CH10
แดเนียลรู้สึกเลยว่าหัวใจตัวเองแทบจะทะลุออกมาด้านนอก เมื่อไม่เคยคิดว่าจะได้มีโอกาสเดินเคียงกับเคเลปในถนนมืดๆทางเข้าบ้านตัวเอง
เด็กหนุ่มไม่ได้เช็คว่าตอนที่ใครอยู่หรือไม่อยู่บ้าน เพราะไม่ว่าผลจะออกมายังไงก็น่าหวั่นใจไม่แพ้กัน ถ้าพ่อแม่อยู่บ้านก็กลัวเคเลปจะเกร็ง แต่ถ้าไม่มีใครอยู่… ตัวแดเนียลนี่แหละจะเกร็งเสียเอง
“อ่า บ้านหลังนี้แหละครับ” แดเนียลพาเคเลปมาหยุดที่บ้านหลังเล็กสีขาวซึ่งด้านหน้ามีแปลงดอกไม้หลากสีประดับอยู่ ชายหนุ่มมองไปที่ตัวบ้าน การตกแต่งที่น่ารักเรียบง่ายทำให้รู้สึกว่าสมกับเป็นแดเนียลดี และการที่บ้านทั้งหลังให้บรรยากาศแบบนี้ ครอบครัวของแดเนียลคงจะมีบรรยากาศน่าเข้าหาเหมือนตัวลูกชายไม่ผิดแน่
“พ่อแม่นายคงจะอยู่บ้านสินะ” เคเลปเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นแสงไฟสว่างไสวลอดออกมาจากหน้าต่างชั้นล่าง แดเนียลพยักหน้าเบาๆแม้จะมองไปที่ลานจอดรถรวมแล้วไม่เห็นรถของครอบครัวจอดอยู่ก็ตาม บ้านของเขาเป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็กที่ปลูกไว้ติดกับบ้านอื่นในโครงการเป็นแถบ ทำให้ไม่มีที่จอดรถในตัวบ้าน บางครั้งลานจอดรถหน้าแถบบ้านเขาก็เต็ม จึงต้องไปจอดไว้ที่อื่นแล้วเสียเวลาเดินเอา เพราะงั้นแดเนียลจึงไม่แปลกใจเท่าไรหากพ่อแม่เขากลับมาแย่งที่จอดรถไม่ทัน
“คุณเคเลปคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยครับ”
เคเลปเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ไม่ว่าอะไรอยู่แล้วสิ หรือว่านายอยากอยู่กับฉันสองต่อสอง”
“มะ.. ไม่ใช่นะครับ!” แดเนียลปฏิเสธเลิกลั่กเสียจนเคเลปหลุดหัวเราะ เด็กหนุ่มจึงต้องแก้เก้อด้วยการไขประตูเข้าบ้านเสียแทน
“กลับมาแล้ว” แดเนียลตะโกนออกไปแล้วพาเคเลปเดินไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อทักทายพ่อแม่ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขึ้นห้องส่วนตัวเพราะไม่ได้มีจุดประสงค์ในแง่นั้นอยู่แล้ว ซ้ำการที่เคเลปได้แนะนำตัวกับพ่อแม่เขาอาจเป็นเรื่องที่ดี เพราะครอบครัวจะได้รู้เสียทีว่าตัวเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของชมรมหมูถูกเชือดอีกแล้ว แต่ยกระดับมาเป็นเพนกวินที่แข็งแกร่งได้อีกต่างหาก
“อ้าว กลับมาแล้วเรอะ”
แดเนียลแทบจะยืนตัวแข็งเมื่อคนที่เอ่ยทักขึ้นมาไม่ใช่พ่อแม่ แต่กลับเป็นเลียม ลูกพี่ลูกน้องหนุ่มที่เปลือยท่อนบนนอนแผ่หราอยู่บนโซฟา ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะส่งยิ้มให้เคเลป ซึ่งเคเลปก็ยิ้มตอบกลับไปพร้อมเอ่ยทักทาย โดยเก็บอาการใจสั่นเมื่อเห็นซิกแพคของชายหนุ่มตรงหน้าเอาไว้
“ทำไมเป็นพี่ที่อยู่บ้านล่ะ” แดเนียลถามเพราะเมื่อเช้าเลียมยังบอกอยู่ว่าหลังจากที่เขาออกไปแล้วจะไปค้างบ้านแฟนเสียหน่อย แต่ไหงกลับมาลอยหน้าลอยตาอยู่อย่างนี้ได้ กลับกัน พ่อแม่ที่หยุดงานกลับไม่เห็นแม้แต่เงา
“พวกคุณอาไปกินข้าวกับเพื่อน ส่วนฉัน แฟนไม่ว่างว่ะ เห็นว่าจู่ๆบริษัทก็บอกให้เข้าไปทำงานด่วน นี่ยังทำไม่เสร็จเลยมั้ง” เลียมถอนหายใจพร้อมส่ายหน้า แล้วจึงค่อยมองหน้าผู้มาเยือนอีกครั้ง “ไหนพาใครมา แนะนำหน่อยสิ”
แดเนียลสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่จะผายมือไปที่เคเลป “นี่คุณเคเลป โค้ชของชมรมผม คุณเคเลปครับ นี่พี่เลียม ลูกพี่ลูกน้องผมเอง”
เลียมลุกขึ้นมาจับมือทักทายกับเคเลปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ยังไม่วายเอ่ยเหน็บแนมน้องชาย “นี่คุณเป็นโค้ชให้พวกมันจริงๆเหรอเนี่ย ปวดหูบ้างมั้ย”
“พี่เลียม!” แดเนียลตวาดขึ้นมาเมื่อถูกล้อ แต่ไม่ได้จริงจังมากนัก เคเลปหัวเราะเบาๆกับภาพตรงหน้าก่อนจะตอบอย่างจริงใจ แม้สายตาจะไม่วายต้องไล่ไปตามกล้ามแขนกำยำและหน้าท้องแน่นของคนตรงหน้า
“จริงๆเด็กๆใช้ได้เลยนะครับ แค่ตอนที่รุ่นพี่จบไป พวกเขาละเลยวิธีการซ้อมที่ถูกวิธีก็เท่านั้น แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้วครับ นี่คุณเลียมรู้รึเปล่าครับว่าพวกเขาเพิ่งได้ที่สามในการประกวดมา”
“อ้อ รู้สิรู้ เจ้าเด็กนั่นอวดทั้งบ้านเลยล่ะ” คำพูดพาดพิงทำเอาแดเนียลที่กำลังหาน้ำและขนมมารับแขกมองค้อน แต่เลียมก็ไม่ได้สนใจอะไร
“นี่ผมต้องขอบคุณคุณจริงๆสินะเนี่ย”
แดเนียลแทบจะทำขนมในมือร่วง เมื่อจู่ๆพี่ชายก็แสดงการขอบคุณโดยการดึงร่างของเคเลปเข้ามากอด และเพราะเคเลปหันหน้ามาทางเขา แดเนียลจึงได้เห็นสีหน้าตกใจระคนเขินอาย ซึ่งมันทำให้เขาไม่พอใจอยู่หน่อย ไม่สิ ก็มากเอาเรื่องอยู่ ถึงแม้ว่าจะรู้ดีว่าถ้าเทียบหุ่นหมีไซส์Lของเขากับซิกแพคของเลียมแล้วเขาจะแพ้หลุดลุ่ยเลยก็ตาม
“มาๆ มานั่งนี่ดีกว่า เฮ้ยแดนไปเอาเบียร์มาซิ”
“นี่ผมเป็นคนใช้พี่เรอะ!” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็ยอมกระทืบเท้าปึงปังไปที่ตู้เย็นในห้องครัว ทิ้งให้เคเลปนั่งหัวร่อต่อกระซิกกับเลียมกันเพียงสองคน นี่ถ้ารู้ว่าเลียมอยู่คงไม่ชวนเคเลปมาตั้งแต่แรก น่าจะรู้ว่าหน้าตาและหุ่นของพี่ชายอันตรายขนาดไหน และมันทำให้เขากลายเป็นหมาหัวเน่าได้ในพริบตา
“วันนี้ขอบคุณมากนะ ฉันต้องอ้วนขึ้นแน่เลยกินทั้งวันขนาดนี้” เคเลปพูดแล้วดึงมือแดเนียลมาจับหน้าท้องของตัวเองขณะเดินเคียงกันไปยังป้ายรถเมล์
เด็กหนุ่มชักมือกลับทันทีด้วยความตกใจ เพราะแม้จะสัมผัสเพียงแค่เนื้อผ้าก็ยังรู้สึกว่าได้ล่วงละเมิดอีกฝ่ายอยู่ดี “คุณเคเลป.. อย่าทำอย่างนี้เลยนะครับ” หมายถึงทั้งให้ความหวังเขาและการไปออเซาะกับเลียม เป็นภาพที่เขาไม่อยากเห็นเอาเสียเลย
“ผู้ชายด้วยกันไม่เห็นต้องอายเลยนี่นา” เคเลปหัวเราะออกมาเบาๆ และนั่นทำให้แดเนียลยิ่งหงุดหงิด เพราะมันหมายความว่าเคเลปมองเขาเป็นเด็กคนหนึ่งและไม่รู้สึกอะไร ผิดกับพี่ชายของเขาที่เคเลปเขินอย่างเห็นได้ชัด
“คุณเคเลป..”
“หืม” แดเนียลเรียกค้างโดยไม่พูดอะไรต่อจนเคเลปต้องหันไปหา เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“เปล่าครับ..” คำว่าชอบพี่ชายผมเหรอถูกกลืนลงไปในลำคอ เพราะแดเนียลรู้ดีว่าหัวใจของชายคนข้างๆนี้ไม่เคยได้ตกถึงใคร กลับฝักใฝ่ในความรักสนุกแต่ไม่ผูกพันธ์กันต่างหาก
“เอ้า ถึงแล้ว ขอบคุณที่มาส่งนะ” เคเลปเอ่ยกระชากสติแดเนียลที่ยืนเหม่อ เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อยที่ถูกทักซ้ำยังละล่ำละลั่กขอโทษที่เหม่อ และนั่นช่างดูน่ารักในสายตาเคเลปเหลือเกิน
ไม่ทันรู้ตัว เคเลปก็ดึงให้อีกฝ่ายเข้ามาใกล้แล้วกดจมูกลงไปที่ข้างแก้มอย่างแรง จะด้วยความมันเขี้ยว ความเมาหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มันทำให้เคเลปที่ได้สติรีบดึงตัวเองออกมา ถึงได้เห็นว่าแดเนียลหน้าแดงไปถึงใบหูและแข็งค้างไปแล้ว
“ขอโทษ” เคเลปเอ่ยเสียงเบาเมื่อเห็นเด็กหนุ่มยังตกอยู่ในห้วงช็อค แดเนียลกลบเกลื่อนหัวใจที่เต้นรัวด้วยการหัวเราะเบาๆ บอกลา และหันหลังกลับไปทันที เด็กหนุ่มที่ไร้สติเดินโซเซเตะถังขยะจนเซไปที ทำเอาเคเลปชักเป็นห่วงแล้วสิว่าจะกลับถึงบ้านได้รึเปล่า
กว่าที่นิ้วเท้าจะรู้สึกเจ็บก็ตอนย่ำเข้ามาในบ้านแล้ว แดเนียลสะบัดหัวแรงๆและตบแก้มข้างที่โดนเคเลปขโมยหอมไปหลายที ใจรู้ดีว่าเคเลปแค่เมาและมันไม่มีความหมายอะไร และสมองกลับส่งเสียงทักท้วงด้วยความไม่พอใจออกไปไม่ได้
“เป็นบ้าอะไรของแก” เลียมที่อยู่ในเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสำหรับนอนแล้วทักขึ้น น้องชายออกไปนานผิดปกติจนเขาอาบน้ำเสร็จนี่ก็น่าเป็นห่วงแล้ว กลับมายังมาทำท่าอะไรบ้าๆอีก
“ยุ่งน่า..” แดเนียลบอกปัดแล้วพาหน้าแดงๆของตัวเองไปที่หน้าทีวี หารายการตลกดูเผื่อเสียงหัวเราะจะช่วยหยุดยั้งความตื่นเต้นนี้ได้
“เออนี่” เลียมเอ่ยทักแล้วเดินมานั่งข้างๆ แถมยังจ้องหน้าแดเนียลเสียจนน้องชายขนลุก รายการตลกก็ฉายอยู่จะมามองหน้าเขาทำไม แถมยังทำสีหน้าจริงจังขนาดนั้น
“เคเลปนี่... คือคนที่แกชอบเหรอ”
คำถามที่เหมือนลูกดอกนั้นทำเอากายละเอียดของแดเนียลกรีดร้อง แต่กายหยาบยังคงนั่งกระพริบตาปริบ ทำสีหน้างงงวยเล็กน้อยราวกับจะสื่อว่าพี่กำลังถามอะไร แต่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าใบหน้ากลายเป็นสีแดงจัดขนาดไหน เป็นใครก็ดูออกในพริบตา
“เฮ้ย ไม่ได้จะว่าอะไรเรื่องชอบผู้ชายหรอกนะ สมัยนี้เปิดกว้างจะตาย แต่ติดนิดเดียวตรงที่เขามองกล้ามพี่ตาเยิ้มนี่แหละว่ะ แล้วก็ดู.. จะตาเยิ้มกับทุกคนที่หุ่นดีๆด้วย เข้าใจใช่มั้ยว่าคนที่แบบ.. ไปเรื่อยแบบนั้นน่ะ พี่ว่าไม่โอเคว่ะ” เลียมเคยเป็นคนเจ้าชู้มาก่อน เรื่องเกย์น่ะมองแวบเดียวก็รู้แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ความรู้สึกต่อเพศที่ชอบนี่แหละ กว่าเขาจะมาลงเอยกับแฟนคนนี้ก็ผ่านอุปสรรคมาหลายอย่าง แถมตอนนี้ถึงใจจะอยู่ที่คนนี้ แต่ถ้าใครมายั่ว กายก็พร้อมจะไป มันชั่วเขารู้ดี เพราะงั้นเขาถึงได้รู้ว่าคนที่เป็นแบบนี้มันเลิกยากแค่ไหน และไม่อยากจะเห็นน้องชายต้องมาเสียใจ
“ผมรู้.. ผมรู้..”
“ทั้งๆที่รู้แต่แกก็ยังยอมลดน้ำหนักเพื่อเขาเนี่ยนะ? เฮ้ยแดน กับคนแบบนี้แกก็เป้นแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ พอเขาเบื่อแกก็ทิ้ง”
แดเนียลถอนหายใจแรง ปิดทีวีแล้วลุกขึ้นยืน หันหน้ามองพี่ชายด้วยแววตาเจ็บปวด “แต่ก็ชอบไปแล้วนี่นา”
“แดน!” เลียมตะโกนตามหลังแต่แดเนียลไม่หันกลับ ซ้ำยังปิดประตูห้องจนดังมาถึงด้านล่าง เลียมส่ายหัว บางทีเรื่องแบบนี้ต้องลองให้เจ็บปวดเจียนตายถึงจะรู้สึก แต่จะปล่อยเรื้อรังก็ไม่ดี มีวิธีที่จะกระชากหน้ากากนายเคเลปอะไรนี่ในเร็ววันมั้ยนะ
ถ้าเสียงหัวใจมันดังจนทะลุออกมานอกตัวได้ ป่านนี้ทุกคนที่นั่งในห้องแคบๆคงต้องอุดหูกันจ้าละหวั่น เวลาอีกสองอาทิตย์ กับเพลงที่เคเลปคิดจะประกาศ เด็กๆต่างเตรียมใจกันไว้ว่าคงจะไม่ใช่เพลงที่ง่าย แต่คงไม่ยากเกินไปสำหรับเวลาที่กระชั้นชิด เคเลปกวาดตามองสีหน้าเด็กแต่ละคนที่ดูจะแข็งเกร็ง ไม่รู้ว่าหลังจากบอกชื่อเพลงไปแล้วสีหน้าจะผ่อนคลายลงบ้างรึเปล่า
“คราวนี้จะให้แคลร์ร้องนำ” เด็กสาวหน้าเสียทันทีที่เคเลปประกาศออกมา ความทรงจำที่เธอเคยพลาดในครั้งก่อนยังคอยหลอกหลอน และมันทำให้เธอได้รับแรงกดดันหนักจนแทบทนไม่ไหว
“ยินดีด้วยนะ” แคลร์เงยหน้าเครียดขึงขึ้นมาสบตากับหนุ่มตี๋ข้างๆที่เริ่มปรบมือด้วยสีหน้าร่าเริง รวมถึงคนอื่นๆด้วย มือที่ยื่นมากุมมันทำให้เธอใจชื้นขึ้นมา จนกล้าสบตากับเคเลปและพยักหน้าลงได้
“ในเพลงLittle Meของ Little Mix” เคเลปคาดหวังว่าจะได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจประสานเสียงกัน แต่กลายเป็นฝ่ายตกใจเสียเองเมื่อเด็กๆต่างทำหน้างงๆ ดูเหมือนจะไม่รู้จักกันเสียอย่างนั้น
“เฮ้ๆ นี่พวกเธอไม่รู้จักเพลงนี้เหรอ”
“Little Mixน่ะรู้จักครับ Shout Out to My Exก็กำลังดังอยู่ แต่เพลงนี้มัน..” อลันว่าพลางเกาหัว เขาว่าตัวเองก็ฟังเพลงเยอะพอควร ถึงจะเป็นพวกเพลงฮิตเสียส่วนมากก็เถอะ นึกสงสัยอยู่นิดหน่อยว่าทำไมเคเลปถึงเลือกเพลงนี้ ทั้งๆที่ตัววงก็มีเพลงดังๆหลายเพลง
“ฉันว่ามันเป็นเพลงที่เหมาะกับแคลร์มากเลยนะ ลองฟังกันดูสิ” ฟังอย่างนั้นแล้วแคลร์จึงรีบหยิบมือถือมาเปิดเสียยกใหญ่ เด็กๆสี่คนต่างเข้าไปยืนมุง มีแต่แดเนียลนี่แหละที่นั่งนิ่งอยู่กับที่ แล้วดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ดูเหม่อๆมาตลอดด้วยสิ
“แดเนียล ไม่ไปดูกับเพื่อนเหรอ”
“เอ้อ คะ..ครับ” แดเนียลว่าแล้วลุกไป ไม่ใช่ว่าเคเลปไม่ได้สังเกตหรอกนะว่าจงใจหลบตา ไม่รู้หรอกว่ามีเรื่องอะไร แต่ถ้ากระทบกับการซ้อมก็คงต้องเรียกมาคุยหน่อย
“คุณเคเลปๆ” เสียงเรียกของเด็กสาวดึงสติของเคเลปกลับมา เธอกวักมือเรียกให้เขาเข้ามาในวงที่กำลังนั่งดูเอ็มวีLittle Meกันอยู่ ทั้งๆนี้เนื้อหาเอ็มวีและเนื้อเพลงพูดถึงความเชื่อมั่นในตนเอง แต่เด็กสาวที่ต้องสื่อารมณ์เพลงนี้ออกมากลับทำหน้าราวกับดื่มยาขม
“มันยากอ่ะ” เด็กสาวเงยหน้ามองโค้ชหนุ่มด้วยสีหน้าลำบากใจ คนอื่นๆที่ร้องคอรัสก็เหมือนกัน แค่จะเค้นพลังให้สื่อเพลงได้เท่าตัวนักร้องต้นฉบับก็ว่ายากแล้ว นี่ยังมีเรื่องอารมณ์อีก ทีมเพนกวินที่ไม่เคยทำเพลงแนวนี้มาก่อนไม่มั่นใจเลยว่าจะทำได้
“เพราะยากน่ะสิ พวกเธอถึงจะได้เติบโตขึ้น คิดจะใช้เพลงสนุกๆทุกรอบมันไม่ได้หรอกนะ ต้องสร้างความแปลกใหม่ ให้คนดูเห็นพัฒนาการด้วย” เด็กๆมองหน้ากันแล้วพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ เคเลปจึงกล่าวต่อ “งั้นมาเริ่มซ้อมกันเลย”
ครั้งที่แล้วยังบอกให้สนุกสนานกับเพลงจนแทบกลายเป็นคนบ้า แต่ครั้งนี้กลับมาให้ทำท่าขึงขังเข้มแข็งแต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวด บางทีอีวานก็สงสัยว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในชมรมอะแคปเปลล่าหรือชมรมละครเวทีกันแน่
น้องเล็กของกลุ่มนิ่งคิดระหว่างรอคิดเงิน เขาไม่ได้โดนใช้ออกมาซื้อของ แต่เลือกที่จะมาขนเหล่าน้ำผลไม้หอมหวานชื่นใจจากมินิมาร์ทไปเองเนื่องจากเห็นทุกคนอยู่ในสภาวะที่เหนื่อยกว่าปกติ ถึงแม้ร้านจะห่างกว่าตึกเรียนอยุ่พอสมควรก็ตาม แต่ถ้าไม่มา ก็คงไม่เห็นว่าหนึ่งในรุ่นพี่กำลังทำท่าลับๆล่อๆอยู่ระหว่างซอกตึกไร้ผู้คน
“พี่โจทำอะไรน่ะ” เขาเห็นรุ่นพี่ที่มักจะมีสีหน้ายียวนเสมอยืนกดโทรศัพท์สีหน้าเคร่งเครียด ทั้งๆที่ดูน่าจะเป็นธุระส่วนตัวซึ่งอีวานไม่ควรข้องเกี่ยว แต่เด็กหนุ่มก็ระงับความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้จนต้องไปยืนหลบมุมและยืนฟังบทสนทนา
“จะโทรมาทำไม ผมกำลังซ้อม เดี๋ยวพวกนั้นก็รู้หรอก… เออ ผมเมมชื่อคุณเป็นคนอื่นก็จริงอยู่”
อีวานขมวดคิ้วแล้วยิ่งเพ่งสมาธิในการฟัง รุ่นพี่ที่แสนกวนคนนั้นมีอะไรปิดบังพวกตนอย่างนั้นหรือ
“ผมบอกคุณว่าตกลงก็คือตกลง อย่าโทรมาไม่รู้เวลาแบบนี้อีก เข้าใจแล้วนะมาร์โค” โทรศัพท์ถูกตัดออกไปทันที พร้อมๆกับ
โจที่กำลังเดินหน้าเครียดออกมาจากตรอกนั่น ภายในหัวของอีวานมีแต่คำว่าซวยแล้วลอยฟ่องเต็มสมอง ที่ๆเขายืนไม่มีที่ให้หลบ โจที่ขายาวขนาดนั้นอีกแค่นิดเนียวก็จะออกมาเห็นแล้วว่าเขาแอบฟัง
แต่เหมือนมีแสงไฟจุดขึ้นกลางสมอง เพียงแวบหนึ่งของความคิดก็สั่งการให้อีวานเหวี่ยงถุงที่ใส่น้ำผลไม้กระป๋องไปยังทางที่เดินจากมินิมาร์ท แล้วรีบไถลตัวเองเป็นท่าล้ม ไม่ลืมที่จะส่งเสียงร้องโอดโอย
“เฮ้ย อีวาน” โจที่เดินออกมาพอดีถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า กระป๋องน้ำผลไม้กระจัดกระจายพร้อมกับร่างกายเล็กๆที่เปรอะเปื้อนของรุ่นน้อง ทำเอาเด็กหนุ่มต้องรีบวิ่งเข้าไปพยุงโดยทันที
“โอ๊ย เจ็บๆๆๆ” อีวานเหมือนจะแสร้งแต่ก็ไม่ได้แสร้ง เมื่อหัวเข่ามันครูดกับพื้นปูนอยู่ข้างหนึ่งและเหมือนจะถลอกอยู่พอดี เรียกได้ว่าสีหน้าท่าทางการจงใจซุ่มซ่ามนั้นหลอกโจได้เต็มเปา
“มาๆ ค่อยๆลุก ทำอีท่าไหนถึงได้หกล้มเนี่ย”
“ผมเพิ่งซื้อน้ำออกมาแล้วสะดุดน่ะฮะ” อีวานบอกพลางลูบขาตัวเองป้อยๆ แล้วปัดเศษฝุ่นที่เกาะตามตัว
โจมองไปทางร้านมินิมาร์ทแล้วนึกถึงสภาพอีวานเมื่อครู่ “แต่ขานายอยู่คนละฟากกับร้านเลยนะ”
“ก็.. ก็ผมตีลังกามานี่ฮะ” อีวานสะดุ้งน้อยๆขณะตอบ แล้วจึงนึกว่าโชคดีจริงๆที่โจเป็นพวกไม่ช่างสงสัย รุ่นพี่จึงแค่พยักหน้าและช่วยเดินไปเก็บกระป๋องน้ำผลไม้มาถือไว้เท่านั้น
“ละ.. แล้วพี่โจมาทำอะไรแถวนี้เหรอฮะ” เด็กน้อยลองเสี่ยงถาม จึงได้เห็นสีหน้าสบายๆของรุ่นพี่กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
“ไม่ใช่เรื่องของนายน่า”
“ผู้หญิงเหรอฮะ”
“ไม่ใช่” กำปั้นเคาะลงที่หัวทุยๆของเด็กน้อยจนร้องโอดโอย ก่อนจะเดินนำหน้าโดยถือถุงน้ำผลไม้ไปโดยไม่เปิดโอกาสให้อีวานถามอะไรอีกเลย
จริงๆอีวานก็ไม่ใช่คนช่างสงสัยนะ แต่มาแบบนี้.. เห็นทีควรจะต้องบอกแคลร์ไว้หน่อยเสียแล้ว
แดเนียลถูกเคเลปสั่งให้รออยู่ในทันทีที่จบการซ้อม สร้างความงุนงงให้สมาชิกคนอื่นไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัด จึงได้แต่ออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ
“เรียกผมไว้มีอะไรเหรอครับ”
“รู้ตัวรึเปล่าว่าวันนี้ทำได้ไม่ดีเลย เหม่อลอยตลอดเวลา เธอไม่เคยทำผิดพลาดขนาดนี้นี่ เกิดอะไรขึ้น”
แดเนียลก้มหน้า ไม่ตอบความ เหมือนกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง เคเลปถอนหายใจ นึกถึงวิธีที่เด็กหนุ่มเคยบอกเมื่ออยากเค้นความลับ แต่ด้วยขนาดร่างกายของเขากับแดเนียลแล้ว ไม่มีทางที่จะจับเด็กหนุ่มเขย่าตัวได้หรอก
เพราะอย่างนั้น เคเลปจึงเลือกที่จะเดินเข้าไปยึดไหล่ทั้งสองข้างแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาอันตื่นตระหนกของแดเนียล เด็กหนุ่มจะสลัดให้หลุด แต่เล็บที่จิกไหล่ทั้งสองข้างก็ยิ่งแน่นจนรู้สึกเจ็บ
“บอกมา เราจะได้ช่วยกันแก้ไข ถ้ามันเรื้อรังไปจนถึงวันแข่งจะทำให้ทุกคนลำบาก”
แดเนียลแค่นยิ้ม “คุณนี่.. เป็นโค้ชที่ดีจริงๆนะครับ”
เล็บที่จิกไหล่ผ่อนลงในทันที ความร้อนแล่นปรี่ขึ้นสองข้างแก้ม เคเลปได้รับคำชมเสมอในเรื่องหน้าตาและเสียงร้อง แต่เรื่องความรับผิดชอบอะไรนี่ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงมาก่อน แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าตัวเองจะสามารถทำอะไรเพื่อคนอื่นจนเป็นที่น่าชื่นชมได้ พอได้รับคำชมตรงๆก็เลยรู้สึกหน้าร้อนอย่างนี้
“อะ.. อะไรเล่า จู่ๆก็…”
“ผมน่ะ หลงใหลในเสียงร้องของคุณตั้งแต่แรกเห็น และคิดว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องขอให้คุณมาเป็นโค้ชให้ได้ แล้วคุณก็ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลย คุณใส่ใจพวกเรา ตั้งใจพัฒนาพวกเราอย่างเต็มที่ ผมทั้งรู้สึกขอบคุณ ทั้งซาบซึ้งใจ แต่ไม่รู้เมื่อไร ที่ผมกลับไม่ได้มองคุณเป็นแค่เพียงโค้ช” แดเนียลจับมือทั้งสองข้างของเคเลปที่วางอยู่บนไหล่ตน แล้วกุมไว้ตรงหน้าแน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำเงิน
“อยู่ๆผมก็ไม่อยากให้คุณไปไหนกับใคร ไม่อยากให้คุณยิ้มให้ใคร แม้แต่กับพี่เลียมผมก็ไม่พอใจ ผมอยากให้คุณอยู่กับผม ยิ้มให้ผม หัวเราะกับผม ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ว่าคุณไม่ได้ชอบผม และมันเป็นไปไม่ได้ ผมอยากจะตัดใจแต่ว่า.. ผม.. ยังไงผมก็ชอบคุณจริงๆครับ!”
คำสารภาพอย่างกะทันหันทำให้เคเลปนิ่งงัน ทั้งตกใจทั้งงุนงงจนไม่สามารถเอ่ยคำพูดอะไรออกมาได้
“คุณเคเลปครับ..” แดเนียลเอ่ยทักเมื่อเห็นคนตรงหน้านิ่งเงียบ ใจเขาร่วงไปถึงตาตุ่มแล้ว และถ้าจะแตกสลายไปก็ขอให้เป็นไปตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อยากได้รับความหวังใดๆที่จะทำให้ใจเจ็บซ้ำไปซ้ำมาได้อีกแล้ว
“ขอบคุณนะ.. แต่ว่า.. ขอโทษ.. ฉันไม่คู่ควรกับเธอเลย” เคเลปยิ้มเฝื่อน ก่อนจะค่อยๆถอนมือออกมาจากแดเนียล เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าน้ำตาปริ่ม ตัวเขาเองก็รู้สึกแย่ไม่แพ้กัน
“ฉันมันก็เป็นแบบนี้ เป็นคนแบบ.. ไปทั่วน่ะนะ ฉันไม่เคยคบใครเลย และไม่เคยคิดว่าจะคบใครยาวๆรอดด้วย”
“เพราะผมอ้วนรึเปล่าครับ” แดเนียลว่าขณะที่ปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบสองแก้ม
“ไม่เลย ไม่ใช่เลย กระทั่งคนที่หุ่นดีกว่าเธอร้อยเท่าฉันก็คบไม่ได้ ไม่รู้สิ.. ฉันก็เป็นคนแบบนี้แหละนะ ไม่อยากให้เธอมาร้องไห้ให้คนอย่างฉันเลย” เคเลปยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้แต่แดเนียลไม่รับ เพียงแค่ใช้สองมืออวบอูมของตนปาดมันออกลวกๆ
“ยังไงผมก็ชอบคุณอยู่ดี”
“อะ แดเนียล” เคเลปเรียกรั้งไว้เมื่อเห็นเด็กหนุ่มกำลังจะเดินออกประตูไปทั้งที่น้ำตายังไม่หยุดไหลลงเลย
“ขอเวลาผมสักพัก”
ประตูปิดลง ทิ้งให้เคเลปยังคงอยู่คนเดียวในห้องอันเงียบเชียบ เขาคว้าเก้าอี้และทรุดลงนั่ง ปล่อยลมหายใจพรั่งพรู ก่อนจะยกมือขึ้นมากุมไว้ยังอกข้างซ้ายของตน
ทำไมถึงได้เจ็บไปด้วยขนาดนี้นะ..?
“พี่แคลร์ๆ” เด็กหนุ่มตัวเล็กตะโกนไปพลางวิ่งเหยาะๆไปพลางขณะเอ่ยเรียกพี่สาวคนเดียวของชมรมที่กำลังจะเข้าบ้าน เขาแอบอยู่ห่างๆมาสักพัก รอดูว่าเมื่อไรโจที่เดินมาส่งแคลร์นั้นจะกลับไป จึงได้โอกาสออกมา
“อีวาน มาได้ไงล่ะเนี่ย”
“ผมมีเรื่องจะถามพี่ครับ” สีหน้าจริงจังของอีวานทำให้แคลร์ขมวดคิ้ว เธอมองเด็กน้อยเป็นเหมือนแฮมสเตอร์ตัวเล็กๆเสมอ จึงไม่คิดว่าจะมีมุมจริงจังแบบนี้ด้วย
“อะไรเหรอ”
“รู้จักคนชื่อมาร์โคมั้ยครับ”
แคลร์ร้องอ๋อเบาๆก่อนจะเอ่ยถาม “ได้ยินชื่อนี้มาจากไหนเหรอ”
“เอ่อ” อีวานค่อยๆเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก ดูท่าสมมติฐานว่าชื่อนี้เป็นสาวอีกคนที่โจซุกไว้ดูจะเข้าเค้า เมื่อแคลร์ทำสีหน้าเหี้ยมเกรียมขึ้นมาขนาดนี้ “จากพี่เรย์โนลด์น่ะครับ”
อีวานอ้างชื่อว่าที่พี่เขยเพราะยังไงกลุ่มนี้เขาก็เพื่อนกัน ยิ่งเรย์โนลด์เป็นพวกมนุษยสัมพันธ์ดีจนเกินเหตุอยู่แล้ว การที่จะเอาชื่อมาอ้างว่าเป็นคนปล่อยความลับก็ดูจะเข้าท่า แต่อีวานก็ต้องรับความเสี่ยงไว้อย่าง เพราะถ้าแคลร์ไปไล่บี้กับเรย์โนลด์เอาล่ะก็เขาซวยแน่ๆ
“แล้วไม่ถามรายละเอียดกับเรย์โนลด์ล่ะ”
“ก็.. พี่เค้าทำหน้ากวนๆแล้วบอก ไม่บอกหรอก นี่ครับ ผมก็เลย..”
แคลร์ปล่อยหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อถึงนึกถึงผู้จัดการชมรมปลอมๆคนนั้น พลางคิดว่าเรย์โนลด์นี่กีดกันอีวานทุกทางเสียจริง ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเองก็ได้
“เข้าใจแล้วๆ บอกก็ได้ คนชื่อมาร์โคน่ะนะ คือโค้ชของทีมTiger Blast แล้วเดิมทีมาร์โคเนี่ยเป็นเพื่อนกับคุณวิลตอนมัธยม จำได้มั้ยเพื่อนคุณเคเลปน่ะ”
“เอ๊ะ?” อีวานเอ่ยขึ้นมาอย่างงงวย มาร์โคเป็นชื่อ ไม่ใช่นามสกุล ซ้ำยังไม่ใช่ชื่อของผู้หญิง แล้วดูท่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นการส่วนตัวกับโจเลยแม้แต่น้อย
“เมื่อก่อนเขาหักหลังทีมคุณวิลจนแพ้ แถมยังเคยพาลูกทีมเขาเคยมาเยาะเย้ยพวกเราจนเกือบต่อยกับเรย์โนลด์ไปแล้ว”
แคลร์อธิบายอีกนิดหน่อยซึ่งอีวานก็พยักหน้าหงึกหงักไปตามเรื่องตามราว จนกระทั่งเอ่ยลากัน แต่ในหัวของอีวานมีเพียงความคิดที่ว่า ถ้าอย่างนั้นโจมีธุระอะไรที่จะต้องไปคุยโทรศัพท์กับคนๆนั้นกัน
แม้ไม่อยากจะคิด แต่คำว่าหนอนบ่อนไส้ก็ผุดขึ้นมาในหัว
หรือว่าทางนั้นจะเสนอทุนจากเซนต์เมลลี ที่ได้ยินโจบอกว่าตกลงนั่น…
อีวานสะบัดความคิดไม่ดีที่ฟุ้งขึ้นมาเต็มหัว ไม่อยากจะเชื่อว่ารุ่นพี่ที่ดูสบายๆและเต็มที่กับชมรมมากมายคนนั้นจะกล้าทรยศกันได้ ตอนนี้มีแค่เขาที่ได้ยินบทสนทนา และไม่มีหลักฐานใดๆ ถ้าบอกแคลร์ไปแล้วไม่ใช่เรื่องจริงคงไม่ดี
ต้องหาหลักฐานเสียก่อน แม้จะภาวนาว่าไม่ให้มีอะไรก็ตามที
เพราะการกลับบ้านไปอยู่คนเดียวมันฟุ้งซ่านจนแทบทนไม่ไหว เคเลปจึงต้องแบกร่างของตัวเองกลับมาที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง อย่างน้อยมานั่งฟังวิลซ้อมร้องเพลงก็น่าจะสบายใจมากกว่า
“อ้าว” เคเลปเอ่ยขึ้นเมื่อในห้องซ้อมว่างเปล่า ดูท่าวิลจะไปทำงานพิเศษเสียแล้ว แต่ไฟกลับยังเปิดอยู่เต็มห้อง แถมยังมีเอกสารอะไรไม่รู้วางไว้ตรงขอบเวทีอีก
และเอกสารที่จะมาอยู่ในห้องซ้อมได้ จะมีอะไรถ้าไม่ใช่รายละเอียดของเพลงที่ต้องแสดงในงานหน้า นี่ก็ใกล้จะถึงพิธีจบการศึกษาแล้ว โค้ชฮันนาห์คงมาซุ่มจัดการรายละเอียดอยู่คนเดียว
ความคิดของเคเลปไม่ผิด เพียงแต่ว่าไม่ครบ เมื่อเอกสารที่อยู่ในนั้นกลับมีเนื้อหาที่ไม่เข้าพวกอยู่ชุดหนึ่ง
“อะไรเนี่ย การแจกแจงทุนของแต่ละสาขา…” เคเลปไล่สายตาจนมาถึงในส่วนของทุนดนตรีสาขาการขับร้อง แล้วจึงแทบจะทำเอกสารร่วงลงกับพื้น
“แก้ไข จาก10ทุนเหลือ8ทุนงั้นเหรอ!”
เสียงเปิดประตูทำให้เคเลปหันไปมอง โค้ชฮันนาห์ทำท่าจะทักขึ้นมาตามปกติ แต่เมื่อเห็นเคเลปชูเอกสารบางอย่างที่แม้ว่าเธอจะอยู่ไกลแต่ก็สามารถเดาได้ว่ามันคืออะไร สีหน้าของเธอจึงเปลี่ยนไปเป็นตกใจภายในพริบตา
“นี่่มันเรื่องบ้าอะไรกันครับ!”
___________________________________________________________________________________________
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ!
ในที่สุดวันนี้ก็จะได้ลงเพลงของนักร้องสากลที่เราชอบที่สุดเสียที แถ่นแทนแท๊น Little Mix นั่นเองค่ะ และเพลง
Little Meที่ปรากฏในตอนนี้เป็นเพลงที่เราชอบที่สุดเลย อยากให้ลองฟังกันนะคะ มันดีมากกกกจริงๆ คลิปที่แปะไปก็เป็นตัวสาวๆร้องกันเองค่ะ ไบแอสขั้นสุด 5555
แล้วเจอกันจันทร์หน้านะคะ^^