ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ห า กั น จ น เ จ อ // ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิทค่ะ [4.10.61]  (อ่าน 194081 ครั้ง)

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #60 เมื่อ30-04-2017 19:41:31 »

มาแล้ววววววว  :ling1:

เขาจะเจอกันในหน้าที่แล้ววววว รณณ์จะโดนคนไม่อินกับความรักด่าไหมนะ
แต่คงไม่หรอกเนอะ ก็ออกจะถูกคออ่ะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #61 เมื่อ01-05-2017 18:25:54 »

อ่านมาถึงกลางตอนเป็นอะไรที่อมยิ้มแก้มตุ่ยมาก มันดูละมุนสุดๆ :o8:  แอบกลัวว่าตอนหน้าจะคนละอารมณ์กับตอนนี้มั้ย :ling2:

ออฟไลน์ mooplapoo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #62 เมื่อ02-05-2017 12:18:37 »

ชอบอ่านเรื่องที่ให้ความรู้สึกแบบนี้มากเลยค่ะ จะว่าไงดี มันค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็แอบเขินได้ในทุกตอน แถมยังเป็นเรื่องในวงการนี้อีกทำให้อินไม่น้อย ตอนล่าสุดนี่ทิ้งท้ายไว้ให้คาใจสุดๆไปเลย ตื่นเต้นเพราะเขาจะเจอกันในกันในบริษัทแล้ว คุณบก.จะเรียกไปชมหรือตินา เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ ><

ออฟไลน์ blue colour

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #63 เมื่อ03-05-2017 00:07:55 »

เพิ่งมาเจอเรื่องนี้ งื้อออออเป็นเรื่องที่เรื่อยๆแต่ก็ทำให้เขินตลอด รณณ์น่าเอ็นดูวววววววว คุณดีนน่ารักอะ5555มันอธิบายไม่ถูกอยากเห็นตอนที่เค้ารักกันแล้วจะเป็นยังไง นี่ขนาดเพิ่งรู้จักกันคุณดีนก็หวงรอยยิ้มของน้องซะแล้ว :o8:

ปล.ผิงนี่มีอะไรในกอไผ่กับพี่คริสรึเปล่าเนี่ย เหมือนสองคนนี้รักกันอะหรือเรามโนไปเอง5555

ออฟไลน์ Lili405

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 24
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #64 เมื่อ03-05-2017 04:18:45 »

ตามมาจากที่มีคนแนะนำในทวิต
คือชอบมากกกกค่ะ ดีงามมากจริงๆ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ กำลังค้างเลย
สู้ๆค่ะ

ออฟไลน์ powl-the-2nd

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 71
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 7 [29/04/17]
«ตอบ #65 เมื่อ03-05-2017 23:31:23 »

โอ๊ยเพิ่งหาเรื่องนี้จนเจอ 5555555 ชอบมากเลยค่ะ บรรยากาศในเรื่องละมุน น่ารัก ขอบคุณที่เขียนเรื่องดีๆ แบบนี้มาให้อ่านนะคะ  :-[  ติดตามค่าา

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #66 เมื่อ15-05-2017 23:55:40 »



ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนที่ #08











“ตายแน่ไอ้น้อง!”


นี่คือคำตัดสินชะตาจากทศหลังจากที่ได้อ่านคอลัมน์ที่รณณ์เขียนขึ้นมา เมื่อทั้งแผนกทราบเรื่องที่เด็กฝึกงานของตนถูก ‘บก.สุดโหด’ เรียกไปพบ ทุกคนต่างพากันมาขออ่านเรื่องที่เขาส่งไปให้พิจารณา แต่นอกจากดาวก็มีแต่เพียงทศเท่านั้นที่ได้เป็นตัวแทนของทุกคนได้อ่านมัน

แล้วก็สรุปออกมาสั้น ๆ ให้ทุกคนได้ฟังดังข้างต้น


เสียงฮือฮาดังขึ้นระงมไปทั่วทั้งแผนก เด็กหนุ่มหน้าเสีย ความภาคภูมิใจในงานเขียนที่มีหลังเขียนจบพาลหายไปเสียเกือบหมด


รณณ์สร้างสรรค์งานเขียนเพื่อใส่คอลัมน์ในนิตยสารไลฟ์ฉบับเดือนกุมภาพันธ์สำหรับประเมินการฝึกงานอยู่หลายเรื่อง จนกระทั่งใกล้กำหนดส่งงานให้หัวหน้าแผนกสาวเมื่อคืนนี้ ในตอนนั้นเองที่งานเขียนเรื่องล่าสุดที่เพิ่งพิมพ์เสร็จหมาด ๆ ถูกส่งไปทางอีเมล



‘หากันจนเจอ’


“บอกอโหดขนาดนั้นเลยเหรอพี่”


“ไม่รู้อะไรซะแล้ว  บอกอเขาไม่อินไปกับแกหรอก เขียนซะหวานเลี่ยนขนาดนี้ เอาตรง ๆ นะ เรียกแกไปด่าแหง”


…ไม่ให้กำลังใจน้องเลยจริง ๆ …


“เขาคงไม่ไร้เหตุผลขนาดนั้น...มั้งครับ” พูดออกไปด้วยความไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ ฝึกงานมาหลายสัปดาห์แล้วแต่ตัวจริงหรือก็ไม่เคยเจอ ได้ยินแต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงกิตติศัพท์ทุกครั้งที่มีการประชุมกัน


…ซึ่งก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่…


“เหตุผลน่ะมีครับ เหตุผลคือไม่อินกับความรักไงครับ ไม่อย่างนั้นพวกพี่จะเหนื่อยกับเล่มนี้ขนาดนี้เหรอ…เฮ้อ! ไป ๆ มา ๆ กูก็ชักจะเกลียดเดือนกุมภาฯแล้วเหมือนกันว่ะ” ประโยคหลังทศหันไปบ่นกับเพื่อนร่วมงานคนอื่น


ก็คงไม่ขนาดนั้น


รณณ์ยังคิดในแง่ดี เพราะอย่างน้อยบก.ก็ยังยอมให้ทำธีมความรัก แถมยังยอมให้นำเรื่องของผู้บริหารกับดาวมาเป็นคอลัมน์หลักได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะพิสูจน์ว่าบก.เป็นคนมีเหตุผลมากพอที่จะรับฟังและยอมรับเรื่องพวกนี้ได้


…ไหมนะ…


“พี่ก็ไม่อยากจะส่งไปให้นะ แต่ในเมื่อเราตัดสินใจแบบนั้น…” ดาวที่ยืนฟังอยู่นานเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิด


“พี่ดาวไม่ผิดหรอกครับ ผมตั้งใจเขียนมันขึ้นมาเอง แล้วผมก็อยากจะให้มันเป็นเรื่องที่ได้ตีพิมพ์ด้วย บอกอเรียกพบตอนนี้ก็ดีเหมือนกันครับ ผมอยากรู้ฟีดแบค”


“ไอ้รณณ์เอ้ย ชีวิตแกขึ้นอยู่กับบอกอนะเว้ย จะรั้นเรื่องไหนก็รั้นได้ แต่อย่ารั้นเรื่องความรัก พี่ขอเตือนด้วยความหวังดี ชีวิตฝึกงานจะไม่ราบรื่นเอาได้…อ้อ! หยิบทิชชูนั่นติดมือไปด้วย เผื่อได้ใช้”


เด็กหนุ่มหันมองไปทั่วห้อง ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ทศพูดจนเขาชักหวั่นใจอยู่เนือง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำแต่อย่างใด รณณ์เพียงแค่รับปากทุกคนเสียดิบดีว่าจะไม่รั้นหัวชนฝาและจะใช้สติในการตอบโต้อย่างนุ่มนวล

.

.

.

แล้วถ้าไม่มีสติล่ะ?


เขาจะถามหาสติจากไหนได้เมื่อพบว่าโลกใบนี้มันกลมเกินไปแล้ว คนที่เป็นแรงบันดาลใจของเรื่อง ‘หากันจนเจอ’ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหานั้นด้วยคือคนเดียวกับที่ตรวจงานและเรียกเขามาพบเพราะเนื้อหาข้างในนั้น!!


รณณ์อยากจะสบถคำหยาบออกมาเสียเดี๋ยวนี้ น่าจะเอะใจตั้งแต่เห็นป้ายชื่อว่า ‘ดีน ดีนาดา วัชรเสรีนนท์’ ที่หน้าห้องแล้ว อย่างน้อยถ้ารู้ล่วงหน้าว่าจะเข้ามาเจอใครก็จะได้เตรียมใจและทำสมาธิให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เข้ามาแล้วสติกระเจิงอย่างตอนนี้


คุณดีนหนอคุณดีน ตอนไม่เจอกันก็เฉียดกันไปมา พอเจอกันครั้งหนึ่งก็เจอกันบ่อยเสียร่ำไป แต่เหตุใดถึงต้องมาเจอกันที่นี่และสถานะแบบนี้!


รณณ์อยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียเหลือเกิน ครั้นจะขอต้นฉบับคืนมาด้วยความอายก็ทำไม่ได้อย่างใจหวัง ที่ทำได้ในตอนนี้คือพยายามตั้งสติอย่างที่รับปากทุกคนเอาไว้แล้วยืนทำหน้าตาสงบเสงี่ยมที่สุดแม้ว่าจะหวั่นกลัวจนใจเต้นแรงมากก็ตาม


…กลัวว่าคุณดีนจะรู้ว่า ‘เขา’ ในเรื่อง…คือตัวเขาเอง…


“เอ่อ…บอกอเรียกผมมา มีอะไรรึเปล่าครับ”


…นั่นสินะ ลืมไปเสียสนิท…


คนเป็นบรรณาธิการกระแอมไอเรียกสติตัวเองเล็กน้อย เอ่ยอนุญาตให้ ‘เด็กฝึกงาน’ นั่งลง รอจนอีกฝ่ายทำตามคำสั่งเรียบร้อยแล้ว เขาถึงได้พูดถึงเรื่องที่ตั้งใจไว้ก่อนหน้านี้


“คุณเขียนเรื่องหากันจนเจอนี่เหรอ?”


“ครับ”


ดีนจินตนาการว่าเจ้าของงานเขียนนี้น่าจะเป็นสาวน้อยช่างฝันหรือใครสักคนที่มีบุคลิกเพ้อฝันอะไรทำนองนั้น ไม่คิดว่าจะเป็น เอ่อ….หนุ่มหล่อที่ดูจะอยู่ในโลกของความจริงมากกว่าแบบนี้


ความจริงคือไม่คิดว่าจะเป็นรณณ์


“เขียนงานอื่นสำรองไว้ไหม”


รณณ์อึ้ง ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกปฏิเสธการอธิบายถึงเรื่องนั้นด้วยการถูกถามถึงเรื่องอื่นแบบนี้ “ผมขอถามถึงสาเหตุของการ reject งานนี้ได้ไหมครับ”


ดีนมองสบนัยน์ตาแน่วแน่คู่นั้น เพิ่งสังเกตชัด ๆ ก็วันนี้เองว่านัยน์ตาสุกใสคู่นี้ฉายแววรั้นอยู่ไม่น้อยทีเดียว ท่าทีสั่นกลัวที่มีก่อนหน้านี้ก็หายไปเสียหมด เหลือแต่ผู้กล้าที่มุ่งมั่นจะเอาคำตอบให้ได้


แผ่นหลังกว้างเอนพิงพนักเต็มแรง ไขว้ขาขึ้น มือผสานกันหลวม ๆ บนหน้าตักด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ผมไม่ชอบ”


แววตาที่มองมานั่นคืออะไรกัน ผิดหวังในตัวเขาอย่างนั้นหรือ? ทำไมถึงทำให้เขารู้สึกผิดได้มากขนาดนี้นะ


“มันชวนเลี่ยนเกินไป ไม่ตรงกับคอนเซ็ปต์นิตยสารของเรา” ดีนอธิบายเพิ่มน้ำหนักให้กับคำว่า ‘ไม่ชอบ’ เพื่อลดความรู้สึกผิดในใจ


“แต่มันเป็นฉบับเลิฟ…”


“ในความคิดคุณ คำว่ารักมันมีแต่ความหวานอย่างนั้นเหรอ?”


“ไม่ใช่ครับ เพียงแต่ในความคิดผม การเจอกันของคนสองคน…เป็นจุดเริ่มต้นของความรักครับ”


ดีนเลิกคิ้วทำหน้าฉงน เปิดโอกาสให้เด็กหนุ่มได้อธิบายต่อ


“ความรักมีหลายรสชาติก็จริง แต่การพบเจอกันในรูปแบบของพรหมลิขิตหรือโชคชะตา มันมักจะเริ่มต้นความรักด้วยความหวานครับ” รณณ์ไม่ได้นำเรื่องของตัวเองมาเขียน เพราะเขาไม่ได้คิดว่าการเจอกันของเขากับ ‘คุณดีน’ เป็นเรื่องของอะไรที่เรียกว่า ‘เนื้อคู่’ รณณ์เพียงแค่ได้แรงบันดาลใจจากการที่ต่างฝ่ายต่างก็วนกันไปมารอบ ๆ ตัวของกันและกัน แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้พบเจอกัน เขาแค่เขียนให้มันออกมาในกลิ่นอายของความรักเท่านั้นเอง


“แรกพบ อะไรก็ชื่นมื่นสินะ”


สุ้มเสียงทุ้มคล้ายจะเหยียดหน่อย ๆ แต่รณณ์รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เหยียดงานเขียนหรือความคิดตน แต่อีกฝ่ายกำลังเหยียดความรักต่างหาก จะว่าไปเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมคุณดีนถึงไม่เข้าใจความรักและมองมันในแง่ลบตลอดอย่างเช่นทุกสเตตัสที่มีการพูดถึงความรัก


แต่เดี๋ยวก่อน…


ถ้าคุณดีนเป็นบรรณาธิการของที่นี่ นั่นก็เท่ากับว่าเป็นน้องชายของท่านประธาน เท่าที่ตามมาหลายปีก็รับรู้อยู่หลายครั้งทีเดียวว่าคุณดีนไม่ยินดีกับงานแต่งของพี่ชายสักเท่าไหร่


…เพราะอะไรกันที่ทำให้เขารู้สึกแบบนั้น…


“แล้วตกลงว่ามีงานเขียนอื่นสำรองไว้ไหม” ยังไม่ลืมเรื่องนี้อีกเหรอ…


“ผมอยากตีพิมพ์เรื่องนี้ครับ” แทนที่จะตอบคำถาม รณณ์กลับเบี่ยงประเด็นแจ้งความต้องการของตัวเองแทน


ขอรั้นสักนิดเหอะวะ


ห้องทำงานตำแหน่งบรรณาธิการตกอยู่ในความเงียบเกือบนาที แววดื้อรั้นจริงจังในหน่วยตาคู่นั้นทำให้ดีนต้องถอนหายใจออกมาอย่างยอมแพ้ ไม่คิดว่าตนจะต้องยอมลงให้กับเด็กคนนี้ง่ายดายขนาดนี้ “ถ้าอย่างนั้นก็ไปปรับแก้มาใหม่”


“งานเขียนที่ปรับแก้ตามใจคนอื่น มันยังจะเป็นสิ่งที่นักเขียนต้องการสื่ออีกเหรอครับ ผมว่าแทบไม่ต่างอะไรกับเขียนเรื่องใหม่”


“ผมหมายความว่าให้คุณไปปรับให้ดูเรียลกว่านี้หน่อยแล้วค่อยส่งมาให้ผมพิจารณาใหม่”


“มันไม่เรียลตรงไหนครับ?” เจ้าของบทความถามสวนกลับไปทันควัน


“คุณไม่คิดว่ามันไอเดียลมากเกินไปเหรอ? นี่มันโลกของการเพ้อฝันชัด ๆ”


“…แต่มันเกิดขึ้นจริงนะครับ”


ดีนมองเด็กฝึกงานที่ก้มหน้างุดหลังจากพูดสวนกลับมาเสียงแผ่วผิดจากทุกครั้ง


“งั้นขอถามหน่อยได้ไหม…” ดีนเกริ่น เมื่ออีกฝ่ายตอบรับ คำถามคาใจจึงถูกส่งออกไป “…คุณกำลังมีความรักเหรอ?”


“คะ ครับ?”


“ที่คุณบอกว่ามันเกิดขึ้นจริง…คุณหมายความว่าคุณ…กับเธอคนนั้น เป็นแบบในเรื่องที่คุณเขียนน่ะหรือ?”


“เอ่อ…” จะให้ตอบอย่างไร บอกว่าไม่ใช่เรื่องของเขาก็เหมือนจะโกหก แต่จะบอกว่าใช่ก็พูดได้ไม่เต็มปาก “…ผมเคยเจอเรื่องทำนองนี้ครับ”


ตอบแบบนี้คงจะดีกว่า


“…แต่ไม่ใช่กับแฟน”


“แล้วสรุปว่ากำลังอินเลิฟรึเปล่า”


รณณ์ขมวดคิ้วมุ่น นึกสงสัยในคำถามแต่ก็ยอมตอบแต่โดยดี “เปล่าครับ ผมโสด”


บรรณาธิการหนุ่มกระแอมไอหนึ่งครั้งเพื่อเรียกสมาธิจากคำตอบนั้น ทั้งเม้มปากทั้งดุนลิ้นใส่กระพุ้งแก้มเพียงเพราะไม่กล้ายิ้มออกมาตรง ๆ


จริง ๆ แล้วดีนก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องดีใจกับคำตอบนั้น


“เอาล่ะ ถ้ายืนยันจะตีพิมพ์เรื่องนี้ก็ไปปรับมาใหม่ ปรับให้เป็นรูปแบบของคอลัมน์นิตยสาร ที่คุณเขียนมามันออกไปทางนิยายมากเกินไปหน่อย อ่านดูแล้วยังไม่มีอะไรสร้างสรรค์ให้คนอ่านคิดหรือต่อยอดได้”


“ครับ”


“ส่งให้ผมภายในวันพุธ ทันไหม?”


“ทันครับ”


ใครบอกว่าบก.โหด ไร้เหตุผล ทั้งหมดที่คุยมานี่ก็น่าจะยืนยันได้แล้วว่าอีกฝ่ายมีเหตุผลและพร้อมจะรับฟังมากพอ


นักศึกษาฝึกงานหนุ่มยิ้มรับความสำเร็จครึ่งหนึ่งของตัวเองก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานตามเดิม คนเป็นนายก็อนุญาตอย่างไม่มีข้อแม้ แต่พออีกฝ่ายเดินใกล้ถึงประตูห้อง ดีนกลับเรียกรั้งเอาไว้ราวกับเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้

.

.

.

“เป็นไงบ้างวะรณณ์ บอกอว่าไงบ้าง?” เป็นทศที่เข้ามาถามไถ่เป็นคนแรก รณณ์สังเกตว่าทุกคนในแผนกยังไม่ได้แยกย้ายกันไปทำงาน ทุกคนยังรวมตัวกันบริเวณโต๊ะทำงานของเขา ไม่เว้นแม้กระทั่งดาว


“บอกอใจร้ายมากใช่ไหมล่ะ” เด็กหนุ่มยังไม่ทันได้ตอบคำถามแรก คำถามที่สองก็ถูกส่งมาให้แบบไม่ขาดช่วง


ใจร้ายหรือ?...ไม่นะ


เด็กหนุ่มส่ายหน้าจนเส้นผมปลิว


…ออกจะใจดี…


นอกจากคุณดีนจะยอมรับเรื่องที่รณณ์เขียนแล้วยังใจดีให้นิตยสารเล่มก่อน ๆ มาอ่านศึกษาเพิ่มเติมเพราะเห็นว่าเขาไม่เคยเขียนคอลัมน์มาก่อนอีกด้วย


ทั้งใจดีและหวังดี


“หมายความว่าเรื่องของแกผ่านเหรอวะ” ทศถามด้วยความแปลกใจ ให้ตายอย่างไรก็ไม่เชื่อว่าบทความเลี่ยน ๆ นั่นจะผ่านการพิจารณาของบก. แต่ถ้าผ่านจริง คะแนนฝึกงานของเจ้าเด็กนี่ก็คงร่อยหรอไม่เหลือแน่

   
รายนั้นน่ะ เอ็นดูใครเป็นเสียที่ไหน อาจจะแกล้งยอมเพื่อมาหักคะแนนก็ได้ เพราะอย่างไรเสียงานเขียนของนักศึกษาฝึกงานก็ไม่มีผลต่อความนิยมของนิตยสารอยู่แล้ว มันเป็นแค่ช่องทางโชว์ฝีมือของนักศึกษาเท่านั้นเอง

   
“ยังไม่ผ่านหรอกครับ ยังต้องแก้อีกเยอะ”

   
“แก้จากธีมความรักเป็นสยองขวัญป่ะวะ” เสียใครสักคนแทรกขึ้นมาก่อนจะตามด้วยเสียงหัวเราะของทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ดาว ที่แม้จะไม่ได้หัวเราะร่าเต็มเสียงเหมือนคนอื่น แต่อาการขบขันที่เจ้าตัวมีนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะตัดสินว่าเธอเห็นด้วยกับสิ่งที่ลูกน้องพูด

   
“ทำไมทุกคนมองคุณ…เอ่อ บอกอในแง่ร้ายจังเลยล่ะครับ” อดไม่ได้ที่จะหลุดปากถามออกไป จนทำให้เสียงหัวเราะเมื่อครู่เงียบลงสนิทก่อนจะดังขึ้นกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ จะมีก็แต่ดาวที่ติดรอยยิ้มไว้มุมปากเท่านั้น

   
“อยู่ไปนาน ๆ เดี๋ยวก็รู้” ทศตอบทั้งที่ยังหัวเราะร่วน

   
“เออพี่ ตกลงบอกอตายด้านจริงป่ะวะ แล้วเรื่องที่ลือว่ากิ๊กกับพี่ผิงอ่ะ จริงรึเปล่า?” ใครสักคนเปิดประเด็นขึ้นมาให้เกิดคำถามเดียวกันในหัวของทุกคนว่า

   
…เออ จริงไหมวะ?...

   
จากผู้ชายคนหนึ่งในโลกทวิตเตอร์ที่เพิ่งออกมาโลดแล่นอยู่ในโลกของรณณ์ ตอนนี้คุณดีนกลายเป็นบรรณาธิการของนิตยสารหัวที่เขากำลังฝึกงานอยู่ เรื่องราวของทั้งสองคนที่เขาเคยเข้าใจว่าเป็นคนละคน จึงเกิดการผสมผสานกันในหัว

   
และหนึ่งในนั้นคือเรื่องของดีนกับผิง

   
ทุกคนพร้อมใจกันจบสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยที่หัวหน้าแผนกสาวที่น่าจะรู้เรื่องนี้ดีที่สุด

   
ทุกคน…รวมทั้งรณณ์

.

.

.

เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้งถ้วนตามแพทเทิร์น ก่อนที่ทรวดทรงแบบบางจะจ้ำอ้าวเข้ามาถึงโต๊ะทำงาน


“มาช้าไปห้านาที” ดีนพูดขึ้นอย่างรู้ทันทั้งที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนสาวด้วยซ้ำ แค่ฟังเสียงกระหืดหอบเล็กน้อยนั่นก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายรีบมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร


“นายทำอะไรรณณ์? นี่รังแกเด็กเหรอ? ทำไมไร้เหตุผลแบบนี้วะดีน ที่ฉันยอมให้นายได้อ่านก่อนเพราะเกรงใจหรอกนะ แต่ถ้าทำแบบนี้…” ผิงพูดเสียยืดยาวทั้งที่ยังเหนื่อยหอบ จังหวะการหายใจยังไม่คงที่เสียจนดีนต้องยกมือห้าม


ปกติงานเขียนที่ผ่านดาวแล้วจะต้องถูกส่งมาที่ฝ่ายพิสูจน์อักษรก่อนถึงมือบรรณาธิการอย่างดีนและคนในทีมเพื่ออนุมัติตีพิมพ์ แต่เพราะฉบับนี้เป็นฉบับที่มีปัญหา มีประเด็นให้ถกเถียงกัน บทความทุกเรื่องจึงต้องส่งตรงมาให้ดีนพิจารณาก่อน


“แบบไหน?”


“ก็แบบ…” หญิงสาวอ้ำอึ้งด้วยเพราะไม่รู้จะพูดอย่างไร


“รู้หรือไงว่าฉันทำอะไรไปบ้าง”


ผิงส่ายหน่าอย่างยอมจำนน


“อยากรู้ก็ไปถามเด็กนั่นเอาเอง”


“อ้าว! ไหงงั้นอ่ะ” ผิงทรุดลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ตัวเดิมที่เคยถูกนักศึกษาฝึกงานหนุ่มจับจองเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้


ดีนเพียงแค่ไหวไหล่ นัยน์ตาคมดุยังจับจ้องแต่เพียงหน้าจอที่มีงานเขียนของคนอื่น ๆ โดยไม่มีวี่แววว่าจะละไปมองแขกไม่ได้รับเชิญเลยสักนิด


“นี่! ขอฉันอ่านหน่อยสิ”


“รออ่านฉบับแก้เถอะ”


ไร้ซึ่งการตอบสนองถ้อยความนั้นผิดวิสัย จนเป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวจนต้องละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์มาหาเพื่อนสาวให้หายสงสัย แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาด้วยแววตาฉงน


“อะไร”


“แปลก…ทำไมต้องแก้ ถึงกับเรียกเด็กมันมาคุยนี่ฉันคิดว่าจะให้เขียนเรื่องใหม่ซะด้วยซ้ำ”


ดีนไหวไหล่ ไม่กล้ายอมรับออกไปว่าเธอคิดถูกแล้ว ตอนเรียกขึ้นมาก็ตั้งใจว่าจะให้เขียนเรื่องใหม่ แต่ก็ต้องยอมรับอีกนั่นแหละว่าพ่ายแพ้ให้กับความมุ่งมั่นของเด็กนั่นทั้งที่ยังไม่ทันได้สู้


“แต่จะว่าไปก็สงสารน้องมันนะ หนึ่งปีมีตั้งสิบสองเดือน ดันมาฝึกช่วงสามเดือนแรก เจออาถรรพ์กุมภาพันธ์เข้าไปนี่งานช้างเลย”


ดีนส่ายหน้าให้คำจิกกัดทางอ้อมของเพื่อนสาว “นี่ฉันคิดว่าเด็กมันจะร้องไห้ฟูมฟายออกจากห้องนี้ไปด้วยซ้ำ”


“น้องเขาเป็นผู้ชาย”


“แล้วคนก่อน ๆ ที่น้ำตาตกเพราะนายแค่พูดเรียบ ๆ ว่า ‘ไม่ชอบ’ นั่นไม่ใช่ผู้ชายเหรอยะ”


“ฉันใจร้ายขนาดนั้นเลย?”


“แต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะเพื่อน”


…ออกจะใจดี…


“แต่กรณีนี้ น้องไม่ร้องไห้ใช่ไหม?”


“ก็บอกว่าน้องเป็นผู้ชาย”


“นั่นไง! ถ้ารณณ์ไม่แกร่งมาก นายก็ต้องอ่อนข้อให้มาก…ซึ่งฉันเดาว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง…แต่ก็ไม่อยากจะเชื่ออย่างนั้นอีกเหมือนกัน”


“กลับไปคิดที่แผนกตัวเองก่อนแล้วค่อยกลับมาบอกใหม่ดีไหม”


ผิงค้อนให้วงเล็ก “ก็คนอย่างนายเคยอ่อนข้อให้ใครซะที่ไหนล่ะ แข็งอย่างกับอะไรดี”


“แต่ก็ยังยอมอนุมัติคอลัมน์ชวนเลี่ยนของคริสกับผู้หญิงคนนั้นนะ”


“หืออออ กว่านายจะยอม ถามคนอื่นดูเถอะว่าต้องเหนื่อยกับนายขนาดไหน”


“แล้วเธอคิดว่าฉันยอมให้เด็กนั่นง่าย ๆ รึไงล่ะ”


…อย่างน้อยก็ถามหาเหตุผลละวะ…


ผิงคิดตามแล้วก็ยอมหมดข้อสงสัยไปแบบงง ๆ ยอมรับว่าคำโต้แย้งของเพื่อนมีน้ำหนักพอที่จะยอมรับได้ สุดท้ายจึงต้องยอมย้ายตัวเองออกจากห้องนี้แล้วกลับไปยังที่ของตัวเองแต่โดยดี


“อ้อ! ถึงกำหนดบริจาคเลือดครั้งใหม่แล้วนี่ พรุ่งนี้ไปด้วยกันไหม” ปกติก็มักจะชวนไปบริจาคเลือดด้วยกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่ช่วงหลัง ๆ มานี่ เพื่อนชายของเธอมักจะปลีกแยกไปคนเดียว ไม่รู้ว่ากลัวพยาบาลที่เจาะเลือดเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกับเธอแล้วคะแนนความนิยมจะตกหรืออย่างไร แต่ครั้งนี่เธอก็ยังอยากลองถามหยั่งเชิงดูอีกครั้ง


“เธอไปก่อนเถอะ”


ว่าแล้วเชียว


“นายก็คงไปในสัปดาห์นี้เหมือนกันสินะ ช่วงนี้ว่างนี่”


“อืม…ก็อาจจะไม่ไป”


เพราะเราว่าง…แต่ใครบางคนอาจจะไม่ว่าง


ใครบางคนที่อยู่ดี ๆ ก็ผุดขึ้นมาในความคิดว่าอีกฝ่ายจะอยากไปบริจาคเลือดด้วยกันไหม


“เดี๋ยวนี้ทิ้งฉันตลอดเลยนะ”


“ถ้าอยากไปเจอเก่ง จะไปพร้อมกันก็ได้นะ มันบ่นคิดถึงเธออยู่ตลอดแหละ”


“ย่ะ เอาเก่งมาเป็นข้ออ้างในการขับไสฉันขนาดนี้ก็ตามที่สะดวกเลยค่ะบอกอ!!”


。。。。。



ตามที่สะดวกของดีนก็คือหลังเลิกงานของวันกลางสัปดาห์ ดีนมาคนเดียวอย่างที่บอกผิงไว้ เพียงแต่ก็ไม่ได้เอ่ยชวน ‘ใครบางคน’ มาด้วยอย่างที่คิด


ใครบางคนที่เป็นเจ้าของงานเขียนที่เขากำลังเปิดอ่านผ่านสมาร์ทโฟนเครื่องบางในมือข้างขวา ขณะที่มือข้างซ้ายก็กำลังบีบคลายตามจังหวะเพื่อให้เลือดไหลออกจากตัวผ่านเข็มที่ข้อพับแขน


งานเขียนที่ถูกแก้กลับมาใหม่ถูกส่งเข้าอีเมลของเขาโดยตรงเมื่อช่วงบ่ายของวัน ชื่อเรื่องยังคงเหมือนเดิม แต่เนื้อหาปรับเปลี่ยนแล้วอย่างที่เขาแนะนำไป จากรูปแบบที่คล้ายนิยายกลายเป็นบทความสั้น กระชับ ใช้คำน้อยแต่ความหมายครอบคลุม กินใจ


อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มน้อย ๆ อย่างภาคภูมิใจราวกับตัวเองมีส่วนช่วยผลักดันความสามารถของรณณ์ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด


สิ้นสุดการบริจาคเลือด ดีนก็ต้องนอนให้ร่างกายปรับสภาพอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลงจากเตียงเพื่อไปยังโซนพักฟื้นหลังการบริจาคเลือด โต๊ะตัวเล็กถูกจัดวางอาหารสองชุด อันประกอบไปด้วยขนมและน้ำหวาน หัวคิ้วเคลื่อนเข้าหากันเมื่อพบว่าเกือบทุกโต๊ะถูกจับจองหมดแล้ว ซึ่งนั่นทำให้คนแข็งแรงอย่างเขาตัดสินใจที่จะเดินออกไปเสียเฉย ๆ แต่แล้วกลับสะดุดสายตาเข้ากับใครบางคนที่นั่งอยู่เพียงคนเดียวตรงโต๊ะตัวกลางติดผนัง


ดีนไม่รอช้าที่จะเปลี่ยนเป้าหมายของตัวเอง ร่างสูงสง่าสาวเท้าเข้าไปยืนตรงตำแหน่งนั้นก่อนเอ่ยคำขอที่คล้ายคลึงกับประโยคที่เขาเคยได้ยินจากคนที่นั่งอยู่ถึงสองครั้ง


“ที่นั่งตรงนี้ว่างไหมครับ ผมขอนั่งด้วยได้รึเปล่า?”


รณณ์เงยหน้าขึ้นมองตั้งแต่ประโยคคำถามแรกแล้ว แต่เพราะว่ามัวแต่มองตาค้าง คนมาใหม่ถึงได้เอ่ยขออนุญาตต่อ


“คะ ครับ เชิญครับบอกอ”


หืม? บก.? แสลงหูชะมัด


“อยู่ข้างนอกเรียกว่าคุณดีนเหมือนเดิมเถอะ”


“มันคงไม่เหมาะสมมั้งครับ ใครมาได้ยินเข้าจะคิดว่าผมปีนเกลียว”


“บอกเขาไปว่าผมสั่ง” เพียงแค่นั้นก็จบเรื่องยุ่งยากไม่เข้าท่านี่ได้


ดีนนั่งลงฝั่งตรงข้าม หยิบแก้วน้ำหวานขึ้นมาดื่มก่อนเป็นอย่างแรก


คนอ่อนวัยกว่าชะเง้อมองซ้ายขวาหาคนที่น่าจะมากับเจ้านายได้ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา


‘ผิงน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้ว่าบอกอตายด้านรึเปล่า’


คำตอบของดาวยังเป็นเรื่องคาใจนับตั้งแต่วันนั้น และเพราะว่าสงสัย คนเก็บความคิดไม่เก่งจึงพลั้งปากถามออกไปให้คนฟังถึงกับสำลักน้ำหวาน


“พี่ผิงไม่มาด้วยเหรอครับ?”


รณณ์กุลีกุจอยื่นกระดาษไปตรงหน้า เกือบจะถือวิสาสะเช็ดให้อยู่รอมร่อ แต่พอได้สบตาคู่คม มือบางก็ค้างอยู่อย่างนั้นเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรับมันไปเพื่อจัดการตัวเอง


“เปล่า ผมมาคนเดียว”


…เด็กนี่คงได้ยินข่าวลือเรื่องเขากับกับผิงมาแล้วแน่ ๆ…


“ทำไมถึงคิดว่าจะมาด้วยกัน”


คนถูกต้อนถามชะงัก ไม่คาดคิดว่าหากถูกย้อนกลับแบบนี้จะต้องตอบอย่างไร พูดถึงข่าวลือหนาหูนั่นหรือ รู้สึกเหมือนเป็นเด็กที่ทำผิดแล้วถูกผู้ใหญ่จับได้อย่างไรอย่างนั้น


“กะ ก็ พวกคุณสนิทกัน”


“รู้ด้วยเหรอว่าสนิทกัน”


“อะ เอ่อ…” จะให้สารภาพว่าฟังคนอื่นเขาเล่ามาอย่างนั้นหรือ “อ้อ! ผมเคยเห็นพี่ผิงอยู่กับคุณดีนหลายครั้งแล้วครับ”


“หืม?” ดีนมองเด็กหนุ่มที่เปลี่ยนท่าทีกระทันหันด้วยความฉงน ตอนแรกก็เหมือนจะจนมุม แต่อยู่ดี ๆ ก็ตอบกลับมาด้วยท่าทางร่าเริงผิดปกติ


“ต้องบอกว่าอยู่กับบอกอถึงจะถูก…เพราะตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าเป็นคุณ” ประโยคหลังแผ่วเบาจนแทบกระซิบ แต่ก็ทำให้คนที่ตั้งใจฟังอมยิ้มในความน่าเอ็นดูนั้นได้


“แล้วคุณล่ะ มาคนเดียวเหรอ”


ใบหน้าอ่อนวัยส่ายจนผมปลิว ตั้งใจจะเอ่ยตอบแต่ก็ถูกขัดด้วยคนที่มาด้วยเสียก่อน


“มากับเพื่อนน่ะครับ”


ดีนมองเลยรอยยิ้มแห้ง ๆ ของรณณ์ไปมองหนุ่มแว่นที่ยืนค้ำหัวตนอยู่พร้อมสายตากดดันราวกับหมาหวงที่


อืม…ต้องเป็นฝ่ายลุกไปสินะ

.

.

.

มีต่อรีพลายถัดไปนะคะ

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #67 เมื่อ15-05-2017 23:57:23 »

.

.

.

คุณดีนไปแล้ว


รณณ์มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปจนสุดสายตาก่อนจะกลับมาเขี่ยน้ำแข็งในแก้วด้วยท่าทางหงอย ๆ โดยมีสายตาของเอกจับจ้องอยู่


“ถ้ามึงจะหงอยขนาดนี้ กูลุกไปนั่งโต๊ะอื่นก็ได้นะ”


รณณ์เหลือบขึ้นมองเพื่อนตาขวาง ไม่อยากต่อความยาวให้ต้องทะเลาะกัน เพราะก่อนหน้านี้เขาก็บอกให้เพื่อนไปนั่งที่อื่นแล้ว แต่ก็ไม่ยอม อ้างว่ามาด้วยกันก็ต้องนั่งด้วยกัน ฝ่ายคุณดีนก็คงจนใจจะทนนั่งต่อ เพราะเปลือกถุงขนมกับแก้วเปล่าเป็นหลักฐานชั้นดีที่บอกว่าอีกฝ่ายเสร็จกิจธุระตรงจุดบริการนี้แล้ว


“ชอบเขารึไง?”


“บ้าแล้ว! นั่นเจ้านายกูนะเว้ย มึงไปกดดันเขาทางสายตาแบบนั้น เขาจะหักคะแนนความประพฤติกูรึเปล่าก็ไม่รู้”


“กูถามสั้น ๆ เสือกตอบซะยาว”


“กะ ก็”


“โกรธกูอยู่สินะ”


“ก็…เคือง”


ทำไมเอกจะดูไม่ออก เวลารณณ์ไม่พอใจแค่ส่งคำถามแทงใจไปสะกิดหน่อย อีกฝ่ายก็จะร่ายยาวเกินจำเป็นออกมาแบบนี้ และล้วนไม่ใช่สิ่งที่เจ้าตัวกำลังกังวลอยู่เสียด้วย ขณะที่เพื่อนฝูงมองออก แต่หมอนี่กลับไม่เคยรู้ธรรมชาติข้อนี้ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ จะมีก็แต่เหตุผลของการมองอย่างอาลัยอาวรณ์เมื่อครู่เท่านั้นที่เอกยังคิดหาคำตอบไม่ได้


“กูขอโทษ แต่ถ้ามึงกังวลประเด็นนั้นจริง ๆ ก็สบายใจเถอะ กูว่าเขาดูไม่ติดใจเอาความอะไรมึงนะ”


รณณ์พยักหน้างึกหงัก ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่รบเร้าให้เพื่อนรีบจัดการอาหารตรงหน้าเสีย

.

.

.

ยังไม่ทันได้ถามไถ่ต่อเลยว่าอีกฝ่ายมาบริจาคเลือดที่นี่บ่อยแค่ไหน เพราะถึงอย่างไรกำหนดการครั้งต่อไปก็ต้องพร้อมกันอยู่แล้ว


เผื่อว่าครั้งหน้าจะได้มาด้วยกัน


ดีนออกจากศูนย์บริจาคเลือดมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าหน้าซีดเซียวคล้ายจะเป็นลม แต่ความสดใสที่เคยมีเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ต่างหากที่หายไป


ดีนขับไล่ความขุ่นมัวที่ก่อตัวขึ้นในใจอย่างไม่ทราบสาเหตุด้วยการโทร.หาเพื่อนหมอทั้งสองคน แต่คำปฏิเสธที่ได้รับก็ยิ่งทำให้รู้สึกอารมณ์เสียจนต้องพาตัวเองไปเดินเตร็ดเตร่ย่านช้อปปิ้งของวัยรุ่นซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก


จากหนึ่งชั่วโมงก็กลายเป็นสอง จากสองตอนนี้ก็สามชั่วโมงเข้าไปแล้วที่ดีนยังเดินเข้าซอยนั้นออกตรอกนี้โดยไร้จุดหมาย หลายร้านที่เคยคึกคักผู้คนก็เริ่มบางตาลงบ้างแล้ว ซึ่งนั่นทำให้คนที่ยังไม่หายขุ่นมัวรู้สึกตัวว่าตนอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว


ดีนรู้ว่าตัวเองไม่ได้ขุ่นมัวเพราะถูกเพื่อนหมอปฏิเสธ แต่ขุ่นมัวเพราะคนก่อนหน้านั้น  เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าจะเก็บเรื่องนั้นมาคิดทำไม


เขามาด้วยกัน อยากอยู่ด้วยกันก็เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว คนมาคนเดียวอย่างเขาต่างหากที่ต้องอยู่คนเดียวต่อไป


เดินออกมาเองก็เป็นเรื่องที่ถูกแล้วเช่นกัน


“อ้าว! คุณดีนครับ”


เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียกก็พบว่าเป็นผู้จัดการร้านหูฟังที่ตนเคยมาใช้บริการอยู่บ่อยครั้ง หนุ่มลูกเสี้ยวเอ่ยทักทายงง ๆ ก่อนหันมองรอบตัว แล้วก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าร้านหูฟังจริง ๆ ไม่ใช่บังเอิญเดินเจอกับผู้จัดการร้านตรงที่ไหนสักแห่งของย่านนี้


“ถ้าไม่รีบไปไหนก็แวะสักหน่อยนะครับ”


ดีนยิ้มบาง โคลงศีรษะตอบรับคำชวนด้วยท่าทีอ่อนล้า บรรยากาศในร้านเป็นแบบที่เขาชอบ ผู้คนบางตาเพราะใกล้เวลาปิดร้านเต็มที แต่ผู้จัดการหนุ่มก็ยังยินดีที่จะต้อนรับลูกค้าอย่างเขา…และใครอีกคน


“อ้าวไอ้หนู วันนี้มาซะดึกเลยนะ”


ดีนหันมอง ‘ไอ้หนู’ ที่ยืนอยู่ข้างหลังตนก่อนจะพบว่าเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เขาเดินคิดมากอยู่นานถึงสามชั่วโมง


รณณ์ยิ้มกว้างให้ดีนก่อนหันไปตอบผู้จัดการร้านอย่างอารมณ์ดี ซึ่งก็เพิ่งมาอารมณ์ดีตอนเจอคุณดีนที่นี่อีกครั้งของวันนั่นแหละ


“ถ้ามาเร็วคนก็เยอะน่ะสิครับ มาตอนร้านใกล้ปิดแบบนี้ส่วนตัวดี ผมชอบ”


ผู้จัดการแยกเขี้ยวใส่เด็กหนุ่มทีเล่นทีจริงก่อนหันไปพูดคุยกับดีนต่อ “เจ้าเด็กนี่แหละครับที่ผมพูดถึงเมื่อวันก่อน ถ้าคุณดีนยังพอจำได้”


…จำได้สิ…


“นี่พี่นินทาลูกค้าเหรอครับ” รณณ์แกล้งโวยวายไม่จริงจังนัก ทว่าความเขินอายนั้นมีอยู่เต็มเปี่ยม อยากจะกระซิบถามเสียเดี๋ยวนี้ว่าผู้จัดการร้านเผาอะไรเกี่ยวกับเขาให้คุณดีนฟัง อีกฝ่ายถึงเอาแต่อมยิ้มได้อย่างน่าหมั่นไส้ซะขนาดนี้


ผู้จัดการหนุ่มยักไหล่ ยิ้มกวนก่อนเดินจากไป แต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยลูกค้าขาประจำทั้งสองคนด้วยประโยคคำถามที่ดังขึ้นพร้อมกัน


“วันนี้มีของใหม่ให้ลองไหมครับ?/วันนี้ไม่มีของใหม่เหรอพี่?”


อีกฝ่ายยกยิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน “ก็กำลังจะหยิบให้นี่ไงครับ”


สองหนุ่มต่างรุ่นที่อายุก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก แต่บุคลิกภายนอกดูต่างกันชัดเจนในสายตาของพนักงานในร้าน คนหนึ่งดูเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่ว่าจะหน้าแก่เกินวัย แต่เพราะท่าทีนิ่ง ๆ  สุขุม คล้ายจะเย็นชาในบางที ขณะที่อีกคนนอกจากหน้าตาจะอ่อนเยาว์ บุคลิกท่าทางร่าเริงนั่นก็ไม่ต่างจากเด็กมัธยมปลายเลยสักนิด ทั้งที่ใกล้จะเป็นบัณฑิตเต็มทีแล้ว พวกเขาเคยแต่มองแผ่นหลังของคนทั้งคู่ในช่วงเวลาที่ต่างกัน ไม่เคยรู้มาก่อนว่ายามที่สองคนนั้นนั่งข้างกันแล้ว ความรู้สึกอ้างว้างที่เคยมองเห็นจากแผ่นหลังกว้างของคุณคนนั้นจะหายไปเสียหมด…จนกระทั่งวันนี้


“เดี๋ยวครับ” รณณ์แตะมือหนาที่กำลังจะเสียบหูฟังเส้นใหม่ที่มีให้ยืมคนละเส้นเข้ากับสมาร์ทโฟนของตัวเอง


ดีนเลิกคิ้วแทนคำถาม


“เพื่อความแปลกใหม่ในการลองหูฟัง ผมว่าเรามาแลกเปลี่ยนเพลงกันไหมครับ”


“หื้ม”


“ก็…ปกติเวลาลองหูฟังใหม่ เราต่างก็มีเพลงที่ใช้ลองฟัง ของผมจะเป็นเพลงที่กำลังชอบในช่วงนี้ ส่วนของคุณ…?”


“เพลงที่ชอบมากและรู้สึกว่าเป็นเพลงปราบเซียน”


“ประมาณว่าถ้าหูฟังดีจริง ต้องถ่ายทอดเพลงนั้นออกมาได้ยอดเยี่ยมใช่ไหมครับ”


“ทำนองนั้น”


“แต่เพลงที่จะเอามาแลกกัน ผมอยากให้เลือกใหม่ครับ”


ใบหน้าหล่อคมคายยังฉายแววฉงนจนคนออกความคิดต้องรีบออกตัวป้องกันตัวเอง


“ผมแค่เสนอ เผื่อคุณอยากจะสนุกด้วยกัน”


“ไม่น่าสนุก…”


“…”


“…ถ้าไม่มีเดิมพัน”


จากหน้าหงอยเมื่อครู่กลับสดใสขึ้นมาราวกับสับสวิซต์ได้ ท่าทางกระตือรือร้นยามถามยอ้นกลับของเด็กหนุ่มตรงหน้าสร้างรอยยิ้มให้ดีนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว


คล้ายว่าความขุ่นมัวเมื่อเย็นจะจางหายไปในบัดดล


“ไหน ๆ เราก็ยังไม่รู้คุณสมบัติของมัน เรามาวัดดวงกันดีกว่าว่าใครจะเลือกเพลงที่พอฟังผ่านเจ้านี่แล้วจะถูกใจอีกฝ่ายมากที่สุด”


รณณ์ฉีกยิ้มกว้างด้วยความั่นใจ หมายมั่นว่าอย่างไรตนก็ต้องชนะ เพราะคิดว่าตนรู้จักดีนมานาน แต่กลับหลงลืมไปว่าสไตล์การฟังเพลงของตนกับไอดอลคนนี้ต่างกันลิบลับ ปกติฟังแต่เพลงที่เน้นเสียงร้อง ไอ้พวกที่ทำนองดนตรีโดดเด่นหรือมีลูกเล่นมากมายนั้นเคยฟังเสียที่ไหน


รู้เขาแต่ไม่รู้เรา รบร้อยครั้งก็คงต้องแพ้ร้อยครั้ง


ฟากดีนเองก็กระยิ่มยิ้มย่องในใจ เขาพอจะรู้สไตล์การฟังเพลงของรณณ์จากการที่ผู้จัดการร้านพูดถึงเมื่อคราวก่อน ถึงจะไม่ค่อยชอบฟังเพลงที่เน้นเสียงร้องนัก แต่ก็ไม่ยากที่คนหลงรักเสียงเพลงอย่างเขาจะรู้ว่านักร้องคนไหนที่มีเสียงร้องโดดเด่นนำหน้าดนตรี


สองหนุ่มใช้เวลาไม่นานในการเลือกเพลงตอนนี้ในมือของทั้งสองมีสมาร์ทโฟนของอีกฝ่าย หน้าจอเป็นแอพฯเดียวกันที่จะใช้เปิดเพลงให้กับอีกฝ่าย


เสียงโน้ตแรกที่ดังในหูของดีนเป็นทำนองคล้ายเพลงอะคูสติก ดีเทลของดนตรีน่าสนใจจนทำให้เคลิ้มตามได้ไม่ยาก แม้ว่าเสียงนักร้องจะทำหน้าที่ได้ดีกว่าในไม่กี่วินาทีถัดมาก็ตาม


ขณะที่รณณ์เองก็ถึงกับตกใจไม่น้อยที่ได้ยินเพลงของนักร้องคนโปรด แทบจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในนาทีนั้น ยอมรับว่าคุณดีนเลือกเพลงที่เน้นเสียงนักร้องเสียจนไม่ต้องค้นหาคุณสมบัติที่แท้จริงของเจ้าหูฟังนี่เลยสักนิด…มิหนำซ้ำยังเป็นนักร้องคนเดียวกับเพลงที่เขาเลือกให้คุณดีนเสียด้วย


“เพลงอะไร?”


เพลงของดีนจบลงก่อนแต่เขาก็รอจนอีกฝ่ายฟังจบแล้วเอ่ยถามออกมา


“Leave your lover. ของ Sam Smith ครับ”


“หืมมม”


“ครับ นักร้องคนเดียวกับเพลง Lay me down. ที่คุณเลือกมา”


ดีนมีสีหน้าประหลาดใจ แต่คนที่มัวแต่คิดถึงความพ่ายแพ้ของตัวเองไม่ทันได้สังเกต “คุณเลือกเพลงเก่งนะครับ ผมแพ้แล้วล่ะ”


ดีนร้องหึ “จริง ๆ แล้วเจ้านี่มันเหมาะกับผมมากกว่าคุณนะ แต่ก็อย่างว่าแหละ หูฟังเน้นเสียงเบสเสียงดนตรีขนาดไหนก็คงกลบเสียงหมอนี่ไม่ได้” ดีนพูดติดตลกจนคนฟังใจชื้นเอ่ยถามอย่างมีความหวังบ้าง


“หมายความว่าเราเสมอกันใช่ไหมครับ”


“ก็คงงั้น”


“ถ้าอย่างนั้น…จะไม่มีใครได้อะไรจากการวัดดวงครั้งนี้สินะครับ” เด็กหนุ่มทำหน้าปลงตก ไม่ถึงกับเสียใจ เศร้าใจ หรือผิดหวัง แต่คงเป็นอะไรที่เสียดายมากกว่า


“ใครบอกล่ะ ในฐานะที่คุณแพ้ก่อน ผมก็จะขอรางวัลก่อน”


“ฮ่า ๆๆๆ อยากได้อะไรละครับ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะครับว่าอย่าขออะไรที่เกินความสามารถนักศึกษาอย่างผม”


“ก็ไม่มีอะไรมาก แค่คุณต้องใช้รูปที่ผมถ่ายไปประกอบคอลัมน์ของคุณ”


“คะ ครับ?”


“ทำไม? เกินขอบเขตุความสามารถของนักศึกษาเหรอ”


“ปะ เปล่าครับ ผมยินดีซะอีกที่คุณดีนจะอนุญาตให้ทำแบบนั้นได้” …นึกว่าจะขออะไรที่ยากกว่านี้


“งั้นก็เมมเบอร์คุณใส่เครื่องผมซะ วันอาทิตย์นี้เรามาเลือกรูปกัน” โทรศัพท์ของดีนยังอยู่ในมือรณณ์ และของรณณ์ก็อยู่ที่อีกฝ่ายเช่นกัน ในตอนที่อีกฝ่ายเมมเบอร์แล้วโทร.มา ดีนจึงถือโอกาสเก็บบันทึกให้เสียเลย


“ตาคุณบ้างแล้ว คิดออกรึยังว่าจะขออะไร” ดีนเอ่ยถามหลังจากที่รับโทรศัพท์ตัวเองกลับคืนมาแล้ว


“ยังเลยครับ ขอเวลาผมคิดสักสองสามเพลง”

.

.

.

สองสามเพลงที่ว่ากินเวลาไปจนร้านปิด สองหนุ่มเดินออกจากร้านมาพร้อมพนักงานเสียด้วยซ้ำ ทว่าดีนก็ยังไม่ได้คำตอบ


ความเงียบที่ไร้ซึ่งความขัดเขินหรืออึดอัดรายล้อมคนทั้งคู่ไปตลอดเส้นทางที่มุ่งสู่สถานีรถไฟฟ้า ดีนไม่ได้จะเดินไปส่งรณณ์ เพียงแต่เขาก็ต้องเดินข้ามไปขึ้นรถที่จอดทิ้งไว้ที่ห้างฝั่งโน้นด้วยเช่นกัน


“คุณดีนมาบริจาคเลือดบ่อยไหมครับ”


“ก็ทุกสามเดือนนะ”


“ถ้าอย่างนั้น…ครั้งหน้าผมขอมาพร้อมคุณดีนนะครับ”


ดีนรู้ว่านั่นไม่ใช่แค่คำขอมาด้วยกัน แต่มันคือคำขออนุญาตติดต่อกันอีกแม้ว่ารณณ์จะจบการฝึกงานที่สำนักพิมพ์ของเขาแล้ว


“นี่ใช่คำขอจากการวัดดวงที่ร้านนั่นรึเปล่า”


“แล้วผมขอได้รึเปล่าล่ะครับ”


ดีนยิ้มยินดี เพราะมันเป็นคำขอที่ดีนตอบรับได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยสักวินาทีเดียว











TBC.
----------------------------------------------------------
จริง ๆ ตั้งใจว่าตอนนี้จะยาวกว่านี้ แต่ก็กลัวว่าจะหายไปนานกว่านี้อีกเหมือนกัน
ฮ่าาา เราขอโทษ~~~~~~~~
ขอบคุณหลายๆคนที่ยังรอกันนะคะ
ตอนหน้าอาจจะมาเร็ว แต่สั้น

#ไม่ดิ้นรนหา
ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #68 เมื่อ16-05-2017 00:12:39 »

 :L2: :L1: :pig4: :-[

รู้สึกว่าหวานนนนนนนน อ่อยกันไปมา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2017 00:35:56 โดย Billie »

ออฟไลน์ knxiiviii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 90
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #69 เมื่อ16-05-2017 01:33:32 »

แหม อ่อยกันไปอ่อยกันมา 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
« ตอบ #69 เมื่อ: 16-05-2017 01:33:32 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ravyy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 77
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #70 เมื่อ16-05-2017 01:41:59 »

ฮื่ออออออดีกับใจจจจจจจจจจจจ ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ <3
อ่านแล้วอุ่นๆในหัวใจ ถึงพี่ดีนจะใจร้ายกะคนอื่นแต่กะน้องนี่พี่ยอมมาก เขินนน

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #71 เมื่อ16-05-2017 07:08:47 »

เค้าอ่อยกันอยู่ใช่มั้ยคะ :impress2:

ออฟไลน์ eeroww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #72 เมื่อ16-05-2017 07:30:11 »

โอ้ยดีต่อใจ เขาจะถ่ายรูปให้กันด้วย มันจะดีต่อใจขนาดไหน :hao7:
มาต่อไวๆนะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #73 เมื่อ16-05-2017 10:36:31 »

 :L1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #74 เมื่อ16-05-2017 11:47:57 »

รักกันเสียทีเถอะครับ ^^
ลุ้นมากเลย

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #75 เมื่อ16-05-2017 12:58:41 »

สนุกค่ะ

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #76 เมื่อ16-05-2017 15:39:04 »

สนุกดี รออ่านตอนหน้าค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ PiiNaffe

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #77 เมื่อ16-05-2017 17:05:27 »

รู้สึกถึงความอ่อยของกันและกัน  :hao7:


ออฟไลน์ blue colour

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #78 เมื่อ16-05-2017 18:39:54 »

โอ๊ยยยยยยยเขินนนนนนน อะไรจะหวานขนาดนี้ คุณดีนผู้ไม่เคยยอมอ่อนให้เคยก็ต้องมายอมให้กับน้องรณณ์แพ้ทางน้องเต็มๆสินะ
เป็นเรื่องที่ดีต่อใจมากๆฮือออออออออออออออออออออ  :-[

ออฟไลน์ ชมรดา

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #79 เมื่อ16-05-2017 20:52:41 »

 :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
« ตอบ #79 เมื่อ: 16-05-2017 20:52:41 »





ออฟไลน์ SaJung13

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #80 เมื่อ16-05-2017 21:07:12 »

พอเจอกันแล้วก้หวานเข้าใส้เลยนะ

ออฟไลน์ 205arr

  • เราคงอยู่ไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #81 เมื่อ16-05-2017 23:12:36 »

ละมุนอุ่นอวลในใจมากเลยค่ะ
ชอบค่ะ รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #82 เมื่อ17-05-2017 09:54:42 »

หวานนนนนนน   :o8: :-[

ออฟไลน์ iamtsubame

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #83 เมื่อ17-05-2017 11:26:56 »

เราคิดเหมือนดีนนะ "หากันจนเจอ" มันเป็นอะไรที่ไม่มีอยู่ในชีวิตจริงอ่ะ #ความรักดีๆมีแต่ในนิยาย :เฮ้อ:

ออฟไลน์ saccarrum

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 8 [15/05/17]
«ตอบ #84 เมื่อ17-05-2017 21:42:39 »

อ้อยยยยยยยยยยย เขาอ่อยกันได้น่ารักจังเลยค่ะ
ค่อยๆเรียนรู้กันไปแบบนี้นะคะ น่ารักดี :mew1:
แต่นับวันคุณดีนก็ยิ่งติดน้องรณณ์นะคะ ติดใจเขาแล้วอ่ะดิ

ออฟไลน์ ธัญญ์

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-4
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
«ตอบ #85 เมื่อ23-05-2017 22:01:11 »


ห า กั น จ น เ จ อ

ตอนที่ #09










บทความส่วนใหญ่ถูกแก้ไขจนเกือบจะเป็นน่าพอใจคือการปิดท้ายวันศุกร์ได้อย่างน่ายินดี ดีนออจากบริษัทในตอนเกือบห้าโมงเย็นเพื่อไปร้านกาแฟใกล้ ๆ กันนี้ตามนัดหมายของเพื่อนฝูง อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก นาน ๆ ทีเพื่อนจะนัดเจอกันนอกร้านเหล้า และคนที่นัดก็เป็นนายแพทย์เสียด้วย แน่นอนว่าไม่ใช่ธันวาแน่ รายนั้นโผล่หัวมายากเสียเหลือเกิน

   
ชีวิตแพทย์ใช้ทุนที่ฝากไว้กับลูกปิงปองในการจับฉลากเพื่อกำหนดชะตาชีวิตถึงสามปีไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว ดีหน่อยที่เพื่อนของเขาทั้งสองคนได้ทำงานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งคู่ ถึงจะเป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ หน่อยแต่ก็อยู่ใกล้เพื่อน และใกล้พี่แรมของธันวามันด้วย

   
เดินเข้ามาก็ต้องตกใจเล็กน้อย เพราะไม่ใช่แค่เพื่อนตัวเองที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะมุมในสุดของร้าน แต่ข้าง ๆ กันนั้นก็มีหญิงสาวอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตากันดีในระดับที่เรียกได้ว่าสนิทเสียด้วย

   
“หวัดดีสาว ๆ”

   
“ไม่เจอกันนานเลยนะดีน” ชายหนุ่มยิ้มบาง หญิงสาวสี่คนที่นั่งโต๊ะนี้ล้วนเป็นเพื่อนร่วมคณะของเขาทั้งสิ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือผิง ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของเขาในคณะที่มีผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เขาต้องมีเพื่อนสนิทเป็นพวกเธอ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว เดิมทีเขาสนิทกับผิงก่อน เพราะมีโอกาสได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างร่วมกันตามการแรนดอมของอาจารย์จนพาลให้มาสนิทกับพวกเธอด้วย

   
“เข้ามาถึงก็ทักสาวก่อนเลยนะมึง” ทีมแซว ดีนจึงหันไปมองแล้วสังเกตเห็นว่าวันนี้ขาดธันวาจริง ๆ อย่างที่คิดไว้ ขณะที่แฝดนรกก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมในมือถือ

   
ดีนนั่งลงโต๊ะเดียวกับเพื่อนชาย แต่กลับหันไปพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนสาวต่อ “ผิงไม่เห็นบอกเลยว่าพวกเธอจะมา”

   
“ก็คิดว่าไม่ว่าง วีคนี้ดูธุระเยอะนี่” ธุระที่มีเด็กฝึกงานคนนั้นร่วมด้วยเสียทุกครั้ง ดีนไม่ต่อความอะไร เขาพูดคุยทักทายสารทุกข์สุขดิบกับพวกเธอพอประมาณก่อนหันมาหาเพื่อนชายตัวเองบ้าง

   
“มาหากูหรือมาหาใครวะ” คำถามนี้จงใจส่งไปให้นายแพทย์หนุ่มที่เอาแต่นั่งมองหน้าผิงไม่ละสายตา

   
“มาหามึงแหละสัด…แต่บังเอิญเจอผิงนั่นคือความโชคดี” เปลี่ยนน้ำเสียงและสีหน้าเร็วยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสีเสียอีก ดีนส่ายหน้าระอา ถามย้อนกลับถึงสาเหตุที่มาหา

   
“คิดถึงไงวะ เหงาอ่ะ เบื่อด้วย ว่างทั้งทีก็อยากจะมาหาเพื่อนบ้าง”

   
“ไอ้ธันว์ก็อยู่โรง’บาลเดียวกับมึงไม่ใช่รึไง” ทีมย้อนถามขำ ๆ รู้กันอยู่แก่ใจทั้งกลุ่มว่าถึงจะอยู่โรงพยาบาลเดียวกันก็ใช่ว่าธันวาจะตัวติดกับเก่งเหมือนสมัยยังเป็นนักศึกษาแพทย์ที่เจ้าตัวเปิดเผยให้เพื่อน ๆ รู้ตอนใกล้จบว่ามันไม่ได้ตัวติดกันมาตั้งแต่ที่พี่แรมเข้ามาในชีวิตธันวาแล้ว

   
“มันก็อยู่กับพี่แรมสิวะ กูไปอยู่ใกล้มันมาก ๆ พี่เขาได้งาบหัวกูกันพอดี”

   
“มึงก็กลัวไม่เข้าท่า ยังไงไอ้ธันว์ก็เข้าข้างเพื่อนอยู่แล้ว”

   
“กูรู้ว่ามันรักเพื่อน กูก็รักมัน เลยไม่อยากทำให้มันไม่สบายใจ”

   
“พี่แรมแม่งใจตุ๊ดว่ะ” โอมพูดขึ้นลอย ๆ แต่ตายังมองเกมในมือถือแฝดน้องอยู่

   
“พี่แรมอ่ะใจหล่อนะเว้ย แต่มึงลองคิดดู ชีวิตอินเทิร์นอย่างพวกกูแม่งอย่างกับเบ๊ เวลาว่างก็ไม่ค่อยมี แถมมันกับพี่แรมยังอยู่กันคนละหน่วย มีเวลาว่างทั้งทีเขาก็อยากจะอยู่กับแฟนป่ะวะ กูเป็นแค่เพื่อน อยู่ด้วยเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้ว”

   
“งั้นมึงก็หาแฟนบ้างสิวะ จะได้ไม่เหงา” นะโมเสนอแนวทาง ซึ่งก็ทำให้คนเหงาแห่งปีหน้าระรื่นขึ้นมาได้

   
“ก็มอง ๆ อยู่ แต่เขาไม่มองกูสักที”

   
“หึ”

   
เพื่อนฝูงพร้อมใจกันหัวเราะในลำคอ จะขำก๊ากออกมาให้สมกับความรู้สึกก็ไม่กล้า กลัวสาว ๆ โต๊ะข้าง ๆ จะตกใจ

   
“ดีน” เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียก เมื่อพบว่ามาจากกานดาเพื่อนสาวที่นั่งกลางโต๊ะข้าง ๆ ผิง เขาก็เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

   
“คืนนี้ไปดริ้งค์กัน”

   
“หือ?” ดีนเลิกคิ้วแปลกใจมากขึ้นไปอีก ไม่ใช่ไม่รู้ว่าสาวอักษรฯ กลุ่มนี้เที่ยวกลางคืนเก่งพอตัว แต่ฟังจากรูปการณ์แล้วมันอดไม่ได้ที่จะเข้าใจว่าการเที่ยวครั้งนี้หมายรวมไปถึงผิง คนที่ไม่เคยเที่ยวกลางคืนเลยสักครั้งด้วย นัยน์ตาคมส่งคำถามถึงผิงทันทีอย่างไม่รีรอ ก่อนจะได้รับคำตอบจากคนชวนเสียก่อน
   

“ไปด้วยกันนะดีน เนี่ยผิงก็ไป”


คำเชิญชวนไม่เท่าสายตาล้อเลียนยามจ้องมองมาที่เขาและผิง ชายหนุ่มส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มมุมปากเหมือนเคย จะผ่านไปกี่ปีพวกเธอก็ยังเข้าใจว่าเขากับผิงเป็นมากกว่าเพื่อนกันอยู่ ดีนไม่แปลกใจที่เพื่อนฝูงยังไม่เลิกเข้าใจแบบนั้น เพราะการที่ผิงตอบตกลงมาทำงานด้วยกันทันทีที่เอ่ยปากชวน ยอมมาเป็นลูกน้องเขาทั้งที่มีบริษัทดัง ๆ อีกมากมาจีบไปทำงานด้วย ถ้าเขาเป็นคนมอง เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดแบบพวกเธอเหมือนกัน


“พวกมึงก็ไปด้วยกันนะ ผิงก็ไปด้วย” ดีนหันไปชวนเพื่อนชายกลุ่มตัวเองด้วยประโยคคล้ายกันกับกานดา ทำเอาผิงหันขวับมาโวยเสียดัง


“เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ!”


“ก็พูดชวนเชิญตามดาไง”


“กวนตีน” ผิงกัดฟันพูด ริมฝีปากบางแทบไม่ขยับ แต่ถึงอย่างนั้นดีนก็ได้ยินชัดเจน


คนถูกว่ายกยิ้มมุมปาก ไม่บ่อยนักหรอกที่ทำให้สาวอักษรฯ คนนี้หลุดคำหยาบออกมาได้ แม้จะห่ามกว่าผู้ชายบางคนในคณะก็ตาม


ท้ายที่สุดหนุ่มสาวสองกลุ่มก็มารวมตัวกันในร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่มีทางที่เก่งจะปล่อยให้หลุดมือ เพื่อน ๆ ต่างหยอกแซวกันมาตลอดทางว่าแม้จะมีโอกาสได้ใกล้ชิดสาวเจ้ามากแค่ไหน อย่างไรก็ไม่พ้นต้องรับประทานแห้งอย่างแน่นอน


“เป็นอะไร” ดีนกระซิบถามผิงที่นั่งติดกัน เดิมทีจะถามว่าคิดอย่างไรถึงมาเที่ยวที่แบบนี้ แต่พอเห็นเธอรับแก้วเครื่องดื่มมึนเมามาจากเพื่อน จึงต้องสงสัยให้ลึกลงไปกว่าเดิม


“ก็โตแล้ว อยากลองดูบ้าง”


ดีนมองเธอดื่มเข้าไปแล้วทำหน้าเหยเกด้วยความขมแล้วก็ไหวไหล่ไม่สนใจ เขาไม่ใช่คนเซ้าซี้ แม้จะเป็นห่วงเพื่อน แต่ถ้าเธอไม่เล่า เขาก็ไม่อยากจะรบเร้าหาคำตอบอะไร


คืนนั้นผิงเมาอย่างไม่ต้องสงสัย แก้วที่สามยังไม่ทันหมดก็คอพับคออ่อน งานเลี้ยงจึงเลิกราในตอนนั้น ฝ่ายหญิงสาวพากันแยกย้ายกลับโดยที่กานดาเป็นคนไปส่งผิงถึงห้อง ขณะที่ชายหนุ่มยังนั่งคุยกันต่อ


“ตกลงมึงได้เจอเขาอีกไหมวะ” ทีมถามขึ้นลอย ๆ แต่สีหน้าเพื่อนอีกสามคนที่มองมานั้นบอกชัดว่าต้องการรูคำตอบจากเขามากแค่ไหน


ดีนส่ายหน้าระอา ดูท่าว่าเหตุผลที่แท้จริงของการนัดเจอครั้งนี้คงไม่ใช่เพราะว่าไอ้หมอเก่งมันคิดถึงเขาหรอก เห็นหน้าพวกมันอยากรู้ขนาดนี้เขาก็พอรู้ว่าหลังจากวันนั้นพวกมันก็คงจะเก็บเรื่องเขาไปเป็นหัวข้อสนทนากันแน่ ๆ


“ใคร?” แกล้งถามขึ้นเสียหน่อย นะโมถึงกับยื่นมือมาจะตบหัวแต่เขาหลบได้ทัน


“มีหน้ามาถามไอ้ห่า ก็ผู้ชายที่มึงเจอคืนวันงานนั้นไง ตกลงว่ามึงได้เจอเขาอีกไหมวะ”


…เจอสิ…


และคงจะได้เจอกันอีกนาน


“เรื่องของกู”


“ไอ้สัด!”


“พูดแบบนี้แสดงว่าเจอแล้ว” โอมดักทางขึ้นพร้อมส่งสายตามาจับผิด


“ไม่เสือกสิวะ”


“เออ! เอาให้แน่นะเพื่อนกู เจอกันอีกไหมกูไม่สนนะเว้ย กูสนที่ความรู้สึกมึง” เก่งพูดขึ้นบ้าง


“เขาเป็นผู้ชาย และกูก็เป็นผู้ชาย”


“พวกกูไม่คิดมากเรื่องนั้น และกูคิดว่ามึงก็ไม่คิดมากนะ” ทีมพูดขึ้นอย่างใจเย็นขณะที่คนอื่นเริ่มนั่งไม่ติดที่


“กูไม่ได้รังเกียจเกย์ แต่กูแค่คิดว่ากูไม่ได้ชอบผู้ชาย”


“แต่มึงสนใจเขา” เก่งสวนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดเล็กน้อย


ดีนส่ายหน้าช้า ๆ “มึงไม่คิดว่ากูอาจจะแค่ถูกชะตาเขาเหรอวะ เหมือนที่รู้สึกกับพวกมึงไง”


“ไอ้สัด! มึงเคยมองพวกกูด้วยสายตาแบบนั้นที่ไหนละวะ”


“แบบไหน?”


“แบบที่เอาไว้ใช้มองคนที่สนใจอ่ะ”


ดีนยังทำหน้าฉงน ยิ่งคิดตามก็ยิ่งไม่เข้าใจ ก็เขาไม่เคยสนใจใครนี่ จะไปรู้ได้อย่างไรว่าสายตาแบบไหนที่ใช้มองคนที่สนใจ


“แม่งเอ้ย! ช่างแม่งเหอะ รอดูเอาแล้วกัน” โอมยีผมจนยุ่งเหยิง รู้สึกปวดหัวทุกทีที่คุยเรื่องพวกนี้กับดีน


บทสนทนาถูกเปลี่ยนหัวข้อไปแล้ว บรรยากาศกลับมาสนุกสนานเฮฮาได้เร็วราวกับเมื่อครู่ไม่ได้มีการถกเถียงกันเกิดขึ้น แต่กับเจ้าของเรื่องอย่างดีนกลับยังรู้สึกติดค้างในใจ


。。。。。


“อีกไม่เกินสิบนาที ผมก็น่าจะถึงแล้ว”


ได้ยินเสียงตอบรับจากปลายสายและคำยืนยันว่าจะลงมารอที่หน้าหอพัก เจ้าของรถยุโรปคันงามก็ยิ้มเสียหน้าชื่นตาบานก่อนจะวางสาย


ความจริงแล้วจะหาเบอร์อีกฝ่ายจากแฟ้มข้อมูลบุคคลก็ย่อมได้ แต่อยากจะขอกันตรง ๆ เสียมากกว่า เพราะไม่ใช่ว่าจะติดต่อกันเรื่องงานที่เป็นทางการเสียทีเดียว อีกอย่าง คนระดับผู้บริหารอย่างเขาก็ไม่จำเป็นต้องมีเบอร์โทร.ของนักศึกษาฝึกงานด้วย และที่เอ่ยขอไป ก็ไม่ได้ขอในฐานะเจ้านายเสียด้วยสิ


ถึงจะเอางานมาอ้างก็เถอะ


ก่อนหน้านี้เขาโทร.ไปติดต่อนัดแนะเวลาที่เขาจะไปรับรณณ์ที่หอพัก แต่เด็กคนนั้นบอกว่าจะไปเอง จนแล้วจนรอดก็แพ้คนที่ยืนกรานจะไปรับอย่างเขา ด้วยข้ออ้างที่ว่าร้านกาแฟที่จะพาไปนั่งคุยงานนั้นไม่ได้อยู่บนเส้นทางของรถไฟฟ้า แถมยังอยู่ในตรอกซอยที่เดินทางลำบาก ไปด้วยกันเลยจะสะดวกกว่า เพียงเท่านั้นเด็กต่างจังหวัดอย่างรณณ์ที่ไม่เจนพื้นที่ซอกแซกของเมืองกรุงนักก็ตอบตกลงอย่างเสียไม่ได้


จอดรถเทียบหน้าหอพักตามโลเคชั่นที่อีกฝ่ายส่งมาให้ทางโปรแกรมแชทก็เห็นเด็กหนุ่มที่ตนนัดไว้ทันที เลื่อนกระจกส่งสัญญาณให้เพราะรถติดฟิล์มดำทึบ คนนอกไม่มีทางมองทะลุเข้ามาได้


“สวัสดีครับ” รณณ์ยกมือไหว้ทักทายจนหนุ่มลูกเสี้ยวต้องรีบยกมือรับไหว้อย่างงง ๆ


“ปกติไม่เคยไหว้”


“แหะ ๆ ไหว้ในฐานะเจ้านายครับ”


ดีนพยักหน้าเข้าใจ “งั้นก็เก็บไว้ไหว้เฉพาะตอนอยู่ที่บริษัทเถอะ อยู่กันสองคนให้คิดว่าเป็นเพื่อนต่างวัยก็แล้วกัน”


รณณ์รับคำก่อนจะหันหน้าหนีเพื่อยิ้มขำให้กับสถานะที่อีกฝ่ายพูดถึง ‘เพื่อนต่างวัย’ อย่างนั้นหรือ


“ขำอะไร”


“เปล่าครับ” ปฏิเสธทั้งที่หลักฐานยังฉายชัดอยู่ทั้งตาและปากจนคนมองอยากจะบี้มันรวมกันด้วยความหมั่นเขี้ยว


“ก็เห็นอยู่ว่ากำลังขำ”


“ครับ ๆ ผมขำที่คุณเรียกสถานะของเราว่าเพื่อนต่างวัย ฟังดูเหมือนห่างกันซักสิบ ยี่สิบปีเลยนะครับ”


“ผมไม่ได้แก่ขนาดนั้น” ดีนตอบกลับด้วยเสียงจริงจัง แต่สีหน้ากลับขัดแย้งด้วยการเปื้อนยิ้ม


“ผมไม่ได้ว่าคุณแก่นะครับ แค่คำพูดมันชวนให้คิดเท่านั้นเอง”


“โอเค ๆ ผมคงนิยามความสัมพันธ์ของเราผิด งั้นคุณช่วยคิดคำที่มันเหมาะกว่านี้หน่อยสิ ที่ไม่ใช่เจ้านายกับลูกน้องนะ”


“อืมมม” รณณ์มองไปยังถนนเบื้องหน้า นิ้วเรียวแตะปลายจมูกอย่างเช่นทุกครั้งที่ใช้ความคิด “ยากจังเลยนะครับ”


“ผมชอบคุณนะ”


“ห๊ะ!!” รณณ์หันมองเจ้าของคำพูดที่ตายังมองถนนเบื้องหน้าเหมือนกำลังพูดเรื่องสภาพจราจรวันนี้อย่างไรอย่างนั้น


“ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณนะ ผมถูกชะตาคุณ” และอาจจะถูกใจด้วย…


อืม…ใช่แล้ว ที่รู้สึกเป็นมิตร เจอหน้าแล้วมีแต่ความยินดี รู้สึกอยากอยู่ใกล้ มีความสุขทุกครั้งที่ใช้เวลาด้วยกัน มันคงเป็นความรู้สึกของคนอยากเป็นเพื่อน


เพื่อนที่ถูกคอกัน


อาจจะต่างจากคนอื่น ๆ สักหน่อย ไม่สิ! อาจเป็นความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับธันวา หรืออะไรสักอย่าง แต่คิดว่าคงไม่ใช่อะไรที่เรียกว่า ‘สนใจ’ อย่างที่เพื่อนฝูงแซวแน่ ๆ


“…”


“หวังว่าคุณจะไม่ใจร้ายให้ผมเป็นแค่คนรู้จัก”


รถติดไฟแดง


คุณดีนหันมามองกันเต็มตา คราวนี้จริงจังทั้งน้ำเสียงและสีหน้า แล้วคนอย่างรณณ์ที่รอคอยการทำความรู้จักกับ ‘คุณดีนตัวจริง’ จะปฏิเสธได้หรือ


“ถึงคุณจะขอเป็นมากกว่านั้น ผมก็ให้ได้ครับ” รณณ์ตอบด้วยความกระตือรือล้นเหมือนเด็ก ๆ


ไร้ท่าทีประหม่าขลาดเขินยามมองสบกันด้วยความจริงใจ ดีนยิ้มให้ ‘เพื่อนใหม่’ อย่างยินดีก่อนละสายตาไปในตอนที่ไฟแดงใกล้จะหมดเวลา


เสียงเพลงจากคลื่นวิทยุทำหน้าที่ของมันอย่างต่อเนื่อง หลากหลายเพลงที่ล้วนเป็นเพลงไทยฮิตติดหูทั้งอดีตและปัจจุบันผลัดกันบรรเลง นานทีเดียวกว่าดีนจะรู้ตัวว่าตนเคยชินกับการขับรถคนเดียวจนลืมไปว่าตอนนี้มีผู้โดยสารร่วมทางมาด้วยอีกคน มิหนำซ้ำยังเป็นคนที่มีสไตล์การฟังเพลงที่ต่างกับเขาด้วย


“คุณฟังเพลงพวกนี้ได้รึเปล่า?”


คำถามที่อยู่ดี ๆ ก็ดังขึ้นทำลายความเงียบเรียกให้คนที่กำลังเพลิดเพลินกับเสียงเพลงหันมองด้วยความสงสัย “ปกติคุณดีนถามคนที่ร่วมทางมาด้วยแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่าครับ”


“ทำไม?”


“ผมแค่คิดว่าผู้ร่วมทางไม่มีสิทธิเจ้ากี้เจ้าการอะไรบนรถคนอื่น เจ้าของรถมีสิทธิที่จะฟังอะไรก็ได้ ถึงจะเป็นเพื่อนสนิท แต่ก็ทำได้แค่แหย่ ๆ เท่านั้น”


“ไม่เคยถามคนอื่น ผมถามแค่คุณ”


ผู้ร่วมทางเลิกคิ้วแทนคำถาม ดีนจึงต้องอธิบายต่อ “เพราะเราชอบฟังเพลงคนละแนว ผมเลยกลัวว่าคุณจะไม่แฮปปี้กับการนั่งรถไปกับผม”


รณณ์ยิ้มให้กับความใส่ใจของ ‘เพื่อนใหม่’ “วิทยุก็ไม่ได้เปิดแต่เพลงที่คุณชอบเหมือนกันนี่ครับ”


ดีนยิ้มกว้าง “ดี จะได้นั่งไปด้วยกันนาน ๆ ได้”


“หือ? ที่นั่นอยู่ไกลจากที่นี่มากเหรอครับ”


“เปล่าหรอก ผมหมายถึงในระยะยาว”


…ระยะยาว…


เกือบครึ่งชั่วโมงจากหอพักของรณณ์ รถยุโรปคันงามก็พาสองหนุ่มมาถึงที่หมาย การเดินทางลำบากจริงอย่างที่คนสูงวัยกว่าได้บอกไว้ รณณ์ยืนมองหน้าร้านด้วยความทึ่ง ร้านกาแฟขนาดกลางตกแต่งแนวธรรมชาติตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงดูร่มรื่นให้อารมณ์จิบน้ำชายามบ่ายตลอดเวลาแม้จะเป็นเวลาเที่ยงวันก็ตาม


ภายในยิ่งเป็นอะไรที่ดึงดูดความสนใจของรณณ์ได้ยิ่งกว่า เพราะมีการออกแบบสไตล์คลาสสิคขาวดำเรียบหรูดูแพงและได้ใจชาวอาร์ทิส ติสต์แตกทั้งหลายแหล่ การตกแต่งที่เรียบง่ายเน้นแค่สีที่ดูเข้ากันแต่ไม่กลืนก็ให้ความรู้สึกสงบได้อย่างน่าประหลาด สภาพแวดล้อมเป็นใจให้นั่งดีลงานหรืออ่านหนังสือสอบเสียจริง


“คุณมาที่นี่บ่อยหรือครับ?”


“เปล่า เพื่อนแนะนำมา” …ทาสชาเขียวอย่างธันวาบอกว่าชาเขียวที่นี่อร่อย


“ชอบไหม?”


“ชอบครับ ชอบมากด้วย”


สองหนุ่มสั่งเครื่องดื่มกันคนละอย่าง ของดีนยังเป็นกาแฟร้อนเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนจากอเมริกาโนเป็นมอคค่า ไม่อยากดื่มกาแฟเข้มมากเพราะตอนเช้าก่อนออกมาเขาชงกาแฟดำดื่มไปแล้วหนึ่งแก้ว ขณะที่รณณ์ยังคงสั่งมัทฉะลาเต้เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเป็นแบบร้อนเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศร่มรื่นด้านนอกร้าน นอกจากนี้ดีนยังสั่งของทานเล่นมาอีกสองสามอย่าง


“เป็นไง ถูกปากไหม”


“อร่อยมากเลยครับ” รณณ์ยิ้มกว้างอย่างพอใจหลังจากดื่มไปอึกหนึ่ง ทำเอาคนที่จ้องมองด้วยความลุ้นสุดตัวถึงกับโล่งใจ นับว่าลิ้นของเพื่อนรักยังทำงานได้ดี ไม่เสียแรงที่โทร.ไปปรึกษา

.

.

.

ดีนเป็นคนชอบถ่ายรูป เพราะฉะนั้นเขาจึงมีรูปเยอะแยะมากมายให้เด็กหนุ่มได้เลือก ดีนตั้งใจว่าหากรูปหลายพันรูปที่เขานำมาในวันนี้ไม่ถูกใจรณณ์เลย เขาก็จะออกไปถ่ายรูปตามความต้องการของอีกฝ่ายในเย็นวันนี้เช่นกัน


“โห! เยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ”


รณณ์มองโฟลเดอร์บนหน้าจอแลปท็อปเครื่องบางของดีนด้วยความตกใจ นัยน์ตาเบิกกว้างไล่อ่านชื่อโฟลเดอร์เกือบห้าสิบไฟล์แบบผ่าน ๆ


“ก็ถ่ายมาตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลายแล้ว”


“แล้วผมควรเริ่มจากไหนดีละครับเนี่ย”


“จากไหนก็ได้ เปิดได้ทุกโฟลเดอร์ ผมไม่หวง”


การเลือกรูปสักรูปมาประกอบคอลัมน์ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ความจริงแล้วรณณ์คิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะขอรูปของเขาที่ดีนเคยอัพลงอินสตราแกรม เขาชอบรูปนั้น มันให้ความรู้สึกถึงการวนเวียนอยู่ใกล้กันและกันแต่ก็ยังไม่ได้เจอกัน ในเมื่อเลือกไว้ในใจได้แล้ว เด็กหนุ่มจึงสนุกกับการดูรูปนั้นรูปนี้ของดีนพร้อมกับถามที่มาที่ไปของพวกมันอยู่ตลอด บางรูปสวยมากแต่ก็ไม่เคยเห็นดีนอัพให้ชาวโลกได้ดูเลยสักครั้ง ครั้นจะถามถึงเหตุผลก็กลัวอีกฝ่ายจะล่วงรู้ว่าตนแอบตามอย่างเงียบ ๆ มานานแล้ว


จะว่าไปแล้ว จุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาสนใจคุณดีนอาจจะเริ่มจากทวีตที่เกี่ยวกับหนังเรื่องนั้นทวีตเดียว แต่ที่ทำให้หลงใหลปราบปลื้มมาถึงทุกวันนี้คือฝีมือการถ่ายภาพพร้อมการเล่าเรื่องของคุณดีน ดูไปดูมาจนเกิดความรู้สึกผูกพันเหมือนเขาเป็นใครอีกคนที่ใกล้ชิดกันในชีวิตจริง เริ่มสนใจชีวิตของเขามากขึ้น ยินดีเวลาเขาเจอเรื่องดี ๆ เป็นห่วงเวลาเขามีเรื่องไม่สบายใจ และทุกข์ใจตามไปด้วยเสียทุกครั้ง


ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งจะได้มาใกล้ชิดกันในชีวิตจริง…จริง ๆ


“หืมม คุณดีนจบมาจากมหา’ลัยเดียวกับผมเลยนะครับ”


รณณ์ชี้ชื่อโฟลเดอร์ที่เป็นชื่อเดียวกับมหาวิทยาลัยให้ดีนดู คนตัวสูงกว่ายื่นหน้าเข้าไปใกล้ พยักหน้าหงึกหงักก่อนจะกลับมาสนใจกาแฟต่อ “งั้นคุณก็เป็นรุ่นน้องผมน่ะสิ”


“ห่างกันกี่รุ่นครับเนี่ย” เด็กหนุ่มลากเสียงยาวคล้ายจะล้อเรื่องอายุกับอีกฝ่ายเหมือนตอนอยู่ในรถจนดีนหันมองตาเขียว


“เดี๋ยวเถอะ ผ่านไปจะสองชั่วโมงแล้ว เลือกรูปได้รึยังล่ะ”


“ยังเลยครับ…” ยังหาไฟล์รูปนั้นไม่เจอ  “…แต่ผมขอเข้าไปดูโฟลเดอร์นี้หน่อยนะครับ”


ดีนพยักหน้า ก่อนเขยิบตัวเข้าไปใกล้เพราะรู้ว่าคนช่างซักถามอย่างรณณ์ต้องอยากรู้จักมหาวิทยาลัยในมุมมองที่เขาถ่ายอย่างแน่นอน


ในโฟลเดอร์นั้นยังมีโฟลเดอร์แยกย่อยตามปีพ.ศ.อีกเจ็ดโฟลเดอร์ ยังไม่ทันได้เปิดเข้าไปดู คำถามแรกก็ถูกส่งมาถึงเจ้าของเสียแล้ว


“หลังเรียนจบ คุณยังกลับไปที่นั่นทุกปีเลยเหรอครับ”


“อืม ไปงานประจำปีน่ะ ไปถ่ายรูปเล่น ไปเยี่ยมน้อง ๆ อ้อ! ผมแวะไปที่คณะคุณทุกปีเลยนะ นิเทศฯจัดงานดีเลยล่ะ กิจกรรมหลากหลายทุกปี”


“ถ้าอย่างนั้น ปีนี้เรียนเชิญอีกนะครับ”


“จัดช่วงไหนนะ เดือนหน้าใช่ไหม”


“ครับ ต้นเดือน หลังปิดเล่มฉบับเลิฟสัปดาห์นึง”


“ได้สิ ยังไงก็ตั้งใจว่าจะไปทุกปีอยู่แล้ว”


รณณ์เลือกเข้าไปดูโฟลเดอร์ปีพ.ศ.แรก เพราะคิดว่าน่าจะเป็นช่วงที่ดีนเพิ่งเข้าเรียนเป็นเฟรชชี่ อยากจะรู้เสียจริงว่าชีวิตในวัยเอ๊าะ ๆ ของหนุ่มลูกเสี้ยวคนนี้จะเป็นแบบไหน


ดูไปดูมาแล้วก็นึกถึงสิ่งที่เคยสงสัย ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นคุณดีนลงรูปตัวเองเลยสักครั้ง หรือแท้จริงแล้วเขาไม่เคยถ่ายรูปตัวเองกันแน่ เพราะหลาย ๆ รูปที่ผ่านตามา ไม่มีรูปไหนเลยที่มีเจ้าตัวอยู่ในนั้น


แต่ไม่ทันได้เอ่ยถาม เสียงแผดร้องจากโทรศัพท์ของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน


“ว่าไง…อะไรนะ!…เกิดขึ้นจนได้สินะ!...ตอนนี้อยู่ไหน?...ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”


รณณ์ไม่ได้ยินเสียงจากปลายสาย เขาได้ยินแต่เสียงติดจะหงุดหงิดของคุณดีนและสีหน้าที่สวนทางกัน ใบหน้าตี๋อินเตอร์นั้นทั้งเคร่งเครียดและ…เป็นห่วง


ใครกันนะที่โทร.เข้ามาแล้วทำให้คุณดีนเป็นห่วงได้มากขนาดนี้


หนุ่มลูกเสี้ยววางสายก่อนหันมาหาคนข้างกาย เขาจ้องนัยน์ตาใสคู่นั้นนิ่งอยู่อึดใจก่อนเอ่ยถาม “คุณว่างถึงกี่โมง?”


“วันนี้ผมไม่มีธุระที่ไหนครับ”


“งั้นไปด้วยกันก่อนนะ”

.

.

.

รณณ์ไม่รู้ว่าดีนจะพาไปที่ไหน ไม่รู้ว่าจะพาตนไปด้วยทำไม เขารู้เพียงแค่ว่าถ้าคุณดีนอยากให้ไปด้วย เขาก็จะไป


ตลอดทางภายในห้องโดยสารเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงเพลงที่เจ้าของรถชอบเปิดคลอ คนที่อยู่หลังพวงมาลัยเองก็เงียบ สีหน้าเคร่งเครียดจนเส้นเลือดบริเวณขมับขึ้นชัด หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันตลอดตั้งแต่รับสายของใครบางคน รณณ์อยากจะยื่นมือไปนวดคลายกล้ามเนื้อบริเวณนั้นให้เสียจริง แต่ก็ไม่กล้าทำลายสมาธิในการขับรถของอีกฝ่าย


ด้วยความเร็วที่มากกว่าตอนขับไปร้านกาแฟทำให้พวกเขาสองคนใช้เวลาเพียงแค่สิบห้านาทีก็มาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ใกล้สำนักพิมพ์ของดีน


ดีนจอดรถแล้วหันมองเข้าไปในร้านชั่วครู่อย่างชั่งใจ ซึ่งเป็นมุมที่รณณ์มองไม่เห็น


“รอในรถแป๊ปนึงนะ”


“ครับ”


“อ้อ ย้ายไปนั่งรอที่เบาะหลังนะ”


รณณ์มองตามคนที่เดินออกไปอย่างไม่เข้าใจตัวเอง


คุณดีนขอให้มาด้วยกัน เขาก็มา


คุณดีนบอกให้รอในรถ เขาก็รอ


คุณดีนบอกให้ย้ายไปนั่งเบาะหลัง เขาก็จะทำ


ด้วยความยินดีอย่างนั้นหรือ?...จริง ๆ น่ะเหรอ?

.

.

.
   
“หึ รีบมาตามแฟนเชียวนะ” ใบหน้าสวยแต้มรอยยิ้มเหยียดของคนที่ดีนไม่อยากเสวนาด้วยมากที่สุดคือสิ่งแรกที่เขาได้รับในตอนที่เดินมาใกล้โต๊ะที่มีบุคคลสามคนที่เขารู้จักนั่งร่วมโต๊ะกันอยู่
   
   
คริส ดาว และผิง

   
“ไป ผิง” ดีนไม่สนใจว่าบทสนทนาของทั้งสามจะจบแล้วหรือค้างอยู่ที่ตรงไหน สิ่งที่เขาทำคือถือวิสาสะดึงร่างเพื่อนตัวเองให้ลุกขึ้นยืนพร้อมคว้ากระเป๋าเจ้าตัวติดมือมาด้วย

   
“หวังว่าพวกคุณจะเสร็จธุระกับคนของผมแล้ว”

   
“เดี๋ยวดีน!” เสียงพี่ชายของเขาร้องเรียก เสียงที่ทำให้ผิงต้องกระตุกมือรั้งให้เขาหันไปหา แต่เขามุ่งมั่นที่จะออกจากตรงนี้เกินกว่าจะหันกลับไปอีกครั้ง

   
“Hey! You, Listen to me!!”

   
“ดีน” ผิงกระตุกข้อมือที่ถูกจับกุมอีกครั้งจนถูกอีกฝ่ายหันกลับมามองพร้อมสายตาที่ดุดันจนน่ากลัว

   
“ถ้าอยากอยู่ตรงนั้นแล้วจะโทร.ตามฉันมาช่วยทำไม” ดีนไม่ได้ขึ้นเสียงใส่ แต่เสียงนิ่ง ๆ แข็ง ๆ ก็ทำให้ผิงยอมเดินตามอย่างว่าง่ายไปถึงรถแล้ว

   
ใบหน้าหวานหงอยจนเกือบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ แต่อารมณ์ก็ถูกกระชากอย่างรุนแรงเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนอยู่ในรถของดีนด้วย


“รณณ์!!…มาด้วยกันได้ไงเนี่ย” หญิงสาวมองเพื่อนชายคนสนิทกับเด็กฝึกงานของสำนักพิมพ์สลับกันไปมา แต่คล้ายจงใจส่งคำถามให้เพื่อนตัวเองเสียมากกว่า


“ก่อนหน้านี้อยู่ด้วยกัน” ดีนตอบเรียบ ๆ


ผิงพินิจเพื่อนตัวเอง “เหรอ…แล้วรณณ์จะลงตรงไหน?”


ดีนหันมองเพื่อนสาวในทันที ใบหน้าหล่อคมเผยความหนักใจออกมาชัดเจนจนคนนั่งเบาะหลังรับรู้ได้ “จอดที่บีทีเอสที่ใกล้ที่สุดก็ได้ครับบอกอ ผมกลับรถไฟฟ้าได้ สะดวกด้วยครับ” ตบท้ายด้วยบอกข้อดีของมันเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ


ดีนพยักหน้า ส่งสายตาขอโทษไปทางกระจกมองหลัง ซึ่งอีกคนก็มองสบมาก่อนยิ้มบางให้อย่างเข้าใจ ก่อนรณณ์จะลงจากรถ ดีนก็ยังหันไปมองด้วยความรู้สึกผิดพร้อมเอ่ยขอโทษ เขาไม่ได้ตั้งใจพาอีกฝ่ายมาด้วยเพื่อทิ้งไว้กลางทางแบบนี้ แต่ตั้งใจจะพาไปส่งให้ถึงที่หลังจากส่งผิงเรียบร้อยแล้ว แต่ครั้นจะให้อีกฝ่ายรอเขาคุยกับเพื่อนเสร็จก่อนก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่กับสถานะ


นัยน์ตาคมดุมองตามแผ่นหลังบางไปจนสุดสายตาก่อนหันกลับมามองถนนแล้วออกรถ


“ดีน นี่นาย…” ผิงมองเพื่อนชายอย่างไม่เชื่อสายตาว่าชีวิตนี้ตนจะได้เห็นเพื่อนมองใครด้วยความอาลัยอาวรณ์อย่างเมื่อครู่นี้ได้


“ที่เธออยากให้เด็กนั่นลงไปเพราะเธออยากคุยเรื่องของตัวเองไม่ใช่เหรอ?”

.

.

.

ใครบอกว่าบก.ด้านชา ใครบอกว่าบก.ไม่สนใจ ไม่เคยแคร์ใคร พี่ผิงนี่ไงที่เป็นคนลบล้างความเข้าใจผิด ๆ ของคนทั้งสำนักพิมพ์


คนที่มีศักดิ์เป็นแค่นักศึกษาฝึกงานคิดด้วยความหมองหม่น จากตรงนี้กลับหอพักก็แค่สี่สถานีเท่านั้นเอง แต่ทำไมรณณ์รู้สึกว่ามันนานจนเรื่องราวต่าง ๆ ตีรวนในหัวสมองได้มากขนาดนี้


เรื่องที่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณดีน


รณณ์ไม่ได้เคืองที่ถูกปล่อยทิ้งกลางทาง แค่คุณดีนแสดงออกว่าเสียใจกับการที่ต้องทำแบบนี้ เขาก็ดีใจมากแล้ว แต่ที่แปลกใจตัวเองคือทำไมต้องรู้สึกตะขิดตะขวงใจแปลก ๆ ที่อีกฝ่ายเลือกผิง ทั้งที่การกระทำของคุณดีนในวันนี้ก็ชี้ชัดแล้วว่าผิงเป็นคนเดียวจริง ๆ ที่บอกได้ว่าคุณดีนเป็นคนด้านชาหรือเปล่าอย่างที่ดาวบอก


ทั้งที่ทุกอย่างก็กระจ่างชัดแล้วว่าคุณดีนแคร์และเป็นห่วงผิงขนาดไหน แต่เหมือนว่าเขาจะไม่จบอยู่แค่ที่ได้รู้คำตอบ เพราะคำตอบของคำถามที่เคยสงสัยมันคอยตอกย้ำซ้ำ ๆ ให้รู้สึกแย่ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล


…ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย…













TBC.
---------------------------------------------------------
นี่มาเร็วแล้วใช่ไหม แหะๆ ช้ากว่าที่ตั้งใจไปนิด ช่วงนี้อบรม 2 สัปดาห์เต็มๆ
ตอนต่อไปอาจจะช้านิ๊ดดดดนึงนะคะ

#ไม่ดิ้นรนหา

ด้วยรักและขอบคุณ

ธัญญ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-06-2017 22:02:04 โดย ธัญญ์ »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
«ตอบ #86 เมื่อ23-05-2017 22:22:42 »

 :L2: :pig4:

จากมุมคนนอก ใครๆก็คิดแบบนั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2017 22:46:20 โดย Billie »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
«ตอบ #87 เมื่อ23-05-2017 22:41:56 »

รณณ์ (และคนอื่น ๆ) เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว
เมื่อไหร่เรื่องรักสามเส้าของพี่ชายกับผิงจะจบ ๆ ไปเสียที เห็นดูท่าอาลัยอยู่ลึก ๆ แต่ก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-05-2017 23:08:21 โดย sirin_chadada »

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
«ตอบ #88 เมื่อ23-05-2017 22:49:17 »

 :pig4:

ออฟไลน์ จางฮีบิน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ห า กั น จ น เ จ อ // ตอนที่ 9 [23/05/17]
«ตอบ #89 เมื่อ23-05-2017 22:55:48 »

 :ling1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด