ตอนที่ 6 : อธิบาย“ซื้อเหมือนกันดีไหม” ภูริชหันไปปรึกษามีคุณ เขายืนมองข้าวของในแผนกสินค้าสำหรับเด็ก เคยได้ยินมาว่าคนที่มีลูกแฝดมักซื้อ
ของใช้เหมือนกัน
“อย่าเลยครับ เด็กแฝดไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ให้เด็กรู้สึกเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่เล็กๆ จะดีกว่า”
“ภูกับริชชอบไม่เหมือนกันหรือ”
“ครับ”
“ไหนบอกคุณพ่อสิครับว่าชอบสีอะไรกัน” มีคุณวางมือลงบนศีรษะเล็กๆ ของหลานแฝด ถามคำถามแทนผู้เป็นบิดา
“ภูชอบสีน้ำเงิน” เด็กชายภูพูดเสียงดังฟังชัด เขาชอบสีเข้มๆ ไม่ชอบสีอ่อน
“แล้วริชล่ะครับชอบสีอะไร” ภูริชถามลูกชายคนเล็ก เด็กชายริชค่อนข้างขี้อายจึงต้องกระตุ้นกันเล็กน้อย
“ลิดชอบสีชอมพู พี่ดินบอกลิดเป็นตุ๊ด” ภูริชเลิกคิ้วหันไปมองหน้ามีคุณเป็นเชิงถามว่าพี่ดินคือใคร
“ริชไม่ใช่ตุ๊ด ภูก็ชอบสีชมพู” เด็กชายภูไม่ชอบสีชมพูสักนิดแต่เขาต้องการให้กำลังใจน้องชาย
“ลูกคนข้างบ้านครับ อยู่ปอสอง ยังเด็กแกก็พูดไปอย่างนั้นเอง”
“ภูต่อยเลย” เด็กชายภูเงยหน้าขึ้นเล่าวีรกรรมให้พ่อฟังด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ
“ภู! น้าคุนบอกว่ายังไงครับ โดนตีไปไม่เข็ดใช่ไหม ห้ามใช้กำลังตัดสินปัญหา เป็นลูกผู้ชายต้องรู้จักอดทน”
“ก็พี่ดินว่าริช” เด็กชายภูทำปากยื่น ไม่ใช่ว่าไม่เข็ดก้นเขายังระบมไม่หาย
“ภูต่อยกับเด็กปอสองเหรอคุน” ภูริชไม่สบายใจกลัวลูกชายเจ็บตัว
“ไม่เป็นไรครับ ตาดินไม่ได้โต้ตอบคงเห็นว่าเป็นน้อง” มีคุณขยับตัวเข้าไปใกล้ภูริชอีกนิดก่อนเบาเสียงลง
“ไม่ได้ต่อยจริงหรอกครับ แค่ฟาดหมัดใส่ท้องพี่เขามั่วๆ ไปสองที ตาภูต่อยเป็นที่ไหน”
“อ้าวเหรอ ฮ่าๆ” ภูริชขำลูกชายที่โม้เสียจนเขานึกว่าไปต่อยกับเด็กปอสองมาจริงๆ
“พี่ดินม่ายดีชอบแก้งลิด ภูเก่ง” เด็กชายริชเข้าข้างพี่ชาย อดนึกถึงพี่ชายข้างบ้านไม่ได้ ตัวก็โตชอบแกล้งริช
“เด็กๆ ไม่ได้โดนรังแกใช่ไหม” ภูริชฟังลูกชายเล่าแล้วชักกังวล กลัวว่าเด็กชายริชจะถูกรังแกบ่อยจนกลายเป็นปมในใจ
“ไม่โดนครับ เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก มีแกล้งกันบ้าง ตาภูไม่เท่าไหร่ตาริชแกขี้อาย พูดเสียงเบา ชอบเล่นคล้ายเด็กผู้หญิง ขา
นั้นเลยรำคาญ”
“พี่ดินบอกลามคาน” เด็กชายริชทำหน้าเศร้าเสียงหงอย จนคนเป็นพ่อรู้สึกฉุนขึ้นมา
“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวถ้ามาแกล้งริชอีกพ่อจะจัดการเอง”
“คุณภูริช! นั่นเด็กปอสอง” มีคุณอ่อนใจ นอกจากต้องรบกับหลานๆ แล้ว เขายังต้องรบกับพ่อของหลานอีกหรือ
“เฮ้อ ผมก็คิดอยู่ว่าตาภูนิสัยเหมือนใคร พี่บุญออกจะเรียบร้อยอ่อนโยน ที่แท้ก็ได้นิสัยเกเรจากใครบางคนมา”
“อู้ พ่อเกเรเหรอ” เด็กชายภูตาโต
“ระวังน้าคุนตีๆ ภูโดนบ๊อยบ่อย” เด็กชายตัวป้อมรีบเตือนพ่อด้วยความเป็นห่วง น้าคุนตีเจ็บๆ โดนทีไรเขาร้องไห้ขี้มูกโป่งทุกที
“ใครเกเรน้าคุนตีหมดทุกคนครับ” มีคุณตีหน้านิ่ง ภูริชเลิกคิ้วเป็นเชิงล้อเลียนว่าแน่ใจหรือว่าจะตีเขาด้วย
“ลิดมะเกเล แต่น้าคุนบอกปายด้วยกานโดนด้วยกาน” เด็กชายริชพูดตามประสาซื่อ เขาไม่เกเรน้าคุนยังตีเลย
“งั้นพ่อไม่กล้าแล้ว น้าคุณของลูกดุจริงๆ ”
“จะซื้อไหมครับของ ถ้าไม่ซื้อจะได้กลับไปรวมกลุ่มกับคนอื่น” เสียงดุของมีคุณทำให้ภูริชต้องรีบยกนิ้วทำท่าปรามเด็กๆ ไม่ให้พูด
ทำเอามีคุณหมั่นไส้เต็มกำลัง คนที่สมควรโดนดุที่สุดคือผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักโตต่างหากไม่ใช่หลานๆ ของเขา
✪✣✤✥✦✣✤✥✦✧✪
“คุณภูมิ ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย” ลับหลังเล็กๆ มีคุณยังเลือกที่จะทิ้งระยะห่างกับภูริชเอาไว้
“เอาสิ นั่งก่อน”
“ผมไม่อยากให้คุณตามใจตาภูกับตาริช เด็กยังเล็กบางครั้งก็ชี้ไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้อยากได้จริงจัง และถึงจะอยากได้ก็ต้องมีลิมิต
ต้องสอนให้รู้จักผิดหวัง รู้จักค่าของเงิน ขืนตามใจกันแบบนี้เอาใจกันขนาดนี้อีกหน่อยจะเสียเด็ก” มีคุณเดินตามเข้ามาในห้อง
ทำงานของภูริช ก่อนหน้านี้เขาพูดไม่ได้เพราะคุณภารวีกับคุณสัณณ์อยู่ด้วย จะพูดได้อย่างไรในเมื่อคุณภารวีเป็นหนักกว่าภูริช ก็
คงต้องให้ลูกชายเป็นคนไปคุยกับแม่
“พี่รู้ แต่คุนจะให้พี่ทำยังไง พี่เพิ่งเจอลูก เกือบสี่ปีเต็มที่พี่ไม่เคยให้อะไรลูกเลย ไม่เคยใกล้ชิดลูก มันแย่นักเหรอที่พี่อยากตามใจ
ลูกบ้างอยากเห็นแกมีความสุข อยากให้ลูกรู้ว่าพ่อรัก” มีคุณถอนใจออกมา เขาไม่ใช่คนไม่รับฟังคนอื่น พอได้ยินแบบนี้ก็อดใจ
อ่อนไม่ได้
“เอาเถอะครับ ครั้งนี้ซื้อมาแล้วช่างมันเถอะ คราวหน้าให้แค่พอดี ถ้าอยากซื้อให้สักคนละชิ้นก็พอ”
“ครับผม”
“ผมฝากคุณภูมิคุยกับคุณป้าให้ด้วยได้ไหม ผมเป็นเด็กพูดไปมันไม่ดี”
“ได้สิ พี่คุยกับแม่เอง”
“คุณภูมิ”
“ครับ” ภูริชรู้สึกได้ว่าสีหน้าของมีคุณดูจริงจังขึ้นมา
“คุณจะบอกแฟนไหม ใช่ผู้หญิงคนที่ผมเจอที่ร้านอาหารหรือเปล่า”
“จะว่าใช่ก็ได้ พี่จีบเธออยู่เธอชื่อนิลยา คุนเรียกว่าพี่นิลหรือคุณนิลก็ได้น่าจะแก่กว่าคุนปีสองปี แล้วช่วยเลิกเรียกพี่ว่าคุณเสียที
เรียกว่าพี่เหมือนที่เรียกต่อหน้าหลานเถอะ”
“แต่”
“คุน” มีคุณนิ่งไปชั่วครู่ อยากจะเอาชนะแต่คิดไปคิดมาจะมาเถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระทำไม
“พี่ภูมิจะบอกเธอไหม”
“ต้องบอกสิ พี่ไม่คิดจะปิดบังนิลอยู่แล้ว”
“ถ้าพี่ภูมิจะพาเด็กๆ ไปทำความรู้จักต้องพาผมไป เรื่องความรักของพี่ผมไม่ยุ่ง แต่ถ้ามันเกี่ยวกับหลานของผม ผมต้องรับรู้ด้วย”
“ได้สิ เอาไว้วันที่คุณแม่จัดงานพี่จะพานิลมา จะได้ทำความรู้จักกันไว้”
“เหมือนพี่ภูมิมั่นใจว่าคุณนิลจะรับได้”
“พี่เชื่อแบบนั้น นิลเป็นคนมีเหตุผลน่าจะเข้าใจไม่ยาก”
“ผู้หญิงที่เข้าใจผู้ชายที่ทิ้งเมียไป ถือว่าใจกว้างมากนะครับ ผมชักอยากเจอ” มีคุณอดประชดประชันไม่ได้ เขามักจะอ่อนไหวเมื่อ
คิดถึงความเจ็บปวดของพี่สาว
“คุน! พี่ไม่รู้ว่าคุนได้ยินอะไรมาเกี่ยวกับตัวพี่ แต่พี่ว่าคุนกำลังเข้าใจพี่ผิด พี่เคยคิดว่าจะไม่พูดอย่างน้อยก็อยากให้เกียรติบุญ แต่
ถ้ามันทำให้เราบาดหมางกันพี่ว่ามันไม่ดีกับเด็กๆ”
“พี่ภูมิจะพูดอะไร” มีคุณหรี่ตาลง รู้สึกไม่ไว้ใจผู้ชายตรงหน้าขึ้นมา
“พี่ไม่เคยทิ้งบุญ ไม่ใช่คนบอกเลิกด้วยซ้ำ นาบุญต่างหากที่เป็นคนขอเลิกพี่ก่อน”
“ไม่จริง พี่บุญบอกว่าพี่ภูมิเป็นคนขอเลิก”
“พี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมบุญถึงพูดแบบนั้นแต่ไม่ใช่พี่ พี่ผิดที่ไม่ยื้อบุญเอาไว้เพราะพี่เองก็เหนื่อย คุนเป็นแฝดกับบุญน่าจะรู้ว่าบุญเป็นคน
คิดมากแค่ไหน เราทะเลาะกันหนัก ไม่เข้าใจกัน สุดท้ายมันก็ไปต่อไม่ไหว วันที่บุญมาขอเลิกพี่ถึงเลือกที่จะปล่อยบุญไป”
“แต่พี่บุญบอกว่าพี่ภูมิมีผู้หญิงอื่น ถ้าพี่บุญขอเลิกจริงก็เพราะทนนิสัยของพี่ไม่ได้”
“พี่ไม่เคยมีใคร พี่ให้เกียรติบุญเสมอ แต่พี่ยอมรับว่าช่วงนั้นมีข่าวเข้ามาหนาหู ข่าวมั่วคิดกันไปเองทั้งนั้นแต่บุญก็พร้อมจะเชื่อทุก
ข่าวที่เข้ามา”
“พี่บุญตายไปแล้ว พี่ภูมิจะพูดอะไรก็ได้”
“เอาเถอะพี่ถือว่าพี่ได้อธิบายในส่วนของพี่แล้ว คุนจะเชื่อหรือไม่ไม่เป็นไร พี่เชื่อว่าสักวันคุนจะรู้จักพี่ดีพอ”
“เรื่องมันผ่านมาแล้วผมรู้ไปก็ป่วยการ ตอนนี้ผมอยากโฟกัสที่หลานมากกว่า ขอเพียงพี่ภูมิดูแลเด็กๆ ได้ดี ผมไม่ติดใจอะไรอีกแล้ว”
“ไม่ติดใจแต่ค้างคาใจ”
“พี่ภูมิ ผมไม่ได้อยากเข้ามาคุยเรื่องนี้”
“พี่ขอโทษ” ภูริชเอ่ยปากขอโทษ เห็นความสับสนปนเจ็บปวดในแววตาของของมีคุณแล้วทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมา เด็กคนนี้ต้อง
ต่อสู้มาเพียงลำพัง ต้องเข้มแข็งเกินวัยเพราะเขาและนาบุญมาเป็นเวลานาน ไม่ควรต้องทุกข์ใจอีก
“ช่างเถอะครับ ผมก็ผิดที่พูดอะไรไม่คิด ขอโทษที่พูดแรง”
“ไม่เป็นไรพี่ผิดเอง ส่วนเรื่องนิลคุนไม่ต้องห่วงพี่จะจัดการเอง”
“ครับ ผมแค่อยากให้แน่ใจว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นกับเด็กๆ ทีหลัง ผมบอกไว้ก่อนว่าถ้าหลานผมไม่มีความสุขเมื่อไหร่ผมพากลับ
เมื่อนั้น”
“พี่รับปาก”
“ถ้าอย่างนั้นผมออกไปก่อน จะพาเด็กๆ ไปอาบน้ำ”
“รอเดี๋ยวได้ไหม พี่ขอเวลาสักสิบนาที ขอตอบเมลนี้ก่อนแล้วเดี๋ยวพี่ไปด้วย”
“ไปไหนครับ”
“ไปช่วยคุนอาบน้ำให้ลูกไง”
“เด็กๆ อาบเองได้ครับ ผมแค่ช่วยนิดหน่อยให้แน่ใจว่าสะอาดแล้ว”
“พี่อยากเห็น อีกหน่อยจะได้ช่วยคุนพาเด็กๆ ไปอาบน้ำ”
“อยากทำจริงๆ เหรอครับ”
“จริง คุนรอพี่หน่อยนะ”
“ก็ได้ครับ เด็กๆ คงดีใจ” มีคุณยอมนั่งลงรอ เพื่อหลานแล้วเขายอมลดทิฐิและความโกรธทุกอย่าง
ภูริชนั่งทำงานไปเงียบๆ มีคุณลอบมองใบหน้าของอีกฝ่าย พลางคิดไปถึงเรื่องที่ภูริชพูดเมื่อครู่ ถ้าเป็นความจริงทำไมนาบุญถึง
ไม่คิดบอกเรื่องลูกแฝดให้ภูริชรู้ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ใช่คนตัดเยื่อใย เขาจะเชื่อสิ่งที่ภูริชพูดได้ไหม เรื่องจริงเป็นอย่างไรกันแน่ พี่
บุญพี่ไม่ได้โกหกผมใช่ไหม ผมอยากรู้
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
จากตอนที่แล้วอาจจะรู้สึกว่าชโนทัยทำไมดูขัดแย้งในตัวเอง ทีมไหนกันแน่ ตอบได้เลยว่าทีมตัวเองค่ะ ชโนทัยเป็นเด็กเอาแต่ใจนิดๆ
นิสัยดีบ้างไม่ดีบ้างเพราะถูกสปอยมาตั้งแต่เล็ก ตอนต้นที่ถามเรื่องนิลนั้นถามเพราะเจ้าตัวอยากรู้จริงๆ หรือเรียกว่าแส่ก็น่าจะได้
ส่วนตอนหลังที่เลือกอยู่ทีมมีคุณเพราะอยากแกล้งพี่ชาย สรุปคือทีมไหนไม่สำคัญ ชโนทัยแค่เอาความสนุกของตัวเองเป็นหลักค่ะ
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin