อืมม อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว เราอยากจะขอบอกก่อนเลยว่าตอนที่8ในความรู้สึกของเรามันเป็นความฮาที่ซ่อนเร้นด้วยความหน่วง อะไรหลายๆอย่างมันบอกเราแบบนั้น ตอนอ่านก็ฮาและสงสารอีค่ายไปพลางๆ แต่พออ่านจบเหมือนมันได้ตกตะกอนทำให้เรารู้ว่าจริงๆแล้วตอนนี้มันมีความหน่วงซ่อนอยู่
จะพูดยังไงดีล่ะ...
เอาจริงๆกูก็ไม่ได้เข้าข้างมึงนะค่าย แต่เห็นแล้วเริ่มรู้สึกสงสารค่ายขึ้นมาแล้วจริงๆ ถ้ามึงรักน้องเติร์ดจริง มึงต้องทำให้เค้าเห็นนะค่าย ทำให้เค้าได้รับรู้ กำแพงในใจของน้องเติร์ดตอนนี้สูงมาก สูงมากกว่าเดิมมากๆ น้องมีประสบการณ์การได้รับความเจ็บปวดจากมึงซ้ำๆๆๆ เป็นเวลาสองปี ดังนั้นมึงต้องปีนกำแพงของน้องเติร์ดเข้าไปหาเค้าให้ได้ ถ้ามึงรักน้องเติร์ดจริงๆนะค่ายนะ
ตอนนี้ทำให้เรารู้อีกอย่างนึงว่าเติร์ดน่าสงสารแค่ไหนที่แวดล้อมด้วยผู้คนที่ติดอยู่blacklistsของคณะนิเทศศาสตร์ด้านความมั่วและม่อ ทำไมรอบตัวหนูถึงมีแต่คนแบบล่ะลูกเอ้ยยยยยยยย ฮื่อออ
ตอนแรกที่ได้อ่านแบบskimingก็ดีใจแหละที่จะมีคนมาจีบเติร์ด ใจจริงนึกอยากจะเชียร์ให้เติร์ดเปิดใจรับคนใหม่ๆเข้ามาในชีวิตด้วยซ้ำไป แต่พอมาลองอ่านดูดีๆแล้ว คนที่จะเข้ามาจีบเติร์ดมันไม่ได้ต่างอะไรจากอีค่ายเลย ถ้าเป็นแบบนั้นหนูก็อย่าเอาใครเป็นแฟนเลยลูก เห็นละเพลีย สงสารด้วยที่หนูจะต้องรับความเจ็บปวดแบบซ้ำๆ มันก็อย่างที่พี่อั้นว่านั่นแหละ หลายคนคิดจะเลิกเหี้ย เลิกมั่ว แต่สุดท้ายมันก็ทำไม่ได้เพราะมันติดเป็นสันดานความชั่วไปแล้ว ดังนั้นแล้วมันจึงไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่าถ้าหนูเป็นแฟนกับพี่อั้นจริง เค้าจะไม่เหี้ยใส่หนูอีก แม้แต่อีค่ายก็ตาม
และต่อให้หนูบอกกับพี่อั้นว่า ผู้ชายคนเดียวที่หนูรัก/ชอบมีแค่คนเดียวคืออีค่าย มันก็ไม่มีหลักประกันใดๆมารับรองอีกว่าพี่อั้นมันจะไม่เหี้ยใส่หนูอันเกิดจากความไม่ได้ "ใจ" ของหนู หรือ "ตัว" ของหนูนะลูกเติร์ด
เอาเป็นว่าตอนนี้เราให้กำลังใจแกนะค่ายนะ แต่เราไม่เข้าข้างแกหรอก เราทีมเติร์ดตลอดแหละ ลูกอยู่กับใครแล้วมีความสุข เราก็สนับสนุนนะ