*ต่อ
ตอนสิบ
“ มาพอดีเลยลูก ^ - ^ ”
“ O.O ยายครับ นี่มัน เอ้ย เขา... ? ”
“ น้องขิม นี่ชื่อพี่กรด เขาช่วยยายกับคุณบัวไว้นะลูก ” ยายค่อยลุกขึ้น แล้วเดินไปจับที่แขนของไอ้พี่กรด
มือเล็ก ๆ ตบเบา ๆ ที่ต้นแขนคนตัวสูงที่ยายชมว่าหล่อว่าเท่ห์ โดยไม่ต้องพูดเป็นเสียง หรืออธิบายอะไรออกมา ผมก็รู้ว่ายายกำลังชื่นชอบ ชื่นชม อยากจะเยิ่นยอ และประทับใจสุด ๆ นี่ยายคงไม่รู้ว่าตอนนี้ยายยิ้มอย่างใจดี และสายตาที่สื่อออกมาดูภาคภูมิใจในตัวมันมาก มากกว่าหลานที่อยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ หลานยายอยู่ตรงนี้นะ ><
“ ขิม ? ” เสียงทุ้มที่เรียกชื่อของผม ทำให้ผมหลุดออกมาจากภวังค์ความคิด พอเงยหน้าขึ้นไปมอง ผมก็ดันไปสบสายตาจัง ๆกับสายตาคนที่มองมาอยู่ก่อน
ผมละสายตา เสไปมองทางอื่น เพราะอะไรไม่รู้เหมือนกัน ผมมองมันนานกว่านี้ไม่ได้ >< ผมสู้สายตาที่แน่นิ่งแต่ฉายแววความเจ้าเล่ห์เจ้ากลนั่นไม่ไหว และยิ่งเวลามุมปากข้างซ้ายที่มีรอยแผลช้ำเลือดนั้นกระตุกเหมือนจะยิ้ม จะพอใจที่เห็นผม ผมยิ่งไม่.. ไม่กล้ามอง
ผมเร่หางตามามองมัน และละสายตาไปทางอื่นอีกครั้งทันที -////////- เมื่อกี้.. เห็นชัดเลยว่ามันยิ้ม ก่อนที่มันจะหันไปพูดคุยกับยายของผม
ให้ตายเถอะ หนีออกมาแล้ว ทำไมมาเจอกันที่นี่ได้อีกนะ
“ คุณยายบาดเจ็บตรงไหนมั๊ยครับ ? ” ยายส่ายหน้าไปมา หลังจากที่ถูกคนตัวสูงถาม รอยยิ้มใจดียังไม่จางหายจากใบหน้า แววตาภาคภูมิใจยังเหมือนเดิม แต่ซบแขนมันเลยเนี่ยนะ คุณยาย O.O
ไม่ทราบว่าไปสนิทสนมกันตอนไหนนะ ท่าทางยังกับว่านี่เป็นยายเป็นหลานกัน ..นี่ยายเป็นยายของผมนะ >////<
“ ผมแจ้งตำรวจเรียบร้อยแล้วนะครับคุณยาย ตอนนี้ตำรวจก็จับคนร้ายไปโรงพักเรียบร้อยแล้ว ” มันเปลี่ยนโหมดมาพูดเรื่องคนร้ายด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น ยาย และน้านวลพยักหน้ารับรู้ และทั้งคู่ตัดสินใจให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเลย โดยน้านวลตั้งใจว่าไม่อยากไปเอาผิดอะไรกับคน ๆ นั้น เพราะรู้มาว่าเขาเป็นคนสติไม่สมประกอบ
“ พี่กรดเจ็บมากไหมลูก ? ”
“ ไม่เป็นไรมากครับ ” ไอ้พี่กรดพูดพร้อมแตะที่มุมปาก แผลนั้นก็คงเกิดจากการที่โดนคนร้ายต่อยปากสินะ จะสมน้ำหน้าก็ไม่ใช่หรอก เพราะมันเป็นคนช่วยยายของผม และน้าบัวเอาไว้ คงจะต้องขอบคุณ ..แต่พอเป็นมัน คำขอบคุณของผมมันก็ดูจะพูดออกไปยากขึ้นคูณสิบ
“ จ้ะ ยายขอบคุณจริง ๆ ที่มาช่วยนะลูก ”
“ ขอบคุณจริง ๆ นะคะ ”
“ ไม่เป็นไรเลยครับผมคุณยาย ตอนนี้คุณน้าดีขึ้นหรือยังครับ ? ให้ผมไปส่งโรงพยาบาล.. ”
“ น้าดีขึ้นมากแล้วจ้ะ คุณยายนวลช่วยน้าไว้ เป็นพระคุณจริง ๆ ”
ไม่นานคนที่เป็นสามีน้าบัวก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับลูกชายตัวเล็ก ๆ อีกคนหนึ่ง เขารีบก้มไปกอดหอมหน้าผากน้าบัวด้วยความรัก และลูบที่ท้องกลม ๆ อย่างเป็นห่วง สามีน้าบัวพูดขอบคุณยายของผม ไอ้พี่กรด พี่รปภ. และรวมถึงผมด้วย เขาเล่าว่าพาลูกชายไปเข้าห้องน้ำ ไม่ได้ยินเสียงประกาศของประชาสัมพันธ์ พอออกมาจากห้องน้ำ ก้ไม่เห็นน้าบัวอยู่ที่เดิมที่ให้นั่งรอ เลยรีบตามหาทันที พอมารู้จากพี่รปภ. ก็รีบตรงดิ่งมาที่นี่พร้อมลูกชายเลย เขาขอบคุณอีกหลายครั้ง ก่อนที่จะขอตัวและพาน้าบัวกลับบ้าน
“ คุณยายกับน้องจะกลับหรือยังครับ ให้ผมไปส่ง.. ”
“ ไม่ต้อง.. ”
“ น้องขิม.. ” ผมชะงักก่อนหันไปหายายช้า ๆ ยายส่งสายตาห้ามปรามมาให้ เพราะกลัวว่าผมจะพูดจาไม่น่าฟังออกไป ผมพยักหน้าเบา ๆ แต่ดวงตายังติดงอนยายอยู่ เข้าใจแล้วครับว่ามีหลานคนโปรดคนใหม่..
“ ไม่ต้องครับ ไม่เป็นไร.. ”
ผมหันมาหาคนตรงหน้า แต่เบนสายตามองต่ำ มองที่ชายเสื้อมันนู้น เพราะโดนสายตาของมันที่มองมาก่อน ทำให้รู้สึกได้ว่ามันต้องการสื่ออะไรกราย ๆ ให้ผมรู้ว่าผมมีความผิด ผิดที่หนีมันมาคราวนั้น
แต่แล้วทำไมผมต้องไปรู้สึกผิดด้วยเล่า ..นั้นไม่ใช่ความผิดซักหน่อย ผมก็แค่กลับบ้านเอง และไม่โผล่ไปในที่เสี่ยงที่จะเจอมัน คณะไอ้พี่ขลุ่ย หอสมุด ร้านกาแฟ ร้านเหล้าร้านเบียร์ ไม่ไปที่นั่นเลยเป็นเวลาเกือบเดือน แต่นี่...
“ คือ .. พี่ไม่ต้อง..ครับ ขิมพายายมา มีรถ กลับเองได้ ” ผมพูดดตะกุกตะกัก เพราะด้วยความที่ไม่เคยพูดเพราะ ๆ กับคนตรงหน้ามาก่อน กูมึงที่เคยพูดก็ต้องกลืนหายลงคอไป แล้วไม่รู้จะแทนสรรพนามว่าอะไร เลยหลุดเรียกมันว่าพี่ และแทนตัวเองด้วยชื่อออกไป คิ้วกระตุกนิด ๆ เมื่อรู้ตัว พอจะพูดต่อ คำพูดที่พูดออกมาเลยตกหางเสียงไป
“ หวง.. ห่วงยายจังนะครับ ” คำพูดของมันทำให้คิ้วกระตุกและมองมันตาขวาง ได้ยินนะต่อให้คำแรกมันจะพูดออกมาเบาๆ ใช่ผมหวงยาย
“ พี่กรดจะกลับแล้วหรอลูก ? ”
ใช่ครับยาย บอกมันกลับไปซักที ยายจะได้ไปกินข้าวกับผม ผมจะพายายไปกินอาหารอร่อย ๆ เลย
“ ไปทานข้าวด้วยก่อนเถอะลูก ”
“ ตกลงครับ กำลังหิวอยู่พอดี ”
O.O ?
เฮ้ย !
“ ขิมทำไมเงียบไปละลูก ปกติขิมต้องพูดเก่งกว่านี้นะ ”
“ ขิมไม่มีอะไรจะพูดครับ ” ผมพูดก่อนค่อย ๆ ยกน้ำขึ้นมาจิบไปเรื่อย ๆ ทำเนียนเบนสายตาไปมองนอกร้าน ไม่สนใจคนข้างหน้าที่ยังจ้องมองมาเรื่อย ๆ พร้อมคุยเรื่องสัพเพเหระกับยายผม
ตั้งแต่ยายชวนหลานคนใหม่มากินข้าวด้วย ผมก็นิ่งค้างไป แล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ.. จะคัดค้านอะไรได้ ก็ทำได้แค่เดินต้อยๆ ตามหลังยายที่ควงแขนหลานคนใหม่นำหน้ามาที่ร้านอาหารที่มันแนะนำ เป็นร้านอาหารรสไทยสไตล์ยุโรป แบบที่ยายผมชอบ จนยายตกลงมาอย่างง่ายดาย ยายคงลืมไปแล้วด้วยว่าผมอยากกิน
“ ยังงอนยายอยู่.. ” ผมไม่รู้ว่ายายหมายถึงเรื่องไหน ยายอาจเข้าใจว่าผมไม่พอใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ระหว่างเรื่องที่ยายไปบู๊กับคนกระชากกระเป๋า หรือเรื่องที่ไปชวนไอ้พี่กรดมากินข้าว ผมรู้สึกงอนยายทั้งสองเรื่องเลยต่างหาก
“ น่าจะใช่ครับ ” ผมเหลือบคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม มันตอบยายอย่างเห็นดีเห็นงาม >< มันกำลังอมยิ้มและพยักหน้าเหมือนเข้าใจหัวอกคนเป็นยาย เอาเข้าไปสิ เอาอกเอาใจยายเข้าไป
“ น้องขิมลูก ” เสียงเรียกชื่อเบา ๆ ของยาย มักทำให้ผมใจอ่อน ผมเปล่างอนนะ..ไม่ได้งอนแล้วซักหน่อย แค่น้อยใจอะ
“ ยายอ่า ..ขิมไม่ได้งอนแล้วครับ ยายรู้ใช่มั๊ยขิมเป็นห่วงยาย ”
“ ครับ รู้ครับ หลานรัก ^ ^ ”
พอยายลูบหัวและเรียกผมว่าหลานรัก ผมก็หลุดอมยิ้มออกมาอย่างชอบใจ แต่พอเห็นคนตรงหน้ากำลังกระตุกยิ้มกับท่าทางของผม คิ้วผมมันก็กระตุกขึ้นมา จนผมอดไม่ได้ที่จะแอบเบ้ปากให้มันกลับไป
“ งั้นก็คุยกันหน่อยเถอะลูก คุยกับพี่กรดด้วย ”
“ อ่า ครับๆ ”
ในระหว่างรออาหารที่สั่งยายก็ชวนไอ้พี่กรดพูดถึงแบรนด์เสื้อผ้าที่ผู้ชายชอบใส่ และดูการแต่งตัวของมัน ผมว่ามันแต่งแต่ละครั้งไม่เหมือนกันเท่าไหร่ เหมือนคนที่ถูกจับแต่ง แต่ถ้าไม่มีอคติเล็กๆ ผมว่าคนหน้าตาและรูปร่างดีอย่างมันแต่งไปด้วยเสื้อผ้าแบบไหนยังไงก็ยังดูดีไปหมด รวมถึงวันนี้ด้วยที่แม้จะอยู่ในเสื้อเชิ้ตผ้าอ๊อกฟอร์ดเนื้อผ้าสบายลายทางแนวตั้ง สีเทาสลับขาว กับกางเกงยีนขายาวสีเข้ม รองเท้าผ้าใบสีขาวคู่ใหญ่ ทรงผมที่ไม่ถูกเซ็ทแต่เปลี่ยนสีเป็นสีดำสนิทต่างจากครั้งที่แล้วที่เจอ ไม่ได้ทำให้คน ๆ นี้ดูธรรมดาลงได้เลย
แต่หมั่นไส้ได้ม่ะ!
ทำไมยายต้องชมมันบ่อย ๆ ด้วย ชมแล้วชมอีก พี่กรดหล่ออย่างนู้นพี่กรดหล่ออย่างนี้ ฉลาด พูดจาฉะฉาน มีมารยาท มีน้ำใจ ทั้ง ๆ ที่เจอกันยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยอะครับยายครับ
“ เอ๊ ทำไมเหมือนยายจะลืมหยิบถุงกางเกงของพี่ชายเรามานะลูก ขิมดูสิลูกมีถุงสีเขียวมั๊ย? ” ผมหันไปไล่ดูถุงเล็กใหญ่เกือบสิบถุงได้ที่วางไว้ด้านข้าง ไม่มีถุงสีเขียวหรือถุงกางเกงที่ยายบอก ยายเลยนึกได้ว่าต้องถือมาไม่ครบตอนเมื่อครู่ที่ฝากไว้กับเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์แน่ๆ
“ เดี๋ยวขิมไปดู.. ”
“ ไม่ต้องๆ ลูก ยายอยากจะไปเข้าห้องน้ำพอดี เดี๋ยวยายไปเอง ”
“ O.O ”
ไม่ได้!
ถ้ายายไปเท่ากับยายปล่อยผมทิ้งไว้ให้อยู่กับคนที่ผมไม่อยากเจอ อันตรายตัวโต ๆ ที่พร้อมจะโจมตีผมเมื่อไรก็ได้ มันกระตุกยิ้มเมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมให้ยายลุกไป
“ เดี๋ยวผมไปดูให้ครับ ” ^ - ^ ผมพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อไอ้พี่กรดมันเสนอตัว แต่ยายส่ายหน้าไปมาไม่ยอมอย่างเดียว และยายจะไปให้ได้ เพราะยายต้องการไปเข้าห้องน้ำจริง ๆ
“ ไม่ต้องลูก พี่กรดนั่งอยู่กับน้องขิมที่นี่แหละนะลูก ยายไปเอง ”
“ ยาย.. ไม่เอาอ่ะ ให้ขิมไปด้วยนะครับ ” ผมเกาะแขนยายแน่น ไม่ยอมให้ยายลุก
“ ไม่ได้ นั่งเป็นเพื่อนพี่เขาอยู่นี่แหละลูก ”
“ แต่.. ”
“ ไม่เอาหน่าขิม ยายไปแปบเดียว ยายจะไปเข้าห้องน้ำด้วยลูก อูย ไปแล้วนะเดี๋ยวยายมานะลูกนะ ^ ^ ”
“ ยายยย ” ยายไม่สนใจผมอีกต่อไป ยายรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากร้านด้วยความรวดเร็ว
ซวยแล้ว..
ผมจะทำยังไงต่อไป ยายทิ้งให้ผมอยู่กับไอ้พี่กรด เพื่อนสนิทพี่รัน ที่เป็นศัตรูหัวใจของไอ้พี่
ซึ่ง.. มันคืออันตรายตัวโตๆที่ผมไม่อยากเจอ ..
แม้แววตาจะเผลอกระตุก แขนขาเริ่มดูเก้งกางไปหมด ไม่รู้ว่านั่งท่าไหนจะสบาย ไม่รู้ว่ามือทั้งสองข้างไปปัดป้ายไปวางตรงไหนนอกจากกอดมันไว้ที่อกตัวเอง
- __ -
-/////////-
ผมเลือนสายตามองมันอีกครั้ง พบว่าคนตรงหน้าก็เอาแต่มองมานิ่ง ๆ โดยไม่พูดไม่จา จนเดาความรู้สึกไม่ออกว่ามันกำลังคิดอะไร.. ผมก็ไม่ต่าง ผมพยายามทำตัวแน่นิ่ง ไม่ให้เกิดพิรุธว่ามีความรู้สึกกังวลที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เดิม ๆ สองต่อสองกับมันระหว่างโต๊ะอาหาร
“ ไม่คิดถึงกูหน่อยหรอ? พูดกับกูหน่อยสิขิม.. ” ใบหน้านิ่งเมื่อครู่ของมันค่อย ๆ เผยยิ้มออกมา ตามด้วยการพูดเปิดประเด็นขึ้นมาโดยที่ผมไม่ได้ทันตั้งตัว
=_=
คิดถงคิดถึงบ้าบออะไรเล่า..
“ หึ ยังไม่ยอมพูด.. ” หลังจากที่ไอ้พี่กรดมันยังไม่ได้ยินเสียงตอบรับของผม มันส่ายหน้าไปมานิดหน่อยพร้อมส่งสายตามองมาเหมือนผมไปขัดใจเข้าให้
“ .......... ” จะให้พูดอะไรวะ
ผมหลบสายตามันอีกครั้ง เลือนสายตาไปมองสะเก็ดน้ำแข็งที่ลอยในแก้วน้ำที่เพิ่งยกขึ้นมาจิบ
“ หึๆ มีอะไรจะแก้ตัวมั๊ย? ”
-0-
ไอ้สัด!
ผมมองมันตาขวาง หลังจากที่มันใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางใหญ่ๆของตัวเอง มาดันหน้าผากผมขึ้น จนผมต้องเงยหน้าตามแรงดันของมัน เราสบตากันอีกครั้ง
ช่าาาาา -///////////-
“ กะ.. แก้ตัวอะไรไม่ทราบ! ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหาเรื่องเพื่อกลบเกลื่อนอะไรความรู้สึกบางอย่าง แล้วดันมือมันกลับออกไป สะบัดหน้าหนีไปพร้อมกัน
ผมเชิดหน้าและยืดตัวขึ้นอย่างไม่คิดจะยอมรับความผิดนั้น แม้ในใจจะมีอาการกล้า ๆ กลัว ๆ ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ อยู่ จนสับสนไปหมดก็ตาม แต่ผมยืนยัน... ผมไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อย ผมบอกไปแล้ว
“ กำลังหนีกู หลบหน้าหลบตากูอยู่ใช่มั๊ย ? ”
“ ไม่ได้หลบซักหน่อย! ” ผมพูดขึ้นเสียงแบบไม่รู้ตัว จนเห็นว่าพี่พนักงานและคนที่นั่งโต๊ะข้าง ๆ ต่างหันมามอง ผมถึงลดระดับความดังเสียงของตัวเองลง จนแทบเรียกว่ากระซิบโดยอัตโนมัติ “ ทำไมต้องคิดว่ากูหนี กูหลบมึงด้วย ? ”
“ หึ ๆ หรือไม่จริง.. ” มันที่ไม่ได้สนใจสายตาคนรอบข้าง เพียงมองและส่งยิ้มบางๆไปให้คนเหล่านั้น ก่อนจะหันมาถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปนไปด้วยการหยอกล้อ
ความจริงแล้ว พี่กรดมันก็พูดด้วยเสียงความดังระดับปกติที่ได้ยินกันสองคนมาตลอด มีแต่ผมนี่แหละที่เผลอเสียงดังจนได้ยินแทบทั้งร้าน
“ ...ไม่จริง ก็แค่ไม่อยากเจอ ”
“ ทำไมไม่อยากเจอ ? ”
เห! เมื่อกี้ผมพูดเบาแล้วนะ มันได้ยินอีกแล้วอะ
“ แล้วทำไมมึงต้องมาตามวุ่นวายกูด้วยอะ ” ไม่ทันที่มันจะอ้าปากถามซ้ำ ผมก็พูดด้วยน้ำเสียงเหวี่ยง ๆ กลับไปให้คนตรงหน้าได้รู้ว่าผมไม่ชอบใจที่มันเหมือนรู้ความคิดผมได้ตลอด
“ ก็ง่ายๆ กูอยากเจอ.. ”
“ ................... ” เดี๋ยววววว อยากเจอผมทำไม?
มันกอดอกเอนตัวไปพิงที่พนักพิงเก้าอี้ช้าๆ ยิ้มออกมาอีกครั้ง
ผมไม่รู้ เพราะมันสะใจมากหรือยังไงที่ทำให้ผมสตั้นไปกับพูดของมัน เสียงที่มันหลุดหัวเราะออกมานั้น ทำให้ผมคิดอย่างเดียว..
นี่คงกวนตีนกันอีกสินะ แกล้งกันอีกสินะ..
“ จะมาอยากเจออะไร เก็บคำพูดแปลก ๆ นี่ไปใช่กับสาวๆเถอะ ”
“ กูจะพูดกับใครก็ได้ ไม่รู้หรือไง ”
ผมเป่าลมหายใจออกมาทางปาก จนผมหน้าม้าตัวเองปลิวเปิดขึ้น นี่อะไรกันนะ.. ลมหายใจตัวผมเองร้อนไปหมด
“ อ่อ ลืมไป มึงไม่ได้ชอบแค่แบบสาว ๆ หนิ ”
“ แล้วคิดว่ากูชอบแบบไหน.. ? ”
“ ชอบแบบไหน ตัวเองไม่รู้ตัวเองหรือไงเล่า.. ” ผมเร่หางตามองมัน เป่าลมไปมาข้างแก้มอีกครั้ง รำคาญใจนิด ๆ แฮ่ะ!
“ กูแค่อยากให้มึงลองตอบดู คิดว่ากูเป็นแบบไหน ชอบแบบไหน.. ” พี่กรดมันถามน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา ผมเลยไม่คิดช่างใจที่จะตอบออกไป
“ ก็ถ้าไม่ได้ชอบผู้หญิง ก็ต้องชอบผู้ชาย ” ผมตอบมันไปแค่นั้น และเหมือนมันพอใจกับคำตอบ มันไม่ได้ถามคาดคั้นต่อ เพียงแค่อมยิ้มแล้วอมยิ้มอีก
แต่เดียวนะ การที่ผมบอกว่ามันชอบผู้ชาย ก็แสดงว่ามันเป็นเกย์
หรือว่าจะจริงที่พี่ขลุ่ยบอก ว่าพี่กรดนี่อาจชอบพี่รัน
พี่รันแน่ๆ แบบที่มันชอบ..
“ มึงไปรู้อะไรมารึป่าว ? สีหน้ามึงนี่ปิดไม่อยู่เลยนะ ” มันถามผม เหมือนรู้ว่าผมกำลังมีความคิดอะไรอยู่บางอย่าง
“ ทำไมชอบจับผิดคนอื่นนะ! ”
“ แล้วมึงคิดอะไรอยู่จริงๆ ใช่มั๊ยล่ะ? ”
ผมก็เงียบดิ..
75%
.
.
.