[เรื่องสั้นหลายตอนจบ] อาจารย์ครับ... บอก 'ชอบ' พวกผมหน่อยได้ไหม (อัพบทที่ 4)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้นหลายตอนจบ] อาจารย์ครับ... บอก 'ชอบ' พวกผมหน่อยได้ไหม (อัพบทที่ 4)  (อ่าน 2047 ครั้ง)

ออฟไลน์ Smog

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


[เรื่องสั้นหลายตอนจบ]
อาจารย์ครับ... บอก 'ชอบ' พวกผมหน่อยได้ไหม




"กูเบื่อ"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอาจารย์นายวะ"
"เกี่ยวดิ"
"ยังไง"
"มาจีบอาจารย์นายแข่งกันไหมพวกมึง"



ถ้าเด็กอย่างพวกผมจะลองจีบอาจารย์สักครั้งมันก็ไม่ผิดป่ะวะ


เมื่อความรักจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป


"มึงมีอะไรจะสารภาพกับพวกกูไหม"
"เอ่อ... คือกู... เอ่อ... กูเป็น..."
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2017 22:36:49 โดย Smog »

ออฟไลน์ Smog

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องสั้นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น
ทั้งชื่อตัวละคร สถานที่ หรือเหตุการณ์ต่างๆ ถูกสมมติขึ้นมาเพื่อความบันเทิง
ผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน






“ถ้าเกิดพวกมันรู้ความจริงขึ้นมา… จะไม่ไล่ฆ่าผมเลยเหรอวะ”


1
เริ่มแผน


“พวกมึง…”

‘ภาค’ ที่นั่งอยู่ริมขอบหน้าต่างพูดขึ้นมาท่ามกลางวงสนทนาที่เพื่อนทั้งสองคนของเขากำลังจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำตรงหน้าโดยไม่มีทีท่าว่าใครจะสนใจเสียงร้องเรียกเลยแม้แต่น้อย

ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเข้าเรียน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนในห้องจะยืนจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรส รอจนกว่าเสียงสัญญาณออดดัง ถึงจะได้ฤกษ์สลายตัวไปนั่งประจำที่ของตัวเอง

“…”

“สนใจกูหน่อยดิวะ”

“กูก็สนใจมึงอยู่นี่ไง มีอะไรก็พูดมา”

น้ำเสียงเอือมระอาของ ‘มิล’ บอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่ได้สนใจคำพูดตัดพ้อใดๆ ของภาคเลยสักนิดเดียว นอกเสียจากเครื่องมือสื่อสารที่ปรากฏภาพเกมยอดฮิตที่ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปจากหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือได้

“มึงไม่เคยเรียนเรื่องมารยาทในการฟังเหรอวะว่าต้องมองหน้าผู้พูดอ่ะ”

“เคย แต่กับมึงทำไมกูต้องมีมารยาทด้วยวะ”

“อ้าวเฮ้ย พูดอย่างนี้ก็สวยสิไอ้หมามิล นี่มึงหลอกกำลังด่ากูว่าเป็นคนไม่มีมารยาทอยู่นะ”

“เร็วๆ เถอะ จะพูดอะไรก็พูดมา ลีลาจนน้ำลายเปียกหัวไอ้สนุกหมดละ”

คนที่ถูกพาดพิงถึงกับเงยหน้าขึ้นมาจากสมุดการบ้าน มือไม้ปัดป้องหัวตัวเองเต็มที่ ก่อนจะหันไปขึงตาใส่ภาคที่นั่งอยู่เหนือหัวอย่างคาดโทษ

“มึงก็เว่อร์ไปไอ้มิล” พูดพร้อมกับปาเศษกระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนใส่อีกฝ่าย “กูแค่จะถามว่าอาจารย์ประจำชั้นคนใหม่ของพวกเราชื่ออะไร” เพราะสายตาของภาคดันไปเห็นบุคคลที่สามกำลังเดินเข้ามาในโรงเรียนพอดิบพอดี ทำให้เจ้าตัวเกิดความคิดพิสดารบางอย่างขึ้นมาในหัว

“มึงจะถามไปทำไมวะ”

“เออน่า ตอบกูมาก่อน เดี๋ยวกูบอกพวกมึงทีหลัง” พอโดนภาคตื๊อ มิลก็เลยตอบออกไปส่งๆ อย่างตัดรำคาญ

น่าแปลกที่คำถามนี้สามารถเรียกความสนใจจากมิลได้เป็นอย่างดี จนคนที่ตอนแรกเอาแต่สนุกกับเกมในโทรศัพท์มือถือถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมามองคนถามพลางขมวดคิ้วมุ่นเพราะไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะอยากรู้ไปทำไม

“นาย”

“เออใช่! อาจารย์นาย” ภาคร้องลั่นเมื่อในที่สุดเขาก็ได้รับคำตอบในสิ่งที่ต้องการ

“แล้วสรุปมึงจะบอกกูได้หรือยังว่าอยากรู้ไปทำไม”

“นั่นดิ”

และไม่ใช่แค่มิลเท่านั้นที่สงสัย ‘สนุก’ ที่กำลังก้มหน้าก้มตาปั่นการบ้านอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะอีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะได้เวลาเข้าเรียนคาบแรกแล้ว ถึงกับจำยอมละจากงานตรงหน้าขึ้นมามองภาคด้วยสายตางุนงงไม่แพ้กัน

“กูเบื่อ” ภาคบอกพร้อมกับไหวไหล่ แต่นั่นกลับทำให้เพื่อนทั้งสองคนของเขาขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอาจารย์นายวะ”

“เกี่ยวดิ”

“ยังไง” มิลถาม

“…มาจีบอาจารย์นายแข่งกันไหมพวกมึง”

“เฮ้ยยยยย! / ไร้สาระ”

จบประโยคที่ภาคตอบมาเป็นประโยคคำถาม คนฟังก็ผสานเสียงออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย หากแต่ระดับความตกใจนั้นกลับแตกต่างกันลิบลับ

“ไร้สาระตรงไหนไอ้มิล”

“ก็มึงจะไปเสียเวลาจีบเขาทำไมวะ”

“โธ่ กูก็นึกว่าเรื่องอะไร คิดซะว่าหาอะไรสนุกๆ ทำระหว่างอยู่ม.ห้าก็แล้วกัน ไหนๆ ปีหน้าก็ขึ้นม.หก คงไม่มีเวลาว่างมาเล่นอะไรแบบนี้แล้ว”

“และถ้าเกิดอาจารย์นายมีแฟนแล้วล่ะ”

“เชื่อกู ยังไม่มีหรอก”

“มั่นใจอะไรขนาดนั้นวะ” มิลเหลือบตามองภาคอย่างประเมินสถานการณ์

“ถ้ามีพวกเราก็ต้องรู้แล้วป่ะ ข่าวแบบนี้แม่งกระจายไวจะตาย”

“และทำอย่างอื่นที่มันสร้างสรรค์กว่านี้จะไม่ดีกว่าเหรอวะ”

“ถ้าอย่างนั้นพวกมึงมีอะไรที่น่าทำมากกว่านี้ไหมล่ะ”

“ไม่อ่ะ / ไม่” ทั้งคู่ส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกัน

“เห็นมะ เอาน่ามึง จีบขำๆ ใครจีบติดก็ถือว่าโชคดีไป ได้อาจารย์เป็นแฟนดีออกนะเว่ย จะได้ให้ช่วยติวหนังสือสอบไง”

“แล้วมึงคิดว่าเด็กอย่างพวกเราเนี่ยอาจารย์นายจะสนใจเหรอวะ” สนุกแสดงความคิดเห็นบ้างหลังจากที่เงียบฟังภาคกับมิลถกเถียงกันอยู่นาน

“มึงก็อีกคนไอ้สนุก ไปบ้าจี้ตามไอ้ภาคมันทำไม” ว่าจบมิลก็เขกหัวเพื่อนไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้

“งั้นเอาอย่างนี้ไหมพวกมึง” แล้วอยู่ๆ ภาคก็โพล่งขึ้นมา เรียกความสนใจจากเพื่อนทั้งสองคนให้หันกับไปมองที่ตัวเองอีกครั้ง “ถ้าใครชนะไม่ต้องทำการบ้านปิดเทอม ให้คนแพ้ทำ…”

“โอเค! กูตกลง”

“อ้าวเฮ้ย! อะไรของมึงเนี่ยไอ้เชี่ยมิล ไหนเมื่อกี้มึงบอกว่าไร้สาระไง”

“เออ กูบอก แต่ถ้ามึงพนันด้วยเรื่องนี้ กูว่าแม่งไม่ไร้สาระว่ะ”

“ถุย!” ภาคทำท่าถ่มน้ำลายใส่มิลที่นั่งห่างจากตัวเองไปหนึ่งช่วงโต๊ะ “เห็นดีเห็นงามขึ้นมาเชียวนะมึง เอาไงไอ้สนุก เหลือมึงคนเดียวแล้วนะ” พูดพร้อมกับเบนสายตามายังสนุกที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเขากับมิล

“ก็ถ้าพวกมึงไม่ปฏิเสธ… คนเชี่ยๆ อย่างกูจะปฏิเสธเหรอวะ”

“ง่อววว” ภาคทำเสียงล้อเลียนหลังจากที่อีกฝ่ายตอบตกลงพลางยกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ “โอเค งั้นตกลงตามนี้”

แล้วแผนปฏิบัติการจีบอาจารย์นายก็เริ่มต้นขึ้น…










ฝากเรื่องสั้นหลายตอนจบเรื่องแรกของคนเขียนไว้ด้วยนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ มาลุ้นกันว่าใครจะจีบอาจารย์นายติด อิๆ ♥

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2017 12:05:58 โดย Smog »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อะไร ยังไงกัน มีใครแอบชอบอาจารย์อยู่รึป่าว รอจ้า   :hao7:

ออฟไลน์ Smog

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
2
อาจารย์นาย (นรากร นำเกียรติ)


ออดดดดดดดด!

เมื่อเสียงสัญญาณออดดัง ผมที่นั่งจิบกาแฟดำรอเวลาอยู่ในห้องพักอาจารย์ก็แหงนหน้ามองนาฬิกาติดฝาฝนังอีกครั้งด้วยความเคยชิน ก่อนจะคว้าแฟ้มสีฟ้าที่ข้างในมีใบรายชื่อนักเรียนห้องม.5/3 ขึ้นมาถือไว้ในมือพลางวางถ้วยกาแฟที่มีน้ำสีดำเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งลงบนโต๊ะ ไม่นานก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะปิดไฟปิดพัดลม ผมทำแบบนี้มาตลอดหนึ่งสัปดาห์ และนี่ก็เป็นสัปดาห์ที่สองแล้วที่ผมยังคงทำแบบเดิมซ้ำๆ

ก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นอาจารย์สอนพิเศษให้กับโรงเรียนกวดวิชาชื่อดังแห่งหนึ่งตั้งแต่สมัยเรียนจบใหม่ๆ ส่วนอายุของผมตอนนี้ก็ปาเข้าเลขสามไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นเรื่องประสบการณ์ในการสอนไม่ต้องพูดถึง ค่อนข้างโชกโชนเลยทีเดียว และการที่ผมมายืนอยู่ที่นี่ในเวลานี้ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ใช่แล้วล่ะครับ อย่างที่ทุกคนคาดเดากันนั่นแหละ

ผมมาเป็นอาจารย์ประจำชั้นคนใหม่ห้องม.5/3 และก็ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการโรงเรียนที่ดันไปรู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัวว่าในช่วงระหว่างนี้ให้ผมช่วยสอนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานซึ่งเป็นวิชาถนัดของผมไปก่อน เพราะยังหาใครมาแทนอาจารย์คนเก่าที่เพิ่งลาออกไปอย่างกะทันหันไม่ได้

บอกตามตรงผมชอบการสอนแบบนอกโรงเรียนมากกว่า สอนเสร็จก็ต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน ไม่ต้องมานั่งรับผิดชอบหรือฟังปัญหาสารพัดอย่างจากพวกเด็กๆ แต่ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น ตอนนี้ผมก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนักหรอก ในเมื่อตกปากรับคำออกไปแล้วว่าจะช่วย เพราะฉะนั้นคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ อีกอย่างที่นี่ก็ให้เงินเดือนเยอะเกินคุ้มอีกต่างหาก แถมคนรู้จักผมก็เรียนอยู่ที่นี่ด้วย จึงเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นเขาในบทบาทของนักเรียนบ้าง

และเมื่อเดินมาถึงห้องเป้าหมาย ภาพตรงหน้าที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาเป็นอย่างแรกก็ไม่ได้ต่างไปจากทุกวันที่เจอเท่าไหร่

นี่ผมต้องมายืนมองฝูงลูกลิงคุยกันเจี๊ยวจ๊าวแบบนี้ทุกเช้าเลยเหรอวะ… แสบแก้วชะมัด

พอตั้งสติได้ว่านี่ไม่ใช่เวลามายืนถอนหายใจทิ้ง ผมก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะหยุดยืนหน้าชั้นเรียนพลางวาดมือออกไปหยิบแปรงลบกระดานที่วางอยู่ทางด้านหลังมาเคาะลงบนโต๊ะอีกสองสามที

“จะเลิกคุยกันได้หรือยัง” ผมถามเสียงเข้ม “นั่งที่กันได้แล้ว ทำอย่างกับไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นเดือน แล้วไหนหัวหน้าห้อง ไม่สั่งทำความเคารพเหรอครับ”

“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ”

“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ”

“ต้องให้บอกกันอยู่เรื่อยเลยนะพวกคุณเนี่ย”

กล่าวทักทายนักเรียนในห้องด้วยการบ่นยืดยาวเสร็จผมก็ขานชื่อเรียงตามลำดับเลขที่เพื่อเช็กว่าวันนี้ใครขาดเรียนบ้าง หลังจากนั้นถึงเข้าเรื่องที่จะพูดในชั่วโมงโฮมรูมต่อไป

“ใครเป็นเวรวันศุกร์ครับ ยกมือขึ้นหน่อยซิ”

ผมตะโกนถามพลางกวาดสายตามองไปทั่วเพื่อดูโฉมหน้าเวรทำความสะอาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

“มีเพื่อนของพวกคุณมาฟ้องผมว่ามีคนโดดเวร… ไหนใครรู้ตัวว่าเป็นหนึ่งในนั้นให้ยกมือค้างไว้ ส่วนคนอื่นเอามือลงได้”

แล้วก็เป็นไปตามคาด กลุ่มริมหน้าต่างหลังห้องเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่นับวันยิ่งเอาใหญ่ เพราะตั้งแต่ผมมาเป็นอาจารย์ประจำชั้น เท่าที่สังเกตดูกลุ่มนี้ท่าทางจะแสบใช่เล่น

ผมลอบถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เปลี่ยนท่ามายืนกอดอกพลางจ้องหน้าเด็กทั้งสามคนนั้น

“ภาคิน ชวกร รามิล… ทำไมพวกคุณถึงโดดเวร”

ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเวลาเพียงหนึ่งอาทิตย์ผมถึงจำชื่อจริงพวกเขาแม่น ก็เล่นให้ผมเรียกทุกชั่วโมงโฮมรูมที่เจอหน้ากันแบบนี้เป็นใครก็คงจำได้ขึ้นใจ

“ผมนึกว่าวันนั้นเป็นวันพฤหัสครับ”

ภาคินตอบคำถามผมเป็นคนแรกด้วยใบหน้าอมยิ้ม ดูก็รู้ว่ามันจงใจกวนตีนผม และเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับเด็กนั่นให้เสียเวลา ผมเลยพยักพเยิดหน้ามาถามเด็กผู้ชายที่ใส่แว่นเพียงคนเดียวในกลุ่มแทน

“แล้วคุณล่ะชวกร”

“ภาคินบอกผมว่าวันนั้นเป็นวันพฤหัสครับ”

“และคุณก็เชื่อภาคินอย่างนั้นเหรอ”

“ครับ ก็ภาคินเป็นเพื่อนผม”

“โอเคๆ เอามือลงได้” ผมลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้ง อะไรมันจะซื่อตรงขนาดนั้นวะ ก่อนจะเบนสายตาไปยังเด็กหนุ่มคนสุดท้ายที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับมาแต่ไกล “ทำไมเมื่อวันศุกร์คุณถึงโดดเวร…รามิล”

“ผมขี้เกียจ เลยกลับบ้านพร้อมไอ้พวกนี้”

“เฮ้อ! เหตุผลน่าฟังกันทั้งนั้นเลยนะ ความจริงผมก็ไม่อยากจะลงโทษพวกคุณนักหรอก แต่เพื่อไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีก ผมจึงจำเป็นต้องเชือดไก่ให้ลิงดู” ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ สายตานับสิบคู่จับจ้องมายังผมอย่างลุ้นระทึก “พวกคุณทั้งสามคนต้องทำความสะอาดห้องเรียนแทนเพื่อนๆ ทั้งอาทิตย์”

“โหววว!” พูดยังไม่ทันจบประโยคดีเลยด้วยซ้ำ เสียงบ่นของภาคินก็ดังแทรกขึ้นมา “ไหนอาจารย์เคยบอกว่าคนไม่รู้ไม่ผิดไงครับ”

“แต่ตอนนี้พวกคุณรู้แล้วนี่ว่าวันนั้นเป็นวันศุกร์… ไม่ใช่วันพฤหัส”

“อาจารย์…” ภาคินลากเสียงยาว เด็กนั่นเบะปากคว่ำอย่างไม่ชอบใจ “แต่แบบนี้มันไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอครับ ทำทั้งอาทิตย์ผมว่าเยอะเกินไปนะ”

“ไม่ต้องมาโหยหวนเลย แล้วผมจะมาตรวจดูทุกเย็น เข้าใจไหม”

“เข้าใจแล้วครับ”

“ดีมาก เอ่อ แล้วก็ภาคิน…” เอ่ยชมทั้งสามคนแบบไม่จริงใจเสร็จผมก็หาเรื่องบ่นเด็กนี่ต่อ “คุณควรหัดทำการบ้านด้วยตัวเองบ้าง อย่าเอาแต่ลอกคนอื่น เดี๋ยวมันจะกลายเป็นนิสัยแย่ๆ ติดตัวคุณไป รู้หรือเปล่า”

“…”

ภาคินไม่ตอบ ทำเพียงฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้ผม ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่ชวกรที่นั่งอยู่ข้างๆ

ดูมัน บ่นขนาดนี้แล้วยังไม่สำนึก ทำไมเด็กสมัยนี้มันมันพูดยากพูดเย็นจังวะ

“ส่วนรามิล…” เรียกชื่อเด็กอีกคนพลางชี้นิ้วไปยังเจ้าตัว “เลิกโดดเรียนแล้วแอบไปนอนที่ห้องพยาบาลได้แล้ว หัดเข้าเรียนซะบ้าง ถ้าเกิดโดดเรียนบ่อยอย่างนี้ตอนปลายเทอมอาจจะไม่มีสิทธิ์สอบนะ พอถึงตอนนั้นใครก็ช่วยคุณไม่ได้”

“รู้แล้วน่า จะบ่นอะไรนักหนาเนี่ย”

รามิลตอบเสียงเรียบพลางเบือนหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้มารยาท ถ้าไม่พอใจทีหลังก็อย่าโดดเรียนให้ต้องมาตามบ่นสิวะ

“โอเค งั้นวันนี้ผมก็มีเรื่องพูดแค่นี้แหละ”

ว่าจบผมก็กวักมือเรียกชวกรที่ส่งแบบบันทึกการอ่านมาเป็นคนสุดท้ายของห้องให้ช่วยยกกองสมุดพวกนี้ไปไว้ที่โต๊ะผมในห้องพักอาจารย์ให้ที เด็กนั่นทำตาเป็นประกายก่อนจะหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนทั้งสองคนราวกับว่าตัวเองกำลังเป็นต่ออยู่

แค่โดนใช้ให้ยกของต้องดีใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ

ผมเกาหัวด้วยความมึนงง แต่เวลาปกติชวกรก็ดูเป็นคนขาดๆ เกินๆ อยู่แล้ว ผมเลยไม่ได้ถามอะไรให้มากความ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นว่านำพาเรื่องปวดหัวมาให้ตัวเองแทน และพอไหว้วานอีกฝ่ายเสร็จ ผมก็เดินออกมาจากห้องเรียนทันที แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินไปถึงห้องพักอาจารย์เลยด้วยซ้ำ แรงสั่นสะเทือนของเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้น ผมลวงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบเจ้าตัวการขึ้นมาดูก็เห็นสัญลักษณ์แจ้งเตือนไลน์ปรากฏบนหน้าจอ

ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าใครทักแชทมา

ไอ้ดื้อ : ตั้งใจทำงานนะครับอาจารย์นาย
ไอ้ดื้อ : (สติ๊กเกอร์ชูสองนิ้ว)


แล้วรอยยิ้มของผมก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าหลังจากที่อ่านข้อความนั้นจบ ผมส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงไว้ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ถึงปากจะบอกว่าน่าเบื่อไปบ้างที่ต้องมาทำงานในโรงเรียนแบบนี้ แต่การที่ได้เห็นหน้าไอ้ดื้อทุกวันในคาบเรียนก็พลอยทำให้ผมลืมความเหนื่อยหน่ายที่ต้องเจอในแต่ละวันไปเลย

ผมกดส่งสติ๊กเกอร์ไลน์ตอบกลับไป ก่อนจะยัดโทรศัพท์มือถือเก็บลงในกระเป๋ากางเกงตามเดิมแล้วเดินเข้าไปในห้องพักอาจารย์เพื่อเตรียมตัวสอนคาบถัดไป…



หลังจากสนุกกลับมาที่ห้องเรียน

“พวกมึงยังคิดจะจีบอาจารย์นายกันอีกเหรอวะ” ยังไม่ทันได้หย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้ดี เสียงบ่นกระปอดกระแปดของสนุกก็ดังขึ้นมาพร้อมๆ กับสีหน้าเข็ดขยาด “บ่นแบบนี้ใครได้เป็นแฟนหูชาตายห่า”

“โหยยย! เล่นดิวะ แค่นี้มึงป๊อดแล้วเหรอไอ้สนุก”

“เฮ้ย! ไม่ใช่แบบนั้นเว่ย กูแค่ถาม”

“มึงดูไอ้เชี่ยมิล ขนาดมันที่ไม่ค่อยสนใจอะไรยังไม่ค้านเลย เปิดโทรศัพท์เล่นเกมสบายใจเฉิบอีกแล้วมั้งน่ะ คิดซะว่าจีบขำๆ จบป่ะ”

“เออ! จบก็จบ”





ถ้าคุณสามารถเลือกได้ว่าอยากให้ใครสักหนึ่งจีบอาจารย์นายติด
คุณจะเลือกใคร ?

A : ภาค (ภาคิน สุปัญญา) - หัวโจกของกลุ่ม ชอบเล่นอะไรแผลงๆ
B : สนุก (ชวกร พิษณุวัชร์) - เด็กแว่นจอมซื่อ อ่อนโยน เชื่อคนง่าย
C : มิล (รามิล วรวิบูล) - เงียบขรึม ไม่ค่อยพูด สนใจเกมมากกว่าผู้หญิง

เลือกเสร็จแล้วเก็บชื่อเขาคนนั้นไว้ในใจ
หลังจากนี้เราไปลุ้นกันต่อว่าคนที่คุณเลือกใช่คนเดียวกับอาจารย์นายหรือเปล่า








บทที่ 2 ตามมาติดๆ เลยค่ะ
ใครอยู่ทีมไหนกันบ้างคะ #ทีมภาค #ทีมสนุก #ทีมมิล
แต่คนเขียนนี่ #ทีมอาจารย์นาย ค่ะ อิๆ
แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ ♥
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-01-2017 12:05:31 โดย Smog »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ใครคือไอ้ดื้อ ไอ้ดื้อคือใคร???
ใช่รามิลรึป่าว เงียบๆนี่นาสงสัย #ทีมรามิล   :katai2-1:

ออฟไลน์ Smog

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
3
ภาค (ภาคิน สุปัญญา)


หลังเลิกเรียน

“พวกมึง อย่าเพิ่งกลับ” ผมเรียกเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บอุปกรณ์การเรียนยัดใส่ใต้โต๊ะ หลังจากที่ช่วยกันคนละไม้คนมือเก็บกวาดห้องเรียนตามคำสั่งของอาจารย์นายเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ก็ได้เวลาแยกย้ายกลับบ้านแล้ว หากแต่ผมรั้งพวกมันเอาไว้ก่อน “จับฉลากกัน”

“จับทำไมวะ”

มิลที่เก็บของเสร็จก่อนใครหันมาถามผมด้วยใบหน้าแปลกใจ แววตาจ้องมองอย่างจับผิดก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์จากในกระเป๋ากางเกงนักเรียนออกมาแล้วกระโดดขึ้นนั่งบนโต๊ะโดยไม่เกรงกลัวสายตาของอาจารย์เลยสักนิดเดียว

ถ้าให้ผมเดา… แม่งต้องเล่นเกมอีกตามเคย ไอ้ห่านี่ติดเกมยิ่งกว่าติดสาว เอาตรงๆ นะ ผมยังไม่เคยเห็นมันสนใจผู้หญิงคนไหนเลยนอกจากเกมในโทรศัพท์มือถือ

“จับฉลากไงว่าใครจะเป็นคนได้จีบอาจารย์นายก่อน” ผมบอก

“แบ่งคนละวันเลยเหรอวะ” สนุกถามบ้างหลังจากที่มันเก็บของทุกอย่างบนโต๊ะจนเกลี้ยง

“เออดิ จีบพร้อมกันได้แย่งกันตายห่า”

พูดจบผมก็ก้มหน้าลงไปทำฉลากอย่างตั้งอกตั้งใจ เขียนหมายเลขหนึ่งถึงสามลงไปบนกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ฉีกรอไว้อยู่ก่อนแล้ว หลังจากนั้นก็พับเป็นทบๆ

“ไอ้ภาค” มิลเรียกขัดจังหวะผมให้ต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง มันปรายตามาแวบหนึ่งก่อนจะว่าต่อ “เรื่องเรียนมึงเคยพยายามแบบนี้ไหมวะ”

“โธ่ อย่างกูระดับไหนแล้ว… เล่นเป็นหลัก หลับเป็นรอง เรื่องเรียนไว้ก่อน เล่นๆ หลับๆ เสร็จแล้วค่อยเรียนเว่ย”

“เกือบละ”

“เกือบอะไรของมึงวะไอ้มิล”

“เกือบดี เพราะทั้งประโยคที่มึงพูดมาแม่งเชี่ยหมดเลย” มันบอกพร้อมกับส่ายหน้าเอือมระอา

“อ้าววว นี่มึงหลอกด่ากูอีกแล้วนะไอ้เพื่อนเลว”

“เร็วๆ เถอะ จะให้จับฉลากอะไรก็ว่ามา กูจะรีบกลับบ้าน”

“เออๆ เสร็จแล้วๆ ไม่ช่วยกูแล้วยังเสือกจะมาเร่งอีกนะ” ไม่นานผมก็ยื่นฉลากที่วางอยู่ในมือให้สนุกที่ยืนใกล้ผมมากที่สุดจับก่อน มันทำหน้าครุ่นคิดหนัก พอตัดสินใจได้มันก็หยิบฉลากในมือผมออกไปหนึ่งอัน “อย่าเพิ่งเปิดนะ เดี๋ยวเปิดพร้อมกัน” ผมพูดห้ามก่อนจะเดินไปหามิลที่นั่งอยู่บนโต๊ะตัวถัดไปพลางยื่นฉลากที่เหลือไปตรงหน้ามัน “ตามึงละ”

มิลเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือ มันหยิบฉลากอันหนึ่งไปโดยไม่มีการลังเล เพราะฉะนั้นอันที่เหลือก็เป็นของผม หลังจากนั้นพวกเราทั้งสามคนก็พยักหน้าให้กันเป็นสัญญาณก่อนจะต่างคนต่างเปิดฉลากของตัวเอง

“กูได้หมายเลขสอง”

และยังไม่ทันที่ผมจะเปิดฉลากเสร็จดีด้วยซ้ำ สนุกก็โพล่งออกมาเสียงดังลั่นด้วยใบหน้าตื่นเต้นพลางชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมาดูว่าผมได้เลขอะไร แต่เสียงราบเรียบของมิลก็เรียกสายตาพวกเราสองคนให้หันไปมองหน้าคนพูดเสียก่อน

“กูได้สาม” มันบอกพร้อมกับชูฉลากให้ดู

“งั้นกูก็คนแรกสิวะ”

“เออ ตามนั้น” มิลยักคิ้วก่อนจะก้มหน้าลงไปกดโทรศัพท์ต่อ

“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าใครแพ้ใครชนะ” สนุกทำหน้ามึน มันถามต่อถึงกติกาที่ยังไม่ค่อยเคลียร์

“กูคิดกติการมาละ” ผมบอกพลางยกยิ้มอย่างมีเลศนัย เรื่องคิดแผนนี่ต้องเป็นหน้าที่ผม

“ยังไง” สนุกทำหน้าสงสัย ส่วนมิลก็เหล่หางตามามองที่ผมราวกับรอฟังคำตอบเหมือนกัน

“ใครสามารถทำให้อาจารย์นายพูดคำว่าชอบกับตัวเองได้… คนนั้นชนะ แต่กรณีที่ถามอาจารย์นายว่าชอบไอศกรีมไหม แล้วเขาตอบว่าชอบ อันนี้ไม่นับนะเว่ย” ผมพูดดักคอไว้ก่อน

“อ้าววว” สนุกร้องเสียงหลง อย่าบอกนะว่ามันคิดจะใช้วิธีนี้จริงๆ แหม! เกิดฉลาดขึ้นมาหรือไงไอ้แว่นสนุก “แล้วแบบไหนถึงนับวะ” มันถามต่อ

“ก็อย่างเช่น…ชอบที่มึงเป็นคนสนุก ชอบที่มึงเป็นคนยิ้มง่าย หรือว่าชอบเวลาที่อยู่กับมึงอะไรทำนองเนี่ย” พูดไปสนุกก็พยักหน้าหงึกหงักตามไปด้วย “สังเกตง่ายๆ พูดชอบอะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับตัวมึงถือว่านับหมด โอเคป่ะ”

“โหยยย! ยากว่ะ”

“ยากๆ นี่ดิดี ง่ายๆ มันจะไปเร้าใจอะไรวะไอ้สนุก อีกอย่างของพนันเราคือการบ้านปิดเทอมเลยนะเว่ย”

“เออ ก็ได้ๆ กูโอเคก็ได้”

“แล้วมึงอ่ะไอ้มิล โอเคป่ะ”

ผมเรียกชื่อเพื่อนอีกคนที่เอาแต่นั่งเงียบกดโทรศัพท์ยิก แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รู้ว่ามันเอียงหูฟังอยู่

“อืม” มิลรับคำในลำคอเบาๆ ผมจึงตอบกลับไปด้วยถ้อยคำสั้นๆ เช่นกัน

“โอเค ดีล”



เช้าวันถัดมา

แน่นอนว่าผมมีแผน การจะสร้างความสัมพันธ์กับใครสักคนมันก็ต้องมีเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่ทำให้เราใกล้ชิดสนิทสนมกับคนคนนั้นมากขึ้น เพราะหลังจากที่ผมนั่งคิดนอนคิดมาตลอดทั้งคืนก็ได้ข้อสรุปว่า ‘รถ’ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

และเมื่อผมเดินเข้ามาในโรงอาหาร สายตาดุจเหยี่ยวของผมก็ปะทะเข้ากับเป้าหมายพอดี เลยคิดว่านี่เป็นโอกาสเหมาะที่ผมจะแสดงละครฉากใหญ่หลอกล่ออาจารย์นายให้ติดกับดักเพราะตอนนี้คนในโรงอาหารยังน้อยอยู่

“อาจารย์นายครับ ผมขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”

คนถูกเรียกชื่อเงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าวของตัวเอง เขาทำหน้าเซ็งๆ เมื่อถูกผมขัดจังหวะ ผมเลยฉีกยิ้มกว้างส่งไปให้เพื่อทำให้สถานการณ์ตรงหน้าดีขึ้น

“มีอะไรก็รีบๆ พูดมา” คนอายุมากกว่าบอกเสียงห้วน ดูท่าเขาจะรำคาญผมน่าดู

“แหม ผมมาทักทายอาจารย์บ้างไม่ได้เลยหรือไงครับ”

“มันก็ได้อยู่หรอก แต่ปกติคุณไม่เคยทำ”

อื้อหือออ! แค่ดอกแรกผมก็รู้แล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างผมกับอาจารย์นายติดลบขนาดไหน

ในสายตาอาจารย์นี่ผมเลวมากเลยใช่ไหมครับ…

จริงๆ ผมมีความลับอยู่ข้อหนึ่งที่ไม่ได้บอกให้ใครรู้คือ บ้านญาติผมกับบ้านอาจารย์นายอยู่ซอยเดียวกันครับ

ผมรู้เรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ปิดเทอมหน้าร้อนปีที่ผ่านมา ผมไปเยี่ยมญาติแถวนั้นพอดี เลยบังเอิญเจออาจารย์นายเดินเข้าออกซอยบ่อยๆ ตอนนั้นผมก็จำได้แค่หน้าแหละครับ ชื่อแส้อะไรไม่รู้หรอก จนกระทั่งมาเจอกันอีกครั้งเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมถึงนึกออก

“คืออย่างนี้ครับอาจารย์…”

“นั่นไง ผมว่าแล้วว่าคุณต้องมาทักเพราะมีผลประโยชน์” อาจารย์นายมองผมด้วยสายตาจับผิด ยังคงฉลาดเป็นกรดเหมือนเดิมเลยสินะ

“อาจารย์ฟังผมก่อนสิครับ” ผมแสร้งทำหน้าสงสาร ก่อนจะเกาะแขนแกร่งของอาจารย์นายแน่น และพอได้มาอยู่ใกล้ๆ ในรัศมีห่างแค่ฝ่ามือก็ถึงได้รู้ว่าอาจารย์แม่งโคตรหล่อออ! “…คือผมแค่จะชวนอาจารย์นายไปงานรถแข่งด้วยกันอ่าครับ”

ส่วนความลับข้อที่สองที่ผมรู้คือ อาจารย์นายชอบดูการแข่งรถมากครับ อันนี้ผมบังเอิญไปได้ยินมาจากอาจารย์นเรศตอนที่เข้าไปส่งการบ้านในห้องพักอาจารย์พอดีว่าอาจารย์นายชอบไปดูการแข่งรถบ่อยๆ

“แล้วทำไมผมต้องไปกับคุณด้วย”

“ก็ผมโดนอาจารย์นเรศสั่งให้ทำรายงานส่งนี่ครับ” ผมบอกเสียงอ่อย คนตรงหน้าเลยหรี่ตามองผมอย่างจับผิด

“จริงๆ นะครับ”

ผมเลยต้องย้ำเสียงหนักแน่น เพราะมีโอกาสที่อาจารย์นายจะไปถามอาจารย์นเรศ แต่ในเมื่ออาจารย์นเรศลาพักร้อนไปต่างจังหวัดหลายวัน แล้วอาจารย์นายจะกล้าโทรไปถามเรื่องงานในนี้เหรอ อย่างมากก็คงถามหลังจากที่อาจารย์นเรศกลับมาแล้ว ป่านนั้นผมคงได้เดทกับอาจารย์นายเรียบร้อยไปละ

“นะครับอาจารย์ ถ้าผมไปคนเดียวแล้วเกิดคนที่บ้านรู้ขึ้นมามีหวังผมได้ตายคาไม้ฟุตเหล็กแน่ๆ แต่ถ้าโกหกว่าไปกับลุงของเพื่อน ยังไงเขาก็ให้ไปครับ”

“ลุง?” อาจารย์นายขมวดคิ้วยุ่งเมื่อผมเรียกเขาแบบนั้น “ผมไปเป็นลุงของเพื่อนคุณตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เมื่อกี้ครับอาจารย์”

“ไอ้ภา…”

“นะครับอาจารย์นาย…” ผมเบะปาก คราวนี้ทำหน้าอยากร้องไห้สุดฤทธิ์ มือที่เกาะแขนอาจารย์นายอยู่ก็ออกแรงบีบพลางเขย่าไปมาอย่างออดอ้อน

“เออ ไปก็ไป แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ต่อไปหัดเลือกหัวข้อที่มันหาข้อมูลง่ายกว่านี้หน่อย อย่าทำอะไรเกินตัว มันจะพลอยทำให้คนอื่นลำบากไปด้วย”

“ครับผม เข้าใจแล้วครับ”



ตกเย็นวันนั้น

ผมกับอาจารย์นายเลือกนั่งรถแท็กซี่ไปยังสนามแข่ง เพราะเขาบอกผมว่าขี้เกียจขับรถไปเอง ซึ่งผมก็ไม่มีหน้าไปงอแงอะไรได้อยู่แล้ว

และอยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของอาจารย์นายก็ดังขึ้น เรียกให้ผมที่นั่งอยู่ข้างๆ หันไปมอง ก่อนที่เขาจะกดรับสายและกรอกเสียงพูดตามลงไป

“ฮัลโหล”

[…]

“อยู่บนรถแล้ว”

[…]

“ไม่ดึก”

[…]

“ทำไงได้ล่ะ”

[…]

“อย่างอแงดิ”

[…]

“ถึงบ้านแล้วเดี๋ยวบอก”

[…]

“อืม บาย”

คลิก!

หลังจากที่อาจารย์นายคุยเสร็จผมก็ขออนุญาตละลาบละล้วงเรื่องของคนข้างกายตัวเองสักหน่อย เพราะถ้าเกิดเขามีแฟนแล้ว การเดทของพวกผมทั้งสามคนกับอาจารย์นายก็คงจะไม่มีความหมายอีกต่อไป

“ใครเหรอครับอาจารย์” ผมแกล้งถามออกไปอย่างซื่อๆ

“แมวที่บ้านน่ะ”

“แมว?” แต่คำตอบของเขากลับทำให้ผมทำหน้าฉงนหนักกว่าเดิม

“อืม เวลาฉันไม่อยู่มันก็เหงาแบบนี้ตลอด ต้องคอยวานให้คนข้างบ้านมาอยู่เป็นเพื่อน” พูดไปอาจารย์นายก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไป

“อ่อ ที่บ้านอาจารย์เลี้ยงแมวด้วยเหรอครับ”

“ใช่ เลี้ยง… มันชอบมาให้ผมเลี้ยง”



สนามแข่งรถ

ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีกว่าจะมาถึงที่หมาย เสียงเชียร์ของผู้คนที่มาดูการแข่งรถดังมาแต่ไกล บวกกับเสียงเร่งเครื่องยนต์ที่ฟังยังไงก็เดาได้ว่ากำลังขับเคี่ยวกันอยู่

อาจารย์นายชอบอะไรแบบนี้เหรอวะ… ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ

ผมยืนกวาดตามองไปโดยรอบบริเวณ ไม่ใช่แค่สถานที่ที่แปลกตา แต่ผู้หญิงที่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นนั่นก็เด็ดไม่แพ้กัน

“ยืนมองสาวอยู่ได้” และยังไม่ทันที่ผมจะได้หันหน้าไปมองคนพูด ฝามือหนาก็ตีลงมาที่หัวไหล่ ผมสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เพราะกำลังหลงใหลไปกับภาพตรงหน้าจนลืมวัตถุประสงค์หลักของตัวเองไปเลย “กระดาษกับปากกาไม่เห็นหยิบอะไรออกมาสักอย่าง คุณจะเก็บข้อมูลไปทำรายงานไม่ใช่หรือไง รีบทำเข้าจะได้รีบกลับ”

ชะอุ้ย! ความจริงผมไม่ใช่มาเก็บข้อมูลงานอย่างที่อาจารย์นายว่าหรอก แต่ผมมาสานสัมพันธ์กระชับมิตรกับอาจารย์นายต่างหาก แค่กระดาษกับปากกาก็ยังไม่มีเลย แล้วแบบนี้อาจารย์จะเชื่อได้ไงว่าผมมาเก็บข้อมูลงานวะ

“เอ่อ…คือ…” ผมละล่ำละลัก “นี่ไงครับ ผมกำลังบันทึกภาพด้วยโทรศัพท์อยู่”

“งั้นก็รีบๆ ทำเข้าสิ”

“คะ…ครับ”

ผมตอบออกไปส่งๆ แกล้งทำทีเป็นว่าถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ทำยังไงให้อาจารย์นายพูดคำว่าชอบกับผมวะ โอ๊ยยย! ไม่คิดไม่ตกแล้วนะเว่ย

จนกระทั่งมีใครบางคนเดินเข้ามาทักผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม

“ไอ้เชี่ยนาย”

“เฮ้ย! ไอ้กร”

“ทำไมวันนี้มาสนามแข่งได้วะ แมวไม่อยู่เหรอ” คนชื่อกรถามอาจารย์นายด้วยน้ำเสียงล้อเลียน

“อยู่ แต่ให้คนข้างบ้านมาอยู่เป็นเพื่อนละ”

“แหม เดี๋ยวนี้ทำงานกันเป็นทีม”

“ทีมอะไรของมึง” ว่าจบอาจารย์นายก็กระทุ้งซอกใส่สีข้างอีกฝ่ายอย่างหยอกล้อ

“เอ่อ แล้วนี่ใครวะ”

“ลูกศิ…”

“ลูกของญาติครับ”

ผมโพล่งออกไปก่อนที่อาจารย์จะบอกว่าผมเป็นลูกศิษย์ คืออย่างนี้ครับ… ถ้าเกิดมีใครรู้เข้าว่าอาจารย์พาลูกศิษย์มาในสถานที่แบบนี้ คนที่จะดูไม่ดีคืออาจารย์นายนะครับ ไม่ใช่ผม

“ญาติ?” อีกฝ่ายเลิกคิ้ว

“ใช่ไหมครับลุงนาย”

ผมกระตุกแขนเสื้อคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าอาจารย์พลางเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อบอกเป็นนัยๆ หวังว่าคนตรงหน้าจะเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการสื่อ

“เอ่อ อ่อ เออ ใช่ๆ ลูกของญาติกูเอง เขาชอบดูแข่งรถเหมือนกัน กูเลยพามาที่นี่”

และดูเหมือนว่าอาจารย์นายจะเข้าเจตนาของผม เขาถึงได้ตกปากรับคำออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

“อ่อ งั้นตามสบายนะเพื่อน”

“เออ”

“แล้วนี่มึงจะแข่งสักตาไหม” ก่อนจะผละออกไป คนชื่อกรก็หันมาถามอาจารย์นายอีกครั้งราวกับว่าเพิ่งนึกขึ้นได้

“ไม่ดี…”

“ดีครับ! ดีเลยยย”

“เฮ้ยยย! ไม่ได้ๆ เธอเป็นเด็ก แข่งไม่ได้”

“ใครบอกว่าผมจะแข่ง ลุงนายขับ ส่วนผมนั่งข้างๆ ต่างหาก”



จนได้… ในที่สุดผมก็อ้อนวอนอาจารย์นายสำเร็จ ตอนนี้เราสองคนอยู่ในรถที่ใช้สำหรับการแข่งขันเรียบร้อย และเจ้าของรถก็ไม่ใช่ใครอื่น เพื่อนของอาจารย์นายที่ชื่อกรนั่นแหละ

“จับแน่นๆ นะ ฉันไม่ใช่ขี้ๆ” อาจารย์นายบอก เขาอวดสรรพคุณตัวเองจนผมเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ไม่ได้

“ผมก็ไม่ใช่ขี้ๆ ครับลุง ยิ่งขี้ป๊อดยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่”

“อยู่กันสองคนยังจะเรียกลุงอีกเหรอ กลับไปเธอโดนตัดคะแนนความประพฤติแน่”

“เฮ้ยยยย! ได้ไ…ง”

บรื้นนนนนนนน!

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ต่อล้อต่อเถียงกับอาจารย์นายที่อยู่ๆ จะมาหักคะแนนผมเอาดื้อๆ เสียงเครื่องยนต์เร่งความเร็วก็ดังขึ้นจนกลืนคำพูดผมหายวับไป สองมือแทบจะหาที่เกาะไว้ไม่ทัน นี่ถ้าไม่ได้รัดเข็มขัดไว้ก่อนมีหวังปากผมได้ไปจูบกับกระจกหน้าแน่ และเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีรถก็ทะยานไปข้างหน้า ปั่นป่วนฝุ่นจนฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง

เท่าที่ผมสังเกตเหมือนกับว่าคู่แข่งจะรู้จักกับอาจารย์นายมาก่อน แล้วก็ดูจะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ จากน้ำเสียงและท่าทางที่พูดคุยกัน เด็กประถมมาเห็นก็ยังเดาได้ เล่นพูดจาเชือดเฉือนกันทุกเม็ดที่มีโอกาสขนาดนี้

“อาจารย์นาย” ผมเรียกพลางหันไปมองหน้าคนข้างกายเมื่อเห็นอะไรบางอย่างผิดปกติ “มันเล่นตุกติก”

“เออ ฉันเห็นแล้ว เกาะดีๆ นะ”

ฝ่ายตรงข้าโยนตะปูเข้ามาในเลนของพวกผม แต่โชคดีที่อาจารย์นายหักหลบทัน แต่ดันไปกระแทกสเตจอีกฝั่งที่ร้างผู้คน แรงเหวี่ยงบวกกับความเร็วที่มาเต็มแม็กซ์ทำให้มือข้างขวาของอาจารย์นายกระแทกเข้ากับกระจกด้านข้างเต็มๆ ส่วนผมไม่ต้องห่วง ปลอดภัยดี เพราะอาจารย์จับหัวผมให้ไปซบที่ไหล่กว้างของเขาเพื่อปกป้องผมไว้จากแรงกระแทก

พออาจารย์นายกลับมาควบคุมรถได้ตามปกติ ผมก็โพล่งถามขึ้นทันทีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เล่นแบบนี้ไม่โดนปรับแพ้เหรอครับ”

“กรรมการไม่เห็น”

ดูท่าแล้วคนข้างกายผมจะไม่ตื่นตกใจเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยจนชินเสียแล้ว หากแต่สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดจากแรงปะทะเมื่อสักครู่ก็ทำให้อาจารย์บังคับพวงมาลัยด้วยมือซ้ายข้างเดียว

“แล้วอาจารย์โอเคไหมครับ เจ็บมากหรือเปล่า” ผมถามอาการเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของเขา

คนตัวใหญ่กว่าทำเพียงส่ายหน้าก่อนจะพูดต่อ “พวกนี้มันเล่นสกปรก บางทีก็มีการยัดเงินใต้โต๊ะให้กรรมการข้างสนามทำเหมือนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่”

เพราะแบบนี้หรือเปล่านะที่ทำให้อาจารย์แสดงออกว่าไม่ชอบขี้หน้าไอ้หมอนั่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ถ้างั้นแบบนี้เราก็ไม่มีสิทธิ์ชนะเลยเหรอครับ”

“นี่ใคร” เขาพูดพร้อมกับยักคิ้วให้ เห็นแบบนี้แล้วก็อดที่กวนประสาทกลับไปไม่ได้

“แล้วอาจารย์ไม่รู้เหรอครับว่าตัวเองเป็นใคร”

“กวนตีน” เขาเอื้อมมือมาเขกหัวผมก่อนจะชักมือกลับไปบังคับพวงมาลัยตามเดิม

“เฮ้ย! อาจารย์นาย! แม่งโรยตะปูอีกแล้ว” และยังไม่ทันที่ผมจะได้รู้สึกอะไรจากการถูกสัมผัสหัว ผมก็ตบคอนโทรลหน้ารถรัวเป็นสัญญาณบอกให้คนขับระวัง

“ภาคิณ” คนข้างๆ เรียกชื่อผม “ฉันบังคับพวง…” เขาบอกเสียงสั้น

รถที่เร่งความเร็วมาตลอดมีโอกาสที่จะแฉลบออกด้านข้างหากบังคับพวงมาลัยไม่ดี วินาทีนั้นผมจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ไม่คาดคิดมาก่อน

“ผมจัดการเอง”

“เฮ้ย! เธอจะทำอะไร”

ผมกระโดนไปนั่งตักอาจารย์นายและเป็นบังคับพวงมาลัยด้วยตัวเอง ทำให้คนอยู่ใต้ล่างถึงกับเบิกตากว้างเต็มองศาด้วยความตกใจไม่น้อยที่อยู่ๆ ผมก็ทำอะไรบ้าบิ่นขนาดนี้โดยไม่รอฟังคำอนุญาตจากเขา ก่อนจะบังคับพวงมาลัยให้รถที่เตรียมจะพุ่งเข้าชนกำแพงสามารถเลี้ยวหลบออกมาได้อย่างหวุดหวิด และก็เป็นโชคดีอีกครั้งที่มีกรรมการบนสเตจจับภาพตอนที่อีกฝ่ายโรยตะปูไว้ได้ การแข่งขันจึงถูกยุติลง

ผมย้ายตัวเองกลับไปยังฝั่งข้างคนขับตามเดิมก่อนจะพาร่างลงมาจากรถ รีบวิ่งอ้อมไปทางฝั่งคนขับด้วยความเป็นห่วงอีกคนจากใจจริง

“อาจารย์เจ็บมากไหม”

“ไม่ค่อยเท่าไหร่”

เขาตอบพร้อมกับยิ้มแหย ดูก็รู้ว่าปวดไม่ใช่น้อย ผมเริ่มน้ำตาปริ่มขอบตา เป็นเพราะผมคิดทำอะไรแผลงๆ เอง เรื่องถึงได้บานปลายขนาดนี้

“ขอโทษครับอาจารย์” แต่ผมก็ทำได้เพียงแค่กล่าวสำนึกผิดออกไปเท่านั้น

“เฮ้ย ผมโอเค ไม่ได้เป็นไรมากสักหน่อย” ว่าจบอาจารย์นายก็เอื้อมมือข้างที่ใช้การได้ปกติมาลูบหัวผม ความรู้สึกแปลกๆ แล่นริ้วขึ้นมาจุกอกจนทำอะไรไม่รู้ “แต่วันนี้ได้อยู่กับเธอก็สนุกดีนะ”

“จริงเหรอครับ” จากตอนแรกที่ผมจะร้องแหล่ไม่ร้องแหล่ น้ำตาก็พลันหายไปเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มดีอกดีใจแทน

“ชะ…” ชะ? ชะอะไร ชะ…ชอบใช่ไหมครับ อาจารย์จะบอกว่าชอบผมใช่ไหม

“…” ผมล้นจนตัวโก่ง เม้นริมฝีปากแน่น มือไม้เหงื่อการแตกไปหมด

“ชะ…ช่วยพยุงที”

“หื้ม?”

“หื้มอะไรเล่า ช่วยพยุงหน่อย เคล็ดขัดยอกไปหมดแล้วเนี่ยยย”

“…”

อึ้งครับ…ยังอึ้งอยู่!

โอ๊ยยยยยยยยยยย! ไอ้ฟัคคคคคคคคคค! อาจารย์นายต้องบอกชอบสิครับ! ไม่ใช่ช่วยยยยยยยย!

ผมว่านะ… สุดท้ายวันนี้ก็คงไม่ใช่การเดตแล้วล่ะ แต่มันกลายเป็นวันที่พาอาจารย์นายไปเสี่ยงตายมากกว่า
แต่ผมก็สนุกจริงๆ อย่างที่อาจารย์ว่ามานั่นแหละ









บทนี้เป็นตอนของภาคล้วนๆ เลยค่ะ
แต่วิธีการจีบอาจารย์นายของภาคกลับกลายเป็นแบบนี้ซะได้
ตั้งใจว่าจะทำคะแนน ดันโดนถูกหักคะแนนซะงั้น ฮ่าๆๆๆ
แต่ก็ไม่แน่นะคะ เพราะว่าทั้งสามคนอาจจะกินแห้วพร้อมกันหมดก็ได้
เรื่องความรักไม่เข้าใครออกใครหรอกค่ะ

เจอกันตอนหน้านะคะ ♥

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ไอ้ดื้อ?แมว? อาจารย์เค้ามีเจ้าของแล้ว สามทหารเสือ   :impress2:

ออฟไลน์ Smog

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
4
สนุก (ชวกร พิษณุวัชร์)


หลังหมดคาบวิชาภาษาไทย

“มึงเปลี่ยนหลอดไฟเป็นป่ะไอ้สนุก”

ภาคตบบ่าผมพลางชี้นิ้วขึ้นไปด้านบน ผมที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ถึงกับต้องเงยหน้ามองตามพลางดันแว่นสองสามทีก็เห็นหลอดไฟที่อยู่เหนือหัวพวกผมตอนนี้ตายสนิทเป็ที่เรียบร้อย

นี่ผมนั่งทำงานไปได้ยังไงวะทั้งที่ไฟก็ดับ

“ไอ้เชี่ยมิลยังไม่มา ก็มีแต่มึงแล้วล่ะที่สูงพอๆ กับมัน น่าจะเปลี่ยนหลอดไฟได้”

ในกลุ่ม… ผมกับมิลสูงไม่ต่างกันมาก มันสูงกว่าผมประมาณ 3 เซนติเมตร ส่วนไอ้ภาคไม่ต้องพูดถึง รายนี้เตี้ยที่สุดในกลุ่มครับ

“เออๆ เดี๋ยวกูเปลี่ยนให้”

รับคำเพื่อนเสร็จปุ๊บผมก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงปั๊บ ก่อนจะปืนขึ้นไปยืนบนโต๊ะอย่างกล้าๆ กลัวๆ

เอาตรงๆ ผมเป็นโรคกลัวความสูงนะ… แต่เพราะพวกผู้หญิงนับสิบในห้องกำลังจ้องมองผมอย่างกับวีรบุรุษกอบกู้ชาติ เพราะฉะนั้นจะให้ผมปฏิเสธออกไปได้ยังไงว่าทำไม่ได้แล้ว

นี่มันงานโชว์พราวสำหรับผมเลยนะครับ ยิ่งผมเป็นไอ้เด็กแว่นด้วยแล้ว ความเท่เลยลดระดับลงไปเกือบครึ่งทั้งที่ความจริงผมเป็นคนหล่อมาก

ไม่เชื่อลองถามไอ้มิลได้ครับ มันไม่เคยโกหกใคร แต่อย่าไปถามไอ้ภาคนะครับ ไอ้ห่านั่นคงบอกว่าตัวเองหล่อกว่าอยู่แล้ว

ผมยื่นมือออกไปรับหลอดไฟมาจากมือไอ้ภาคที่ยืนอยู่ข้างล่าง โต๊ะแม่งก็ดี๊ดี ขยับโคลงเคลงไปมาอยู่ได้ ส่วนขาผมไม่ต้องพูดถึง… สั่นพรึ่บๆ เป็นเจ้าเข้าอย่างที่เห็นนี่แหละครับ

“มึงโอเคไหมไอ้สนุก ทำไมขาสั่นแบบนั้นวะ” ไอ้ภาคถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

ไอ้ภาค…มึงอย่ามากระแดะทำเสียงตอแหลว่าเป็นห่วงกูต่อหน้าสาวๆ คนอื่นไม่รู้แต่สำหรับเพื่อนอย่างกูดูออกเว่ย!

“กูโอเค” แต่ผมก็เลือกที่จะเก็บคำด่าไว้ในใจแล้วกัดพูดสิ่งที่ตรงกันข้ามความคิดออกมาแทน “แต่ขาโต๊ะมันไม่เท่ากัน ขากูเลยสั่นตาม” โกหกครับ ผมโกหกคำโตเลยล่ะ ก่อนจะเอื้อมมือออกไปจับๆ คลำๆ หลอดไฟที่อยู่เหนือหัวตัวเองเพื่อเอาหลอดเก่าออกมาก่อน และนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

ไอ้เชี่ยยย! อะไรเข้าตากูวะ

ฝุ่นแน่ๆ เลย

โอ๊ยยย! เคืองตาฉิบหาย

ผมขยี้ตาไปมาทันทีเมื่อรู้สึกระคายเคืองตาอย่างหนัก และนั่นก็ทำให้ผมทรงตัวอยู่บนโต๊ะที่โอนเอนอยู่แล้วได้ไม่ได้ จนสูญเสียการทรงตัว เผลอก้าวถอยหลังลงจากโต๊ะไปโดยไม่ตั้งใจ

“เฮ้ยยยยยยยย! ไอ้สนุก”

เสียงตะโกนเรียกนับสิบดังขึ้นพร้อมๆ กันเมื่อผมรู้สึกได้ว่าร่างกายกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ และกำลังดิ่งลงมาจากที่สูงในที่สุด

ปึก!

เพล้ง!

แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย…



“ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหมครับ”

“ค่ะ ไม่ได้ร้ายแรงอะไร หนักสุดก็ที่หัวไหล่ ส่วนตามท่อนแขนก็มีแค่รอยฟกช้ำนิดหน่อย โชคดีที่ตกลงมาไม่สูงมาก แต่ถ้าเป็นหัวล่ะก็มีหวังแตกแน่ๆ ค่ะ”

ผมได้ยินเสียงผู้ชายกับผู้หญิงสองคนคุยกันไม่ห่างจากที่ผมนอนอยู่เท่าไหร่ ก่อนที่ผมจะค่อยๆ ลืมขึ้นมาพลางขยับตัวเล็กน้อยเมื่อเริ่มรู้สึกถึงกลิ่นยาปฏิชีวนะต่างๆ แค่นี้ก็เดาได้ทันทีว่าผมอยู่ที่ไหน…โรงพยาบาลชัวร์เลย

“ตื่นแล้วเหรอ”

“…ครับ”

สิ่งแรกที่ผมเห็นตรงหน้าคือภาพของอาจารย์นายกำลังชะโงกหน้ามาถาม รอยยิ้มของคนตรงหน้าทำให้ผมสบายใจขึ้น ไม่ใช่อะไร นึกว่าตัวเองจะตายซะแล้ว

และอยู่ๆ ความเจ็บรวดร้าวก็แล่นริ้วมาที่หัวไหล่ผมจนเผลอทำหน้าเหยเกออกมา ก่อนที่เสียงของคนคุ้นเคยที่ได้ยินทุกเช้าจะดังขึ้น

“คุณแค่หลับไประหว่างที่ทำแผลตรงหัวไหล่น่ะ” พอได้ยินอาจารย์นายพูดแบบนั้น ผมก็เอี่ยวคอมองไปที่หัวไหล่ของตัวเองทันที
ถึงว่าทำไมรู้สึกขัดๆ ที่หัวไหล่แปลกๆ

“คุณตกลงมาจากโต๊ะนักเรียน โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แล้วนี่ลุกไหวไหม เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้าน ไม่ต้องกลับไปเรียนแล้ว ผมอนุญาติให้คุณกลับไปนอนพักผ่อนที่บ้านได้เลย”

ผมทำเพียงพยักหน้ารับ เพราะยังมึนๆ งงๆ กับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ แถมตอนนี้สมองก็ยังประมวลผลไม่ทัน ไม่ใช่ว่าผมสมองเสื่อมไปแล้วนะครับ แค่สงสัยว่าตัวเองมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ไง

“อาจารย์นายครับ…” ผมเรียกคนข้างตัวที่ทำท่าจะลุกจากเก้าอี้ข้างเตียงด้วยการคว้าท่อนแขนแกร่งของเขาไว้ “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไงครับ”

อาจารย์นายขมวดคิ้วยุ่งเมื่อฟังคำถามจากผมจบ คนตรงหน้าคงแปลกใจไม่น้อยที่ผมถามแปลกๆ ออกไป “ผมเป็นคนอุ้มคนมาเอง”

“อุ้ม!?” ผมร้องเสียงหลงออกมาดังลั่น คิดเอาแล้วกันว่าดังขนาดไหน ถึงขึ้นสะเทือนไปที่หัวไหล่เลย

เจ็บชะมัด…

“คุณจะตกใจอะไรเว่อร์ขนาดนั้น”

“แล้วคนอื่นล่ะครับไปไหนกันหมด ไอ้ภาคไม่มาด้วยเหรอ”

“ผมให้ภาคินอยู่ที่โรงเรียน นี่มันยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนนะคุณ จะให้เพื่อนโดดเรียนมาเพื่ออยู่กับคุณเนี่ยนะ”

“งั้นตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันสองคนเหรอครับ”

“อื้ม ถามทำไม มีอะไรหรือเปล่า”

เอ่อ… จะตอบยังไงดี ในเมื่อตัวผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่ากล้าถามออกไปแบบนี้ได้ยังไง แต่ไหนๆ ตอนนี้ก็เป็นโอกาสทองของผมละ ก่อนถึงบ้านผมจะทำให้อาจารย์นายบอกชอบให้ได้ คอยดู!

“อ่ะ นี่แว่นคุณ” ในระหว่างที่ผมกำลังอ้ำอึ้งและคิดหาคำตอบที่น่าจะโอเคที่สุดอยู่นั้น อาจารย์นายก็พูดทำลายบรรยากาศกดดันที่ผมกำลังเผชิญอยู่ทิ้งไป ผมเลยทำเป็นไหลไปตามน้ำ ปล่อยเบลอคำถามนั้น ก่อนจะเอื้อมมือออกไปรับแว่น แต่ก็ต้องหยุดชะงักค้างไว้เมื่ออีกฝ่ายเปิดปากพูดต่อ “เวลาคุณไม่ใส่แว่นก็ดูดีกว่าที่ผมคิดอีกนะเนี่ย”

“…”

“…”

“…”

เอ่อ… เงิบ… เกิดเดดแอร์ไปชั่วขณะ…

“นี่คุณ!” จนกระทั่งอาจารย์นายตบมือเรียกสติผมกลับมา

“แล้วที่แขนอาจารย์ไปโดนอะไรมาครับ” ผมเลยเบี่ยงประเด็นไปที่มือของอาจารย์นายที่มีผ้าพันแผลพันไว้อยู่

“อ่อ อุบัติเหตุนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรมากละ แล้วนายล่ะ ลุกไหวไหม”

“ไหวครับ”

ผมพยักหน้าขึ้นลงเพื่อย้ำอีกฝ่ายว่าเรื่องแค่นี้สบายมาก หลังจากนั้นผมกับอาจารย์นายก็พากันเดินออกไปจากห้องตรวจเพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของผม



ระหว่างทางเดินไปป้ายรถเมล์

ยังไม่ทันที่จะเดินไปถึงเป้าหมาย โทรศัพท์ของอาจารย์นายก็แผดเสียงร้องขึ้น ผมที่กำลังง่วนอยู่กับการจับๆ คลำๆ แผลถึงกับต้องเงยหน้าไปมองคนที่ตัวสูงกว่าด้วยความใคร่รู้

“ฮัลโหล”

[…]

“อยู่โรงพยาบาล”

[…]

“ไปส่งก่อน”

[…]

“ครับ…ครับ…บ่นเป็นแม่ไปได้”

แม่เหรอ สงสัยคนที่บ้านจะโทรมาตาม แบบนี้คงไม่ใช่แฟนแล้วล่ะ ไม่มีความอ่อนหวานเอาซะเลย ถ้าเป็นแฟนคงโกรธตายชัก
ฟันธง! อาจารย์นายโสดแน่ๆ

[…]

“โอเค ไว้เจอกันที่บ้านเลย”

[…]

“ฉันไม่อยู่อย่าแอบไปงีบที่ไหนล่ะ”

[…]

“บาย”

คลิก!

“แม่เหรอครับอาจารย์” ผมแกล้งถามออกไปอย่างนั้นเพื่อให้บรรยากาศรอบตัวไม่เงียบจนเกินไป

“หื้ม?”

“คนเมื่อกี้ไงครับที่ถือสายคุยอยู่”

“อ่อ เอ่อ จะว่าแม่ก็ได้นะ” พูดไปอาจารย์นายก็หัวเราะไป ไม่นานผมกับอาจารย์นายก็เดินมาหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์ รอประมาณไม่ถึงสิบนาทีรถสายที่นั่งผ่านปากซอยบ้านผมก็มา

มึงจะมาไวไปไหม กูคิดแผนไม่ทัน ปกติเวลากูยืนรอไม่เคยต่ำกว่าชั่วโมง แหมมม! ทีแบบนี้นะมาไวปานจรวด

“ไปกันเถอะชวกร”

“คะ…ครับ” ผมขานรับ ส่วนอาจารย์ก็เดินเข้ามาประคองร่างผมไว้แล้วพาขึ้นรถเมล์ไป



บนรถเมล์

“คุณฝันอยากเป็นนักบินเหรอ”

แล้วอยู่ๆ อาจารย์ก็ถามขึ้นมาตอนที่พวกเราสองคนยืนอยู่บนรถเมล์ ที่นั่งว่างไม่มีแล้วครับ มีแต่ที่ยืน เพราะฉะนั้นผมกับอาจารย์ถึงมีสภาพเป็นอย่างที่เห็น

“อาจารย์รู้ได้ไงครับ” ผมแหงนหน้าไปถามคนที่ตัวสูงกว่าผมหลายคืบ

“เดาเอา เห็นในสมุดบันทึกรักการอ่านคุณเลือกอ่านแต่หนังสือเกี่ยวกับเครื่องบินทั้งนั้นเลย จากประสบการณ์ที่อยู่กับเด็กๆ เตรียมสอบมานานผมเลยคิดว่าคุณอาจจะอยากเป็นนักบิน”

“อาจารย์นายตาแหลมมากครับ ผมนี่นักบินในอนาคตเลยนะ” ผมพูดไปก็อมยิ้มไปอย่างภาคภูมิใจ

“งั้นเธอก็ต้องตั้งใจเรียน ไม่มีใครเหนื่อยตายเพราะวิ่งตามความฝันหรอก มีแต่คนที่ตายไปทั้งที่ยังไม่ได้ลองแม้แต่เดินไปตามความฝันด้วยซ้ำ”

“อื้อหือ! คมมากครับอาจารย์นาย” ผมพูดพร้อมกับยกนิ้วให้ คนตรงหน้าเลยยิ้มตามท่าทางของผม สักพักเขาก็เอื้อมมือมาลูบหัวผมด้วยความเอ็นดู

…อาจารย์นายแม่งโคตรเท่เลยว่ะ



ปากซอยทางเข้าบ้าน

ทำไมวันนี้คนเยอะกว่าปกติวะ

อ่อ! ผมนึกออกละ… วันนี้วันอังคาร แถวบ้านผมมีตลาดนัดมือสอง ถ้าอย่างนั้นใช้โอกาสนี้พาอาจารย์นายเดตดีกว่า ไม่แน่นะ เผลอๆ เพียงช่วงเวลาสั้นๆ อาจจะทำให้อาจารย์นายประทับใจอะไรผมขึ้นมาสักอย่างจนพูดคำว่าชอบออกมาก็ได้

“อาจารย์ครับ” ผมเรียกเขา กำลังจะเอื้อมมือออกไปดึงแขนเสื้อคนข้างกาย แต่อีกฝ่ายกลับพูดขึ้นมาเสียก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรออกไป

“แถวบ้านคุณมีงานแบบนี้ด้วยเหรอ ผมขอแวะทฃก่อนได้ไหม หรือว่าคุณอยากกลับบ้านแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมจะได้เดินไปส่งคุณก่อน”

“ไม่ครับ ไม่เป็นไรเลยยย…” ผมยกมือห้ามปราบพลางส่ายหน้าปฏิเสธรัว จะปล่อยโอกาสที่อีกฝ่ายเป็นคนเปิดช่องโหว่ไว้ได้ยังไงวะ “ผมโอเคครับ แค่นี้เดินได้สบายมาก ไม่เป็นปัญหาอะไรเลยครับ”

อาจารย์นายมองหน้าผมด้วยใบหน้าจับผิด ก็ไม่แปลกหรอก… ผมเล่นตอบคำถามลั้นลาขนาดนี้

“หึ เธอนี่เหมือนเด็กกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะ” ว่าจบอาจารย์นายก็ลูบหัวผมอีกครั้งก่อนจะเดินนำเข้าไปในตลาด



ตลาดนัดมือสอง

ผมเดินตามอาจารย์นายเข้าไปในตลาด เมื่อก่อนสมัยอยู่มอต้นผมมาที่นี่บ่อยมาก แต่พักหลังๆ ไม่ค่อยได้มาละ เพราะกว่าจะกลับจากโรงเรียนก็เกือบมืดค่ำแล้ว ตั้งแต่ขึ้นมอปลายมาคำว่า ‘ว่าง’ สำหรับผมก็ไม่มีอีกเลย

อาจารย์นายเดินแวะร้านนั้นออกร้านนี้ไปทั่ว ส่วนผมก็เดินตามเขาต้อยๆ ถามนั่นโน่นนี่ไปเรื่อยตามประสาเด็กขี้สงสัย ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายอะไรเลยสักนิดเดียว อาจจะเป็นเพราะว่าผมเองก็สนุกที่ได้กลับมาย้อนรำลึกความหลังด้วยล่ะมั้ง จนกระทั่งเดินมาถึงซอยสุดท้าย… ผมก็เจอของดีเข้า

“เฮ้ย! เครื่องบินประกอบ”

ผมตรงปรี่เข้าไปยังร้านนั้นทันที หยิบจับโมเดลยกขึ้นดูไปทั่วด้วยความสนอกสนใจ อยากได้ แต่สงสารเงินในกระเป๋าตังค์ เลยทำได้เพียงจดๆ จ้องๆ อยู่นานจนอาจารย์นายที่ปลีกตัวออกไปซื้อน้ำดื่มเมื่อสักครู่นี้เดินกลับมาผมพร้อมกับยื่นแก้วน้ำปั่นมาให้

“อ่ะ” ผมรับแก้วจากมาถือไว้พลางกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหันมาสนใจของตรงหน้าต่อ แต่อาจารย์นายก็ดึงความสนใจผมไปอีกครั้งเมื่อเขาตั้งคำถามถามผม “อยากได้เหรอ”

“มันแน่อยู่แล้วครับ”

“ซื้อให้ก่อนเอาไหม”

“โหยยย ไม่เอาหรอกครับอาจารย์ จะมาซื้อให้ผมทำไม”

แต่หารู้ไหมว่าหัวใจผมเต้นโครมครามไปหมดแล้วววว อาจารย์นายเกิดอยากเลี้ยงเด็กอย่างผมขึ้นมาใช่ไหม มีการซื้อคงซื้อของให้

“ไม่ใช่แบบนั้น ซื้อให้ก่อน พอคุณมีเงินก็เอามาคืนผม”

แป่ววว… ผิดคาดไปมากโข แต่ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะการให้ยืมเงินหรือออกให้ก่อนแบบนี้แสดงว่าเราสองคนเริ่มสนิทกันละ

“จะดีเหรอครับอาจารย์” ผมแสร้งทำเป็นเกรงใจไปอย่างนั้นแหละ

“งั้นก็ไม่ต้องเอา”

“เฮ้ยยยย! เอาสิครับ เอาๆๆ ผมแค่เล่นตัวไปงั้นเอง” ผมพูดพร้อมกับยิ้มแก้เก้อ

“จะเอาลำไหนก็หยิบมา” คนข้างกายผมบอก มือหนาก็ล้วงเข้าไปกระเป๋าสตางค์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านข้างเพื่อเตรียมจ่ายเงิน แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอื้อมมือออกไปหยิบสิ่งที่ปรานารถ เสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือก็ดังขึ้น

“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยยย! ใครก็ได้ช่วยฉันที มีโจรขโมยกระเป๋าสตางค์ฉันไป”

เท่านั้นแหละครับ… ทั้งผมทั้งอาจารย์นายต่างก็วิ่งตามไอ้โจรห้าร้อยนั่นไปโดยไม่ได้มีการหันมานัดหมายกันแต่อย่างใด วินาทีนั้นคิดแค่ว่าต้องจับไอ้โจรนั่นมาให้ได้

“เฮ้ย! หยุดนะเว่ยยยยยย” ผมตะโกนลั่นในขณะที่วิ่งไปด้วย แล้วคิดเหรอว่ามันจะหยุดตามคำสั่งของผม แล้วจู่ๆ ผมก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “อาจารย์นายครับ ผมมีแผน” พูดไปก็วิ่งเหนื่อยหอบไป

“แผนอะไร”

“เดี๋ยวผมจะวิ่งไปดักหน้ามัน อาจารย์นายก็วิ่งไล่กวดไปเรื่อยๆ นะครับ”

“เธอรู้ทางเหรอ”

“นี่มันซอยบ้านผมนะครับอาจารย์ อยู่มาตั้งแต่เกิด หลับตาวิ่งยังได้เลย”

“โอเค งั้นตามนั้น”

เมื่ออาจารย์นายเห็นดีเห็นงามด้วยกับแผนของผม สองขาก็พาร่างตัวเองวิ่งแยกจากอาจารย์นายมาอีกทาง วิ่งไปอีกประมาณ 3 แยกก็จะมีซอยเล็กๆ เชื่อมต่อไปยังซอยใหญ่ แต่ทางค่อนข้างลำบากนิดหน่อย

บอกตามตรงว่าตอนนี้ผมเจ็บไหลฉิบหาย แล้วประเด็นคือจะไม่อะไรเลยถ้าเมื่อวานเทศบาลไม่ได้มารดน้ำต้นไม้แถวนี้

อื้อหือออออออ… ทั้งขี้ดินขี้โคลน

โอ๊ยยยยยยยย! นี่มันวันอะไรของไอ้สนุกวะเนี่ย

เละครับ…เละ!

สภาพผมตอนฝ่าโคลนคือเละยิ่งกว่าโจ๊ก ขาแข็งดำไปหมด นึกสภาพถุงเท้าไม่มีเค้าสีขาวออกไหมครับ

นั่นแหละ…สภาพผมตอนนี้แลย

พอไปถึงทางเชื่อมต่อกับซอยใหญ่ ผมก็เร่งความเร็วขาไห้ไวขึ้น

มุมโค้ง… แค่มุมโค้งเท่านั้น…

และพอโผล่หน้าออกไปก็ยังไม่ทันไรก็เห็นอาจารย์นายกำลังยืนล็อคแขนโจรมาแต่ไกล…

“โอ๊ยยย เจ็บๆๆ ปล่อยฉันนะโว้ย”

ช็อกครับ…นี่ผมจะรีบทำหอกทำไมเนี่ยยย!? จับได้แล้วก็ไม่ยอมเข้าฌาณมาบอก ให้ผมวิ่งจนเหงื่อกาฬแตกเพื่อ?

“ชวกร ยืนบื้ออยู่ทำไม มาหยิบกระเป๋าของคุณป้าท่านนั้นไปถือไว้ซิ”

“คะ…ครับ”

ผมรีบเดินเข้าไปหาอาจารย์นาย หยิบกระเป๋าขึ้นมาถือไว้ก่อนที่เราทั้งสามคน นับไอ้โจรใจทรามนี่ด้วยจะเดินกลับไปที่ตลาด ทุกคนต่างปรบมือและพูดขอบอกขอบใจกันถ้วนหน้า ผมกับอาจารย์นายก็เลยทำเพียงแค่ยิ้มรับก่อนจะขอตัวเดินออกมา

เกิดความเงียบครับ ท่าทางจะเหนื่อยกันจนพูดไม่ออก ผมนี่ดิเหนื่อย อาจารย์นี่จะเรียกว่าเหนื่อยเหรอ แล้วอยู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมาทำลายความเงียบ

“คุณโอเคไหมชวกร ตกถังโคลนมาเหรอ” พูดพร้อมกับหัวเราะคิดคัก เห็นเป็นเรื่องตลกหรือไงเนี่ย แต่เอาจริงๆ ผมก็ตลกตัวเองว่ะ “วิ่งจนลืมเจ็บไหล่เลยสิท่า” ยังจะมีหน้ามาล้อ

“โหอาจารย์… วินาทีนั้นผมก็ลืมไปเลย ได้ยินว่าช่วยด้วยก็สับขาหลอกไปละ” พูดเสร็จอาจารย์ก็ขำยกใหญ่

“เธอนี่จิตใจดีงามจริงๆ เหมือนเด็กเลย”

“ผมไม่เด็กแล้วนะครับ”

“ก็เด็กว่าฉันเป็นสิบปี อีกอย่างวันนี้ก็ทำให้ฉันรู้ล่ะนะว่าเธอก็ไม่ได้เป็นคนซื่ออย่างที่คิด” ซื่ออย่างที่คิด? นี่อาจารย์นายกำลังหลอกด่าผมอยู่หรือเปล่าวะ

“…เรื่องที่อาจารย์แก่กว่าผมอันนั้นผมยอมรับ แต่ประโยคท้ายนี่ผมรู้สึกทะแม่งๆ เหมือนโดนอาจารย์หลอกด่าอยู่เลย แต่ยังไงวันนี้ก็ต้องขอโทษด้วยนะครับที่พามาลำบาก ถ้าอาจารย์ไม่มาส่งผมก็คงไม่ได้มาเจออะไรแบบนี้”

“เฮ้ย อย่าคิดแบบนั้น คุณควรจะคิดว่าดีแล้วที่ผมมาด้วย ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์เมื่อกี้จะมีใครวิ่งจับโจรเป็นเพื่อนคุณ เผลอๆ ไอ้โจรนั้นอาจจะได้กระเป๋าผู้หญิงคนนั้นไปทั้งใบเลยก็ได้”

“นั่นสินะ…” ผมพึมพำในลำคอพลางคิดตาม

“แต่ถึงยังไงผมก็ต้องขอโทษแล้วก็ขอบคุณมากนะครับสำหรับวันนี้ แถมอุ้มผมไปส่งโรงพยาบาลอีก”

“ไม่เป็นไรๆ เรื่องเล็กน้อย วันนี้ผมก็ขอบคุณคุณนะ… เหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเลย ได้วิ่ง… ได้เดินตลาดนัดด้วย…”

“อาจารย์ชอบใช่ไหมครับ”

“…”

ชอบสิ…ชอบ…ต้องชอบ…พูดแค่คำว่าชอบ

“…”

“ก็ดีนะ”

“ก็ดี?”

“อื้ม ใช่ ก็ดี”

โอ๊ยยยยยยยยยย! แค่ชอบก็บอกไม่ได้หรือไงวะ

นั่นแหละครับ…การเดตของผม วิ่งไล่จับโจร… เก๋ๆ









ตอนที่ 4 มาแล้วค่าาา วันนี้มาช้าหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่มา TvT
บทนี้ก็เป็นของน้องสนุกล้วนๆ ไม่มีคนอื่นผสมเลยยยยย
ติดชมกันได้นะคะ ปกติคนเขียนถนัดแนวหน่วงๆ มากกว่า
จะเรียกว่าเป็นครั้งแรกที่เขียนแนวแบบนี้ก็ว่าได้

เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า อีกแค่ 2 ตอนก็จบแล้ววว ♥


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด