[END]►รักอิสระ◄ ตอนพิเศษ : สวัสดีปีใหม่อีกแล้ว 30/12/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END]►รักอิสระ◄ ตอนพิเศษ : สวัสดีปีใหม่อีกแล้ว 30/12/18  (อ่าน 341314 ครั้ง)

ออฟไลน์ Bejae

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-2
น่าสงสารลุงเค้านะคะ เมื่อไหร่เด็กน้อยจะเรียนจบกลับมาให้กอดน้าาาา

ออฟไลน์ memozy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ชอบทั้งสองคู่เลย  :o8: :o8: :o8:

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter

อิสระเดือนคณะในตำนาน

 

อิสระ :

 

สังคมใหม่และชีวิตมหาวิทยาลัยของผมกำลังเริ่มต้นขึ้น เมื่อเรียนจบม.หกและย้ายถิ่นฐานจากบ้านที่ชลบุรีมาอยู่ที่กรุงเทพ แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาระยะหนึ่งก่อนเปิดเทอม แต่พอเอาเข้าจริงก็ตื่นเต้นทำตัวไม่ถูก ผมเดินเข้ามาในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ในวันรายงานตัววันแรก บรรยากาศหน้าตึกคึกคักไปด้วยเสียงของรุ่นพี่และจำนวนสมาชิกใหม่ที่เยอะพอสมควร ไอ้จุ๋ม เพื่อนจากโรงเรียนเก่าคนเดียวที่มียืนรอผมอยู่ที่หน้าตึกแล้ว เมื่อมันหันมาเห็นก็กวักมือเรียกให้ผมเดินเข้าไปหา แค่ห้านาทีที่ยืนอยู่ตรงนี้ไอ้จุ๋มก็ผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนผมยังคงทำตัวลำบาก ไม่ชินกับชุดนักศึกษาที่รีดเรียบจนกลีบคบกริบ ไม่ชินกับการติดกระดุมคอเม็ดบนและเนกไท ไม่ชินกับการยัดชายเสื้อใส่ในกางเกง โคตรไม่เป็นตัวเองเลย

“น้องชื่ออะไรคะ”

“อิสครับ”

รุ่นพี่เขียนชื่อผมใส่ป้ายชื่อ แล้วแขวนคอให้เสร็จสรรพ ผมก้มมองป้ายชื่ออันใหญ่ ขนาดว่าผมตัวใหญ่แล้ว ป้ายชื่อนั่นยังใหญ่กว่าความกว้างของร่างกาย ผู้หญิงตัวเล็กข้างๆ นี่ไม่ต้องพูดถึง ป้ายชื่อบังมิดเหลือแต่หัวแล้ว ทำไมเราต้องห้อยป้ายอันใหญ่เท่าหลังคาบ้าน แต่ที่น่าโมโหกว่านั้น ทำไมเขียนชื่อกูผิด

 

น้องอิฐ

 

อิฐลุงอิฐป้ามึงสิ! สมัยเป็นเด็กมัธยม ผมไม่ใช่เด็กตั้งใจเรียนเท่าไร พ่อเคี่ยวเข็ญแทบตายในเทอมสุดท้ายของการเรียนเพราะกลัวจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติด พ่อเคยบอกว่าเดี๋ยวเข้ามหาวิทยาลัยก็สบายแล้ว แต่พอได้มาเป็นเด็กมหาวิทยาลัยจริงๆ ผมอยากวิ่งกลับไปเคาะประตูบ้านพ่อแล้วตะโกนสุดเสียงใส่บุพการีว่า พ่อโกหกกู!

ทั้งบทเรียนที่หนักหน่วงตั้งแต่เริ่มต้น ไหนจะกิจกรรมรับน้อง ไหนจะงานที่ถาโถมเข้ามาจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนตั้งแต่อาทิตย์แรกด้วยซ้ำ ทำไมผมท้อแท้ตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งเลยวะ นอกจากกิจกรรมรับน้องที่ต้องเข้าร่วมทุกวันแล้ว ผมยังได้รับเลือกเป็นเดือนคณะ ผมยอมเป็นตัวแทนสาขาเข้าประกวดแล้วก็เสือกชนะสาขาอื่นมาด้วยหน้าโง่ๆ ที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ยืนเฉยๆ ก็ได้ตำแหน่ง เหมือนแม่งหมุนวงล้อสลากกินแบ่งแล้วก็ล้วงเลขขึ้นมาหาตำแหน่งเดือนคณะ สุดท้ายหวยลงที่กู จบ

แต่ยังไม่สิ้นสุดแค่นั้น เพราะผมยังต้องเป็นตัวแทนประกวดเดือนมหาวิทยาลัยต่อ โคตรพ่อโคตรแม่เซ็งเพราะกิจกรรมรัดตัวจนผมแทบไม่มีเวลาว่าง อย่างตอนนี้ก็ถูกเรียกไปคุยเรื่องการประกวดเวทีดาวเดือนมหาวิทยาลัยที่จะมีขึ้นในอีกสองอาทิตย์ ตอนที่รุ่นพี่ถามถึงความสามารถของ แพรวา ดาวคณะที่ยืนอยู่ข้างๆ แม่งร่ายยาวเป็นหางว่าว เล่นเปียโน ดีดกีตาร์ ร้องเพลง สีไวโอลิน ตีขิม รำไทย ชกมวย ยิงธนู แล้วตัดภาพมาที่ผมซึ่งยืนเงียบกริบ ผมห่อลิ้นสามแฉกได้ นับไหม

“น้องอิสไม่มีความสามารถอะไรที่อยากแสดงเลยเหรอ” พี่ม่อน ที่คล้ายว่าจะเป็นคนจัดการทุกอย่างในที่นี้หันมาถามผม

“ไม่มีเลยครับ”

“ดีดกีตาร์ได้ไหม”

“ไม่ได้ครับ”

“ร้องเพลงได้ปะ”

“ฝนตกใส่หลังคายังเพราะกว่าเลยครับ”

“เคยเต้นไหม”

“เคยแต่ไปดูเขาเต้นแอโรบิกหน้าบิ๊กซีอะครับ”

รุ่นพี่เริ่มประสาทแดกกับผมแล้วแน่นอน หันมองหน้ากันไปๆ มาๆ  ถ้าไม่รู้จะทำยังไง ปลดกูออกจากตำแหน่งก็ได้นะ กราบละ

“นอกจากหล่อแล้วก็ไม่มีอะไรที่ทำได้ดีบ้างเลยเหรอ ดีดกีตาร์ก็ไม่เป็น ร้องเพลงก็ไม่ได้”

ผมเงยหน้ามองรุ่นพี่ตรงหน้าพลางกะพริบตาปริบๆ  พูดจาแบบนี้มึงเดินไปใส่รองเท้าแล้วมาเหยียบหน้ากูเลยเหอะพี่ เป็นเด็กสถาปัตย์แต่จะมาคาดหวังให้ดีดกีตาร์ ร้องเพลง ถ้าทำไอ้พวกนั้นได้ดีกูก็ไปเข้าดุริยางค์แล้วไหมไอ้ควาย มันไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้นะโว้ย มึงเคยเห็นใครเกิดมาแล้วมือซ้ายจับคอร์ดกีตาร์ มือขวาถือไมโครโฟนออกมาจากท้องแม่ไหม ไอ้ฉิบหาย อิสระเดือด!

นั่งอยู่ตรงนี้ตัวหดเล็กนิดเดียวเพราะไม่เคยรู้สึกเสียหน้าขนาดนี้ เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกกดดันเพราะเกิดมาหล่อ โกรธแม่ขึ้นมาทันที ทำไมแม่ต้องคลอดลูกหน้าตาหล่อเหลาแบบนี้ออกมาด้วยก็ไม่รู้ อยากขี้เหร่ อยากหน้าตาธรรมดา อยากหน้าตาบ้านๆ เพราะทุกสายตาที่ส่งมากดดันและผมไม่มีอะไรจะไปต่อสู้กับความคาดหวังของคนอื่นได้ จึงเอ่ยปากออกไปอย่างคนขี้แพ้

“พี่จะเปลี่ยนคนก็ได้นะครับ ผมคงไม่เหมาะ”

รุ่นพี่หันมองหน้ากันไปมาอีกครั้ง บางคนก็นิ่งเหมือนกำลังใช้ความคิด ผมไม่รู้สึกเสียดายเลยด้วยซ้ำถ้าจะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง ถ้าเป็นเดือนห่าอะไรมันลำบากขนาดนี้ ขอหลุดวงโคจรไปเป็นอุกกาบาตกากๆ ดีกว่า

“เปลี่ยนเป็นคนอื่นมันก็ไม่น่าจะทันแล้วแหละ เอางี้ พวกมึงไปคิดการแสดงอะไรง่ายๆ ที่น้องมันพอจะทำได้มา ยังมีเวลาซ้อมอยู่หรอก”

“โอเค”

“พรุ่งนี้มีนัดถ่ายรูปนะอย่าลืม เก้าโมงตรงเจอกันที่นี่ในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเรียบร้อย มาให้พร้อมหน้า อย่าให้ต้องรอ วันนี้พอแค่นี้ก่อน”

ทุกคนในห้องพยักหน้ารับพี่ม่อนที่รวบรัดตัดจบเรียบร้อย สุดท้ายการขอถอนตัวของผมก็ไม่มีผล รุ่นพี่ทยอยเดินออกไปจากห้องประชุม ทิ้งผมไว้กับความสับสนงุนงง หัวใจร่ำไห้เรียกหาพ่อด้วยความอัดอั้น พ่อ! ผมมาทำอะไรที่นี่!

“อิส”

ผมเงยหน้ามองแพรวาที่เดินเข้ามาเรียก

“ไม่ต้องเครียดนะ ค่อยๆ คิดไป มันก็ไม่ได้จริงจังขนาดนั้นหรอก”

“นี่ขนาดไม่จริงจังนะ”

“เอาน่า มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ เออ แลกพินบีบีกันปะ”

“ไม่ได้ใช้บีบีอะ”

“อ้าวเหรอ งั้นไม่เป็นไร กลับกันเลยไหม”

ผมพยักหน้ารับแล้วลุกตามแพรวาออกไปหน้าตึก ระหว่างนั้นคนข้างๆ ก็ชวนคุยไปด้วย ผมไม่แปลกใจว่าทำไมตำแหน่งดาวคณะถึงตกมาอยู่ที่คนคนนี้ ใบหน้าสวยคม เสียงเพราะแม้แต่ตอนพูดธรรมดา กิริยามารยาทงาม แถมยังมีอารมณ์ขัน ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างสวนทางกับผมโดยสิ้นเชิง เป็นการจับคู่ที่ล้มเหลวตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว บอกเลยงานนี้ฉิบหายแน่นอน

“อิสกลับยังไงอะ”

“เอารถมา” ผมว่าพลางพยักพเยิดไปทางลานจอดรถ

“งั้นเรากลับด้วยได้ไหม”

“ได้ดิ”

ผมเดินนำไปที่ลานจอดรถ มองรถยนต์สีดำสวยหรูที่จอดอยู่ตรงหน้า

“ใครเอาเบนซ์มาจอดบังจักรยานกูวะ” ว่าแล้วก็เดินไปจูงจักรยานที่ใช้ปั่นมาเรียนทุกวัน เมื่อแพรวาเห็นพาหนะในมือก็หุบยิ้มแล้วทำหน้าเจื่อน

“เนี่ยนะรถอิสอะ”

“อือ รถจักรยาน ไปเปล่า หออยู่ไหนเดี๋ยวปั่นไปส่ง”

“โห! ยางแบนพอดี เดี๋ยวเดินไปเองก็ได้”

“เอางั้นเหรอ”

“จ้ะ เจอกันพรุ่งนี้นะ”

เพราะเรามันจนเลยต้องทนปั่นรถถีบ แม้แต่สาวดาวคณะก็โบกมือลาแล้วเดินจากผมไป ผมปั่นจักรยานออกมาจากหน้าตึก ก่อนจะเจอกับกลุ่มเพื่อนที่ยังนั่งกันอยู่ที่โต๊ะหน้าคณะ ไอ้จุ๋มหันมาโบกมือเรียกก่อน

“ไอ้อิส!”

ปั่นจักรยานตรงเข้าไปหาพวกนั้น ก่อนถูกแซวด้วยน้ำเสียงกวนตีน

“ว่าไงจ๊ะ พ่อแปดริ้วคิวต์บอย”

แปดริ้วหอกอะไรล่ะ บ้านกูอยู่บางละมุงโว้ย

“ดูทำหน้าเข้า เป็นเดือนคณะอย่าทำหน้าเป็นตูดสิจ๊ะ คีปลุคหน่อย”

“กวนตีนจัง เดี๋ยวกูต่อยตาแตกเลย”

“โหดจังวะ!”

“แล้วทำไมพวกมึงยังไม่กลับกันอีกเนี่ย”

“รอมึงไง”

“ซึ้งน้ำใจเพื่อน”

“ว่าจะไปกินเหล้าบ้านมึงอะ”

“ส้นตีนดิ!”

“ทำไมเล่า! พรุ่งนี้วันเสาร์นะเว้ย”

“พรุ่งนี้กูต้องตื่นแต่เช้า ไม่เอาด้วยหรอก”

“มึงก็ไม่ต้องแดกดิ”

“ไม่ให้กูแดก แต่ไปนั่งแดกที่บ้านกู?”

“เยส!”

“จิตใจพวกมึงอะ”

“มึงเป็นคนเดียวที่มีบ้านนี่หว่า หอพวกกูเสียงดังได้ที่ไหน ถือว่าสงเคราะห์เพื่อนนะ โหยหาสุราจะตายห่ากันอยู่แล้วเนี่ย”

สุดท้ายผมก็ยอมตามน้ำปล่อยให้เพื่อนมานั่งกินเหล้าที่บ้าน แม่อุตส่าห์ไว้ใจยกบ้านหลังนี้ให้อยู่คนเดียว แต่เสือกกลายมาเป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มเพื่อนและสหายสุรา หัวใจรู้สึกผิด แต่มือกระดกเหล้าเข้าปากไปสองอึก ยกโทษให้ลูกด้วยนะแม่

“เฮ้ย ไหนบอกต้องตื่นเช้า แดกเอาๆ เดี๋ยวก็เมาตายห่าหรอก”

“กูเซ็งว่ะ”

“ทำไมวะ”

“กูไม่อยากไปประกวดดาวเดือนห่าอะไรนั่นแล้ว กูขอถอนตัวเขาก็ไม่ยอม กูไม่มีความสามารถอะไรไปโชว์ให้คนอื่นเขาดูว่ะ”

“มันเครียดขนาดนั้นเลยเหรอวะ”

“เออ พวกพี่แม่งกดดันกู ไม่เอาละ ยอมแพ้แล้วเนี่ย”

“ไอ้อิส ฟังกู”

“...”

“คนอย่างมึงไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ”

“...”

“แต่ถ้าอะไรยากๆ ยอมแพ้หมด”

“ไอ้สัด! มึงเพื่อนกูจริงปะเนี่ย!”

“กูล้อเล่นๆ เพราะกูเป็นเพื่อนมึงไง กูเลยรู้ว่ามึงมีอะไรดี”

“คนอย่างกูมีอะไรดีวะ”

“ปากดี”

“ไอ้เหี้ย! ออกจากบ้านกูไปเลย!”

“เฮ้ยๆๆ ใจเย็นดิวะ มึงหล่อมากเพื่อน มึงหล่อแบบหัวจดตีนเลย ดูดิเนี่ย ฝ่าตีนมึงยังขาวกว่าหน้ากูอีก” ไอ้จุ๋มว่าแล้วพลิกฝ่าเท้าผมขึ้นมา ไม่เคยสังเกตว่าฝ่าตีนขาวขนาดนี้

“จริงด้วยว่ะ ตีนไอ้อิสขาวกว่าหน้าไอ้จุ๋มอีก”

พวกมันพูดจาขบขันพากันหัวเราะคิกคัก เว้นผมที่มองตาขวาง ใช้ฝ่าตีนที่มันว่าขาวถีบเข้าไปเบาๆ ทีหนึ่ง

“ตลกอะไรมึง คนยิ่งเครียดๆ อยู่”

“โอ๋ๆ เพื่อนเอ๋ย ไม่เครียดๆ  รอยตีนกาจะหนากว่ารอยหยักในสมองแล้ว”

ผมยกตีนถีบไอ้จุ๋มอีกที คราวนี้แรงจนมันล้มไปนอนกับพื้น ไอ้คนโดนถีบกลิ้งลงไปหัวเราะชอบใจจนอยากกระทืบซ้ำ แต่เสียงของเพื่อนอีกคนเรียกผมเอาไว้ก่อน

“อิส นี่กล่องอะไรวะ”

ผมขมวดคิ้วมองกล่องสี่เหลี่ยมสีดำที่ถูกวางลืมเอาไว้ข้างๆ ตู้จนฝุ่นเกาะหนา

“แซกโซโฟน”

จริงๆ มันเป็นของพ่อ พ่อกับแม่เคยอยู่ที่บ้านหลังนี้ก่อนที่จะแยกทางกัน สิ่งของและความทรงจำบางอย่างก็ถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่โดยไม่มีใครนึกถึง แม้แต่ตัวผมเองก็ยังเกือบลืมไปว่าเคยเล่นเครื่องดนตรีชนิดนี้ได้

“มึงเป่าเป็นนี่”

ผมพยักหน้ารับไอ้จุ๋ม ก่อนหันขวับมองหน้ามัน ตัวมันเองก็พยักหน้าหงึกๆ เป็นอันว่าเข้าใจกัน ด้วยความบังเอิญในขณะนั้น ผมก็ค้นเจอความสามารถของตัวเองที่ถูกทิ้งเอาไว้จนฝุ่นเกาะ ดูถูกกันดีนัก คอยดูนะ กูจะเท่ให้หลังคามหาวิทยาลัยสั่นเลย!

...

 
ต่อด้านล่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2021 19:06:23 โดย เต้าหู้ไข่ »

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
“ไอ้อิส”

“...”

“ไอ้อิสโว้ย!”

สองตาลืมขึ้นตอนที่ได้ยินเสียงตะโกนข้างหู เด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน ก่อนต้องหลับตาแน่นเพราะปวดหัวจี๊ดขึ้นมาจนบ้านหมุนติ้วๆ  แล้วก็ต้องทิ้งหัวหนักๆ ลงไปบนหมอนเหมือนเดิม จำภาพสุดท้ายของเมื่อคืนไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเมาค้างเรียบร้อย

“ไอ้อิส วันนี้มึงต้องเข้าคณะไม่ใช่หรือไง รุ่นพี่นัดมึงกี่โมง”

“เก้าโมง”

“ลุกดิวะ อีกสิบนาทีจะเก้าโมงแล้ว”

“ซวยแล้ว” ผมรู้ตัวดีว่าตอนนี้ความฉิบหายมาเยือนแล้ว แต่ไม่มีแรงแม้แต่จะตกใจ ได้แต่เปล่งเสียงเบาๆ บอกให้เพื่อนรู้ว่าผมโดนด่าตายแน่

“ลุก! ไอ้อิส! ลุกเร็ว!”

กว่าผมจะลากสังขารจากบ้านมาถึงคณะก็ปาเข้าไปเกือบเก้าโมงครึ่ง เพราะมาสายผิดเวลา เลยถูกทุกสายตาประณาม ผมผิดก็ต้องยอมรับผิด ยกมือไหว้ขอโทษรุ่นพี่ทุกคนที่ทำให้ต้องรอ ความผิดพลาดครั้งแรกก็ได้รับการให้อภัยง่ายๆ อาจเพราะไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้

“เปลี่ยนเสื้อผ้าสิ”

ผมพยักหน้ารับพี่ม่อนแล้วขยับไปอีกมุม เพราะแต่งตัวไม่ทันเลยหอบหิ้วเอาชุดนักศึกษามาเปลี่ยนที่นี่ ทันทีที่ถอดเสื้อยืดออก เสียงกรีดร้องก็ดังระงมจนต้องหันขวับไปมอง

“หูย!”

“โคตรขาวเลยมึง”

รู้สึกเหมือนกำลังเสียตัวเพราะสายตาที่จ้องอยู่ ผมรีบยัดเสื้อนักศึกษาเข้าสวมโดยเร็ว คนที่นี่แม่งน่ากลัว อยากกลับบางละมุงแล้ว คิดถึงบ้าน

ผมรู้แค่ว่าวันนี้ถูกเรียกมาถ่ายรูป แต่ไม่รู้ว่าจะต้องใช้รูปนั้นทำอะไร สมองเมาๆ ก็ไม่อยากรับรู้อะไรอีกเลย ได้แต่ทำตามคำสั่งของคนนั้นที คนนี้ที ก่อนถ่ายรูปก็ถูกจับไปแต่งหน้าทำผม ในตอนที่ได้กลิ่นสเปรย์ฉีดผมก็เกิดอาการพะอืดพะอมจนแทบอ้วก

“น้องอิสหล่อมากอะ หล่อเบอร์นี้ตำแหน่งเดือนมหาลัยไม่หนีไปไหนแน่นอนจ้ะลูก”

รุ่นพี่ตรงหน้าก็อวยไม่หยุด ส่วนผมก็นั่งกลั้นอ้วกจนจมูกบานไปหมด เมื่อจบจากการถ่ายรูป ผมก็ถูกเรียกไปคุยเรื่องการแสดงในวันประกวดอีกรอบ ทันทีที่ตกลงกันได้ว่าจะโชว์อะไร ก็ถูกสั่งให้ซ้อมในวันนั้นเลย ผมกังวลใจนิดหน่อย เพราะไม่ได้จับแซกโซโฟนมานานพอสมควร เคาะสนิมวิชาที่พ่อเคยสอนตอนเป็นเด็กขึ้นมา ลองเล่นอยู่สองสามครั้งแล้วก็พบว่าโชคดีที่ยังจำได้แต่ไม่ได้ดั่งใจเท่าไร หงุดหงิดตัวเองจนเผลอบ่นออกเสียงออกมา

“อิสระ ทำไมมึงห่วยแบบนี้วะ เฮ้ย มึงเคยทำได้ดีกว่านี้นะเว้ย”

“อิส”

ผมหันขวับมองแพรวาที่ละจากการซ้อมไวโอลินเข้ามาหาผม

“อิสพูดกับใครอะ”

“พูดคนเดียวไง”

“ฮะ?”

“เท่อะดิ”

“เอ่อ...เออ เท่ก็ได้”

“ความจริงใจติดลบมากเลยนะเธอ”

“เออ! ก็คนบ้าอะไรยืนพูดคนเดียว พูดกับกล้องแบบในละครเหรอ นี่มาซ้อมด้วยกันปะ จะได้ดูว่ามันเข้ากันเปล่า”

“เรายังไม่พร้อมอะ ขอซ้อมอีกแป๊บได้ไหม”

“เอาน่า ลองดูก่อน เอาขำๆ”

ผมพยักหน้ารับ ถอนใจทีหนึ่งแล้วพยักหน้ากับตัวเองเบาๆ

“มึงทำได้อิสระ มึงเท่อยู่ละ”

ผมกับแพรวาเริ่มซ้อมด้วยกัน ในตอนที่รุ่นพี่หันมาให้ความสนใจ แพรวาเล่นแบบสบายๆ เพราะดูมืออาชีพอยู่แล้ว แต่ผมกดดันจนนิ้วตีนหงิก ฝีมือก็กาก แถมเมาค้างไม่หาย ไม่เคยอยากตายเท่าวันนี้เลย

วันนั้นทั้งวันเราจมกันอยู่ในห้องนั่นเพื่อซ้อมเพลงเดิมๆ วนไปเป็นร้อยรอบ สนิมถูกเคาะออกจนผมเริ่มทำมันได้ดีเท่าที่เคยทำได้ เมื่อรุ่นพี่เริ่มพอใจกับโชว์ ผมก็เริ่มผ่อนคลายไปกับมัน คลายความกดดันออกไปได้นิดหน่อย กระทั่งถูกปล่อยให้กลับบ้านได้ เพราะอยู่ในโหมดจริงจังมาทั้งวันเลยเหมือนโดนสูบพลังไปหมดสิ้น เมื่อรุ่นพี่เดินออกจากห้องไปแล้ว ผมก็รีบปลดเนกไทออกจากคอ ดึงถุงเท้าออกพร้อมกันทั้งสองข้าง ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่กับพื้นกลางห้อง ไม่ได้สนว่าแพรวายังอยู่ในห้องด้วย พอฝ่ายนั้นหันมาเห็นสภาพผมก็หัวเราะขำๆ

“ไหวไหมอิส”

“ท้อแท้”

“ก็ทำดีแล้วนี่ อิสเท่มากเลยรู้ตัวปะ”

“พอรู้”

แพรวาหลุดขำตอนผมยอมรับตรงๆ  ทำไมวะ ก็เท่อะ รู้ตัวหรอก ส่องกระจกก็รู้แล้ว

“วันนี้ไม่เครียดแล้วเนอะ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ ในจังหวะนั้นประตูก็ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้งด้วยพี่ม่อนคนเดิม ผมรีบยันตัวเองลุกขึ้นมานั่งเพื่อฟังในสิ่งที่เขากำลังจะบอก

“เดี๋ยวพี่ส่งรูปให้ทางเฟซบุ๊กนะ เออ แล้วอย่าลืมว่ามันมีคะแนนโหวตในเว็บด้วยนะ ไปหาเสียงเรียกคะแนนกันหน่อย โพสต์รูปลงเฟซบุ๊กแล้วก็ใส่แคปชันน่ารักๆ ก็ไม่เลวนะ ยังไงพี่ฝากด้วยละกัน”

“ค่ะ”

แพรวาตอบรับ ส่วนผมแค่พยักหน้าเบาๆ เหมือนถูกครูสั่งการบ้านให้ทำแต่ไม่มีความรู้อะไรอยู่ในสมองเลยแม้แต่น้อย เฟซบุ๊กยังเล่นไม่ค่อยจะเป็น แล้วจะให้มาเรียกคะนงคะแนนโหวตอะไรวะ อิสระท้อแท้ฉิบหาย!

 

ผมจูงจักรยานกลับมาบ้านหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน คิ้วขมวดเข้าหากันเมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไปเจอไอ้จุ๋มนั่งกินมันฝรั่งทอดอยู่หน้าโซฟา

“ทำไมมึงยังอยู่ที่นี่อีกวะ”

“รอมึงไง กินอะไรมายัง กูซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้อยู่ในครัวอะ”

“โห กราบน้ำใจเพื่อน”

“แดกเลยไหม เดี๋ยวไปอุ่นให้”

ผมพยักหน้ารับ เพราะเหนื่อยจนขี้เกียจเดินไปหยิบเอง เลยนั่งรอกินอยู่ตรงนี้ ไม่นานไอ้จุ๋มก็อุ่นก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ ยกมาเสิร์ฟให้ถึงที่

“ไอ้อิส มึงคิดดูนะว่าจะไปหาเพื่อนประเสริฐอย่างกูได้ที่ไหน”

“เออ พูดมาก มาวางนี่”

ไอ้จุ๋มวางชามก๋วยเตี๋ยวลงตรงหน้า ไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็ซัดเลยในทันที

“แล้ววันนี้ไปทำอะไรมาบ้างวะ”

“ถ่ายรูปแล้วก็ซ้อมโชว์ เหนื่อยจนอ้วกจะแตก”

“เอาน่า เดี๋ยวก็จบ อีกไม่กี่วัน”

“เออ กูจะไม่ไหวแล้วเนี่ย แค่ประกวดดาวเดือนมหาลัย แม่งจริงจังเบอร์ใหญ่เหมือนประกวดเวทีโลก ล่าสุดบอกให้กูโพสต์รูปลงเฟซบุ๊กแล้วใส่แคปชันน่ารักๆ  ฉิบหาย อย่างกูนี่น่ารักมากมั้ง พูดแล้วเหนื่อยว่ะ”

“ยากตรงไหนวะ ก็แค่โพสต์รูป”

“ทำให้กูหน่อยสิ”

“จัดให้เพื่อน”

ว่าแล้วก็คว้าโน้ตบุ๊กขึ้นมาเปิดเฟซบุ๊ก ไอ้จุ๋มชำนาญเรื่องเทคโนโลยีมากกว่าผม เลยวานให้เป็นหน้าที่มันจัดการงานนี้ให้ เซฟรูปที่รุ่นพี่ส่งมาให้ แล้วโพสต์ลงในหน้าเฟซบุ๊กของผมพร้อมแคปชันที่มันคิดให้อีกเช่นกัน

“เรียบร้อย”

“ไหนดูดิ๊”

ไอ้จุ๋มเลื่อนหน้าจอมาให้ผมดู เมื่อไล่สายตาอ่านข้อความเหนือภาพนั่น เส้นก๋วยเตี๋ยวก็แทบพุ่งออกมาจากรูจมูก

 

อิสระ เสรีไพศาล : สันดานติดลบ แต่ถ้าได้คบจะติดใจ

 

“แคปชันส้นตีนอะไรของมึงไอ้จุ๋ม!”

“ไม่น่ารักเหรอวะ”

“เสี่ยวเหี้ยๆ”

“แบบนี้สาวกรี๊ดเหอะ”

“กรี๊ดที่หน้ามึงสิ ไอ้ห่า ลบเลย”

“ลบทำไม มีคนคอมเมนต์แล้ว ดูดิๆ”

ผมขมวดคิ้วมองคอมเมนต์แรก ก่อนจะพบว่ามันคือพี่ม่อนที่ทำผมขนหัวลุกอยู่เสมอ

 

โดราเอ ม่อน : น่ารักมากจ้า น้องอิฐ

 

เกือบดีใจแล้วที่พี่มันพอใจ แต่พออ่านไปถึงไอ้คำสุดท้ายก็เล่นเอาโมโหจนหัวไหม้ไฟลุก เขียนชื่อกูผิดอีกแล้วโว้ย!

 

ในที่สุดวันประกวดดาวเดือนมหาวิทยาลัยก็มาถึงจนได้ หัวใจผมเต้นแรงตั้งแต่ยืนอยู่หลังเวที จำนวนนักศึกษาปีหนึ่งทุกคณะนั้นมากมายจนน่าตกใจ แค่รอบแรกที่เดินออกไปยืนแนะนำตัวเฉยๆ ก็เกร็งจนไส้บิด ลำไส้เปลี่ยนทิศ ปวดฉี่ยังฉี่ไม่ออกเลยคิดดู เมื่อถึงเวลาโชว์การแสดงก็เหงื่อแตกตั้งแต่ยืนอยู่ข้างเวที ผมยืนดูการแสดงของคณะวิศวะที่กำลังโชว์อยู่ เพลงภาษาเกาหลีจังหวะมันๆ กับสกิลการเต้นอย่างกับดงบังชินกิบุกมหาวิทยาลัย พอถึงท่อนสุดท้ายแม่งก็โชว์ฉีกเสื้อตามจังหวะเพลง โชว์ซิกแพ็กจนเรียกเสียงกรี๊ดของคนทั้งหอประชุม ผมหันขวับไปหาแพรวา

“แพ้แล้ว กลับเหอะ”

“เฮ้ย ใจเย็น”

“ไอ้นี่ต้องได้ที่หนึ่งชัวร์” ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนการแสดงของคณะวิศวะจะจบลง เสียงกรี๊ดยังดังตามมาไม่หยุด จนกระทั่งพิธีกรประกาศถึงโชว์ต่อไปซึ่งหมายถึงคณะผม เมื่อเช้าอุตส่าห์ลุกขึ้นมาใส่บาตรพระแต่เช้า ก็ได้แต่หวังว่าอานิสงส์ผลบุญจะส่งให้วันนี้ผมทำได้ดี

สิ้นเสียงประกาศของพิธีกร เสียงของคนดูก็เงียบลงไปตอนที่ไฟกลางเวทีดับลง แพรวายกกำปั้นขึ้นมาตรงหน้า ผมเองก็ยื่นหมัดตัวเองไปชนกับกำปั้นแพรวาเบาๆ เพื่อเรียกพลังให้กันและกัน ก่อนเดินไปกลางเวทีเพื่อเริ่มการแสดง เสียงไวโอลินของแพรวาดังขึ้นก่อน แล้วตามมาด้วยเสียงกรี๊ดของคนดู เมื่อเสียงแซกโซโฟนจากผมเริ่มขึ้น เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นอีก เมื่อบทเพลงบรรเลงไปเรื่อยๆ ผมก็ค่อยๆ จมเข้าไปอยู่ในการแสดงนั่นจนไม่ได้โฟกัสคนดู ความรู้สึกในตอนนั้นสับสนปนเป อยู่ดีๆ ก็นึกถึงภาพวัยเด็กที่เผลอลืมมันไป พ่อสอนผมเป่าแซกโซโฟนขณะที่แม่นั่งฟังแล้วปรบมือให้ ก่อนชื่นชมว่าผมทำได้ดี ภาพเหล่านั้นวนกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้งด้วยความคิดถึง ผมรู้ภาพเหล่านั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก แต่ถ้าพ่อกับแม่ได้เห็นผมในวันนี้ ผมอยากให้พวกเขา...รู้สึกภูมิใจ

“กรี๊ด!!!”

เสียงกรีดร้องและเสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งตอนที่การแสดงของผมจบอย่างไม่ทันรู้ตัว รอยยิ้มของผมปรากฏขึ้นโดยไม่ต้องฝืน รู้สึกหายใจได้โล่งตอนที่ทุกสิ่งทุกอย่างผ่านไปแล้ว

อาจจะเป็นเพราะแคปชันน่ารักๆ จากไอ้จุ๋ม ผมจึงได้คะแนนโหวตจนท่วมท้น คะแนนโหวตบวกกับคะแนนจากกรรมการเป็นผลให้ผมมายืนอยู่ในรอบห้าคนสุดท้ายได้อย่างเหนือความคาดหมาย เข้าสู่รอบตอบคำถามจากกรรมการ ใจก็กลับมาสั่นอีกรอบ

“คนต่อไป น้องอิสระ จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เชิญเลือกคำถามได้เลยค่ะ”

ผมหยิบกระดาษแผ่นแรกจากมือพิธีกรโดยไม่ได้เลือก เหลือบมองคำถามนั่นก็เผลอตกใจจนเบิกตากว้าง ลูกกะตาเกือบแหกตอนฟังพิธีกรอ่านคำถามนั่น

“ในสังคมไทยปัจจุบัน มีจำนวนเยาวชนเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย การอบรมเลี้ยงดูจากผู้ปกครองถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้เยาวชนรุ่นใหม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเรียนรู้อยู่ในสังคมก็ยังเป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน มีเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่ประพฤติปฏิบัติตัวไปในทางที่ผิดด้วยปัจจัยหลายๆ ด้าน มีตัวอย่างมากมายจากข่าวสารในสังคมไทย ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์เลวร้าย มักมีการกล่าวโทษถึงปัจจัยอื่นๆ นอกจากการอบรมเลี้ยงดูในครอบครัว คุณเห็นด้วยหรือไม่ ว่านิสัยของเยาวชนไทยจะเปลี่ยนไปเพราะสังคมหล่อหลอมพวกเขา คุณคิดว่าการคบเพื่อนหรือการเลือกสถาบันทางการศึกษามีผลอย่างไรต่อนิสัยของเยาวชนไทย และคุณมีแนวทางอย่างไรที่จะชักจูงเยาวชนไทยให้หันมาสนใจในการศึกษา เชิญน้องอิสระตอบค่ะ”

นั่นคำถามหรือเรียงความ กูถามก่อน

หัวแบลงก์ตั้งแต่ประโยคแรก และเมื่อพิธีกรยื่นไมค์มาให้ ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายก็ขาวโพลน พยักหน้ารับยิ้มๆ แต่หัวใจผมเดือดพล่าน ในคำตอบนั้นมีประโยคเดียวเลยที่ผุดขึ้นมาในหัว

 

ไปถามพ่อมึงเหอะไอ้สัด!

 

“ค่ะ เชิญตอบได้เลยค่ะ”

“ครับ”

“...”

“ผมคิดว่า...”

“...”

“ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ขอบคุณครับ!”

“กรี๊ด!”

โอ๊ย! กรี๊ดเหี้ยอะไรก๊าน! จะอวยก็ลืมหูลืมตาบ้างเหอะ กูตอบอะไรออกไป แม่มึงเอ๊ย! อายจนกูอยากแทรกพื้นเวทีหนีไปผูกคอตายที่บางละมุงแล้วโว้ย!

เมื่อจบการประกวด คณะวิศวะคว้าที่หนึ่งไปอย่างไม่ผิดโผ ส่วนผมได้รางวัลรองชนะเลิศมาแบบงงๆ  แต่เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันจบลง ผมจึงไม่คิดอะไรอีกแล้ว พอกันที ชีวิตนี้ขอทำอะไรแบบนี้ครั้งเดียว พี่ม่อนพาพวกเรามาเลี้ยงข้าวหลังจากเหน็ดเหนื่อยกันมาหลายวัน ผมตามมาทีหลังเพราะมัวไปช่วยรุ่นพี่แบกเครื่องดนตรีไปคืนคณะดุริยางค์ และอยู่ช่วยเก็บของอีกพักใหญ่ๆ  เมื่อมาถึงร้าน ทุกคนก็นั่งรอกันอยู่แล้ว ผมเดินตรงเข้าไปยังโต๊ะของพวกรุ่นพี่ ระหว่างทางก็เผลอไปได้ยินบทสนทนาของโต๊ะข้างหลัง

“มึงๆ เดือนถาปัตย์!”

“โห! โคตรหล่อ”

เมื่อรู้ตัวว่าผมได้ยิน สองคนนั้นก็เงียบเสียงไป เก๊กหน้าหล่อที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้ ก่อนหันไปยิ้มให้สองคนนั้น แล้วเดินต่อไปที่โต๊ะพี่ม่อน

“เชี่ย!”

“เขายิ้มให้กู เขายิ้มให้กู๊!”

เมื่อผมเดินเข้าไปถึงโต๊ะ เสียงโห่แซวอย่างล้อเล่นก็ดังขึ้น

“วู้ว! รองเดือนมอ!”

“ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ลำตัว!”

“ขอบคุณคร้าบ!”

“โห่! จะแซวทำไมเนี่ย”

“นี่ถ้าตอบคำถามดีๆ บางทีอาจจะได้ที่หนึ่งก็ได้นะ”

“ขอโทษพี่ ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกจริงๆ”

“โอ๊ย! แค่นี้ก็ดีแล้ว” พี่ม่อนว่าแล้วยกมือตบบ่าผมเบาๆ

“เออ แต่เป็นกูกูก็ช็อกนะ คำถามอะไรวะ ยาวกว่าเรียงความที่กูเขียนส่งครูตอนป.สามอีก”

“ทำดีแล้ว ทั้งคู่เลย เหนื่อยกันมาเยอะแล้วนะ มาๆๆ กินข้าวกันดีกว่า”

ผมพยักหน้ารับตอนที่พี่ม่อนยื่นจานข้าวให้ พลันสายตาหันไปเห็นลูกแมวตัวหนึ่งเดินเตาะแตะเข้ามาหา

“อุ๊ย! แมว!”

ผมกระโดดลงจากเก้าอี้แล้วตรงเข้าไปหาลูกแมวที่ตัวเล็กกว่าฝ่ามือของผมอีก

“น่ารักอ่า!”

“เกลียดเสียงเล็กเสียงน้อยของมึงจริงๆ”

“แมวที่นี่เหรอครับ ชื่ออะไรอะ” ผมหันไปถามพนักงานเสิร์ฟที่เดินผ่านมาพอดี

“แมวใครก็ไม่รู้น้อง แม่มันมาคลอดลูกอยู่หลังร้าน แต่แม่มันเพิ่งโดนรถชนตายไปเมื่อวานนี่เอง” หัวใจผมอ่อนยวบตอนได้ยินเรื่องราวสุดสะเทือนใจนั่น ใช้สองมือประคองลูกแมวตัวเล็กนั่นขึ้นมามองหน้า

“ผมเอาไปเลี้ยงได้ไหมครับ”

“เอาไปเลยน้อง”

“ขอบคุณครับ”

“หล่อแล้วยังจิตใจดีอีกนะเราเนี่ย”

ผมยิ้มเขินๆ ให้พี่เขา ก่อนก้มลงมองลูกแมวที่ซุกเข้ามาในอ้อมอก

“อิสจะเลี้ยงมันจริงๆ เหรอ”

“อือ เราชอบแมว หน้าเหมือนน้องสาวเราเลย”

“เพี้ยน!”

ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนก้มลงไปจ้องหน้าลูกแมวที่ยกมือข้างหนึ่งกอดเอาไว้อีกที

“ชื่อบังเอิญละกันเนอะ เพราะเราเจอกันโดยบังเอิญ”

“...”

“บังเอิญน้องสาวพี่อิส น่ารักจังเลย”

 

หนึ่งปีในรั้วมหาวิทยาลัยของผมผ่านไปแล้ว ตอนเข้าปีหนึ่งก็เป็นมนุษย์ดีๆ แต่พอเลื่อนชั้นปีกลายเป็นซอมบี้ไปแล้วเรียบร้อย ทั้งเรียน ทั้งงาน ทั้งโปรเจกต์ผสมปนเปกัน แต่ละวันแทบไม่ได้นอน ดื่มกระทิงแดงบ่อยกว่าน้ำเปล่า นอนคณะมากกว่ากลับบ้าน ชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังตีน ลืมภาพเดือนคณะในชุดนักศึกษาผูกไทเรียบร้อยหัวจดเท้าไปได้เลย ตอนนี้ใบหน้าทรุดโทรมเหมือนแก่ลงไปสิบปี อย่าหวังว่าจะรีดเสื้อนักศึกษา แค่ได้ซักก็ถือว่าบุญแล้ว กางเกงยีนส์ใส่ซ้ำสามวันห้าวันถือเป็นเรื่องปกติ รองเท้าสวมอะไรได้ก็สวมมาก่อน ลากกายหยาบและร่างพังๆ มาถึงตึกคณะได้ถือว่าเก่งมากแล้ว อย่าคาดหวังอะไรไปมากกว่านี้เลย 

“อิส”

ผมเงยหน้ามองแพรวาที่เดินเข้ามาเรียก ระหว่างที่นั่งกินข้าวอยู่

“วันนี้ตอนเย็นมีประกวดดาวเดือนที่คณะ อย่าลืมไปนะ”

“ต้องไปด้วยเหรอ”

“อ้าว พี่ม่อนไม่ได้บอกเหรอ ต้องไปมอบตำแหน่งให้รุ่นน้องไงจ๊ะ”

“โห่!”

“ไม่ต้องมาโห่เลย เจอกันตอนเย็น ไม่มาละน่าดู”

“จ้า”

ผมตอบรับแพรวาส่งๆ ก่อนเธอจะเดินออกไป ไอ้จุ๋มที่อยู่ข้างๆ หันมาหัวเราะในลำคอ

“ดูสภาพเดือนคณะ โทรมเป็นศพ”

“มึงก็ไม่ได้ต่างจากกูเลยไอ้ห่า”

“แล้วเอาไง เย็นนี้จะไปไหม”

“กูไม่อยากไปเลยว่ะ ไปก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก นั่งเล่นนิ้วตีนอยู่บ้านยังมีประโยชน์กว่าอีก”

“เออ เขาให้ไปก็ไปเหอะ”

ผมส่ายหน้าเหนื่อยๆ ก่อนตักข้าวใส่ปาก ระหว่างที่นั่งกินข้าวอยู่ก็มีเด็กปีหนึ่งสองคนถือจานข้าวเข้ามานั่งโต๊ะข้างๆ  เพราะโต๊ะที่ติดกัน ผมจึงได้ยินบทสนทนาของสองคนนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ

“แก วันนี้มีประกวดดาวเดือนคณะ ไปดูกันปะ”

“อือ เอาดิ”

“แกรู้ปะ ว่าเดือนคณะปีที่แล้วเป็นใคร เห็นเขาบอกว่าหล่อมาก”

“รู้สึกจะชื่อพี่อิส แต่สาขาไหนจำไม่ได้อะ”

“วันนี้พี่เขาจะมาไหมนะ อยากเห็นหน้าจัง”

“คิกๆ” ไอ้จุ๋มที่นั่งอยู่ข้างๆ หลุดหัวเราะออกมาเพราะบทสนทนาของน้องสองคนนั้น ก่อนมันจะทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด ด้วยการหันไปสะกิดบอกเด็กนั่น

“น้องๆ”

“คะ?”

“เดือนคณะปีที่แล้วนั่งอยู่นี่ไง นี่ครับ พี่อิสครับผม”

“เชี่ยจุ๋ม!”

เด็กสองคนนั้นหันมองผม เบิกตาขึ้นนิดๆ ก่อนพูดออกมาตรงๆ

“เดือนคณะนี่เขาเลือกจากอะไรคะพี่”

หัวใจเจ็บแปลบตอนที่น้องมันมองหน้าด้วยสายตาผิดหวังอย่างรุนแรง กูแทบมุดลงจานข้าวมันไก่แล้วกดหัวตัวเองให้จมน้ำซุปตายไปเลย

...

 

ในเย็นวันนั้นผมจำเป็นต้องไปร่วมงานด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เพราะไม่อยากถูกมองด้วยสายตาผิดหวังแบบนั้นอีก เลยจำเป็นต้องคีปลุคหล่ออีกครั้ง ปั่นจักรยานไปตัดผมก่อนกลับมาที่บ้าน ขุดชุดนักศึกษาถูกระเบียบหัวจดเท้าขึ้นมาใส่อีกครั้ง ผมมองตัวเองในกระจกขณะยกแขนเสื้อขึ้นติดกระดุม

แม่งเสื้อตัวเล็ก แน่นนมฉิบหาย!

และในขณะที่กำลังก้าวออกจากบ้าน ฝนก็ลงเม็ดลงมาอย่างไม่ปรานี ยกมือเท้าเอวอย่างเซ็งๆ แล้วหันกลับเข้าไปในบ้าน หยิบกุญแจรถยนต์ที่พ่อซื้อให้แต่ไม่ค่อยได้เอาไปใช้ เพราะจักรยานมันหาที่จอดได้ง่ายกว่า แถมไม่มีปัญญาเติมน้ำมันด้วยก็เลยจอดทิ้งไว้เฉยๆ

ผมเดินลุยฝนไปที่ลานจอดรถหมู่บ้าน ปลดล็อกเมอร์ซิเดสเบนซ์สีขาวฝุ่นเขรอะ แล้วขับตรงไปมหาวิทยาลัย วนหาที่จอดอยู่พักใหญ่ ก่อนได้ที่จอดหน้าคณะพอดี และทันทีที่ผมตรงเข้าไปจอดรถ ทุกสายตาของคนตรงนั้นก็หันมอง เมื่อก้าวลงจากรถ รู้สึกเหมือนเดินลงพรมแดงเมืองคานส์ เก๊กหล่อสุดชีวิต ก่อนหันไปยิ้มให้ดินฟ้าอากาศแบบเท่ๆ  ตำแหน่งเดือนคณะไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วยนะโว้ย

 

เพราะผมนี่แหละ อิสระ เดือนคณะในตำนาน

 

ผมหันไปพยักหน้ากับไอ้จุ๋มที่ยืนรออยู่หน้าตึก ทำตัวให้คูล แล้วยื่นมือข้างหนึ่งหันไปปิดประตูรถอย่างเท่ๆ

ปึง!

“โว้ย!”

“ไอ้อิส เป็นอะไร!”

“ประตูรถหนีบมือกู๊!”

 

- จบเถอะ -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-05-2021 19:07:02 โดย เต้าหู้ไข่ »

ออฟไลน์ สรรพล้วยควัน

  • kinky smoke
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
    • TW

เกลียดอิพี่อิสมากโว้ยยยยย5555555555555   :laugh:
ที่ได้รองเดือนมอมานี่คือเพราะแคปชั่นพี่จุ๋มแน่ๆอะ
ที่เกลียดกว่าคือการเก๊กหล่อ อิคนบ้า555555555555555
..แต่เห็นน้องบังเอิญแวบๆแล้วใจหายเพราะอีกห้าหกปีคือน้องต้องไปบายละอะ ฮืออ
((ยังคงอ้อนวอนคุณตหข.อยู่ตรงนี้ว่าอยากให้มีเรื่องราวต่อไปของทั้งสองคนมาก
พร้อมจะอ่านไปเรื่อยๆจนถึงวันที่น้องปิงบรรลุนิติภาวะเลยค่ะ  //กระซิบ))



ออฟไลน์ q.tr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่อิสคนกากในตำนาน  o13

ออฟไลน์ mayyiyi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทำไมต้องขำอะไรแบบนี้ตอนตี2  อิพี่อิสโว้ยยยยยย

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
กากเสมอต้นเสมอปลายจริงๆเล้ยยยย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อิสระ คนจริง คิดถึงพี่อิส  น้องปิง...........   :hao5:

"ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว "

"ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ หล่อล้ำที่ลำตัว "  ก๊ากกกกกกก

พี่อิส  น้องปิง    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
พี่อิสนี่สุดยอดของความจ้อจี้เลย ต่อให้อิพี่กากยังไงก็คิดถึงเสมอค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ทำอย่างไรก็สลัดคราบอีพี่อิสคนกากไปจากหัวไม่ได้สักที บอกตรงๆนะตอนนี้ก็ยังไม่เห็นรัศมีความหล่อของพี่เลยอะ 5555555 แต่เขาเห็นอยู่อย่าง ใจพี่หล่อมากๆ

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ความกากนี้ เกือบแล้วพี่เกือบจะดีแล้ว
ประตูรถบ้าทำพี่อิสฉัน

ออฟไลน์ Naamtaan22

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 271
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ให้ตายสิ พี่อิสคนกาก ทำให้เราหัวเราะจนน้ำตาไหลทุกครั้งที่อ่าน ยอมใจเลยจริงๆ ยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่เสมอนะจ๊ะ จะมีตอนพิเศษอะไรมาเราก็ดีใจหมดแหละ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ถ้าไม่มีตอนนี้ก็จะลืมไปแล้วนะว่าพี่อิสมันหล่อน่ะ ฮ่าๆๆ โดนความกากบดบังจนมองไม่เห็นแต่อย่างน้อยพี่ก็เล่นแซ็กฯได้นะ อยากเห็นพี่อิสเล่นให้หลินปิงฟังบ้างจัง

ออฟไลน์ SN_sanook

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่อิสนี้คือพี่อิสจริงๆ ชอบนะคะ//ขอโทษนะน้องปิง :laugh:

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ว๊อยยยยยยยย  หมด! หมดกัน กับจินตนาการอดีตเดือนคณะของพี่อิสที่เราเฝ้าฝันถึง มันเป็นเยี่ยงนี้นี่เอง อืมมมม 55555555 ขำจนน้ำตาเล็ดเลยอ่ะ   :jul3:

ขอบคุณนะค้าาา คิดถึงพี่อิสกับหลินปิงเหมือนกัน ถามว่าอยากอ่านตอนพิเศษตอนไหน? เรานึกไม่ออกอ่ะ รู้แต่คนเขียนเขียนตอนไหนมา สนุกทุกตอนเลยยยย /กอดขาขอตอนต่อไป อิอิ  มาบ่อยๆ น้าาา  :mew1:


ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
กราบพี่อิสเลยค่ะ อ่านทีไรก็ฮาทุกที แม้แต่ตอนแต่งตัวยังทำเราขำเลยค่ะคุณ คุณรชานี่เขียนทางเรื่องชวนหัวได้เก่งมากค่ะ แถมยังเป็นเรื่องชวนหัวที่ถ้าอ่านดีๆ ก็มีอะไรๆ ให้หยิบมาขบคิดด้วยนะ เอาเป็นว่าเป็นติ่งพี่อิสและจะเป็นติ่งตลอดไป

ขอบคุณคุณรชามากๆ ค่ะ ^____^

ออฟไลน์ ahpanpit

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ริจะรักเด็กต้องอดทนนะพี่อิส

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
พี่อิสผู้รักษาความกากไว้ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย 55555

ออฟไลน์ Natti

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 197
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่อิสสสสสส

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
ลืมไปเลยว่า อิพี่อิสมันหล่อ

ออฟไลน์ kiszy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 166
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ้ยยยยยยยย ลืมไปเลยว่าพี่อิสหล่ออออ

ความกากบดบังโหม๊ดดดด 555

ออฟไลน์ Asui

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Pramooknoi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น่ารักดี ไม่เคยอ่านนิยายแนวนี้มาก่อนเลย สนุกมากๆเลยจ้า :hao7:

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
คิดถึงพี่อิส มาอีกนะคะ :pig4:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
อ่านเรื่องนี้ทีไรทั้งฮาและมีความสุข
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่อิสนี่มันพี่อิสจริงๆ  :laugh:

ออฟไลน์ Maccagadz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คิดถึงพี่อิส น้องปิงง ความกากของพี่เค้าเสมอต้นเสมอปลายจังค่ะ แต่ถึงงั้นก็รักพี่น้า ขอบคุณคุณรชาที่แวะเอาพี่อิสมาส่งนะคะ ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้มีแรงเขียนเรื่องอื่นๆ ด้วย ติดตามผลงานอยู่เสมอค่ะ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ความเกือบจะของพี่พี่อืสนี่มัน ไม่เคยไปสุดสักอย่างความกากนำมาตลอด แต่เพราะแบบนี้แหล่ะถึงหลงรักพี่อิสหัวปักหัวปำ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด