มาแล้วอีกครั้งนะครับผม
เรื่องราวของสน หวังว่าจะเป็นบทเรียนให้กับเหล่านักอ่าน เผื่อว่าใครใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่ความรุนแรง
จะได้เห็นว่า อิทธิพลด้านสภาพแวดล้อม ส่งผลต่อชีวิตและบุคลิกนิสัยของคนเราได้มากขนาดไหน
.
.
มาต่อกันดีกว่า
Chapter 14 ถามจันทร์ จากการฟังเรื่องราวในอดีตของสน การไปทริปครั้งนี้ดูหดหู่ขึ้นทันตา
แต่ที่น่าหดหู่มากกว่า คือ สภาพของพี่เปรมที่รู้ว่าสนต้องเจอกับอะไร
พี่เปรมแยกย้ายจากวงเหล้า เข้ามานอนในห้อง เห็นสนนอนหลับสนิทราวกับไม่แคร์พวกเราว่าจะรู้สึกยังไง
เมื่อทราบอดีตอันเจ็บปวดแบบนี้ ร่างกายพี่เปรมสั่นเทาราวกับเป็นคนถูกข่มขืนซะเอง พี่เปรมก้าวเท้าแต่ละข้างด้วยความยาก
ลำบาก เดินไปนั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับเตียงนอน ในใจของพี่เปรมว้าวุ่นกระสับกระส่าย ดูไม่เป็นตัวของตัวเองเป็นที่สุด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!เปรมเดินมาเปิดประตู ต้นยืนจังก้าหน้าประตู เปรมเปิดให้ต้นเข้ามา
เปรมนิ่งซักครู่ ก่อนสบตาไอต้น พร้อมปล่อยคำพูดที่เบาบางแทบไม่ได้ยิน “ ......มีอะไร “
ต้น แปลกใจกับท่าทีของเพื่อน ต้องยอมรับว่าทั้งเปรมและโจ้ เสพติดการเสือกชาวบ้าน กลายเป็นสันดานที่แก้ไม่หาย ทุก
เรื่องราว ทุกความพีค ทั้งเปรมและโจ้ต่างอยากเสือกอยากรู้เห็นไปหมด แต่พอมาวันนี้ มันช่างแตกต่าง การรู้เรื่องคนอื่นมากจน
เกินไปเปรียบเสมือนดาบสองคม เปรมรู้สึกหนักใจเหมือนมีหินก้อนใหญ่มาทับร่างตนไว้ เหยื่อของการล่วงละเมิดทางเพศกลับ
เป็นคนใกล้ตัว สำหรับเปรมคงอยากให้เรื่องทั้งหมดที่ต้นเล่ามานี้เป็นเพียงเรื่องแต่งเท่านั้น
“ เปรม กูรู้ว่ามึงทำใจลำบาก …เอาเป็นว่า อยากรู้อะไรถามกูได้ กูไม่อยากให้สนต้องจดจำเรื่องราวแบบนี้อีก “
สายตาเปรมดูอ้างว้าง เหมือนไม่อยากรับรู้เรื่องราวร้ายๆอีกต่อไป
“ กูผิด กูผิด กูคิดผิด “ เปรมเหม่อลอย พร่ำเพ้อพูดอะไรก็ไม่รู้ออกมา
ต้นเขย่าตัวเปรม เพื่อเรียกสติ “ มึงเป็นอะไรเนี่ย มึงทำตัวแปลกๆ “
เปรมพูดออกมาอย่างช้าๆ สายตาไม่กล้าสบกับเพื่อนสนิทของเขา
“ กู....กู....กูมันบ้า “
ต้นเลิกคิ้วด้วยความงุนงง “ เฮ้ย เป็นอะไรมึง “
“ ช่างเหอะ มึงจะนอน..... เฮ้ย...กูจะนอน “
เปรมพูดผิดๆถูกๆ ต้นสังเกตเห็นว่า เปรมหน้าแดงก่ำ ไม่เหมือนสภาพคนเมา แต่เหมือนสภาพคนโกรธตัวเองซะมากกว่า
“ มึงพี้ยามารึเปล่าว่ะ ทำตัวแปลกๆ “
เปรมเผลอตะโกนออกมา ก่อนเบาเสียงลงเมื่อรู้ว่าสนกำลังนอนอยู่ “ พอกันที กูรับไม่ไหวแล้ว “
“ กูว่ามึงเมามาก ไอเปรม ไปนอนเถอะ “
ต้นพยุงไอเปรมวางลงที่ปลายหมอน เปรมยังออกอาการโวยวาย ทำให้ ต้น เข้าใจได้แจ่มแจ้งแล้วว่า ถ้าสนเมา มันจะชอบเล่า
เรื่องตัวเองให้คนอื่นฟัง แต่ถ้าเปรมเมา มันจะชอบโวยวายพูดอะไรแปลกๆออกมา
“ กูไม่น่าเสือกเรื่องคนอื่น เล้ยยย..... “ สิ้นเสียงเสร็จ เปรมก็ง่วงหลับไป
ต้นส่ายหัวพลางถอนหายใจดังๆ “ ถ้ามึงกลายเป็นหมาแบบนี้ กูคงไม่เล่าเรื่องนี้ให้มึงฟังหรอก “
ต้นหันหลังกลับออกไป ก็ยังไม่วายจับผิดคู่กัดนรกของเขา
“ .......โตแล้วนะ ทำไมไม่ดูแลตัวเองเลยว่ะ “ ต้นหยิบผ้าห่มที่กองอยู่บนเท้าสน ลากผ้าห่มดึงออกมาคลุมร่างกายของสนที่ตัว
สั่นเพราะความหนาว เหลือเพียงแต่ใบหน้าขาวๆที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าผืนหนา คนหน้าตาดีส่วนใหญ่มักจะดูไม่จืดตอนหลับ
แต่สำหรับสนแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น ยามตื่นทุกคนจะรู้ว่า ความสดใสของสนทำให้สนเป็นคนน่ารัก ยามสนหลับความน่ารักถูก
แทนที่ด้วยความหล่อ เป็นเสน่ห์ที่แม้แต่ต้นเองยังอิจฉาลึกๆในใจ
ต้นจ้องมองสนด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
“ สน กู....... ” ต้นยั้งคำพูดที่เหลือ เก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ที่ปลายมือ ก่อนเดินออกจากห้องไป
หลังจากเรื่องราวของสน ถูกเปิดเผยในกลุ่มวงเหล้า สภาพอารมณ์ทุกคนดูเฉยชาไม่ต่างจากผีดิบ ช่างตรงกันข้ามกับขาเดิน
ทางมา ร่าเริงสดใสกันทุกคน มีเพียงแต่สนดูปกติกว่าคนอื่น ในใจสนลึกๆคงเหนื่อยใจไม่น้อย ชีวิตตัวเองดราม่ามากแล้ว
ยังพาให้แฟนตัวเองหดหู่ตามไปด้วย ทุกคนพยายามทำตัวให้เหมือนปกติที่สุด ทุกคนนั่งกินข้าวก่อนที่จะ check out กลับบ้าน
น่าแปลกที่ไม่มีบทสนทนาใดๆหลุดออกมาจากใครซักคน มีเพียงแค่ ไอต้น ที่เฝ้ามองอากัปกิริยาของเพื่อนร่วมโต๊ะ พลางส่ายหัวเหนื่อยใจกับพวกมัน
ตอนแรกก็รู้สึกดีหรอกนะ ที่พวกพี่ๆเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดของผม แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเอามากได้ขนาดนี้
พี่โจ้ และ พี่เปรม ดูอ่อนเพลีย ไม่มีแรง แม้แต่ ไอต้น เองก็เหมือนคนไม่ได้นอน เพียงแต่ยังดูมีสติมากกว่า
เมื่อเทียบกับสองคน นั่งกินข้าวได้ไร้ชีวิตชีวามาก เหมือนกูพาหุ่นยนต์มาเที่ยวเลย ชีวิตของน้องสนผู้น่ารักจะต้องมาเจออะไร
แบบนี้ด้วย กูไม่น่าให้ไอต้นไปบอกความจริงเรื่องนี้เลย เวรกรรมกูจริงๆ
“ พี่เปรม....ผมขับรถให้ดีกว่า “
“ สนขับเป็นหรอ....” เปรมพูดออกมาเบาๆ ค่อยยังชั่วหน่อย ผมนึกว่าพี่เปรมเป็นใบ้ไปแล้ว
“ ผมขับให้ขวัญตลอดแหละพี่ “
พี่เปรมเดินขึ้นรถนั่งหน้าอย่างเชื่อฟัง ส่วนไอต้นพอได้ยิน ชื่อ “ขวัญ” ก็ทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจ
“ มึงเป็นเหี้ยไร “
“ เปล่าหนิ “ ไอต้นตอบกวนตีนเหมือนเดิม
“ ต่อยกูก็ได้นะ ถ้าไม่พอใจ “ ผมเลยตอบกวนตีนไปบ้าง ไม่เจียมตัวเลยกู =0=
“ เลิกพูดเรื่องนี้ซักที ได้ป่าวว่ะ “ ไอต้นเริ่มหงุดหงิด สงสัยผมไปจี้ใจดำไอเหี้ยนี้ถูกจุด มันไม่ชอบให้ใครมารื้อฟื้นเรื่องที่มันเคย
ต่อยผม เพราะผมแย่งขวัญไปจากมัน แต่พอทีผมเลิกกับขวัญ ทำไมมึงไม่ไปจีบขวัญตอนนั้นว่ะ เอะอะอะไรมาลงที่กูคนเดียว
“ เออ... ช่างเหอะ ขึ้นมาๆ “ โตเป็นควายแล้ว เสือกขับรถไม่เป็นอีก ไอเชี่ยต้นเอ้ย มึงกากว่ะ
ระหว่างขากลับ ผมขับรถไปซักพัก เสียงพี่เปรมดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ
“ สน คือ พี่....เสียใจด้วยนะ.... พวกพี่จะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร.. พี่เองก็อยากจะลืมเหมือนกัน “
พี่เปรมพูดเศร้าๆ
พี่โจ้ และ พี่เปรม มองหน้าผมหยั่งเชิงว่า
มึงไม่รู้สึกเจ็บปวดกับเรื่องนี้หรือไงว่ะสน“ พวกพี่เสียใจเยอะเกินไปแล้ว ร่าเริงหน่อยสิ “
พี่โจ้พูดแทรก “ ทั้งชีวิตนี้ พี่คงร่าเริงต่อไปไม่ไหวแล้ว “ ไอสาดพูดอย่างงี้ก็เว่อร์ไป
พี่โจ้พูดต่อ สีหน้าดูจริงจังมาก “ สนอยู่ความเจ็บปวดแบบนี้ได้ยังไง พวกพี่ช่วยอะไรบ้างได้มั๊ย “
“ ผมยังมีเพื่อนดีอยู่ครับพี่ ทั้งต๋อง และ ก็พี่ปลายข้าว ....อ่อ หมายถึงพี่ชายไอต้น ...อ่าครับ “
จริงๆแล้ว ไอต้นก็เป็นอีกคนที่ช่วยเหลือผมมาเยอะ แต่ขอไม่พูดถึงล่ะกันนะ
“ สน รู้จักกับพี่ไอต้นด้วยหรอ “
“ ครับ พี่โจ้ .... พี่ปลายข้าวเป็นจิตแพทย์ดูแลรักษาผม ตอนนี้ผมรู้สึกแทบจะเป็นปกติแล้วครับ ... ถ้าผมไม่ได้หมอเก่งๆ
อย่างพี่ปลายข้าว ทุกวันนี้ผมคงจะเสียสติไปแล้ว.... พวกพี่ไปหาพี่ปลายข้าวบ้างก็ดีนะ ตอนนี้พวกพี่ดูเครียดมากอ่ะ “
พี่เปรมมองหน้าผม รอยยิ้มจางๆปรากฎอยู่หางตา พี่เปรมจับมือผมเบาๆ
“ สนไม่แก้แค้นอะไรเลยหรอ “ พี่เปรมถามผมเบาๆ เสียงนี้มีแต่ผมที่ได้ยิน
“ ไม่หรอกพี่ หลังจากวันนั้น ผมรักษาตัวไปเกือบเดือน พอกลับมาสภาพโรงเรียนก็เปลี่ยนไปคนละแบบ คนพวกนั้นถูกไล่ออก
จากโรงเรียนไปแล้ว รวมถึงอาจารย์บางคนก็ขอลาออก วันที่ผมกลับเข้ามา ผมเห็นครรชิต.... อ่า ครรชิตเป็น... “
“ พี่รู้แล้ว.......“ ต้นมึงเล่าละเอียดใช้ได้เลยนะมึง มิน่าล่ะพี่โจ้ พี่เปรมถึงดูเครียดแบบนี้
“ ครรชิตถูกไล่ออกทันที เรื่องของผมรู้แค่ในหมู่อาจารย์ที่ผมไว้ใจ โดยเฉพาะครูประจำชั้นของผม
ท่านเอาเรื่องอาจารย์ฝ่ายปกครองบีบให้ลาออกไป “
“ อาจารย์ทราบได้ไงอ่ะ “
“ ผมคิดว่า ครรชิตละอายใจกับสิ่งที่มันทำมั้ง เลยสารภาพผิดทั้งหมด “
พี่โจ้ส่ายหน้าเหมือนไม่เชื่อ “ จริงหรอ สน “
“ ไม่รู้สิพี่ ครูประจำชั้นบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องคลิปหลุด เพราะอาจารย์ได้จัดการเรื่องนี้กับคนที่เกี่ยวข้องหมดแล้วครับ
รวมไปถึงทำลายคลิปนั้นไปแล้ว ตอนนั้นผมรู้สึกโล่งใจมากครับ “
“ แล้วสน แจ้งความไว้ป่าว “
“ อาจารย์เป็นคนประสานงานแจ้งความให้ผมครับพี่ พี่ปลายข้าวโทรมาขอร้องอาจารย์ ไม่ให้เผยเรื่องนี้ให้ใครรู้ แม้แต่ป๊าม๊าผม
ผมไม่อยากให้พวกท่านเสียใจ ถึงผมจะได้เงินมา... แต่มันไม่คุ้มเลย.... ไม่คุ้มเลยจริงๆ “
“ ไอสนพอเถอะ... คุยแต่เรื่องนี้ กูเครียดว่ะ “
ไอต้นตัดบทจบ มันคงเบื่อที่ต้องมาฟังกับเรื่องราวที่มันรู้อยู่แก่ใจ
เวลาผมพูดเรื่องนี้ ผมต้องร้องไห้ออกมาเสมอ แต่วันนี้ผมทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้แล้ว นับว่าโชคดีที่ความรู้สึกเจ็บปวดค่อยๆ
จางหายไปตามกาลเวลา เพราะถ้าผมปล่อยโฮออกมา เชื่อว่า พี่เปรมกับพี่โจ้คงจะรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้ หลังจากหยุดคุยเรื่องนี้ซัก
พัก พี่โจ้และพี่เปรมคงเหนื่อยมาก ทั้งสองหมดแรงฟุบร่างคาเบาะนั่ง ผมไม่แปลกใจเลย เพราะไม่มีใครที่ฟังเรื่องแบบนี้แล้วนอน
หลับเต็มอื่มได้หรอก
คบกันมานาน ผมเองก็เพิ่งสังเกตพี่เปรมตอนนอน .. หน้าตาคนหล่อหมดแรงเป็นแบบนี้หรอเนี่ย...หลับแบบนี้...
อยากลักหลับพี่จัง ...เสียดายไอต้นแม่งนั่งหัวโด่อยู่ด้านหลัง
ต้นเกาะกระจกข้างมองออกนอกหน้าต่าง ชมทิวทัศน์ภูเขาขนาบทั้งซ้ายขวา
ไอต้นเบี่ยงหน้ามาคุยกับผม “ เปิดเพลงหน่อย... “
“กูขับรถอยู่ มึงมีมือก็มาเปิดเองดิ “
ผมขี้เกียจเถียงมัน เลยตัดบทไป
“ เออๆ เปิดให้ก็ได้ว่ะ..กูก็อยากฟังเพลงเหมือนกัน “
ผมเปิดวิทยุหมุนหาคลื่นเพลง ให้เสียงเพลงกล่อมบรรยากาศให้ดีขึ้นกว่านี้หน่อย อยู่แบบนี้ผมก็เกร็งเหมือนกัน
เวลาขับรถ ผมชอบเปิดเพลงฟังเสมอ
เพลง
ถามจันทร์ ของศิลปิน
25hours ดังขึ้นมาเป็นเพลงแรก ผมเร่งเสียงทันที เพราะว่าผมชอบเพลงนี้มาก
มีแค่ฟ้ากับดาว เคยเหงาบ้างไหม
ฉันเองก็เคยเหงาไม่มีใคร
แต่วันนี้มีที่รัก อยู่เคียงหัวใจ
อยู่บนนั้น มีแค่ดาวกับฟ้า
อยู่ตรงนี้ อาจจะดีมากกว่า
ได้ใกล้เธอ ยามผู้คนนิทรา
ค่อยโอเคขึ้นมาบ้าง เพลงนี้ช่วยพัดพาความเจ็บปวดของผมออกไป แต่มีอยู่คนที่อยากฟังเพลงกลับทำตัวผิดปกติ
ไอต้นใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้คลึงขมับไปมา ก่อนมีเสียงถอนหายใจยาวๆของไอต้นดังออกมาเป็นระยะๆ
อยู่บนนั้น มีแค่ดาวกับฟ้า
อยู่ตรงนี้ อาจจะดีมากกว่า
ได้ใกล้เธอ ได้อยู่ตรงนี้ เพียงแค่ฉันและเธอ
ท่อนสุดท้ายของเพลง แทนที่จะเป็นเสียงกีตาร์ กลับกลายเป็นเสียงสะอื้นแผ่วเบา
ไอต้นมึงเป็นเหี้ยอะไรว่ะ.
.
.
.
.
To Be Continue