึง คือนี่กลุ่มเพื่อนกูสมัยเรียน ม.ปลายอ่ะ บังเอิญมากินร้านนี้กันเฉยเลย ยังไงกูขออยู่กับพวกมัน
ก่อนแล้วกันนะ”
“กินระวัง ๆ ล่ะมึงอ่ะ ไม่ได้กินนานแล้ว เดี๋ยวน็อค”
เท็นเตือนขึ้นมาอย่างเป็นห่วง ก็อย่างที่ว่าว่าแคปไม่แตะแอลกอฮอลล์มาเป็นเดือน ๆ ถ้ากินหนักเข้าไป
ทีเดียวก็มีสิทธิเมาได้ง่าย ๆ ยิ่งเขาไม่สามารถไปนั่งคุมอีกฝ่ายอยู่ในดงเพื่อนกลุ่มเบ้อเร่อนั่นได้ด้วย
“เอาน่า กูไม่กินเยอะหรอก เดี๋ยวก็ตามพวกมึงไปที่หาดแล้ว”
พอไม่เห็นว่ามีใครคัดค้าน แคปก็บอกให้ทุกคนล่วงหน้าไปดื่มกันก่อน และเดินกลับไปนั่ง
ร่วมวงกับเพื่อน ๆ
“งั้น…เราก็ไปกันเหอะ”
พีชว่า ก่อนเอฟจะพยักหน้าและเดินตามไป ปิดท้ายด้วยเท็นที่ยืนมองท่าทางร่าเริงของแคป
อยู่อีกเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินออกจากร้านไป
___________________________________________
สุดท้ายแคปก็ไม่ได้กลับมา
“พี่เท็นโอเคใช่มั้ยครับ?”
“เออ กูสบายมาก พาคนอื่นกลับห้องเหอะ”
แคปหันไปโบกมือให้เอฟที่เดินแบกพีชมาข้าง จูงมือคิงมาข้าง พลางล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อ
เปิดประตูห้องพักของตัวเอง
เสียงเพลงเบา ๆ ที่ดังคลอในห้องอยู่ก่อนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเพื่อนร่วมห้องของเขามาถึงก่อน
เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เท็นค่อย ๆ ผลักประตูเปิดออก ก่อนจะเห็นภาพที่ทำให้เขาอมยิ้ม
“อือ...กลับมาแล้วหรอ?”
แคปที่ตื่นง่ายเป็นปกติค่อย ๆ ส่งเสียงงัวเงีย ก่อนจะขยับตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ร่างสูงในเสื้อยืด
สีเหลืองกับผมฟูยุ่งเหยิงดูเหมือนเด็กห้าขวบที่เท็นอยากจะเก็บมาเลี้ยงเสียเหลือเกิน
“ปลุกหรอ?”
แคปพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะคอพับค้างลงไปในครั้งที่สาม เท็นหลุดหัวเราะอย่างเอ็นดู
ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งลงบนเตียงข้างที่อีกฝ่ายนอนอยู่ก่อน
“ทำไมไม่ตามไปกินต่ออ่ะ?”
“ก็ว่าจะตามไปแล้ว...แต่เหนื่อย”
“เมาหรอ?”
มือใหญ่วางลงบนตักขวาของอีกคน พลางดวงตาคมที่ดูอ่อนโยนกว่าปกติจ้องตาอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง
ถึงจะอาบน้ำเข้านอนเรียบร้อย แต่เท่าที่ดูแล้วแคปเองก็ยังเมาอยู่ไม่น้อย
แล้วก็อย่างที่คิด แคปส่ายหน้าปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง
“ครับๆ ไม่เมา”
มือข้างเดิมย้ายขึ้นไปยีผมนุ่ม ๆ ของอีกคนอย่างคุ้นเคย คิดถึงเวลาแบบนี้แทบตายมาตลอด
สองเดือนที่ผ่านมา
“ทำอะไรอ่ะ?”
เสียงแหบถามอู้อี้ เท็นคลี่ยิ้มบาง ๆ เป็นคำตอบ หัวใจที่แสนห่อเหี่ยวค่อย ๆ พองโต
กับบรรยากาศเดิม ๆ นัยน์ตาสีเข้มเลื่อนลงมาจ้องตาอีกฝ่ายที่ปรือและกระพริบถี่ ๆ จากความพร่ามัว
จากแอลกอฮอลล์
“ขอเหอะ ไม่ได้ทำแบบนี้มาโคตรนานเลย”
แคปส่งเสียงหืออย่างไม่เข้าใจ แต่เท็นก็ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากย้ายมือกลับลงมาวางทับบนมือขวา
ของแคปบนเตียง นิ้วโป้งที่สากจากการเล่นกีต้าร์นับสิบปีกวาดผิวขาวหลังมือของแคปอย่างเบามือ
“เดี๋ยวมึงก็ลืมอยู่ดี”
ดวงตาคมค่อย ๆ กลายเป็นแววตาเศร้าลงเมื่อเอ่ยประโยคที่สอง แคปสบตาเขาตอบนิ่ง ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไร
“แคป”
เสียงทุ้มเรียกชื่อที่เขารักสุดหัวใจ น้ำเสียงที่ใช้มันแปลกไปจนแคปเลิกคิ้วสงสัย ดวงตาโตยังหรี่เล็กน้อย
จากความเมา
“กูรักมึงนะ”
เมื่อเห็นอาการอึ้งไปของคนที่ได้ฟัง เท็นก็ระบายยิ้มเศร้า เขาเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับการ
สารภาพรักครั้งนี้สักเท่าไหร่ เพราะผลที่ออกมามันก็คงเป็นคำตอบสั้น ๆ เหมือน 99 ครั้ง ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา
เขาแค่อยากทำสิ่งที่พยายามมาตลอดเวลานี้ให้มันสำเร็จก็เท่านั้น
“มึงคงไม่รู้ว่ากูรักมึงมาตลอดสี่ปี แต่กูก็ไม่อยากจะบอกมึงต่อหน้าให้เราต้องมาเสียเพื่อนกันเพราะ
ความรู้สึกข้างเดียวของกู”
แคปถลึงตาโต แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เห็นดังนั้นเท็นก็ถือโอกาสพูดสิ่งที่อัดอั้นมานับปี
ออกมาเสียหมด
“กูรู้ว่ามึงไม่ได้อยากมีใคร แล้วกูก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามึงจะรังเกียจกูที่เป็นผู้ชายมั้ย ไม่รู้ว่าบอกไปแล้ว
มึงจะผลักไสกูมั้ย แล้วพื้นที่ข้าง ๆ มึง พื้นที่ในฐานะเพื่อนสนิทที่สุดของมึงจะหลุดมือกูไปรึเปล่า...
สุดท้ายก็เลยทำได้แค่มาฉวยโอกาสกับมึงเวลามึงเมาแบบนี้ไงแคป”
ร่างสูงหัวเราะหึอย่างสมเพชตัวเอง และหลบตาอีกฝ่ายลงไปมองมือของแคปที่ไม่ได้เลื่อนหนี
ออกไปจากฝ่ามือของเขา รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม แต่มันกลับดูเศร้าเสียเหลือเกิน
“มึงสำคัญกับกูมากนะแคป กูไม่อยากเสียมึงไป ก็เลยเป็นไอ้ขี้ขลาดขี้หวง ที่เป็นเจ้าของมึง
ได้แค่ในจินตนาการ”
ความหน่วงในหน้าอกซ้ายที่เท็นแสนจะคุ้นเคยกลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้งจนหัวหมุนไปหมด
เท็นยกมืออีกข้างขึ้นลูบแก้มใสที่เขาชอบแอบจิ้มเล่นอยู่บ่อย ๆ
"กูไม่อยากให้ใครเขามาหามึง เข้ามาทำให้ใจมึงหวั่นไหว แต่กูเองก็ไม่กล้าพอจะเข้าหามึงเหมือนกัน...
แม่ง กูไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลย”
เขาถอนหายใจและเงยหน้ากลับขึ้นมามองแคปอีกครั้ง ดวงตาหวานจ้องมองเขาด้วยแววตาว่างเปล่า
คงจะเมาจนฟังไม่ได้ความเหมือนเคย
“ยังไงก็...ขอบคุณนะ ที่ฟังกูมาตลอด...แล้วก็ขอโทษที่เห็นแก่ตัวแบบนี้”
ไม่รู้ว่าน้ำตามันไหลออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้ตัวอีกทีภาพตรงหน้าก็เบลอจนเท็นต้องกระพริบตาถี่ ๆ
เพื่อไล่มันออกให้พ้นทาง เวลาแบบนี้เขาอยากจะเก็บภาพของแคปใกล้ ๆ แบบนี้เอาไว้ให้มากที่สุด
ไหล่กว้างค่อย ๆ กระเด้งขึ้นเป็นพัก ๆ จากแรงสะอื้นของชายหนุ่ม อดอายไม่ได้ที่ต้องมาให้แคปเห็น
ด้านอ่อนแอของเขาแบบนี้
“เท็น…”
เสียงพร่าเอ่ยเรียกคนตรงหน้า แต่มันกลับเบาเกินกว่าเจ้าของชื่อจะได้ยิน แคปเงียบไปและใช้ดวงตา
มองใบหน้าคนที่ก้มหน้าหนีไม่ให้เขาเห็นน้ำตา ก่อนจะเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“เท็น”
แล้วมันก็ได้ผล เท็นตัวแข็งทื่อ ก่อนจะเงยหน้ากลับขึ้นมาสบตาอีกฝ่าย ต่างฝ่ายต่างก็เงียบใส่กัน
มีเพียงเสียงเพลงจากลำโพงบลูทูธข้างหัวเตียงที่เล่นคลอไปกับเสียงหายใจเข้าออกช้า ๆ ของทั้งคู่
อุตส่าห์พยายามเก็บไว้
อุตส่าห์ไม่พูดออกไป
“แคป”
คำสุดท้ายหลุดออกมาจากปากเท็น ก่อนอะไรก็ไม่รู้จะมาดลใจให้เท็นโน้มตัวลงจูบริมฝีปาก
ของเพื่อนหนุ่มโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
แคปมีท่าทางสะดุ้งเล็กน้อย สังเกตได้จากไหล่ที่แข็งทื่อและเอนหนีจนชิดไปกับพนักพิงไปในช่วงแรก ๆ
ก่อนจะค่อย ๆ คลายตัวลง ตามมาด้วยเสียงครางอือเบา ๆ ที่ทำให้เท็นใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
เมื่อเห็นคนบนเตียงไม่มีท่าทีขัดขืน สิ่งที่อัดอั้นมานับสี่ปีของเท็นก็พังโครม ร่างสูงกดน้ำหนักบน
ริมฝีปากอิ่มหนักยิ่งขึ้น พร้อมสอดปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากร้อนอย่างเอาแต่ใจ เขาเท้าแขนทั้งสอง
ลงกับพนักพิงเพื่อขังร่างของอีกฝ่ายไว้ระหว่างกลาง ก่อนจะย้ายขาขึ้นมาคร่อมแคปเอาไว้
มือแคปย้ายลงมากำเสื้อเชิ้ตสีดำของเขาจนยับ พลางกลีบปากนุ่มก็ขยับขบริมฝีปากล่างของเขาตอบเบา ๆ
ราวกับลูกกวางที่เข้ามาล่อเสือถึงปากถ้ำ
ช่างอันตรายต่อใจของเขาเสียจริง
“แคป กูรักมึงนะ”
เสียงแหบกระซิบระหว่างระยะริมฝีปากเมื่อทั้งสองผละออกจากกันเพื่อรับอากาศเข้าปอด
แคปสบตาเขานิ่ง ริมฝีปากที่โดนเขาดูดจนเริ่มแดงทำให้เขาใกล้จะห้ามใจไม่อยู่เข้าทุกที
หัวใจของเท็นแทบหยุดเต้น เมื่อใบหน้าตี๋ตรงหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนมายิ้มให้เขา แก้มสีขาวขึ้นสีชมพู
ระเรื่ออย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“อือ”
กับคำตอบเดิมที่คุ้นเคย
________________________________________
“อือ...”
