18
จะว่ายังไงดี แผนได้ผลดีไปมั้ง? ตอนนี้ถึงได้มาอยู่ในห้องน้ำหลังตึกกับผู้ชายอีกสองคนยืนดักทางออกอยู่ หน้าตาก็ไม่ได้ดูเหมือนคนดีเท่าไหร่ ชุดนักศึกษาก็ยับยู่ยี่ไม่เป็นระเบียบ ผมแค่อยากออกมาหาที่สูบบุหรี่เอง แต่กลับรู้สึกเหมือนหาเรื่องใส่ตัวอีกละ เอ..จะว่าไปสองคนนี้นี้ก็หน้าตาคุ้นๆ คณะเดียวกันละมั้ง
“หลีกหน่อย” ผมเป็นฝ่ายทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นหลังจากไม่มีใครพูดอะไรมาเกือบนาที ตาสองคู่นั่นยังจ้องผมอย่างไม่มีมารยาทตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่รู้ว่าจะยืนกันท่าแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่แถม กลิ่นห้องน้ำนี่มันก็ไม่ได้ชวนพิสมัยเลย
“ขายเท่าไหร่” คนด้านขวามือผมพูดขึ้น ผมขมวดคิ้วก่อนจะถอนหายใจ อ้อ เรื่องเมื่อวานนี้สินะ ไอ้แผนเด็กเสี่ยของผมน่ะ ดูถ้าจะมีคนเข้าใจว่าเป็นเด็กขายสะงั้น
ก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่
“ว่ายังไง” คนเดิมถามซ้ำอีกรอบ เริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ
“หลีก” ผมยังยืนยันคำเดิม คนด้านซ้ายทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาผมแต่โดนอีกคนจับไหล่เอาไว้ก่อน ผมเลิกคิ้ว เปลี่ยนจากล้วงกระเป๋ามาเป็นกอดอก
“กูถามว่าขายเท่าไหร่ อย่ามาเล่นตัว”
“ไม่ขาย” ตอบแล้วก็เดินไปข้างหน้าก้าวนึงหวังว่าพวกนั้นจะถอยหลีกทางให้ผมออกไปสะที แต่เปล่าคนด้านซ้ายที่ดูจะเป็นคนอารมณ์ร้อนกว่าก็คว้าแขนผมไว้ จากที่ไม่อะไรตอนนี้ก็เลยเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง
“ปล่อยกู” ผมกระชากแขนตัวเองกลับ อีกคนดูจะงงที่ผมหลุดออกจากมือนั่นได้เลยก้าวขามาบังทางไว้มิดกว่าเดิมไม่ให้ผมเดินออก
คนพวกนี้นี่ยังไง ผมไม่เข้าใจ ทำไมคุยไม่รู้เรื่อง
“กูให้หมื่นนึง อย่ามาเล่นตัวโก่งราคา” ผมแทบจะหลุดหัวเราะ มองภาพตรงหน้าเหมือนแค่ทั้งสองคนเป็นเพียงเด็กเอาแต่ใจ แบบบทอยากได้อะไรก็แค่ใช้เงินฟาด แต่เหมือนทั้งคู่ที่เห็นผมหลุดยิ้มจะไม่ขำด้วยผมเลยโดนผลักจนหลังกระแทกเข้ากับผนัง
อา..ชักจะเกินไปแล้วนะ
มือหนึ่งกระชากเข้าที่คอเสื้อผมจนกระดุมสองเม็ดบนที่ติดอยู่กระเด็นหลุด ผมยังมองสองคนนั้นนิ่งๆ แต่อีกฝ่ายชักจะเริ่มไม่ปกติ
“มึงนี่ขาวดีนะ หุ่นก็กำลังดี โคตรน่า...” พูดแล้วก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากที่ชวนให้ผมขนลุก บอกตรงๆว่าพวกนักเลงไร้สาระแบบนี้ผมไม่สนใจหรอกครับ แต่ที่นิ่งเนี่ยเพราะอยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อ
“แต่เสียดาย มีตำหนิว่ะมึง อย่างนี้ราคาตกนะครับ” เพื่อนของในเสริมขึ้นมาหลังจากเห็นรอยช้ำเป็นจ้ำตามลำคอของผมที่ซีนอนทำไว้เมื่อวาน ผมปัดมือที่กำลังจับคอผมออก ตบมึงนั่นอย่างแรงจนเสียงดังเพี้ยะ
“อย่าแตะกู” ถึงฝ่ายนั้นจะทำหน้าน่ากลัวมายังไงผมก็ยังตอบกลับไปด้วยเสียงเย็นๆ แต่อยู่ๆมือของผมโดนคว้าไปทั้งสองข้าง และโดนบีบจนมือซีดขาว
“หรือมึงชอบให้พวกกูใช้กำลัง ห้ะ!! เล่นตัวอยู่ได้”
“มึงก็เริ่มไปเลยดิ มันทำท่าไปงั้นแหละ ในใจก็คงอยากได้เงินจนสั่นละ” คำพูดเหยียดที่ออกมาจากปากหมาๆนั้นทำเอาผมอยากจะเบ้หน้า.. นี่ถ้าคนในห้องน้ำตอนนี้ไม่ใช่ผม ก็ต้องมีคนตกเป็นเหยื่อพวกเดนนรกพวกนี้เพิ่มมาอีกคนสินะ
“งั้นสองคนพร้อมกันเลยนะ ระดับมึง..น่าจะเชี่ยวอยู่แล้วปะ” อีกคนพูดเสริม ผมถอนหายใจ ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้ นี่มันฤดูติดสัดหรอวะทำไมถึงมองผมเป็นตัวระบายความใคร่กันไปหมด
“กูจะพูดครั้งสุดท้ายแล้วนะ..ปล่อย กู” ถึงจะพูดอย่างนั้นไปแต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล สองคนนี้ยังคงหน้ามืดตามัว แถมยังเอาอีกมือมาดันไหล่ผมให้ติดกำแพงเพิ่มขึ้นไปอีก แล้วหน้าโรคจิตนั่นก็ยิ่งขยับเข้ามาใกล้ เสื้อผ้าหน้าผมก็เริ่มไม่เรียบร้อยขึ้นไปทุกที ตอนแรกที่กะจะให้มีคนเข้ามาขัดจังหวะแล้วค่อยชิ่งคงยากแล้วมั้ง ไม่มีหมาตัวไหนเดินโผล่มาสักตัว
ผมที่ตอนนี้ทั้งเริ่มหงุดหงิดทั้งรำคาญเลยเปิดด้วยการเอาหัวโหม่งคนที่กำลังขยับเข้ามาทำท่าจะซุกคอผมอย่างแรง จนทำให้มันผงะกุมหัว ถึงจะทำให้ตัวเองมึนอยู่นิดหน่อยแต่แลกมาด้วยการที่มันตกใจจนมือผมที่เป็นอิสระก็ถือว่าคุ้ม
เมื่อมือเป็นอิสระส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก สองคนนี้เป็นแค่นักเลงโตทั่วไปไม่ได้เก่งอะไรมากมาย ไม่เหมือนกับพวกมาเฟียใหญ่โตที่หลังๆผมเจอแทบทุกวัน ไม่ถึงสิบนาทีพวกนี้ก็กลายเป็นกระสอบทรายนุ่มๆให้ผมซ้อมเล่น
เพราะสายตาที่พวกมันมองทำให้ผมสะอิดสะเอียนยิ่งพอมือพวกนั้นมาโดนตัวทำให้ผมแทบอยากจะอ้วก มือที่แค่คิดว่าจะต้องต่อยไปโดนหน้าคนแบบนี้ยังทำให้ผมขยะแขยง รอยแผลบนตัวพวกนั้นส่วนมากเลยเกิดจาก เท้าผม ล้วนๆ ลำพังแค่อารมณ์ผมตอนนี้อัดให้ปางตายไปเลยยังทำได้ ไม่ต้องพึ่งซีนอน
สันดานแบบพวกแม่งนี่...
คิดแล้วก็หงุดหงิด
“ถ้าคิดว่ากูจะอยู่เฉยๆให้เอา พวกมึงก็ยิ่งกว่าโง่”
ผมคว้าไอ้หัวเกรียนตัวแรกขึ้นมาบีบคอกดเข้าไปที่ผนังห้องน้ำ มันทำท่าหายใจไม่ออกจนหน้าดำสลับเขียว ส่วนเท้าข้างหนึ่งผมก็บรรจงเหยียบลงบนหน้าของอีกคนจนได้ยินเสียงโอดโอย
“สันดานอย่างพวกมึง..” ผมพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมากนัก แววตาหวาดกลัวในตาของพวกมันทำให้ผมพอใจ
“อ้ากกกกกกกก!!!!”
“อย่ามีให้ใช้ไปเลยดีกว่า”
คงเดากันไม่ยากหรอกมั้งว่าผมทำอะไร สองคนนั้นถึงลงไปนอนคุดคู้แบบนั้น ผมปรายตามองทั้งคู่อย่างสมเพช ก่อนจะเดินไปล้างมือที่ก๊อกน้ำแล้วจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย แต่กระดุมที่หลุดไปแล้วก็คงทำอะไรไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีแล้วผมก็เดินออกมาโดยไม่ได้หันกลับไปมองอีก
น่าจะเป็นเพราะว่ายังเป็นเวลาเรียนเลยไม่มีคนเดินพลุพล่านเท่าไหร่ ที่ไม่มีคนเข้าไปขัดจังหวะในห้องน้ำนั่นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ผมหมดอารมณ์ที่จะกลับเข้าไปเรียนบวกกับอีกแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะหมดคลาส เลยนั่งรอพวกไอ้นายอยู่หน้าตึกแทน อย่างที่บอกว่าไม่มีอารมณ์อยากจะเรียนแล้วมือเลยกดโทรออกให้เจย์มารับ คงจะทันลาพวกไอ้นายพอดีกว่าเจย์จะมาถึง
ระหว่างรอมีหลายคนที่แอบมองผมเป็นระยะและแน่นอนรวมถึงแอบถ่ายรูป แต่ผมก็ไม่ได้สนใจหรอก ตายังมองรอบตัวไปเรื่อยๆ อีกอาทิตย์เดียวก็จะไฟนอลแล้วก็ปิดเทอมเสียที พรุ่งนี้จะมีการเรียนการสอนครั้งสุดท้ายก่อนให้หยุดอ่านหนังสือ ผมมีสอบแค่ 4 ตัว ไม่ยากมากเพราะผมเริ่มอ่านมาตั้งแต่เนิ่นๆคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร ต่างกับพวกเพื่อนที่ตอนนี้แทบจะโต้รุ่งกันอ่าน วิชาอื่นก็ทำโปรเจคส่งไปก่อนหน้านี้แล้ว
ปิดเทอมก็ดี อย่างน้อยผมจะได้เบาใจเรื่องความปลอดภัยของเพื่อนๆ
แน่นอนว่าถ้าผมเป็นไอเดนจะไม่มีทางเข้าหาผมทางเพื่อนแน่นอน เพราะนอกจากมันจะยุ่งยากแล้วยังไม่คุ้มที่จะไปเสียเวลา ทั้งคนที่ผมวานซีนอนให้ช่วยดูพวกมันอยู่ลับๆ ทั้งทางบ้านพวกมันกันเอง เพราะแต่ละคนมีครอบครัวที่ไว้ใจได้และปลอดภัยระดับหนึ่ง ผมที่พอจะรู้อยู่แล้วก็ยิ่งวางใจมากขึ้นตอนที่ซีนอนมายืนยันให้ฟังว่า ผมไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
พอถึงเวลาเที่ยงคนก็เริ่มทยอยกันลงมาแล้ว... ไม่นานนักผมก็เห็นพวกนั้นกำลังเดินมาทางนี้
“หมอก!! เข้าห้องน้ำทีหายไปเลยนะ!! ดีนะที่อาจารย์เช็คชื่อแค่ต้นคาบ” เสียงบ่นของนายดังมาแต่ไกลก่อนที่ตัวจะมาถึงโต๊ะ
“เฮ้ย เดี๋ยว ไปทำไรมาวะทำไมมันดูมอมแมม” แทนร้องทักขึ้นมาเมื่อเห็นเสื้อผมนอกจากกระดุมจะหลุดแล้ว เสื้อมันก็ยังยับขึ้นด้วย ผมยักไหล่ เป็นซันที่ขมวดคิ้ว
“คอ??” พอได้ยินซันพูดแบบนี้ทุกคนเลยมองสังเกตกันใหญ่จนกลายเป็นไอ้ฟีฟ่าที่ร้องออกมาเสียงดัง
“อ๋าาาาา นี่หรือเมื่อกี้มึงไป....” ชี้หน้าผมพร้อมเอามือปิดปากแถมยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ จนผมอดไม่ไหวเพ่นกบาลมันไปทีนึง
“ตลกละ นี่ตั้งแต่เมื่อวาน” ทั้งหมดทำตาโต ก่อนจะหันไปซุบซิบกันเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ ผมได้แต่นั่งเท้าคางดูว่าพวกมันจะทำอะไรต่อ
“ที่มึงบ่ายเบี่ยงไม่ตอบเรื่องคนที่มารับมึงเมื่อวานเพราะแบบนี้ใช่มะ” ผมเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้มให้พวกมันสงสัยเล่น ไอ้นายกับฟีฟ่าทำท่าจะทึ้งหัวตัวเองโดยมีซันที่กำลังพยายามห้ามอยู่ ส่วนแทนคุณตอนนี้ทำแค่ยิ้มแหยๆให้ผมอยู่เงียบๆ
“เพื่อนกูกลับมาเหมือนเดิมไม่ทันไรก็กลายเป็นเมียชาวบ้านไปแล้วหรออออ” นายยังร้องครวญครางทำท่าเมือนรับไม่ได้ แต่ผมรู้ว่าตามจริงมันก็แค่ทำให้โอเว่อร์ไปเท่านั้นแหละ แค่อยากได้ยินคำตอบจากปากของผมมากกว่า
“หึหึ คิดเอาเอง บ่ายไม่เรียนนะ กลับละ” ผมเอื้อมมือไปยีหัวยุ่งๆนั่นให้ยุ่งเข้าไปอีกก่อนจะผลักหัวมันทิ้งแล้วเดินหนีออกมาขึ้นรถที่มีเจย์ยืนรอเปิดประตูอยู่ให้ ได้ยินเสียงแว่วๆเหมือนจะมีคนด่าตามหลังมาอีกว่าไม่ห่วงแนวข้อสอบที่อาจารย์จะบอกรึไง
“อ่า เจย์พอดีผมทำเรื่องวุ่นวายที่ห้องน้ำตรงนั้นนิดหน่อย ไม่รู้ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ฝากจัดการด้วยสิ” ผมพูดพลางชี้ไปทางห้องน้ำต้นเหตุ เจย์ทำหน้างงในตอนแรกก่อนที่จะพยักหน้าอย่างเข้าใจ และสั่งการให้ลูกน้องอีกสองคนที่อยู่ด้านหลังไปดูทันที ผมยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ
ไม่นานผมก็กลับมาถึงบ้านที่ยังเงียบเหมือนเคย เวลาที่ไม่มีเรื่องอะไร ซึ่งมันก็ดีแล้วมั้ง ผมเดินตรงขึ้นไปชั้นบน เจย์บอกว่าซีนอนเข้าออฟฟิสบ่ายๆคงจะกลับ ผมเลยได้ถือโอกาสทำอะไรอย่างสบายใจไม่มีคนกวนสักที เริ่มด้วยแช่น้ำกำจัดเสนียดไอ้สองคนนั้นจนพอใจ แล้วออกมานอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
อ้อแล้วอีกอย่าง ไอเดนยังส่งข้อความมาหาผมไม่หยุด แต่เป็นข้อความแนวกวนประสาทธรรมดาๆอย่าง ปั่นให้ผมกับซีนอนทะเลาะกัน เล่าเรื่องตัวเองบ้าง กวนตีนผมบ้าง รวมข้อความตั้งแต่เช้าก็ร่วม 10 ข้อความจนผมเลิกใส่ใจไปแล้ว
ผมหมกตัวอยู่ในห้องนอนนานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ รู้แค่อ่านหนังสือไปได้หลายบทอยู่ และคนเดียวที่กล้าเข้ามากวนผมเวลาแบบนี้ก็มีอยู่คนเดียว
“ทำอะไร นั่งมองอยู่ได้” ผมพูดพลางดันหัวอีกคนให้ออกห่างอย่างหมั่นไส้ ไอ้ฝรั่งไม่ได้ตอบแต่หัวเราะหึๆ เริ่มปลดไทด์ถอดสูทตัวเองโยนลงตะกร้า เดินกลับมายีหัวผมทีนึงก่อนจะเดินฉิวเข้าไปในห้องน้ำแบบไม่ทันรอให้ผมด่า
นับวันนี่มันยิ่ง...
ผมปิดหนังสือแล้ววางมันไว้บนหัวนอนหลังจากอ่านจบ ไม่นานคนที่หายไปอาบน้ำตอนแรกก็ออกมาโดยที่แต่งตัวแปลกตาหมดลุคมาเฟียใหญ่ ปกติถึงอยู่บ้านซีนอนก็จะแต่งตัวค่อนข้างเป็นทางการอาจะมีเสื้อโปโลบ้าง sweatpantsบ้าง แต่ไม่ถึงขนาดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นธรรมดาแบบนี้
“วันนี้ขี้เกียจแต่หล่อแล้ว จะอยู่แต่ในห้องกับหมอก” เหมือนจะเข้าใจว่าที่ผมเลิกคิ้วมองหมายความว่ายังไงเจ้าตัวเลยตอบกลับมาแบบนี้ ผมยิ้ม ตลกกับความคิดของซีนอน
“แต่กูกำลังคิดว่าจะออกไปยิม” ได้ยินผมพูดอย่างนั้นคนตัวโตก็รีบพุ่งมากอดเอาหน้าซุกที่พุงผมจนจั้กจี้
“โหไรอะ อุตส่าห์รีบไปอาบน้ำ ไม่กล้ามาเล่นด้วยเพราะกลัวหมอกจะเหม็น แล้วนี่อะไร พี่จะโดนทิ้งอีกละ อุตส่าห์รีบเคลียงานน” เสียงบ่นงุ้งงิ้งที่ดูปัญญาอ่อนนั่นชวนให้ผมหลุดหัวเราะออกมา ตาสีน้ำตาลนั่นจ้องผมใสแจ๋ว แขนยังไม่ปล่อยไปจากเอวผม
“วันนี้ได้ข่าวมาว่าออกแรงไปเยอะแล้วไม่ใช่ไง พักๆ ไม่ต้องไปยิมหรอก อยู่ด้วยกัน” พูดจบเจ้าตัวยังเอาหน้ามาซุกท้องจนผมต้องดันหัวนั่นออก
“วันนี้เป็นไร ทำไมปัญญาอ่อน” จับหัวอีกคนโยกไปมาด้วยความหมั่นไส้แต่อีกฝ่ายกละบยังยิ้มกว้างเหมือนชอบใจที่ผมเล่นกลับแบบนี้ ตามจริงถึงซีนอนจะไม่ได้พูดอะไรแต่ผมก็แอบเห็นสีหน้าเหนื่อยๆของเขาอยู่บ่อยๆ อย่างเวลาที่เขาคิดว่าผมมองไม่เห็นก็จะชอบทำหน้าเครียดๆ หรือไม่ก็ขมวดคิ้วทำนู่นนี่อยู่คนเดียว บางครั้งถึงขั้นนั่นงถอนหายใจด้วยซ้ำไป
“ก็คิดถึงอะ อยากอ้อนเมีย” คำตอบที่พาลให้ผมอยากจะผลักหัวอีกคนออกไปไกลแต่ก็ทำได้แค่ดีดหน้าผากไปทีนึง
“เดี๋ยวมึง เมียพ่อมึงสิ” คนตัวใหญ่นั่งลูบหัวตัวเองป้อยๆ เริ่มเบะปากอย่างที่ตัวเองคิดว่าน่ารักแต่ผมคิดว่ามันน่าขำ
“เมียโหดๆแบบนี้ซีนอนชอบ” พูดจบเอวผมก็โดนคว้าหมับเข้าไปกอดอีกรอบ สายตาซีนอนเปลี่ยนเป็นอ่อนลงก่อนที่จะซบไหล่ผมนิ่ง
“วันนี้ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วเนอะ..”
จริงๆแล้วคือตอนนี้ ซีนอนภูมิใจมากที่หมอกจัดการเหตุการ์ณที่ม.ได้ด้วยตัวคนเดียว โดยไม่มีอะไรที่ทำให้เขาต้องเป็นห่วง เนื้อตัวก็ไม่มีเลยสักแผล ตอนได้ยินเรื่องจากเจย์ครั้งแรกเขาแทบอยากพุ่งกลับมาบ้านทั้งๆที่ยังอยู่ในการประชุม แต่พอได้ฟังเรื่องราวกับคำยืนยันว่าหมอกไม่มีรอยขีดข่วนอะไรแถมสบายดีก็ทำให้เขาเบาใจ ทำให้ตอนนี้ซีนอนเชื่อว่าหมอกดูแลตัวเองได้ แล้วยังทำให้เขาคิดว่าหมอกไม่เหมือนกับคู่เดทคนอื่นๆที่ผ่านมา ที่เอาแต่สักจะใช้อำนาจบารมีของเขาทำกร่างไปทั่ว หรือไม่ก็มาขอให้ช่วยทำนู่นนี่ให้
นึกแล้วซีนอนก็ได้แต่ดีใจว่าตัวเองเลือกคนไม่ผิด ความเหนื่อยหลายๆอย่างคล้ายจะคลายลงไปตามความคิด แต่นึกๆไปแล้วก็แอบกลัวความซาดิสม์จากเหตุการณ์และสภาพที่ลูกน้องของตัวเองไปเจอสองตัวการณ์นั่นเข้า คิดแล้วก็เสียววาบจนเผลอเลื่อนมือไปบังเป้าตัวเอง
“เล่าเหตุผลให้ฟังหน่อย” ถึงแม้ว่าจะเดาไม่ยากแต่คนตัวใหญ่ก็อดที่จะถามไม่ได้ ผมเลิกคิ้ว ผมยังไม่ได้เล่าเหตุผลให้ใครฟังเพราะ มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าป่าวประกาศสักเท่าไหร่
พยายามที่จะเดาอารมณ์ของอีกคน แต่พอเห็นว่าแววตานั่นไม่ได้มีความต้องการจะจับผิดแถมยังทำท่าเหมือนพอเดาเรื่องออกได้แล้วอีกต่างหาก อีกอย่างคือยังยิ้มแบบนั้น...ผมละหมั่นไส้
“อ่า..ก็ เขานึกว่ากูเป็นเด็กขาย เลยมาบังคับกู แถมยังจับตรงนี้....ตรงนี้...ตรงนี้..แล้วก็ตรงนี้ด้วย” ผมพูดหยอกซีนอน แล้วจิ้มไปตาม มือ แขน คอ แล้วก็อกของตัวเอง ยิ้มที่ผมหมั่นไส้นั่นเลือนหายใบจากใบหน้าแทนที่ด้วยหน้าเครียดๆกับคำพูดใส่อารมณ์
“แบบนี้สั่งเก็บไปเลยดีกว่า ไม่ต้องพาไปรักษาแล้ว” ผมขำ มองคนตัวโตที่กำลังกระฟัดกระเฟียดแล้วเอื้อมมือไปกุมมือนั้นไว้หลวมๆ
“สภาพหนักขนาดนั้นยังไม่พอใจอีกรึไง” ไอ้ฝรั่งเก็บคำพูดของผมไปคิด ทำหน้าสยอง ก่อนสีหน้าตึงๆนั่นจะคลายลง ผมเลยได้โอกาสพูดเสริมเข้าไปอีก
“เก็บไว้อย่างนี้แหละดีแล้ว..ไว้เป็นกรณีศึกษาไง วันหลังจะได้ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเด็กเสี่ยคนนี้อีก..หึหึ” พูดจบผมก็โดนซีนอนยีหัวอีกรอบ ปากนั่นก็เอาแต่พึมพำว่า ร้ายๆ อะไรก็ไม่รู้ ผมได้แต่ยิ้มคิดในใจว่าทำไมวันนี้ไอ้ฝรั่งมันถึงได้น่ารักนัก
หืม..น่ารักหรอ ?
เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้วผม
“นี่ ซีนอน..” พอเห็นว่ายังไม่หยุดเล่นหัวผมสักทีก็ได้แต่ส่งเสียงปราม แต่ระดับไอ้ฝรั่งนี่มีหรือจะหยุดกลับเปลี่ยนเป็นมาหอมผมของผมเหมือนคนโรคจิต ผมเลยได้แต่จิ้จ้ะแล้วดันไอ้ยักษ์นี่ไปให้พ้นตัว
ครืดดดด ครืดดดด.....
เสียงโทรศัพท์ที่ผมเปิดสั่นไว้ ดังอย่างต่อเนื่องประมาณสองสามครั้ง ก่อนที่ผมจะทนไม่ไหวจนต้องหยิบขึ้นมาดู แล้วข้อความที่เข้าก็ไม่ใช่ใครอื่นหรอกครับ ไอ้ตัวโรคจิตคนเดิม
‘Unknown
You’re so cruel today babyyy. <3
So damn hot!!! Just like that day!
Xx.xx.xxx remember?’
เพียงแต่ข้อความที่เข้าใหม่นี้
พอกดอ่าน ทั่วทั้งร่างก็รู้สึกเหมือนโดนฟ้าฝ่า
มือเย็นเฉียบและสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ..วันที่ผมไม่มีทางลืม
ติ้ง
เสียงข้อความใหม่เข้าอีกรอบ
.
.
‘Unknown
Muderer~ :’)’
________________________________________
ตอนนี้เราว่ายาวววว เอ้ะ หรือไม่ยาวหว่า?
ขอโทษที่หายไปนานค่างานเยอะว้าวุ่นมากๆ
แต่รับรองว่าไม่ทิ้งเรื่องนี้แน่นอน
แวะไปถามไถ่ทวงนิยายกันได้ในทวีตแท็ก #บอกหน่อยครับหมอกซีนอน
สารภาพว่าท้อเป็นช่วงๆเพราะเหมือนไม่ค่อยมีคนอ่าน555555555
แวะไปทักทายกันได้เน้อจุ้บๆ