[เรื่องสั้น] 5 นาฬิกา (ตอนเดียวจบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] 5 นาฬิกา (ตอนเดียวจบ)  (อ่าน 3585 ครั้ง)

ออฟไลน์ LOFT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






Title : 5 O'Clock
by LOFT
ขออภัยที่ไม่ได้ใส่ข้อตกลงไว้ก่อนหน้าด้วยนะคะ (_ _) คิดว่าใส่ไปแล้วแต่น่าจะไปเผลอพลาดอะไรสักอย่างแล้วไม่ได้ตรวจทานให้ดี
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-03-2017 17:54:38 โดย LOFT »

ออฟไลน์ LOFT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: 5 นาฬิกา (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #1 เมื่อ15-03-2017 15:41:13 »

NOTE : เป็นเรื่องดัดแปลงมาจากฟิกของตัวเองอีกที ถ้ามีตรงไหนขัดๆหรือแทนที่ชื่อไม่หมดก็ขอให้โทษ MS Word...



...




ยังคงเป็นอีกหนึ่งคืนที่ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยสีดำมืดสนิท สายฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อย บรรยากาศที่โอบล้อมเย็นชื้นแลดูไร้ชีวิตชีวา

เสียงนาฬิกาที่ติดบนฝาผนังยังคงส่งเสียงรบกวนเข้ามาในโสตประสาท เวลาของมันยังคงล่วงเลยไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึก ตอนนี้เข็มสั้นกำลังชี้ไปที่เลขห้า

กฤตภาส นอนขดตัวตะแคงข้างใต้ผ้าห่มผืนหนา ประสาทสัมผัสทั้งห้ายังคงทำงานแบบปกติ รวมทั้งความคิดที่เกิดจากการปรุงแต่งยังคงหลั่งไหลเข้ามาในหัวโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

จนกระทั่งบานประตูที่ปิดเงียบมาตลอดถูกเปิดเข้ามา

แอ๊ด...

เสียงนั้นบางเบา หากแต่คนที่ยังไม่ได้นอนกลับได้ยินมันชัดเจน

รู้สึกถึงฟูกนอนที่ยวบตัวลงด้านข้าง ได้ยินเสียงพลิกกายที่คงจะหันไปอีกทาง

บรรยากาศเงียบเชียบคืบคลานเข้ามาอีกครา ความรู้สึกหนาวกายยังไม่เท่ากับหนาวใจในตอนนี้

เรายังคงเป็นเหมือนเมื่อวาน เหมือนอาทิตย์ที่แล้ว เหมือนเดือนที่แล้ว

...ในความเป็นเราที่ไม่ใช่เรา...

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเจ็ดนาฬิกา แขนเรียวเอื้อมไปปิดเสียงดังกล่าวก่อนจะพลิกกายหันมาอีกด้าน งัวเงียได้ไม่นานดวงตาที่ลืมไม่ถึงครึ่งก็เผชิญเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ

ลมหายใจของอีกฝ่ายเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

จุมพิตร้อนแนบประทับลงบนหน้าผากเรียบเนียน จ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มร่วมห้องอีกสักพักก่อนจะตวัดผ้าห่มแล้วลุกออกจากเตียง ต่อให้อยากอยู่แบบนี้นานแค่ไหนแต่เวลาในช่วงเช้าดันมีอย่างจำกัด  ได้เวลาที่เขาต้องออกไปทำงาน



ยังคงเป็นอีกวัน วันที่เหมือนกับเมื่อวาน วันที่เหมือนกับปีที่ผ่านมา

กฤตภาสในวัยสามสิบห้ากับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบัญชีที่เงินเดือนสูงลิ่วกำลังทำงานอยู่หลังโต๊ะภายในห้องทำงานประจำตำแหน่ง

แอร์คอนดิชั่นถูกเปิดให้เย็นเฉียบ กาแฟในแก้วใบหนึ่งเย็นชืดเหมือนบรรยากาศในตอนกลางคืน

แก้วใบนั้นมีขอบเปรอะ

เห็นแล้วพาลนึกถึงตอนที่เขาขี้เกียจล้างแก้วจนต้องใช้ใบเดิมด้วยคราบแบบเดียวกันนั้น

" ล้างแก้วก่อนสิ "

" ก็ขี้เกียจ "

" เรียกผมสิ ผมจะได้ทำให้ "

เมื่อไหร่กันที่พวกเขาไม่ได้มีช่วงเวลาเหล่านั้นร่วมกันอีก



เริ่มงานแปดโมงครึ่ง เลิกงานตอนห้าโมงเย็น

ภาสไม่เคยกลับบ้านตรงเวลา เขาทำตัวเหมือนมีความสุขกับการทำงานด้วยการเลิกห้าโมงครึ่งเป็นอย่างต่ำ เขานั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานในท่าเดิม รอคอยใครบางคนเหมือนเช่นทุกวัน

ก๊อกๆ

เสียงเคาะดังขึ้นเบาๆก่อนประตูจะถูกเปิดเข้ามา หัวใจที่ควรอบอุ่นกลับเย็นชืด เขาไม่ได้รู้สึกแบบเดิมมานานเท่าไหร่แล้ว?

"ผมจะไปกินเลี้ยงกับเพื่อนที่แผนก กลับดึกหน่อยนะครับ"

เบื้องหน้าของเขาคือภคิน แฟนหนุ่มที่คบหากันมาได้สองปีเศษ ร่างสูงโปร่งดูดีขยับกายเข้ามาหาเขาเชื่องช้า ภาสเงยหน้าขึ้นมอง ขยับเรียวปากของตนให้ดูเหมือนยิ้มให้มากที่สุด

"อืม งั้นผมกลับก่อนแล้วกัน"

"เมื่อเช้าคุณออกมาโดยไม่รอผม" อีกฝ่ายพูดขึ้น ภาสชะงักมือที่กำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋า ไม่รู้จะอธิบายเรื่องเมื่อเช้าว่าอย่างไร

เขาแค่อยากเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตที่เคยมีร่วมกันมาตลอดด้วยการลองอยู่คนเดียวก็เท่านั้น

ภาสไม่ได้ตอบ ไม่อยากโกหกและไม่อยากพูดไปตามที่คิด ได้ยินเสียงถอนหายใจดังขึ้นแผ่วเบา เขาทำเรื่องให้อีกฝ่ายรู้สึกเบื่อหน่ายอีกตามเคย

"ผมไปก่อนแล้วกัน"

"ถ้าไม่ไหวก็โทรมาล่ะ"

อีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้ ดูเหมือนฝืนยิ้มไม่ต่างจากเขาเสียเท่าไหร่

เราจบสนทนากันเพียงเท่านั้น

ภาสอาศัยอยู่กับภคินที่คอนโดของเขาเอง เขาซื้อมันด้วยเงินสด เงินที่เขาตรากตรำเก็บออมมาสิบปี นอกจากงานประจำเขาก็เอาเงินไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ได้เงินปันผลจากหุ้นที่ซื้อเก็บ ขายบ้าง ซื้อบ้าง เขากลายเป็นคนมีฐานะที่อยู่ในขั้นที่เรียกว่ามีอันจะกิน เป็นที่นับหน้าถือตาของคนทั่วไป เขาสามารถดึงความเป็นอยู่ของครอบครัวให้ดีขึ้นมาได้ พ่อแม่ภูมิใจในตัวเขา ชีวิตที่เรียบง่ายหากแต่มีอุปสรรคมากมายที่ต้องฝ่าฟันทำให้เขาเดินทางมาจนถึงจุดนี้

การคบหากับภคินถือเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในแผนผังชีวิตที่เขาวางเอาไว้ ทั้งที่คิดว่าคงจะครองโสดไปจนถึงอายุสี่สิบกลายเป็นเขาได้แฟนที่มีเพศเดียวกันทั้งอายุยังต่างกันถึงสิบปี ภคินเพิ่งเรียนจบได้ไม่นานและเข้ามาทำงานในบริษัทแต่อยู่กันคนละแผนก เขาถูกอีกฝ่ายตามจีบอยู่สามเดือน จนสุดท้ายเขาก็ตกลงคบเพราะไม่รู้จะเล่นตัวไปทำไม

อายุก็ขนาดนี้แล้ว เป็นที่สนใจของเด็กมันด้วย คบกับอีกฝ่ายดูหน่อยจะเป็นไรไป

ภาสมีความสุขดี บางทีที่คิดว่าตัวเองเป็นคนเย็นชาจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้คงเป็นการอนุมานไปเอง ภคินบอกว่าเขาเป็นคนมีเสน่ห์น่าค้นหา เขาที่ไม่เคยมีคนพูดแบบนี้ด้วยกลายเป็นไอ้บื้อไปชั่วขณะ

กฤตภาสที่อายุสามสิบกว่ายังคงโดนเด็กมันจีบซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หลังจากตกลงคบกันจนกระทั่งเห็นควรที่จะให้ย้ายมาอยู่ด้วยในหัวของเขาแทบไม่ได้คิดอะไร การเริ่มต้นใช้ชีวิตที่มีคนใช้ชีวิตร่วมเป็นอะไรที่เขาอยากลองมีมานานแล้ว ในตอนนั้นเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องความสัมพันธ์ทางกายด้วยซ้ำ คอนโดของเขามีสองห้อง เขายกห้องนอนให้อีกฝ่ายไป จนผ่านมาร่วมเดือนนั่นแหละเจ้าเด็กนั่นถึงได้พูดอะไรแปลกๆ

"ผมอยากกอดคุณ"

"กอด?"

ภาสไม่เข้าใจในคำพูดนั้นเท่าไหร่ แต่ก็เป็นฝ่ายสวมกอดก่อนพลางลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ

"แบบนี้?"

"คุณนี่ใจร้ายจังแฮะ"

จนผ่านไปสองวันนั่นแหละเขาถึงได้เข้าใจคำว่ากอดของอีกฝ่าย

"เขาอยากมีเซ็กส์กับมึงไงภาส"

เขาเอาเรื่องนี้มาปรึกษากับเพื่อนสนิทอย่างชลดา

ปกติไม่เคยคิดจะเล่าให้ใครฟังว่ามีแฟนแล้ว แต่คำพูดในวันนั้นพร้อมหน้าตาที่ดูเหมือนถูกงอน? ใช่ เขาคิดว่าเป็นอย่างนั้น อีกฝ่ายเดินหนีเขาเข้าไปในห้องนอน ทั้งไม่ยอมคุยด้วยจนเขาเริ่มรู้สึกอึดอัด

"ทำไมเขาต้องอยากมีเซ็กส์กับกู?"

"คนรักกันเขาก็อยากลึกซึ้งกันไง นี่มึงอายุขนาดนี้ทำไมคิดไม่ได้วะ"

จะไปคิดได้ยังไง ตลอดอายุสามสิบห้าปีมานี้ภคินคือแฟนคนแรกของเขา…

ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาไม่มีคนมาจีบ ทุกวันนี้ยังมีคนคอยจีบเขาอยู่เรื่อยๆ หญิงสาวลูกน้องที่อยู่แผนกเดียวกันอย่างรตียังคงทอดสะพานให้เขาอยู่ตลอด แอบนับถือในความพยายามของเจ้าหล่อนอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายเขากลับมาตกลงปลงใจกับผู้ชายด้วยกันถ้าเธอรู้เข้าคงได้ตัดพ้อกับเขา

นอกจากนั้นเขาก็เคยถูกรุ่นพี่ผู้ชายตอนสมัยเรียนจีบ แต่ต้องเลิกคุยกันไปก่อนเพราะอีกฝ่ายทำผู้หญิงท้องทั้งที่ยังเรียนไม่จบ เขามั่นใจเลยว่านั่นคือรักแรกของตัวเอง ภาสเคยเห็นในละครเรื่องหนึ่งตอนที่เผลอเปิดไปดูนางเอกบอกกับพระเอกว่ารักแรกมักไม่สมหวัง และก็จริงสำหรับเขา รักแรกของเขาไม่สมหวัง

นับแต่นั้นมาภาสก็รู้สึกว่าตัวเขาคงชอบผู้ชาย เขาคิดว่าตัวเองคงเป็นเกย์เพราะรู้สึกสนใจในเพศเดียวกันมากกว่าเพศตรงข้าม

พอรู้สาเหตุที่ถูกคนรักงอนเขาก็ต้องกลับมาคิดว่าเซ็กส์นั้นจำเป็นต่อการใช้ชีวิตคู่หรือไม่ ในใจลึกๆแล้วเขารู้สึกว่าสิ่งนั้นไม่จำเป็นเลยสักนิดเดียว แต่ถ้าคนรักของเขาต้องการล่ะ เขาควรที่จะตอบสนองให้อีกฝ่ายอย่างนั้นหรือเปล่า?

ที่น่าหนักใจตามมาคือเขาทำมันไม่เป็น ภาสไม่เคยเสพสื่อลามก ไม่เคยมีอะไรกับใครไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ไม่เคยดึงดูดใครด้วยเรื่องอย่างว่า เขาเลยไม่รู้ว่าเซ็กส์นั้นต้องทำกันแบบไหน

แต่เขาก็ยังเชื่อว่าความไม่รู้นั้นไม่มีจริง ทุกคนบนโลกย่อมมีครั้งแรกเสมอ ไม่มีใครเป็นมาตั้งแต่แรกเริ่ม งั้นแสดงว่าถ้าหากเกิดอารมณ์อย่างว่าขึ้นมาคนๆนั้นจะสามารถทำการร่วมรักกันได้แม้ว่าจะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน

ถึงแม้เขาจะรู้จักอารมณ์อย่างว่า แต่เขาก็ไม่เคยช่วยตัวเอง

บางทีถ้าเป็นตอนเมาเขาอาจจะมีอะไรกับผู้ชายได้ เอาจริงๆแล้วส่วนลึกของจิตใจหนึ่งเขารู้สึกว่าการมีอะไรกันของผู้ชายมันเป็นเรื่องแปลกประหลาด มันไม่ใช่ธรรมชาติของมนุษย์ เพราะพระเจ้าสร้างอดัมกับอีฟขึ้นมาซึ่งเป็นการแสดงสัญลักษณ์ทางเพศอย่างหนึ่งที่ว่าผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชาย ถึงเขาจะไม่ใช่พวกเคร่งศาสนาแต่ก็รู้สึกว่าเขาทำมันไม่ได้อยู่ดี เขาอาจจะรู้สึกขนลุกตอนกำลังทำมันอยู่ และมันคงไม่สนุกแน่หากภคินจะรู้สึกว่าเซ็กส์ของเขามันไม่ได้ทำให้เกิดความอยากในรสทางเพศ

นอกเหนือจากนั้นแล้ว เขาไม่รู้ว่าควรจะเป็นฝ่ายรุกหรือฝ่ายรับ ถ้าถามตามความต้องการส่วนตัวแล้วเขาอยากเป็นฝ่ายทำมากกว่าถูกกระทำ แต่หากอยากทำทั้งที่ภคินไม่อยากเป็นฝ่ายถูกกระทำก็คงต้องหยุดเซ็กส์กลางคันเป็นแน่ เขาไม่อยากให้ใครรุกล้ำเข้ามาในร่างกาย แต่ถ้าความจริงแล้วภคินชอบที่จะเป็นฝ่ายรับพวกเขาทั้งสองก็คงอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว

แต่มันก็ไปติดปัญหาที่เรื่องก่อนหน้าอีกอยู่ดีกว่าจะถึงขั้นตอนเปลื้องผ้า

พอคิดไปคิดมาหลายตลบ สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะลืมเลือนปัญหานี้แล้วใช้ชีวิตอย่างปกติ เขาพยายามเอาใจคนรักด้วยจูบลึกซึ้ง แต่เคยมีครั้งหนึ่งที่พวกเขาเกือบเลยเถิดกันไปไกลเหมือนกัน ภคินก้มลงซุกไซ้จนเขารู้สึกวาบหวามขึ้นมา มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาด ทว่าให้ความรู้สึกที่ดี หากแต่ในตอนที่เสื้อผ้าเริ่มไปกองอยู่บนพื้นเขากลับทำให้อีกฝ่ายเสียอารมณ์ด้วยการบอกว่าไม่อยาก

เพราะดันไปคิดถึงเหตุผลร้อยแปดที่ตัวเองเป็นคนคิดขึ้นมา

ภคินไม่เคยขัดใจเขาเลยสักครั้ง พอพูดแบบนั้นอีกฝ่ายก็ถอยหนีเข้าห้องนอนไปโดยไม่ได้พูดอะไร แอบเสียใจอยู่ไม่น้อยที่ตัดโอกาสไปแบบนั้นทั้งที่กว่าจะบิ้วให้เขามีอารมณ์ร่วมคงจะเหนื่อยพอสมควร

เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองน่ารำคาญขึ้นมานิดๆ ไม่รู้ว่าภคินจะรู้สึกแบบเดียวกันไหม แต่อีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะปกติดี แบบนั้นเลยยิ่งทำให้เขารู้สึกผิด นับแต่นั้นมาภาสเลยพยายามดูแลภคินให้ดีเท่าที่ตัวเองจะทำได้ ปรนเปรอให้เท่าที่ตัวเองจะสามารถ ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยล่วงเกินกันไปมากกว่านั้น

ภาสขับรถออกจากที่ทำงานจนมาถึงคอนโดหรูใจกลางเมือง เปิดประตูห้องเข้าไปก็พบกับกลิ่นหอมของอาหารชวนให้รู้สึกหิว เขาคิดว่าพี่ชายของเขาคงจะกลับมาจากที่ทำงานแล้วเป็นแน่ ภาสวางกระเป๋าลงบนโต๊ะห้องนั่งเล่นแล้วเดินเข้าไปในครัว

"กลับมาแล้วครับ"

"กลับมาแล้วเหรอ ทานข้าวเลยไหม?"

กรวิชญ์ส่งเสียงร่าเริงมาให้ ไม่รู้ว่าไปอารมณ์ดีมาจากไหน ภาสปฏิเสธพร้อมกับบอกว่าจะขอไปอาบน้ำก่อน อีกฝ่ายรับคำแต่ยังคงง่วนอยู่กับการหั่นต้นหอม

หลังจากใช้ชีวิตอยู่กับภคินมาได้สักพักก็มีสมาชิกอีกหนึ่งคนเข้ามาในบ้าน พี่ชายของเขาที่เพิ่งเปลี่ยนงานไม่นานมานี้ได้เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยอีกคน เนื่องจากต้องเปลี่ยนงานกะทันหันทำให้หาที่อยู่ในระยะเวลาอันสั้นไม่ได้ พ่อกับแม่เลยขอให้เขาเป็นฝ่ายชวนให้พี่ชายมาอยู่ด้วยกันทั้งที่ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขาเลยสักนิด

ภาสตัดสินใจยกห้องนอนของตัวเองให้พี่ชายแล้วย้ายไปอยู่ห้องเดียวกับภคิน พี่ชายของเขาขอรบกวนด้วยหกเดือนจนกว่าบ้านใหม่ที่กำลังจะย้ายไปอยู่หมดสัญญากับคนเช่าคนปัจจุบัน ภาสไม่ได้ว่าอะไร เขาไม่ได้มีความเห็นอะไรมากนักกับพี่ชายของตน จริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก เพราะภาสเรียนในกรุงโซลตั้งแต่ชั้นมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย ในขณะที่พี่ชายของเขาเข้าเรียนในโรงเรียนแถวบ้านเพราะสอบเข้ามาเรียนในตัวเมืองหลวงไม่ได้และก็จบวิชาชีพที่วิทยาลัยไม่ไกลจากบ้านเช่นกัน

การใช้ชีวิตร่วมกันแรกๆก็ดูอึดอัดอยู่ไม่น้อย แต่เพราะกรวิชญ์เป็นคนร่าเริง คุยเก่งและเข้ากับคนง่าย ทำให้ตอนนี้ทั้งเขาและภคินสนิทกับอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว

ผิดกับเขาที่พอไม่ใช่เรื่องเงินเรื่องทองแล้วจะง้างปากพูดแต่ละทีก็แสนจะยากเย็น

แอบคิดไปว่าภคินทนเขาที่เป็นแบบนั้นมาได้ยังไง?

ภาสปล่อยให้สายน้ำชำระล้างเรือนกายอยู่เนิ่นนาน เขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว มันร่วงโรยตามกาลเวลา เขาเริ่มเห็นเส้นเล็กๆบนร่องแก้ม ทั้งที่ไม่ค่อยได้ขยับหน้ามากเลยแท้ๆ เขาคิด แต่ก็ช่างมันประไร กลุ้มเรื่องพวกนี้ไปก็ไม่ช่วยให้ชีวิตมีความสุขนักหรอก

ปกติแล้วเขามักจะไปฟิตเนสอาทิตย์ละสองสามครั้ง แต่ช่วงหลังมานี้เขาไม่ได้ไปไหน เขาไม่มีอารมณ์อยากทำกิจกรรมอะไร แค่อยากทำงานให้เสร็จแล้วกลับมาอยู่ในห้องจนวนเวียนแบบนี้มาร่วมหนึ่งเดือน

ภาสปิดฝักบัวก่อนจะพาร่างกายตัวเองมายืนอยู่หน้ากระจก ผิวกายของเขาเนียนลื่น ขาวและไร้รอยตำหนิใดๆ

ภคินไม่เคยได้เป็นเจ้าของร่างกายนี้เลย

วนกลับมาคิดถึงเรื่องเดิมอีกครั้ง ภคินเพิ่งจะอายุยี่สิบหก เขาในตอนที่อายุเท่ากันกำลังฝ่าฟันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าแผนกจัดซื้อกับเพื่อนร่วมงานอีกคน ดูเหมือนภคินจะไม่ได้เป็นเหมือนกับเขาในตอนนั้นเลย อีกฝ่ายใช้ชีวิตวัยรุ่นได้คุ้มเกินคุ้ม เป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนที่โหยหาเซ็กส์จากคนรัก ทำไมเขาไม่เคยเป็นแบบนั้นบ้าง

พอออกจากห้องน้ำเขาก็รับประทานอาหารฝีมือพี่ชาย พยายามลืมเลือนเรื่องเซ็กส์ออกไปจากหัวอีกครั้ง เขาละเลียดทานและรับรสถึงความอร่อย ภาสทำอาหารไม่เป็น ถ้าไม่มีกรวิชญ์ป่านนี้ห้องครัวของเขาคงไม่ได้ถูกใช้ มันคงเป็นได้แค่เครื่องประดับในห้องชุดต่อไป ภาสเป็นคนให้เงินกรวิชญ์สำหรับอาหารในทุกวันของพวกเขาทั้งสามคน เขารู้ว่ากรวิชญ์ยังคงลำบากเพราะงานใหม่ที่ไม่ลงตัว บางทีถ้าอีกฝ่ายขัดสนเขาก็หยิบยื่นให้อย่างไม่อินังขังขอบ

"เดี๋ยวพี่ไปห้างนะ"

ภาสเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนัง "เวลานี้เหรอ?"

"อื้อ ออกไปเดินเล่นด้วยน่ะ"

"ให้ผมขับไปส่งไหม?"

"ไม่เป็นไรๆ พี่นัดคนไว้ด้วย"

ภาสพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจ ก้มหน้าอ่านหนังสือ 7 habit ของ Stephen R. ฉบับภาษาอังกฤษ  พอคล้อยหลังพี่ชายออกไปแล้วเขาก็อ่านหนังสือในมือต่ออีกสามย่อหน้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟาแล้วโทรออกไปหาคนรัก ถ้าคำนวณจากเวลาป่านนี้อีกฝ่ายน่าจะถึงที่ร้านเหล้าแล้ว

"ฮัลโหลครับ"

"จะกลับกี่โมง?"

เขาลอบฟังเสียงจากปลายสาย ได้ยินเหมือนเสียงรถราและผู้คนเดินพลุกพล่าน

"อาจจะห้าทุ่มนะครับ"

"ไปกินกับที่แผนกใช่ไหม?"

"ครับ ผมบอกไปแล้วนี่นา" อีกฝ่ายส่งเสียงกลับมาอย่างอารมณ์ดี ภาสลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ระเบียง ก้มหน้ามองเบื้องล่างที่เต็มไปด้วยความวุ่นว่าย

รถยังคงติดเหมือนอย่างทุกวันทั้งที่สองทุ่มกว่าแล้ว

"งั้นเหรอ... คราวหน้าชวนผมไปด้วยสิ" เขาพูด มองคนสองคนที่กำลังเดินจับมือกันแล้วหายไปยังหัวมุมถนน

ทำไมไม่นึกเอะใจว่าร้านเหล้าที่แผนกของภคินชอบไปยังไม่เปิดในเวลานี้

"ได้สิครับ แค่นี้ก่อนนะ ผมต้องวางแล้ว"

ภาสส่งเสียงรับอือออ เผลอกำโทรศัพท์ในมือแน่นเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนตัดสายไปก่อน

แต่หลังจากหายใจเข้าปอดไปหลายครั้ง ความคุกรุ่นในใจก็เริ่มจาง มือข้างนั้นของเขาค่อยๆคลายแรงบีบลง จบด้วยการพ่นลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่าย

ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดจบของเรื่องนี้มันจะอยู่ที่ตรงไหน

ยังคงเป็นอีกหนึ่งคืนที่ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยสีดำมืดสนิท สายฝนโรยตัวลงมาอย่างหนัก  บรรยากาศที่โอบล้อมเย็นชื้นแลดูไร้ชีวิตชีวา

เขาปิดไฟทั่วห้องแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง ตอนนี้เข็มสั้นของนาฬิกากำลังชี้ไปที่เลขสิบสอง

ภาสคิดว่าทุกคนคงจะกลับมาแล้ว แต่เตียงของเขากลับยังดูกว้างขวางเหมือนเคย มีเพียงเขาที่นอนอยู่ภายใต้ความมืดมิดเพียงลำพัง

รู้สึกอยากให้ดวงจันทร์ในค่ำคืนนี้เปล่งแสงสว่างมากกว่าทุกคืน

แต่นี่เพิ่งจะแรมสิบห้าค่ำ

เขาเดินออกมาจากห้องนอนอย่างเงียบเชียบ เดินไปหยุดอยู่หน้าห้องนอนห้องหนึ่ง คอนโดที่เขาอยู่เก็บเสียงได้ดีเกินไป ดีจนไม่รู้ว่าคนข้างในกำลังทำอะไรถ้าไม่เอาหูไปแนบเข้ากับประตู

ใบหน้าของเขาค่อยๆแนบลงกับบานไม้ ฟังเสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาอย่างเบาหวิว

เขาแทบไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่ได้ยิน

ภาสคงได้คำตอบแล้วว่าภคินชอบเป็นฝ่ายกระทำมากกว่าถูกกระทำ เขาคิดภาพไม่ออกหากคนตัวเล็กน่ารักอย่างกรวิชญ์จะเป็นฝ่ายอยู่บน

ถอนหายใจทิ้งขว้างออกมาอีกครั้ง ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าคืนนี้นึกครึ้มอะไรถึงได้มาแอบฟังคนทั้งสองมีอะไรกัน

คนที่เป็นแฟนของเขากับพี่ชายแท้ๆของเขาเอง

นับถือตัวเองอยู่ไม่น้อยที่กล้าเดินออกมาจากความขลาดเขลา ไม่ใช่ไม่รู้ถึงความเป็นไปที่เกิดขึ้นภายใต้บ้านหลังนี้ ต้องเรียกว่าทำตีมึนมาตลอดเสียมากกว่า

ภาสเดินไปนั่งอยู่บนโซฟา เอนพิงหลังด้วยความเมื่อยล้าจากการนั่งทำงานมาทั้งวัน

หากถามถึงความรู้สึกในตอนนี้ คงบอกได้เลยว่ามันว่างเปล่าไปหมด เขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง จนคิดว่าคงต้องกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่าแท้จริงแล้วเขารักภคินจริงๆหรือเปล่า?

หรือที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย...เป็นเพราะไม่ได้รักอีกฝ่ายกันแน่

ในคืนนั้นเขาตัดสินใจออกไปจากคอนโด มันเป็นคืนที่ฝนตกอย่างหนักขัดกับที่กรมอุตุนิยมคาดการณ์เอาไว้ ที่ปัดน้ำฝนหน้ารถทำงานแปรผันตามสายฝนที่เทกระหน่ำ เขาจอดรถอยู่หน้าบ้านหลังสีขาวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ สายฝนเริ่มทำให้เขารู้สึกถึงอากาศที่สร้างความหนาวกาย

แต่คงไม่เท่ากับหนาวใจ

“ภาส?”

เขากดกริ่งเรียกคนในบ้านในเวลาเกือบตีหนึ่ง เจ้าของบ้านเปิดประตูออกมาต้อนรับเหมือนว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้นอน ภาสเอ่ยขอบคุณเบาๆ เขาไม่ได้พกร่มมาด้วยตอนออกมาจากคอนโด พอเดินลงจากรถจึงมีสภาพเปียกปอนเป็นลูกหมาตกน้ำ

อีกฝ่ายยื่นผ้าขนหนูมาให้พร้อมถ้วยชาร้อนๆโดยที่ไม่ได้ร้องรอ อีกครั้งที่เขาเอ่ยขอบคุณ

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมาบ้านพี่เอาเวลานี้”

เขาอยากจะเอ่ยบอกไปว่าไม่มีอะไร แต่ก็ดูจะเป็นคำตอบที่ไร้สาระ ถ้าต้องให้อีกฝ่ายมาเปิดประตูต้อนรับกันในเวลานี้เขาก็ควรที่จะบอกถึงความเป็นไปของตัวเองอย่างไม่ปิดบัง

ตัดสินใจเพียงเสี้ยววิภาสก็เปิดปากเล่าว่าพบเจอกับอะไร บอกถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสาม เขาพูดถึงเนื้อความสำคัญโดยไม่เวิ่นเว้ออะไรให้มากความ และพอพูดจบทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความเงียบ

คนตรงหน้าไม่แม้แต่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ

“ภาส...” อีกฝ่ายครางเรียกชื่อเขา อัศวินเอื้อมมือมาจับมือทั้งสองของเขาแล้วกำไว้แน่น ไออุ่นจากฝ่ามือร้อนของอีกฝ่ายทำให้ความเย็นรอบนิ้วของเขาคลายตัวลง รู้สึกดีเหลือเกินที่ตัวเองเลือกเดินมาหาคนตรงหน้าในค่ำคืนนี้

“แล้วเราจะเอายังไงต่อ?”

“ผมไม่รู้...” เขาไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

เขาไม่คิดว่าพี่ชายตัวเองจะสนใจเพศเดียวกันจริงๆ ถึงท่าทางอีกฝ่ายจะดูออกว่าสนใจในผู้ชายแต่เขาก็ไม่คิดว่าหวยจะมาลงที่ภคิน แต่จะโทษพี่ชายตัวเองอยู่ฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูก ตบมือข้างเดียวมันไม่เคยดังอยู่แล้ว ถ้าคนรักของเขาไม่เล่นด้วยมีหรือเหตุการณ์แบบนั้นจะเกิดขึ้น

หรือหากจะโทษใครจริงๆเขาอาจต้องโทษตัวเองที่ให้ความสุขทางกายคนรักไม่ได้ เขาไม่เคยให้อะไรที่เกินกว่าการจูบหรือกอดกับภคินเลย ผู้ชายด้วยกันย่อมอยากระบายอารมณ์ทางเพศกับคนรัก มันควรจะเป็นอย่างนั้น เขาที่จืดชืดไร้ความรู้สึกอย่างว่าคงสนองความต้องการให้คนรักไม่ได้

ภคินจะมีอะไรกับพี่ชายของเขาดูไม่แปลกเลยสักนิด

ที่ดูจะแปลกก็คงเป็นเรื่องการลักกินขโมยกินของคนทั้งสอง...

ภคินทำลับหลังเขากับคนอื่นยังรู้สึกเจ็บน้อยกว่าการมีอะไรกับพี่ชายของเขาเอง

“นอนที่นี่สิ เดี๋ยวพี่บอกให้เจ้าตัวเล็กไปนอนในห้องกับพี่”

“อย่าดีกว่าครับ ไม่อยากรบกวนน้องซัน ผมนอนบนโซฟาก็ได้”

“งั้นก็ขึ้นไปนอนบนห้องกับพี่”

เขากำลังจะปฏิเสธ แต่พอคิดอีกที... ภาสก็ยอมตกลงอย่างง่ายดาย อัศวินจัดแจงที่นอนให้เขาขึ้นไปนอนบนเตียง ส่วนเจ้าตัวลากหมอนและผ้าห่มลงไปนอนบนพื้น เขาค้านเสียงแข็งและขอเป็นฝ่ายนอนด้านล่างแทน จนสุดท้ายก็ตกลงกันที่จะนอนเบียดอยู่บนเตียงนอนขนาดควีนไซส์

ภาสลืมตาอยู่ในความมืดมิด อัศวินหันหลังให้เขาและคาดว่าน่าจะหลับไปแล้ว ชั่ววูบของความคิดเขาอยากชวนอีกฝ่ายมีเซ็กส์ด้วยกัน อยากรู้ว่าผู้ชายด้วยกันมันมีอะไรกันได้จริงหรือ ถ้ามีอะไรกันแล้วเขาจะส่งเสียงครวญครางราวกับมีความสุขเหมือนกับพี่ชายของเขาหรือเปล่า แต่คิดไปคิดมามันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าพวกเขาจะมีอะไรกันในห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำของอัศวินและภรรยาที่เสียไปแล้วของอีกฝ่าย ไหนจะน้องซันลูกของอีกคนที่นอนอยู่ในห้องถัดจากกันอีก

พลิกตัวหันมาอีกด้านแล้วซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้าง เขากับอัศวินคงจะได้เป็นแฟนกันไปแล้วถ้าไม่มีน้องซันลืมตาดูโลกขึ้นมาก่อน ผู้ชายคนแรกที่เขารักและอกหักในเวลาต่อมา เขาไม่เคยขาดการติดต่อจากอีกคนเลย เราดูเหมือนจะยังคงมีความรู้สึกดีๆอยู่ร่วมกัน แต่ไม่มีใครสักคนที่กล้าจะข้ามผ่านกำแพงนั้นมาสักที

เราเลยเป็นได้แค่ที่พึ่งทางใจของกันและกัน

กว่าจะข่มตาให้หลับก็ยากพอควร เขาตื่นขึ้นมาอีกทีตอนที่เสียงนาฬิกาปลุกของอีกฝ่ายดังขึ้น อัศวินมีงานแต่เช้าทำให้ตื่นตอนเวลาห้านาฬิกา เป็นเวลาเดียวกันกับที่ภคินมักจะย้ายกลับไปนอนในห้องของเรา…

เรางั้นเหรอ?

บางทีคำว่าเราอาจจะไม่เคยมีมาตั้งแต่ต้น

สักพักโทรศัพท์ของเขาก็แผดเสียงดังขึ้น ภาสมองไปยังห้องน้ำที่อัศวินหายเข้าไปก่อนจะลุกออกจากเตียงแล้วเดินไปคุยโทรศัพท์ตรงระเบียง เขากดรับสาย ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายที่ส่งเสียงออกมาอย่างร้อนรน

“คุณหายไปไหน?”

“ผมออกมาทำงานแล้ว” เขาโกหกคำโต ในขณะเดียวกันอีกฝ่ายคงจะคิดได้ว่าการตามหาเขาในเวลานี้เท่ากับว่าไม่ได้กลับมาบ้านภายในห้าทุ่มตามเวลา

หรือทั้งที่กลับมาตรงเวลา แต่หายไปนอนในอีกห้องหนึ่ง

“ผมขอโทษที่กลับเอาป่านนี้”

อีกฝ่ายเองก็เลือกที่จะโกหกไหลไปตามน้ำ

ภาสลอบถอนหายใจ ดูเหมือนถ้าเขาจะกลับคอนโดไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าคงจะไม่เนียนเอาเสียแล้ว

“ไม่เป็นไร”

เขาเอ่ยเพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจ น่าแปลกที่เขายังทำดีกับคนที่ทรยศหักหลังกันได้ลงคอ ปลายสายบอกว่าจะรีบไปหาที่บริษัท ถามเขาเหมือนกันว่าทำไมถึงออกไปเช้านัก เขาโกหกไปอีกว่ามีงานที่ต้องเคลียร์ก่อนแปดโมงเช้า

เขาคิดว่าคำโกหกของเขามันไม่เนียน บริษัทยังไม่เปิดในเวลานี้แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้เอะใจอะไร พอวางสายไปแล้วเขาก็ต้องกลับมาคิดว่าจะจัดการกับตัวเองอย่างไร คงกลับไปเปลี่ยนชุดที่คอนโดไม่ได้แล้ว

“พี่วิน”

เขาส่งเสียงเรียกใครอีกคน พอดีกับที่ประตูห้องน้ำเปิดออก หยดน้ำเกาะพราวบนผิวกายสีแทนทำให้อีกฝ่ายดูดีไม่หยอก อัศวินยังคงดูแลตัวเองและรักษาหุ่นเป็นอย่างดี แม้จะอายุเกือบเข้าใกล้เลขสี่แต่ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายดูดีน้อยลงแต่อย่างใด

“ผมขอยืมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คได้ไหมครับ คิดว่าคงไม่ได้กลับไปที่คอนโด”

“เอาสิ แต่พี่ไม่รู้ว่าเราจะใส่ได้ไหมนะ”

คนตรงหน้ามองรูปร่างของเขาแล้วตอบออกมาอย่างที่คิด อัศวินให้เขาเลือกจากตู้เสื้อผ้าได้ตามใจ ภาสหยิบออกมาจากตู้แล้วลองสวมใส่สองสามชุด แม้มันจะดูหลวมโพลกทุกตัวไปเสียหน่อยแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ใส่อะไรเลย

“เข็มขัดหน่อยไหม?”

เขารับเข็มขัดมาจากอีกฝ่าย อัศวินมองเขาทุกการกระทำแบบนั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกขัดเขิน

พอสวมเสื้อผ้าเสร็จเขาก็ออกไปทานอาหารเช้ากับเจ้าของบ้าน อัศวินต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปส่งน้องซันที่โรงเรียน เด็กน้อยเดินทำหน้าตางัวเงียมายังโต๊ะอาหาร

“สวัสดีอาเขาสิ”

“อ๊ะ สวัสดีครับ”

เด็กชายโค้งศีรษะลง เขายื่นมือออกไปหยิกแก้มย้วยของหนูน้อยตรงหน้าเบาๆ ก่อนจะเริ่มต้นทานอาหารที่เจ้าของบ้านเป็นคนทำในเวลาเกือบหกโมงเช้า

“ไม่สนใจเป็นแม่ให้น้องซันเหรอ?”

พรืด

ภาสเผลอพ่นกาแฟออกมาในขณะที่กำลังยกขึ้นดื่ม อัศวินส่งเสียงหัวเราะเบาๆพลางยื่นมือมาเช็ดมุมปากให้กับเขา

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือพูดเล่น ภาสดื่มต่อไปเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไร พอพวกเขาเดินออกมาจากบ้านเขาก็ขอตัวลาอีกฝ่ายไป เอ่ยขอบคุณอย่างสุดซึ้งแล้วก้มลงหอมแก้มน้องซันไปฟอดใหญ่ เด็กชายจ้ำม่ำแสดงท่าทีเขินอายก่อนจะวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังของบิดา ภาสรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย นึกขอบคุณตัวเองที่ยังคงรักษากัลยาณมิตรแบบนี้ในตอนที่ตัวเลขของอายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ












(ต่อด้านล่าง)

ออฟไลน์ LOFT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: 5 นาฬิกา (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #2 เมื่อ15-03-2017 15:43:54 »

(ต่อ)



เขาขับรถไปยังบริษัท จากบ้านของอัศวินค่อนข้างไกลจากบริษัทพอสมควร แต่เนื่องจากยังเช้าและถนนยังโล่งทำให้เขามาทันเวลาเข้างาน

เขาเห็นภคินกำลังเดินมาทางนี้ ภาสไม่อยากเจอหน้าอีกฝ่ายเลยสักนิด แต่ถ้าหลบไปตอนนี้คงจะไม่ทันเสียแล้ว

พอร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาใกล้เขาก็ถูกดึงข้อมือให้ไปทางบันไดหนีไฟ ภาสตามไปอย่างง่ายดายโดยไม่ขัดขืน อีกฝ่ายชอบทำแบบนี้เวลาต้องการอยู่ด้วยกันสองต่อสอง

แต่ตอนนี้เขาไม่อยากอยู่ใกล้กับอีกฝ่ายแม้แต่วินาทีเดียว

“ผมขอโทษจริงๆ”

ภาสมองใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงออกว่าเจ็บปวด เริ่มแยกไม่ออกแล้วว่าคำขอโทษนั้นหมายถึงเรื่องไหน เรื่องที่ทำลับหลังเขาหรือว่าเรื่องที่กลับบ้านดึก? แต่เอาเถอะ เขาไม่อยากจะหาคำตอบนั้นอีกแล้ว

“ไม่เป็นไร” ภาสยังคงย้ำคำเดิม พออีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้เขาก็ทำถอยหนี ไม่แม้แต่ที่จะมองหน้าด้วยซ้ำ กลายเป็นภคินเข้าใจว่าเขาโกรธที่กลับบ้านไม่ตรงเวลา ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องนั้นเลย

ร่างสูงตรงหน้ารั้งเอวของเขาเข้าไปกอดอย่างถือวิสาสะ ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงกอดตอบ อาจจะหอมแก้มคนตรงหน้าไปด้วยข้อหาที่ทำให้ใจของเขาเต้นแรง แต่ตอนนี้หัวใจของเขามันไม่เป็นแบบนั้น มันเต้นช้าลงจนกลัวว่าจะหยุดเสียดื้อๆ อีกฝ่ายยังคงรุกล้ำเข้าหากันมากขึ้น ภาสดันคนตรงหน้าออกเบาๆ

ภคินถอยออกมาอย่างง่ายดาย เหมือนกับทุกครั้งที่เขาไม่ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน บางทีเขาก็รู้สึกสงสาร ในตอนนี้เขายังรู้สึกสงสารอีกฝ่ายจับใจ เพราะเขาให้สิ่งนั้นกับภคินไม่ได้ คนตรงหน้าถึงได้ตักตวงจากพี่ชายของเขาอยู่ทุกคืนแบบนั้น

“ผมขอโทษ” เขายังคงเอ่ยคำเดิม

ภาสฟังเสียงสูดลมหายใจที่เหมือนกับพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มอายุยี่สิบหกคนนี้ต้องฝืนอารมณ์มากแค่ไหน ภคินอาจจะรู้สึกโกรธทุกครั้งที่เขาไม่ยอมมีอะไรด้วย รวมถึงพยายามสกัดกั้นอารมณ์ที่จะไม่แตะเนื้อต้องตัวเขาเพื่อไม่ให้ตัวเองเกิดกิเลสขึ้นมา

บางทีก็อยากถามอีกฝ่ายว่าทรมานไหมที่ต้องทนคบกัน เขาที่ไม่ยอมมีอะไรด้วยทำให้รู้สึกอึดอัดมากแค่ไหน แล้วถ้าเขายอมมีอะไรด้วยจะไม่ไปหาเศษหาเลยกับพี่ชายของเขาหรือเปล่า? แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปสักคำเดียว

เขาเก็บทุกคำถามนั้นไว้กับตัว

“ผมจะไปทำงานแล้ว”

เขาเอ่ยเบาๆแล้วเดินไปทางประตูหนีไฟ

“ผมรักคุณนะ”

เสียงที่ดังขึ้นด้านหลังฉุดรั้งขาทั้งสองของเขาเอาไว้ ภาสยกมือขึ้นกุมบริเวณหน้าอก มันเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเป็น ทำไมเขาถึงได้รู้สึกเจ็บทั้งที่ตอนตรวจสุขภาพปลายปีพบว่าร่างกายของเขาปกติดี ไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ไม่ได้มีภาวะสุ่มเสี่ยงอะไรเกี่ยวกับระบบหมุนเวียนเลือดแม้แต่น้อย

ทำไมกัน...

อยู่ๆบางสิ่งก็ตกลงเปื้อนเสื้อเชิ้ตสีขาวเป็นดวง ภาสเลื่อนมือออกจากหน้าอกเป็นบริเวณใบหน้า เขาพบว่าน้ำใสกำลังกลิ้งลงมาจากขอบตาของตัวเองช้าๆ นี่เขากำลังร้องไห้? เขาเจ็บจนร้องไห้อย่างนั้นหรือ ภาสได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นจากด้านหลัง รู้สึกถึงสัมผัสอบอุ่นที่สวมกอดเข้ามา ความอุ่นซ่านเข้ากระทบกับแผ่นหลัง หากแต่หัวใจของเขาไม่ได้รู้สึกอบอุ่นตามอย่างที่ควรเป็น

มันยังคงเย็นชื้นเหมือนทุกคืนที่เขาต้องทนอยู่เพียงลำพัง

ทำไมมารู้สึกเจ็บปวดเอาตอนนี้

ตอนที่อยู่ด้วยกันสองคน

ทำไมถึงไม่มีความสุข ทั้งที่เราสองคนอยู่ใกล้กันมากขนาดนี้

“คุณไม่ให้ผมก็ไม่เป็นไร แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่าผมรักคุณ”

“....”

“ผมรักคุณจริงๆ”

ภาสยืนฟังคำบอกรักที่เป็นดั่งหนามแหลม เขาแตะต้องกุหลาบสีสวยที่ส่งกลิ่นหอมหวาน เขาสัมผัสมันด้วยความประมาท แล้วพบว่าตัวเองถูกหนามแหลมของความสวยงามนั้นเข้าทำร้ายจนเลือดอาบเต็มตัว

เขาจะโอบกอดหนามแหลม หรือจะยอมทิ้งมันไป

พอได้เวลาเลิกงานอีกฝ่ายก็เดินมาหาเขาอย่างเช่นทุกวัน ครั้งนี้ภคินชวนเขาให้กลับบ้านด้วยกัน ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่นี้เป็นเพราะพยายามไถ่โทษที่กลับบ้านช้าหรืออย่างไร แต่ภาสปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าจะไปหาเพื่อนสนิท

“ไม่ไปได้ไหมครับ เราไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันสองคนเลยนะ”

น้ำเสียงของภคินดูอ้อนวอน ภาสไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมา ทั้งที่พักหลังมานี้ก็ไม่ค่อยได้อยู่ร่วมกันสักเท่าไหร่ ไม่ดีเหรอที่เขาเปิดโอกาสให้อยู่ด้วยกันสองต่อสองกับพี่ชาย เขาที่ให้ความสุขอะไรไม่ได้ไม่มีประโยชน์อะไรให้ต้องอยู่ร่วมกันสักวินาทีเดียว

“ผมติดธุระจริงๆ”

ยังคงยืนกรานที่จะไม่กลับบ้านกับอีกฝ่าย กว่าจะยอมได้ก็ตอนที่เขาจูบเด็กขี้ตื๊อให้สงบลง อีกสิ่งที่เขาเรียนรู้จากคนรักคือภคินเป็นพวกดื้อด้าน ถ้าไม่ได้ดั่งใจก็จะไม่เลิกรามือ ตอนที่ตามจีบเขาก็เหมือนกัน ภคินตามเทียวไล่เทียวขื่อจนเขารู้สึกรำคาญ ทั้งส่งข้อความทั้งคอยหวงหา ไม่รู้ว่าหลงเสน่ห์อะไรกับตาแก่คนนี้นัก

แต่ทั้งที่พยายามแทบตายกว่าจะได้เขามา ทำไมถึงได้ไม่เห็นค่าของเขาแล้วทิ้งขว้างกันอย่างง่ายดาย? 

พออีกฝ่ายออกไปแล้วเขาก็นั่งทำงานอีกสักพัก รตีเดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีกระมิดกระเมี้ยน จริงๆแล้วเขามีนัดกับหล่อนเพราะถูกชวนให้ไปทานข้าวที่บ้าน เขาปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งจนครั้งนี้ยอมตกลงไปกับเธอในที่สุด

เหตุผลมันก็ไม่มีอะไร เขาแค่ไม่อยากกลับไปที่คอนโด เวลานี้ใครชวนเขาไปไหนเขายอมไปหมด

ภาสเป็นฝ่ายขับรถไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นเพื่อนหญิงสาว เป็นฝ่ายออกค่าอาหารทั้งหมดทั้งที่หล่อนยืนกรานที่จะเลี้ยง แต่เขาก็ยืนกรานที่จะจ่ายเช่นกัน เขาที่ใช้อีกฝ่ายเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวจะให้มาเลี้ยงคงรู้สึกไม่ดีนัก อีกทั้งยังเป็นถึงเจ้านาย สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายชนะไป

พอซื้อของเสร็จก็เดินทางไปยังห้องพักของรตี ห้องขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เหมาะสำหรับการอยู่คนเดียวทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายยังคงสถานะโสด เขานั่งรอเธอทำอาหารในขณะที่ในหัวก็คิดเรื่องราวไปต่างๆนานา รตีเป็นผู้หญิงที่แสดงออกว่าชอบพอเขาอย่างเปิดเผยและไม่เคยเปลี่ยนใจ ทำไมเธอถึงยอมให้ช่วงอายุสามสิบกว่าของเธอทิ้งไปกับการรอให้เขาหันมารับรัก? ผู้หญิงที่สวยและเลือกผู้ชายที่อยู่ในระดับเดียวกับเขาได้ทำไมถึงยังยึดมั่นถึงขนาดนั้น ถ้าเขาแต่งงานกับหญิงสาวคนอื่นไปเธอจะทำอย่างไร? เขารู้สึกเสียใจจริงๆที่ไม่เคยเหลียวมองความรู้สึกของหล่อนเลยสักครั้งเดียว

“อาหารเสร็จแล้วค่ะ” เสียงอ่อนหวานของหล่อนปลุกให้เขาตื่นออกจากภวังค์ กลิ่นหอมของอาหารบ่งบอกถึงความเป็นแม่บ้านแม่เรือนของเธอได้เป็นอย่างดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรสชาติ อาหารตรงหน้าอร่อยยิ่งกว่าบางร้านอาหารระดับห้าดาวที่เขาเคยกิน ภาสเอ่ยชมหล่อนไปหมายเปราะ เรียกใบหน้าเขินอายให้กับหญิงสาวได้เป็นอย่างดี เขาเริ่มเกิดคำถามกับตัวเองขึ้นมาว่าทำไมคนๆนั้นสำหรับเขาถึงไม่เป็นผู้หญิงตรงหน้านี้ ผู้หญิงที่เก็บฝีมือทำอาหารอยู่คนเดียวโดยไม่มีชายใดได้เคยลิ้มลอง ทำไมเธอถึงไม่ยอมเปิดโอกาสให้คนอื่น ทำไมเธอถึงชอบเขาได้มากมายขนาดนั้น

“อาหารมื้อนี้อร่อยมากจริงๆ”

“ขอบคุณที่รุ่นพี่คอยช่วยเหลือฉันตลอด แค่นี้ยังน้อยไปเลยค่ะ”

เขาคิดไม่ออกว่าตัวเองได้ช่วยเหลืออะไรหญิงสาวบ้าง หลังจากทานอาหารเสร็จเขาก็ทานผลไม้อยู่ที่หน้าโซฟาร่วมกับหล่อน ฟังเรื่องเล่าต่างๆของเธอไปเรื่อย เขาพบว่าตัวเองไม่เคยสนใจคนรอบตัวเลยนอกจากตัวเอง จะว่าไปแล้วเขายังไม่เคยพูดคุยนอนเล่นแบบนี้กับภคินเลยสักครั้ง วันหยุดเขาเอาแต่อ่านหนังสือ ไม่ก็ไปตีกอล์ฟเพื่อคุยธุรกิจ ปั่นจักรยานกับเพื่อนๆสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาไม่เคยชวนภคินให้ไปร่วมกิจกรรมเหล่านั้นด้วยกันเลยสักครั้ง

ยิ่งคิดยิ่งเกิดความละอายแก่ใจ เขาเอ่ยลาหญิงสาวเมื่อเวลาล่วงเลยถึงค่ำ เขาตอบรับเธอด้วยการสัญญาว่าจะมาทานอาหารฝีมือของเธออีก รตียิ้มให้เขาอย่างเขินอาย เขายิ้มน้อยๆก่อนจะโบกมือลา

พอกลับไปแล้วเขาก็ตรงกลับไปที่คอนโด ภาสไม่เคยกลับบ้านเกินสามทุ่ม ยกเว้นแต่จะมีประชุมหรือมีงานเลี้ยงที่บริษัท บางทีภคินอาจจะกำลังรอเขาด้วยความกังวล เพราะเขาเห็นว่ามีมิสคอลสองสายเมื่อตอนหนึ่งทุ่มมาจากคนรัก

อยู่ๆความโหยหาก็บังเกิดขึ้น บางทีที่คิดว่าเย็นชาอาจจะไม่เสมอไป เขาแค่ไม่รู้ว่าควรจะวางความรู้สึกของตัวเองไว้ตรงไหนยามที่เหตุการณ์แบบนั้นไม่สามารถรั้งกลับมาได้ทัน มันช้าไปแล้วกับการถวิลหา เขาตอกย้ำว่าตัวเองผิด แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่เกิดจากการหักหลัง หลายสิ่งไม่เคยเป็นดั่งที่ใจวาดหวัง เขาทำพลาด เจ็บปวดกับมัน ภาสลองปล่อยให้ความรู้สึกเป็นตัวนำมากกว่าให้สมองเป็นตัวสั่งการ เขาใช้เหตุผลมามากพอแล้ว ถึงคราวที่จะปล่อยให้อารมณ์ได้เป็นนายของตัวเองเสียที

พอเปิดประตูเข้าไปเขาก็พบกับความว่างเปล่า ภคินไม่ได้รอเขาอย่างที่คิด เขาได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากอีกห้องหนึ่ง กรวิชญ์คงจะอยู่ในห้องนอนของเจ้าตัว เขาเห็นว่าประตูมันปิดไม่สนิท ห้องที่เก็บเสียงได้เป็นอย่างดีของคอนโดหรูแห่งนี้จึงไม่เกิดผลอย่างที่ควรจะเป็น 

"อ๊ะ อื้อ! บอล ฮ้าา"

มันชัดเจนยิ่งกว่าครั้งก่อนมากโข

ภาสผลักบานประตูเข้าไปโดยแทบไม่ต้องคิด แสงจากภายนอกสาดส่องเข้าไปจนเห็นร่างขาวโพลนที่กำลังขยับควบอยู่บนเรือนกายหนา ทำไมเขาถึงคิดว่ากรวิชญ์ไม่สามารถขึ้นบนได้ในเมื่ออีกฝ่ายกำลังทำมันอยู่จริงๆ

กรวิชญ์หันมามองเขาด้วยความตกใจก่อนจะรีบลงมาแล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมกาย ส่วนภคินที่ความรู้สึกช้ากว่าใครก็ค่อยๆหันมาทางประตูอย่างเชื่องช้า

ดวงตาทั้งสองที่ประสานเข้ากับเขาเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่ตรงนั้น

สิ่งที่เขาเห็นคือเซ็กส์ของผู้ชายด้วยกันงั้นหรือ?

“ภาส!”

เขาพยายามคิดว่าถ้าตัวเองอยู่ในตำแหน่งเดียวกับกรวิชญ์เขาจะทำหน้าตาที่แสดงถึงความรวดร้าวแบบนั้นได้ไหม? มันแลดูทรมานหากแต่เปี่ยมไปด้วยความสุข เขาจะส่งเสียงในแบบเดียวกันได้หวานหูเท่าพี่ชายของตัวเองหรือเปล่า? หลายสิ่งที่พยายามเปรียบเทียบในตอนนี้ไม่ได้เกิดภาพเป็นตัวเองเลยสักนิด ภายในหัวของเขายังคงเป็นกรวิชญ์

อีกอย่างมาคิดเอาตอนนี้มันคงสายไปแล้ว 

ทำไมพวกเขาถึงได้ทำเรื่องพรรค์นั้น เพราะกระสันอยากทำอย่างนั้นหรือ? ในเมื่อมนุษย์เป็นสัตว์ชั้นสูง มีความอดทนอดกลั้นได้ดีกว่าสัตว์เดรัจฉาน ทำไมพวกเขาถึงยังต้องการกันและกัน ทำไมยังทำเรื่องพรรค์นั้นลับหลังเขาอยู่ร่ำไป

ไม่มีไม่ได้หรือ? อารมณ์ต่ำตมพรรค์นั้นจำเป็นต้องระบายมันออกมา... กับคนที่ไม่ใช่แฟน...ด้วยหรือไง 

ในขณะที่คิดเรื่องเหล่านั้นใบหน้าของเขายังคงเรียบนิ่ง ดวงตาจับจ้องไปยังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรัก ภคินขยับกายเข้าหาแต่เขาถอยหนีโดยอัตโนมัติ ภาสไม่ได้ฟังเสียงว่าอีกฝ่ายกำลังแก้ตัวด้วยเหตุผลอะไร เขาปิดกั้นการรับรู้ของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

“ภาส! เดี๋ยวก่อน!”

เขาโดนรั้งแขน ภาสเบือนหน้าหนีภาพเปล่าเปลือยของร่างตรงหน้า มันให้ความรู้สึกแตกต่างจากอัศวินอย่างสิ้นเชิง คนๆนั้นดูสมบูรณ์แบบ ในขณะที่คนรักให้ความรู้สึกคลื่นเหียน หรือเป็นเพราะรอยเล็บพวกนั้นที่เป็นที่ประจักบนเรือนกายขาวเนียนของอีกฝ่าย?

“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด!”

เขายังต้องคิดอะไรให้มากความอีก ในเมื่อทุกอย่างมันชัดเจนตำตาขนาดนี้

“ผมไม่ได้รักเขา! ผมรักคุณ! เราก็แค่ชั่ววูบด้วยกันทั้งสองฝ่าย!”

คำว่าชั่ววูบของอีกฝ่ายดูจะเป็นชั่ววูบที่ยาวนาน กระทำการเสพสมร่วมกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ภคินพูดคำพูดเหล่านั้นออกมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าคนฟังอีกคนจะรู้สึกยังไง เขาเห็นว่าพี่ชายของตัวเองมีน้ำตาคลอหน่วย ดวงตาจับจ้องมายังคนตรงหน้าเขาด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก พี่ชายของเขาหลงรักภคินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทำไมเขาไม่เคยสังเกตสิ่งนี้มาก่อนเลย...

“ผมขอโทษ ผมรักคุณจริงๆ”

ร่างของเขาถูกดึงไปกอดแน่น วูบหนึ่งเขารู้สึกขยะแขยงอ้อมกอดที่ได้รับ อีกฝ่ายพูดพร่ำแต่คำว่า ‘ขอโทษ’ ‘ผมรักคุณ’ เขายืนนิ่งเหมือนรูปปั้นหินสลัก ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ต่างจากกรวิชญ์ที่เต็มไปด้วยความเสียใจ เจ็บปวด จนแล้วจนรอดกรวิชญ์ก็ยังไม่ยอมมองมาที่เขา

เขาเป็นน้องของอีกฝ่ายไม่ใช่หรือ? ทำไมคนที่ถูกอาลัยอาวรณ์จึงกลายเป็นผู้ชายที่จับปลาสองมือตรงหน้าเขาได้ล่ะ

ภคินมันมีอะไรดีนักหนา?

ภาสตัดสินใจผลักไสอ้อมกอดจอมปลอมนั่นทิ้ง เขาชกภคินเต็มแรงจนร่างหนาๆล้มลงไปกองกับพื้น มันเป็นไปเองโดยที่เขาห้ามมือตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ

คนที่เข้ามาประคองคนรักของเขาคือใครอีกคนที่ทำเรื่องเลวทรามด้วยกันมาตั้งแต่ต้น พอเห็นแบบนั้นเขาก็คิดว่ามันคงได้เวลาแล้วที่จะพอกับความสัมพันธ์ง่อนแง่นพวกนี้เสียที

ตั้งแต่เปิดประตูและจบลงด้วยการบันดาลโทสะเขายังไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ น้ำลายของเขามันคงบูดเน่าไปแล้ว ภาสกวาดสมบัติออกจากตู้เซฟและหยิบเสื้อผ้าบางตัวใส่ลงในกระเป๋า ตัดสินใจออกจากคอนโดที่เป็นชื่อของตัวเองเพราะถ้าไล่สองคนนั้นออกไปพวกเขาก็คงไม่รู้จะไปอยู่กันที่ไหน

ดังนั้นการเสียสละเดินออกมาเองจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

มันคงทำให้คนทั้งสองยิ่งรู้สึกแย่และรู้สึกผิดต่อตัวเขา การแสดงออกด้วยท่าทีเฉยเมยถือเป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดที่จะได้รับจากกัน แม้แต่พ่อแม่และเพื่อนต่างก็กลัวการถูกปฏิบัติที่แสนเย็นชานี้ มีคนบอกว่ามันเป็นการลงโทษที่เลือดเย็นยิ่งกว่าอะไร เขาเลยจงใจที่จะทำตัวเป็นคนดี เป็นฝ่ายเสียสละ เดินออกมาจากพันธนาการอันเน่าเฟะ

ดูเหมือนการเลือกคู่ครองในคราวนี้จะถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของตัวเขา

ภาสย้อนกลับไปยังทางเดิมที่เพิ่งจากมา เขาขอรตีอยู่อาศัยด้วยชั่วคราว เธอตอบรับเขาด้วยความยินดี แม้จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรแต่เขาก็ยังทำมัน

ในตอนนั้นเขายอมรับเลยว่าตัวเองขาดสติไปแล้ว เขายอมปล่อยตัวปล่อยใจ ยอมให้ความชั่วช้าทางความคิดกระทำการเกินเลยกับหญิงสาว ภาสรู้ว่ายังไงอีกฝ่ายก็ไม่มีทางปฏิเสธเขา แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ทุกอย่างมันเป็นไปเองโดยที่ไม่ต้องมีใครมาสอน ไม่ต้องเสพสื่อลามก ไม่ต้องเข้าหาด้วยกามารมณ์ เขารู้แล้วว่าทำไมภคินถึงต้องการมันจากเขานัก เพราะมันให้ความสุขทางกายได้แบบนี้ ความเสน่หาทางอารมณ์มันแสนหอมหวานจนไม่อาจหักห้ามใจ

แต่ทั้งที่ร่างกายสุขสม... แล้วทำไมหัวใจของเขากลับไม่ถูกเติมเต็มเลยสักนิดเดียว

ภคินรู้สึกแบบเดียวกันบ้างไหมตอนที่มีอะไรกับกรวิชญ์?

เขาตักตวงความบริสุทธิ์จากหญิงสาว ฝังร่างและถอนกายออก หลังจากรตีหลับไปแล้วเขาก็นั่งพิงกายกับหัวเตียง รำลึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด เขาทำร้ายภคินที่ต้องการสิ่งนี้จากเขา ทำร้ายรตีที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร และท้ายที่สุดกลับเป็นหัวใจของเขาที่ยังคงเจ็บปวด

เขาทำร้ายตัวเขาเอง

และสองมือของเขาว่างเปล่า ไม่อาจไขว้คว้าสิ่งใดได้นอกจากความโดดเดี่ยวเพียงลำพัง


“ผมรักคุณ”


ที่พูดมานั้นจริงแท้แค่ไหนกัน


“ผมรักคุณจริงๆ”


แล้วทำไมคำว่ารักถึงทำให้คนฟังเจ็บปวดเจียนตายได้ขนาดนี้?




ภาสยังคงไปทำงานอย่างปกติในเช้าวันศุกร์ แต่คนที่ทำลายวันธรรมดาของเขาคือภคิน เขามองใบหน้าพกช้ำที่ตัวเองเป็นคนฝากรอยเอาไว้ด้วยความเฉยเมย มันเต็มไปด้วยความสำนึกผิด เจ็บปวด ร่างสูงตรงหน้ากำลังจนตรอกยิ่งกว่าหมาใน ภคินกำลังทรุดตัวลง คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมน้ำตาที่หยดลงจนเปรอะเปื้อนรองเท้าหนัง ผู้คนหันมามองมาทางเขาด้วยความสนใจ แต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงตรงหน้าก็ยังทำท่าเดิมอยู่แบบนั้นไม่เลิก

“ไม่อายหรือไง”

มันคงเป็นประโยคแรกที่เขาเริ่มต้นคุยด้วยหลังจากเห็นภาพทุเรศพวกนั้น

“ถ้ามันทำให้คุณยอมคุยกับผม ผมจะคุกเข่าแบบนี้ต่อไป...”

“อยากโดนไล่ออกนักใช่ไหม?”

ภาสไม่ได้พูดขู่ การทำเรื่องแบบนี้ภายในบริษัทเขาสามารถยื่นรายชื่อของพนักงานคนหนึ่งให้ฝ่ายบุคคลพิจารณาได้ ภคินคงไม่อยากเสียคนรักพร้อมกับเสียงานไปในเวลาเดียวกัน หรือถ้ามันบ้ามาก...

ซึ่งภคินมันก็บ้าจริงๆนั่นแหละ

“ไล่ผมออกเลยสิ”

“ห้านาที ผมให้เวลาคุณแค่ห้านาที”

เขาเดินเข้าไปในห้องทำงาน ปิดช่องทางการรับรู้ไม่ให้บุคคลภายนอกได้เห็น พอสบโอกาสร่างของเขาก็ถูกดึงเข้าไปกอดทันที ภาสพยายามดิ้นให้หลุดออกจากพันธนาการ แต่พันธนาการนั้นกลับดื้อด้านไม่ยอมปล่อยให้เขาออกห่างแม้แต่นิดเดียว

“สี่นาที!”

“ภาส มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดจริงๆ”

“ผมไม่ได้คิดอะไร”

อีกฝ่ายไม่ฟังเขาเลยสักนิด “มันก็แค่ความสัมพันธ์ทางกาย ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชายคุณเลยนะ”

“ถ้าพี่ชายผมมาได้ยินคงดีใจน่าดู” เขาพูดประชด

“ผมพูดจริงๆ ผมรักคุณ รักและเทิดทูนสุดหัวใจ ที่รักของผม ถึงผมจะนอกกาย... ผมก็ไม่เคยนอกใจคุณเลยสักวินาทีเดียว”

คำพูดหวานปนขมของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีเลยแม้แต่นิด

“สำหรับผมแล้วนอกกายกับนอกใจมันไม่ได้แตกต่างกัน” เขาพยายามดิ้นอีกครั้ง “มันคือเรื่องเดียวกัน คุณนอกใจผม”

“คุณบอกว่ามันคือเรื่องเดียวกันได้ยังไงทั้งที่คุณไม่ยอมมีเซ็กส์กับผมด้วยซ้ำ!”

เขาหยุดชะงัก รู้สึกถึงอารมณ์โกรธที่กำลังปะทุ สำหรับเขาแล้วนอกกายก็คือนอกใจ ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรกันจะมีเซ็กส์ด้วยกันได้งั้นเหรอ?

อย่างน้อยมันก็ต้องมีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยว ไม่อย่างนั้นแม้แต่หมาผู้ชายคนนี้ก็มีอะไรได้งั้นสิ?

“ก็เพราะความรักของผมมันไม่จำเป็นต้องมีเซ็กส์ยังไงล่ะ” เขาเถียงกลับไป จะมีหรือไม่มีแล้วมันยังไง ในตอนนั้นเขาเองก็เอาความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง ในขณะเดียวกันภคินก็ไม่ยอมลงเอาง่ายๆ

“ก็นั่นไง! ผมก็ไม่ได้รักพี่ว่าน! ผมก็แค่มีเซ็กส์กับเขา ผมแค่อยาก คุณไม่ยอมมีอะไรกับผมเอง!” ภาสไม่อยากฟังอะไรก็ตามที่อีกฝ่ายพยายามพูดออกมา การที่เขาไม่ยอมมีเซ็กส์ด้วยมันกลายเป็นชนวนให้อีกฝ่ายต้องมีคนอื่น? หรือจริงๆแล้วภคินมองว่าพี่ชายของเขาเป็นแค่ตุ๊กตายางขยับได้กัน?

ความคิดทุเรศพรรค์นี้เป็นของคนที่เขารักจริงๆอย่างนั้นหรือ

“แล้วทำไมต้องเป็นพี่ว่านล่ะ... ทำไมต้องเป็นพี่ชายของผม!” เขาออกแรงฟาดไม่ยั้งมือ ไม่คิดเลยว่าพอปล่อยให้อารมณ์เป็นนายแล้วจะก้าวร้าวได้ขนาดนี้ แหวนที่เขาสวมใส่กระแทกโดนใบหน้าหล่อคมจนเลือดซิบ เขานิ่งไป อีกฝ่ายเองก็นิ่งไม่ต่าง ในตอนนั้นเขาก็รีบดีดตัวออกมา ทำเป็นไม่เห็นผลจากการกระทำที่เขาเป็นคนก่อ

ทั้งที่มันทำให้เขาเจ็บปวดไปหมดแล้ว...

“ทำไมถึงได้มักมากจนเอากับพี่ชายผมล่ะภคิน!”

ภาสยังคงตอกย้ำความผิดให้อีกฝ่าย ปิดฝาโลงไม่ให้ภคินได้กลับขึ้นมาผงาด ทุกอย่างเกิดจากอารมณ์ที่ชั่ววูบ ชั่ววูบของเขามันสั้นแค่พริบตา ต่างจากคนตรงหน้าที่ทำผิดกับเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ผม... ขอโทษ”

น่าตลกสิ้นดี

ภาสจัดแจงเสื้อผ้าที่ถูกกอดจนยับยู่ สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด พยายามระงับอารมณ์ที่กำลังปะทุให้คลายตัวลง

เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่แสนเย็นชา

“แต่ถึงจะไม่ใช่พี่ว่าน... ผมก็รู้สึกขยะแขยงคุณอยู่ดี”

“ภาส ผม...”

“ถ้ายังรักผมอยู่ ได้โปรด... อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก”

“ภาส...”

เขาจะพูดมันออกไป จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกยิ่งกว่าที่เขารู้สึกในตอนนี้

“พิสูจน์คำว่ารักของคุณซะสิ อย่ามาให้ผมเห็นหน้าคุณอีกต่อไป” เขาสบเข้ากับดวงตาคมกริบ มันดูเศร้าราวกับจะขาดใจ แต่มันสายไปแล้วที่จะแสดงออกมา ทำไมถึงมาคิดได้เอาป่านนี้...

ในตอนที่เขาอยากเป็นฝ่ายทำร้ายกันอย่างถึงที่สุด

“ถ้าทำไม่ได้...คุณก็คงไม่ได้รักผมจริงๆอย่างที่พ่นออกมา”

มีคนเคยบอกว่าการลงโทษของเขามันคือสิ่งที่เลวร้ายต่อจิตใจ เลวร้ายยิ่งกว่าการเอามีดเข้ามากรีดแทง ภาสรู้สึกขบขันกับคำพูดเหล่านั้นอยู่ไม่น้อย มีดที่แทงลงบนเนื้อมันต้องเจ็บกว่าอยู่แล้ว เขาที่แม้แต่มดยังไม่เคยฆ่าจะไปมีอาวุธทำร้ายคนอื่นได้อย่างไงกัน

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าอาวุธของเขาคือคำพูดของเขาเอง

“แล้วเมื่อไหร่ถึงจะให้อภัยกัน...”

ภาสไม่ตอบ เขาเดินไปเปิดประตูแล้วผายมือเป็นนัยให้อีกฝ่ายทำตามสิ่งที่เขาต้องการ ชายหนุ่มมองหน้าคนรักด้วยความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด รู้สึกผิดและโกรธเกลียดตัวเองจนกลั่นออกมาเป็นน้ำตา มันคือสิ่งที่ภาสต้องการให้อีกฝ่ายรู้สึกอย่างแท้จริง ให้ทนกับความเจ็บปวดที่ตัวเองเป็นคนก่อ จมอยู่กับมันให้ถึงที่สุด และเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายยอมปลดปล่อยความรักของตัวเองให้เป็นอิสระ ก็คงเป็นวันที่ชายคนนั้นจะหลุดพ้นออกมาจากโทษทัณฑ์ที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของตัวเอง

“อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก”

เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้ ผลักไสภคินออกไปจากชีวิตจนไม่อาจรั้งกลับ

ปัง!

ปิดบานประตูเสียงดังและลงกลอนมัน


รวมถึงเรื่องราวและความสัมพันธ์ของเขากับภคินที่ถูกปิดตาย








ยังคงเป็นอีกหนึ่งคืนที่ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยสีดำมืดสนิท สายฝนโปรยปรายลงมาเล็กน้อย บรรยากาศที่โอบล้อมเย็นชื้นแลดูไร้ชีวิตชีวา

ภาสลืมตาโพลงเพื่อมองนาฬิกาที่เข็มสั้นกำลังชี้ไปยังเลขห้า

บนเตียงของเขาในเวลาห้านาฬิกายังคงเต็มไปด้วยความว่างเปล่า

เช่นเดียวกับหัวใจของเขาที่ยังคงว่างเปล่า

วันนี้ยังคงเป็นเหมือนกับปีที่ผ่านมา

ภาสอยากรู้ว่าความดื้อด้านของคนมีหน่วยวัดเป็นเวลาเท่าไหร่ แล้วเวลาสามารถย้อนคืนกลับมาได้หรือไม่?

เขาเกิดคำถามมากมายขึ้นมาภายในจิตใจ แต่คำตอบที่ได้กลับมีเพียงเสียงหน้าปัดของนาฬิกา






จบ



ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: 5 นาฬิกา (ตอนเดียวจบ)
«ตอบ #3 เมื่อ15-03-2017 17:16:10 »

อืม จะว่ายังไงดีล่ะ คือว่าภาสรักอัศวินกับภคินจริง ๆ เหรอ ทำไมมันช่างดูว่างเปล่า เฉยชาขนาดนี้

ออฟไลน์ yunjae123

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
นี่รู้นะว่าภคินกับพี่ชายผิด ที่แอบกินกัน
ออกแนวเลวเลยดีกว่าที่ทำแบบนี้
แต่นี่แอบไม่เข้าใจภาสนิดนึง
คือภาสเป็นคนแบบดูไม่สนอะไรเลยในชีวิต
ดูเหมือนไม่มีอารมณ์ร่วมกับทุกสิ่งอย่าง
บางทีด้วยนิสัยแบบภาส อาจจะเหมาะกับการอยู่คนเดียวมั้ยอ่าา

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
สุดท้ายมันก็ผิดด้วยกันทุกคนล่ะนะ เฮ้อออ  :z3:
 :L2: :pig4: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ nmwrny

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
บางทีการอยู่คนเดียวก็อาจจะดีกว่า เทา อึมครึมไปหมดเลย แงงง

ออฟไลน์ Fufufeel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ไม่รู้จะพิมพ์ออกมายังไงเลยค่ะ ถ้าจะบอกว่าภคินผิดทั้งหมดก็พูดไม่ออก ไม่แน่ใจว่ามันเริ่มมาจากตรงไหน เพราะภาสไม่ยอมมีอะไรกัน แต่คำพูดของภคินและการกระทำก็ดูเห็นแก่ตัวเหมือนกัน ผิดด้วยกันหมดเลย เป็นเรื่องที่อ่านแล้วหน่วงๆ แต่จะบอกว่าเศร้าจนร้องไห้ก็ไม่ใช่ อ่านแล้วเหม่อมากกว่าค่ะ ถ้าจะเห็นใจใครก็เลือกไม่ถูกอยู่ดี :katai1: เครียดเลย :mew5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
มันทึมๆไปหมดเหมือนวันที่ฟ้าครึ้มแต่ฝนไม่ตกอ่ะค่ะ
ภาสดูเป็นคนที่มีเป้าหมายชีวิตชัดเจน อยู่ในกรอบความคิดตัวเองตลอด
ภคิน เท่าที่อ่านตอนแรกคงแค่อยากลอง แล้วเลยเถิดจนทำให้พี่ว่านตกหลุมรักตัวเอง
ถามว่าใครผิด คงจะผิดกันทุกคนนะ แต่ไม่ใช่ว่าภาสผิดเพราะไม่ยอม แต่คงผิดที่ไม่คุยกันมากกว่า
ภาสคงรส.ดีกับภคินอยู่แหละ แต่มันกลับไปไม่ได้แล้วไงง
ส่วนตัวอยากให้ภาสกับพี่วินลองเริ่มกันใหม่ เพราะว่าดูแล้วพี่วินก็ยังรู้สึกดีกับภาสอยู่
แต่ตามเรื่องคงเป็นรตีที่ภาสคบต่ออ่านะ

วิเคราะห์เยอะเลย ขอบคุณคนเขียนนะคะ เขียนดีมักก o13 o13

ออฟไลน์ DarkCat_BK

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ทุกคนดูเป็นสีเทาหมดเลย ไม่มีใครดี ไม่มีใครเลว ภาสเหมาะกับการอยู่คนเดียวจริงๆแหละดูว่างเปล่าเติมไม่เต็ม :pig4:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
นี่รู้นะว่าภคินกับพี่ชายผิด ที่แอบกินกัน
ออกแนวเลวเลยดีกว่าที่ทำแบบนี้
แต่นี่แอบไม่เข้าใจภาสนิดนึง
คือภาสเป็นคนแบบดูไม่สนอะไรเลยในชีวิต
ดูเหมือนไม่มีอารมณ์ร่วมกับทุกสิ่งอย่าง
บางทีด้วยนิสัยแบบภาส อาจจะเหมาะกับการอยู่คนเดียวมั้ยอ่าา


จริง อยู่คนเดียวเถอะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด