ตอนที่ 6 เรื่องของพี่ปูน
“พี่ก็มีแฟนเป็นผู้ชายเหมือนกัน”
“ห๊ะ!?!?”
“พ..พี่..พี่ปูนปู๊นมีแฟนเป็นผู้ชายหรอ ใคร มันเป็นใคร ตั้งแต่เมื่อไร ตอนไหน ยังไง ตอบบบบบบ” ผมพูดรัวพลางเขย่าแขนพี่ปูนปู๊น ตกใจก็ตกใจนะแต่ความเสือกมาเต็มกว่าเยอะ
“จ..ใจเย็นๆปิ๊น ปิ๊นต้องตอบเรื่องที่พี่ถามมาก่อนนะ ไม่งั้นพี่ก็ไม่บอกหรอกนะ”
“ไม่เอาอะ พี่ปูนต้องตอบปิ๊นมาก่อน นี้โกรธจริงๆนะ ทำไมไม่บอกอะไรปิ๊นบ้างเลย!” ผมตะคอกไป เคืองครับเคืองบอกว่าเป็นพี่น้องไม่ควรมีความลับต่อกัน แต่ไหงตัวเองกลับทำเองซะงั้นอ่ะ
“ปิ๊น....รังเกียจพี่หรอ” พี่ปูนพูดเสียงเบา หน้าเริ่มซึม
“เห้ยยยยย อย่าร้องไห้นะ ปิ๊นไม่ได้รังเกียจเว้ย แต่ปิ๊นโกรธอ่ะ เคืองอ่ะ ทำไมมีไรไม่บอกกันเลย ถ้าไม่มีเรื่องนี้ พี่ปูนคิดจะบอกปิ๊นตอนไหนหรอวะ”
“พี่ขอโทษ ก็พี่กลัวปิ๊นรังเกียจพี่อะ กลัวจะไม่ใช่ฮีโร่ของปิ๊นอีก” พี่ปูนพูดเสร็จก็ก้มหน้า น้ำตาร่วง เผาะๆ เดือดร้อนไอ้น้องอย่างผมต้องโผเข้ากอดปลอบอีก
“อย่าร้องดิวะ จริงอยู่ว่าปิ๊นตกใจ แต่ปูนเป็นพี่ชายคนเดียวของปิ๊นนะ ยังไงก็เกลียดไม่ลงหรอก” พูดไปก็กอดไป พี่ปูนตัวนิ่มและขาวมากครับ นุ่มน่ากอดเลยทีเดียว
“อืม ขอบคุณนะปิ๊น”
“ถ้าอยากให้น้องหายโกรธก็เล่าเรื่องของพี่มาให้หมดตั้งแต่เริ่มเลยนะ ไม่งั้นเคืองจริงๆด้วย”
“ก็ได้....”
แล้วพี่ปูนก็เล่าให้ฟังตั้งแต่ต้น สรุปได้ว่า แฟนพี่ปูนชื่อพี่เอกเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย พี่เอกจีบพี่ปูนตั้งแต่พี่ปูนอยู่ม.6 แล้วพี่เอกมาแนะนำน้องเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยให้ฟังในงานที่โรงเรียนจัดขึ้น ซึ่งจะมีรุ่นพี่จากหลายมหาวิทยาลัยมาแนะนำรุ่นน้อง แต่พี่ปูนก็ยังไม่เล่นด้วยหรอกครับ คิดว่าพี่เอกคงแค่เล่นๆ
แต่พี่เอกก็ยังตามจีบพี่ปูนแถมตามดูแลตามโอกาสที่เอื้ออำนวยจนกระทั่งพี่ปูนเข้ามหาวิทยาลัยพี่เอกก็ยังไม่เลิกตามจีบ ยังคอยดูแลพี่ปูนเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด ซึ่งหายากมากนะในยุคนี้ที่จะมีคนที่ยังรักใครรักจริงตามตื้อเป็นปีๆได้ขนาดนี้ พี่ปูนเลยลองให้โอกาศพี่เอกดูสักครั้ง แล้วพี่เอกก็ยังไม่เคยทำให้พี่ปูนต้องเสียใจเลยสักครั้งเดียว จนพี่ปูนก็รักพี่เอกเข้าเต็มหัวใจแล้วเหมือนกัน
“เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละปิ๊น...อ้าวหลับแล้วหรอปิ๊น ปิ๊น” พี่เรียกชื่อผมพร้อมเขย่า ดูจนแน่ใจว่าผมหลับก็จัดท่าจัดทางให้ผมนอนดีๆก่อนจะห่มผ้าให้แล้วปิดไฟเดินออกไป....
O_O ผมก็ลืมตาขึ้นทันที เมื่อกี้แค่แสดงอะครับ ฮ่าๆๆ ก็ยังไม่รู้จะตอบเรื่องของผมยังไงเลยเนียนทำเป็นหลับไปก่อน
มาคิดๆดูพี่ผมนี้ก็ใจแข็งเหมือนกันนะครับ โดนตามจีบเป็นปียังไม่ยอมเป็นแฟนอีก เป็นผมไม่ได้ตอบตกลงแมร่ง ฮ่าๆๆๆ ชะอุ๊ย เข้าตัววะ --* แต่พี่ปูนก็ยังโชคดีนะที่มีเวลาดูใจก่อนจะตกลงเป็นแฟนตั้งเป็นปี แล้วดูผมดิ ไอ้บ้าคริสมัดมือชกบังคับให้เป็นแฟนมันอย่างหนีไม่ได้ ผมล่ะเซงเป็ด
เฮ้อออออ จะเอายังไงกับมันต่อไปดีว่ะ จะหาหนังสือเจอไหม แล้วต้องทนเป็นแฟนมันถึง 6 เดือนจริงหรอ มีความคิดหลากหลายพุ่งเข้ามาเต็มไปหมดในสมองน้อยๆของผม
“เฮ้อ นอนดีกว่าเว้ยคิดไปก็ปวดหัว”
15.25 น.
15.26 น.
15.27 น.
15.28 น.
15.29 น.
15.30 น. !!!
ออดดดดดดดดดดดดดดด
เสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนสักที เยสสสสส ผมรีบกวาดทุกอย่างลงกระเป๋านักเรียนเตรียมพร้อมพุ่งออกจากห้องทันที
“นักเรียนทำความเคารพ”
“ขอบคุณครับ/ค่ะ”
นั่งรอแป๊บนึงจนครูเดินออกไปผมก็พุ่งออกจากห้องทันที
“เห้ย ไอ้ปิ๊นรีบไปไหนของมึงวะ” ไอ้เจสตะโกนถามตามหลัง
“กูมีธุระ เจอกันวันจันทร์นะโว้ย” ผมหันหลังไปบอกก่อนจะรีบวิ่งออก เหตุผลที่รีบออกจากโรงเรียนก็ไม่พ้นไอ้บ้าคริสนั่นแหละครับ ผมยังไม่พร้อมเผชิญหน้ามันกะชิ่งหลบหน้าก่อน
วันนี้เป็นวันศุกร์ถ้าหลบพ้นก็ไม่ต้องเจอมันจนกว่าจะวันจันทร์เลยนะ ผมออกตรงเวลาเป๊ะขนาดนี้ ไอ้คริสมันคงยังไม่มารอหน้าโรงเรียนอย่างที่บอกไว้หรอกมั้ง ถึงมันจะบอกให้ผมรอแต่แน่นอนครับว่าใครจะบ้ารอมันล่ะ
ผมหลบๆซ่อนๆมองไปทางหน้าโรงเรียน มองหาไอ้บ้านั่นว่ามารอรึยัง ถ้าเห็นมันยืนอยู่หน้าโรงเรียนผมก็คิดว่าจะไปออกทางหลังโรงเรียนแทน แม้ว่ามันจะไกลมากก็ตามแต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ต้องพบเจอไอ้บ้านั่นผมยอมครับ มองจนแน่ใจว่าไอ้คริสคงยังมาไม่ถึงแน่ๆ คราวนี้ก็เดินออกจากโรงเรียนอย่างสบายใจสิครับ โฮะๆๆๆ
“ไงเปี๊ยก ออกมาช้าจังวะกูยืนรอมึงนานแล้วเนี้ย” เสียงคุ้นๆพูดเสร็จก่อนจะเอาแขนมารัดคอผมดึงไปชิดตัวมัน
ไอ้บ้าคริส!
“เห้ย! มาได้ไงวะ มึงมาทันได้ไงอ่ะ” 0o0
“กูกลัวมึงจะหลบหน้ากู เลยโดดเรียนมาดักรอมึงเนี้ย มึงแม่งก็ออกมาช้าชิบหาย” ไอ้คริสบ่นพลางทำหน้างอน?
“ช้าไรวะ กูรีบพุ่งออกมาทันทีหลังจากเสียงออดดังเลยเนี้ยยยย” ผมว่าผมไวแล้วนะ แต่ไม่คิดว่าไอ้คริสจะลงทุนโดดโรงเรียนมารอดักผมแบบนี้อะ
“โห นี้มึงอยากเจอกูมากถึงขนาดรีบวิ่งออกมาเลยหรอ ดีใจวะ ทำตัวน่ารักแบบนี้กูรักตายเลย” ^o^
“-_- เอาที่มึงสบายใจเลย ไอ้บ้า”
“ฮ่าๆๆๆๆๆ ยอมรับสินะ ไปๆ เดี้ยวเสี่ยคริสจะเลี้ยงขนมหนูเปี๊ยกนะอีหนู อยากกินอะไรบอกมาเลย แต่อย่าเกิน 20 บาทนะมึง เปลือง” มันพูดไปพลางลากคอผมเดินไปด้วย
ถุย! แล้วพูดเริ่มต้นซะดิบดี -_-
“มึงเก็บ 20 บาท ของมึงไว้เหอะ ยังไม่พอซื้อน้ำปั่นแก้วเดียวด้วยซ้ำ”
“เออ ตามใจมึง งั้นกูจะเอาไปหยอดน้องเคโระแล้วกัน”
“ใครวะ น้องเคโระ?”
“เคโรโระไงมั้ง กบเขียวอ่ะ มันเป็นกระปุกออมสินเว้ย นี้นะที่บ้านกูมีครบทุกตัวเลยนะเว้ย เคโรโระ ทามามะ บลาๆๆๆ” แล้วผมก็ปล่อยให้ไอ้คริสพล่ามเรื่องเหล่าตุ๊กตาน้อยน่ารักของมันไป จะบอกให้มันหยุดพูดก็สงสารเพราะหน้าตาตอนมันเล่าเกี่ยวกับคอลเลคชั่นตุ๊กตาดูมีความสุขมากกกกก เอาที่มึงสบายใจเลย
.
.
.
“มึง ถึงบ้านกูแล้วอะ กลับไปได้แล้ว” ผมบอกทันทีที่เดินถึงหน้าบ้านผม
“อ้าวหรอ ถึงเร็วจังว่ะกำลังคุยกับมึงเพลินๆเลยอ่ะ” ไอ้คริสทำหน้าเซง
“จ่ะ เพลินคุยกันเพลินมากกกกกก” ได้ข่าวว่ามันคุยของมันคนเดียวตลอดทางนะ
“ใช่ไหมละ กูก็ว่ามันเพลินจริงๆอะ” กูพูดประชดเฟ้ย ไอ้บ้านี้ มึนจริง
“เออ กลับไปได้แล้วโว้ย ไป๊ ชิวๆๆๆ” ผมยกแขนมันออก แล้วทำท่าไล่หมา
“จิ๊ รีบไล่กูจัง กูยังคุยกับมึงไปแป๊บเดียวเองนะ”
“เรื่องของมึงโว้ย กูจะเข้าบ้านแล้ว”
“มึงมันใจร้าย ใจดำ กูอุตส่าห์โดดเรียนวิชาอาจารย์อลิซาเบท อาจารย์ที่โหดที่สุดของโรงเรียนเพื่อมาเจอมึง อุตส่าห์ปีนรั้วโรงเรียนที่สูงหลายเมตร อุตส่าห์จ้างพวกเด็กม.2 คนละตั้ง 5 บาท เพื่อให้ช่วยยกขาดันตูดให้กูพ้นจากรั้วโรงเรียน อุตส่าห์ไปตากแดดรอรถเมล์ฟรีเพื่อจะเอาตังค์ค่ารถเมล์มาเลี้ยงขนมมึง อุตส่าห์..”
“โอเค พอ หยุดพูดได้แล้ว กูซึ้งใจในความพยายามของมึงมาก ไปนั่งกินบิงซูในร้านข้างๆก่อนก็ได้ว่ะ กูเลี้ยงเอง” พูดเสร็จผมก็จับมือมันลากเข้าร้านบิงซูที่เปิดใกล้ๆบ้านผม ก่อนจะอายสายตาประชาชนมากไปกว่านี้
ทำไมป๊าต้องมาซื้อตึกที่ติดถนนใหญ่ด้วยว่ะ ไฟแดงทีแม่งมองกันเป็นแถว ไอ้คริสก็ตัดพ้ออย่างไม่อาย แต่ผมนี้อ๊ายอาย เหมือนผมไปซั่มมันแล้วทิ้งแล้วมันก็มายืนพูดตัดพอผมว่าไม่รับผิดชอบได้แล้วทิ้งอะไรประมาณนั้น
“^_^ ใจดีจัง เลี้ยงกูด้วย”
“เออ!”
“รับอะไรดีคะ” พนักงานเข้ามายื่นเมนูขนมให้ทันทีที่พวกผมนั่งลง โดยผมเลือกนั่งมุมในสุด เพราะกลัวพวกเพื่อนในห้องจะเห็นนะครับ ขี้เกียจตอบคำถาม
“มึงอยากกินไร เลือกเอา แต่กูไม่กินแคนตาลูปนะ ที่เหลือได้หมด” ผมส่งเมนูให้มัน ผมกินง่ายอยู่ง่ายครับแต่กับอะไรที่ไม่ชอบก็จะไม่กิน
“มึงชอบกินชอคโกแลตไหม?”
“อืมก็กินได้นะ สั่งดิ” ผมตอบ
“โอเค งั้นเอาบิงซูสตรอเบอร์รี่ครับ อันนี้อะ” ไอ้คริสพูดแล้วชี้ไปที่รูป แล้วมึงจะถามว่ากูชอบกินชอคโกแลตทำเพื่อ?????
“คุณลูกค้ารอสักครู่นะคะ” พนักงานรับเมนูแล้วก็เดินจากไป
ผมก็หลับตาเอนหลังพิงไปกับโซฟาตัวนิ่มอย่างอ่อนล้า อยู่กับมันไม่ถึงชั่วโมง ทำผมสูญเสียพลังงานชิบหาย”
“เออ กูมีของมาให้มึงด้วยนะเว้ย”
“.....” ช่วยเงียบสัก 5 นาทีได้ไหมว่ะ
“เห้ย มึงลืมตาดิ ตื่นๆๆ มาดูก่อน” ไอ้คริสเรียกแล้วเขย่ามือผมแรง
“อะไรวะ?” ผมลืมตามองมันอย่างหงุดหงิด จริงๆตอนนี้ควรจะเป็นเวลานอนตอนเย็นของผมแล้ว ง่วงชิบ
“เคสโทรศัพท์คู่ กูเห็นมึงใช้รุ่นเดียวกับกูเลยซื้อมา เอาโทรศัพท์มึงมาเลยเดี้ยวกูเปลี่ยนให้”
“อะไรรรรร ไม่เอาไม่ต้อง กูไม่ใช้เว้ย”
“ไม่ได้ คนเป็นแฟนกันก็ต้องใช้ของคู่กันสิว่ะ กูเห็นเพื่อนๆกูก็ทำแบบนี้ทั้งนั้นอ่ะ”
“แล้วแฟนเพื่อนมึงเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”
“ผู้หญิง”
“นั่นไง แต่กูนี้ผู้ชายเว้ย ไม่ใช้ของคู่กันเด็ดขาดอ่ะ!”
“ต้องใช้ เพราะถ้ามึงไม่ใช้กูจะไปแจ้งความว่ามึงขโมยหนังสือกู ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ!” มึงพูดแล้วมองหน้าผมนิ่ง ผมก็จ้องมันกลับไปอย่างไม่ยอม กลายเป็นเหมือนตอนนี้เราเล่นเกมแข่งกันใครกระพริบตาก่อนคนนั้นแพ้
“แก คู่นี้น่ารักอะ จ้องตากันหวานเชียว”
“ใช่ๆๆ แอร๊ย ฟินอะแก” ห่ะ เสียงผู้หญิงที่ไหนซุบซิบกัน อยากหันไปมองมากเลย ถ้าไม่ติดว่ากลัวแพ้มัน
“แกว่าใครเคะ ใครเมะ”
“ฉันว่ากางเกงน้ำเงินเมะนะ ส่วนกางเกงดำก็เคะว่ะแก”
“เออคิดเหมือนฉันเลยอะ กางเกงน้ำเงินหล่อมากกกก”
“กางเกงดำก็น่ารักนะเว้ย แอร๊ย”
ผมพยายามจะคิดว่าพวกผู้หญิงกลุ่มนั้นไม่ได้พูดถึงผมหรอก แต่ทำไมไอ้คนตรงหน้าต้องยกยิ้มมุมปากด้วยว่ะ!
“มึงแพ้ มึงกระพริบตาแล้ว”
“ห๊ะ?” ผมงงตกลงกันตอนไหนว่ะว่าแข่งกัน -_-?
“เอาโทรศัพท์มึงมาเร็วๆเลย”
“อะไรว่ะ แม่ง” ผมบ่น ไอ้คริสไม่พูดอะไร แต่แบมือรอเอาโทรศัพท์ผม ผมก็ยื่นโทรศัพท์ให้มันไปอย่างรำคาญ ไอ้คริสรับไปแล้วรีบใส่เคสยิ้มอย่างพอใจ
“เป็นไงมึงน่ารักเนอะ” ไอ้คริสชูโทรศัพท์ของผมและของผมคู่กันมันเป็นลายกราฟฟิกครับ ถ้าเอามาวางติดกันจะเป็นรูปต้นไม้อาร์ตๆ ผมละสงสัยจริงๆว่ามันไปหามาจากไหน แต่ก็เท่ดี ผมจะคิดซะว่ามันไม่ใช่เคสคู่ก็แล้วกัน
รอไม่นานพนักงานก็เอาบิงซูมาเสิร์ฟครับ ทั้งผมและมันก็พากันจ้วงตักกินอย่างหิวโหย อร่อยดีครับ อากาศร้อนแบบนี้ได้กินอะไรเย็นๆก็ชื่นใจ สตรอเบอร์รี่ก็หวานๆเปรี้ยวๆกำลังดีสดชื่นครับ
“อ้าวไอ้ปิ๊น มากินบิงซูกับใครว่ะ?”
พรวดดด!
“แค่กๆๆๆ” สำลักกบิงซูจนน้ำหูน้ำตาไหลเลยครับ ใครมาว่ะ คนในห้องหรอ
“ใจเย็นๆเว้ย” หันไปมองก็เป็นไอ้ตงครับ มันลูบหลังผมเบาๆ จนดีขึ้นก็ส่งน้ำให้ดื่ม
แม่ง ตกใจหมดนึกว่าคนในห้อง เฮ้อ รับน้ำมาดื่มไปไอ้ตงก็ลูบหลังผมไป แต่ทำไมจู่ผมถึงขนลุกซู่ก็ไม่รู้ครับ หันไปมองคนข้างหน้าก็พบกับสายตาที่เหมือนมีไฟฟ้าไหลผ่านอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียง เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ
“พอแล้วๆไอ้ตง มึงไปนั่งข้างๆกูไป” ก็ไม่รู้ว่าผมจะร้อนตัวอะไร แต่สัญชาตญาณมันบอกว่า ถ้ายังไม่แยกที่แม่งหมี่เหลืองแน่นอน!
“แล้วตกลงนี้ใครว่ะ แฟนมึงหรอ?”
พรวดดด สำลักอีกรอบครับ โอยยยยยแสบคอแสบจมูกไปหมดแล้ว
“หึหึหึ” ไอ้คริสยิ้มแล้วครับ ดูเหมือนมันจะพึงพอใจมาก
“ก็คนที่กูเล่าให้มึงฟังอะ” ผมตอบไอ้ตงมัน
“อ๋อออออออ กูจำได้แล้ว โห ตัวจริงหล่อกว่าในเฟสบุคอีกนะ บุญของมึงแล้วไอ้ลูกหมาได้แฟนเป็นเทพบุตรเนี้ย ดีใจด้วยๆๆ” ไอ้ตงทำท่าตื่นแล้วจับมือผมเขย่าอย่างกวนตรีนมากมาย
“ซาตานสิไม่ว่า มึงไม่ต้องมาแกล้งล้อกูเลย” ผมสะบัดมือออกจากไอ้ตง
“ฮ่าๆๆๆๆ ฝากดูแลเพื่อนกูหน่อยนะ ไอ้ลูกหมามันขี้งอนไปหน่อยแต่มันก็โง่ด้วยนะเว้ย” ไอ้ตงหันไปบอกสรรพคุณผมให้ไอ้คริสฟัง
“ได้ดิ จะดูแลให้อย่างดีเลย” ไอ้คริสพลางทำหน้ากระหยิ้มกระย่องใส่ผม
“เออ เจอมึงก็ดีเลย วันอาทิตย์อย่าลืมนะเว้ย ออกสัก 9 โมงเช้า นั่งรถตู้ไปถึงดรีมเวิลด์น่าจะ 10 โมงเช้าพอดี จะได้เล่นทั้งวันให้คุ้มค่าตั๋ว อย่าเลทๆ” ไอ้ตงที่ตอนนี้เนียนหยิบช้อนผมไปตักบังซูกินอย่างเอร็ดอร่อย พูดนัดวันเวลาที่จะไปเที่ยวกัน
“เออๆ กูไม่เลทหรอกน่า” ผม
“จะไปเที่ยวทำไมไม่เห็นบอกกูมั้งเลย” ไอ้คริสพูด
“ก็จะไปเที่ยวกับเพื่อนเว้ย คนนอกไม่เกี่ยว” ผมเน้นคำว่าคนนอกตอกย้ำสถานะมัน
“กูเป็นแฟนมึง กูจะไปด้วย”
“ไม่ให้ไป”
“จะไป”
“ไม่ให้ไป”
“จะไป”
“ไม่..”
“ตงถ้าให้กูไปด้วย กูจะขับรถพาไปส่งถึงที่แล้วพากลับถึงบ้าน” ไอ้คริสหันขวับไปพูดกับไอ้ตง
“งั้นไปด้วยกันเลยเพื่อนนนน ห่าปิ๊นอย่าทำใจแคบดิว่ะ ไปเที่ยวด้วยกันพัฒนาความสัมพันธ์ไงมึง ไอ้คริสอุตส่าห์จะขับรถพาไปเลยนะเว้ย มีแต่ได้กับได้”
“ไอ้ตง ไอ้กิ้งก่าเปลี่ยนสี!”
“ฮ่าๆๆ งั้นตามนี้นะ แต่ค่าตั๋วเข้ามึงซื้อเองนะเว้ยกูมีตั๋วฟรีแค่ 2 ใบ ไปละ บาย” ไอ้ตงพูดเสร็จชิ่งออกจากร้านทันที ไอ้เพื่อนชั่วขายเพื่อนไม่พอ แดกบิงซูกูหมดเกลี้ยง!
“วันอาทิตย์นี้กูต้องสนุกมากแน่ๆเลยวะ” ^_^
--------------------
จะสนุกหรือจะวุ่นวายกันแน่
ขอบคุณทุกคอมเมนต์จ้า
อัพผ่านโทรศัพท์อาจแปลกๆไปหน่อย
พยายามจัดหน้าแล้วจริงๆ