ตอนที่ 5 เพื่อน
กิต พาร์ท
ผมชื่อกิตคับ ประกิต ลักษณะรัตน์ เป็นเพื่อนพายมาตั้งแต่ประถม พายมันเป็นเด็กน่ารักมีแต่คนมาชอบ ส่วนใหญ่ตอนนั้นมีแต่คนชอบแกล้งมัน แต่พายเป็นพวกสู้คนคับ นั้นทำให้ผมประทับใจกับผู้ชายคนนี้ ยิ่งโตพายก็ยิ่งมีเค้าความสวยมากกว่าผู้ชายทั่วไป จนทำให้จากการถูกแกล้ง กลายเป็นลวนลาม แต่ผมก็ไม่เคยต้องห่วงมัน เพราะมันเก่งเรื่องเอาตัวรอด จนมาช๊อคเรื่องที่พี่ชายแท้ๆของตัวเองพยายามข่มขืนตอน ม.ต้น มันสนิทกับพี่ชายพอสมควร ก็ไม่เคยคิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ ถ้ามีใครมาเล่าให้ฟังผมก็คงไม่เชื่อ เพราะพี่พลดูเป็นพี่ชายที่แสนดีจะตาย
จนวันหนึ่งที่ผมได้เห็นกับตา ผมไปหาพายที่บ้าน พ่อแม่พายไม่อยู่ ด้วยความที่สนิทผมเลยเดินขึ้นไปหาพายที่ห้องด้วยตัวเอง ผมมองลอดเข้าไปเพราะประตูห้องนอนพายเปิดแง้มอยู่ สิ่งที่ผมเห็นทำผมช๊อคไปในทันที พายกำลังถูกพี่พลข่มขืน เขากำลังเอานิ้วสอดเข้าไปที่ก้นพาย ในขณะที่พายเปลือยเปล่า และร้องไห้อ้อนวอน ขอร้องพี่พลไม่ให้ทำแบบนั้น แต่ใบหน้าที่หื่นกระหายนั้นก็ไม่หยุด พอผมได้สติ ผมผลักประตูเข้าไป และต่อยพี่พลจนล้มไปกองกับพื้น ผมรีบเอาเสื้อผ้าให้พายใส่อย่างลวกๆ ตัวพายสั่นไปหมด ผมพาพายมาอยู่ที่บ้านผม และโทรบอกพ่อแม่พายว่า พายจะมาค้างทำรายงานกับผมสักอาทิตย์ พ่อแม่พายท่านเป็นคนง่ายๆ ให้อิสระลูกพอสมควร เลยไม่ได้ติดใจอะไร
หลังจากวันนั้นพายกลายเป็นคนเงียบ หวาดกลัวการสัมผัส และร้องไห้ตลอดเวลาจนตาสวยๆนั้นบวมไปหมด ผมรักพายนะคับ แต่ผมรักเหมือนเพื่อน เหมือนญาติ ผมเคยนับถือความเข้มแข็งของมัน แต่ตอนนี้มันกำลังพังทลาย สิ่งที่ผมทำได้ คือการเป็นเพื่อนที่ดีของเขา ให้กำลังใจพายเท่านั้น
“นี้เป็นครั้งแรกที่เขาทำกับกูถึงขั้นนี้...เมื่อก่อนเขาแค่กอด แค่หอม จนเริ่มที่จะลูบไล้ตัวกู และนั้นคือการเลยเถิดขั้นสุดท้ายที่กูไม่เคยคิดว่าเขาจะกล้าทำ กู...กลัว” มันระบายกับผมก่อนจะร้องไห้ออกมา เป็นครั้งแรกที่ผมสามารถกอดปลอบมันได้ หลังจากที่มันนิ่งเงียบมาสามวันเต็ม
“มึงไม่เป็นไรแล้วนะเว้ย”
“ขอบใจที่มึงมาช่วยกูไว้ทัน ก่อนที่...” พายร้องไห้อย่างมากมายพร้อมกอดผมไว้แน่น ผมเห็นมันเป็นแบบนี้ก็อยากกลับไปตืบพี่ชายมันอีกสักทีสองที
“ขอเวลาอีกหน่อย กูจะค่อยๆเข้มแข็งขึ้นด้วยตัวกูเอง” หลังจากคำพูดนั้น พายก็ทำได้อย่างที่มันพูดจริงๆ มันกลับมาเข้มแข็ง แต่แฝงไปด้วยความเย็นชาในบางครั้ง มันกลายเป็นคนไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่ ภายนอกอาจดูร่าเริงเหมือนที่มันเคยเป็นแต่ใครจะรู้ว่ามันแทบจะลอยตัวเหนือดราม่าทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตมัน
หลังจากนั้น พอมันกลับไปอยู่บ้าน มันก็มักจะขอไปนอนกับพ่อแม่เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ถ้าวันไหนพ่อแม่ไม่อยู่มันก็จะมานอนกับผม หรือโดนสวนใหญ่ผมก็ไปนอนเป็นเพื่อนมัน และไม่นานพายก็ได้เจอสิ่งที่ทำให้มันมีความสุขอีกครั้ง...น้องสโนว์บอล
เด็กผู้ชายตัวอ้วนกลม ขาว ดูน่ารัก และก็ขี้แยมากๆ จากความสนิทสนมแบบรุ่นพี่รุ่นน้องก็กลายเป็นพายเองที่ดันไปหลงรักน้องมัน แต่ก็ไม่กล้าบอก ทั้งๆที่ผมก็คิดว่าน้องมันก็ชอบพายไม่น้อยไปกว่าที่มันชอบน้องเขาเลย
ผมผลักดันมันมาตลอดจนเรียนจบเรื่องน้องสโนว์บอล แต่ขนาดเรียนจบมันก็ยังไม่พูด จนน้องมันเหมือนจะมีแฟน พายมันถึงกับเฮิร์ทเลยคับ แต่มันก็เสียใจไม่นาน เพราะบอกว่าเตรียมใจไว้แล้ว ผมก็อดสงสารไม่ได้อยู่ดี
ตอนที่เราเขามหาวิทยาลัย ผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ไปให้ความมั่นใจกับพ่อแม่มันว่ามันสามารถอยู่หอเองได้ และผมก็อยู่หอเดียวกันสามารถช่วยเหลือกันได้ จนพ่อแม่มันยอม มันถึงได้ออกมาจากความหวาดระแวง
แต่โชคชะตาก็ยังเล่นตลกเพราะตอนปีหนึ่งด้วยหน้าตาที่ดันมาดีที่สุดในคณะ เลยทำให้ถูกส่งเป็นตัวแทนเดือนคณะ โดยที่มันก็ไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่ แต่คณะเรามีมันคนเดียวนี้แหละคับที่ดูดีที่สุดแล้ว ที่เหลือก็เซอๆกันทั้งนั้น และพอถึงงานประกวดเดือนดาวของมหาวิทยาลัยมันก็กลายเป็นที่รู้จักเพียงชั่วข้ามคืน โด่งดังไปทั่วมหาวิทยาลัย จนหัวกระไดคณะไม่แห้งกันเลยทีเดียว
“พายยยยย แย่แล้วมึง ไอ้พวกหนุ่มๆไฮโซที่มึงปฎิเสธไป มันไปรวมตัวกันตั้งกระทู้ว่ามึงขายตัว จนเว็บเพจเขาให้ฉายามึงว่า เดือนปีกทองละเนี่ย” ผมตกใจมากตอนเห็นกระทู้ในเว็บเพจเขียนแบบนั้น
“แล้วไง” มันตอบพร้อมเงยหน้าจากการวาดรูปที่ริมระเบียงหอ สีหน้ามันดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนตามเคย
“ไอ้พายมึงบ้าหรอ โดนด่าขนาดนี้มึงยังเฉย” ผมถามมันอย่างร้อนใจ
“มันก็แค่เรื่องไม่จริงกับฉายาที่เพราะดีก็เท่านั้น คิดไรมากวะ” มันลอยตัวเหนือดราม่าอีกแล้ว
“มึงนี้แม่ง เดี๋ยวกูจัดการเอง” ผมบอกมันก่อนจะจัดการโทรหาพี่รหัสเพื่อขอความช่วยเหลือในการจัดการกับกระทู้นี้ เพราะเว็บเพจนี้ทำโดยนักศึกษา น่าจะหาตัวผู้ดูแลได้ไม่ยาก จนในที่สุดกระทู้นั้นก็ถูกลบไป แต่มันก็สายไปอยู่ดีเมื่อข่าวลือเหมือนไฟลามทุ่ง คนในมหาลัยตอนนั้น แทบไม่มีใครไม่รู้จัก...เดือนปีกทอง
ถ้าถามว่าพายมันเป็นยังไงที่ถูกคนในมหาลัยเข้าใจผิดหรอคับ มันปกติคับ ร่าเริงเป็นปกติ เฟรนลี่เป็นปกติ และไม่สนใจคนนินทารอบๆตัวเป็นปกติ มันใช้ชีวิตโคตรจะไม่รู้สึกรู้สาจนบางที่เพื่อนที่คณะยังโมโหแทน
“ไอ้สาสพาย มึงแก้ข่าวซะทีสิวะ กูว่ามึงปล่อยไว้นานไปแล้ว” ชายเพื่อนที่คณะพูดกับมันระหว่างที่เรากำลังเดินไปโรงอาหาร
“มึงคิดว่ากูเป็นแบบนั้นป่าว” มันถามชาย
“เปล่า” ชายตอบ
“งั้นต้องแก้ทำไม พวกมึงก็รู้ว่าไม่จริงเท่านั้นก็พอ” มันเป็นแบบนี้แหละคับ คำพูดที่ยังไม่ทันตอบชายผมก็รู้ว่ามันจะพูดว่าอะไร มันไม่เคยอาย ไม่เคยต้องหลบซ่อนเพราะเสียใจที่โดนใส่ร้าย มันเข้มแข็ง และตายด้าน ผมคิดว่างั้นนะ เรื่องเดียวที่ทำให้มันเสียใจได้ก็คือเรื่องพี่ชายมัน
“ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าที่พี่พลทำกับกูแล้ว แค่เรื่องโดนด่าว่าขายตัว จิ๊บๆ” มันตอบหน้านิ่งทั้งๆที่พึ่งโดนมหาลัยเรียกคุย แต่มหาลัยทำอะไรมันได้ละคับ ก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้ว่ามันทำจริง แค่ลมปากคนเท่านั้น
“แล้วมึงเห็นไหม มหาลัยยังทำไรไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐานว่ากูทำจริง แบบนี้ต้องกลัวไรวะ”
“ถ้ามึงมีคนรักขึ้นมาสักคน มึงคงไม่อยากให้เขาคิดว่ามึงขายตัวแน่ๆ มึงจะต้องเสียใจในอนาคต กูเตือนเพราะเป็นเพื่อนนะเว้ย”
“กูรู้ แต่คงไม่มีวันที่กูจะรักใครมากกว่าตัวเองหรอก” มันยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป บางที่ผมก็คิดว่าความเข้มแข็งที่มันสร้างขึ้นมา มันมากเกินไปจนทำให้มันแข็งกระด้างรึเปล่า
ครืด------ครืด
“ฮัลโหล” พายมันตอบรับเสียงนิ่ง ใครโทรมา หน้ามันโคตรเย็นชา เมื่อกี้ยังอ่านการ์ตูนตลกอยู่เลย
--พายทำไมทำตัวแบบนี้--
“พี่พลพูดเรื่องอะไร” พี่ชายมันโทรมาทำไมกัน?
--พี่รู้เรื่องที่พายทำที่มหาลัยแล้วนะ--
“แล้วไงคับ”
--พี่ไม่ชอบเลยที่พายทำตัวแบบนี้—
“ก็แล้วแต่พี่จะคิด โทรมาแค่นี้ใช่ไหม” แล้วมันก็ตัดสายไป ก่อนจะหันไปอ่านการ์ตูนและหัวเราะเสียงดังต่อ มันเป็นไบโพล่าเปล่าวะเนี่ย
“มึงไปหาหมอไหม”ผมถาม
“ไปไมกูสบายดี”
“กูว่ามึงป่วยทางจิต”
“ไอ้เชี่ยกิต”
“เรื่องนั้นอาจกระทบจิตใจมึงมากจนมึงไม่รู้ตัวว่ามึงป่วย” ผมพูดด้วยเสียงที่จริงจัง
“หยุดคิดแบบนั้นเลย มึงอาจจะคิดว่ากูบ้าที่ไม่ทุกข์ร้อนกับอะไรเลยในชีวิตแบบนี้ แต่กูมีความสุขมากกว่าต้องมานั่งคิด นั่งหาตัวต้นเหตุ นั่งบอกทุกคนว่ามันไม่จริง ในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงอยู่แล้ว” มันบอกก่อนตบบ่าผมเบาๆเป็นเชิงว่า ขอบใจกูสบายดีอะไรแบบนั้น
หลังจากนั้น ผมก็แทบจะไม่ได้เตือนมันเรื่องนี้เลย เพราะกระทู้ในเว็บเพจก็เบาบางลง จนปีสองก็กลายเป็นแค่ข่าวลือในมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้น ผมว่าผมควรมีความสุขที่เห็นพายมันมีความสุขมากกว่า
แต่ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนเมื่อมันเจอกับโคตรเดือน ผมว่าไอ้เด็กภีมนี้แหละที่น่าจะทำให้พายมันสนใจตัวเองมากขึ้นบ้าง โคตรเดือนมันดูจริงจัง เพื่อนผมไม่น่าหนีไอ้เด็กนี้ได้แน่นอน มันเสียเปรียบโคตรเดือนตั้งแต่โดนน้องมันยัดเยียดความเป็นผัวให้ละคับ 55555
วันนี้ผมกะจะไปหามันที่หอสักหน่อย เพื่อถามว่าเมื่อวานได้เงินจากโคตรเดือนมารึเปล่า แต่ก็มาเจอช็อตเด็ดที่มันดันตอกกลับน้องปีหนึ่งที่มาว่ามันแบบนั้น ถ้าเป็นปกติมันก็แค่ยิ้มสวยๆ และเดินออกมาอย่างสง่างาม ลอยตัวเหนือทุกคำครหา แต่นี้กลับทนไม่ไหวต้องตอกหน้าน้องเขาแบบนั้น คงเป็นเพราะน้องเขาพูดเรื่องของมันกับโคตรเดือนแน่ๆ หรือไม่ก็เพราะมันคิดว่ามันกลายเป็นเดือนปีกทองเหมือนอย่างที่น้องมันพูด นอนกับโคตรเดือนเพื่อเงิน โดนพูดแทงใจดำเลยของขึ้นรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผมก็ไม่คิดว่าไอ้เด็กหน้าใสนั้นจะกล้าไปตั้งกระทู้แบบนั้น ผมโกรธจนอยากจะไปจับไอ้เด็กนั้นมากระทืบจริงๆ แต่คนที่โกรธมากกว่าผมก็โคตรเดือนที่รีบโทรมาหาทันที และฟังจากน้ำเสียง น้องมันคงต้องขับรถกลับมาหาเพื่อนผมแน่ๆ
ก๊อกๆๆๆๆๆๆ เสียงเคาะประตูดัง อย่างร้อนใจ พอพายมันเปิดก็เป็นดังคาดคับ โคตรเดือนยืนหน้านิ้วคิ้วขมวด
“ภีม มาทำไม” พายมันถามตื่นๆ
“มันเป็นใคร” โคตรเดือนพูดด้วยน้ำเสียงที่ข่มความโกรธไว้อย่างเห็นได้ชัด
“เออ กูให้มึงคุยกับน้องเขาละกัน” ผมบอกก่อนจะปลีกตัวออกมา
ผมลงมารอพายมันคุยกับน้องเขาข้างล่างหอ นั่งเล่นเกมส์โทรศัพท์ฆ่าเวลา แต่สายตาที่แสนจะดีของผมก็เห็นไอ้เด็กหน้าใสนั้นยืนอยู่ตรงต้นไม้เหมือนรออะไรอยู่
“รอคนที่ไม่มีวันจะหันมามองน้องงั้นหรอ” ผมถาม น้องมันดูตกใจไม่น้อย
“พี่พูดอะไร” เสียงแข็งเชียว ผมเข้าไปกระชากคอเสื้อเด็กนั้นทันที
“อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่ามึงทำอะไร ถ้ามึงไม่หยุด กูจะทำให้มึงเสียหายมากกว่าเพื่อนกู” เด็กนี้มองผมด้วยความตกใจ
“กูไม่ได้ทำอะไร ปล่อยกู” น้องมันเสียงสั่นอย่างเห็นได้ชัด แต่พยายามทำตัวเหมือนไม่กลัวผม
“หึหึ ปากแข็ง น่าหาไรมาอุดปากเหมือนกันนะ” ผมนึกครึมอะไรไม่รู้ที่พอเห็นเด็กนี้กลัวก็เกิดสนุกขึ้นมา
“มึงจะทำไร” ผมยืนหน้าไปใกล้น้องเขา
“ก็หาไรมาอุดปากไง” ผมแกล้งยืนหน้าเข้าไปใกล้อีก
“ปล่อยกู หน้าอย่างมึงไม่มีสิทธิมาใกล้กูด้วยซ้ำ”
“ปากดีจริงๆ คนอย่างกูไม่เอาปากไปโดนของน่ารังเกียจแบบมึงหรอก” ผมพูดเสร็จก็ควักหญ้าที่ถอนจากพื้นมาก่อนจะเดินมาหาไอ้เด็กนี้ แล้วยัดใส่ปากไปเต็ม
“กินหญ้าก็ดีนะ เหมาะดี 55555555” ผมหัวเราะอย่างสะใจ
แช๊ะ แช๊ะ ผมถ่ายรูปน้องมันด้วยก่อนจะเดินออกมา มันสำลักอย่างหงุดหงิดก่อนวิ่งหนีไป นึกว่าจะแน่ไอ้เด็กอ่อนเอ้ย
“อ้าวภีม จะกลับแล้วหรอ” ผมถามตอนเห็นภีมเดินออกจากหอ ด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก
“เปล่าคับ เมื่อกี้ผมรีบเลยจอดรถไว้หน้าหอ จะไปเอารถไปจอดที่ๆจอดรถของหอ แล้วค่อยขึ้นไปหาพี่พายอีกทีคับ”
“เคลียนานหน่อยนะน้อง เพื่อนพี่มันดื่อ”
“คงต้องทำให้หายดื่ออีกสักคืนคับ”
“ฮะ??? น้องหมายความว่าไง จะค้างที่นี้หรอ” ผมถามด้วยความตกใจ
“ใช่คับ กำหลาบความไม่รู้ร้อนรู้หนาวของพี่พายสักหน่อยคับ” น้องมันทำหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะขึ้นรถไป ดูท่าเพื่อนผมคงหนีไม่พ้นไอ้เด็กนี้แน่นอนคับ
ผมคงกลับไปห้องไอ้พายไม่ได้แล้ว เฮ้อ กลับห้องตัวเองก็ได้วะ
TBC...