ตอนที่ 10 : เป็นไปได้ไหม
“มึงจะบอกกูได้หรือยังว่ามึงจะไปไหน” ปัณณ์ถามเพราะพายุเอาแต่เงียบ ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ขับรถออกมาจากร้าน มีเพียงสายตาที่เหลือบมองเขาเป็นบางครั้ง จนปัณณ์ทนไม่ไหวต้องถามขึ้น
“ห้องมึง”
“หาที่อื่นเถอะ กูมีเรื่องอยากคุยกับมึง”
“มึงพูดเหมือนห้องมึงคุยไม่ได้ หรือกูไม่มีสิทธิ์ไปแล้ว” ปัณณ์ชะงัก เขาจะบอกได้อย่างไร ว่าเพราะอะไรถึงไม่อยากให้พายุไป ปัณณ์นิ่งไปพักใหญ่ก่อนพยักหน้า
“ไปห้องกูก็ได้”
“อืม” ความเงียบเข้าครอบคลุมภายในรถอีกครั้ง ปัณณ์หลับตาลงเสีย นึกทบทวนทุกอย่าง ก่อนจะเริ่มพูดมันออกมา เขาอยากแน่ใจตัวเองว่าเขาตัดสินใจดีแล้ว
“พายุ” “ปัณณ์” ต่างคนต่างชะงัก เมื่อเรียกชื่ออีกคนขึ้นมาพร้อมกัน
“มึงพูดก่อนเถอะ” ปัณณ์เลือกให้พายุพูด
“ไม่เป็นไร กูรอได้ให้มึงพูดก่อน เพราะเรื่องที่กูพูดมึงอาจไม่อยากฟัง” ปัณณ์ขมวดคิ้ว อะไรคือเรื่องที่เขาไม่อยากฟัง หรือพายุจะรู้แล้วว่าเขาชอบ ใจของปัณณ์หล่นวูบ เขาคิดจะถอยห่างจากพายุ อย่างน้อยก็อยากให้เหลือความเป็นเพื่อนไว้ ไม่ใช่ขาดจากกัน หรือเขาถอยช้าเกินไป
“กูไม่มีอะไรจะพูดแล้ว มึงพูดเถอะ” ปัณณ์นั่งลงรอเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ไม่ว่าจะพร้อมหรือไม่ เขาก็ต้องยอมรับ
“กู...” ถึงเวลาต้องพูดพายุกลับพูดไม่ออก เขาเดินไปเดินมาก่อนทิ้งตัวลงนั่งข้างปัณณ์
“กูมีเรื่องที่กูไม่แน่ใจ สับสน”
“เรื่องอะไร” ปัณณ์ใจเต้นแรง ยิ่งพายุพูดก็ยิ่งเหมือนอีกฝ่ายรู้ถึงความเปลี่ยนไปของเขา
“มึงคิดว่ากูเปลี่ยนไปไหม”
“หะ! หมายความว่ายังไง” ปัณณ์เริ่มไม่แน่ใจเมื่อได้ยินคำถามของพายุ ไม่ใช่เขาที่พายุรู้สึกว่าเปลี่ยนไปหรือ
“กับมึง กูดูเปลี่ยนไปหรือเปล่า” พายุถามปัณณ์ซ้ำอีกครั้ง
“ไม่” ปัณณ์ส่ายหน้า พายุก็ยังเป็นพายุ เขาสิที่เปลี่ยนไป
“แต่กูรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมือนเดิม”
“ยังไง”
“กูไม่ชอบเห็นมึงอยู่กับนารา กูหงุดหงิด”
“มึงบอกกูแล้วว่ามึงไม่ชอบให้กูปิดบัง แต่กูไม่มีอะไรกับนาราจริงๆ มันเชื่อยากนักเหรอวะ เราแค่สนิทกันแบบเพื่อน เพื่อนที่เห็นอกเห็นใจกัน”
“มันไม่ใช่แบบนั้น” ปัณณ์สบตากับพายุ อีกฝ่ายทอดถอนใจราวกับมีทุกข์หนัก
“แล้วมึงหมายถึงแบบไหน”
“กูหวงมึง”
“มึงไม่อยากให้กูมีแฟน เพราะกลัวกูติดแฟนจนไม่มีเวลาให้มึง” เขาได้ยินคำพูดพวกนี้จากพายุบ่อยๆ
“หึ” พายุหัวเราะขื่นๆ ออกมา “ถ้ามันเป็นแบบนั้นก็ดีสิวะ กูจะได้ไม่ต้องคิดหัวแทบแตกอยู่แบบนี้”
“มึงพูดอะไรของมึง”
“มึงว่าคนที่ชอบผู้หญิงจะเปลี่ยนเป็นชอบผู้ชายได้ไหมวะ” พายุไม่ตอบคำถาม แต่กลับถามเขากลับ
“...”
“ทำไมมึงไม่ตอบกู” พายุมีสีหน้าร้อนรน ปัณณ์กัดริมฝีปากก่อนค่อยๆ ปล่อยออก
“ได้” เขากลั้นหายใจ หลังจากหลุดคำตอบออกไป
“มึงว่าได้!!”
“กูก็พูดไปตามที่รู้มา” ปัณณ์พูดปัดให้ห่างจากตัวเอง
“อย่างนั้นเหรอ” พายุถอนใจออกมาเบาๆ แปลกที่สีหน้าของอีกฝ่ายคล้ายกับโล่งอก “แปลว่ามึงเข้าใจเรื่องแบบนี้ได้”
“อืม” ปัณณ์พยักหน้า พยายามพูดให้น้อยที่สุด
“แล้วถ้าเป็นคนที่มึงรู้จักล่ะ” หัวใจของปัณณ์เต้นราวกับกลองรัว เขารู้สึกฝืดคอจนต้องกลืมน้ำลายลงไป
“กู..” ปัณณ์อึกอัก แต่เมื่อเห็นสีหน้าของพายุ เขารู้ว่าเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว “กูรับได้ ยังไงมันก็รักหรือเปล่าวะ”
“มึงไม่รังเกียจ?”
“ไม่ หรือว่ามึง....” ประโยคสุดท้ายปัณณ์พูดไม่จบ เขาไม่กล้าพูดมันออกมา
“เปล่า กูไม่ได้รังเกียจ”
“อย่างนั้นเหรอ” เป็นคืนที่เขากับพายุผลัดกันถอนใจ ปัณณ์พ่นลมหายใจออกมาช้าๆ
“ปัณณ์ กู...” พายุมีท่าท่างอึกอักจนปัณณ์ต้องขมวดคิ้ว เขาไม่เคยเห็นพายุเป็นแบบนี้มาก่อน
“กู...” แล้วพายุก็เงียบอีกครั้ง
“ตกลงมึงจะพูดไหม กู กู อยู่นั่น คืนนี้ทั้งคืนกูคงไม่รู้เรื่อง”
“กู..กูคิดว่าคนๆ นั้น คือ..กู” ปัณณ์ชะงัก ดวงตาของเขาเบิกกว้าง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดว่าจะได้ยิน มือของปัณณ์สั่นน้อยๆ พอๆ กับหัวใจ
“มึงว่าอะไรนะ!” เขาถามเหมือนคนที่ไม่เชื่อหูตัวเอง
“มึงอย่าให้กูพูดซ้ำได้ไหม กูรู้สึกโคตรแย่กับตัวเอง”
“มึงกำลังจะบอกกูว่า มึงชอบผู้ชายอย่างนั้นเหรอ”
“กูไม่แน่ใจ แต่กูคิดว่าใช่ กู...” พายุหันมาสบตากับเขา “กูคิดว่ากูชอบมึง”
“หะ!!” ปัณณ์ไม่สามรถพูดอะไรออกมาเป็นคำพูดได้ เขาทำได้เพียงอุทานและต่างพากันเงียบลง
“มึงจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอวะ”
“กู..กูไม่เข้าใจ”
“หึ” เสียงหัวเราะของพายุราวกับกำลังสมเพชตัวเอง “อย่าว่าแต่มึงเลย กูก็ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเหี้ยอะไรทั้งนั้น” พายุยกมือขึ้นเสยผม เขาสับสน ไม่แน่ใจ และไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง
“แล้ว...” ปัณณ์พยายามคิดหาคำพูด เขาตอบไม่ได้ว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเขาดีใจหรือเสียใจ ดีใจที่พายุบอกว่าชอบเขา และเสียใจที่เห็นพายุทนทุกข์กับความรู้สึกที่พูดออกมา “ทำไมมึงถึงคิดว่าชอบกู”
“ก็ที่กูพูดไป”
“แค่นั้น! แค่มึงหวงกู มึงก็คิดว่ามึงชอบกูแล้วเหรอ”
“ใช่ ไอ้ไผ่มันยังรู้”
“ไผ่รู้?!!” ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ปัณณ์ตกใจซ้ำๆ ไม่รู้กี่ครั้ง ไผ่รู้หมายถึงรู้อะไร!
“ใช่ มันเป็นคนสะกิดกูเอง ว่ากูคิดอะไรกับมึงเกินเพื่อน แต่อย่าถามนะว่าเป็นมายังไง กูยังไม่มีอารมณ์เล่า”
“อะ..อืม” เขาไม่ได้ซักไซ้เรื่องไผ่ต่อ ไม่ใช่เพราะพายุขอ แต่เป็นเพราะเขางงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
“แล้ว?” ปัณณ์คิดไม่ออกว่าพายุบอกเขาแล้ว อยากให้มันเป็นอย่างไรต่อไป เขาจึงตัดสินใจถาม
“แล้วอะไร” พายุเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ถามด้วยน้ำเสียงคล้ายไม่เข้าใจคำถาม
“ไอ้เหี้ย แล้ว..มึงก็พูดต่อสิวะ” ปัณณ์สบถออกมา เขาหรือตั้งตารอฟัง ใจเต้นไม่เป็นส่ำ พายุดันทำหน้าเอ๋อใส่เขา
“อ๋อ กูไม่มีอะไรจะพูดแล้ว”
ปัณณ์นึกอยากกระโดดถีบพายุเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมา ได้แต่มองเจ้าตัวล้มตัวลงนอน ใช้มือรองใต้ศีรษะตามองขึ้นไปบนเพดาน
“ปัณณ์”
“อะไร” น้ำเสียงปัณณ์ห้วนสั้น พูดออกไปแล้วเขาจึงรู้ตัว รีบเม้มปากก่อนที่คำพูดไม่คิดจะหลุดออกไป
“ไปทะเลกันไหม”
“เหี้ยอะไรของมึง” ปัณณ์ลุกขึ้นยืน เขาเดินไปรอบๆ ห้อง จู่ๆ ก็รู้สึกโกรธพายุขึ้นมา พูดให้เขาใจเต้นแล้วจู่ๆ ดันเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย
“ก็เหี้ยแบบกูนี่แหละ มึงไปกับกูหน่อยนะ” พายุผงกหัวขึ้นมองปัณณ์ “ไปพรุ่งนี้เลย”
“หะ!!” ปัณณ์หยุดเดิน หันมองพายุด้วยสายตาแปลกใจระคนตกใจ
“ไปทะเลด้วยกัน กูอยากไปกับมึงสองคน ขอเวลากูได้ทำความเข้าใจตัวเอง” ปัณณ์ชะงัก เขาไม่รู้ว่าพายุจะทำอะไร พยายามบอกตัวเองว่าอย่าคิดอะไรนำไปก่อน ให้ทุกอย่างกระจ่างด้วยตัวมันเอง ปัณณ์ก้มหน้าลง กัดปากอย่างใช้ความคิด เขาควรทำอย่างไรดี
“ตกลง” ปัณณ์เงยหน้าขึ้นตอบด้วยสายตาแน่วแน่ เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ขอให้มันเกิด ในเมื่อเขาคิดจะตัดใจออกห่างจากพายุ ก็ขอครั้งนี้เพียงแค่ครั้งเดียวที่จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แบบที่เขาไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น หรือถ้ามันเป็นอย่างที่พายุพูดจริง บางทีเขาอาจได้พูดสิ่งที่เก็บอยู่ในใจออกมาเสียที
“ขอบใจ” สีหน้าของพายุไม่ใช่สีหน้าของคนดีใจ แต่เป็นสีหน้าของคนคิดหนัก ซึ่งปัณณ์คิดว่าเขาเข้าใจ มันไม่ใช่เรื่องง่ายกับความรู้สึกสับสนที่เกิดขึ้น เขาเคยเผชิญหน้ากับมันมาแล้ว เขาย่อมรู้ดี
“งั้น..” พายุขยับตัวลุกขึ้นนั่ง “คืนนี้กูค้างที่นี่ได้ไหม พรุ่งนี้จะได้ออกแต่เช้า”
“มึงไม่มีเสื้อผ้า”
“ของมึงไง มึงมีเสื้อผ้าตัวใหญ่ๆ เยอะนี่ กูใส่ได้ ยืมมึงใส่นอนออกบ่อยไป”
“อืม”
เหมือนพวกเขาไม่มีเรื่องคุยกันอีก ต่างฝ่ายต่างเงียบ แม้จะรู้สึกอึดอัด แต่ภายในใจของปัณณ์กลับรู้สึกดีขึ้นมาก อย่างน้อยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พายุก็คงไม่เกลียดเขา ในขณะที่พายุรู้สึกโล่งขึ้นที่ได้พูดมันออกมา
ปัณณ์เดินไปหยิบชุดนอนให้พายุ ในขณะที่ร่างสูงนั่งมองตามอีกฝ่ายไปเงียบๆ เขาจะค้นหาคำตอบให้ได้ ว่าสิ่งที่เขารู้สึกอยู่คืออะไร
ไม่ว่าเขาจะคิดเกินเลยกับปัณณ์จริง หรือสุดท้ายได้รู้ว่าไผ่คิดผิด ปัณณ์เป็นแค่เพื่อนที่ดีเท่านั้น แต่อย่างหนึ่งที่พายุรู้สึกได้ชัดเจนในคืนนี้ นั่นคือเขาไม่ได้คิดกับเอยเหมือนที่ตัวเขาเข้าใจ
พายุมั่นใจว่าเรื่องของเขากับเอยไม่เกี่ยวกับปัณณ์ หากแต่เพราะปัณณ์ ทำให้เขาได้รู้ว่าตลอดมาเขาไม่เคยรักเอยเลย มันอาจฟังเห็นแก่ตัว แต่นอกจากเขาต้องเลิกหลอกตัวเองแล้ว เขายังต้องเลิกหลอกเอยอีกด้วย เมื่อกลับมาเขาจะคุยกับเอยเรื่องนี้ เขาเลว พายุรู้ตัวดี แต่ถึงเวลาแล้วที่เขาต้องพูดความจริง
“ปัณณ์”
“หือ?” เพื่อนสนิทที่สุดของเขาหันหน้ามามอง ตาสองคู่สบกันนิ่ง พายุยิ้มเนือยๆ ออกมา
“ขอบคุณนะที่มึงเป็นเพื่อนที่ดีของกู”
“เมาแล้วมึง ไปอาบน้ำเถอะ” ปัณณ์ยื่นเสื้อผ้าและผ้าขนหนูผืนใหม่มาให้เขา พายุยื่นมือออกไปรับ แตะมือของปัณณ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ความรู้สึกอุ่นไหลวูบเข้าสู่หัวใจ
“ขอบใจ” พายุลุกขึ้นยืน คืนนี้เขาจะทิ้งทุกอย่างไปก่อน พรุ่งนี้..ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร เขาจะไม่หนีความจริงอีกแล้ว
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
** ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ เรื่องนี้เป็นแนว feel good น่ารัก อบอุ่นหัวใจ ของน้องเหมียวกับสถาปนิกหนุ่มค่ะ ^^
❤ He is mine ❤ คนนี้ของเหมียว Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin