แอ๊บที่ 22: พรุ่งนี้อาจไม่มีจริง
“มึงคิดถูกแล้วไอ้กัส ที่ไม่คล้อยตามพวกเสียสติอย่างเพื่อนมึง!”
แกนคณะปี 5 เอ่ยชมรุ่นน้องพลางกระแทกแก้วเหล้าลงอย่างหัวเสีย เขายังแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่แมนเกินล้านอย่างไอ้แมนจะตกหลุมพรางตุ๊ดหน้าเข้มอย่างเมียมันได้
“ใครจะทนมีเพื่อนเป็นผัวตุ๊ดได้ล่ะพี่?! คิดแล้วแค้นไอ้แมนนัก ทำกร่างปากดีไม่สนรุ่น ถุย! มันก็แค่อยากเหยียบหัวพี่ฉิมต่อหน้าธารกำนัลเท่านั้นแหละพี่!”
นายออกัส นักศึกษาสถาปัตย์ปี 4 ยุแยงรุ่นพี่อย่างออกรส แต่น้องโฟนแกนปี 3 ที่นั่งอยู่ด้วยกลับแย้งขึ้นมา
“พี่แมนก็แค่กำลังหลงอีตุ๊ดนั่นจนหน้ามืด ไม่ได้จะเหยียบหัวพี่ฉิมอย่างที่พี่กัสพูดซะหน่อย”
“นี่มึงจะเข้าข้างไอ้แมนอีกคนใช่ไหมไอ้โฟน?”
“...เปล่าพี่”
ไอ้โฟน ปี 3 ตอบเสียงอ่อย ถึงจะแย้งในใจว่าพี่ฉิมควรจะกำจัดตัวต้นเหตุคือไอ้ตุ๊ดยักษ์นั่นมากกว่าจะมาลงความผิดที่รุ่นพี่มันเคารพก็ตามที รุ่นน้องหน้าตาดีถอนใจหนึ่งเฮือกก่อนจะซดเหล้าที่พี่กัสชงให้ไปอีกหนึ่งแก้ว
“พี่ฉิมจำน้องสโนว์ ดาวพยาบาลได้ป่ะ?”
“จำได้ กูเห็นมึงควงอยู่พักนึงนี่”
“คืนนี้ไปห้องน้องเขานะ น้องเขาอยาก “ทำความรู้จัก” กับพี่”
รุ่นพี่ได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มเผล่ ใครๆ ก็รู้ดีกรีความสวยอึ๋มเซ็กซี่ของน้องสโนว์ดาวพยาบาลปี 3 หนุ่มๆ อยากจะแกล้งรถล้มไปนอนป่วยมองนม เอ้ย! นอนป่วยให้เธอคอยดูแลกันอยู่บ่อยไป
“แม่ง ลาภลอยแท้โว้ย~! จริงไหมวะไอ้โฟน?”
“งืมมมม”
ตุบ!
แกนคณะปี 3 ฟุบไปกับโต๊ะเหล้าดังตุบ จนผู้ร่วมวงอีกสองคนที่เหลือต้องประคองตัวขึ้นมาดูอาการ ไอ้โฟนยังคงมีสติหลงเหลืออยู่แต่ก็เลือนลางเต็มที
“เมาแล้วสิมึง กูบอกแล้วว่าอย่า...”
ตุบ!
แล้วพี่ฉิมก็ล้มฮวบไปอีกคนหนึ่ง...
.
.
.
แสงพระอาทิตย์ยามสายสาดเข้ามาในห้องพักแคบๆ ของหอพักแห่งหนึ่งข้างมหาวิทยาลัย แกนคณะปี 5 แห่งสถาปัตย์กวาดมือไปทั่วพื้นเตียงดึงร่างนุ่มนิ่มข้างตัวเข้ามากอดแล้วหอมแก้มไปฟอดใหญ่
“น้องสโนว์~”
“อะแฮ่ม! ขอโทษที่ขัดจังหวะฝันหวานๆ ของพี่นะครับ”
เสียงหวานคุ้นหูของรุ่นน้องจอมโหดปลุกให้พี่ฉิมพลีตื่นเต็มตา ไอ้ตัวดีหย่อนตูดพิงโต๊ะกระจกโยนกล่องถุงยางเปล่าเล่นอย่างอารมณ์ดี ประเด็นคือไอ้เหี้ยแมนเสือกยกสมุนในแก๊งค์มาอีกเป็นแผง
“มึงมาทำเหี้ยอะไรที่นี่?”
ไอ้พี่แมนกระตุกยิ้มมุมปากอย่างสะใจโคตร ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงยียวน
“มาเป็นสักขีพยาน”
“สักขีพยาน?”
พี่ฉิมทำหน้าเหรอหรา มองสายตากรุ้มกริ่มของรุ่นน้องแต่ละคนอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนจะก้มมองสภาพตัวเองรวมทั้งน้องสโนว์ดาวพยาบาลที่นอนคลุมโปงตัวสั่นอยู่ข้างๆ คงเพราะกลัวที่มีผู้ชายหน้าตาโหดเถื่อนเป็นสิบคนมารุมจ้องหลังจากเสร็จภารกิจรักกันไปเมื่อคืนหมาด
“สโนว์ สโนว์ครับ”
แกนปี 5 พยายามเขย่าเรียก แต่น้องคนสวยก็ไม่ยอมโผล่ตัวออกมาจากผ้าห่มผืนหนาเลย พี่ฉิมเริ่มรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ เลยออกแรงกระชากผ้าห่มออกดูหน้าน้องสโนว์ให้เต็มตา อนิจจา...สโนว์ที่นอนซุกหมอนน้ำตาไหลพรากอยู่ข้างกายดันเป็นผู้ชายที่หน้าเหมือนแกนปี 3 แห่งสถาปัตย์ไปซะนี่!
“ไอ้โฟน?”
“ก็ไอ้โฟนน่ะสิครับ”
พี่ฉิมสะบัดหน้าหันมาทางกลุ่มรุ่นน้องเพื่อพบไอ้ออกัสเจ้าของเสียง มันยืนกอดคอแกนปี 4 อย่างรักใคร่พลางยักคิ้วให้รุ่นพี่อย่างน่าเลาะฟันออกจากปาก
“ไอ้กัส นี่มึงหลอกกูเหรอ?!”
“พี่ฉิมคงลืมไปว่าไอ้กัสมันเป็นพระเอกละครเวทีปีที่แล้ว”
“สถาปัตย์ เอกการแสดงไงพี่”
พี่ฉิมกำหมัดแน่นอยากจะซัดไอ้หัวโจกและลูกสมุนของมันให้หน้าหงาย แต่ก็ปรับสีหน้าเป็นไม่ยี่หระและพูดด้วยน้ำเสียงเป็นต่อ
“คิดว่าแค่เรื่องจัดฉากแค่นี้กูจะเชื่อเหรอ?”
“หึ...พวกมึงออกไปกันก่อนดิ๊”
ผัวอีเอ็มมี่หันไปสั่งลูกน้องเพราะได้เวลาชำระความให้เสร็จสิ้นธุระของวันนี้ จะได้กลับบ้านไปนอนให้เมียกอดต่อ สุดโหดของมหาลัยสาวเท้าเข้าใกล้เตียง ทำเอาน้องโฟนที่รู้ตัวรีบลนลานหาผ้าขนหนูมาพันเอวแล้วลุกหนี แต่ด้วยเรี่ยวแรงที่ถูกสูบไปทั้งคืนกับอาการบอบช้ำในบางจุดทำให้เจ้าตัวแข้งขาอ่อนทรุดตุบอยู่กับพื้น
พอผู้ร่วมเตียงลุกไป หลักฐานต่างๆ นานาที่ยังคงทิ้งร่องรอยไว้บนเตียงก็เปิดเผยออกมาสู่สายตาคนในห้อง พี่ฉิมมองคราบเลือดที่กระจายตัวเป็นวงกว้างอย่างตกใจ พี่ฉิมไม่อยากจะคิดไปในทางที่เลวร้าย แต่จะว่าไอ้โฟนมันเป็นเมนส์ก็ไม่ใช่อ่ะ!
“มึง...มึงให้ไอ้กัสวางยากู?”
“อือฮึ”
“นี่มึง!”
“ฮึก...”
เสียงสะอื้นจากปากรุ่นน้อง หยุดความเกรี้ยวกราดของรุ่นพี่ที่กำลังจะฟาดฟันใส่ตัวต้นเหตุได้ชะงัด พี่ฉิมเปลี่ยนทิศมาจับแขนน้องโฟนจะช่วยพยุงขึ้น แต่กลับถูกสะบัดทิ้งหันหน้าหนีแล้วกัดปากระงับเสียงสะอื้นของตัวเองจนปากแดงช้ำไปหมด
“พี่แมน...ฮึก...มึงแม่งเหี้ย”
คนโดนด่านั่งยองๆ ลงตรงหน้ารุ่นน้องที่น้ำตาไหลเพราะถูกย่ำยีศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย เจ้าตัวยกยิ้มอย่างไม่สนโลกแม้ภาพตรงหน้าจะชวนให้สงสารมากแค่ไหนก็ตามที
“เออ...กูเหี้ย”
“ฮึก”
“ก็พวกมึงสองคนพูดไม่รู้เรื่องนี่หว่า...ให้อยู่ในสถานะเดียวกับกูนั่นแหละดี จะได้เข้าใจอะไรง่ายขึ้น”
พี่แมนหยัดตัวลุกขึ้น จ้องหน้ารุ่นพี่ที่ไม่รู้จะเข้าไปเอาเรื่องสุดโหดดี หรือจะเข้าไปปลอบไอ้ตัวเล็กที่เสียขวัญอยู่ตรงนั้นดี พี่แมนยกมือขึ้นจับไหล่เปลือยเปล่าของรุ่นพี่แล้วเอียงคอถามด้วยน้ำเสียงผู้ถือไพ่เหนือกว่า
“พี่รู้ใช่ไหมว่าควรจะทำตัวยังไง?”
“มึงอย่ามาขู่กู!”
“ไม่ขู่ก็ได้~ แค่คงจะมีคนรู้...มากขึ้น”
พี่แมนปรายตามองไปยังผู้เสียหายที่ยังนั่งซุกเข่าสะอื้นไห้ไม่กล้าสบตาใคร แต่ปฏิกิริยาต่อคำขู่นั้นก็เห็นได้เด่นชัดจนพี่ฉิมต้องยอมอยู่เฉยๆ ให้รุ่นน้องจอมวางแผนยิ้มเยาะแล้วเดินจากไปด้วยชัยชนะ
.
.
.
“หลังละครจบ กูจะไปค่ายสร้างที่กาฬสินธุ์นะ”
พี่แมนเอ่ยขึ้นในเย็นวันหนึ่ง ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพลิกหมูกระทะบนเตากันอย่างเมามันส์ แกนคณะใช้ตะเกียบตีมืออีเอ็มมี่ที่บังอาจข้ามอาณาเขตมาขโมยเบค่อนถึงฝั่งนี้ แล้วโต้กลับด้วยการคีบไส้อ่อนฝั่งมันมากินบ้าง
“วันไหนอ่ะครับ?”
“ก็ละครจบ เช้ามาก็ไปเลย”
เอ็มกลืนเบค่อนลงคอแล้วครุ่นคิดด้วยสมองแรมต่ำของตัวเองอย่างช้าๆ มันเหมือนมีบางอย่างที่กูจะเสียประโยชน์นะ แต่กูคิดไม่ออก...อะไรวะ?
“เพราะงั้น...ไอ้ที่กูบอกว่าจะให้มึงหลังละครจบอ่ะ ก็เลื่อนไปก่อนนะ”
“คุณหลอกดาว!”
เอ็มวางตะเกียบ ตัดพ้อผัวรักอย่างสิ้นหวัง นี่กูขีดปฏิทินรอทุกวันเลยนะ พี่แมนทำอย่างเนี้ย เหมือนฉีกปฏิทินกูทิ้งกลางสี่แยก!
“อย่าทำปากเบะเหมือนเป็ดแบบนั้น มันน่าเกลียด!”
“พี่แมนใจร้าย...”
“เพิ่งรู้เหรอ? มึงเลือกเอาแล้วกันว่าจะเลื่อนไปก่อนหรือว่าไม่มีอีกเลย”
“ง่ะ!”
เอ็มยิ่งทำหน้างอตัดพ้อแฟนเข้าไปใหญ่ พี่แมนเห็นแบบนั้นก็แอบยิ้มขำก่อนจะคีบเนื้อหมูร้อนฉ่าจุ่มน้ำจิ้มยัดปากเมียทีเดียว 3 ชิ้นรวด
“อื๊อออ อ๊อนอ้ะ! (ร้อนอ่ะ!)”
“แดกเข้าไปเหอะ นี่อีกคำ”
แถมใส้อ่อนให้อีกเต็มรัก เล่นเอาเอ็มต้องรีบเคี้ยวรีบกลืนแล้วดื่มน้ำตาม แต่โปรดอย่าถามถึงอาการร้อนผาดที่ลิ้น บางทีต่อมรับรสอาจจะพิการไปแล้วก็เป็นได้
“เออ...กูคิดว่า...กูควรจะไปแนะนำตัวกับแม่มึงนะ”
“แนะนำตัว แต่แม่ผมกะพี่แมนก็เคยเจอกันละนะ”
“กูหมายถึงแนะนำตัวในฐานะผัวมึง”
“แค่กๆ!!”
เอ็มที่กำลังซดน้ำซุปทำซุปพุ่งกระจายอย่างไม่ได้ตั้งใจ เดือดร้อนพี่แมนต้องฉกทิชชู่มาเช็ดโต๊ะแล้วเลยไปซับหน้าขาวๆ อย่างเมียรักอย่างเป็นห่วง
“คือ...ไม่เร็วไปเหรอพี่?”
เมียตุ๊ดถามเสียงอ่อย เหงื่อแตกพลั่กอย่างมีพิรุธ
“จะช้าจะเร็วซักวันนึงแม่มึงก็ต้องรู้อยู่ดี”
พี่แมนเอื้อมมือไปกุมกระชับเมียรักส่งผ่านความมั่นใจไปให้พร้อมรอยยิ้มหวานๆ
“กูไม่ได้คบกับมึงเล่นๆ หรอกนะ มึงรู้ใช่ไหม?”
“รู้ครับ~”
เคลิ้มด้วยครับ~ ยิ้มหวานเว่อร์!
“เพราะงั้นถ้าเราจะคบกันแบบจริงจัง กูคิดว่าควรให้ผู้ใหญ่รับรู้ เริ่มจากแม่มึงก่อนเลย”
“ทำไมไม่เริ่มจากพ่อแม่พี่ก่อนอ่ะ?”
“พ่อกูมีปืนน่ะ...กูยังไม่อยากเป็นหม้ายตอนนี้”
เอ็มกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ก่อนจะยอมรับปากว่าจะโทรนัดเวลากับคุณแม่ให้แต่โดยดี พอกินอิ่มกลับมาถึงหอ เอ็มก็อาศัยจังหวะที่พี่แมนชำระร่างกายหนีออกมาคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงอย่างหลบๆ ซ่อนๆ
‘ไงจ๊ะ ตาเอ็ม’
“แม่จ๋า กินข้าวยังจ๊ะ?”
‘กินแล้วลูก โทรมาหาแม่แบบนี้นี่มีอะไรแน่ๆ เลยใช่ไหม?’
เอ็มยิ้มแหยทั้งที่ปลายสายไม่เห็น พลางเหล่มองประตูห้องน้ำอีกทีเพื่อความมั่นใจ
“แบบว่า...พี่แมนเขาอยากเจอแม่อ่ะจ้ะ”
‘ก็ดีน่ะสิ แม่ก็เหงาๆ อยากเจอคุณพี่แมนเขาอยู่เหมือนกัน’
“แบบว่า...เขาอยากไปแนะนำตัว”
‘แนะนำตัว?’
“แบบว่า...เขาเป็นแฟนหนูอ้ะ”
เอ็มบิดเขินพอเป็นพิธี ฝ่ายคุณแม่ก็หัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ที่ได้ยินเสียงเล็กเสียงน้อยของลูกชาย เธอก็พอจะมองออกตั้งแต่คราวที่พากันมาง้องอนที่บ้านคราวก่อนนู้นแล้วนั่นแหละ
‘แล้วแบบว่า...คุณพี่แมนเขาเป็นลูกเขยหรือลูกสะใภ้ของคุณแม่ล่ะคะ?’
พอเจอคำถามอธิบายยากแบบนี้ เอ็มก็จำต้องใช้เวลาเรียบเรียงคำพูดออกมาอย่างพิถีพิถัน
“คืองี้นะแม่...มันมีภาคทฤษฎีกับภาคปฏิบัติ”
‘แล้วไงต่อจ๊ะ?’
“คือภาคทฤษฎีพี่แมนเขาเป็นลูกเขยแม่”
‘อุ้ยตาย...’
“ฟังให้จบก่อนแม่ แต่ภาคปฏิบัติพี่เขาเป็นลูกสะใภ้ไง”
‘อุ้ยตาย…คิกๆ อย่างนั้นเหรอจ๊ะ? แม่อุตส่าห์คิดไกลไปแล้วนะน่ะ’
“แม่อ้ะ!”
เอ็มเง้างอด ก่อนจะเปิดประเด็นปัญหาที่มันค้างคาอยู่ให้คนเป็นแม่รับรู้
“แต่แบบว่า...พี่แมนเขาไม่รู้นะแม่”
‘ไม่รู้ว่า?’
“ไม่รู้ว่าภาคทฤษฎีกับภาคปฏิบัติไม่ตรงกันง่ะ คือหนูก็พยายามทำให้มันตรงกันอยู่นะ”
‘ทำให้ภาคปฏิบัติตรงกับทฤษฎีใช่ไหม?’
“ใช่ที่ไหนล่ะแม่อ้ะ!”
คุณชื่นฤทัยส่งเสียงหัวเราะร่วนมาตามสายเมื่อได้แกล้งหยอกคุณลูกชายสมใจ ก่อนจะปรับเสียงเป็นผู้ใหญ่แล้วถามพ่อลูกชายคนเดียวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
‘ตาเอ็มไม่ได้หลอกอะไรพี่แมนเขาใช่ไหมลูก?’
“............”
เอ็มนิ่งเงียบไปเมื่อถูกถามแทงใจดำ จะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจก็พูดไม่ได้เต็มปาก วันนั้นมันเหตุการณ์สุดวิสัยจริงๆ ถ้าไม่ทำแบบนั้นเขาก็ต้องเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำตกเป็นเมียพี่แมนในภาคปฏิบัติไปด้วยน่ะสิ
‘ตาเอ็มฟังแม่นะลูก คนเรารักกันมันก็ต้องเชื่อใจกันถูกไหม?’
“ถูกจ้ะ...”
‘พี่แมนเขารักลูกชายแม่ เขาก็ต้องเชื่อใจลูกชายแม่ถูกไหมคะ?’
“ถูกจ้ะ...”
‘แต่ลูกชายแม่หลอกพี่แมน ก็เท่ากับว่าลูกชายแม่ทรยศความเชื่อใจของพี่แมนถูกไหมคะ?’
“.....จ้ะ”
ตุ๊ดเสิ่นเจิ้นรับคำอย่างหนักใจ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะอดทนเรียนรู้กันและกันเพื่อให้พี่แมนซึมซับสถานะที่เขาอยากเป็นเสียดีกว่า ยอมรับว่าตอนนั้นแฮปปี้โคตรๆ แต่ถ้ามันจะเป็นความแฮปปี้แค่ครั้งเดียวในชีวิตเขาก็ไม่อยากได้เหมือนกัน
‘บอกความจริงแล้วโดนโกรธ อย่างน้อยก็มีโอกาสให้เราได้ง้อนะคะ แต่ถ้าพี่แมนรู้ความจริงจะปากคนอื่น โอกาสจะง้ออาจจะไม่มีเลยก็ได้นะคะ’
“................”
‘แม่เชื่อว่าตาเอ็มรู้ว่าควรจะทำยังไงนะลูก ถ้าคุยกันเรียบร้อยแล้วก็พาพี่เขามาหาแม่นะ แม่พร้อมสำหรับลูกเสมอ’
“.........จ้ะ ฝันดีนะจ๊ะแม่”
‘ฝันดีจ้ะลูกแม่’
ปลายสายวางไปแล้วพร้อมคำอวยพร แต่อีเอ็มมี่ยังเกาะระเบียงนิ่งๆ เพื่อตกตะกอนความคิดของตัวเองอย่างช้าๆ ใช่สิ...ถ้าพี่แมนรู้ความจริงจากปากคนอื่นก็ไม่มีโอกาสสำหรับเขาอีกแล้ว
พรุ่งนี้นะพี่แมน...ผมจะสารภาพความจริงกับพี่ทุกอย่างเลย
พรุ่งนี้นะ...
โปรดติดตามแอ๊บต่อไป