เวิร์ดมีปัญหาครับคุณผู้ชม... เมื่อคืนเลยไม่ได้มา โมโหมาก
พิมพ์แล้วเซฟไม่ได้ขึ้น not.... บลาๆ ปิดเปิดใหม่เหมือนเดิม เสาร์อยากตาย!! 
วันนี้ได้โอกาสมาต่อแล้ว รักส์ทวกคนนน
ดาวเสาร์ ‘Our love is twin’( สองแสน - สิบ )
“คุณว่าไหมคะ ว่าลูกเราดูโทรมๆทั้งคู่แล้ว” มือที่กำลังคีบซูชิขึ้นมาใส่ปากชะงักค้าง มื้อเที่ยงที่พ่อกับแม่พาออกมากินวันนี้คือ อาหารญี่ปุ่น ผมกับแสนนั่งฝั่งเดียวกันและพ่อกับแม่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ผมก็ว่าจะทักตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว” พ่อกับแม่จ้องเขม็งมาที่ผมสองคนเชิงกดดัน ผมได้แต่อึกอักนึกอะไรไม่ออกเตะขาไอ้แสนใต้โต๊ะเชิงให้มันตอบแทน มันเหลือบมามองหน้าผมแล้วถอนหายใจ
ไอ้แสนคนเมื่อเช้ามันหายไปไหนวะ!
“งานเยอะครับ” ไอ้แสนตอบไปแต่หน้าพ่อกับแม่ยังมีความสงสัยฉายอยู่ ผมเลยเออออสมทบแสนไปยืนยันความเชื่อถือด้วยการก้มหน้าก้มตากินไม่มองหน้าใคร (?)
“ไม่ใช่ทะเลาะกันเพราะแย่งผู้หญิงคนเดียวกันหรอกนะ”
พรูดดด
“แค่กๆ แม่พูด.. แค่กๆ ไรเนี่ย” ผมพ่นข้าวปั้นออกมาด้วยความตกใจ มือก็ลูบอกตัวเองไปด้วย
“.... ปัญญาอ่อน” ไอ้เสียงนิ่งๆแต่ประโยคกระแนะกระแหนนี่ผมขอซื้อได้ปะวะ แต่ตอนนี้พูดไรไม่ออกได้แต่มองมันด้วยหางตาแบบเคืองๆ
“ไอ้ลูกคนนี้ กินยังไง เละเทะไปหมดเลย” ผมมองพ่อที่ถือถ้วยตัวเองออกจากองศาการพ่นของผมแล้วอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง เพราะพ่อนั่งตรงกับผมพอดี มีการทำหน้าขยะแขยงใส่อีก นี่ลูกนะ!
“ก็ดูแม่พูดดิพ่อ!”
“จริงหรือไง”
“ไม่ / ไม่จริง” ผมกับไอ้แสนพูดพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ผมหันไปมองหน้ามัน มันก็มองหน้าผมก่อนเราจะหัวเราะออกมาเบาๆทั้งคู่
“ยังไงเราก็พี่น้องกัน ห้ามทะเลาะกันด้วยเรื่องพวกนี้เด็ดขาด” ผมสะอึกไปเล็กน้อย แม้จะก้าวข้ามเส้นแบ่งความสัมพันธ์นั่นแล้วแต่ก็อดรู้สึกไม่ได้
‘พี่น้อง’ ผมก้มหน้าซ่อนสายตาของตัวเองไม่ให้พ่อกับแม่จับสังเกตได้ มือข้างที่ไม่ได้จับตะเกียบกำแน่นอยู่บนตักก่อนจะสะดุ้งเบาๆ เมื่อไอ้แสนดึงมือผมไปกุมไว้แทน ผมไม่ได้หันมองแต่กระตุกเล็กๆให้มันปล่อย กลัวพ่อแม่เห็นแต่ไม่เป็นผล มันยังคงยื้อไว้แถมสอดนิ้วประสานกับผมกุมไว้แน่น
อุ่น... มือของมันอุ่น จนหน้าผมร้อน ใจผมเต้นผิดจังหวะ ผมปล่อยให้มันจับไว้อย่างนั้นอย่างเลือกไม่ได้
แหนะ ไม่ต้องมากระแนะกระแหนผมหรอก เออ ใช่ ผมก็ชอบไง.. ฮ่าๆๆ
“ทีเมื่อก่อนจะแยกห้องนอนให้ก็ไม่เอา จะจับแยกเรียนคนละที่ก็ไม่เอา เดี๋ยวนี้จะมาขอแยก ไม่คิดว่ามันผิดปกติไปหน่อยหรือไง”
“โธ่พ่อ ไม่แปลกอะไรตรงไหน คนเราก็มีอารมณ์อินดี้กันทั้งนั้นละ อะ กินนี่นะค้าบบบ นี่ค้าบของแม่” ผมคีบอาหารส่งให้พ่อแม่เป็นการตัดบทสนทนา ไอ้คนข้างๆมันก็ไม่พูดอะไรเลยนอกจากกินและกิน
แทนที่จะช่วยกันบ้าง ด้วยความโมโหผมกระตุกมือตัวเองแล้วกระทืบเท้ามัน ผมว่าผมก็ไม่ได้ทำแรงนะแต่มันสะดุ้งตะเกียบหล่นเลย หน้าแม่งเหวอแบบโคตรจี้ ฮ่า ๆ
“เอ้า! เดี๋ยวตัวพี่พ่นข้าว เดี๋ยวตัวน้องทำตะเกียบหล่น นี่พาฉันพาเด็กสามขวบมากินข้าวหรือไง” แม่ส่ายหัวพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ คนข้างๆมันหันมามองตาเขียวปั๊ดแต่..ฮูแคร์ ? กร๊ากกกก
หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จแม่ก็พาไปซื้อของเข้าบ้านต่อ ผมเลยขอแยกไปดูพวกของใช้ตัวเองใครเสร็จก่อนให้โทรหากัน ผมเดินเข้าโซนแชมพูกับสบู่โดยมีไอ้แสนเดินตามต้อยๆเป็นลูกเป็ด
“กลิ่นนี้หอม” ผมสะดุ้งกับลมหายใจร้อนที่เป่าข้างหู ไม่กล้าหันหน้าไปมองมันเลยได้แต่กรอกตาไปมากลัวคนอื่นมอง
“มึงมาชิดทำไมเนี่ย”
“อยากดมด้วย” มันพูดจบก็กดจมูกลงบนไหล่ผม ผมเลยงอแขนกระทุ้งศอกใส่ท้องมัน จนไอ้แสนถอยไปกุมท้อง
“สม!” ผมเบ้ปากหันกลับมาสนใจสบู่ตรงหน้าอีกครั้ง ผมเป็นคนชอบกลิ่นหอมอ่อนๆ เย็นๆ สบายดี แต่สบู่ส่วนใหญ่มักจะทำกลิ่นหอมฉุนจนเวียนหัว หันไปใช้สบู่เด็กดีไหมวะ?
แผล่บ ผมเบิกตาสะดุ้งเฮือก ใจเต้นรัวร้อนวูบวาบไปทั้งหน้ากระโดดออกมากุมหูตัวเองไว้
“ไอ้เชี้ยแสน!” มันเลียหูผม! ไอ้ผักกล่ำ ไอ้()*()*@&&*%&@(!))_
“หึ” มันกระตุกยิ้มทำหน้ามึนใส่ ดวงตาสีดำสนิทของมันระยิบระยับจนน่าจิ้มให้ตาบอด ผมรีบหันหนีเช็ดๆหูตัวเองเดินไปทางอื่น ใช่ว่ามันจะไม่ตาม แต่ไม่อยากมองหน้าแม่งแล้วโว้ยยยย
“มึงไปเลือกของมึงดิ!” เดินมาได้ซักพักพอทำใจได้ก็หันมาหามัน มันกลับเลิกคิ้วแล้วชูตะกร้าให้ผมดู อ้าว มันหยิบตอนไหนวะ ของผมยังไม่ได้อะไรเลย
“ทำไมเลือกไวอะ..”
“...มึงกาก” ผมง้างตะกร้าเขียวในมือเตรียมจะฟาดมันซักที มันกลับหัวเราะทำผมชะงักค้าง ตาของมันหยีลงเป็นสระอิประกอบกับขี้แมลงมันเม็ดเล็กๆมันยิ่งมีเสน่ห์ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ ทำให้ใจผมเต้นแรงจนต้องรีบหันหนีเม้มริมฝีปากไว้แน่นจ้ำหนี
ไอ้บ้าแสน
“หูแดง”
“เสือก” ผมหันกลับมาถลึงตาใส่คนที่ยังเดินตามมาแกล้ง ไม่สนแล้วว่าหน้าตัวเองจะแดง หูจะแดงหรือเปล่า หวังแค่ให้มันเลิกแกล้งซักที ใจสั่นจะตายอยู่แล้ว
“หึ..น่ารัก”
“........” ผมหันหลังกลับเดินหนี
“อยากกอดวะ”
“..........” ผมเม้มปากหันมองหาแม่
“ขอจูบทีดิ”
“.........” สลัด... ฟัก ฟัก ฟัคคคคค
“หึหึ”
คิดว่าผมจะเป็นยังไง..
คิดว่าผมจะทำอะไรได้..
ลาก่อนโลก
“ไม่สบายหรือเปล่าลูก” แม่ทักด้วยสีหน้าเป็นกังวลตอนที่ผมเดินมาถึง
“ไม่นี่แม่”
“หน้าแดงจัง กลับบ้านกินยาหน่อยนะลูก” ......พอแม่พูดจบ เสียงหัวเราะก็ดังมาจากข้างหลังทันที เพราะมันนั่นละ ฝากไว้ก่อน! ผมหัวเราะแห้งๆใส่แม่แล้วพาเปลี่ยนประเด็น
“พ่อกับแม่ได้ของครบหรือยังครับ”
“ครบแล้วๆ ไปคิดเงินกัน” พ่อเดินนำไปที่แคชเชียร์ผมยัดตะกร้าตัวเองใส่มือไอ้แสนแล้วเดินหนีออกมายืนด้านนอกรอรับถุงใส่รถเข็น ระหว่างยืนรอผมก็มองนั่นมองนี่ไปเรื่อยแต่พอหันกลับมาก็เจอสายตาของมันมองอยู่ทุกที แรกๆผมก็หันหลบละครับ พอหนักๆเข้าผมเลยถลึงตาใส่แม่งซะเลย
กวนตีน!!
“ตกลงเรื่องคอนโดเอายังไงแสน” พ่อถามตอนที่พวกเรามาถึงบ้านแล้ว ผมใช้หางตามองคนข้างๆรั้งเอาของตัวเองมาถือไว้เดินขึ้นห้อง เรื่องของใคร เรื่องของมัน แก้เองโว้ย
ผมไม่รู้ว่าพ่อแม่คุยอะไรกับมัน อยากรู้อยู่นะแต่ไม่กล้าพอที่จะแอบฟังกลัวคำตอบของมันไม่ถูกใจตัวเองแล้วจะเครียดเอาเปล่าๆ ผมเรียงของตัวเองไว้หน้ากระจกและในห้องน้ำจนเสร็จก็ถอดกางเกงยีนส์ใส่แค่บ็อกเซอร์ลายสปอนบ๊อบกับเสื้อยืดตัวเดิม นอนแผ่บนเตียง
พออยู่นิ่งๆเงียบๆ สมองก็เริ่มทำงาน เรายังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยนอกจากการแสดงออกทางกาย ระหว่างที่มันไม่อยู่บ้านมันไปอยู่ไหนมาผมก็ไม่รู้ มันเริ่มรู้สึกกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แล้วการกลับมาครั้งนี้มันล้มเลิกที่จะออกไปอยู่คนเดียวหรือยัง แม้จะดูเป็นผลลัพธ์ที่ดีในวันนี้แต่ถ้าต้องแยกกันอีกจะทนได้หรือเปล่า
ใช้สมองมากเข้าความง่วงก็เข้าโจมตี เมื่อเช้าตื่นไวไปหน่อย ผมขยับตัวให้นอนได้อย่างสบายก่อนจะเผลอหลับไป
คนที่เพิ่งคุยกับแม่เสร็จเปิดประตูเข้ามาแล้วระบายยิ้มบางๆ วางข้าวของที่ติดมือมาด้วยไว้ปลายเตียงตัวเองเดินมาที่ข้างเตียงคนหลับ โน้มตัวลงจูบมุมปากตาพราวระยับกระซิบเสียงแผ่วก่อนกดจูบลงอีกหน
“รักนะครับ”
( จบสองแสน - สิบ )