เสียงแหบครางเบา ๆ เมื่อรู้สึกตัวตื่น แสงสว่างสีขาวที่ส่องผ่านผ้าม่านบาง ๆ ที่หน้าต่าง
ทำให้เท็นต้องรีบหลับตาลงก่อนจะได้ลืมตาเต็มตา
“ตื่นแล้วหรอ?”
เสียงที่แค่ได้ยินผ่าน ๆ ก็บอกได้ว่าใครดังขึ้นจากทางขวา ก่อนเท็นจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ
และเห็นหน้าแคปที่นั่งอยู่บนเตียงอีกฝั่งเมื่อสายตาปรับกับความสว่างได้แล้ว ภาพเหตุการณ์เมื่อคืน
เริ่มไหลย้อนเข้ามาในหัว ทำให้เท็นหลุดยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“ยิ้มอะไรมึงอ่ะ?”
แคปถามเสียงกวนเหมือนเคย แต่บนใบหน้าหวานกลับดูมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่
“รีบตื่นจังนะมึงอ่ะ”
“อืม มันสว่างอ่ะ แล้วมึงอ่ะ โอเคมั้ย?”
“เห้ย ชิลล์ กูไม่ได้เมาขนาดนั้นซะหน่อย”
เท็นหัวเราะแห้ง และค่อย ๆ ดันตัวขึ้นนั่ง แต่พอหันกลับไปสบตากับแคปอีกที แคปกลับมีสีหน้า
ที่แปลกไป ไหนจะคิ้วที่ขมวดกันเล็กน้อยอีก
“นี่มึง...จำเรื่องเมื่อคืนได้มั้ย?”
แคปหรี่ตาลง และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและเบาลงจนเท็นใจหวิว ในแววตาสีน้ำตาลมี
ความต้องการอะไรบางอย่างที่เท็นไม่อยากจะเดาเลยว่าคืออะไร
“เรื่องเมื่อคืน? ทำไมหรอ มีอะไร?”
เท็นพยายามทำเสียงดึงบรรยากาศแปลก ๆ ในห้องให้กลับมาเป็นปกติ แต่เหมือนการกระทำนั้น
จะยิ่งทำให้แคปไม่พอใจ
“มึงอ่ะเท็น เมื่อคืนมึงได้บอกอะไรกูรึเปล่า?”
แคปถามด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มและไร้อารมณ์ใด ๆ เท็นรู้สึกได้ถึงเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามไรผมจากความกลัว
ก็คิดอยู่ว่าเมื่อคืนแคปคงเมาไม่มากเท่าที่เคย เจ้าตัวอาจจะพอมีความทรงจำอะไรหลงเหลือมาบ้าง เขาค่อย ๆ
ระบายยิ้มเจื่อน และพยายามกลบเกลื่อนให้เนียนที่สุด
“ป…เปล่านี่ กูมาถึงมึงก็เมาหลับไปแล้วนะ ก็ไม่ได้คุยอะไรกัน”
เท็นพยายามยิ้มให้แคปเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ เหมือนที่ลอดสายตาแคปมาได้ในทุก ๆ ครั้ง
แต่คราวนี้แคปกลับยังจ้องเขาไม่วางตา
เสียงสูดหายใจเข้าช้า ๆ และถอนหายใจหนัก ๆ ของแคปดังก้องไปทั่วห้องที่ไม่มีเสียงใด ๆ
ร่างสูงกำผ้าห่มสีขาวในมือ พลางกัดริมฝีปากล่างแน่นจนเท็นเป็นห่วง
และไม่ทันที่เท็นจะได้เอ่ยปากถาม แคปก็ดันตัวยืนขึ้นและเดินออกจากห้องไปเสียก่อน
TBC.
ตอนที่สามแล้ววววว ส่วนตัวเราชอบพล็อตของเรื่องนี้ที่สุดในซีรี่ส์เลย 55555
ภาษาอาจจะยังไม่สวยขนาดนั้นนะคะ แต่ว่าเราก็พยายามเขียนให้เห็นภาพที่สุด
หวังว่าจะชอบกันนะคะ ตอนหน้าก็จบเรื่องแคปแล้ว แงงง