JUST 01. CLOSE-FRIEND
คำว่า เพื่อน กับ สนิท มันมีเส้นกั้นอยู่บางๆ
“กริ๊งงงง!!!”
ผมลืมตาลุกขึ้นกึ่งนั่งบนเตียง มองไปที่นาฬิกาเจ้าปัญหาที่ดังอยู่ข้างๆ แล้วเอื้อมไป กดปิด ก่อนจะนอนต่อ แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเมื่อขยับตัวได้สักพัก เหมือนมีบางอย่างอยู่ใกล้ๆข้างๆผม ผมมองนิ่งอยู่สักพักก่อนจะดึงผ้าห่มออก...ชัดเลย เด็กผู้ชายที่กำลังนอนข้างๆผม กำลังใช้มือคว้าร่างที่นั่งอยู่โดยหมอนข้างที่กั้นระหว่างกันไว้ แต่เมื่อมันหาที่จับได้มันก็ใช้แรงดึงอย่างรวดเร็ว จนผมลงไปนอนกับมันด้วย
“นิ่มจังเลยวะ หมอนข้างใช่รึเปล่า” มันกอดผมที่กลายสภาพเป็นหมอนข้างขนาดย่อม ผมยิ้มก่อนจะใช้เท้ายันมันออกห่างอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่สามารถต้านแรงของคนที่กำลังกอดได้ แรงควาย ไม่มีคำว่ายอม “ไอ้หมอนข้างนิ่มๆจะเตะไข่มึงให้แหลกเลย” ก่อนยิ้มร้ายก่อนจะยกขาที่นอนราบไปกับร่างของมัน ฟาดลงไปอย่างเเรง
ฟุ่บ!
ไม่มีเสียงอะไรตอบ นอกจากใบหน้าที่บิดเบี้ยวของคนที่โดน ก่อนจะผ่อนแรงที่รัดผมไว้จนผมออกจากอ้อมกอดนั่นได้ ก่อนจะหยิบหมอนข้างที่อยู่ฝั่งผม ฟาดไปที่หน้ามันทันที
“นี่ของมึง…เอาไป!”
เหมือนการฟาดอย่างเดียวไม่พอสำหรับผม เลยจะปาหมอนใส่ด้วย แต่..
“กริ๊งงง!!” เสียงนาฬิกาเตือนผมอีกครั้ง มาดังอะไรตอนนี้วะ “โชคดีนะมึง” ผมมองใบหน้าที่กำลังทำหลับอย่างไม่สนใจ ยิ้มอีก โรคจิต ส่ายหน้าหันไปหยิบมันจะกดปิดอีกรอบ แต่ทว่า..เข็มมันชี้ที่เลข 7 ก็หมายความว่า
“เชี่ยแล้วววววว!!!!” ผมหน้าตื่น
“เชี่ยไรมึง”
“กะ ก็...!”
ผมหันไปบอกมัน แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อคนที่เกือบจะโดนผมวิสามัญฆาตกรรมด้วยหมอนข้างดันลุกขึ้นมาอยู่ข้างหลังผมพอดี หน้าจะปะทะหน้าเลยที่นี้ แต่ผมรีบบอกกับมัน
“สายแล้วไง เก็บที่นอนเดี๋ยวนี้! ไปอาบน้ำก่อนล่ะ” ผมจะรีบวิ่งไปห้องน้ำ แต่โดนมันคว้าแขนไว้ สายตาที่กำลังรีบร้อนหันมามองทันที มันถามผมท่าทางกวนประสาท อยากโดนอีกใช่มั้ย
“ทำไมต้องเก็บด้วย...” จะนอนอยู่อย่างนั้นใช่มั้ย
“เออน่า เดี๋ยวอาบเสร็จ กูมาช่วยเก็บ มึงจะได้อาบต่อ จะได้รีบไปแดกข้าว”
“ไม่เอา ถ้าจะอาบก็ต้องเก็บด้วยกันก่อน อย่าขี้โกง”
“แม่งอะไรกันนักหนาวะ กูไม่อยากโดนเช็คสายนะ”
อยากจะบีบคอมันจริง ดูเวลาแล้ว แค่จะจับคอเสื้อ ยังมากเกินไปด้วยซ้ำ บ้านผมอยู่ไกลจากโรงเรียนประมาณ 20 นาที โรงเรียนเข้า 7โมงครึ่ง แล้วคิดดูว่านี่ 7 โมง 10 นาทีแล้ว พอจะสะบัดแขนมันก็จับเอาไว้ซะแน่นเลย แม่งเป็นปลิงรึไง...
“....หรือจะให้อาบน้ำพร้อมกับมึง”
มันมองหน้าผมพร้อมๆกับทำตาเจ้าเล่ห์มองที่ผม ยอมก็ได้ว่ะแม่ง เก็บที่นอนกับมัน แต่อาบน้ำแยกห้องกับมันนะ แต่งตัวอย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึง 5 นาที ก่อนจะรีบลงไปที่โต๊ะกินข้าวห้องครัว ที่แม่กำลังทำกับข้าวอยู่ แม่หันมาเห็นผมกับมันพอดี เลยทักผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“มาเร็วลูก เดี๋ยวไปเรียนไม่ทัน” ผม ชื่อ “อาม” ครับ เรียนอยู่โรงเรียนมีชื่อของเขตดังในกรุงเทพ ปีนี้ก็อยู่ ม.5 แล้ว ภายนอกดูบ้าๆ ไปนิดหน่อย ผมนั่งลงกับโต๊ะ แม่เดินมาที่โต๊ะก่อนจะวางขนมปังที่อบเสร็จใหม่ๆ บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ก่อนจะบอกกับไอ้คนข้างๆผมที่มานั่งลงตามอย่างเป็นกันเอง
“ปืน เป็นไงลูกเมื่อคืนทำงานดึกมั้ย เดี๋ยวเช้านี้กินเยอะๆน่ะ” อะไรกันนี่แม่ผมพูดกับมันมากกว่าที่คุยกับผมซะอีก อ้อ! ไอ้กวนประสาทนี่ “ปืน” เพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนสนิท(รึเปล่าไม่รู้ของผม) แต่รู้จักกันมาปีนึงก็สนิทพอตัวอยู่ แต่ที่สนิทน่าจะเป็นแม่ผมมากกว่านะ ดูจะถูกชะตากับมันมากจนเรียกเป็นลูกอีกคน โห่ แม่ ลูกอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ เอาใจมันจัง หมั่นไส้โคตรๆ
“ก็นิดหน่อยครับ แต่ได้ไอ้อามงานเลยเสร็จไว้หน่อย”
มันเหลือบมามองผมที่กำลังหยิบขนมปังบนโต๊ะยัดเข้าปากอย่างไม่อายใคร ผมเลยส่งเสียงเเละสายตาไปหามันพร้อมกับส่งเสียงทั้งๆที่มีอาหารในปาก มองอยู่ได้ กินอะไรก็กินไปดิ เเม่งมากินทั้งข้าวเย็น ข้าวเช้า ไม่กินข้าวเที่ยงเลยล่ะ!
“อะไอ?”
“เปล่า”
มันพูดแค่นั้นก็ยิ้มหยิบขนมปังกินบ้าง ก็ไม่สนใจมันสักเท่าไหร่หรอก เพราะว่ากำลังอร่อยและก็รีบด้วย แต่ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมมันถึงมานอนบนเตียงด้วยได้ ทั้งๆที่ก็ให้มันนอนพื้นแล้วนะ ขอคิดแป๊บนึง
คิดออกแล้ว! เมื่อคืนผมนั่งพิมพ์งานในห้อง ส่วนไอ้ปืนนั่งเล่นเกมโทรศัพท์อย่างเมามัน ผมรู้สึกเซ็งไม่พอใจที่อยู่คู่กันแล้วไม่คิดจะช่วยงานบ้าง เคยด่ามันว่า เดี๋ยวกูจะตัดชื่อมึงออก! กูเอาคะแนนคนเดียว เอามะ แต่เนื่องว่าผมก็ยังมีสำนึกของการเป็นคนดีอยู่ (อวยตัวเองสุดๆ) จึงหันมาเรียกมันที่อยู่บนเตียงให้มาช่วย
“เฮ้ย มึง! มาช่วยกูดูดิ ว่าไอ้ข้อมูลตรงนี้ควรเป็นไง”
ขอโทษเค่อะ ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่กำลังเรียกในขณะนี้ โปรดเรียกใหม่เค่อะ (โอเปอร์เรเตอร์น่าตบฉิบหาย)
เพราะมันยังเล่นเกมของมันอยู่ อย่างน้อยก็น่าจะบอกนะ ว่ากำลังจะผ่านด่าน กูจะได้เข้าใจ เพราะเวลาแม่ผมบอกให้หยุดเล่น ก็พูดแบบนี้ ถุยเหอะ! ผมหันกลับไปพิมพ์ต่อ แต่แล้วผมก็รู้สึกว่ามีใครบางคนอยู่ข้างหลังผม โดยไม่ทันสังเกต ผมหันไป
“เฮ้ย!”
“เฮ้ย!” ผมอุทานพร้อมๆกับหันมาถีบมันจนกลิ้งไปลงกับเตียง โชคดีนะที่เตียงกูนุ่ม แต่ว่าเห็นสภาพของไอ้คนที่ไม่สนใจอะไรถูกถีบแบบนี้ มันก็สะใจดีวะ หายโมโหแล้ว ก็นั่งพิมพ์งานต่ออย่างสบายใจ มันลุกขึ้นจากเตียงก่อนจะมายืนข้างๆผมพลางจับไหล่อย่างสนิทสนม ผมจับออก มันก็ทำหน้าเซ็งๆ
“มึงนี่นะ ตีนหนักเหมือนปากเลย”
“เออดิ คนทำงานเสือกมากวน เดี๋ยวมีเป็นคอมโบอีกนะ” ผมหันไปชี้หน้ามันก่อนจะพิมพ์ต่อ
“ก็มาช่วยมึงแล้วไง มะ กูจัดเอง!” มันเข้ามาวางมือบนเมาส์ที่มีมือผมวางซ้อนไว้อีกที ผมเอามือออกอย่างรวดเร็ว แม่งไม่ดูเลยเหรอวะ ว่ามือใครอยู่ ก่อนจะนั่งดูมันจัดการตรงนั้นตรงนี้ นี่ถ้ามันไม่เก่งนะ ผมคงไม่ด่ามันหรอกที่ไม่ช่วยงาน จนกระทั่ง บรรณานุกรมเสร็จ ผมก็ตาค้างด้วยความอึ้งปากค้าง มันต้องมาหุบ
“เสร็จแล้ว”
“ทะ..ทำได้ไงวะ”
“อ่อนหัด มีความตั้งใจแต่ก็...”
มันทำมือก่อนเว้นคำพูดก่อนจะก้มลงยื่นหน้ามาที่ผม “อ่อนหัด!”
ผัวะ!
ชกเข้าให้ ถึงจะพิมพ์งานช้า แต่เรื่องหมัดผมเร็วนะ อย่าเผลอแล้วกัน
“อะไรวะ เอะอะก็ต่อยกู ไม่น่ารักเลย”
“เออดิ ไม่กระทืบให้ก็บุญแล้ว แล้วเลิกพูดแบบนั้นซะที แหกตาดูบ้างว่ากูเป็นใคร”
ดูมัน ล้อเลียนดึงหนังตาให้เปิดเเล้วมองผม กวนตีน!
ผมหันกลับไปเซฟงานจะปิดเครื่อง แต่มันก็ห้ามผมไว้ก่อน ผมคิดว่า ถ้ามีบางจุดยังไม่เสร็จ มันอาจจะแก้ไขให้ แต่ที่ไหนได้ มันกลับเลื่อนเมาส์ไปที่ไอคอนเกมที่ผมลงไว้ พร้อมๆกับหันมายิ้มให้
“ขอเล่นเกมหน่อยดิ ไหนๆงานก็เสร็จแล้วอ่า”
ผมที่กำลังจะกระตือรือร้นเรื่องงานได้ยินเข้าไปแทบเดือดเป็นไฟยกหมัดขึ้น “มึงนี่นะ....”
“เที่ยงคืน มึงยังจะเล่นเกมอีกเหรอ!!! มึงแหกตาดู ที่มึงทำก็แค่จัดหน้า กูยังต้องเช็คข้อมูลอีก ถ้าจะเล่น ไปบ้านมึงนู่น!”
ไม่ต้องบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน....นั่งจ๋อยเลยครับ
ผมปิดคอมหลังจากที่จัดการมันเสร็จ ก็ไปที่เตียงก็ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว แต่แล้ว ไอ้ปืนที่นั่งสงบดูจะทนหมัดทนตีนผมนี่ ค่อยๆมายืนข้างๆพร้อมกับดึงผ้าผมออกจนตัวผมแทบกลิ้งไป ทำหน้าแปลกใจ
“จะให้กูนอนไหน?”
“นอนพื้นไง ปูให้แล้ว สบายสุด”
ผมชี้ไปที่ๆมันเหยียบอยู่ พลางหลับตาจะนอน ง่วงมากเลยครับ แต่แล้ว ผมก็รู้สึกเหมือนเตียงมันหนักขึ้น มันลักขึ้นบนเตียงแน่ๆ แต่เรื่องอะไรผมจะยอมก็ นี่มันเตียงผม เตียงรูปโดราเองม่อนสีฟ้าน้ำทะเล ใครก็ห้ามมายุ่ง แล้วมันก็นอนพื้นตลอดเวลามาที่บ้าน แต่จะมาฝ่าฝืนมันไม่ง่ายหรอก
“ขยับไป” ไอ้ปืนเอาเท้ามาเขี่ยผม ผมมองมันด้วยสายตาอาฆาต บังอร! เอ้ย บังอาจ!
“ลงไปเดี๋ยวนี้” ผมยื่นคำขาดพร้อมกับเพ่งมองหนักกว่าเดิม
“ง่วงแล้ว” ถ้ามันฟัง มันคงไม่ทิ้งร่างตัวเองลงแล้วก็นอนลงหรอกนะ
“นับ 1” ผมยกนิ้วขึ้นมา แต่ไอ้ปืนหันไปอีกด้านของเตียง นอนหันหลังให้ผม
“ง่วงจริงๆเว้ย” ไอ้ปืนงอแงใส่ จะทนไม่ไหวแล้วนะ
“2” มันดิ้นบนเตียงไปมาบอกผม ผมค่อยๆยกเท้าขึ้นมา
“หลับแล้วนะ”
ยัง ยังไม่หยุดอีก
“3!”
มึงตายยยย!!!
ผมเตรียมจะถีบให้ตกเตียง แต่ดูท่ามันจะรู้ทัน เลยกระโจนโถมมาทับตัวผมในผ้าห่มทันที หายใจไม่ออก ตัวแม่งโคตรหนักแถมรู้สึกเหมือนหน้ามันอยู่ไม่ใกล้หัวผมด้วยซ้ำ ดีที่ผ้าห่มมันกันเอาไว้ ไม่งั้น..เชี่ยยย ขนลุก
“ไม่เอา มีที่นอนแล้ว ขอนอน”
“มึงตลกเหรอ กูหายใจไม่ออก”
“นอนบนตัวมึงก็ได้”
พูดบ้าอะไรของมัน ลงไป!!
“สัส! ลงไป!”
ผมใช้แรงผลักมันออกจากในผ้าห่ม แต่มันก็กดแน่น จนไม่ได้ผล
“นอนไปดิ” แม่งมันมึนหรือว่าหน้าด้านวะเนี่ย คนด่ายังจะอยู่
ผมถอนหายใจก่อนจะยอมมันในที่สุด
“เออ ก็ได้ ลงมาก่อน แล้วมึงนอนข้างๆกูได้ แต่...”
“แต่ไรอีก” มันพูดพลางขยับตัวไปมา จนผมได้แต่เอามือค้ำไว้
“ช่วยเอาหมอนข้างมากั้นด้วย จะได้แน่ใจว่ามึงจะไม่ทำอะไรกู”
“กูจะทำอะไรมึง แต่ก็ไม่แน่นะ" มันมองหน้าผม "บางที...กูอาจจะลักหลับมึงก็ได้” ผมจับเเขนตัวเอง เชี่ย..
“กูบอกลงไปจากตัวกู!”
ได้ผลครับ มันลงไปจากตัวผมแล้วก็ไปนอนข้างๆตามที่ผมบอกก่อนที่เอาหมอนข้างมากั้นระหว่างผมกับมันไว้ พร้อมๆกับห่มผ้าห่มผืนเดียวกัน แต่มันก็พูดบางอย่างกับผม
“ฝันดีนะ มึง”
ผมไม่พูดอะไรนอกจากแกล้งหลับ เมื่อแน่ใจว่ามันหลับผมก็เปิดผ้าห่มออกมา หันไปมองมันที่นอนอยู่ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะหลับตาม...แล้วก็มาถึงตอนนี้แหล่ะ
“อิ่มแล้วครับ” ผมสะกิดไอ้ปืนที่อาหารยังอยู่ในปาก
“ไรวะ กูยังไม่อิ่มเลย”
“งั้นก็เชิญรับประทานให้อร่อยเลยน่ะครับ” ผมพูดอย่างสุภาพทั้งๆที่ใจจริง
“แดกให้ตายไปข้างนึงเลยน่ะ! ไม่ต้องไปเรียน”
แต่แม่อยู่ไงครับ เดี๋ยวโดนด่า ผมรีบเดินออกไปก่อนที่มันจะรู้ซะอีก มันลุกจากโต๊ะถือกระเป๋า เดินตามผมออกมาที่หน้าบ้าน บ้านของผมเป็นบ้านพอมีฐานะ แต่ก็ไม่เท่าไอ้ปืนมันหรอก ลูกของนักธุรกิจ บ้านใหญ่กว่าเยอะ ผมเคยไปครั้งนึง แม่โจ้! บ้านผมไม่ต่างกับกระท่อมเลยถ้าให้เทียบ ช่างเหอะ ผมไม่สนเรื่องฐานะหรอก ผมมีชีวิตอยู่ได้เพราะพ่อแม่ ผมจะไม่ลืมฐานะตัวเองหรอก มันบ่นอีก
“อะไรวะ แค่นี้งอน”
“งอนเชี่ยไร ก็บอกให้มึงกินให้อิ่ม”
“แต่เห็นหน้าก็รู้ว่าเมียงอน”
ผมจ้องหน้ามันเขม็งทันที เอาอีกเเล้ว ไอ้คำนี้
“ใครเมียมึง กูผู้ชาย และกูก็ชอบผู้หญิงเว้ย”
“ไม่รู้สิน่ะ มึงกับกูสนิทจนได้ชื่อว่าผัวเมียประจำห้องเลยนะ” มันพูดข้างหู ผมยกหมัดขึ้นมา มันถึงถอยออก ใช่ครับ คือในห้องของผม มันมีหัวหน้าห้องคนนึงมันคิดบ้าๆครับ ว่าถ้าผู้ชายใครสนิทกันมากๆจะให้เป็นผัวเมียซึ่งแบ่งได้ตามประเภทที่จัดไว้ดังนี้
1.ผัวเมียฟรุ้งฟริ้ง สำหรับคู่ที่มีเคมีฟรุ้งกระจาย
2.ผัวเมียแซ่บเวอร์ สำหรับคู่ที่ เล่นกัน “ติดเรต”
3.ผัวเมียละเหี่ยใจ สำหรับ...ไอ้พวกตีกันเเต่เคมีมันได้
แล้วให้ทายว่าผมอยู่ตำแหน่งไหน ...ตามนั้นครับ
“พูดมาก ไปเอามอไซค์มา”
“จ๊ะๆเมีย เดี๋ยวผัวไปเอามาให้”
“ผัวจ๋า อยากกิน TEEN มั้ยจ๊ะ”
ผมยิ้มหวานให้แต่มือชี้เท้าที่เตรียมกระดิกใส่หน้ามันอยู่ จนมันต้องรีบเดินออกไป ให้ตายสิ มีเพื่อนที่สนิทแต่เสือกกวนตีนอย่างกับอะไรดี นี่เหี้ยรึเปล่า! ไม่นานมอเตอร์ไซค์ฮอนด้ารุ่นดังก็ขับออกมาจากรั้วบ้าน ผมรีบกระโดดซ้อนท้ายมัน มันขับออกไปทันที....
ถึงโรงเรียนสักที แต่จากการที่ลืมคำนวณเรื่องเวลาที่บริเวณถนนหน้าโรงเรียนรถจะติดของผม ทำให้รถของมันติดแหงกอยู่ไม่ไกลจากหน้าโรงเรียนครับ ชีวิตโคตรดีเลย
“เชี่ย เอาไงดีวะ จะแปดโมงแล้ว” พลางบ่นมองนาฬิกาบนคอมือตัวเอง เพราะมันตัวเดียว
“บ่นอยู่ได้”
“แล้วเพราะไอ้หมาตัวไหนล่ะ ที่ทำให้ตื่นสาย”
"อย่าว่าหมาดิ มันงง ดูดิ มีตั้งหลายตัว"
ผมจะกระโดดถีบมันเเน่ ถ้ามีเเค่เราสองคน
"ด่ามึงนั่นเเหละ!"
ผมหันไปด่า มันนิ่งไม่พูด หมั่นไส้ว่ะ แม่งทำตัวเป็นคนใจเย็นไปได้ แล้วส่ายหน้า จนสายตาผมเหลือบไปเห็นลานกว้างฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียน ผมรีบชี้ให้มันดู เผื่อว่าจะเอารถไปจอดแล้ววิ่งฝ่าเข้าไปในโรงเรียนได้
“มึงดูตรงนั้น มีที่จอดอยู่”
“จริงดิ”
“เออ หรืออยากโดนเจ๊เกียวเล่นล่ะ”
ชื่อครูปกครองครับ ได้ยินชื่อแล้วใครก็ขนลุกกันทั้งนั้น
“เออว่ะ”
มันรีบขับลอดรถที่ติดพอจะมีทางให้ไปตรงลานจอดตรงนั้น แล้วก็จอดอย่างรวดเร็ว ผมถอดหมวกกันน็อคยื่นให้มัน ก่อนทำท่าจะวิ่งออกไป แต่โดนมันจับมือไว้ก่อน
“อะไรอีก”
“ไปพร้อมกัน”
“ก็ได้”
พูดไม่พูดเปล่า มันรีบจับมือพาผมวิ่งฝ่ารถที่ติดเพื่อข้ามที่ฝั่งประตูโรงเรียน แต่แล้ว...
ติ๊งต๊อง!
เสียงนี้มันทำให้ผมที่กำลังวิ่งอยู่ชะงักก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียน ก่อนที่ไอ้ปืนจะปล่อยมือแล้วหันมามอง “เป็นไรว่ะ เหนื่อย?” ผมส่ายหน้าก่อนจะบอกเสียงเรียบว่า
“กริ๊งโรงเรียนดัง เขาเริ่มจับเด็กแล้ว โอ๊ย”
ผมมองประตูหร้าโรงเรียนอย่างเซ็งๆ อีกสักพักจะมีคนที่ทุกคนเคารพรักออกมายืนต้อนรับนักเรียนที่น่ารักทุกคนด้วยการให้วิ่งรอบสนาม นี่ผมโดนเช็คสายอีกแล้วใช่มั้ย! รู้รึเปล่าว่าถ้าสายอีกรอบ กูโดนเรียกผู้ปกครองนะเว้ย! ไม่อยากให้แม่มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ โวยวายในใจ ผมเห็นมันที่มองประตูไม่พูดอะไร
“เอาไงดีว่ะ” ผมเกาหัวทำอะไรไม่ถูก นักเรียนคนอื่นๆ ค่อยๆเดินเข้าไปแล้วก็โดนจับให้ยืนอยู่ก่อน ผมกลืนน้ำลายเอือกตาม มีทางไหนมั้ย ทางที่จะพาผมหรือมันเข้าโรงเรียนโดยที่ครูจับไม่ได้ มองกำแพงโรงเรียนก็สูงเกินไป จะวิ่งฝ่าก็ต้องโดนเรียกอยู่ดี
แต่ในระหว่างที่เครียดอยู่ ไอ้ปืนมันกลับจับมือพาผมวิ่งผ่านประตูหน้าโรงเรียน ก่อนจะพาผมอ้อมผ่านรั้วไปอีกด้าน โรงเรียนนี้เหมือนอยู่ใจกลางของเมืองเลยมีรั้วกำแพงใหญ่ล้อมรอบอยู่อย่างที่บอก อารมณ์เหมือนวัดพระแก้วอะไรประมาณนี้ มันพาผมวิ่งมาทางข้างหลัง ผมเห็นประตูเหล็กเล็กๆ อยู่
มันถีบอย่างแรงและรวดเร็ว!! ผมสะดุ้ง
ก่อนที่จะพาผมวิ่งเข้าไป แล้วผมก็รู้ตัวแล้วว่า ผมอยู่ตรงหลังโรงอาหารซึ่งไม่ไกลจากสนาม ผมตั้งท่าจะรีบวิ่งไปเข้าแถวแต่มันจับไหล่ ห้ามผมไว้ก่อน นี่ผมจะโดนห้ามอะไรหลายครั้งเนี่ย เเต่เห็นหน้าที่ซีเรียส โอเค กูยอม
“ออกไปตอนนี้เดี๋ยวก็โดนจับ อยู่แถวนี้ไปก่อน”
“ทำไมไม่บอกกูวะว่ามีทางเข้าอีกทาง” ผมหอบเล็กน้อยก่อนจะบอกอย่างชื่นชม
“มันเป็นทางออกของภารโรงเวลาจะทิ้งขยะใหญ่ข้างนอก ครูแม่งไม่รู้ด้วยซ้ำ กูก็ใช้โดดเรียนบ่อย และที่ไม่บอก ก็เพราะมึงอ่ะ อ่อนหัด ไม่รู้จักลู่ทางเล้ย” ไอ้ปืนบอกพลางหัวเราะไปด้วย ผมส่ายหน้า ก็จริง ถ้าไม่ได้มันช่วย ผมคงโดนจับเช็คสายแน่ๆ ถือว่าโชคดีที่ผมมีมิตรที่ดี....ใช่มั้ย?
“มิน่าล่ะ ทำไมมึงถึงไม่โดนจับ เวลาหนีเรียนกับพวกไอ้โล่มัน” ผมพูดถึงหัวโจกของห้องที่ไอ้ปืนอยู่ในกลุ่มของพวกมัน ที่มักจะชอบหนีเรียนไปสูบบุหรี่บ้าง ไปกินเหล้าบ้างละ ดีๆ ทั้งนั้น แต่ผมก็ไม่สนใจหรอกน่ะ ผมรับได้ เพราะมันก็เพื่อนผม (อย่าเอามะเร็งมาให้กูแล้วกัน) ผมก็ต้องเข้าใจว่ามันต้องการอะไร
ที่ผมสงสัยคือ..ไม่มีใครบอกมันเหรอว่ามันไม่ดี เอาจริง นี่ไม่ได้โลกสวย
“เออดิ มึงก็อย่าไปบอกใครนะ” ผมไม่พูดอะไรนอกจากโวยวายอยู่ในใจ
“คงจะบอกอยู่หรอก เรื่องแย่ๆ นี่ให้กูเก็บเป็นความลับตลอดดดด”
“ถ้าไม่ห่วงมึง ไม่บอกหรอกนะเว้ย สำนึกซะบ้าง” ผมชี้ตัวเองขมวดคิ้ว มันพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป อะไรของมันวะ ผมมองตามเกาหัว ไม่ห่วงก็ไม่บอก ก็เพื่อนกันนี่หว่า เรื่องปกติ จะไปสงสัยอะไร
จะว่าไปไอ้ปืนมันก็หน้าตาดีเหมือนกัน ถ้าเทียบกับผม ตัดรองทรง ดวงตาท่าทางเจ้าเล่ห์ แต่ก็ดูจะมีพละกำลังมากในเวลาเดียวกัน ที่ผมต้องมาบรรยายก็เพราะว่าอยู่มาเกือบ 2 ปี เพิ่งมาสนิทช่วงเปิดเทอมม.5 จริงๆ ก็คุยกันบ้างตอนม.4 แต่ตอนนั้นมันค่อนข้างจะวุ่นวายไปนิดหน่อย คือผมก็ยังไม่ค่อยมีเพื่อนมากเท่าไหร่ นอกจากไอ้เค ไอ้ม่อน และพี่กู๊ด
จนกระทั่ง ไอ้ปืน เข้ามา ผมก็เริ่มมองเห็นสิ่งใหม่ๆ ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของมัน อย่างที่เห็นจากที่ ขี้เกียจ แต่พอให้ทำอะไร ก็ทำเต็มที่ ไม่งั้นมันไม่มาอยู่ในแฟลชไดรฟ์สำรองในกระเป๋าผมแล้วล่ะ เดี๋ยวคาบวิชาคอม เข้าไปปริ้น พูดตรงๆ ยังไม่ชินเท่าไหร่ที่สนิทกับมันคือ...ผมเองก็มีนะเพื่อนม.ต้น
แต่ช่างเหอะ...ก็เป็นแค่อดีต
“เอ้อ มึง ว่าแต่..” ผมเรียกมันไว้ แต่มันก็ไม่หยุดเดิน
“ไร” ผมค่อยๆเลียบเคียงพูดออกมา
“มึงไม่ตงิดปากบ้างเหรอ เวลาเรียกกูว่า เมีย”
มันขมวดคิ้วไปมา “จะตงิดทำไม ก็มึงเป็นเมียกูจริงๆ”
ผมส่ายหน้าก่อนจะพูดต่อ “ทั้งๆที่มันเป็นแค่ตำแหน่งที่ไอ้เอยแต่งตั้งเนี่ยนะ?”
มันหันมามองยิ้ม “ก็แล้วไง ก็หนุกดี มีมึงเป็นเมีย เมียบ้า ชอบอยู่กับพวกผู้หญิง”
ผมเดินตามต่อพลางพูดไปเรื่อย
“แหงสิ อยู่กับพวกผู้ชาย ไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง กูไม่เคยเจอสังคมอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ ตอนม.ต้น กูสนิทแต่กับผู้หญิง เพิ่งมาสนิทกับผู้ชายจริงๆก็ตอนม.4เนี่ยแหละ ดีนะที่ไอ้เคกับไอ้ม่อนมันก็คล้ายๆกับกู ถ้าให้พูดตอนนี้มึงก็เป็นเพื่อนสนิทกูอีกคนล่ะนะ” ผมหน้าแดง ไม่ได้เขิน แต่อายที่บอกความจริงไปกับคนอย่างมัน แต่เอาเข้าจริงสนิทมาได้ขนาดนี้มันก็ไม่แปลกหรอก แล้วจะหน้าแดงทำไมวะ?
“เหรอ ถามจริงๆ นะ มึงไม่รู้สึกแปลกๆบ้างเหรอ” ไอ้ปืนถามคำถามที่ทำให้ผมตอบอย่างไม่ลังเล
“แปลกยังไงว่ะ?”
ผมกอดอกมองมันเล็กน้อย “เปล่า ช่างเหอะ รีบไปดีกว่า ร้องเพลงชาติแล้ว”
“ถ้าไม่อยากพูดไม่ต้องพูดก็ได้” ผมพูดออกมา
ไอ้ปืนยืนนิ่งชะงัก ผมหยุดสงสัย ก่อนที่ไอ้ปืนจะหันมาจับมือผมแล้วส่งสายตาหวานให้ เอ่อ...ผมควรรู้สึกยังไงล่ะ เขินหรือจะด่ามันดี “เป็นแฟนกับกูนะ”
ผมชะงักเล็กน้อย “นี่ ใช้มุขนี้มาร้อยกว่ารอบแล้ว คิดว่ากูไม่รู้เหรอ ไปฝึกมาใหม่นะน้อง”
ผมหัวเราะออกมาพลางลูบหัวมันอย่างเอ็นดู ไม่งอนนะน้องปืน
มันมองหน้าผมหน้าเศร้าๆ ก่อนจะบอก
“ไม่รู้สึกจริงๆด้วย”
เสียงเศร้ามากกกก พอพูดเสร็จก็เดินหนีผมไปซะเฉยๆ เล่นเอาผมงงเป็นไก่ตาแตก พลางกุมหัวตัวเอง แล้วคิดอะไรมากมายในหัว มองตามมันไป ด้วยความรู้สึกสงสัยและแปลกๆชอบกล กับคำถามที่อยู่ในหัวของผม
รู้สึกอะไรของมึงว่ะ?
ช่วยพูดอะไรให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อยได้มั้ย ไอ้ปืน...
เพื่อนสนิทสองคน รู้ใจเเละนิสัยกันดี เเละเหมือนจะไม่มีอะไร เเต่จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา...
มันคือเรื่องอะไรกัน?
ตอนหน้าจะมีตัวละครเพิ่มด้วยล่ะ อย่าลืมติดตามด้วยนะครับ
(สัญญาว่าจะเเต่งให้จบ อาจจะดองนิดนึง 5555)
หากมีภาษาอะไรเเปลกๆ บริบทของเรื่องครับ ไม่ได้ตั้งใจจะใช้ภาษาไทยผิดๆ เเต่อย่างใด
เเล้วมาเเชร์เรื่องกันนะครับ