นั่งเขียนตอนพิเศษไปสามสี่วัน จรดออกมาได้ดังนี้ มีตัวอย่างมาพอเป็นน้ำจิ้มให้อ่านกัน อ่านจบอย่าเขวี้ยงอะไรมานะ
*****************************************
โอมหอมแก้มผมก็จริงแต่ทำไมผมไม่รู้สึกดีขึ้นมาเลย หรือว่าความรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องเล็กๆพวกนี้มันเกิดขึ้นเพราะผมเข้าสู่วัยทองไปแล้ว ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆออกไป แล้วค่อยๆคิดผมกับโอมก็รักกันดีเราไม่ค่อยทะเลาะกัน มีแต่เรื่องที่โอมงอนผมนิดๆหน่อยๆซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับผมไปแล้ว แต่วันนี้ผมอยากให้โอมหึงผมมากกว่านี้ แคร์ผมสนใจความรู้สึกของผมมากกว่านี้ แต่โอมก็ไม่เป็น ผมแอบระแวงคิดว่าโอมอาจจะเบื่อผมแล้วก็ได้
ความระแวงเหมือนยาพิษที่ทำร้ายจิตใจเรา วันนั้นทั้งวันผมก็ยังไม่รู้สึกดี ผมยังควบคุมตัวเองให้คุยกับคนอื่นได้ตามปกติ แม้แต่กับโอมก็ตาม แต่ลึกๆในใจผมกำลังสะสมสิ่งที่ผมไม่เคยเป็นคือความระแวง...ว่าโอมกำลังจะหมดรักผม
ผมตัดสินใจกลับกรุงเทพฯในวันรุ่งขึ้นทันที “ไหนพี่ต่ายว่าจะกลับมะรืนไง”โอมก็ยังถามผมเมื่อผมบอกว่าผมจะกลับ ก็ยังดีที่ถาม
“พอดีมีงานด่วน พี่เลยจะกลับไปเคลียร์ก่อน พรุ่งนี้โอมไปกับพี่มั้ยล่ะ พี่ไปทำงานครึ่งวันเอง บ่ายเราจะได้ไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน” ถ้าโอมไปด้วยผมก็จะดีใจมากครับผมชวนจากใจจริงๆแต่โอมก็ไม่ไป
“อื่อฮึ...ไม่เอาอะขี้เกียจอยากนอนอยู่บ้าน ไม่อยากนั่งรถกลับคนเดียวด้วย”
“พี่ขับมาส่งก็ได้นะ ไม่ต้องกลับรถทัวร์หรอก” ผมเอาใจโอมทุกอย่างที่ผมทำได้
“ไม่ต้องหรอกพี่ เปลืองน้ำมัน พี่ต่ายเหนื่อยเปล่าๆ”
โอมพูดจบแล้วก็เลิกสนใจอีกต่อไป ถึงแม้จะมีโอมในอ้อมกอดผมแต่ทำไมผมยังรู้สึกโดดเดี่ยวขนาดนี้นะ เมื่อโอมหลับผมปล่อยตัวโอมออกจากอ้อมกอดผมไป โอมพลิกตัวหันหลังให้ผมทันที ผมข่มตายังไงก็ยังนอนไม่หลับครุ่นคิดเพ้อเจ้อไปจนเกือบรุ่งสาง วันรุ่งขึ้นผมเก็บกระเป๋ากลับบ้านมาตามลำพังเงียบๆ โอมมาส่งผมที่รถก้มลงจูบปากผมไวๆแล้วบอกว่า
“พี่ต่ายขับรถดีๆนะครับแล้วเจอกัน”
***************************
เขียนไปเรื่อยๆก็เริ่มรู้สึกว่า ทำไมมันเครียดขนาดนี้ว้า แต่มันก็...นะ
ตอนนี้รอบรรณาธิการตรวจอีกทีค่ะ บก.ก็เครียดจนป่วยไปด้วย
รอๆกันหน่อยเน้อ มีแต่ป้าแก่ๆสองคนทำ