‘Our love is twin…’
( สองแสน - หก : โลกกลม )
เช้านี้ผมตื่นมาด้วยความง่วงและหงุดหงิดขั้นสุด เมื่อคืนกว่าจะหลับก็เกือบถึงเวลาไก่ขันแล้ว! แต่!! ต้องแหกตาตื่นเพราะเสียงโครมครามมาจากข้างบ้าน!!
หลังจากพยายามคลุมโปง พลิกซ้าย พลิกขวาเท่าไหร่ก็ไม่สามารถหลับลงได้เลยลุกขึ้นนั่งขยี้หัวตัวเองแรงๆ พอหันไปมองที่เตียงสามฟุตของไอ้แสน เจ้าของมันก็มีสภาพไม่ต่างจากผม คิ้วขมวดแน่นหน้ายุ่งผิดคอนเซ็ปนิ่งของมันเลย
“แสน มึงไปดูดิ” ด้วยความที่หน้าต่างบานใหญ่ของห้องมันอยู่ระหว่างเตียงของเรา แล้วตอนนี้ผมก็โดนเตียงดูดอยู่ลุกไม่ชึ้น ใช้มันนี่ละดีที่สุด ไอ้แสนมันถอนหายใจแล้วลุกพรึบจากที่นอนในสภาพกางเกงนอนขายาวตัวเดียว เอิ่ม..
น้องชายมึงแข็งแรงดีจัง... ไม่ได้ทะลึ่งนะเว้ย ก็รู้ละว่าพวกเราเหล่าผู้ชายเวลาตื่นใหม่ๆมันก็มีปึ๋งปั๋งกันบ้าง ของตัวเองก็ไม่รอดอะแต่อยู่ใต้ผ้าห่มไม่มีใครเห็นไง
“คนย้ายเข้า” ไอ้แสนมองอยู่แปปก็เดินมาที่เตียงผมแล้วทิ้งตัวลงนอนเบียดทันที
“ไรมึงเนี่ย”
“นอนด้วย” ไอ้มึน ไอ้หน้ามึน ไม่ว่าผมจะพยายามดันมันออกไปยังไงไอ้นี่ก็มือเหนียวอย่างกับตีนตุ๊กแกกอดผมไว้ซะแน่นเลย เลยปล่อยเลยตามเลยหันหลังให้แม่งแล้วพยายามข่มตาให้หลับ
ปัง!!
“ไอ้)^*()*$_)(()#&*@*(&)” ผมกับไอ้แสนลุกขึ้นนั่งสบถเป็นเสียงเดียวกัน การนอนตื่นสายในวันหยุดเป็นอันต้องหยุดลงเพราะมันดังมาอย่างต่อเนื่อง นี่มึงย้ายบ้านหรือระเบิดบ้านกันแน่วะ!!
“แสน! กูง่วง!” พอนอนไม่พอผมก็จะหงุดหงิดและงี่เง่าเป็นปกติ ซึ่งไอ้แสนเป็นคนที่โดนหงุดหงิดใส่ตลอด
“....”
“กูง่วง!!” ย้ำอีกทีเผื่อแม่งไม่เข้าใจเพราะมันยังนั่งนิ่ง
“....นอน”
“มึงแม่ง ไปเลย!” ผมถีบมันตกเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนแบบหงุดหงิด นอนไม่ได้ไงเพราะเสียงดัง ไมแม่งไม่เข้าใจวะ!
“เอาแต่ใจ..” เออเรื่องกู ผมยกผ้าขึ้นคลุมโปง มันง่วงจนหงุดหงิดงุ่นง่าน อยากนอนอะอยากนอนโว้ยยย เสียงกุกกักๆอยู่ไม่ห่างจากเตียงก่อนผ้าห่มผมจะถูกเปิดออก กำลังจะหันไปด่าเฮดโฟนแบบกันเสียงรบกวนด้านนอกก็ถูกใส่มา
“นอนซะ” มันบอกก่อนจะครอบลงหูสนิท จะว่าไปหลังจากมีเรื่องเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เป็นครั้งแรกที่ได้สบตาตรงๆกับแสน แววตาวันนี้มันแปลกๆทำให้ผมคันยุบยิบในอก มันจ้องอยู่พักนึงก็เดินหนีไปเข้าห้องน้ำ ผมเลยได้ฤกษ์หลับซักที
ตื่นมาอีกทีคราวนี้ถอดเฮดโฟนออกแล้วด้านนอกก็เงียบลงแล้ว ผมบิดตัวไล่ความเมื่อยของร่างกายก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองเวลา เรือหาย! บ่ายสาม นี่ผมนอนหรือซ้อมตายโดนแม่กับพ่อบ่นเป็นแน่แท้ ตาลีตาเหลือกวิ่งเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองเลยครับ
สิบนาทีพอดีไม่ขาดไม่เกินผมออกมาจากห้องน้ำทั้งผ้าขนหนูพันช่วงเอว
“อ้าว” ไอ้แสนครับ เมื่อกี้มันไม่อยู่สงสัยเพิ่งขึ้นมาตอนนี้มันเก็บที่นอนให้ผมเรียบร้อยเลย ไม่ขอบคุณหรอกนะมึงทำเอง ฮ่า ๆ
“ไวๆ พ่อกับแม่จะพาไปข้างนอก” ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับรู้ รีบเดินไปหาชุดสำหรับออกไปข้างนอกทันที
“กว่าจะตื่นนะเจ้าสอง” ทันทีที่เท้าแตะพื้นชั้นล่างหม่อมแม่ก็แซะทันทีครับ ผมหัวเราะแห้งๆเดินไปกอดแล้วหอมแก้มพ่อกับแม่คนละฟอด
“วันหยุดทั้งทีนี่ครับแม่”
“จ้าๆ เดี๋ยวเราไปกินข้าวกัน เลี้ยงฉลองเจอเพื่อนเก่าแม่กับพ่อซักหน่อย” ผมเลิกคิ้วไม่นานก็พบชายหญิงคู่หนึงเดินเข้ามาในบ้านพอดี
“ตายแล้ว สองแสนกับแสนสอง ทำไมโตกันไวจังลูก” ผมทำหน้าเอ๋อแต่ก็ยกมือไหว้อีกฝ่าย
“มันก็หลายปีแล้วนะมล”
“หน้าตาหล่อเหลาได้พ่อมาเต็มๆเลยนะ” พ่อผมก็ยิ้มหน้าบานสิครับ โดนชมขนาดนี้ ผมก็ยิ้มเอ่อยขอบคุณเบาๆผิดกับไอ้แสนที่จ้องไปที่คนด้านหลังเขม็ง
“อ่ะ นี่ลูกชายฉัน ชื่อซาย” พอได้ยินชื่อตัวเองอีกฝ่ายก็ยอมออกมาให้เห็นหน้า ตากลมนั่นเบิกเล็กน้อยก่อนจะถลาเข้ามาจับมือผมเขย่า
“เฮ้ย! หาเจอซักที” มึงจะเขย่าอีกนานไหม เครื่องในกูเละรวมกันแล้วมั้ง!! ผมยังไม่ทันได้ดึงมือตัวเองออกไอ้แสนก็กลายเป็นคนหิ้วคอเสื้อไอ้ชายให้มายืนห่างๆแล้ว แม่งแรงควายจริงๆไอ้แสนเนี่ย หรือเพราะไอ้นี่มันตัวเบา
“รู้จักกันหรอจ๊ะ” แม่ผมเป็นคนถาม นั่นสิ รู้จักกันหรอวะ
“ครับ” มันตอบแม่ผมก่อนจะหันมายิ้มกว้างใส่ โอ้ยกูแสบตา กูไม่เคยรู้จักมึงซักหน่อย เอ๊ะ จะว่าไปก็คุ้นๆวะ
“งั้นดีเลย พวกเราแยกกันไปดีกว่า พวกลูกๆก็ไปหาอะไรกินกัน เดี๋ยวพวกแม่จะไปร้านประจำ” แม่ผมพูดแบบม้วนเดียวจบยัดกุญแจรถของพ่อมาให้เรียบร้อยพร้อมกับบัตรเครดิตใบหนึ่งที่ดึงมาจากกระเป๋าพ่อจนพ่อทำหน้าเหวอ
“อย่ากลับกันค่ำนักละ” แม่ของไอ้ซายกำชับพวกผมอีกทีก่อนจะหันหลังออกไปเลย ผมหันมองหน้าแสนที่ตอนนี้มันดู...จะหงุดหงิด ไม่รู้หงุดหงิดอะไรแต่ไม่เสี่ยงตีนมันแล้วกันหันมาหาอีกคนแทน
“มึงเป็นใครวะ?”
“เมื่ออาทิตย์ก่อนที่ข้างตึก” ผมยืนนิ่งประมวลผล เมื่ออาทิตย์ก่อนก็ช่วงมีเรื่องน่ะสิ...งั้นหมายความว่า
“ไอ้ผักเปื่อยนั่นมึงหรอ!”
“ใช่แล้วพวก...บอกให้กูหาของเซ่นแต่ไม่บอกชื่อไม่บอกอะไรเลย มึงคิดว่ามหาลัยมันเล็กนักหรอวะ”
“กูลืม จะว่าไปกูนึกว่ามึงตายไปแล้วนะเนี่ย”
“กวนตีนแล้ว แต่กูได้ข่าวว่าพวกนั้นโดนคนจริงกระทืบเละไปเลย”
“หึหึ...นี่ไงคนจริง” ผมชี้ไปที่ไอ้คนข้างๆที่ยังยืนเงียบเป็นสากกะเบืออยู่ ไอ้ซายเลิกคิ้วแล้วมองหน้าไอ้แสน
“จริงดิ?”
“เออ”
“โห เจ๋งวะ!” ไอ้แสนมันปรายตามองก่อนส่ายหัวคว้ากุญแจรถในมือเดินนำไปที่รถพ่อทันที ไอ้ซายถึงกับเอ๋อไปชั่วขณะ โดนเมินเห็นๆ อยากจะขำให้ฟันร่วงกับหน้ามันตอนนี้ ผมตบหัวมันเรียกสติก่อนจะลากไปขึ้นรถเดี๋ยวโดนไอ้แสนทิ้งไว้บ้านครับ
ระหว่างอยู่บนรถผมก็ถามมันละเอียดยิบว่าแม่งเรียนคณะอะไร ได้คำตอบมาว่ามันเรียนอยู่คณะอักษร เอก ภาษาญี่ปุ่นครับ พอถามต่อว่าทำไมถึงโดนกระทืบ
“กูหล่อเกินไปเลยโดน”
“เพราะมึงมั่นเกินไปถึงโดนกระทืบ! พูดแล้วกูคันตีนเลยเนี่ย!!” ผมสวนกลับทำท่าจะปีนเบาะไปหามันที่นั่งข้างหลัง
“ฮ่าๆ ทีมึงยังมั่นอกมั่นใจในความหล่อของตัวเองเลย ไอ้น่ารัก”
เอี๊ยด!! อยู่ดีๆไอ้เชี้ยแสนก็เบรกจนผมแทบจะหัวทิ่มโชคดีมากที่คาดเบลล์ไว้ แต่ไอ้ซายไม่เป็นงั้นครับ มันแทบพุ่งพรวดไปชนกับกระจกหน้า ดีที่ผมดึงไว้
“อะไรวะแสน!”
“หมาตัดหน้ารถ” มันแผ่ออร่าทมึนมาอีกแล้วครับ แค่หมาตัดหน้ามึงไม่เห็นต้องทำหน้าเข้มเลยวะ มันออกรถอีกครั้ง
“เอาดีๆตกลงทำไมถึงมีเรื่องวะ”
“ก็พวกแม่งหาว่ากูไปแย่งเมียมัน กูเลยบอกว่า กูไม่ได้แย่ง กูหล่อของกูอยู่เฉยๆ เมียพวกมึงก็เข้ามาหากูเอง เท่านั้นละแม่งชกกูเลย”
คำเดียวที่นึกออกสมควร.. ผมทำหน้าเอือมใส่มัน แต่ไอ้ห่านี่แม่งดันยกมือขึ้นมาบีบแก้มผม
“ปล่อยแก้มกู”
“นิ่มดี ไม่ปล่อย” ผมก็พยายามจะตบหัวมัน มันก็โยกตัวหลบแล้วหัวเราะร่า
“น่ารักดีวะ มีแฟนยังวะสอง กูจีบได้ปะ”
เอี๊ยด!!
“โอ้ย อะไรวะแสน!!” คือตกใจทั้งคำพูดไอ้ซาย ทั้งเจ็บที่สายเบลท์รัดเวลารถกระตุก ครั้งนี้ผมไม่ได้จับไอ้ซายไว้ครับ มันคว้าเบาะผมไว้ทัน
“แมวตัดหน้ารถ” เสียงเรียบนิ่งตอบกลับมา
“ไหนวะ!” ผมพยายามมองหาแมวที่ว่าแต่ไอ้แสนไม่ได้พูดอะไร ออกรถต่อ เออสงสัยแม่งไปแล้วมั้ง
“มึงสองคนนี่ดูบางทีก็เหมือนกัน บางทีก็ไม่เหมือนกัน” ตอนนี้ไอ้แซนมันขยับไปนั่งดีๆแล้วครับ สงสัยกลัวหัวทิ่มกระจก
“หรอ..อะไรที่ไม่เหมือนละ” ผมถามกลับไป
“ความรู้สึกน่ะ”
---------------------
“กินไรกันดีวะ?” ทันทีที่เข้ามาในตัวห้างผมก็ถามทันที วันนี้วันหยุดพวกร้านอาหารน่าจะคนเยอะ กินอะไรดีวะ คิดไปก็สอดส่ายสายตาไปทั่วบริเวณ
“อะไรก็ได้แล้วแต่มึง” ไอ้ซายเป็นคนตอบครับส่วนไอ้แสนหรอ
“.............” ความเงียบคือคำตอบ งั้นกูตัดสินใจเองแล้วกัน มองซ้ายมองขวาไปตลอดทางจนเจอร้านอาหารญี่ปุ่น ผมรีบลากมันทั้งสองคนเข้าไปทันที
“งานนี้กูเลี้ยงเองนะ ถือว่าเลี้ยงขอบคุณที่มึงช่วยกูคราวนั้น” ผมพยักหน้าตกลงทันที คนจะเลี้ยงอย่าขัดศรัทธา!! ฮ่าๆ
ว่าแต่... ไอ้แสนมันเงียบผิดปกตินะวันนี้
ว่าไหม?
( สองแสน - หก : โลกกลม )
---------------------------------------------
คนเขียนขอกราบประทานอภัยเป็นอย่างสูง
เนื่องจากเหนื่อยและเพลียต่อการทำงานเลยไม่ได้มาอัพเลย

อุส่าตั้งเป้าจะลงทุกวันพอมืดมาเผลอหลับทุกที
ขอโทษคนอ่านด้วยขอรับบบ
ดาวเสาร์
คลานออกจากเล้า
