ตอนที่ 18 : ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป“มึงว่าเอยจะจบไหม” นนท์มองหน้าคนขับรถ ที่อาสามาส่งเขา แทนการปล่อยให้ไปเป็นก้างขวางคออีกคู่หนึ่ง
“ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีสมองหรือเปล่า ถ้าโง่ก็คงไม่ยอมจบ แต่ถ้าฉลาดพอคงยอมจบซะที”
“มึงด่าผู้หญิงเหรอวะ”
“กูไม่ได้ด่า เขาเรียกว่าการวิเคราะห์”
“เออกูจะจำไว้ วันหลังไม่ต้องวิเคราะห์กูนะ กูกลัวปากมึง”
“กับมึงกูไม่ใช่ปากวิเคราะห์ให้เสียเวลา เอาไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า”
“ไอ้เหี้ยไผ่! มึงคิดจะทำอะไร” นนท์ตกใจ เกือบเผลอยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ดีที่ยั้งไว้ทัน
“กูหมายถึงอย่างมึงกูไม่วิเคราะห์ให้เสียเวลา รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว มึงคิดไปถึงไหน” ไผ่ตาพราว ขำความตื่นตูมของนนท์
“ก็นั่นแหละ กูก็หมายถึงแบบนั้น” นนท์แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ เกลียดดวงตาวาววับของอีกฝ่าย
“หึๆ”
“ขำตายห่า” นนท์พูดประชด เมื่อไผ่เอาแต่หัวเราะ คล้ายเป็นเรื่องน่าขำเสียเต็มประดา
“ก็มึงมันน่ารัก”
“เกี่ยวกันตรงไหนวะ” คนไม่เห็นความเกี่ยวข้อง ดันเขินหน้าแดง จนต้องมองไปทางอื่น
“ไม่เห็นต้องเกี่ยว”
“อะไรของมึง” ไผ่ยิ่งพูดนนท์ก็ยิ่งงง
“ไม่เกี่ยวกับว่าเราคุยกันเรื่องอะไร มึงทำตัวน่ารักกูชอบมองก็เท่านั้น”
“......”
“สงสัยอะไรอีกไหม”
“มึงแม่งไร้สาระ!” นนท์คิดคำพูดออกแค่นั้น ก่อนทำเป็นสนใจมือถือแทน
“เดี๋ยว” นนท์คิดอยู่ในใจ แต่ปากดันเรียกออกไปจริงๆ เมื่อไผ่ทำท่าจะแยกไปขึ้นรถ หลังจากกินข้าวเย็นที่ร้านหน้าหอของเขาเสร็จเรียบร้อย
“หือ”
“คือ..มึงจะไปไหนต่อหรือเปล่า”
“ไม่มี”
“กู..กูไม่ได้อยากให้มึงอยู่เป็นเพื่อนนะโว้ย บอกไว้ก่อน”
“กูยังไม่ได้พูดอะไร มึงจะโวยวายเสียงดังทำไมวะ” ไผ่พูดปนหัวเราะ นนท์หน้าแดง รู้สึกเก้อเขินขึ้นมา เพราะออกอาการโวยวายมากเกินไป
“กูมีเรื่องอยากพูดกับมึง เมื่อกี้ในร้านคนมันเยอะ”
“ว่ามาสิ”
“ไป..” นนท์หันซ้ายหันขวามองหาสถานที่พูดคุย
“บนห้องมึงง่ายดี” ไผ่เดินนำไปยังประตูเข้าหอ นนท์ยืนขมวดคิ้ว อะไรวะ เขาเป็นเจ้าของห้องยังไม่ได้เชิญสักคำ
“อยากถามอะไร” ไผ่ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงขนาดสามฟุตครึ่ง หยิบหมอนขึ้นมาวางบนตัก
“นั่งเป็นห้องมึงเองเลยนะ” นนท์ต้องเป็นฝ่ายดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียงแทน
“ไม่ชินอีกเหรอ ห้องมึงก็เหมือนห้องกู ลืมหรือไง”
“ไม่ลืม แต่ห้องมึงกูต้องเคาะก่อน เผื่อมึงอยู่กับสาวๆ ใช่ไหม โคตรไม่ยุติธรรม”
“มึงต้องเคาะเพราะมึงมีกุญแจ อย่างนี้ยังไม่นับว่ามึงเป็นเจ้าของห้องกูอีกเหรอวะ” นนท์เม้มปาก เป็นเรื่องจริงที่เขามีกุญแจห้องไผ่ เข้าออกห้องอีกฝ่ายได้ตลอด เพียงแต่มีเงื่อนไขว่าก่อนเข้าไปให้เคาะห้อง เผื่อว่าข้างในไม่พร้อม
“ช่างเหอะ กูไมได้จะพูดเรื่องนี้”
“อยากถามอะไรก็ถามมา”
“กูไมได้จะถามกูจะพูด”
“หึๆ ตกลงๆ มึงอยากจะพูดอะไร” ไผ่ขำกับอาการหัวเสียง่ายเกินปกติของนนท์
“ก็...” คนอยากพูดชักลังเล
“พูดมา ไม่งั้นกูว่าคืนนี้มึงคงทึ้งหัวตัวเองทั้งคืน ที่ไม่ได้พูด”
“เสือกรู้อีก” นนท์บ่น แต่ในที่สุดก็ยอมพูดออกมา “ก็เรื่องที่มึงพูดกับไอ้พายุไอ้ปัณณ์”
“เรื่องไหน กูพูดตั้งเยอะ”
“มึงอย่ามากวนโมโหกู ดูหน้ามึงก็รู้แล้วว่ามึงรู้ ยิ้มเจ้าเล่ห์ฉิบหาย”
“นี่สินะ ข้อดีของการเป็นเพื่อนสนิทกัน” นนท์ยิ้มตาวาววับ
“ไม่ต้องออกนอกเรื่อง ที่กูจะพูดก็คือมึงไม่ควรพูด ไอ้สองตัวนั้นมันจะเข้าใจผิดเอาได้ กูรู้ว่ามึงอยากให้ไอ้ปัณณ์ไอ้พายุมันสบายใจ ว่าเรื่องที่พวกมันรักกันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่มึงไม่ควรเอาเรื่องนี้มาล้อเล่น ถ้าพวกนั้นรู้ทีหลังจะยิ่งรู้สึกแย่” นนท์หยุดพูด ขมวดคิ้วด้วยความข้องใจแทน เมื่อคนที่นั่งเงียบฟังเขาพูด จู่ๆ ก็หันซ้ายหันขวา เหมือนหาอะไรบางอย่าง ก่อนจะหยิบหนังสือที่วางอยู่ข้างหมอน มาพลิกดูหน้าปก
“หาอะไรของมึงวะ”
“เดี๋ยวนี้มึงอ่านนิยายด้วยเหรอวะ”
“เปล่า”
“แน่ใจนะ เพราะมึงคิดได้ตลกฉิบหาย ใครจะไปทำอย่างนั้นวะ แค่คิดกูยังคิดไปได้ไม่ถึงที่มึงพูดเลย”
“ไอ้เวรไผ่ ด่ากูน้ำเน่าเหรอ”
“ฮ่าๆ หรือไม่จริง มึงคิดได้ไงวะ กูโคตรนับถือ”
“กูก็ไม่ได้คิดอย่างนั้น กูแค่พูดให้มันดูดี เพราะกูไม่รู้จะบอกมึงยังไง ว่ากูนี่แหล่ะที่ไม่อยากให้มึงล้อเล่นเรื่องนั้น” พอโมโหนนท์ก็พูดออกมาตามที่คิด ไผ่ยังหัวเราะร่วน แต่เสียงและสายตาอ่อนโยนลง
“แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูล้อเล่น มึงคิดว่าในสถานการณ์แบบนั้น กูจะเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเล่นเหรอ”
“เดี๋ยว” นนท์รีบยกมือห้าม ก่อนที่ไผ่จะพูดอะไรต่อไป “มึง..มึง..หมายความว่ามึงไม่ได้ล้อเล่นเหรอ”
“เออ” ไผ่หัวเราะในความเอ๋อของนนท์ ที่กำลังแปลไทยเป็นไทยให้เขาฟัง
“มึงจะบอกว่ามึงชอบกูเหรอ!” ไผ่ชิ้นิ้วเข้าหาตัวเอง
“ก็อาจจะ”
“เอาดีๆ สิวะ เอาไงกันแน่”
“กูยังไม่รู้ ไปพิสูจน์กันไหม” ไผ่ยื่นหน้าเข้าไปหา จนนนท์ต้องรีบเบี่ยงศีรษะหนี “ไปทะเลกันสักคืนเลียนแบบไอ้พายุ เผื่อกูจะรู้ตัว ว่าชอบมึงจริงหรือเปล่า”
“ไม่ไป!”
“มึงกลัวอะไรวะ หรือกลัวต้องอยู่กับกูสองคน” ไผ่ทำสีหน้าดูถูกคนปอดแหก
“กลัวเหี้ยอะไร กูไม่มีตังค์จะแดกอยู่แล้ว จะเอาตังค์ที่ไหนไปเที่ยว”
“ฮ่าๆ แปลว่ามึงก็อยากรู้เหมือนกันสิ”
“เออ มึงมาแบบนี้กูไปไม่ถูก จะด่ามึงก็ยังไม่ชัด”
“ฮ่าๆ ไอ้นนท์เอ๋ย”
“ไผ่”
“หือ” ไผ่เลิกหัวเราะเมื่อเสียงที่เรียกชื่อจริงจัง
“มึงคิดจริงๆ เหรอวะว่า..ว่า..”
“ว่าอะไร”
“ว่าแค่คืนนั้นจะทำให้พวกเราเปลี่ยนได้”
“แล้วมึงรู้สึกว่ามันเปลี่ยนไหม”
“ไม่”
“หึๆ มึงแน่ใจเหรอ เพราะถ้าไม่เปลี่ยนจริง มึงคงไม่มีปัญหากับการที่กูจะขึ้นมาบนห้อง หรือกับแบบนี้” ไผ่ดึงเกาอี้ติดล้อเลื่อนที่นนท์นั่งเข้ามาใกล้ ใช้อีกมือคว้าต้นคอนนท์เข้ามา จนหน้าเกือบแนบชิด
“มึงคงไม่หน้าแดงแบบนี้มั้ง ถ้ามึงไม่คิดอะไร” ไผ่เบี่ยงหน้าไปกระซิบชิดหูก่อนผละออก ริมฝีปากเฉียดแก้มของนนท์ไปนิดเดียว
“ไอ้..ไอ้เวร” นนท์ใจเต้นแรง ไม่สามารถเถียงเพื่อนได้ ว่าไม่รู้สึกอะไร ไอ้บ้าเอ๊ย เสน่ห์แม่งเหลือร้ายฉิบ มิน่าสาวๆ ถึงติดมึงนัก
“ฮ่าๆ กูไม่แกล้งมึงหรอกน่า สบายใจได้”
“ไม่แกล้งห่าอะไรวะ นี่แหละเว้ยเขาเรียกว่าแกล้ง”
“มึงกับกูเราไม่ใกล้เคียงกับคำว่าไม่คิดอะไร มึงยอมรับเถอะ เหลือแค่ว่ามันจะพากูกับมึงไปไกลแค่ไหนเท่านั้นเอง”
“กูไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ฃ” นนท์ถอนใจยาว ยอมพูดสิ่งที่คิดอยู่ในใจออกมา
“ทำไมคิดแบบนั้น มึงบอกกูได้ไหม เพราะมึงรับเรื่องชอบผู้ชายไม่ได้ หรือเพราะมึงรับที่กูอาจจะชอบมึงไม่ได้”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ถึงมึงจะเลวบ้าง แต่มึงก็เป็นเพื่อนที่ดี คอยช่วยเหลือกูทุกอย่าง ถ้าเกิดมันทำให้สิ่งที่เป็นอยู่หายไป ถ้ามึงกับกูมองหน้ากันไม่ติดขึ้นมา...” นนท์ถอนใจยาว “กูกลัว”
“มึงกลัวไปก็เท่านั้น คิดไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อบางอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว มึงกับกูก็แค่เดินไปให้ดีที่สุด ได้แค่ไหนก็แค่นั้น”
“อืม”
“อย่าคิดมากสิวะ”
“มึงพูดอย่างกับกูอยากคิด ที่กูคิดเพราะ...” นนท์กัดปาก เกือบแล้วเกือบหลุดออกไปแล้ว
“เพราะอะไร”
“ช่างเหอะ เอาเป็นว่ากูจะเลิกคิดก็แล้วกัน”
“บอกมา” น้ำเสียงขู่เข็ญ ทำให้นนท์ต้องรีบเลื่อนเก้าอี้ให้ออกห่างจากเตียง
“ไม่มีอะไร”
“มึงจะบอกดีๆ หรืออยากให้กูทำให้มึงพูด”
“ไหนมึงบอกแค่แกล้งให้กูตกใจเล่น ไม่คิดจะทำไงวะ!”
“มันคนละเรื่อง จะบอกไหม” ไผ่ทำท่าจะเลื่อนตัวตามเข้ามาใกล้ นนท์จึงรีบล่ะล่ำละลักบอก
“เพราะมึงสำคัญไง! ที่กูคิดมากเพราะมึงสำคัญ”
“มึงก็สำคัญ” ไผ่ชะโงกหน้าเข้าไปหา วางมือลงบนศีรษะของนนท์ “มึงไว้ใจกูไหม”
“ไม่ มึงมันเจ้าเล่ห์ ถ้ากูไว้ใจกูก็โง่แล้ว”
“ฮ่าๆ เห็นไหม มึงรู้ไส้รู้พุงกูหมดแล้ว จะกลัวอะไรวะ” ไผ่ขยี้ผมนนท์ “ระหว่างมึงกับกู ต่อให้เปลี่ยนไปแค่ไหน กูก็ยังเชื่อว่าเราจะเห็นกันไปตลอดชีวิต มึงอย่ากลัวไปเลย”
“เอาทั้งชีวิตเลยเหรอวะ”
“ของมันแน่อยู่แล้ว”
“เออ” นนท์ทำเสียงเหมือนตัดรำคาญ แต่สีหน้ากลับแสดงความรู้สึกไปอีกทาง
“หึๆ สบายใจก็ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นกูกลับก่อน อยู่ไปนานๆ เดี๋ยวเปลี่ยนใจหาคำตอบด้วยวิธีอื่น”
“ไอ้เวรไผ่ กลับไปเลยมึง” นนท์เงื้อเท้าขึ้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่าห้ามเข้ามา ไม่อย่างนั้นโดนถีบแน่
ไผ่หัวเราะขำสีหน้าของนนท์ เขาลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจก่อนส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่าย “กูกลับก่อน เปลี่ยนใจอยากให้มาค้างด้วยก็โทรบอก ไม่ไปทะเลอยู่ห้องมึงแทนก็ได้”
“ไอ้เหี้ย!”
“ฮ่าๆ” ไผ่รู้ว่าการแกล้งนนท์นั้นสนุก แต่เพิ่งรู้ว่าการแกล้งในอารมณ์แบบนี้สนุกกว่าเป็นไหนๆ เพราะมันน่ารักกว่ามาก
“เดี๋ยวไผ่”
“หือ” ไผ่หันกลับไปมอง เขาเดินเกือบถึงประตูห้องแล้ว
“ที่มึงถามน่ะ”
“ถามอะไร”
“กูไว้ใจมึง ไม่ใช่ไม่ไว้.... ไอ้เหี้ย!”
“ฮ่าๆ กูบอกแล้วว่ามึงมันน่ารัก” ไผ่ยักคิ้วให้นนท์ ก่อนหมุนตัวกลับไปที่ประตู คนเพิ่งโดนจูบไปหมาดๆ อ้าปากค้าง ไอ้เวรไผ่! ไหนว่าไม่ทำไงวะ
นนท์ยกมือขึ้นแตะปากตัวเอง หลังประตูห้องปิดลง หัวใจยังเต้นแรง ความรู้สึกบางอย่างแล่นเข้าสู่หัวใจ บ้าฉิบ! หวังว่าไอ้คนจูบจะรู้สึกเหมือนกันกับเขา
“หวานดี” นนท์หน้าแดงเมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งมา แต่ก็ทำให้เขาเลิกทึ้งผมของตัวเองได้ จะเหมาว่ารู้สึกเหมือนกันก็แล้วกันนะ เพราเขาไม่อยากรู้สึกดีอยู่ฝ่ายเดียว
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin