22
มรสุมกลางดราม่า
“นี่หรอ แฟนเปาที่มึงว่า!”
เสียงแหลมทักดังขึ้นจากด้านหลัง ผู้หญิงในชุดเดรสสั้นจ้องมาทางเราด้วยสีหน้าถมึงทึงราวกับถูกหักหน้าอย่างรุนแรง พลอยเดินปรี่เข้ามาประชากคอเสื้อผมไปที่กำแพงโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัวพร้อมกับตวาดลั่น
“อีกระเทยตอแหล!” ไอ้เปารีบคว้าข้อมือพลอยทันทีแต่ก็พลอยก็ไม่ยอมปล่อย คำด่านั้นเธอกระแทกใส่ผม เราสองคนยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่รวดเร็วเป็นพายุแบบนี้ซักนิด
“ปล่อยกลาง!” ไอ้เปาพูดเกือบจะเป็นเสียงตะคอก
“หึ ทำไมถ้ากูไม่ปล่อยแล้วจะทำไม หน้าอย่างมึงจะทำอะไรได้ไอ้เปา” สรรพนามที่เธอพึ่งจะเปลี่ยนกลับมาเรียกไอ้เปาตามเดิม
“พวกวิปริต!” ปากเหยียดยิ้มให้กับผมก่อนจะยิ่งรั้งเสื้อผมให้เข้าไปใกล้เธอ
ผมมองพลอยด้วยสายตาหวาดหวั่นพอจะเข้าใจที่มาที่ไป ผู้หญิงคนนี้ไม่ชอบไอ้เปาพอๆ กับไอ้เกมส์ ไอ้เปาตอนเด็กไปไหนก็มีแต่คนแกล้ง ไม่เอาไหน พอมาวันนี้เห็นไอ้เปาอีกครั้งก็มีแต่คนชื่นชม พลอยก็เป็นหนึ่งในนั้นที่มองมันแค่ภายนอก สนใจจนกระทั่งอยากจะได้แม้ว่าตัวเองมีแฟนแล้ว ประกอบกับไอ้เปาไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อยพอมาเห็นผมกับไอ้เปาหยอกล้อกันแบบนั้นอีกเธอเลยรู้สึกว่าถูกฉีกหน้าเพราะลงทุนยอมลดความเกลียดมาคุยกับไอ้เปาที่ตอนเด็กเกลียดนักเกลียดหนาขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่คนที่ไอ้เปากลับเป็นผมที่เป็นผู้ชาย คนที่เปลี่ยนความรู้สึกเพียงเสี้ยววิแบบนี้ผมกลัวจริงๆ ครับ
“...” ไอ้เปาขบกรามจนได้ยินเสียงกรอดๆ เมื่อพลอยเริ่มพ่นคำหยาบออกมาจากปาก ส่วนผมก็ได้แต่ออกแรงจับข้อมือของเธออีกข้าง ปล่อยซักทีสิ
“มึงก็ยังขี้ขลาดอยู่วันยันค่ำ ไอ้เปา! เป็นห่วงอีนี่หรอ” พลอยเลื่อนมือมาบีบคางผม เล็บยาวของเธอจิกจนแสบไปหมดก่อนจะตบบนแก้มผมสองสามทีให้เกิดเสียงแล้วหันมาพูดกับไอ้เปา
“เสียดายหน้าตามึงจริ๊งจริงไอ้เปา...อุตส่าห์เปลี่ยนไปขนาดนี้ยังจะมาหลง...หึ ด้วยกันเอง” สายตาดูถูกมองปราดทั่วใบหน้าผม
“โอ๊ย” ผมร้องเมื่อพลอยจิกเล็บแน่น เพราะพลอยเป็นผู้หญิงแถมยังเมาด้วย ผมไม่กล้าทำอะไรหรอกครับได้แต่ปัดป้องตัวเอง ไอ้เปายังคงกำข้อมือพลอยแน่น ในเมื่อพลอยไม่ปล่อย มันบีบข้อมือพลอยแรงขึ้นแต่พลอยก็ไม่สะทกสะท้าน เปาออกกระชากมือพลอยอย่างแรง จากที่พลอยคร่อมผมไว้ตอนนี้ไอ้เปาก็กดแขนสองข้างของพลอยไว้ที่กำแพงแทน
“จะอะไรกับกูนักหนาวะพลอย! มึงเกลียดกูชิบหายเลยไม่ใช่หรอ อยู่ดีๆ มึงก็สนใจกูขึ้นมา แล้วตอนนี้เป็นบ้าอะไรอีกวะ ทำไม...เสียใจหรอที่กูไม่สนใจมึง” ไอ้เปากัดฟันพูด พลอยโกรธจนหน้าแดงจ้องหน้าไอ้เปาเหมือนจะฆ่าให้ตาย
“ปล่อยแขนนะ กูจะอ้วก” พลอยสะบัดตัวอย่างขัดใจก่อนจะพูดต่อ “พวกมึงรวมหัวกัน แก้แค้นแทนผัวมึงหรอไอ้กลาง ตอนเด็กๆ เห็นตามตูดกันต้อยๆ ไม่คิดว่าตอนนี้...ข้างหน้าข้างหลังมันคงจะติดกันอยู่สินะ” ไอ้เปากำข้อมือของพลอยทั้งสองข้างไว้แน่น เธอนิ่วหน้าอย่างเจ็บปวดแต่ก็ไม่ยอมหยุด
พลอยหันหน้ามาตะโกนใส่ผม ผมยืนนิ่งอึ้งพึ่งเคยได้ยินคนที่มองผมกับไอ้เปาแบบนี้เป็นครั้งแรก ไม่ปล่อยให้ผมได้คิดอะไรต่อเธอก็พูดอีก “หึ ที่กูสนใจมึงก็คิดชั่ววูบเท่านั้นแหละ สะอิดสะเอียนชิบหาย ทำเป็นปฏิเสธกูที่แท้ก็ได้ไอ้นี่เป็นเมียแล้วนี่เอง ถามจริงที่บ้านรู้มั้ยวะ”
“หยุดว่าคนอื่นแล้วมองตัวเองดีกว่ามั้ย! แล้วถ้ามึงว่ากลางอีกคำเดียว!...” ไอ้เปาพูดอย่างโกรธจัดแต่พลอยสวนกลับขึ้นมาทันใด
“จะทำอะไรกู! ทำดิ! ทำดิ! กูไม่กลัวมึงหรอก เหมือนที่ไอ้เกมส์บอกเลย คนอย่างมึงน่ะ อ่อนชิบหาย....เอาดิ กัดฟันทำเหี้ยไร” พลอยไม่ยอมแพ้ยื่นหน้ามาท้าทายไอ้เปาแถมยังเบียดตัวเองกับตัวไอ้เปาอีก ไอ้เปาจับแขนของพลอยไว้แน่นส่วนพลอยก็ออกแรงสะบัดแขนแต่ก็สู้แรงของไอ้เปาไม่ได้ก็เลยได้แต่สะบัดมือไปมา
“กลับเถอะ” ผมร้องก่อนจะเดินไปยื้อแขนไอ้เปาออกจากข้อมือของพลอย ผมไม่อยากฟังคำพูดของคนแบบนี้อีกต่อไปแล้ว พลอยส่งเสียงฮึดฮัดสะบัดมือไปมา ยื้อกันไปยื้อกันมาจนเหมือนจะมีเรื่องกันจริงๆ
“ปล่อยดิ ไอ้เหี้ยเปา ไม่ต้องมาจับกู”
“เปา!”
“หยุดดิวะพลอย!”
“โอ๊ย พวกเกย์น่ารำคาญ!”
เพี้ยะ!
“กลาง!!”
“พลอย!!!”
ทุกอย่างหยุดนิ่ง หน้าผมชาไปแล้วจากหลังมือของพลอย ไอ้เปารีบปล่อยพลอยแล้วเข้ามาดูผมทันที แต่พลอยกลับทรุดลงพร้อมกับกุมแก้มเมื่อเห็นว่าคนที่มาใหม่เรียกเธอเสียงดัง
“เตอร์...เค้าโดนตบ!”
“พวกมึงทำเหี้ยไรกับแฟนกูวะ!”
ไม่ทันได้ตอบอะไรไอ้เตอร์ที่คาดว่าจะเป็นแฟนพลอยก็วิ่งง้างหมัดเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ผมที่อยู่ใกล้มือของคนมาใหม่...
ผลัวะ!
เพราะความชุลมุนไอ้เตอร์คว้าคอเสื้อด้านหลังผมให้หันไปเผชิญหน้ากับมันแล้วประเคนหมัดใส่ผมทันที ไอ้เปาเซไปข้างๆ เพราะแรงกระแทก มันเบิกตากว้างและผลักผมออกทันทำให้หมัดโดนมุมปากผมไม่แรงมากแต่ผมชาเป็นครั้งที่สอง
“กรี๊ดดด เตอร์....”
ผลัวะ!
ไอ้เตอร์พยายามเหวี่ยงหมัดมาอีกแต่เพราะไอ้เปาตัวสูงกว่ามันเลยชกพลาดหลายครั้ง ผมเห็นกล้ามแขนที่ใหญ่กว่าไอ้เปา จึงรีบโทรตามไอ้เก้ด้วยมือสั่นๆ พูดไม่เป็นภาษาแต่ไอ้เก้กลับเข้าใจว่าผมต้องการความช่วยเหลือ
“มึงหยุดดิวะ มันเข้าใจผิดกัน!”
ผมตะโกนอย่างร้อนใจเมื่อเห็นไอ้เปาเริ่มเสียเปรียบ แขนมันสองคนรัวหมัดกันไม่ถอย ถึงมันจะไม่ค่อยโดนต่อยแต่หมัดหนักขนาดนั้นหลบทันก็มีช้ำเหมือนกัน จะเข้าไปช่วยแต่ไอ้เตอร์ก็ผลักออก มันโรมรันอยู่กับไอ้เปาจนผมไม่สามารถเข้าไปช่วยมันได้เลย นี่มันวันอะไรกันวะเนี่ย
“เปา!...พลอยบอกดิ พวกเราไม่ได้ทำอะไรเธอนะเว้ย!!” ผมตะโกนเมื่อเห็นเลือดซึมที่หางคิ้วมัน ตัวชาวาบ ใจเต้นแรงด้วยความกลัว พลอยปิดหน้าปฏิเสธและร้องไห้เพราะเสียงหมัดกระทบเนื้อมันดังมาชัดเจน นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว
“เตอร์ ฮืออออออ”
“แม่ง หยุดดิวะ! มึงฟังพวกกูก่อน” ผมตะโกนบอกแต่เพื่อนผมก็วิ่งมาพร้อมกับตะโกนลั่น
“เฮ้ยๆๆๆ หยุดโว้ย เหี้ยไรเนี่ย...”
“ไอ้เนมจับไอ้นั่นไว้ กูจับไอ้เปาเอง”
“ไอ้เหี้ยหยุด!!!”
พอจับแยกกันได้ ผมไม่สนใจใครอีกต่อไป รีบเข้าไปหาไอ้เปาที่ตอนนี้มันหอบหนัก “มึงเป็นยังไงบ้าง...” กระบอกตาร้อนขึ้นมาทันที ผมไม่อยู่เคลียร์อะไรทั้งนั้นเพราะมีพยานที่เดินมาเข้าห้องน้ำพอดีแล้วเห็นพลอยโวยวาย
“กูไม่เป็นไร มึงอย่าร้องนะ กูขอโทษที่ช่วยมึงไม่ได้” ไอ้เปาเช็ดเลือดที่ไหลออกมาจากแผลบนหน้าแล้วจับข้อมือผม มันพูดด้วยเสียงร้อนรน
“ไอ้กลางเป็นยังไงบ้างวะ” ผมยืนนิ่งยังตกใจกับเรื่องราวที่มันเกิดขึ้น “ขอโทษแทนไอ้เตอร์ด้วยเว้ย มันไม่รู้” ไอ้เก้ปรายตามองไอ้เตอร์ที่ยืนสงบสติอารมณ์ข้างๆ พลอยที่เอาแต่ร้องไห้
“กูกลับล่ะ ปะ..กลาง” ไอ้เปาไม่รับคำขอโทษ มันพูดแค่นั้นแล้วลากแขนผมออกเดิน ผมไม่อยากมองหน้าใครทั้งนั้น ก่อนที่จะผ่านพลอยไอ้เปาเดินเข้าไปพูดเสียงเหี้ยม ไอ้เตอร์มันก็ขยับตัวมาบังแฟนมันไว้ทันที ส่วนไอ้เก้กับไอ้เนมมองเราอย่างไม่ไว้ใจ
“จำไว้นะพลอย ที่มึงบอกว่ากูขี้ขลาดอะ สิ่งที่มึงทำมันน่าสะอิดสะเอียนกว่านั้นอีกหลายเท่า”
“...”
“ส่วนมึง...เชิญโง่ต่อไปเหมาะกันดีแล้วนี่ ผู้หญิงที่อยากได้คนอื่นตัวสั่นแบบนี้อย่าไปเอาให้ใครเลยเก็บไว้เองเถอะ”
“...!!”
“ไอ้เหี้ย!”
“ไอ้เตอร์! หยุดได้แล้ว!”
“แทงใจดำหรอ อ๋อลืมไปมึงไม่มีหัวใจนี่”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด”
กลับมาที่รถไอ้โจ๊กถึงกับสร่างเมาเมื่อเห็นสภาพผมกับไอ้เปา ไอ้เก้คุยกับมันนิดหน่อยแล้วเราก็ออกรถ เหตุการณ์เมื่อกี้มันรวดเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัว ผมมองนอกกระจกพลางควบคุมจังหวะหัวใจที่เต้นถี่ของตัวเองให้ลดลง คนข้างๆ มองผมด้วยสายตาเป็นกังวล ผมกับไอ้เปานั่งกุมมือกันเงียบๆ จนมาถึงบ้าน
“แน่ใจนะว่าพวกมึงโอเค” ไอ้โจ๊กถามย้ำอีกครั้ง
“อื้ม มึงไปเถอะขอบใจมาก”
ไอ้โจ๊กส่งสายตาเป็นห่วงแต่ผมก็พยักหน้ายืนยันกับมัน เข้ามาถึงบ้านก็เกือบห้าทุ่ม ไอ้เปาไม่ได้มีแผลที่ต้องเย็บ มันมองตามผมที่เข้าไปเอาอุปกรณ์ทำแผลเงียบๆ
“กลาง...”
สีหน้าผมคงแย่มาก ผมไม่ได้โกรธที่ผมโดนว่าแบบนั้น ผมเจ็บที่หัวใจเหตุการณ์ในวันนี้มันยิ่งทำให้ผมสงสารไอ้เปามากขึ้นไปอีก ผมไม่น่าไปงานอะไรนั่นเลย มันต้องรู้สึกแย่แค่ไหนกับคนที่เข้ามาทำดีกับมันเพราะสิ่งที่มันเปลี่ยนแปลง ผมดีใจที่ทุกคนยอมรับแต่ลึกๆ แล้วคนพวกนั้นมันก็ไม่เคยมองไอ้เปาไปจากเดิมเลย พวกมันไม่เคยรู้ว่าคนที่พยายามอย่างไอ้เปามีค่ากว่าพวกมันมากแค่ไหน ไอ้เปาควรได้รับการยกย่องอย่างจริงใจ ไม่ใช่หน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้ ผมยังเจ็บขนาดนี้ แล้วไอ้เปาล่ะมันจะขนาดไหน
“ขอโทษนะ”
พออยู่กันสองคนแบบนี้น้ำตาที่ผมกลั้นไว้ก็ไหลออกมาเงียบๆ ไอ้เปาคว้าผมไปกอดหน้าผมซุบกับลาดไหล่ของมัน “มึงจะขอโทษทำไมวะกลาง กูสิที่ปกป้องมึงไม่ได้อีกแล้ว กูเป็นคนที่ไม่เอาไหนเหมือนเดิมเลยว่ะ”
ผมส่ายหน้าโดยที่ไม่พูดอะไร มึงปกป้องกูได้เสมอเปา ผมภูมิใจในตัวมันเสมอ
“มึงอย่าดูถูกตัวเองเหมือนที่คนอื่นดูถูกมึงได้มั้ย”
“...”
“สำหรับกูนะ...มึงไม่ใช่แบบนั้นเลย”
“กูทำให้มึงโดนว่าเสียๆ หายๆ กูขอโทษ” แน่นอนว่า มันกลัวและเสียใจกับการปกป้องผมไม่ได้เท่านั้น...
“ฮึก....” อยากจะกลั้นก้อนสะอื้นนั้นไว้แต่ก็ทำไม่ได้เลยจริงๆ ไอ้เปา ไอ้เด็กคนนั้นที่ผมเห็นตั้งแต่เด็กมันไม่ใช่ตัวตลก สิ่งที่เกิดวันนี้มันไม่มีความสำคัญที่ต้องจำแต่แค่ต้องใช้เวลาในการลืมมันไป
“ผ่านไปแล้วมึงอย่าจำเลย” มันผละออกแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม มันเข้มแข็งขึ้นมากทั้งๆ ที่ผมรู้ดีว่ามันก็คงรู้สึกแย่เหมือนกัน ผมภาวนาให้มันลืมเช่นเดียวกัน “เห็นมึงเจ็บแล้วกูปวดใจทุกที” ไอ้เปาใช้นิ้วโป้งไล้แผลผมเบาๆ
“กูก็เหมือนกัน”
ไอ้เปายิ้มบางๆ กลับมา แผลตรงมุมปากและข้างแก้มของผมเริ่มจะตึงๆ แล้ว ส่วนไอ้เปานอกจากตรงคิ้วแล้วมันก็มีแต่รอยฟกช้ำ ซึ่งก็ดีแล้วครับ ขณะที่ไอ้เปาทำแผลให้ผมนั้นผมก็ได้ยินเสียงเดินลงบันได้ กลัวจะเป็นแม่หรือพ่อ ผมไม่อยากให้พ่อกับแม่ตกใจแต่ไม่ทันจะหลบ เสียงก็ดังมาจากบันไดก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“กลาง เกิดอะไรขึ้น!”
ไอ้เล็กพูดทันทีที่เห็นหน้าผม ผมไม่เคยมีเรื่องชกต่อย ไม่เคยมีปัญหากับใคร ไอ้เล็กกำหมัดแน่นสีหน้ามันไม่พอใจ มันหันไปมองหน้าไอ้เปานิ่ง เหมือนจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“ที่งานมันมีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย...” ผมพยายามอธิบายแต่ไอ้เล็กก็สวนขึ้นมาทันควัน
“ทีแรกเล็กอุตส่าห์ไว้ใจ...เล็กเปิดใจแล้วนะกลาง” น้องชายผมพูดแต่สายตามองตรงไปที่ไอ้เปา สายตาของไอ้เปาวูบไหวบ่งบอกว่ารู้ว่ามันรู้สึกผิด
“พี่ขอโทษ...”
ผลัก!
“เล็ก!” ผมร้องเมื่อเห็นเล็กเข้าไปผลักอกไอ้เปาจนมันเซ มันไม่ได้ตอบโต้ ไอ้เปาหลบตา มันกำลังอ่อนแอ...และโทษตัวเองอย่างที่สุด
“ถ้าเป็นแฟนกลางแล้ว ดูแลกลางไม่ได้ก็อย่าเป็นเลยดีกว่าว่ะ!”
ไม่มีเสียงตอบกลับจากไอ้เปา แต่มีเสียงหนึ่งที่ทำให้ตัวผมชาวาบ ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“...เล็กพูดอะไร...”
“แม่!!” เล็กเรียกด้วยเสียงตกใจ พวกเราอยู่ในอาการอึ้ง ไอ้เปาได้สติมันก็ลุกขึ้นยืนขยับตัวมาข้างๆ ผม
“หมายความว่ายังไง”
แม่เดินมาตรงหน้าผมกับไอ้เปา แผลที่หน้าและคำพูดของไอ้เล็กทำให้แม่หน้าซีดเผือก ไอ้เล็กได้แต่ยืนนิ่งมันคงไม่คิดว่าแม่จะลงมาได้ยิน
“แม่...” ผมพูดอะไรไม่ออก แม่ค่อยๆ ยื่นมือมาจับมือผม ในหัวผมคิดอะไรไม่ออกแม้แต่อย่างเดียว จนวินาทีที่แม่เริ่มพูด น้ำตาของผมก็เริ่มไหล
“กล...กลางกับเปา จริง...หรอลูก...แม่...” แม่สับสนจนพูดไม่เป็นประโยค ผมแทบไม่มีแรงยืนเมื่อแม่พูดประโยคถัดไป
“แม่เลี้ยงกลางไม่ดีหรอลูก ฮึก”
ผมทำลงไปแล้ว
...แม่ร้องไห้...
....เพราะผม....
“แม่ กลางขอโทษ ฮือ...”
“แม่ครับ ผมขอโทษ” ไอ้เปาทรุดลงนั่งที่พื้นพร้อมกับพนมมือ “ขอโทษที่ปิดบังครับแม่อย่าโกรธกลางเลยนะครับ ผมผิดเองเรื่องที่กลางเจ็บ ผมผิดเองครับ ผมไม่ดีเอง ทั้งหมดนี้....โกรธผมเถอะครับ”
“...” แม่ไม่ตอบอะไรเอาแต่ส่ายหน้า ผมนั่งลงข้างไอ้เปาพนมมือกราบเท้าแม่ตัวสั่น
“แม่อย่าร้องไห้เลยนะครับ ฮึก...กลางขอโทษ ขอโทษจริงๆ...”
ขอโทษที่ผมทำให้แม่ผิดหวัง
ขอโทษที่ทำให้แม่เสียใจ
ขอโทษที่ทำให้แม่ร้องไห้
แม่ปาดน้ำตาก้มหน้ามองเราสองคนด้วยสายตาสับสนก่อนจะสูดลมหายใจแล้วหันไปมองเล็กที่ยืนร้องไห้เงียบๆ
“เล็กพาพี่ขึ้นไปนอนห้องเล็กไป” พอได้ยินแบบนั้นผมก็หันหน้ามองไอ้เปาทันที มันก้มหน้านิ่งก่อนจะเงยหน้ามาส่งยิ้มให้ผม มันพยายามบอกผมด้วยสายตาว่ามันโอเค
“แม่ให้กลางอยู่ด้วยเถอะ”
“แม่จะคุยกับเปา” คุยอะไร...ผมไม่อยากให้มันรับไว้คนเดียว ตอนนี้มันไม่เข้มแข็งเลยซักนิด ทั้งหมดนี้เราสองคนยังเป็นเด็กนัก ผมหวังว่าแม่จะเข้าใจ
“เล็ก! พากลางขึ้นไป”
“แม่!”
“ถ้ากลางอยากให้เรียกแม่ว่าแม่ก็ขึ้นไปซะ!” ผมมองแม่ด้วยสายตาแดงก่ำ เม้มปากกลั้นน้ำตาและแม่ก็ไม่ต่างกัน “เดี๋ยวนี้!!”
เล็กพึมพำว่าขอโทษก่อนจะออกแรงดึงแขนผมขึ้นไป แม่ยืนมองตรงไปข้างหน้าไม่สบตาใครทั้งนั้น ผมหันไปมองไอ้เปา เราสบตากัน ผมมองมันไว้แบบนั้น เพราะผมกลัว... เล็กจับแขนผมพาผมขึ้นบันได ผมร้องไห้เมื่อเห็นน้ำตาของไอ้เปาหยดลงมา
“กูรักมึงนะ”ถึงจะไร้เสียงแต่ผมรับรู้ถึงมันได้อย่างชัดเจน
ผมร้องไห้หนักมากเป็นครั้งแรกในชีวิตเหมือนเราดูหนังที่เศร้ามากๆ แล้วร้องไห้จนหายใจไม่ออก ความรู้สึกผิด ความเศร้า สายตาของแม่ ใบหน้าของไอ้เปา ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาหมด ไม่รู้ว่าผมหลับไปในอ้อมกอดของน้องชายตอนไหน พอตื่นมาผมปวดหัวจนแทบระเบิด ปลอกหมอนเปียกเป็นวงกว้างแม้แต่ในความฝันผมก็ยังไม่หยุดร้อง
“กลาง...” น้องชายเรียกผมเสียงสั่นเครือ เปลือกตาผมหนักมากและเมื่อมองดูเล็ก เราสองคนก็สภาพไม่ต่างกัน
“เล็กไม่ได้ตั้งใจ...เล็กขอโทษ” ผมทำใจไว้เงียบๆ ไม่คิดว่าผลที่ผมคิดว่าผมเตรียมใจไว้จะหนักหนาสาหัสขนาดนี้ ผมตั้งใจบอกแม่เมื่อวันหนึ่งที่เราพร้อม
“ไม่เป็นไร” ผมเป็นคนกลาง ผมทนไหวอยู่แล้ว
“กลางร้องไห้ เล็กไม่ไหว”
น้องชายปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ “เล็กต้องไปโรงเรียน ถ้ากลางไม่ไหวกลางบอกเล็กนะ...” น้องชายเดินมาจับมือผม สายตาที่รู้สึกผิดจนผมต้องเอื้อมมือไปลูบหัวน้องเบาๆ
“อืม”
ผมเดินออกมาจากห้องของเล็กแล้วก็เดินเข้าไปในห้องตัวเองทันที สิ่งที่ผมคิดมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ของไอ้เปาหายไปจากห้องผมเรียบร้อย ไม่เหลือแม้แต่หมอนที่แม่เอามาให้ ในใจผมมีแต่คำถามและผมอยากรู้คำตอบ เมื่อคืนหลังจากนั้นมันเกิดอะไรขึ้น
“กลางไปกินข้าว”
ผมแทบสะดุ้ง หันไปมองแม่ช้าๆ “ไปกินข้าว” แม่พูดแล้วเดินนำไปข้างล่างเหมือนปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนไม่มีคนที่ชื่อเปาอยู่ในชีวิตผม
“แม่ครับ...”
ผมเรียกเสียงเบาแต่ก็ไม่ได้ยินอะไรกลับมาเหมือนกับว่าความเงียบคือคำตอบทั้งหมด
ลงมาข้างล่างก็เห็นพ่อแม่นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าว พี่ชายคนโตของผมก็คงนอนข้างนอกอีกเช่นเคย ผมมองพ่อกับแม่และนึกถึงไอ้เปาจนใจเจ็บไปหมด
“อ้าวหน้ากลางเป็นอะไรล่ะลูก” พอทักทันทีที่ผมนั่งตรงข้ามพ่อ พ่อยังคงยิ้มแย้มเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าถ้าพ่อผิดหวังในตัวผมอีกคน พ่อจะยังยิ้มให้ผมอยู่รึเปล่า
“เมื่อวานมีเรื่องนิดหน่อยครับพ่อ”
“ทายาด้วยนะ เอ...ว่าแต่...ลูกพ่อมีเรื่องกับเค้าด้วยหรอเนี่ย” พ่อหัวเราะตามประสาก่อนที่แม่จะตัดบท
“กินข้าวเถอะพ่อ”
เสียงก๊องแก๊งจากช้อนกระทบชามดังขึ้นเบาๆ ผมก้มหน้าก้มตากินข้าวแบบฝืนๆ แต่ไม่นานพ่อก็พูดขึ้นคล้ายนึกขึ้นได้
“แล้วเจ้าเปาไปไหนแล้วล่ะเนี่ย”
อึก
“เพื่อนกลางกลับไปแล้วน่ะ มีธุระด่วน” แม่ตอบทันทีก่อนจะตักผัดผักคะน้าใส่จานผม เลี่ยงที่จะพูดถึงชื่อของคนที่แม่บอกว่าเป็นเพื่อนของผม แม่สบตาผมนิ่ง
“เสียดายเลย พ่อจะชวนไปช่วยเลือกเครื่องตัดหญ้าซะหน่อย”
มื้อเช้าผ่านไป ผมรู้ว่าแม่พยายามทำให้มันเหมือนเดิมแต่ผมรู้ รู้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่เหมือนเดิม ผมยืนมองแม่ล้างจานเงียบๆ พ่อผมออกไปทำงานเหมือนเดิม ทั้งบ้านเลยมีแต่เราสองคน
“แม่ให้เรากลับไปทบทวนทั้งสองคน”
แม่พูดขึ้นทั้งๆ ที่ยังหันหลังล้างจานอยู่ แรกทีเดียวที่ผมปล่อยให้เสียงน้ำดังอยู่ในความเงียบ ผมคิดอยู่กับตัวเองว่าการกลับไปทบทวนครั้งนี้ก็ไม่ต่างกับการให้เลิกกันซักนิด
“กลางขอโทษที่ทำให้แม่ผิดหวังแต่ว่าเรา...รัก...”
“กลาง!” พูดไม่ทันจบแม่ก็เอ็ดขึ้น คำสารภาพของผมยังไม่ทันเอ่ยมาจนหมด “กลางยังเด็กนะลูก เปาก็ยังเด็ก บางทีกลับไปคิดทบทวนดูว่าที่เรารู้สึกต่อกันมันฐานะอะไร เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนกลางอาจจะเข้าใจผิดก็ได้”
“...” ผมเข้าใจแม่และผมก็เข้าใจความรู้สึกตัวเองแต่ภาพที่แม่ร้องไห้เมื่อคืนยังติดค้างอยู่ในความทรงจำ ผมก็ต้องเป็นคนกลางเสมอนั่นแหละ ไม่ว่าจะยังไง แม่ไม่ให้ผมเลือกเพราะแม่คงรู้ว่าถ้าให้เลือกผมคงเลือกไม่ได้ ส่วนไอ้เปามันไม่มีทางให้เลือกเลย
“ให้เรากลับเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเผื่อจะได้คิดอะไรๆ มากขึ้น”
“...” นานแค่ไหนครับ
“ขอเวลาแม่หน่อยนะกลาง ให้เวลาแม่หน่อย”
“...” นานแค่ไหนกัน
“แม่รักกลางมากนะ ถ้ากลางรักแม่ กลางทำตามที่แม่บอกเถอะ”
แม่หันมาสบตาผม แววตาสั่นไหวนั่นทำให้ผมก้มหน้าลงช้าๆ คำว่ารักจากแม่ดังสะท้อนอยู่ในอก
.
.
อาทิตย์นึงผ่านไปผมต้องเตรียมตัวกลับไปเรียน เจ็ดวันที่ผ่านมาผมโทรหาไอ้เปาแต่มันไม่เคยรับ ไลน์ก็ไม่ตอบ ผมเป็นห่วงมันมากได้แต่ติดต่อกับแกงค์คอหล่นอีกสามคนแทน แม่ไม่ได้ยึดโทรศัพท์ของผมแต่นั่นเป็นการห้ามโดยใช้ความเงียบเป็นคำสั่ง ระหว่างที่ผมอยู่กับครอบครัวทุกอย่างก็ยังดำเนินไปเหมือนปกติ พี่โตกลับมาบ้านเห็นหน้าที่บวมเป่งของผมก็ดูจะอารมณ์เสียไม่น้อย ส่วนแม่พูดถึงเรื่องลูกสาวของเพื่อนบ่อยมากขึ้นและลดการพูดถึงเพื่อนผมเช่นเดียวกัน ผมได้แต่รับฟังพยักหน้าไปกับแม่บ้าง อือออบ้าง พอผมอยู่ห้องคนเดียวทีไร ผมก็ไม่ไหวทุกที ถึงน้องชายผมจะชวนคุย ชวนทำกิจกรรมข้างนอกแต่ผมก็ขออยู่เงียบๆ ดีกว่า เรื่องราวในคืนนั้นมีแต่น้องชายกับแม่เท่านั้นที่รู้ และแม่ก็ไม่เคยพูดถึงมันอีก
“กลาง...”
“ว่าไง” เล็กเปิดประตูเข้ามาในห้องผม เดี๋ยวนี้น้องชายกลับไปนอนห้องของตัวเองแล้ว เล็กมองผมเศร้าๆ ก่อนจะนั่งลง
“เล็กมาอยู่เป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไร เล็กไปนอนเถอะต้องไปโรงเรียน”
“ตอนเด็กๆ....” น้องชายผมล้มตัวลงนอนข้างๆ ผม เตียงฝั่งซ้ายลดยวบไปนิดหน่อย “ตอนที่เล็กร้องไห้น่ะจำได้มั้ย”
“เล็กร้องไห้เยอะนะ...” ผมพูดติดตลกหันหน้าไปหาน้องที่มองตรงขึ้นไปบนเพดาน ไม่นานเสียงวัยหนุ่มของเล็กจะเริ่มต้นพูด
“ร้องตอนที่เห็นพ่อแม่ทะเลาะกันน่ะ” ผมมองหน้าเล็กนิ่งๆ “ตอนนั้นเล็กไม่เข้าใจทำไมพ่อแม่ถึงเสียงดังใส่กัน”
“...”
“กลางบอกเล็กว่าไงจำได้มั้ย”
“ไม่...”
“แต่เล็กจำได้...กลางบอกว่าจริงๆ แล้วพ่อกับแม่รักกัน แต่บางทีก็เห็นพ่อแม่ยิ้มบ้าง มีร้องไห้บ้าง เสียงดังบ้าง กลางบอกให้เล็ก
ไม่ต้องกลัว โตขึ้นจะรู้เอง”
“บางทีความรักก็เป็นแบบนั้นใช่มั้ย ไม่ได้มีแค่สุขอย่างเดียว ตอนนี้เล็กพอเข้าใจแล้วล่ะ”
น้องชายขยับตัวพิงกับหัวเตียงรั้งผมไปซบไว้กับบ่าของน้องชาย น้องที่ผมเคยกอดปลอบเมื่อตอนนั้นกลับทำหน้าที่นั้นแทนผมซะได้ ผมหลับตาปล่อยให้น้ำตาร้อนไหลอาบแก้ม ห้วงหนึ่งผมได้ยินเสียงตัวเองเมื่อวัยเด็กซ้อนทับกับเสียงน้องชายในตอนนี้
“ไม่ต้องร้องนะ พี่จะปลอบเล็กเอง ไม่ต้องร้องเดี๋ยวมันก็ผ่านไป”“พี่ไม่ต้องร้องนะ เล็กจะปลอบพี่เอง เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง
ผมนอนคว่ำอยู่กับหมอนเงยหน้ามาช้าๆ ตอนนี้ตีสองกว่าแล้วผมยังนอนไม่หลับในหัวคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ใครส่งอะไรมาตอนนี้นะ
Paramatkrikriโทรมาว่าไงวะ
ยุ่งๆ ว่ะ
เจอกันๆ
ผมรีบปลดล็อคโทรศัพท์ไม่ตอบอะไรมันแต่กดโทรออกทันที เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังจนสายตัดไปมันก็ไม่รับ ทั้งๆ ที่ผมโทรกลับทันทีที่มันส่งข้อความนี่หว่า ผมกดโทรอีกที มือที่จับโทรศัพท์เย็นเฉียบ ผมรอมันมานานแค่ไหนนะ หรือบางทีมันอาจจะรอผมนานเกินไปแล้วก็ได้
ติ๊ด
มันกดรับโทรศัพท์แต่เนิ่นนานกว่าจะพูด
(อะ...เออว่าไงวะ)
แค่ได้ยินเสียงมัน ผมก็แสบจมูกทันที คำพูดล้านแปดที่อยากจะพูดหายไปหมด ไม่รู้เพราะคลื่นสัญญาณหรืออะไรกันแน่ทำให้ผมได้ยินเสียงมันสั่นๆ
“เป็นยังไง มึงเป็นไงบ้าง อยู่ไหน กู...”
(อย่าร้อ..อะ...เออกูอยู่กรุงเทพฯ ดิ งานเยอะไม่ได้เล่นไลน์เลยเว้ย)
มันตอบกลับเสียงใส พยายามกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมตามที่แม่บอกสินะ ผมมีเรื่องอยากถามมันเยอะแยะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปอย่างที่ใจคิด
“...ขอโทษนะ” ผมตอบกลับเสียงเบาหวิว ได้ยินเสียงกุกกักจากปลายสาย
(อึก...กูต้องไปก่อนนะ เจอกันเว้ย)
มันพูดอย่างรวดเร็วแล้วกดตัดสายไป ถ้ามันไหวผมก็ไหว
“โจ๊ก ดูกลางด้วยนะ”
เรามาถึงสนามบินตอนเย็นวันอาทิตย์ครับ ครอบครัวผมมาส่งผมเช่นเคย ไอ้เล็กจมูกแดงกอดผมมันทำท่าจะพูดอะไรแต่ก็นิ่งเงียบ ส่วนพี่โตก็อวยพรเหมือนเดิมครับ พี่โตคงรู้แหละแต่ไม่ค่อยพูดอะไร ก่อนจะเข้าไปเช็คอินแม่ก็เรียกผม
“ครับแม่”
“แม่จะลงไปหาบ่อยๆ นะลูก”
“ลงไปทำไมบ่อยล่ะแม่” พ่อทำหน้าตาสงสัย วันนี้พ่อให้เสื้อสีขาว พุงพ่อเด่นชัดขึ้นมาอีกแล้ว
“เป็นห่วงลูกไง”
พ่อส่ายหน้าก่อนจะหันมาพูดกับผม มือทั้งสองข้างก็จับไหล่ผมไว้ อาจจะเป็นครั้งแรกที่พ่อพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“โตแล้วต้องดูแลตัวเองนะ พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่กับลูกตลอด ท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องเลือกทางเดินของเราเองนะลูกจะเดินไปทางสบายๆ หรือทางขรุขระกลางก็เลือกเอานะ” กลางมีสิทธิ์จริงๆ หรอครับพ่อ
“อะ...อะไรของพ่อเนี่ย...” แม่อึกอักจับแขนพ่อไว้
“เข้าใจมั้ยลูก เวลากลางล้ม กลางเจ็บ กลางจะได้เรียนรู้และดูแลรักษามันเองได้อย่างเข้มแข็ง”
“ครับพ่อ รักพ่อนะ”
ผมน้ำตารื้น กอดพุงพ่อก่อนไป พี่ชายและน้องชายผมเดินมาหาอีกครั้ง ผมไม่เคยขี้แงแบบนี้เลยนะ โคตรไม่คูล
“โชคดีลูก”
“ไปแม่ พ่อจะกลับไปดูละครภาคค่ำ”
“ปะ ไอ้กลาง” ไอ้โจ๊กรู้เรื่องทั้งหมดแล้วครับ มันบอกให้ผมให้เวลาแม่อีกสักนิดแล้วมันอาจดีขึ้นเอง ให้ผมทำตามที่แม่บอกไปก่อน
จำได้ว่าในตอนนั้นมันตบบ่าผมเบาๆ
“อย่างน้อยมึงก็ยังเห็นหน้ากันอยู่นะเว้ย”ผมมองไอ้โจ๊ก
“เห็นหน้ากันทั้งๆ ที่เป็นแบบนี้ไม่เจ็บกว่าหรอวะ”.
.
.
[ต่อข้างล่างค่ะ]