“อืออ”
ผมรู้สึกตัวหลังจากที่เผลอหลับไปแต่ก็ต้องแปลกใจที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนรถเหมือนในตอนแรก เฮ่ย แล้วผมอยู่ที่ไหนละว่ะเนี่ย ผมมองไปรอบๆห้องที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะมองนาฬิกาบนผนังพบว่าตอนนี้ก็เกือบห้าโมงเย็นแล้วนี่ผมนอนหลับหรือตายกันแน่เนี่ย ผมลุกเดินไปสำรวจรอบๆห้อง แล้วก็เห็นโน๊ตกระดาษแผ่นเล็กๆที่มีข้อความว่า ‘เดินมาด้านหลังบ้าน ชั้นหนึ่ง จาก ชุนอิจิ’ ผมวางกระดาษลงตามเดิมและเดินลงบันได เมื่อถึงประตู้หลังบ้านผมก็เปิดประตูออก อ่า ลมเย็นๆและกลิ่นทะเลปะทะเข้ากับใบหน้าและจมูกของผม สวยจัง แสงจากดวงอาทิตย์ที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มกระทบกับท้องทะทะเลที่กว้างใหญ่นั้นทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น
“มาแล้วเหรอ?...มานั่งนี่สิ” ผมเดินไปหาเขาที่นั่งบนเก้าอี้แบบทรงนอนตัวยาวสีขาวซึ่งมีอยู่ 2 ตัวเขาใส่เสื้อกล้ามสีขาวบางๆกับกางเกงขาสั่นและสวมแว่นกันแดดสีน้ำเงินแสนเท่นั้นทำให้เขาดูดีอย่างกับนายแบบหลุดออกมาจากนิตยสาร
“จำอะไรได้บ้างหรือยัง” เขาว่าพลางแอนตัวนอนกับเก้าอี้แล้วหันน้ามาทางผมที่นั่งเก้าอี้ข้างๆเขา
“ผ…ผมเคยมาที่นี้ด้วยงั้นเหรอ” ผมเอ่ยอย่างนึกสงสัย”ผมจำไม่ได้” ประโยคหลังผมหันหน้าหนีเขาเพื่อหลีกเหลี่ยงสายตาที่ฉายแววเป็นห่วงนั้น
“นายเคยมาที่บ้านหลังนี้ตอนเด็กๆ”
“อ่อ มากับพ่อแม่สิน่ะ”
“อืมม แล้วก็มากับฉันหนหนึ่งตอนม. 4”
“มากับนาย? งั้นมินามิคุงก็รู้จักผมสิน่ะครับ เราเป็นเพื่อนกันสินะ” ผมหันหน้าไปมองอีกฝ่าย อ่ะ ทำไมทำหน้าคิ้วขมวดอย่างงั้นล่ะหรือว่าผมพูดอะไรผิดหูเขาหรือป่าวเนี่ย
“เป็นอะไรหรือป่าวครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ไม่ชินกับการพูดเพราะของนายเท่านั้นเอง ตอนแรกที่เจอฉันไม่เห็นจะพูดสุภาพขนาดนี้เลยทำไมตอนนี้ถึงพูดล่ะ”
“ฮ่าฮ่า สงสัยผมนอนนานจนเพี้อนไปแล้วล่ะมั่งเนี่ย”
“กังวลเหรอ?...ปกติถ้านายกังวลหรือเครียดก็จะไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้แหละ” เขายิ้มบางๆให้ผม “เชื่อฉันสินายต้องจำได้แน่นอน ^0^”
-----ตึกตักๆ----
อ่า เอาอีกแล้วหัวใจของผมกำลังเต้นดังขึ้น หน้าขาวๆเริ่มขึ้นสีแดงจนถึงใบหู
“หิวแล้ว” ผมรีบลุกขึ้นเมื่อรู้สึกว่าหน้าผมมันร้อนๆ
“เป็นอะไรของนายเนี่ย ทำไมหน้าแดงๆ” เขาเดินมาหยุดตรงหน้า ผมกำลังจะตอบเขา แต่ก็ต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายเอาหน้าผากเขามาชนกับหน้าผากของผม แต่ด้วยความสูงทำให้เขาต้องก้มตัวลงมาเพื่อวัดไข้ให้ผม
“ เฮ่ย!..ทำอะไรของนายวะเนี่ย OxO ” ผมตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าวให้ห่างจากตัวเขา
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่ เอ๋….หรือว่าเขินผมเหรอครับ ^6^” เขายิ้มเจ้าเล่ห์อย่างได้ใจ
“ไม่ใช่เว่ย ไอ้บ้าา!! >///<” พูดจบผมก็รีบเดินเข้าไปในตัวบ้านทันทีพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจดังมาจากข้างหลังแว่วๆ
สถานที่ : ห้องอาหาร
เวลา : 17:15 นาที ภายในห้องอาหารที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย บนโต๊ะอาหารสไตล์ยุโรปมีอาหารทะเลหลายอย่าง กลิ่นอาหารที่แสนจะอร่อยลอยมาเตะที่จมูกของผม ผมเดินสำรวจห้องก่อนจะไปสะดุดตากับภาพที่แขวนอยู่บนผนัง 3 รูป รูปแรกเป็นรูปมินามิคุงกับครอบครัว ทัดมาเป็นภาพเด็กผู้ชาย 2 คนอายุราวๆ 10 ขวบที่กำลังยิ้มอย่างสดใส และภาพสุดท้ายเป็นภาพของ อ๊ะ ทำไมคุ้นๆล่ะ นั้นมันผมนี่น่ะ ผมตอนอายุน่าจะ 16-17 ยืนอยู่กับร่างสูงโปร่ง ผมสีน้ำเงิน ตาโต จมูกโด่งนั้นมันมินามินี่ ในภาพเขากำลังเอื้อมมือมาจับหัวผมแล้วก็ยิ้มให้ผมที่อยู่ในภาพ ส่วนภาพพื้นหลังนั้นเป็นเหมือนกับสวนดอกไม้ที่อยู่บนเนินเขา โอ๊ย… ปวดหัวชะมัด
‘โครม’
ผมเดินเซไปชนกับโต๊ะอาหารก่อนจะล้มกับพื้น อ่า ทำไมปวดหัวแบบนี้น่ะ เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย
‘ตึกๆ’ เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาหาผม
“ เกิดอะไรขึ้น ปวดหัวเหรอ? ยาอยู่ที่ไหน”
“ยาอยู่ในกระเป๋าที่ห้องนั่งเล่น”
“เดี๋ยวฉันไปเอามาให้ รอแป๊ปน่ะ” เขาพูดเสร็จก็รีบวิ่งไปเอายาทันที ผ่านไปไม่ถึง1นาทีเขาก็กลับมาพร้อมยา 1 เม็ดกับน้ำหนึ่งแก้ว ผมรีบรับยามากินทันที เฮ้อ ค่อยยังชั่ว
“ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ ขอบคุณมากน่ะ” เขาช่วยพยุงผมลุกขึ้นแล้วมานั่งที่เก้าอี้ อ่ะ ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆเขาก็เอื้อมมือมาเตะหน้าผากผมเบาๆ
“เหมือนจะมีไข้ รีบทานแล้วพักผ่อนเถอะ”
“อืมมม”
หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็กลับมาห้องเพราะต้องการพักผ่อน ไว้พรุ่งนี้ผมค่อยบอกเขาว่าอยากไปสถานที่ที่อยู่ในภาพบนผนังดีกว่า อ่า พอนึกถึงอาการปวดหัวก็กลับมาอีกครั้ง เลิกคิดดีกว่า ไว้พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางไม่แน่ว่าความทรงจำของผมอาจจะกลับมาก็ได้
เวลา : 6.00 a.m ภายในรถ BMW Z4 ที่ออกแบบอย่างหรูหรามีเพียงเสียงเพลงคลาสสิคเบาๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบไม่มีแม้แต่บทสนทนาเกิดขึ้นเลย วันนี้ผมไปปลุ๊กเขาตั้งแต่ตีห้า ผมนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดว่าต้องไปสถานที่ที่นั้นให้ได้ แต่กว่าเขาจะเปิดประตูห้องนอนก็ปาไปตีห้าครึ่ง ผมเลยต้องเร่งให้เขาอาบน้ำแล้วก็รีบออกมาเลยโดยที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องกันทั้งคู่ ฮาฮ่า ก็ผมอยากเห็นสถานที่ที่ผมคุ้นตานี่น่ะเพื่อความทรงจำของผมจะกลับมาเร็วขึ้น พอนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า ผมก็รู้สึกว่าเขาแปลกๆ ปกติต้องบ่น ต้องโมโหที่ถูกปลุ๊กตอนเช้า เอ่อ ผมเดาจากนิสัยที่เอาแต่ใจ อยากทำอะไรก็ทำแถมยังชอบเอาชนะไปซะทุกเรื่อง แต่วันนี้กลับยอมทำตามผมทุกอย่างเลยแฮะ จริงๆมันก็แค่เดทกันเล่นๆไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมผมต้องมาสนใจเรื่องหมอนี่ด้วยละ
เนี่ยย – 0 –
“ถึงแล้ว ลงกันเถอะเฟียร์เซลล์” เขาว่าพลางก้าวออกจากรถ ผมก็ลงไปด้วยเช่นกัน
ภาพตรงหน้าผมนั้น มีเพียงตัวอาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีฟ้าคราม 1 หลังท่ามกลางหุบเขา ส่วนวิวด้านหน้านั้นเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ ตัวตึกสูงราวๆ 18 ชั้น ถ้าเราขึ้นไปบนดาดฟ้าน่าจะมองเห็นวิวได้ถึง 360 องศา
“มินามิคุงคือฉันต้องการไปสถานที่ในรูปน่ะ นายพาฉันมาทำไมที่นี้” ผมถามขณะที่อยู่ในลิฟ
“ก็ที่นี้ไง ”
“…อ่อ” ใช่ที่นี้จริงๆใช่ไหม? คือในภาพมันเป็นสวนดวกไม้นี่น่ะ แล้วมันเกี่ยวกับอาคารได้ยังไงละเนี่ย
----------- ตื๊ดตืด ตื๊ดตืด ตื๊ดตืด ------------
“นายเดินตรงไปน่ะจะมีประตูอยู่แล้วก็เปิดเข้าไปเลยที่นั้นเป็นดาดฟ้า เดี๋ยวฉันขอคุยธุระแป๊ปนึง ” น้ำเสียงเศร้าของเขาทำให้ผมก้าวขาออกจากลิฟหันกลับไปมองเขาที่ยังอยู่ในลิฟ สายตาที่ฉายแววเศร้านั้นไม่เงยหน้ามองผมสักนิด แถมยังหันหลังให้ผมอีก ผมมองตามแผ่นหลังนั้นโดยไม่ละสายตาไปที่ไหนเลย วันนี้เค้าดูเศร้ามาก ๆ ผมยังไม่ทันตอบประตูลิฟก็ปิดลงทันที ทำไมต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้นด้วยถึงผมอยากจะถามแต่ก็พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าถ้าถามไปแล้วเขาจะตอบไหม แล้วผมจะถามไปทำไมในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำไมผมต้องอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเขาแบบนี้ด้วยล่ะ ผมหันกลับเดินตรงไปตามที่เขา ผ่านไปไม่นานผมก็หยุดอยู่ที่ประตูบานหนึ่ง
‘แอ๊ด’
“…อ๊ะ” wow -^- สวยจัง บนดาดฟ้าที่เต็มไปด้วยฟาร์มดอกไม้นานาชนิดทั่วทั้งดาดฟ้า ผมเดินเข้าไปยู่ในสวนดอกไม้ และเที่ยวไล่ดมกลิ่นดอกไม้นานาชนิดอย่างเพลิดเพลิน จนไปสะดุดกับกลิ่นหอมของอะไรบางในสวนดอกไม้นั้นที่ลอยมาตามลมผมจึงวิ่งไปเรื่อยๆ อ่า อยู่นี้นี่เองสินะ กลิ่นดอกไม้ที่แต่งต่างจากดอกไม้ชนิดอื่นๆและเป็นเพียงดอกไม้ต้นเดียวที่ปลูกที่นี้ มันชื่อว่า “ดอก Forget Me Not” ตรงกระถางต้นไม้มีป้ายเขียนไว้ว่า
‘Minami: "Falling in love with you is the second best thing that's ever happened to me."
Fiarsale: "What's the first?"
Minami: "Finding you ^/////^" ’
[มินามิ : การได้มารักกับนาย เป็นสิ่งที่ดีที่สุดครั้งที่สองที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน
เฟียร์เซลล์ : แล้วอะไรคืออย่างแรกล่ะ?
มินามิ: การได้มาพบกับนายไง 0^^0 ? ]
บทสนทนาสั่นๆนั้นทำให้ผมอมอิ้มขึ้นมาทันที อ๊ะ…. ปวดหัวว “โอ๊ยยยย….ปวดหัวมินามิคุงนายอยู่ไหน”
โอ๊ยย ผมกุมหัวตัวเองมากกว่าเดิม ยิ่งปวดมากเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มความทรมานเท่านั้น ยาก็อยู่ในรถ ผมล้มไปนอนอยู่ที่พื้นและพยายามพยุงตัวเองจนลุกขึ้นได้ในที่สุด ผมเดินเซไปเซมาจนลงมาถึงชัน 17 แต่กลับไม่พบมินามิ เขาหายไปไหนเนี่ย
“ไหนบอกว่าจะขึ้นมาหาไง ไหนบอกว่าจะเป็นแฟนฉันสามวันไม่ใช่เหรอ? นี่แค่สองวันเองนะ นายจะทิ้งฉันรึไง” ผมตะโกนอย่างโมโห เมื่อนึกถึงใบหน้าที่แสนจะเศร้ากับน้ำเสียงเศร้านั้น โอ๊ยย….ผมล้มลงพื้นอีกครั้งเมื่ออาการปวดหัวรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม และก่อนที่สติของผมจะดับลง ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนของใครบางที่ใส่ชุดพยาบาล
“คนไข้อยู่ทางนี้ครับ!...มาเร็วเข้า” และนั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนสติจะดับวูบไป
เสียงเพลงคลอต้อนรับวันคริสต์มาสดังแว่วมาจากกลางลานสวนสาธารณะในตัวเมืองแห่งหนึ่ง แม้จะไม่ใช่เทศกาลหลักของประเทศ แต่ทว่าคริสต์มาสกลับช่วยเพิ่มความครื้นเครงให้แก่ผู้คนในเมืองนี้ไม่น้อยที่เลย..
"วีวิช ยู อะ เมอรี่.. คริสต์มาส" ผมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี นิ้วก้อยของผมกำลังเกี้ยวก้อยของคนที่เดินข้างๆผม ร่างสูงโปร่ง ผมสีเงิน ตาสีอเมทิส ใบหน้าหล่อเหลานั้น มินามิคุงกำลังยิ้มอย่างมีความสุข
"Falling in love with you is the second best thing that's ever happened to me." อยู่ๆคนข้างๆผมก็พูดประโยคที่ชวนมึนตึบมาให้กับผม ไม่ใช่เพราะผมแปลไม่ออกว่าเขาพูดอะไร แต่ผมงงว่าอยู่ๆเขาก็สภาพรักกับผม ตลอดเวลาทีผ่านมาเขาเป็นคนปากแข็ง เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อแม่พวกเราสนิทกันแถมบ้านยังอยู่ข้างกันอีกต่างหาก มีช่วงหนึ่งตอนม.ตั้นเขาไปเรียนเมืองนอก พอขึ้นม.4 ก็กลับมาในฐานะเด็กทุนจากต่างประเทศ ย้ายไปอยู่ที่โรงเรียน D.G คู่แข่งของโรงเรียนผมและก็ยังมาทักผมครั้งแรกด้วยภาษาอังกฤษทำเป็นพูดไทยไม่ได้เพราะไปอยู่ที่อังกฤษเป็นเวลานาน ฮาฮ่า นึกแล้วก็ตลกตัวเองชะมัดเลยที่หลงกลไอ้หมอนี่เอาง่ายๆ
"What's the first?" ผมเอ่ยอย่างสงสัย ตอบดีๆๆน่ะ ไม่งั้นนายจะโดนดีแน่ ผมอยากจะรู้จริงๆว่ารักแรกของเขาเป็นใครจะสาปแช่งสะเลยนิ บังอาจมาเเย่งรักแรกของผมไป ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นแค่อดีตไปแล้วก็เถอะ ชิชิ =_=++
"Finding you” เขาโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากผมแล้วลูบหัวผมเบาๆ ฮาฮ่า ตอบแบบนี้ผมได้แต่หันหน้าหนีไปทางอื่น ไอ้บ้า
“เป็นแฟนกันน่ะ” เขาหยุดเดินและหันหน้ามาทางผมด้วยสายตาที่จริงจัง
“เป็นตั้งนานแล้วจะมาขออีกทำไม?…..ฉันจองตัวนายแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้วเว่ยย =///= "
.
.
.
“มินามิคุง!” ผมตะโกนเรียกชื่อของคนที่ผมรักออกมาสุดเสียงก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งพร้อมกับอดีตที่แจ่มชัดในความทรงจำ ผมจำทุกเรื่องราวได้หมดแล้ว
“ลูกเป็นอย่างไงบ้าง….พ่อเขาไปทำงานบอกว่าเย็นๆจะมาเยี่ยมน่ะ” แม่รีบเดินเข้ามาหาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง อ่า ผมหันไปสำรวจห้องก็พบว่านี้คือห้องพักของโรงพยาบาล จริงสิผมสลบไปนี่น่า แล้วมินามิคุงละ
“แม่ครับผมจำได้แล้ว ความทรงจำผมกลับมาแล้วฮะ ” แม่ผมยิ้มแล้วก็กอดผมแน่นอย่างดีใจ ผมเองก็ดีใจเช่นกัน
“มินามิล่ะครับ”
“เอ่อ…ไปแล้ว….วันนี้เขาจะกลับอังกฤษไฟล์ตอน 11 โมง” แม่ผละออกจากการกอดผมแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“อะไรน่ะครับ” ผมหันไปมองนาฬิกาบนผนักพบว่าตอนนี้แค่ 8 โมงเช้าดังนั้นถ้าไปสนามบินตอนนี้ก็ยังทันสิน่ะ คิดดังนั้นผมก็ลงจากเตียงนอน “แม่ครั้บผมจะไปหามินามิครับ”
“...okได้จ๊ะพาเขามาให้ได้น่ะ ^ ^ รีบไปเถอะเดี๋ยวไม่ทัน” แม่ผมยิ้มพลางตบบ่าเบาๆ ผมเข้าไปกอดแม่แล้วรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที….. ฉันไม่ยอมปล่อยนายไปหรอกมินามิคุง….ผู้ชายของฉัน
……… 10:35 a.m ต่อมา…… ผมเดินเข้ามาภายในสนามบินที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เดินกันให้ขวักไขว่ ผมเดินไปรอบๆเพื่อทีจะตาหาใครบางคน แต่เดินไปเดินมาหลายรอบก็ยังไม่เห็น อ๊ะ..... ผมเห็นร่างสูงโปร่งภายใต้กางเกงยีนส์สีดำกับเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาลแบบผ้าขนสัตว์ด้านในซึ่งสวมทับเสื้อกันหนาวสีเดียวกับแจ็คเก็ตกำลังเดินเข็นกระเป๋าใบใหญ่สีเหลืองและสีดำอยู่
“เฮ้ย!! นายขี้โมโห!! หยุดนะเว้ย!!” ผมตะโกนลั่นสนามบินอย่างไม่เกรงกลัวยามที่มองมาทางผมด้วยสายตาตำหนิ
เจ้าของร่างหยุดชะงักแล้วก็หันกลับมาด้วยสีหน้าตกใจ
“เฟอร์เซลล์นายมาได้ยังไง”
“เหาะมามั่ง ถามโง่ๆ”
“ปากดีแบบนี้ความจำกลับมาแล้วสิน่ะ”
“ใช่ ฉันจำนายได้แล้ว”
“….จริงเหรอ?” เขายิ้มออกมาอย่างดีใจ
“อื้อ….” ผมจูบเขาเบาๆ แต่ด้วยความสูงที่แตกต่างกันทำให้ผมต้องเขย่งตัวขึ้นเพื่อจะได้จูบเขาแบบถนัดๆ
“อะไรน่ะ “ เขาทำหน้าตกใจเล็กน้อย “นี่นายลวนลามฉันเหรอ?”
“…..” ผมยิ้มหน้าบาน แล้วยักษ์คิ้วแบบกวนตีนไปให้เขา
“ฉันโดยจู่โจมเพราะไม่ทันระวังตัวแต่ฉันเตรียมพร้อมไว้แล้ว…..งั้นฉันจะไม่โกรธแล้วกัน” เขายืนทำท่าเท้าสะเอว “แต่ว่าทำแค่นี้พอเหรอ? ที่จริงฉันเตรียมใจไว้ยิ่งกว่านี้อีกน่ะ” เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้ผม
“ไอ้บ้า” ผมเอามือดันหน้าเขาไปไกลๆ
“ฉันต้องการอยู่กับนายน่ะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำบอกกับผมอย่างหนักแน่นและจริงจัง เขาโอบกอดผม ผมยกสองแขนขึ้นโอบกอดเขาไว้เช่นกัน กอดแน่นไม่แพ้เขา เขาจะรู้รึเปล่าว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมโหยหาอ้อมกอดนี้ยิ่งกว่าอะไร และผมจะไม่ยอมปล่อยมินามิคุงไปอีกแล้วล่ะ
รักน่ะครับ…..ผู้ชายของผม (~_^) (^_~) ~.^ ^.~
It's cute when your boyfriend/girlfriend tells you little things.
Even when it's simple as a story of when they were younger
or if they tell you about a dream they had, it's just cute. I like it.
Not a day goes by that I don't think of you.
[เป็นสิ่งที่น่ารักมากที่คนรักของคุณเล่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คุณฟัง
แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องธรรมดามากอย่างเรื่องวัยเด็กของเขา
หรือแม้แต่เรื่องความฝันที่เขาเคยมีก็ตาม มันเป็นสิ่งที่น่ารัก ฉันชอบฟัง
ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงคุณ ]
[/color]
แด่...ทุกความรักที่สวยงาม
[/color]