ตอนที่ 6 : เหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป“ไม่ชอบให้เราคบกับปัณณ์เหรอ” พายุแปลกใจเมื่อเห็นนารายืนอยู่หน้าห้องน้ำ ร่างโปร่งยืนพิงกำแพงด้วยท่วงท่าสบาย สีหน้าติดรอยยิ้ม
“เปล่า ทำไมนาราคิดแบบนั้น”
“ไม่รู้สิ เราอาจคิดไปเองว่าพายุมองเราแปลกๆ มั้ง”
“คิดมาก” พายุเลี่ยงคำปฏิเสธ เพราะเขายอมรับว่าพูดได้ไม่เต็มปาก เขาหงุดหงิดที่เห็นปัณณ์สนิทสนมกับนารา ปัณณ์บอกเขาว่าไม่ได้ชอบ แต่ภาพที่เห็นห่างไกลจากคำที่ได้ยินนัก
“นารามาเข้าห้องน้ำเหรอ”
“เปล่าเดินตามพายุมา”
“อ๋อ..อืม”
“เราสับสนนิดหน่อยนะ ตอนเราคิดจะค้างห้องเดียวกับปัณณ์ พายุก็ดูสนับสนุนดี แต่พอเรากับปัณณ์รู้สึกดีต่อกันขึ้นมาจริงๆ พายุเหมือนไม่พอใจเรา”
“ผมจะไม่พอใจนาราทำไม ไม่มีเหตุผล”
“งั้นเราคงคิดมากจริงๆ“ นารายืดตัวขึ้นยืนตรง “ขอโทษทีที่ถาม”
“เดี่ยวนารา” พายุเรียกนาราเอาไว้ “ที่พูดเมื่อกี้...”
“เราพูดไปตั้งเยอะ” นาราพูดแทรกขึ้นยิ้มๆ
“ที่พูดว่านารากับปัณณ์รู้สึกดีต่อกัน หมายถึงแบบไหน” พายุข้องใจ ไหนปัณณ์ยืนยันกับเขาว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ขอเราเล่นตัวตอบแบบดาราได้ไหม ก็เป็นเพื่อนกัน” นาราตั้งใจตอบคลุมเครือ เพื่อดูปฏิกิริยาของพายุ เธออยากรู้ว่าสิ่งที่เธอคิดเป็นจริงหรือไม่
“อืม”
“ทำไมพายุอยากรู้”
“ไม่มีอะไร นึกว่ามีข่าวดีจะได้ยินดีด้วย” พายุบอกปัด
“ยังหรอก แต่ถ้ามีเราบอกพายุแน่นอน เข้าไปข้างในกันเถอะ” นาราเอ่ยชวนก่อนเดินนำพายุไปที่โต๊ะ เธอมั่นใจเกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ว่าพายุมีความรู้สึกพิเศษให้ปัณณ์ ดูเหมือนฝนกำลังตั้งเค้าท่ามกลางความสัมพันธ์อันคลุมเครือนี้
“ปัณณ์” “มึงมีอะไรก็พูดมา เรียกแล้วเงียบกูจะรู้ไหม” ปัณณ์เช็ดผม มองคนนอนอยู่บนเตียง พายุมองตรงมาที่เขาด้วยสายตาจริงจัง
“ไม่มีอะไร มึงมานอนได้แล้วกูง่วง”
“ห้าทุ่มมึงง่วงแล้วเหรอวะ ง่วงก็นอน เดี๋ยวกูไปห้องไอ้ไผ่กับไอ้นนท์ จะได้ไม่กวนมึง”
“ไม่ต้อง!”
“มึงจะเสียงดังทำไมวะ กูตกใจหมด” ปัณณ์มองหน้าเพื่อนด้วยสายตาไม่เข้าใจ เมื่อจู่ๆ พายุก็ร้องห้ามเขาเสียงดัง
“กูเหงาๆ ไม่อยากอยู่คนเดียว”
“มึงง่วงเดี๋ยวมึงก็หลับ จะเหงาทำหอกอะไร กูสิต้องเหงาเพราะกูไม่ง่วง”
“ถ้ามึงเหงากูไม่นอนก็ได้ กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึงเอง สัญญาว่าจะรอจนกว่ามึงจะหลับ” สายตาของพายุอ่อนลง ปัณณ์ต้องเบือนหน้าหนี เขาพ่ายแพ้สายตาแบบนี้ สายตาที่ดั่งคำสัญญาว่าอีกฝ่ายจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
“เกินไป กูก็พูดไปงั้น มึงจริงจังไปได้”
“ถ้าเรื่องของมึงกูจริงจังเสมอ มึงก็รู้”
“เออๆ พูดมาก” ปัณณ์ตัดบท จัดการเป่าผมจนแห้ง หันไปอีกทียังเจอกับสายตาของพายุที่มองมา
“มึงจะมองให้รากกูงอกหรือไงวะ เป็นอะไร มีอะไรให้คิดนักหนา คิ้วขมวดจนจะผูกติดกันอยู่แล้ว”
“กู..” พายุนิ่งเงียบ เม้มริมฝีปากก่อนคลายออก “ช่างเถอะ เมื่อไหร่มึงจะเสร็จทำอะไรชักช้า”
“กูก็ทำของกูปกติ มึงง่วงแล้วไม่ยอมนอนเอง เสือกมาพาลกู”
“ใช่ มึงพูดถูก” พายุถอนใจออกมาเบาๆ “กูพาลมึง กูขอโทษ”
“รู้ตัวก็ดี ง่วงก็นอนไป ไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนกูหรอก กูไม่ได้เหงากูแค่พูดแซ็วมึง”
“แต่กูพูดคำไหนคำนั้น ดังนั้นถ้ามึงทำธุระของมึงเสร็จแล้ว ก็ช่วยลงมานอนด้วยเถอะ”
“ตกลงที่มึงบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนกู มันดีกับกูหรือยิ่งทำให้ชีวิตกูลำบากวะ” ปัณณ์ส่ายหัว เอาแต่ใจจริงๆ
“มาเร็ว”
“เดี๋ยว กูยังไม่ได้หวีผม”
“เยอะจริงมึง” ปัณณ์ไม่ทันตั้งตัว เมื่อร่างสูงโผนเข้ารวบตัวเขายกขึ้นพาดบ่า
“ไอ้พายุ!”
“เรียกสามีดีๆ หน่อย” ฝ่ามือหนักๆ ตีลงบนสะโพก ก่อนจะถูกโยนลงบนเตียง ปัณณ์ขยับตัวขึ้นนั่งพิงหมอน ไม่ได้โหวกเหวกโวยวายอะไร เขาไม่ใช่ผู้หญิง และพายุก็ไม่ได้ทำนิ่มนวล หรือทำเหมือนอุ้มผู้หญิงแต่อย่างใด
“เอาแต่ใจจริงนะมึง” ปัณณ์ถอนใจ คว้าหนังสือที่อ่านค้างไว้บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมา “มึงปิดไฟได้ เดี๋ยวกูเปิดโคมไฟฝั่งกูเอา แล้วมึงก็รีบๆ นอนไปเลย กูจะได้มีสมาธิอ่านหนังสือของกู”
“สั่งอย่างกับแม่” พายุจัดการปิดไฟกลางห้อง ก่อนทิ้งตัวลงนอนข้างปัณณ์
“พรุ่งนี้มึงอยากไปไหนไหม” ปัณณ์เหลือบสายตามองคนถาม ก่อนกลับมาให้ความสนใจหนังสือตรงหน้า
“มึงจะถามทำไมวะ พรุ่งนี้มึงรับปากเอยไว้ ว่าจะพาไปร้านที่อยากไปไม่ใช่เหรอ” ปัณณ์ตอบเสียงเรียบ สายตายังอยู่กับหนังสือที่อ่าน
“ก็ใช่ แต่ไปกินข้าวกลางวันก็พอแล้วมั้ง อยู่ทำไมนานวะ มึงเคยบอกว่าอยากแวะไปถ่ายรูปที่จุดชมวิวบนเขาไม่ใช่เหรอ”
“มึงจำได้เหรอ” ปัณณ์หันไปมองด้วยความแปลกใจ เขาเคยพูดไว้นานแล้วไม่ใช่ก่อนมา
“ทำไมกูต้องจำ เรื่องของมึงกูไม่เคยลืมอยู่แล้ว”
“นอนได้แล้วเพ้อเจ้อฉิบหาย” ปัณณ์โยนหมอนที่วางอยู่บนตักไปปิดหน้าพายุ อีกฝ่ายดึงออก
“เขินเหรอ”
“เขินบ้านมึงสิ กูรำคาญ” ปัณณ์ใช้เท้าถีบต้นขาพายุ ดูเหมือนเจ้าตัวจะถูกใจ เพราะหัวเราะร่วน
“เขินซาดิสม์นะมึง”
“เออ กูจะซาดิสม์กว่านี้ ถ้ามึงยังไม่เลิกรบกวนการอ่านหนังสือของกูสักที”
“มึงก็รู้ว่ากูจะกวนไม่เลิก ดังนั้นมึงควรเลิกอ่านได้แล้ว” พายุดันตัวขึ้นนั่ง ดึงหนังสือมือในมือปัณณ์ออก
“พายุ!” ไม่ว่าปัณณ์จะทำเสียงแข็งแค่ไหน ไม่ทำให้อีกคนเกรงกลัวสักนิด พายุวางหนังสือของปัณณ์ลงบนโต๊ะหัวเตียงฝั่งของตนเอง ก่อนกลับมาล้มตัวลงนอนส่งยิ้มกว้างให้กับเจ้าของหนังสือ
“นอนลงมาเร็ว กูไม่มีอะไรกอด กูนอนไม่หลับ”
“สรุปคือมึงหาหมอนข้างว่างั้นเถอะ” ปัณณ์บ่นแต่ก็ยอมขยับตัว ตบหมอนลงวางราบ ก่อนล้มตัวลงนอน
“มานี่” วงแขนแข็งแรงล็อกตัวเขาจากทางด้านหลังก่อนดึงเข้าชิด แผ่นหลังของปัณณ์สัมผัสกับแผ่นอกกว้าง รับรู้ถึงจังหวะหายใจของอีกฝ่าย
“ค่อยยังชั่ว” ลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดลงบนซอกคอ คนข้างหลังเริ่มหายใจเป็นจังหวะ แต่ปัณณ์กลับตาสว่างเพราะต้องพยายามควบคุมการหายใจของตัวเอง กลัวว่าหัวใจที่เต้นถี่จะทำให้คนที่ไม่ควรรู้ความรู้สึกของเขาเกิดความสงสัย การรักเพื่อนสนิทไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ร้อน เมื่อไหร่จะไปคะพายุ” เสียงของเอยทำให้ปัณณ์ชะงัก ลดกล้องในมือลง เขาพยายามรีบทำเวลาแล้วเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายหัวเสีย แต่ดูเหมือนว่ายังไม่เร็วพอ
“ร้อนก็ไปนั่งรอในร่มกับเพื่อนๆ ก่อน”
“เอยอยากมาเที่ยวกับพายุนะคะ ไม่ได้อยากมาเที่ยวกับเพื่อน”
“เอยพูดแบบนี้เพื่อนได้ยินจะโกรธเอา” พายุเตือนเสียงเรียบ
“ไม่โกรธหรอกค่ะ เมื่อคืนยังทักเอยอยู่เลย ว่าตกลงเอยมาเที่ยวกับแฟนแล้วพ่วงพวกมันมาด้วย หรือเอยมาเที่ยวกับพวกมันแล้วพายุกับเพื่อนมาเที่ยวกันเอง”
“เอย!!”
“พายุก็แบบนี้อะไรๆ เอยก็มาทีหลังเพื่อนพายุ” เอยโกรธจัด สะบัดหน้าเดินไปหาเพื่อนที่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ใต้ร่มไม้
“กูว่ากลับกันเถอะ ไม่งั้นจะกร่อยทั้งวัน” นนท์อดพูดไม่ได้ ลองเอยอารมณ์ไม่ดีแล้ว ใช่ว่าจะหายง่ายๆ
“เดี๋ยวก็ได้ ให้ปัณณ์มันถ่ายรูปให้เสร็จก่อน ไม่ได้แวะมาบ่อยๆ”
“กูเสร็จแล้ว กลับเถอะ” ปัณณ์เดินกลับมาสบทบ เขายืนอยู่ไม่ไกลจึงได้ยินทุกคำพูด
“มึงถ่ายไปกี่รูปเอง มายังไม่ถึงยี่สิบนาทีเลย เอยก็บ่นเกินไป”
“ไปเถอะ” ปัณณ์พูดเสียงเบาพอให้ได้ยิน ก่อนเดินตรงไปที่รถ มีนาราเดินตามหลังมาเงียบๆ
“เฮ้อ” พายุถอนใจออกมาดังๆ มาเที่ยวครั้งนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด
“ขอกูพูดอะไรหน่อยได้ไหม”
“อะไร” พายุหันไปมองไผ่ที่ยืนนิ่งอยู่นาน
“กูว่ามึงดูเอยไปเถอะ อย่าห่วงไอ้ปัณณ์มันนักเลย ก่อนที่แฟนมึงจะเปลี่ยนจากแค่ไม่ค่อยชอบเป็นเกลียดไอ้ปัณณ์แทน”
“เกลียดทำไมวะ ปัณณ์ไม่ได้ทำอะไรให้เอย มันอยู่ของมันดีๆ”
“ใช่ปัณณ์ไม่ได้ทำอะไร มันอยู่ของมันดีๆ แต่มึงทำไง”
“กูทำอะไร”
“ก็ทำอย่างที่มึงทำอยู่ตอนนี้ เหมือนที่มึงทำอยู่ทุกครั้ง คือเลือกปัณณ์ก่อนเอย”
“กูไม่ได้เลือก”
“มึงแม่งไม่รู้ตัว ขนาดพวกกูยังมองออก คิดเหรอว่าเอยจะมองไม่ออก”
“กูก็คิดเหมือนไอ้ไผ่มันนะ” นนท์แทรกขึ้นมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเกรงใจเพื่อน
“อะไรกันนักหนาวะ” พายุถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาไม่ชอบเรื่องหยุมหยิมพวกนี้
“เอาเป็นว่ามึงเทคแคร์เอยไป ส่วนปัณณ์ปล่อยให้เป็นหน้าที่กูเอง”
“ทำไมมึงพูดแปลกๆ” พายุหรี่ตาลงมองไผ่ “ไอ้ปัณณ์มันเป็นเพื่อนสนิทพวกเรา ทำไมต้องเป็นหน้าที่มึงวะ”
ไผ่ถอนใจออกมา มองพายุด้วยสายตาครุ่นคิด ก่อนพูดออกมาช้าๆ แต่ชัดเจน “เพราะกูชอบปัณณ์”
“เหี้ย!!” นนท์อุทานออกมาดังลั่น ก่อนรีบลดเสียงลงเมื่อเห็นว่ากลุ่มของเอยมองมา “มึงพูดอะไรของมึงไอ้ไผ่ มึงหมายถึงชอบแบบ..แบบไหนวะ” นนท์พูดเองยังสับสนเอง เขาจับต้นชนปลายไม่ถูก ยอมรับว่าตกใจจนคิดอะไรไม่ออก
“แบบผู้ชายชอบผู้หญิง ถ้ามึงอยากรู้นัก”
“ไอ้ไผ่!” พายุเรียกเพื่อนเสียงห้วน
“มึงจะโกรธกูทำไม” ไผ่ส่งสายตาท้าทายให้พายุ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำมือแน่น สายตาที่มองเขาแข็งกร้าว
“กูเปล่า” พายุกระแทกเสียง “กูแค่ตกใจ แปลกใจ ไม่เข้าใจเหี้ยไรเลย”
“มึง..มึงชอบผู้ชายเหรอวะไผ่” นนท์กลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่เคยคิดและไม่อยากเชื่อว่าเป็นไปได้ มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อวันก่อนเขากับไผ่ยังไปจีบหญิงด้วยกันอยู่เลย
“ใช่”
“แต่..แต่มึง”
“กูก็แค่ไม่อยากให้พวกมึงรู้ แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วกูบอกเลยง่ายกว่า พวกมึงจะได้เปิดทางให้กู”
“เปิดยังไงวะ มึงจะจีบไอ้ปัณณ์มันเหรอ มึงบ้าไปแล้ว”
“ความรักไม่มีคำว่าบ้า รักก็คือรัก มันเข้าใจยากตรงไหน” ไผ่ตอบนนท์แต่สายตาจ้องพายุ ต่างฝ่ายต่างไม่หลบตา
“มึงไม่ได้กำลังหลอกพวกกู แล้วหัวเราะทีหลังใช่ไหมวะ ตอบกูทีเถอะกูเริ่มเชื่อมึงแล้วนะ” นนท์หน้าตื่น
“กูพูดจริง ทีนี้มีใครมีปัญหาอะไรอีกไหม”
“ไม่มี” พายุตอบเสียงห้วน สีหน้าหงุดหงิดไม่สบอารมณ์
“ดี กูถือว่าพวกมึงรู้แล้ว ต่อไปก็ฝากด้วย” ไผ่มองหน้าเพื่อนทั้งสอง เมื่อไม่มีใครพูดอะไร เขาจึงสาวเท้าออกเดินตามปัณณ์ไปที่รถ
เมื่อพ้นสายตาคนอื่น ไผ่พ่นลมหายใจออกช้าๆ สีหน้ากังวล เขาไม่รู้ว่าที่ทำไปมันถูกหรือผิด ได้แต่หวังว่ามันจะให้ผลดีกับเพื่อนมากกว่าผลเสีย กูขอโทษนะปัณณ์ เพราะมึงไม่ยอมคุยกับกู กูถึงถามมึงก่อนไม่ได้ แต่กูคิดว่าวิธีนี้น่าจะดีกับมึงที่สุดแล้ว
✪✣✤✥✦✧✣✤TBC✥✦✧✣✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin