ตอนที่ 13 คนขี้เผือก
“เคลียร์กันยัง?” พี่ปูนที่เหมือนจะนั่งรออยู่ ถามทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าบ้านมา
“ไม่ได้มีไรให้เคลียร์สักหน่อย พี่ปูนอ่ะคิดไปเอง”
“ไม่เชื่ออ่ะ...แล้วเขาเป็นแค่เพื่อนจริงหรอออออ”
“ก็แค่เพื่อนนนนน”
“ชิ ปากแข็งอ่ะ เพื่อนที่ไหนเขายอมโดดเรียนมาเฝ้าคนป่วยทั้งวันกัน”
“ง่วงแล้ว ปิ๊นไปนอนดีกว่า ฝันดีนะคร้าบบบ” ไม่อยู่ให้พี่ปูนซักต่อก็รีบชิ่งขึ้นมาบนห้องตัวเองเลย
ขึ้นมาลูบตัวให้สะอาดแล้วก็เตรียมล้มตัวนอนนี้คงเป็นวันแรกที่ผมเข้านอนไวมาก ตั้งแต่ 2 ทุ่ม
สงสัยเพราะป่วยเลยอยากนอนไวๆล่ะมั้ง
ครืด ครืด
เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้ผมที่กำลังจะนอนหันไปดู
-ไอ้บ้า คริส-
กะจะกดรับเลย แต่ไม่ดีกว่าครับ เดี๋ยวมันจะคิดว่าผมรอโทรศัพท์มัน ฉะนั้นปล่อยให้ดังจนสายตัดไปครับ อิอิ สะใจ
แล้วก็เป็นผมเองที่มารอมันจริงๆว่าเมื่อไรจะโทรกลับมาอีกสาย - -
รีบโทรกลับมาอีกสิวะ กูจะได้นอน!
ครืด ครืด
-คริส-
มันโทรมาแล้วครับ คราวนี้ผมยอมรับสายดีๆ เพราะรู้สึกง่วงมากแล้ว ขี้เกียจแกล้งมัน ไม่ได้รีบหรืออยากคุยกับมันจริงๆนะครับ
“ว่าไงวะ”
“ทำไมรับช้า”
“ก็กูง่วงกำลังเคลิ้มๆเลยรับช้าไปหน่อย”
“อืมๆ กูก็รอโทรศัพท์มึง บอกให้โทรมาถ้าถึงบ้านก็ไม่โทร” ไอ้คริสบ่นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ผมเองก็ลืมสนิทเลยจริงๆ
“เฮ้ย ลืม ไม่ได้ตั้งใจนะลืมจริงๆ ขอโทษนะเว้ย” ผมรีบบอกมันทันทีอย่างรู้สึกผิด ทำไมสมองปลาทองอย่างนี้วะเนี้ย
“เออ ถึงบ้านปลอดภัยก็ดีแล้ว กูจะได้ไม่ต้องห่วง” แม่งเล่นพูดแบบนี้ สู้ต่อว่าผมมาสักนิดยังจะรู้สึกดีกว่าอีก โคตรรู้สึกผิดเลย
“ขอโทษจริงๆนะเว้ย แล้วมึงถึงบ้านยัง?”
“เพิ่งถึงเนี่ย เห็นยังไม่โทรมาสักทีเลยโทรมาถาม”
“ถึงก็ดีแล้ว”
“มึงไปนอนต่อเถอะ กูโทรมาถามแค่นี้แหละ พักผ่อนเยอะๆจะได้หายไวๆ”
“อืม...ฝันดีนะ”
ผมพูดเสร็จก็รีบกดวางสายทันที โอ๊ยยยยยยย เมื่อกี้พูดอะไรลงไปว่ะเนี้ย
คิดฟุ้งซ่านไปเรื่อยจนทนไม่ไหวต้องรีบข่มตานอนให้หลับ ยุบหนอ พองหนอ หลับหนอ นอนหนอ ท่องไปเรื่อยๆจนในสุดผมก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
วันจันทร์ ณ โรงเรียน
เช้านี้เป็นเช้าที่ผมเตรียมตัวเตรียมใจมากที่สุดในการทำใจมาโรงเรียน เอาเว้ยวันนี้ต้องเคลียร์กับเพื่อนให้รู้เรื่อง ผมเดินขึ้นยังอาคารเรียนเมื่อถึงห้องเรียนก็เห็นไอ้เจสกับไอ้ปอนั่งอยู่ในห้องเรียนพร้อมกับเพื่อนๆบางคนก่อนแล้วครับ
“ไงมึง หน้าตาดูสดชื่นนะ หายป่วยแล้วหรอ” ไอ้เจสเอ่ยทัก
“ก็ดีขึ้นแล้วล่ะมึง เลยมาเรียนนี้ไง” ผมตอบมัน ก่อนจะวางกระเป๋าแล้วนั่งลงไปที่โต๊ะนักเรียน
“แล้วตกลงเคลียร์กับมันหรือยัง?” คราวนี้ไม่ใช่ไอ้เจสถามแต่กลับเป็นเพื่อนหน้านิ่งอย่างไอ้ปอแทน
“อืม ก็คุยกันแล้ว”
“มันว่าไงบ้าง”
“ก็...เป็นเพื่อนกันแทน แต่กูก็ต้องหาหนังสือนั้นไปคืนมันให้ได้เหมือนเดิม” ผมเลือกที่จะบอกไอ้ปอไปแบบนี้ แม้จริงๆแล้วทุกอย่างมันก็ยังคงทำเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนจากสรรพนามจาก ‘แฟน’มาเป็น ‘เพื่อน’ แค่นั่นเอง
“แล้วมึงก็ยอมหรอว่ะ” ไอ้ปอหน้าตาดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“ไม่ใช่ว่ากูยอมเว้ย แต่มึงเข้าใจป่ะว่ากูทำของสำคัญมันหายไป กูก็ควรจะรับผิดชอบบ้างไม่ใช่หรอวะ อีกอย่างคบมันเป็นเพื่อนก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย มันเองก็เป็นคนที่นิสัยดีคนหนึ่ง” ผมบอกมันไปตามสคริปที่คิดไว้เมื่อเช้า -- คิดจะเถียงกับไอ้ปอต้องเตรียมตัวมาให้ดีครับ ไม่งั้นมีแต่แพ้กับแพ้
“...” ไอ้ปอไม่พูดอะไร แต่สีหน้านี้แสดงออกสุดๆว่าไม่พอใจ
“มึงอย่าโกรธดิว่ะ คิดซะว่ากูมีเพื่อนดีๆแบบพวกมึงเพิ่มมาอีกคนละกัน เอาเวลามาช่วยกูตามหาไอ้หนังสือเล่มนั้นดีกว่านะมึง แฮ่” ผมยิ้มให้มันอย่างเอาใจแล้วจับแขนมันเขย่านิดๆ อย่างอ้อนๆ
“เออ ก็ได้วะ” สำเร็จ! ไม่เสียแรงอ้อนเว้ย
"แต่สัญญากับกูได้ไหม ว่าถ้ากูหาหนังสือบ้านั้นเจอ มึงต้องเลิกยุ่งเลิกคุยเลิกติดต่อกับมันอีก"
"ทำไมอะ เก็บไว้เป็นเพื่อนก็ไม่ได้เลยหรอวะ"
"ไม่ได้...เพราะกู..ไม่ไว้ใจมัน"
"..." ผมนิ่งเงียบไป ไม่อยากสัญญาถ้าไม่มั่นใจว่าจะทำได้อะครับ ทำไมไอ้ปอที่เป็นคนมีเหตุผลตลอดถึงได้กลายเป็นคนไร้เหตุผลแบบนี้ก็ไม่รู้
"หาให้เจอก่อนเถอะ แล้วค่อยมาคุยกันอีกที" ผมตอบเลี่ยงๆไปแทน
“เคลียร์กันเสร็จก็ลงไปลานใหญ่กันเหอะมึง ใกล้เวลาเข้าแถวแล้ว” ไอ้เจสพูดขึ้น พวกผมก็เห็นด้วยเลยพากันเดินลงอาคารเพื่อไปยังลานใหญ่เพื่อรอเข้าแถวเคารพธงชาติ
ไอ้เจสเอาแขนมาคล้องคอผมอย่างเคยตัว พลางขยี้หัวไปมา ก่อนจะกระซิบเบาๆกับผมว่า
“หาข้ออ้างได้ดีนิหว่า ไอ้ลูกหมา” มันพูดเสร็จก็ยิ้มๆอย่างมีเล่ห์นัย
ผมเองก็ไม่ได้ตอบอะไร แค่ยักไหล่นิดๆพอเป็นพิธี หึหึ
เย็นนี้ผมกลับบ้านไวอีกตามเคย ไอ้คริสโทรมาบอกว่าคงไม่ได้มาหาตอนเย็นเพราะมันติดซ้อมดนตรีกับเพื่อนครับจะมีงานวันศุกร์นี้แล้วต้องซ้อมกันหนักหน่อย
เข้ามาในบ้านก็เห็นรองเท้าคู่แปลกตาวางไว้ตรงวางรองเท้า พอเข้ามาในตัวบ้านก็เห็นหลังของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งคุยกับพี่ปูน เดินไปใกล้ๆก็เห็นเอกสารวางอยู่ คงน่าจะเป็นคนมาเช่าตึกคนใหม่ล่ะมั้ง
“กลับมาแล้วน้าพี่ปูน”
“อ้าวมาพอดีเลยปิ๊น มานั่งนี้สิ” พี่ปูนกวักมือเรียก ผมเลยเดินไปนั่งข้างๆพี่ปูน พอมองเห็นผู้ชายคนตรงหน้าก็รู้สึกว่าคนๆนี้ดูดีมากทีเดียว อายุน่าจะสัก 27-28 มั้ง
“จำได้ไหมเอ่ยว่าคนนี้ใคร?” พี่ปูนถามพลางชี้ไปที่คนตรงข้าม
หือ ใครว่ะ? เคยรู้จักคนหน้าตาดีแบบนี้ด้วยหรอ
“จำไม่ได้อ่ะ ใครหรอครับ”
“หึหึ น้อยใจจัง” ผู้ชายคนตรงข้ามพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตัดพ้ออย่างไม่จริงจัง
“เอ่อ ขอโทษจริงๆครับ” ผมบอกไป แต่ก็นึกไม่ออกจริงๆว่าใคร
“งั้นพี่จะใบ้ให้ล่ะกัน ว่าตอนเด็กๆปิ๊นขี่หลังพี่เขาทุกวันเลย” พี่ปูนบอกใบ้ให้อีกนิด
ขี่หลังทุกวันหรอ? อืมมมม
“พี่เสือ!”
“ถูกต้องนะครับผม” พี่เสือเฉลย
“อ๊ากกกกก คิดถึงงงงง” ผมร้องลั่นก่อนลุกวิ่งไปกระโดดกอดขี่หลังพี่เสือ
“พี่ก็คิดถึงปินปิ๊นเหมือนกันน โตขึ้นเยอะเลยนะเรา” พี่เสือพูดหลังจากที่รับการกระโดดกอดขี่หลังจากผมเอาไว้ได้ ยังคงแข็งแรงเหมือนเดิมเลย ไม่สิ มากกว่าเดิมอีก
“กลับมานานยังอ่ะพี่เสือ”
“พี่กลับมาสัก2-3เดือนแล้วล่ะ พอดียุ่งกับการจะเปิดโรงเรียนสอนคาราเต้น่ะเลยยังไม่ได้มาเยี่ยมก่อนหน้านี้” พี่เสือเขาไปเรียนญี่ปุ่นตั้งแต่จบประถมศึกษาปีที่ 6 ครับ แล้วก็เรียนจนจบมหาวิทยาลัยที่นั่นเลย เพราะคุณพ่อพี่เขาเป็นชาวญี่ปุ่นที่มาทำงานในไทย พอบริษัทแม่เรียกตัวกลับ ก็เลยพากันขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่ที่นั่นถาวร แต่ก่อนเราอยู่บ้านใกล้ๆกันครับ พี่เสือมาเล่นด้วยกันทุกวันเลย
“แล้วนี้จะมาเปิดโรงเรียนสอนคาราเต้ที่ไหนอ่ะ ที่ตึกพี่ปูนหรือเปล่า” ผมถาม
“แล้วอยากให้มาเปิดที่นี้ไหมล่ะ?”
“อยากกกกก” ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยครับ เพราะพี่เสือก็เป็นพี่ชายที่ใจดีมากๆของผมคนหนึ่ง แถมชอบเลี้ยงขนมผมอีก!
“ปิ๊น ลงจากหลังพี่เสือได้แล้ว เราไม่ใช่เด็กแล้วนะ” พี่ปูนบอก ไอ้ผมก็ขี่หลังเพลินลืมตัวเหมือนกันว่าขี่หลังพี่เขานานไปแล้ว ก็เลยยอมลงจากหลังพี่เสือครับ
“หึหึหึ อืม พี่ก็ตั้งใจมาเปิดที่นี้แหละ เด็กนักเรียนเยอะดี น่าจะมีคนสนใจมาเรียนเยอะ นี้ก็เพิ่งเซ็นสัญญาเช่ากับพี่ปูนไป โชคดีจริงๆที่คนเก่าเขาเพิ่งเซ้งไปเมื่อวาน” พี่เสือบอกก่อนจะหยิบใบสัญญาเช่าให้ดูเป็นหลักฐาน
“ดีๆๆ ปิ๊นจะไปเรียนด้วยเป็นลูกศิษย์คนแรกเลยนะ จองๆ” ถ้าเล่าคาราเต้เป็นนี้ก็เท่ไม่เบาดีนะครับ ป้องกันอันตรายก็ได้ เอาไว้อวดสาวก็ได้ ฮ่าๆๆๆ
“ดีมากน้องรัก เดี๋ยวพี่จะตั้งใจสอนให้เป็นพิเศษเลย” พี่เสือบอกแล้วก็ขยี้หัวผมอย่างแรงจนผมยุ่งไปหมด
“เย็นนี้อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันนะครับพี่เสือ ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด” พี่ปูนพูดผมเองก็พยักหน้าเห็นด้วย พี่เสือเองก็ตกลงตามนั้น
มีต่อ