♿เข็นรักขึ้นภูเขาᄿ ถ้าผมปล้ำคนพิการจะบาปไหม? - นิยายวายละมุน :)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♿เข็นรักขึ้นภูเขาᄿ ถ้าผมปล้ำคนพิการจะบาปไหม? - นิยายวายละมุน :)  (อ่าน 92934 ครั้ง)

ออฟไลน์ am_am

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เป็นเรื่องที่น่ารักมาก ๆ ได้มุมมองใหม่ ๆ มากมายเลย
นี่อ่านแล้วซึ้งมาก น้ำตาปริ่มตลอด 55
ทำไมเราพึ่งมาเจอกัน เขียนบรรยายไม่เก่งแต่นิยายดีจริงค่ะ
คนเขียนไม่ต้องน้อยใจนะคะ  :กอด1:
ของดีอยู่ได้นานค่ะ ตอนนี้นิยายในเล้าเป็ดเยอะมาก
อาจยังหากันไม่เจอค่ะ  รอตอนพิเศษนะคะ
ขอบคุณที่เขียนนิยายดี ๆ มาให้จร้าาาา  :กอด1:

ออฟไลน์ Bb nale

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
เป็นนิยายที่ดีมาก บางปมเรารู้สึกตันหนทางมาก แต่คนเขียนก็ยังวางเรื่องให้ตัวละครแก้ปัญหาในส่วนนั้นๆได้ดี ขอบคุณมากเลยสำหรับนิยายที่มีแต่ความอบอุ่นและให้ข้อคิด

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0

มันดีต่อใจจริงๆ

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ค่ะ   o13

ถึงช่วง แรกๆ จะรู้สึกว่าพระเอกจะใจเร็วด่วนได้ไปหน่อย แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่นล่ะนะ 
แต่สุดท้ายก็สามารถเคลียร์ตัวเองได้ดี 

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
มาสิๆ ฉากนั้นต้องมาสิ
เขียนดีมากเลยค่า พึ่งได้มาตามอ่าน เข้าใจมุมมองของมนุษย์ล้อมากขึ้นด้วย เป็นกำลังใจให้ค่า

ออฟไลน์ miwmiwzaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 94
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เป็นเรื่องฟีลกู๊ดที่ครบรสจริงๆ ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
ตอนพิเศษรอแป๊บนะครับ คนเขียนยังหาเวลาว่างไม่ได้เลย  :mew6:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ตามมาอ่านแล้ววว
เหมือนได้เติบโตไปกับตัวละครเลยค่ะ เอาใจช่วยไปกับกัปตันและอะตอมตลอด
จะรอตอนพิเศษนะคะ
ขอบคุณที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมาค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
รอตอนพิเศษอยู่นะครับ ดูแลกันไปนานๆ

ออฟไลน์ TeyJunson

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :m15: อ่านไป ร้องไห้ไป มันซึ้ง มันเศร้า และมีข้อคิดหลายๆๆอย่าง ชอบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ในที่สุดแม่ก็ยอมรับแล้ว จะมีตอนพิเศษมั้ยน๊า ขอบคุณมากจ้า บอกเลยว่าอดหลับอดนอนเพื่ออ่านเรื่องนี้เลย

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
หลงมาอ่าน หาทางออกไม่ได้...แจ้งคนะขียนมาต่อด้วน ชอบบบบบบบบบ ร้อนตัว น่าร๊าก~~~~

ออฟไลน์ SuperBB

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
. ชอบมากๆเลย เปิดเจอหลายทีพึ่งมีโอกาศได้อ่าน

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
รอตอนจบบริบูรณ์ และตอนพิเศษจ้า

สมหวังสักทีนะ ได้รับการยอมรับด้วย แล้วยังได้ไปอยู่ด้วยกัน ดีไปอีกค่ะ
พ่อแม่กัปตันดีมากจริงๆ ค่ะ มองคนที่คุณค่า ไม่มองที่ยากมี

อะตอมได้ไปอยู่ด้วยกันแล้วนะ ดีใจด้วยจริงๆ อย่างน้อยได้พยายาม ได้ทุ่มเท ทำเต็มที่
กัปตันก็พยายามด้วย และทุกคนก็ช่วยเหลือกันทุกทางไม่ต่างกัน

แม่กัปตันก็น่าจะรู้นะว่าน้องชายชอบแกล้งพี่ เลยต้องพิสูจน์อะตอม จนได้ส่งตัวไปอยู่ด้วยกัน

ขอบคุณสิ่งดีๆ ที่พ่อแม่ กัปตัน ทำให้อะตอมนะ แล้วอะตอมก็พิสูจน์ตัวเองได้ดี สมกับความตั้งใจ

โดมอินคือชัดเจนสักทีนะ หลังจากที่อินต้องทนคลุมเครือมานาน
อินต้องพยายามให้มากนะ ได้รับโอกาสแล้ว อย่าทำพังอีกนะ

ขอบคุณคนแต่งมากนะคะ ติดตามมาตลอดเลยค่ะ
จนมาถึงตอนนี้ และจะรอตอนต่อไป จนกว่าจะจบบริบูรณ์ค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ cirrus

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 113
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรื่องนี้เปิดมุมมองจริงๆ ย้อนมามองมหาลัยตวเอง คณะตัวเองแล้ว ย่ห็นถึงปัญหาว่า ทางลาด กับห้องน้ำสำหรับคนพิการมีไม่เพียงพอจริงๆ อย่างที่คณะมีทางลาดกับลิฟต์ทุกตึก  ก็จริงแต่บางจุดยังเป็นทางต่างระดับกับบันไดอยู่ ห้องน้ำก็ไม่มีด้วย                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                           

ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ยังมีตอนเข็นกันภูเขาชิมิ รออยู่น๊า ^_^

ออฟไลน์ ม่านหมอก ณ ปลายฝัน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
[คุณนักเขียนไม่ต้องน้อยใจไปนะคะ เนื้อเรื่องคุณข้อมูลพร้อมมาก แถมยังสอดแทรกไปด้วยความละมุนขนาดนี้คนอ่านก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเองนะคะ

เราชอบทัศนคติแบบคุณมากเลยค่ะเรื่องเกี่ยวกับผู้ป่วยทั้งหลาย
เห็นด้วยจนอยากจะชวนมาตั้งชมรมกันจริงๆเลย 55555

ปล. มีแฟนเพจมั้ยคะ จะได้ติดตาม ผลงานต่อๆไป/color]

ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
EP31 - P1
พี่กัปตัน-น้องอะตอม




“ผู้โดยสารเดินได้ไหมคะ” ปากสีสวยถามเสียงหวานระรื่นหู

“ไม่ได้ครับ” กัปตันตอบเสียงเรียบๆ

"ไม่ได้เลยเหรอคะ" เธอไล่สายตามองตั้งแต่หัวจรดขาของกัปตัน สายตามีแววอยากรู้อยากเห็น ช่างไม่มีมารยาทเอาซะเลย

"จะเอาข้อมูลไปทำอะไรครับ" กัปตันย้อนถาม หน้าหล่อใสเชิดขึ้นเล็กน้อย ดวงตาฉายแววไม่สบอารมณ์นัก เมื่อหันดูซ้ายขวาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นเป้าสนใจของผู้โดยสารอื่นที่กำลังเข้าแถวรอเช็กอินไปแล้ว เขาคงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจพอดู ใครล่ะอยากเล่าเรื่องส่วนตัวต่อหน้าคนไม่รู้จัก

“แล้วผู้โดยสารเดินขึ้นเครื่องเองได้ไหมคะ พอดีมันเป็นบัสเกต ไม่มีงวง ทางเราไม่สามารถอุ้มผู้โดยสารได้ เรามีกฎเรื่องความปลอดภัยค่ะ ถ้าผู้โดยสารเดินขึ้นเครื่องเองไม่ได้หรือว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เราอาจจะต้องขอปฏิเสธการให้บริการ แต่เราจะให้รีฟันด์ตั๋วค่ะ" พนักงานสาวสาธยายเจื้อยแจ้วหน้าตาเฉย ไม่สนใจที่กัปตันถามเมื่อกี้ด้วยซ้ำ เธอช่างไม่รู้สึกรู้สาว่าที่พูดมาคือการเลือกปฏิบัติต่อผู้โดยสาร ไม่มีสายการบินมืออาชีพที่ไหนเขาทำกันหรอก

ผมชักไม่ชอบใจจึงพูดแทรกเสียงขุ่น “แล้วไม่มีบริการอำนวยความสะดวกเลยเหรอครับ ถ้าไม่มีแล้วทำไมถึงได้รับอนุญาตให้มาบิน แบบนี้ถือว่าผิดกฎหมายหรือเปล่า หรือว่าสายการบินนี้เป็นสารการบินเถื่อน”

หน้าสวยๆ อึ้งสนิท คราวนี้จุดสายตาเปลี่ยนมาที่เธอบ้าง แก้มที่แดงเพราะเครื่องสำอางอยู่แล้วแดงขึ้นไปอีก ทีอย่างนี้กลับรู้สึกโกรธ ไม่นึกบ้างที่เธอปฏิบัติต่อกัปตันเมื่อกี้น่าละอายแค่ไหน ทว่าไม่นานเธอก็แสร้งยิ้มและอธิบายต่อ

“พอดีมันเป็นกฎของเราน่ะค่ะผู้โดยสาร ถ้าผู้โดยสารเดินขึ้นเครื่องเองไม่ได้ เราจะไม่สามารถให้บินได้ เพราะถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน เราจะไม่สามารถช่วยอุ้มได้”

“สายการบินนี้มันเกิดเหตุฉุกเฉินทุกเที่ยวบินเลยเหรอครับ ถ้างั้นผมบินกับสายการบินอื่นไม่ดีกว่าเหรอ" ผมขัดขึ้นอย่างเหลืออด

เจ้าหน้าที่คนเดิมเริ่มชักสีหน้า ก่อนเชิดหน้าบอกอย่างเย่อหยิ่ง

“แต่ทางเราจะไม่รีฟันด์ตั๋วให้คุณนะคะ เพราะว่าเราไม่ได้ปฏิเสธคุณ เรารีฟันด์ให้ได้เฉพาะผู้ป่วยที่เดินขึ้นเครื่องเองไม่ได้เท่านั้นค่ะ”

ผมจวนเจียนหมดความอดทน เพราะรู้สึกอึดอัดคับแค้นใจแทนกัปตัน จึงพูดขู่เสียงเข้ม “ถ้ากล้าทำก็กล้ารับสิ่งที่จะเกิดขึ้นด้วยนะครับ เดี๋ยวกลับมาผมจะจัดการ ไปกัปตัน ไม่ต้องบินแม่งแล้วสายการบินนี้ เดี๋ยวกูซื้อตั๋วให้มึงใหม่”

กัปตันยื่นมือไปขอบัตรประชาชนคืนมา เจ้าหน้าที่สาวคนนั้นส่งให้แต่โดยดี สีหน้าเธอดูหวั่นๆ พอสมควรเมื่อผมทำหน้าจริงจัง ก่อนไปผมก็ไม่ลืมทิ้งท้ายหลักการบริการให้เธอเอาไปนอนคิด ความคิดพวกนี้ผมได้มาจากการทำโครงการที่ผ่านมานั่นเอง

“ผมแนะนำว่าไม่ควรถามผู้โดยสารว่าเดินได้หรือเปล่าต่อหน้าคนอื่นนะครับ มันเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าผมถามพี่ว่าพี่มีไฝที่ก้นหรือเปล่าต่อหน้าคนอื่นพี่จะรู้สึกยังไง ทำไมไม่บอกมาว่ามีบริการอะไรหรือไม่มีบริการอะไรล่ะครับ ผมจะบอกให้ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ผู้โดยสารเดินได้หรือไม่ได้หรอก แต่สายการบินพี่นั่นแหละที่ไม่มีมาตรฐานในการให้บริการ ถ้าสายการบินพี่มีบริการหรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ จะเดินได้หรือไม่ได้ก็ขึ้นเครื่องได้เหมือนกัน ผมว่าไม่ถูกนะที่พี่มาโยนความผิดให้ผู้โดยสารว่าเดินไม่ได้แบบนี้ เขาเสียเงินซื้อตั๋วเพราะต้องการเดินทาง ไม่ได้ต้องการเงินรีฟันด์ ถ้าไม่รับแต่แรกก็เขียนไว้ในหน้าจองตั๋วสิครับว่าไม่รับผู้โดยสารเดินไม่ได้ เขาจะได้ไม่ซื้อ ปฏิเสธหน้างานแบบนี้มันเสียเวลาผู้โดยสาร เสียความรู้สึกด้วย!”

ผมใส่ไปชุดใหญ่จนเธอหน้าเหวอ ตอนแรกว่าจะพอแค่นี้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมจะเล่นให้ครบทุกประเด็นเลยละกัน ก็เลยจัดให้อีกดอกสุดท้าย

“อ้อ พี่ต้องแยกให้ออกด้วยว่าคนพิการกับคนป่วยไม่เหมือนกัน เขาแค่ใช้รถวีลแชร์ ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรซะหน่อย คิดว่าเขาจะไปชักแหง็กๆ บนเครื่องหรือไง ผู้โดยสารอื่นมีเป็นร้อย พี่เช็คหมดหรือยังว่ามีใครป่วยหรือเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า ถ้าจะกลัวเรื่องนี้ก็ต้องกลัวให้หมดทุกคน ไม่ใช่มาโฟกัสคนใช้วีลแชร์คนเดียว แล้วที่มากล่าวหาว่าเขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้น่ะ คิดใหม่นะครับ เขาขับรถเองได้ ไปเรียนหนังสือเองได้ ดูแลตัวเองได้ ทำอะไรตั้งหลายอย่างเองได้ ถามหน่อยว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ตรงไหน เลิกยัดเยียดความคิดแบบนี้ให้คนพิการได้แล้ว ถ้าไม่มีบริการก็บอกมาเลยว่าไม่มี จะได้ไปใช้สายการบินอื่น ไม่ต้องมาอ้างโน่นอ้างนี่ เขาแค่ใช้รถวีลแชร์ แต่พี่ปฏิเสธไม่ให้เขาขึ้นเครื่องเหมือนเขาเป็นผู้ก่อการร้ายเลย ไม่ถูกนะครับ”

หมดเรื่องที่ผมอยากพูดพอดี แค่นี้ก็สบายใจและไปต่อได้แล้ว

“ไปเหอะกัปตัน”

พูดจบผมก็ลากกระเป๋าสองใบออกไป กัปตันรีบเข็นหลบฝูงชนตามมาแทบไม่ทัน ผมได้ยินเสียงผู้โดยสารอื่นซุบซิบคุยกันเรื่องเมื่อกี้เซ็งแซ่ เข้าใจว่าหลายคนคงเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมพูด ถ้าผมพูดขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

ผมพากัปตันไปซื้อตั๋วสายการบินหนึ่งที่เคาน์เตอร์ เพื่อความสะดวกผมให้กัปตันรออยู่ใกล้ๆ และเฝ้ากระเป๋าไว้ ส่วนผมเดินไปเข้าแถวรอคิวซื้อตั๋ว ตอนซื้อผมถามย้ำกับคนขายจนมั่นใจว่ากัปตันจะไม่ถูกปฏิเสธ โชคดีที่เขามีบริการให้ทั้งๆ ที่เป็นสายการบินต้นทุนต่ำเหมือนกัน ผมก็เลยหมดห่วงและหายกังวล เสร็จธุระจากตรงนั้นเราก็หาที่นั่งรอ เพราะอีกกว่าชั่วโมงถึงจะเช็คอินได้

“จัดชุดใหญ่เลยนะมึง ขนาดกูเจอเองกูยังไม่กล้าพูดแบบมึงเลยว่ะ เอาเรื่องเหมือนกันนะมึงเนี่ย” กัปตันขำกับวีรกรรมของผมเมื่อครู่นี้

“มึงก็ดูเขาพูดดิ มันน่าโมโหไหมล่ะ เสียเวลาเลย แทนที่จะได้ไปเที่ยวอย่างสบายใจ แม่งต้องมาอารมณ์เสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง สายการบินเมื่อกี้เขาไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย” พูดถึงแล้วผมก็ชักหงุดหงิด

“กูดีใจนะเว้ยที่มึงเข้าใจ ที่มึงพูดเมื่อกี้ ตรงกับที่กูคิดหมดเลย คนชอบเข้าใจว่ากูช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือไม่ก็ชอบคิดว่ากูป่วย แรกๆ กูก็พยายามอธิบายแหละ แต่พอเจอทุกวัน กูก็ขี้เกียจพูด อธิบายไม่ไหวว่ะ เมื่อกี้ตอนที่กูรอมึงซื้อตั๋ว มีคนเดินเข้ามาถามกูตั้งหลายคนว่ามีอะไรจะให้ช่วยไหม กูบอกตรงๆ ว่าบางทีกูก็รำคาญนะเว้ย เข้าใจแหละว่าหวังดี แต่มึงคิดดู เดี๋ยวคนนั้นก็มาถาม เดี๋ยวคนนี้ก็มาถาม กูก็ต้องคอยตอบว่าไม่เป็นไรครับๆ ไม่รู้กี่รอบ เขาคิดว่าคนพิการต้องการความช่วยเหลือตลอดเวลาหรือไงวะ กูก็อยู่ของกูดีๆ”

“เขาอยากทำบุญมั้ง” ผมหัวเราะ

“ก็ไปทำที่วัดสิวะ กูไม่ใช่ตัวทำบุญนะเว้ย ไม่ใช่ปลาไหลซะหน่อย บางทีกูก็อยากพูดนะเว้ยว่าปล่อยให้กูอยู่คนเดียวสงบๆ เหอะ ถ้าอยากให้ช่วยเดี๋ยวกูบอกเอง” กัปตันเล่นเสียงสูงต่าให้ฟังดูตลก

“ตอนที่กูเจอมึงครั้งแรก แล้วกูวิ่งเข้าไปช่วยมึง มึงไม่หงุดหงิดเหรอวะ” ผมแกล้งแหย่

“กูไม่หงุดหงิดมึงหรอก หงุดหงิดบันไดมากกว่า แต่อันนั้นมันเมกเซนส์กว่าไง เพราะมันเห็นชัดว่ากูต้องการให้ช่วย แต่อันนี้กูนั่งอยู่ดีๆ เว้ย คนนั่งเฉยๆ จะมาช่วยเรื่องอะไรวะ กูจำได้ว่าเคยมีคนเอาเงินมายัดใส่มือกูยี่สิบบาทตอนกูไปเที่ยวพัทยากับพี่โดม กูนั่งชมวิวอยู่ดีๆ แต่งตัวก็โอเคนะเว้ย ดูน่าสงสารตรงไหนวะ” กัปตันส่ายหัวไปมาอย่างระอาใจ จากนั้นก็ถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น

“เออ ว่าแต่ทำไมมึงเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ดีเหมือนมึงเป็นแบบกูเลยวะ มึงเพิ่งรู้จักกูไม่นานเองนะเว้ย”

“ไม่รู้ว่ะ สงสัยเพราะกูคิดจะจีบมึงมั้ง” ผมตอบตลกๆ กัปตันก็เลยประท้วง

“เอาจริงๆ ดิ”

ผมทำท่านึก แต่พอจะคิดหาคำตอบก็รู้สึกว่าหาจุดเริ่มต้นไม่ได้ “กูไม่รู้จริงๆ นะเนี่ย สงสัยเป็นเพราะว่ากูอยู่กับมึงทุกวันมั้ง ก็เลยค่อยๆ เข้าใจไปเอง แล้วมึงก็สอนกูด้วย แต่บางอย่างมันก็เป็นคอมมอนเซนส์เปล่าวะ อย่างตอนพี่สามาชวนมึงไปสมัครคิวท์บอย แต่พอเขาเห็นมึงใช้รถวีลแชร์เขาก็ตกใจ กูก็ว่ามันไม่ถูกนะเว้ย แต่ตอนนั้นกูก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมกูคิดแบบนั้น เหมือนที่กูชอบมึงตอนแรกๆ แล้วก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงชอบไง” ผมยิ้มและทำตาหวานๆ ใส่ เปลี่ยนบรรยากาศที่ร้อนแรงให้เย็นลง

“มั่วแล้วมึง เหมือนกันตรงไหน” กัปตันว่าผมขำๆ

“เหมือนดิ เรื่องพวกนี้นะ แรกๆ มันจะไม่ค่อยชัดหรอก มันชอบมาชัดเอาตอนหลังๆ นี่แหละ อ้อ ตอนแรกๆ กูก็คิดเหมือนพี่คนเมื่อกี้แหละ กูคิดว่ามึงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่ตอนนี้กูรู้แล้วว่ามึงช่วยเหลือตัวเองได้ ที่สำคัญนะเว้ย ช่วยเหลือกูได้ด้วย เก่งอีกต่างหาก” ผมยิ้มทะเล้น กัปตันคงรู้ดีว่าผมหมายถึงอะไร

“เชี่ย สนามบินนะเว้ย คนเยอะแยะ” กัปตันแสร้งเอ็ดพลางหันไปมองรอบๆ ด้วยสีหน้าระแวง

“เยอะตรงไหน ตรงนี้มีแค่กูกับมึงสองคน” ผมยักคิ้วหงึกๆ สองสามครั้ง

“แล้วมึงจะเล่นงานนุ๊กแอร์ยังไงวะ” กัปตันเปลี่ยนเรื่องทันที ผมเปลี่ยนอารมณ์ตามแทบไม่ทัน

“กูเรคคอร์ดไว้แล้วเว้ย เดี๋ยวกูปล่อยลงโซเชียล” ผมพูดพลางตบปุๆ บนกระเป๋ากางเกงข้างที่ใส่มือถือไว้

“ไม่ใช่เล่นเลยนะมึง” กัปตันทำหน้าทึ่ง

“ไม่งั้นกูจะชนะใจแม่มึงได้เหรอวะ”

“ถ้าแม่กูรู้ สงสัยได้ซื้อรถเบนซ์ให้มึงแน่เลยว่ะ”

“กูไม่อยากได้รถเบนซ์ตอนนี้หรอก อยากได้รางวัลที่ค้างไว้มากกว่า” ผมวกเข้าเรื่องอย่างว่าอีกแล้ว

“เอาอีกละ จนได้นะมึง” กัปตันหันมองซ้ายขวาอีก คงกลัวคนมาได้ยิน แต่ตรงนี้ก็มีแค่ผมกับกัปตันสองคนจริงๆ

“ยังไม่ได้เอาเลย รออยู่เนี่ย พร้อมแล้วใช่ไหม” ผมทำตากะลิ้มกะเหลี่ยใส่

“เออ มึงนี่มัน…” กัปตันส่ายหน้าไปมาพลางขำ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องอีกรอบ “ไปหาอะไรกินดีกว่า กูหิว”

“เออๆ ไปๆ กูก็หิวเหมือนกัน”

แม้ว่าก่อนเดินทางจะมีเรื่องให้หงุดหงิดบ้าง แถมยังเสียเวลาไปเป็นชั่วโมงๆ กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ผมก็เชื่อว่าเมื่อเราไปถึงที่หมายแล้ว บรรยากาศดีๆ จะพัดพาเรื่องขุ่นเคืองใจให้หายไปจนหมดสิ้น เวลาห้าวันที่เราอยู่ที่นั่น เราคงจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่สวยงามไปพร้อมๆ กับความรัก สถานที่ที่ไปอาจจะลำบากสำหรับกัปตันบ้าง แต่ผมก็ฟิตร่างกายมาอย่างดีแล้ว พร้อมที่จะเข็นกัปตันขึ้นภูเขาเป็นลูกๆ และเผื่อแรงไว้ทวงของรางวัลชิ้นงามอีกเหลือเฟือ[/size]



TBC...




// พอเรื่องจบไปแล้วก็รู้สึกว่ามีคนมาอ่านเยอะขึ้นนะครับ
// แต่มันก็เหมือนได้สิ่งที่อยากได้ตอนที่มันเลยเวลาช่วงที่อยากได้มาแล้ว
// คนเขียนอยากได้กำลังใจตอนที่กำลังเขียนมากที่สุดครับ
// แต่พอจบแล้ว ภาระกิจก็จบ ผมก็จะไปทำอย่างอื่นหรือเขียนเรื่องอื่น
// ไม่ค่อยได้เข้ามาดูเรื่องนี้บ่อยๆ เหมือนเดิมแล้ว
// อย่างไรก็ขอบคุณและดีใจที่มีคนชอบเรื่องนี้
// เอาตอนพิเศษส่วนแรกมาฝากก่อนนะครับ วันอาทิตย์จะมาต่อให้จบ
// ใครถามหาแฟนเพจก็ดูที่ภาพประกอบนิยายเลยครับ


ออฟไลน์ am_am

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
เย้ ๆ มาต่อแล้ว ขอบคุณนะคะ  อะตอมเจ๋งมากเลย สะใจ 5555

ออฟไลน์ Keiji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ปล้ำคนพิการไม่บาปหรอก(ถ้าเขาสมยอมตอนท้าย)5555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-11-2017 21:14:35 โดย Keiji »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ HuskyLover

  • นิยาย "วาย" ละมุน
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-3
EP31 - P2
พี่กัปตัน-น้องอะตอม






ลมหนาวพัดไหลเลื้อยไปตามใบหน้า เส้นผมและเสื้อกันหนาว แสงแดดจ้าส่องฟ้าใสสีครามเข้มกระจ่างชัด ขุนเขาใหญ่เด่นตระหง่านรายรอบน่าเกรงขาม แมกไม้เขียวสลับกับท้องทุ่งนา บ้านเรือนของคนแถวนี้อยู่ห่างๆ กัน ช่วยให้มองไปไกลได้สุดสายตา ผมเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าโลกมันกว้างแค่ไหน

“โขกู้โส่” หรือ “สะพานบุญ” ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแห่งใหม่สำหรับเมืองปาย เริ่มแรกชาวบ้านไม่ได้ทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหรอก แต่สะพานบุญนี้เกิดขึ้นมาได้จากความศรัทธาของชาวบ้านในหมู่บ้าน “บ้านแพมบก” ซึ่งต้องการสร้างสะพานไม้ไผ่จากถนนสายหลักลัดเข้าไปยังวัดที่ตั้งอยู่ด้านใน เพื่ออำนวยความสะดวกให้พระที่เดินออกมาบิณฑบาต จะได้ไม่ต้องเดินลุยโคลนหรือพื้นเฉอะแฉะในหน้าฝน แต่วันนี้มันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครๆ ก็อยากมา

อะตอมช่วยพยุงผมลงนั่งบนสะพาน เขาช่วยพับเก็บรถเข็นและจอดหลบข้างทางเดิน จะได้ไม่เกะกะคนอื่น จากนั้นก็ลงมานั่งห้อยขาข้างๆ ผม

“เป็นไง พี่ชอบไหม” อะตอมเปลี่ยนสรรพนามเรียกผม ช่วงนี้มันผีเข้าผีออก เดี๋ยวเรียกพี่ เดี๋ยวพูดมึงกู คงยังไม่ชินนั่นเอง

ผมหันไปยิ้มด้วยแววตาขอบคุณ “ชอบดิ ชอบมากเลย ถ้าไม่ได้อะตอมพามานะ พี่คงไม่ได้มาหรอก ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมาเที่ยวแบบนี้เลย”

อะตอมเอียงหัวมาชนกับผมเบาๆ “ผมบอกพี่แล้วไง ถ้าพี่อยู่กับผม อะไรที่พี่ไม่เคยทำ ผมก็จะพาพี่ทำหมดแหละ อยากทำอะไร อยากไปไหน บอกผมมาละกัน ฟ้าลิขิตให้ผมมาเจอพี่ เพราะเขาอยากให้ผมเป็นแขนขาให้พี่ แล้วพี่ก็เป็นคนนำทางผมไง”

“ซึ้งอีกแล้ว” ผมเอามือยีผมอะตอมเบาๆ อย่างเอ็นดู พอเขาเรียกผมว่าพี่แล้ว บรรยากาศระหว่างสองเราก็เปลี่ยนเป็นอีกแบบ

“ผมปล่อยคลิปลงยูทูปแล้วนะพี่ คนแชร์เยอะมาก ด่ากันใหญ่เลย สะใจจริงๆ” อะตอมเปลี่ยนมาพูดเรื่องสายการบินที่ทำให้เรามาถึงนี่ช้าไปหนึ่งวัน เพราะทันทีที่เรามาถึงเชียงใหม่ เที่ยวบินต่อไปที่เราจองไว้ก็ออกไปก่อนแล้ว

“พี่เห็นแล้ว” ผมส่ายหน้าไปมาและหัวเราะเบาๆ

“ก็มันน่าไหมล่ะ ดูดิ ผมกับพี่ต้องมาตะลอนๆ หาที่พักในเชียงใหม่แทบขาลาก ช่วงไฮซีซั่นหาห้องพักได้ง่ายที่ไหน เสียเวลาเลย แล้วก็ต้องเสียเงินค่าโรงแรมเพิ่ม เสียเงินซื้อตั๋วมาแม่ฮ่องสอนเพิ่ม เดี๋ยวกลับไปผมจะต้องเรียกค่าเสียหายซะหน่อย” อะตอมบ่นอุบ สีหน้าไม่พอใจราวกับเหตุการณ์เพิ่งเกิดเมื่อกี้

“เอาเลย คนแบบนี้ต้องจัดการซะบ้าง จะได้ไม่กล้าทำอีก” ผมผสมโรงไปด้วย แต่ครู่เดียวก็รีบเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากเสียอารมณ์ “ว่าแต่วันนี้เราจะไปกี่ที่ดี”

“สักสามที่ไหวไหมพี่ ผมว่าจะพาไปโป่งน้ำร้อนท่าปายตอนสายๆ หาข้าวกลางวันกินแถวๆ นั้น แล้วก็ไปปายแคนยอนตอนบ่ายๆ เย็นๆ ค่อยกลับมาหาอะไรกินแถวๆ ตลาดคนเดิน พรุ่งนี้…ไปจุดชมวิวหยุนไหล ต้องไปแต่เช้ามืดเลยนะ พี่กัปตันจะไหวเปล่า”

“ไหวดิ แต่คืนนี้อย่าดึกมากละกัน”

“อ้าว จะดีเหรอ”

“ทำไม” ผมทำหน้างง แต่สักพักก็นึกออก “อ๋อ…”

“ไม่เป็นไร ทำแต่หัววันก็ได้ จะได้ไม่ง่วง” อะตอมขำเบาๆ

“จะเอาจริงเหรอ”

“เอาจริงดิ เตรียมมาซะขนาดนี้แล้ว”

“กูเอ๊ยพี่…พี่มีอะไรจะบอกอะตอมเรื่องหนึ่ง” ผมขำตัวเองที่เผลอพูดมึงกู

“อะไรครับ” อะตอมเอียงคอ

“กูเคยไปอ่านเจอในเน็ต เขาบอกว่ามึงน่ะ…เป็นผู้ชายที่มีเซ็กซ์แอพพีลสูงมาก”

“แล้วพี่ว่าจริงไหมล่ะ” อะตอมถามหยอก

“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ฟังต่อก่อนดิ แล้วเขาก็คุยกันต่อว่า…อย่างอะตอมน่ะ ไม่น่ามีแฟนเป็นคนพิการเลย”

อะตอมขมวดคิ้ว หน้าเข้มเครียดขึ้นมาทันที “พี่ไม่ต้องไปฟังพวกเขาหรอก ใครจะพูดอะไรก็ช่างเขา”

“เออ พี่รู้ แต่ตอนแรกพี่ก็เครียดไง เรื่องที่พี่จะบอกอะตอมก็คือว่า…พี่เคยน้อยใจ แล้วก็เคยคิดจะบอกให้อะตอมทบทวนด้วยว่า…”

“ผมต้องการความรักนะพี่” อะตอมขัดจังหวะ ผมจึงต้องหยุดและฟังอะตอมพูด

“สาวๆ พวกนั้นน่ะ พูดตรงๆ นะพี่ ผมเคยได้มาหมดแล้ว ผมเป็นนายแบบตั้งแต่อายุสิบหก เจอคนเยอะแยะ สาวๆ เข้ามาหาเยอะ จะเป็นร้อยแล้ว แต่ไม่มีใครทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่กับพี่สักคน ความรักมันสำคัญมากนะครับพี่กัปตัน เพราะมันทำให้เราสองคนยอมรับกันได้ ถึงแม้ว่าเราจะไม่เหมือนกันเลย ผมขอรักพี่คนเดียวนะ ผมอยากได้ความรักแบบนี้ ผมอยากมีใครสักคนอยู่ดูแลกันแบบนี้ พี่กัปตัน…กับน้องอะตอม”

อะตอมพูดประโยคท้ายช้าๆ ชัดๆ เพราะเขาต้องการย้ำให้ผมมั่นใจ เราสองคนจ้องตากันนิ่งๆ ปล่อยให้ลมหนาวไหลพัดผ่านผิวเสื้อกันหนาว แม้แดดจะแรงจ้า ทว่ามันกลับอบอุ่น หัวใจของเราก็พลอยอบอุ่นท่ามกลางอากาศหนาวไปด้วย

“ขอบคุณมากนะ” ผมเอ่ยเบาๆ

อะตอมเอื้อมมือมาจับมือผม ผมพลันหันไปมองรอบๆ อย่างระแวดระวังโดยสัญชาตญาณ

“ไม่ต้องสนใจใครหรอกพี่ ถ้าใครเดินมาถามนะ ผมจะบอกเลยว่าผมกับพี่เป็นแฟนกัน” อะตอมพูดดักอย่างรู้ทัน

ผมก็เลยได้สติ ปล่อยให้คนเดินผ่านไปผ่านมาโดยไม่คิดจะสนใจ อะตอมเขยิบเข้ามาใกล้จนไหล่เราชิดกัน ลมหนาวแทบจะหมดอานุภาพ ทั้งแสงแดด เสื้อผ้าและมือของเราที่กอบกุมกันไว้ต่างก็ช่วยกันแผ่คลื่นความอบอุ่นปกป้องสองเรา

สักพักอะตอมก็ลุกขึ้นและเอาวีลแชร์มากางให้ เขาช่วยจับผมลุกขึ้นยืนและช่วยพยุงผมให้นั่งลงบนวีลแชร์ พอเรียบร้อยเขาก็เข็นผมไปตามสะพานไม้พัดซึ่งขัดกันถี่ๆ มันยวบยาบบ้างเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกได้ถึงความมั่นคง เวลาเข็นต้องยกล้อหน้าขึ้นเล็กน้อย เพราะพื้นทางเดินขรุขระ ถ้าไม่ระวังล้อหน้าจะสะดุด ผมเคยหล่นจากวีลแชร์เพราะล้อหน้าสะดุดมาแล้ว อะตอมจึงต้องคอยระวัง

“เสียดายนะ ผมไปเรียนกับพี่ไม่ทัน ผมว่าผมต้องคิดถึงพี่กัปตันมากแน่ๆ เลย พี่เชื่อไหม เมื่อก่อนผมไปถ่ายแบบหลายๆ วันได้ แต่เดี๋ยวนี้ไปแค่วันเดียวก็อยากกลับแล้ว เพราะผมอยากกลับมาอยู่กับแฟน โห…แต่นี่ผมจะต้องอยู่ห่างจากพี่ครึ่งปี จะทนคิดถึงได้ไหมเนี่ย”

“ก็วิดีโอคอลมาดิ”

“อันนั้นผมทำอยู่แล้ว แต่ผมเป็นห่วงพี่ไง ไม่รู้ดิ เท่าที่ฟังจากพี่นะ ผมว่าน้องชายพี่เขาไม่ค่อยชอบพี่เท่าไหร่ ผมกลัวเขาดูแลพี่ไม่ดี ไม่งั้นแม่คงไม่ให้ผมไปเรียนกับพี่หรอก จริงไหม ว่าแต่…ทำไมน้องพี่เขาถึงไม่ชอบพี่ล่ะ” อะตอมถือโอกาสถามเรื่องที่อยากรู้ตรงๆ

“ก็ตอนเด็กๆ แม่เขาดูแลพี่เยอะกว่าลมหนุนไง เขาก็เลยรู้สึกอิจฉา เวลาแม่เผลอ บางทีเขาก็ชอบแกล้งพี่ แต่พี่ก็ไม่เคยฟ้องแม่หรอก”

“ทำไม”

“เขาเคยขู่พี่ว่า…ถ้าพี่ฟ้องแม่ เขาจะเตะพี่ตกรถเข็น”

“เขาพูดขนาดนั้นเลยเหรอ” อะตอมรู้สึกตกใจไม่น้อย อาจจะถึงกับอึ้งด้วย

ผมยิ้มเศร้าๆ “ใช่ เหตุผลหนึ่งที่แม่ไม่อยากให้พี่ไปเรียนเมืองนอกตอนเด็กๆ ก็เพราะเขากลัวนี่แหละ แต่ถึงพี่ไม่ฟ้อง แม่เขาก็รู้แหละ เขาเคยอบรมลมหนุนเรื่องนี้ครั้งหนึ่ง แต่ลมหนุนเขาก็โวยวายหาว่าแม่ลำเอียง แม่เขาก็เลยไม่รู้จะพูดยังไง ก็เลยส่งลมหนุนไปเรียนเมืองนอกตอนมอต้น”

“โห เขาเป็นน้องชายของพี่นะ ทำไมเขาทำแบบนี้” อะตอมหยุดเข็นรถ เมื่อผมหันไปมองก็เห็นเขาตาแดงๆ น้ำตาซึมๆ

“เป็นไรเหรอ” ผมถามอย่างเป็นห่วง

“ผมสะเทือนใจน่ะพี่ น้องพี่เขาจะกล้าเตะพี่จริงๆ เหรอ ถึงว่า…พี่กัปตันถึงไม่ค่อยอยากเล่าเรื่องเขาให้ผมฟัง” อะตอมหน้าเศร้า เจ้าตัวดูจะเห็นใจผมไม่น้อย

“พี่ก็ไม่รู้ว่าเขากล้าหรือเปล่านะ แต่เขาขู่พี่แบบนั้นไง พี่ก็เลยไม่อยากมีเรื่องกับเขา แต่ช่างเหอะ ตอนนั้นเขายังเด็ก ตอนนี้เขาคงไม่คิดแบบนั้นแล้วมั้ง” ผมพยายามขำเบาๆ แต่อะตอมก็ยังไม่คลายกังวล

“ผมเป็นห่วงพี่เลยนะเนี่ย ทำไงดี ผมอยากไปเรียนพร้อมพี่เลย”

“ไม่ทันแล้ว ไม่เป็นไรหรอก อะตอมไม่ต้องกังวลนะ พี่ไม่ได้พักกับเขา แม่เขารู้แหละ ถ้าแม่ไม่มีแผนว่าจะให้อะตอมตามไปนะ พี่ก็คงต้องพักอยู่กับน้อง แต่เพราะอะตอมชนะใจแม่พี่ได้ไง พี่ถึงได้พักคนเดียว” ผมยิ้มกว้างสดใส อะตอมจึงยิ้มตามในที่สุด

“ดีแล้วพี่ ไม่ต้องอยู่กับเขาหรอก ถ้าเขาเป็นแบบนี้ ผมว่าอยู่คนเดียวดีกว่า อ้อ กลับไปผมจะตั้งใจฝึกภาษาอังกฤษให้เก่งๆ นะ ผมจะได้ไปเรียนกับพี่ได้ พี่กัปตันอดทนอีกนิดเดียวนะครับ ผมจะรีบตามพี่ไปให้เร็วที่สุดเลย” ท่าทางกังวลของอะตอมหายไปแล้ว เขายิ้มได้เต็มปากตามปกติ

“มีคนดูแลดีแบบนี้ พี่จะเสียนิสัยไหมเนี่ย” ผมสัพยอก

“ไม่เสียหรอก พี่กัปตันนิสัยดีจะตาย ผมก็ไม่ได้คิดจะทำให้พี่เสียนิสัยนะ แค่อยากช่วยอำนวยความสะดวกให้พี่กัปตันทำสิ่งที่พี่อยากทำได้ง่ายขึ้น จำไม่ได้เหรอ ผมชื่ออะตอม…เป็นพลังงาน ส่วนพี่ชื่อกัปตัน…เป็นทิศทาง”

“จำได้” ผมเงยหน้ามองอะตอมอย่างซาบซึ้ง ถ้าไม่เกรงใจนักท่องเที่ยวแถวนี้ ผมจะขอให้เขาช่วยพยุงผมลุกขึ้นยืนและกอดเขาไว้

“พี่อยากกอดผมเหรอ” อะตอมถามอย่างรู้ทัน ทำหน้ายิ้มๆ ด้วย

ผมพยักหน้ายอมรับตามตรง

“เชื่อยัง ผมเคยบอกพี่ว่าผมจะทำให้พี่รักผมให้ได้” อะตอมชวนผมย้อนคิดถึงคำพูดนั้นของเขาตอนเจอกันใหม่ๆ

“เชื่อแล้ว เชื่อมาหลายเดือนแล้วไง ไม่รู้เหรอ”

อะตอมเปลี่ยนมายืนหน้าวีลแชร์ผม เขายิ้มละไมมีความสุข ครู่เดียวก็เอื้อมมือมาจับใต้รักแร้ผม ก่อนจับผมลุกขึ้นยืนตัวตรงและกอดผมไว้ ตอนแรกผมว่าจะตกใจ แต่อะตอมพูดดักเอาไว้อย่างรู้ทันซะก่อน

“เราสองคนรักกัน เราสองคนเป็นแฟนกัน ถ้าอยากกอดกัน ทำไมจะต้องอายด้วย ผมอยากให้พี่รู้ว่าผมไม่เคยอายที่ผมเป็นแฟนพี่ ผมไม่สนใจใคร เพราะคนที่ผมสนใจมากที่สุด…ก็คือพี่กัปตันของผม ผมรักพี่นะครับ”

“พี่ก็รักอะตอมนะ” ผมกอดอะตอมแน่น มีคนหันมามองเราสองสามคนไกลๆ ออกไป แต่ผมก็ไม่สนใจใครแล้ว

สังคมคงไม่มีภาพคนพิการแบบผมเท่าไหร่หรอก คนมักคิดว่าผมเป็นคนด้อยโอกาส น่าสงสาร ทำอะไรไม่ค่อยได้ ไปไหนไม่ค่อยได้ ชีวิตไม่น่ามีความสุข ไม่มีเพศ ไม่มีความรัก ยิ่งรักเพศเดียวกันยิ่งห่างไกลเกินจินตนาการถึง แต่ผมก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง เพราะฉะนั้น เมื่อผมรักแฟนผม อยากกอดแฟนผม ผมก็อยากทำอย่างคนธรรมดาทั่วไปบ้าง ขอบคุณอะตอมจริงๆ ที่ช่วยปลดล็อกความคิดให้พี่คนนี้ได้ซะที

ที่คืนนี้ผมจะยอมให้อะตอมก่อน เพราะผมอยากขอบคุณและให้รางวัลแก่คนดีๆ อย่างเขานี่แหละ คิดแล้วผมก็แอบเขิน เราสองคนอุตส่าห์อดทนไม่ทำอะไรเกินเลยกันไปมากกว่าแค่ช่วยเหลือกัน เพราะเราอยากเก็บเอาไว้มาทำที่นี่ จะได้น่าจดจำ ผมว่าเราคงจำได้ไปอีกนานเลย เอาเป็นว่า…

คืนนี้พี่จะทำให้สุดฝีมือเลยนะอะตอม




TBC...


อีกเรื่องที่อยากให้ลองไปฟังดูครับ


EP01
https://www.youtube.com/v/9mE8lkT_aNw

EP02
https://www.youtube.com/v/M_apm6wGHEY


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2017 11:17:46 โดย HuskyLover »

ออฟไลน์ Keiji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Keiji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ถามตรงๆอะตอมก็ต้องตอบตรงๆสิ5555 ชอบๆ

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
เป็นนิยายที่ดีมากๆ มีมุมให้ข้อคิดหลายมุมเลยทีเดียว

เราเองก็มีปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกอยู่หลายเรื่องแต่พอได้มา

อ่านเรื่องนี้แล้วมันทำให้เรามีกำลังใจและไม่ย่อท้อต่อสิ่ง

ที่เรากำลังเผชิญอยู่. ต้องขอบคุณคนเขียนจริงๆที่

ถ่ายทอดออกมาได้ดีมากๆ

#รอส่วนสุดท้ายของบทนี้นะคะ

ออฟไลน์ Keiji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านแล้วหน่วงใจสลับกับอมยิ้มชอบใจไปด้วย นึกภาพพระเอกจะกลายเป็นรับไม่ออกเลย5555

ออฟไลน์ am_am

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
น่ารักตลอดเลยคู่นี้ เค้าจะได้กันแล้วค่าาาาาาาาาาา 55

ออฟไลน์ Keiji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ่านเพลินล่วงเลยมาจนตีหนึ่งกว่าๆ ละมุมมากเลยนิยายนี้จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป :กอด1: :กอด1: :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2017 08:44:03 โดย Keiji »

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
น่ารักจัง ยินดีกับทั้งคู่ที่สุดท้ายก็้จะได้ไปอยู่ด้วยกัน

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
สนุกดีค่ะ ละมุน หวานหน่อยๆ นิยายเรื่องนี้ทำให้เราเห็นคนพิการในอีกมุม
ชอบกัปตัน กับ อะตอม  :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อะตอมเป็นคนดีมากเลยที่เข้าใจและใส่ใจ และยอมรับในสิ่งที่เป็นกัปตันได้เป็นอย่างดี

ส่วนกัปตันก็เป็นตัวอย่างในการที่เป็นคนมุ่งมั่น ต่อสู้กับความยากลำบากแล้วก็ปรับตัวได้ดี ก็แทบจะไม่รู้สึกว่าเป็นคนพิการเลยด้วยซ้ำ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด