(เรื่องสั้น)僕は男です ขอโทษที "ผะ...ผมเป็นผู้ชายนะครับ"[จบ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องสั้น)僕は男です ขอโทษที "ผะ...ผมเป็นผู้ชายนะครับ"[จบ]  (อ่าน 2335 ครั้ง)

ออฟไลน์ feather

  • วันๆอ่านเเต่yaoi
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

                                                           :pig2: :pig2:
สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 :call: :call:
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8

ออฟไลน์ feather

  • วันๆอ่านเเต่yaoi
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
               

                ภายในห้องนอนสไตน์คลาสสิคสุดหรูและเวอร์อลังการของคฤหาสน์หลังหนึ่ง ท่ามกลางเตียงนอนขนาดใหญ่ที่สามารถนอนรวมกันได้ 6 คน และแสงจากโคมไฟยุโรปสีขาวคริสตัล P Endelleuchte ใจกลางเพดานของห้องนอนขนาดใหญ่ส่องลงมายังชายหนุ่มรูปงามที่นอนคว่ำหน้า โชว์แผ่นหลังกว้าง ใบหน้าหล่อเหลาฟุบลงกับหมอนที่ทำจากขนนกอย่างดีนั้นทำให้เห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างกับผมสีทอง เขาใส่กางเกงยีนเอวต่ำจนขอบบ็อกเซอร์สีดำยี่ห้อดังโผล่ออกมารับลมหนาว

 

 

 

                 ‘แอ๊ด’

 

 

 

เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น ทำให้เฟียร์เซลล์ตื่นจากนิทราแสนหวานพร้อมกับลืมตาสีเทาเข้มนั้นทันที

 

“ตื่นแล้วเหรอ”  น้ำเสียงเรียบของร่างสูงโปร่งที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าพันกายทำให้เขาหันไปมองอีกฝ่าย  “ใส่เสื้อผ้านี้ซะ…นายเมาแล้วอ๊วกใส่ฉัน เสื้อผ้านายก็เลยเปื้อนไปด้วย”

 

“เฮ่ย! ที่นี้ที่ไหนเนี่ย ” อ่า ปวดหัวชะมัด ผมมองสำรวจตัวเองที่ตอนนี้ใส่แค่กางเกงยีนตัวเก่ง ส่วนท่อนบนก็เปลื่อยเผยให้เห็นผิวขาวๆนั้น นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ เมื่อคืนแค่ไปสังสรรค์กับเพื่อนและรุ่นพี่ที่ไม่เจอกันนาน แต่พอตื่นขึ้นมาก็เจอห้องที่ไม่คุ้นตากับไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาโยนเสื้อผ้าของเขาให้ผมที่ยังนั่งตื่นตระตนกอยู่บนเตียง

“ห้องฉันนะสิ” อีกฝ่ายส่งสายตากำลังบอกว่า'ตาบอดรึไง’มาที่ผม "ยืมใส่เสื้อของฉันก่อนแล้วกัน ส่วนเสื้อนายฉันส่งซักให้แล้ว” ร่างสูงโปร่ง ผมสีเงิน ตาสีอเมทิสต์ตอบผมพร้อมกับหันหลังไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบเสื้อคอกลมสีขาวมาใส่

“นายเป็นใคร แล้วฉันมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง” ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินเข้าไปใกล้ใบหน้าหล่อเหลานั้น

“ออกไป  ตัวนายเหม็นมากเลยนะ รีบไปอาบน้ำใส่เสื้อผ้าที่ฉันเตรียมให้ซะ แล้วฉันจะเล่าให้นายฟังว่าเกิดอะไรขึ้น” เขาทำหน้าและท่าทางรังเกียจผม นี่ผมไม่ใช่เชื้อโรคน่ะ ถึงได้ทำท่าทางแบบนี้ใส่ผม =€=*  ผมหยิบเสื้อยืดยี่ห้อดังกับกางเกงยืนสีดำขึ้นมาจากเตียงนอนและเดินตรงไปห้องน้ำทันที

 

 

 

                                                           ………… 45 นาทีต่อมา………….

 

 

 

               ณ ร้านอาหารเล็กๆสไตล์เกาหลี จะเรียกเรียกว่าร้านเล็กๆก็ไม่ถูกนัก เพราะอาคารหลังนี้มีสองชั้น ชั้นสองเป็นเรือนที่ทำจากไม้และมีสิ่งของตกแต่งสมัยเก่าๆ สุดคลาสสิคมากมาย เหมือนเป็นของที่เจ้าของร้านสะสมเอาไว้โชว์ให้ลูกค้าชมความสวยงามได้ ส่วนด้านหน้าของร้านยังเปิดเป็นร้าน cake coffee ส่วนใหญ่แล้วลูกค้าจะแวะมาทานอาหารที่นี้ซะมากกว่า ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ถ้าว่างเมื่อไรผมก็จะมาทันที ถึงแม้ว่าภายนอกร้านจะดูเก่าๆไปนิด แต่ภายในร้านกลับสะอาดสะอ้าน แถมราคาก็ถูก อีกทั้งรสชาติของอาหารในร้านนี้ก็ไม่เป็นสองรองใครอีกด้วย ผมหันไปมองหน้าคนที่นั่งตรงข้ามกับผมที่ตอนนี้กินอาหารในจานอย่างเอาเป็นเอาตายราวกับว่าไม่ได้ทานอาหารมา 3 วัน


“นายเป็นใคร” ผมอยากรู้ว่าผมมาอยู่กับเขาได้ยังไง คนถูกถามเงยหน้าจากอาหารมามองผมแล้วก็กับไปกินต่อ นี่นายหูหนวกรึไงครับ

“ฉันไปอยู่ห้องนายได้ยังไง” ผมพยายามข่มอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ในใจแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆอีกครั้ง อีกฝ่ายเงยหน้ามามองผมอยู่สักพักใหญ่ นี่ผมจะบ้าตายแล้วน่ะเว่ย จ้องหน้าอยู่ได้แต่ไม่พูดคือไรวะ

“เอาหน้าผมไปแดกแทนข้าวเลยไหมครับ” ผมแสะยิ้มให้อย่างกวนตีนไปให้เขา ฮึ มองอยู่ได้หน้าผมมีไรติดหรือไง หรือว่าผมหล่อมากเลยอดใจไม่ไหวล่ะ


แดกได้จะให้แดกเหรอครับ”เขายิ้มเจ้าเล่ห์


 เอาอีกแล้วสายตาที่เหมือนจะสื่ออะไรสักอย่าง แต่ขอโทษนะครับ ผมไม่รู้จุดประสงค์ของคุณเลย


“กวนตีน  แล้วจะบอกได้รึยัง”


“ฉันชื่อชุนอิจิ มินามิ เรียนที่ D.G  ” D.G งั้นก็ Dragon high school คู่แข่งโรงเรียนผมนี่ “เมื่อวานเพื่อนนายฝากนายไว้กับพวกฉันเพราะเพื่อนนายรู้จักกับเพื่อนของฉัน พวกนั้นมีธุระต้องไปก่อนก็เลยฝากนายไว้ที่ฉันก็แค่นั้นเอง”


“บ้าเอ่ย ถ้าไปเรียนเมื่อไรพวกแกเสร็จแน่” ผมสยบออกมาอย่างหัวเสียพลางหยิบเนื้อสเต็กวัวเข้าปาก อืม รสชาติอร่อยเหมือนเดิมเลย

 
“จำไม่ได้สิน่ะ”

“….ห๊ะ” ผมไม่ได้ยินว่าชุนอิจิพูดว่าอะไร เพราะเขาพูดเสียงเบาเหมือนพึมพำในลำคอ

“นายความจำเสื่อมสิน่ะ  เพื่อนนายบอกฉันเมื่อวาน เพราะถ้านายกลับเองมันจะเป็นห่วงถึงได้ฝากเอาไว้” เขารีบเอ่ยประโยคหลังทันทีเมื่อเห็นผมจ้องเขาเขม่น

 
           ถ้าให้ย้อนกลับไป 1 ปีที่แล้ว ใช่ครับ ตอนผมอยู่ ม. 5 ผมความจำเสื่อม ความทรงจำบางส่วนของผมหายไป ป๊ากับม๊าบอกว่าเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์จึงทำให้ผมเป็นแบบนี้ หมอบอกว่า ถ้าผมได้อยู่ในสถานที่ที่เคยไป เคยอยู่จะทำให้ความทรงจำส่วนนั้นกลับมา ผมก็พยายามมาตลอด ทั้งไปเที่ยวกับเพื่อนๆทุกที่ที่เคยไป ดูรูปอัลบัมที่ถ่ายไว้ แต่ก็นึกส่วนที่หายไปไม่ออก อ่า ปวดหัวชะมัดเลย ไม่คิดละเว่ยยย

 



                                                   ----------- ตื๊ดตืด ตื๊ดตืด ตื๊ดตืด ------------

 

 

 

 

 

มีคนโทรเข้ามาแล้ว ผมยอมรับว่าช่วงนี้ผมฮอตฮะ ก็คนมันหล่อช่วยไม่ได้นี่

“เดี๋ยวกูไปน่ะ” ผมรีบกรอกเสียงลงไปเพราะรู้ดีว่า ไอ้ฟีฟ่า เพื่อนสนิทผมโทรมาตามไปซ้อมบาส ฮาฮ่า ผมเป็นนักกีฬาโรงเรียนนี่ครับ แล้วนี่ก็ปาไปบ่ายกว่าๆแล้วด้วย สายมากกกกแล้ว ผมกดตัดสายก่อนที่มันจะพูดทันที

“อืม…ฉันความทรงจำหายไปบางส่วน ยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยฉันเอาไว้” ผมว่าพลางลุกขึ้น”ฉันมีธุระขอตัวก่อนนะ”

“เดทกับฉัน 3 วันได้ไหม” ประโยคนี้ทำให้ผมชะงักฝีเท้าแล้วหันมามองเขา

“นายว่าไงน่ะ เมื่อกี้ฉันได้ยินไม่ถนัด”   ผมว่าผมคงหูฝาดแน่ๆ สงสัยต้องไปตรวจสักหน่อยแล้วล่ะ


“เฟียร์เซลล์นายได้ยินไม่ผิดหรอก ถ้านายยอมเดท…ฉันจะเล่าเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับความทรงจำที่หายไป”


“บ้าไปแล้วรึไง!” ผมตะโกนเสียงดังลั่นร้านอาหารจนสายตาทุกโต๊ะมองมาที่พวกเรา

 
“กลับไปคิดก่อนก็ได้ฉันไม่รีบหรอก แต่ว่าฉันสามารถทำให้ความทรงจำนายกลับมาได้จริงๆน่ะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง  ผมว่าเขาบ้าไปแล้ว ผู้ชายเดทกับผู้ชายด้วยกันเนี่ยน่ะ นี่มันอะไรกันวะเนี่ย ผมเจอผู้ชายมาขอเดทเป็นสิบๆคนภายในเดือนเดียว โลกเล่นตลกกับผมอยู่เหรอ? ผมไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงขนาดนั้นหรอกน่า

 
“ไม่มีทางเว่ย!” ผมตะโกนอีกครั้งก่อนจะรีบเดินออกจากร้านอาหารทันที ไอ้หมอนี่มันประสาทกลับแล้วแน่ๆ ถึงได้เพี้ยนบอกเงื่อนไขประหลาดๆนั้นให้ผม ใครไปทำตามก็บ้าแล้วล่ะ  :angry2: :angry2:

 
 



                                            :L1: :pig4: :L1: :pig4: :L1: :pig4: :L1: :L1: :3123:

สถานที่ : คฤหาสน์ของชุนอิจิ มินามิ

 

        ประตูบ้านที่สวยเวอร์อลังการของคฤหาสน์หลังหนึ่ง  มีเพียงร่างสูงโปร่ง ผมสีทอง ยืนรอใครบางคนอย่างน่าเบื่อหน่ายเนื่องจากเฟียร์เซลล์มมายืนตรงนี้ได้สักพักแล้ว

 

                                                                   ------ ตึกตัก ตึกตัก -------
 
 

นี่มันเสียงอะไรกัน  เสียงหัวใจของผผมยังคงก้องกังวาลอยู่ในอกมันดังเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ รู้แต่ว่ามันดังตั้งแต่ผู้ชายที่ชื่อ ชุนอิจิ มินามิ เอ่ยคำนั้นออกมา ‘เดทกับฉันสามวัน’

 
 

                        ‘แอ๊ด’

 
 ขณะที่ผมยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่ ก็มีเสียงเปิดประตูพร้อมกับรถ BMW Z4 สีแดงแสนสวยขับเคลื่อนที่มาจอดอยู่ตรงหน้าผม เมื่อคนในรถเลื่อนกระจกลง เขาก็เห็นบุคคลที่เขาอยากเจอทันที

“มาแต่เช้าเลย….คิดถึงเหรอครับ”น้ำเสียงหยอกล้อกับท่ายักษ์คิ้วที่แสนจะกวนตีนนั้นทำให้ผมชักอยากจะต่อยใบหน้าหล่อเหลานั้นซะแล้วล่ะครับ

“ป่าวหรอกก….พอดีฉันมาให้หมาถามนะ” ผมหัวเราะในลำคอแล้วเดินเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ

“ปากดีเหมือนเดิมเลยน่ะ”                             

“โอ๊ย! เจ็บน่ะเว่ย” ผมร้องลั่นเมื่อจู่ๆ เขาก็มาหยิกแก้มผมสะเต็มแรง

“5555555”

“อยากตายรึไง” ผมมองเขาที่หัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยสีทหน้าจริงจัง “ฉันตกลงที่จะเดทกับนาย”

“ฮ๊ะ ว่าไงน่ะครับ ผมไม่ได้ยิน” เขายิ้มบางๆ นี้ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าเขาไม่ได้ยินจริงๆหรือว่าแกล้งไม่ได้ยินกันแน่

“ฉันตกลงที่จะเดทกับนายสามวัน ชุนอิจิ!” ผมตะโกนเสียงใส่เขาอย่างหงุดหงิด ไอ้หมอนี้จงใจยั่วโมโหผมชัดๆ สมองไม่ปกติหรือไงชอบให้คนอื่นเขาโกรธตัวเอง

“งั้นนายอยากไปไหนล่ะวันนี้”

“ฉันมาบอกนายแค่นี้แหละ เพราะฉันมีเรียน” ผมหันไปมองอีกฝ่ายที่แต่งชุดนักเรียน นี่ถามแบบนี้จะไม่เข้าเรียนสิน่ะ ผมพูดพลางมองนาฬิกาบนข้อมือที่ตอนนี้เข็มยาวบนหน้าปัดชี้เลขเก้าแล้ว ถ้าช้ากว่านี้ผมคงไปไม่ทันรถบัสรอบสุดท้ายที่ผ่านหน้าโรงเรียนผม

“อุส่ามาทั้งทีจะเข้าเรียนซะงั้น เฮ้อ  แต่ฉันอยากไปทะเล”

“ก็ไปสิ” ผมไม่ได้อยากไปด้วยซะหน่อย แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าเขากำลังอยากจะทำอะไร ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูรถ เขาก็ขับรถยนต์ออกทันที

“เฮ่ย!  จอดน่ะเว่ยชุนอิจิ ถ้านายอยากไปเที่ยวทะเลก็ไปคนเดียวดิ ฉันจะไปเรียนนะ”

“คนเรียนเก่งอย่างนาย โดดสักวันก็คงไม่ได้ทำให้เกรดตกหรอกน่ะ” น้ำเสียงที่ดูสบายๆนั้นทำให้ผมปวดหัวกว่าเดิม แต่เดี๋ยวนะ เขารู้ได้ยังไงว่าผมเป็นคนเรียนเก่ง หรือว่าเขารู้จักผมมาก่อนจริงๆสินะ

“เฮ่ย ไม่เอาเว่ยจะกลับ ปล่อยน่ะเว่ย”

 

            ‘เอี๊ยด’

 
เขาจออดรถแล้วจับแขนผมเอาไว้แน่น ก่อนจะหันไปปิดแพลง เชี่ยเอ่ยถึงกับต้องล็อกแขนแบบนี้เลยเหรอวะ บอกดีๆก็ได้เจ็บน่ะ


“เงียบ!” เขาตะโกนเสียงดังสนั่นรถ

“ปล่อยดิ”

“อยู่เงียบก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนกับนาย”

“ชุนอิจิก็ปล่อยก่อนดิ ผมเจ็บ”

“ต่อไปนี้นายเรียกฉันว่ามินามิคุงกก็พอ แล้วก็เงียบซะ”

“นายก็ปล่อ…อุ๊บ อื้อออ”อีกแล้วตั้งแต่ผมรู้จักผู้ชายที่ชื่อ ชุนอิจิ มินามิ ผมก็ปลืองตัวชิพหายเลย ผมพยายามหันหน้าหนีแต่เขาก็ล็อกคางผมเอาไว้เพื่อรับจูบนั้น

“อื้อ….คอกแค่ก” เมื่อเขาผละริมฝีปากผมก็ไอและผมก็หายใจเพื่อโกยอากาศเข้าไปในอกอย่างรวดเร็ว

“ฉันเตือนนายแล้ว ถ้าไม่เงียบอีกฉันไม่ทำแค่นี้แน่” เขาบอกแค่นั้นก่อนจะออกรถ นี่เขาจูบผมทำไมเนี่ย ผมเป็นผู้ชายน่ะ แล้วถ้าแค่เกมส์เดทกันจะมาทำแบบนี้กับผมทำไม?  ผมเองก็ได้แต่นั่งเงียบอยู่อย่างนั้น ต่างคนต่างเงียบบวกกับแอร์เย็นๆ แถมยังต้องมาเสียพลังงานไปจากการตื่นเช้า เมื่อคืนผมไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดเรื่องเดทนี้อยู่ในสมองจนนอนไม่หลับนี่แหละ จึงทำให้ผมง่วงแล้วเผลอหลับไป

 
                                                   
                                                            :mew1: :mew1:
 



   

ออฟไลน์ feather

  • วันๆอ่านเเต่yaoi
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 “อืออ”


    ผมรู้สึกตัวหลังจากที่เผลอหลับไปแต่ก็ต้องแปลกใจที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนรถเหมือนในตอนแรก เฮ่ย แล้วผมอยู่ที่ไหนละว่ะเนี่ย    ผมมองไปรอบๆห้องที่ไม่คุ้นเคย ก่อนจะมองนาฬิกาบนผนังพบว่าตอนนี้ก็เกือบห้าโมงเย็นแล้วนี่ผมนอนหลับหรือตายกันแน่เนี่ย ผมลุกเดินไปสำรวจรอบๆห้อง แล้วก็เห็นโน๊ตกระดาษแผ่นเล็กๆที่มีข้อความว่า ‘เดินมาด้านหลังบ้าน ชั้นหนึ่ง จาก ชุนอิจิ’ ผมวางกระดาษลงตามเดิมและเดินลงบันได เมื่อถึงประตู้หลังบ้านผมก็เปิดประตูออก อ่า ลมเย็นๆและกลิ่นทะเลปะทะเข้ากับใบหน้าและจมูกของผม สวยจัง แสงจากดวงอาทิตย์ที่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มกระทบกับท้องทะทะเลที่กว้างใหญ่นั้นทำให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น

“มาแล้วเหรอ?...มานั่งนี่สิ” ผมเดินไปหาเขาที่นั่งบนเก้าอี้แบบทรงนอนตัวยาวสีขาวซึ่งมีอยู่ 2 ตัวเขาใส่เสื้อกล้ามสีขาวบางๆกับกางเกงขาสั่นและสวมแว่นกันแดดสีน้ำเงินแสนเท่นั้นทำให้เขาดูดีอย่างกับนายแบบหลุดออกมาจากนิตยสาร

“จำอะไรได้บ้างหรือยัง” เขาว่าพลางแอนตัวนอนกับเก้าอี้แล้วหันน้ามาทางผมที่นั่งเก้าอี้ข้างๆเขา

“ผ…ผมเคยมาที่นี้ด้วยงั้นเหรอ” ผมเอ่ยอย่างนึกสงสัย”ผมจำไม่ได้” ประโยคหลังผมหันหน้าหนีเขาเพื่อหลีกเหลี่ยงสายตาที่ฉายแววเป็นห่วงนั้น

“นายเคยมาที่บ้านหลังนี้ตอนเด็กๆ”

“อ่อ มากับพ่อแม่สิน่ะ”

“อืมม แล้วก็มากับฉันหนหนึ่งตอนม. 4”

“มากับนาย? งั้นมินามิคุงก็รู้จักผมสิน่ะครับ เราเป็นเพื่อนกันสินะ” ผมหันหน้าไปมองอีกฝ่าย อ่ะ ทำไมทำหน้าคิ้วขมวดอย่างงั้นล่ะหรือว่าผมพูดอะไรผิดหูเขาหรือป่าวเนี่ย

“เป็นอะไรหรือป่าวครับ”

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ไม่ชินกับการพูดเพราะของนายเท่านั้นเอง  ตอนแรกที่เจอฉันไม่เห็นจะพูดสุภาพขนาดนี้เลยทำไมตอนนี้ถึงพูดล่ะ”

“ฮ่าฮ่า สงสัยผมนอนนานจนเพี้อนไปแล้วล่ะมั่งเนี่ย”

“กังวลเหรอ?...ปกติถ้านายกังวลหรือเครียดก็จะไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้แหละ” เขายิ้มบางๆให้ผม “เชื่อฉันสินายต้องจำได้แน่นอน ^0^”

 


                  -----ตึกตักๆ----


อ่า เอาอีกแล้วหัวใจของผมกำลังเต้นดังขึ้น หน้าขาวๆเริ่มขึ้นสีแดงจนถึงใบหู

“หิวแล้ว” ผมรีบลุกขึ้นเมื่อรู้สึกว่าหน้าผมมันร้อนๆ

“เป็นอะไรของนายเนี่ย ทำไมหน้าแดงๆ” เขาเดินมาหยุดตรงหน้า ผมกำลังจะตอบเขา แต่ก็ต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายเอาหน้าผากเขามาชนกับหน้าผากของผม แต่ด้วยความสูงทำให้เขาต้องก้มตัวลงมาเพื่อวัดไข้ให้ผม


“ เฮ่ย!..ทำอะไรของนายวะเนี่ย  OxO ” ผมตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าวให้ห่างจากตัวเขา

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่  เอ๋….หรือว่าเขินผมเหรอครับ ^6^” เขายิ้มเจ้าเล่ห์อย่างได้ใจ

“ไม่ใช่เว่ย ไอ้บ้าา!! >///<” พูดจบผมก็รีบเดินเข้าไปในตัวบ้านทันทีพร้อมกับเสียงหัวเราะชอบใจดังมาจากข้างหลังแว่วๆ

 

 

 


สถานที่ : ห้องอาหาร
เวลา : 17:15 นาที


 
                  ภายในห้องอาหารที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย บนโต๊ะอาหารสไตล์ยุโรปมีอาหารทะเลหลายอย่าง กลิ่นอาหารที่แสนจะอร่อยลอยมาเตะที่จมูกของผม ผมเดินสำรวจห้องก่อนจะไปสะดุดตากับภาพที่แขวนอยู่บนผนัง 3 รูป รูปแรกเป็นรูปมินามิคุงกับครอบครัว ทัดมาเป็นภาพเด็กผู้ชาย 2 คนอายุราวๆ 10 ขวบที่กำลังยิ้มอย่างสดใส และภาพสุดท้ายเป็นภาพของ อ๊ะ ทำไมคุ้นๆล่ะ นั้นมันผมนี่น่ะ ผมตอนอายุน่าจะ 16-17 ยืนอยู่กับร่างสูงโปร่ง ผมสีน้ำเงิน ตาโต จมูกโด่งนั้นมันมินามินี่ ในภาพเขากำลังเอื้อมมือมาจับหัวผมแล้วก็ยิ้มให้ผมที่อยู่ในภาพ ส่วนภาพพื้นหลังนั้นเป็นเหมือนกับสวนดอกไม้ที่อยู่บนเนินเขา  โอ๊ย… ปวดหัวชะมัด



                       ‘โครม’

 

ผมเดินเซไปชนกับโต๊ะอาหารก่อนจะล้มกับพื้น อ่า ทำไมปวดหัวแบบนี้น่ะ เมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย

             
  ‘ตึกๆ’ เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาหาผม

 
“ เกิดอะไรขึ้น ปวดหัวเหรอ?  ยาอยู่ที่ไหน”
 
“ยาอยู่ในกระเป๋าที่ห้องนั่งเล่น”

“เดี๋ยวฉันไปเอามาให้ รอแป๊ปน่ะ” เขาพูดเสร็จก็รีบวิ่งไปเอายาทันที ผ่านไปไม่ถึง1นาทีเขาก็กลับมาพร้อมยา 1 เม็ดกับน้ำหนึ่งแก้ว ผมรีบรับยามากินทันที  เฮ้อ ค่อยยังชั่ว

“ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ ขอบคุณมากน่ะ” เขาช่วยพยุงผมลุกขึ้นแล้วมานั่งที่เก้าอี้ อ่ะ ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆเขาก็เอื้อมมือมาเตะหน้าผากผมเบาๆ

“เหมือนจะมีไข้ รีบทานแล้วพักผ่อนเถอะ”

“อืมมม”

           หลังจากทานข้าวเสร็จผมก็กลับมาห้องเพราะต้องการพักผ่อน ไว้พรุ่งนี้ผมค่อยบอกเขาว่าอยากไปสถานที่ที่อยู่ในภาพบนผนังดีกว่า  อ่า พอนึกถึงอาการปวดหัวก็กลับมาอีกครั้ง เลิกคิดดีกว่า ไว้พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางไม่แน่ว่าความทรงจำของผมอาจจะกลับมาก็ได้

 


 

 

เวลา : 6.00 a.m



              ภายในรถ BMW Z4 ที่ออกแบบอย่างหรูหรามีเพียงเสียงเพลงคลาสสิคเบาๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบไม่มีแม้แต่บทสนทนาเกิดขึ้นเลย วันนี้ผมไปปลุ๊กเขาตั้งแต่ตีห้า  ผมนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดว่าต้องไปสถานที่ที่นั้นให้ได้ แต่กว่าเขาจะเปิดประตูห้องนอนก็ปาไปตีห้าครึ่ง ผมเลยต้องเร่งให้เขาอาบน้ำแล้วก็รีบออกมาเลยโดยที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องกันทั้งคู่ ฮาฮ่า ก็ผมอยากเห็นสถานที่ที่ผมคุ้นตานี่น่ะเพื่อความทรงจำของผมจะกลับมาเร็วขึ้น พอนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า ผมก็รู้สึกว่าเขาแปลกๆ ปกติต้องบ่น ต้องโมโหที่ถูกปลุ๊กตอนเช้า เอ่อ  ผมเดาจากนิสัยที่เอาแต่ใจ อยากทำอะไรก็ทำแถมยังชอบเอาชนะไปซะทุกเรื่อง แต่วันนี้กลับยอมทำตามผมทุกอย่างเลยแฮะ จริงๆมันก็แค่เดทกันเล่นๆไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมผมต้องมาสนใจเรื่องหมอนี่ด้วยละ

เนี่ยย – 0 –



“ถึงแล้ว ลงกันเถอะเฟียร์เซลล์” เขาว่าพลางก้าวออกจากรถ ผมก็ลงไปด้วยเช่นกัน

 
            ภาพตรงหน้าผมนั้น มีเพียงตัวอาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีฟ้าคราม 1 หลังท่ามกลางหุบเขา ส่วนวิวด้านหน้านั้นเป็นแม่น้ำขนาดใหญ่ ตัวตึกสูงราวๆ 18 ชั้น ถ้าเราขึ้นไปบนดาดฟ้าน่าจะมองเห็นวิวได้ถึง 360 องศา

 
“มินามิคุงคือฉันต้องการไปสถานที่ในรูปน่ะ นายพาฉันมาทำไมที่นี้” ผมถามขณะที่อยู่ในลิฟ

“ก็ที่นี้ไง ”

“…อ่อ”  ใช่ที่นี้จริงๆใช่ไหม? คือในภาพมันเป็นสวนดวกไม้นี่น่ะ แล้วมันเกี่ยวกับอาคารได้ยังไงละเนี่ย

 
 

                     ----------- ตื๊ดตืด ตื๊ดตืด ตื๊ดตืด ------------

 

“นายเดินตรงไปน่ะจะมีประตูอยู่แล้วก็เปิดเข้าไปเลยที่นั้นเป็นดาดฟ้า เดี๋ยวฉันขอคุยธุระแป๊ปนึง ” น้ำเสียงเศร้าของเขาทำให้ผมก้าวขาออกจากลิฟหันกลับไปมองเขาที่ยังอยู่ในลิฟ  สายตาที่ฉายแววเศร้านั้นไม่เงยหน้ามองผมสักนิด แถมยังหันหลังให้ผมอีก ผมมองตามแผ่นหลังนั้นโดยไม่ละสายตาไปที่ไหนเลย วันนี้เค้าดูเศร้ามาก ๆ ผมยังไม่ทันตอบประตูลิฟก็ปิดลงทันที ทำไมต้องทำหน้าเศร้าขนาดนั้นด้วยถึงผมอยากจะถามแต่ก็พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าถ้าถามไปแล้วเขาจะตอบไหม แล้วผมจะถามไปทำไมในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำไมผมต้องอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเขาแบบนี้ด้วยล่ะ   ผมหันกลับเดินตรงไปตามที่เขา ผ่านไปไม่นานผมก็หยุดอยู่ที่ประตูบานหนึ่ง

 

                ‘แอ๊ด’
 

“…อ๊ะ” wow -^- สวยจัง บนดาดฟ้าที่เต็มไปด้วยฟาร์มดอกไม้นานาชนิดทั่วทั้งดาดฟ้า ผมเดินเข้าไปยู่ในสวนดอกไม้ และเที่ยวไล่ดมกลิ่นดอกไม้นานาชนิดอย่างเพลิดเพลิน จนไปสะดุดกับกลิ่นหอมของอะไรบางในสวนดอกไม้นั้นที่ลอยมาตามลมผมจึงวิ่งไปเรื่อยๆ  อ่า  อยู่นี้นี่เองสินะ กลิ่นดอกไม้ที่แต่งต่างจากดอกไม้ชนิดอื่นๆและเป็นเพียงดอกไม้ต้นเดียวที่ปลูกที่นี้ มันชื่อว่า “ดอก Forget Me Not” ตรงกระถางต้นไม้มีป้ายเขียนไว้ว่า

 

‘Minami: "Falling in love with you is the second best thing that's ever happened to me."

Fiarsale: "What's the first?"

Minami: "Finding you ^/////^" ’
[มินามิ : การได้มารักกับนาย เป็นสิ่งที่ดีที่สุดครั้งที่สองที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน
เฟียร์เซลล์ : แล้วอะไรคืออย่างแรกล่ะ?
 มินามิ: การได้มาพบกับนายไง 0^^0 ? ]

 
 

บทสนทนาสั่นๆนั้นทำให้ผมอมอิ้มขึ้นมาทันที อ๊ะ…. ปวดหัวว “โอ๊ยยยย….ปวดหัวมินามิคุงนายอยู่ไหน”

โอ๊ยย ผมกุมหัวตัวเองมากกว่าเดิม ยิ่งปวดมากเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มความทรมานเท่านั้น ยาก็อยู่ในรถ ผมล้มไปนอนอยู่ที่พื้นและพยายามพยุงตัวเองจนลุกขึ้นได้ในที่สุด ผมเดินเซไปเซมาจนลงมาถึงชัน 17 แต่กลับไม่พบมินามิ เขาหายไปไหนเนี่ย


“ไหนบอกว่าจะขึ้นมาหาไง ไหนบอกว่าจะเป็นแฟนฉันสามวันไม่ใช่เหรอ? นี่แค่สองวันเองนะ นายจะทิ้งฉันรึไง” ผมตะโกนอย่างโมโห  เมื่อนึกถึงใบหน้าที่แสนจะเศร้ากับน้ำเสียงเศร้านั้น  โอ๊ยย….ผมล้มลงพื้นอีกครั้งเมื่ออาการปวดหัวรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม และก่อนที่สติของผมจะดับลง ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนของใครบางที่ใส่ชุดพยาบาล

 “คนไข้อยู่ทางนี้ครับ!...มาเร็วเข้า” และนั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนสติจะดับวูบไป
 :mew6: :mew6:
 

 


 

 
                เสียงเพลงคลอต้อนรับวันคริสต์มาสดังแว่วมาจากกลางลานสวนสาธารณะในตัวเมืองแห่งหนึ่ง แม้จะไม่ใช่เทศกาลหลักของประเทศ แต่ทว่าคริสต์มาสกลับช่วยเพิ่มความครื้นเครงให้แก่ผู้คนในเมืองนี้ไม่น้อยที่เลย..

"วีวิช ยู อะ เมอรี่.. คริสต์มาส" ผมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี นิ้วก้อยของผมกำลังเกี้ยวก้อยของคนที่เดินข้างๆผม ร่างสูงโปร่ง ผมสีเงิน ตาสีอเมทิส ใบหน้าหล่อเหลานั้น มินามิคุงกำลังยิ้มอย่างมีความสุข

 
"Falling in love with you is the second best thing that's ever happened to me." อยู่ๆคนข้างๆผมก็พูดประโยคที่ชวนมึนตึบมาให้กับผม ไม่ใช่เพราะผมแปลไม่ออกว่าเขาพูดอะไร แต่ผมงงว่าอยู่ๆเขาก็สภาพรักกับผม ตลอดเวลาทีผ่านมาเขาเป็นคนปากแข็ง เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อแม่พวกเราสนิทกันแถมบ้านยังอยู่ข้างกันอีกต่างหาก มีช่วงหนึ่งตอนม.ตั้นเขาไปเรียนเมืองนอก พอขึ้นม.4 ก็กลับมาในฐานะเด็กทุนจากต่างประเทศ ย้ายไปอยู่ที่โรงเรียน D.G คู่แข่งของโรงเรียนผมและก็ยังมาทักผมครั้งแรกด้วยภาษาอังกฤษทำเป็นพูดไทยไม่ได้เพราะไปอยู่ที่อังกฤษเป็นเวลานาน ฮาฮ่า นึกแล้วก็ตลกตัวเองชะมัดเลยที่หลงกลไอ้หมอนี่เอาง่ายๆ

 "What's the first?" ผมเอ่ยอย่างสงสัย ตอบดีๆๆน่ะ ไม่งั้นนายจะโดนดีแน่ ผมอยากจะรู้จริงๆว่ารักแรกของเขาเป็นใครจะสาปแช่งสะเลยนิ บังอาจมาเเย่งรักแรกของผมไป ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นแค่อดีตไปแล้วก็เถอะ ชิชิ  =_=++

"Finding you” เขาโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากผมแล้วลูบหัวผมเบาๆ ฮาฮ่า ตอบแบบนี้ผมได้แต่หันหน้าหนีไปทางอื่น ไอ้บ้า

“เป็นแฟนกันน่ะ” เขาหยุดเดินและหันหน้ามาทางผมด้วยสายตาที่จริงจัง

“เป็นตั้งนานแล้วจะมาขออีกทำไม?…..ฉันจองตัวนายแต่ครั้งแรกที่เราเจอกันแล้วเว่ยย  =///=  "

 

.

 

.

 

.

 

“มินามิคุง!” ผมตะโกนเรียกชื่อของคนที่ผมรักออกมาสุดเสียงก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งพร้อมกับอดีตที่แจ่มชัดในความทรงจำ ผมจำทุกเรื่องราวได้หมดแล้ว

“ลูกเป็นอย่างไงบ้าง….พ่อเขาไปทำงานบอกว่าเย็นๆจะมาเยี่ยมน่ะ” แม่รีบเดินเข้ามาหาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง อ่า ผมหันไปสำรวจห้องก็พบว่านี้คือห้องพักของโรงพยาบาล จริงสิผมสลบไปนี่น่า แล้วมินามิคุงละ

“แม่ครับผมจำได้แล้ว ความทรงจำผมกลับมาแล้วฮะ ” แม่ผมยิ้มแล้วก็กอดผมแน่นอย่างดีใจ ผมเองก็ดีใจเช่นกัน

“มินามิล่ะครับ”

“เอ่อ…ไปแล้ว….วันนี้เขาจะกลับอังกฤษไฟล์ตอน 11 โมง” แม่ผละออกจากการกอดผมแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าๆ


“อะไรน่ะครับ” ผมหันไปมองนาฬิกาบนผนักพบว่าตอนนี้แค่ 8 โมงเช้าดังนั้นถ้าไปสนามบินตอนนี้ก็ยังทันสิน่ะ คิดดังนั้นผมก็ลงจากเตียงนอน “แม่ครั้บผมจะไปหามินามิครับ”

 
“...okได้จ๊ะพาเขามาให้ได้น่ะ ^ ^ รีบไปเถอะเดี๋ยวไม่ทัน” แม่ผมยิ้มพลางตบบ่าเบาๆ ผมเข้าไปกอดแม่แล้วรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที….. ฉันไม่ยอมปล่อยนายไปหรอกมินามิคุง….ผู้ชายของฉัน

 

 

 

                       ……… 10:35 a.m  ต่อมา……

 
                    ผมเดินเข้ามาภายในสนามบินที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เดินกันให้ขวักไขว่ ผมเดินไปรอบๆเพื่อทีจะตาหาใครบางคน แต่เดินไปเดินมาหลายรอบก็ยังไม่เห็น  อ๊ะ..... ผมเห็นร่างสูงโปร่งภายใต้กางเกงยีนส์สีดำกับเสื้อแจ็คเก็ตสีน้ำตาลแบบผ้าขนสัตว์ด้านในซึ่งสวมทับเสื้อกันหนาวสีเดียวกับแจ็คเก็ตกำลังเดินเข็นกระเป๋าใบใหญ่สีเหลืองและสีดำอยู่

 
“เฮ้ย!! นายขี้โมโห!! หยุดนะเว้ย!!” ผมตะโกนลั่นสนามบินอย่างไม่เกรงกลัวยามที่มองมาทางผมด้วยสายตาตำหนิ

เจ้าของร่างหยุดชะงักแล้วก็หันกลับมาด้วยสีหน้าตกใจ

“เฟอร์เซลล์นายมาได้ยังไง”

 
“เหาะมามั่ง ถามโง่ๆ”


“ปากดีแบบนี้ความจำกลับมาแล้วสิน่ะ”


“ใช่ ฉันจำนายได้แล้ว”  :-[

 
“….จริงเหรอ?” เขายิ้มออกมาอย่างดีใจ


“อื้อ….” ผมจูบเขาเบาๆ แต่ด้วยความสูงที่แตกต่างกันทำให้ผมต้องเขย่งตัวขึ้นเพื่อจะได้จูบเขาแบบถนัดๆ


“อะไรน่ะ “ เขาทำหน้าตกใจเล็กน้อย “นี่นายลวนลามฉันเหรอ?”

 
“…..” ผมยิ้มหน้าบาน แล้วยักษ์คิ้วแบบกวนตีนไปให้เขา


“ฉันโดยจู่โจมเพราะไม่ทันระวังตัวแต่ฉันเตรียมพร้อมไว้แล้ว…..งั้นฉันจะไม่โกรธแล้วกัน” เขายืนทำท่าเท้าสะเอว “แต่ว่าทำแค่นี้พอเหรอ? ที่จริงฉันเตรียมใจไว้ยิ่งกว่านี้อีกน่ะ” เขายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วโน้มหน้าเข้ามาใกล้ผม


“ไอ้บ้า” ผมเอามือดันหน้าเขาไปไกลๆ


“ฉันต้องการอยู่กับนายน่ะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำบอกกับผมอย่างหนักแน่นและจริงจัง เขาโอบกอดผม ผมยกสองแขนขึ้นโอบกอดเขาไว้เช่นกัน กอดแน่นไม่แพ้เขา เขาจะรู้รึเปล่าว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมโหยหาอ้อมกอดนี้ยิ่งกว่าอะไร และผมจะไม่ยอมปล่อยมินามิคุงไปอีกแล้วล่ะ


รักน่ะครับ…..ผู้ชายของผม (~_^) (^_~) ~.^ ^.~

 


                                     
  It's cute when your boyfriend/girlfriend tells you little things.

Even when it's simple as a story of when they were younger

or if they tell you about a dream they had, it's just cute. I like it.

Not a day goes by that I don't think of you.

 

 [เป็นสิ่งที่น่ารักมากที่คนรักของคุณเล่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้คุณฟัง

แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องธรรมดามากอย่างเรื่องวัยเด็กของเขา

หรือแม้แต่เรื่องความฝันที่เขาเคยมีก็ตาม มันเป็นสิ่งที่น่ารัก ฉันชอบฟัง

ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงคุณ ]
[/color]
 

แด่...ทุกความรักที่สวยงาม

 
[/color]
 

 


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด