2
อาจารย์นาย (นรากร นำเกียรติ)
ออดดดดดดดด!
เมื่อเสียงสัญญาณออดดัง ผมที่นั่งจิบกาแฟดำรอเวลาอยู่ในห้องพักอาจารย์ก็แหงนหน้ามองนาฬิกาติดฝาฝนังอีกครั้งด้วยความเคยชิน ก่อนจะคว้าแฟ้มสีฟ้าที่ข้างในมีใบรายชื่อนักเรียนห้องม.5/3 ขึ้นมาถือไว้ในมือพลางวางถ้วยกาแฟที่มีน้ำสีดำเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่งลงบนโต๊ะ ไม่นานก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่ลืมที่จะปิดไฟปิดพัดลม ผมทำแบบนี้มาตลอดหนึ่งสัปดาห์ และนี่ก็เป็นสัปดาห์ที่สองแล้วที่ผมยังคงทำแบบเดิมซ้ำๆ
ก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นอาจารย์สอนพิเศษให้กับโรงเรียนกวดวิชาชื่อดังแห่งหนึ่งตั้งแต่สมัยเรียนจบใหม่ๆ ส่วนอายุของผมตอนนี้ก็ปาเข้าเลขสามไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นเรื่องประสบการณ์ในการสอนไม่ต้องพูดถึง ค่อนข้างโชกโชนเลยทีเดียว และการที่ผมมายืนอยู่ที่นี่ในเวลานี้ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ใช่แล้วล่ะครับ อย่างที่ทุกคนคาดเดากันนั่นแหละ
ผมมาเป็นอาจารย์ประจำชั้นคนใหม่ห้องม.5/3 และก็ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการโรงเรียนที่ดันไปรู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัวว่าในช่วงระหว่างนี้ให้ผมช่วยสอนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานซึ่งเป็นวิชาถนัดของผมไปก่อน เพราะยังหาใครมาแทนอาจารย์คนเก่าที่เพิ่งลาออกไปอย่างกะทันหันไม่ได้
บอกตามตรงผมชอบการสอนแบบนอกโรงเรียนมากกว่า สอนเสร็จก็ต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน ไม่ต้องมานั่งรับผิดชอบหรือฟังปัญหาสารพัดอย่างจากพวกเด็กๆ แต่ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น ตอนนี้ผมก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนักหรอก ในเมื่อตกปากรับคำออกไปแล้วว่าจะช่วย เพราะฉะนั้นคงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ อีกอย่างที่นี่ก็ให้เงินเดือนเยอะเกินคุ้มอีกต่างหาก แถมคนรู้จักผมก็เรียนอยู่ที่นี่ด้วย จึงเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นเขาในบทบาทของนักเรียนบ้าง
และเมื่อเดินมาถึงห้องเป้าหมาย ภาพตรงหน้าที่สะท้อนเข้ามาในดวงตาเป็นอย่างแรกก็ไม่ได้ต่างไปจากทุกวันที่เจอเท่าไหร่
นี่ผมต้องมายืนมองฝูงลูกลิงคุยกันเจี๊ยวจ๊าวแบบนี้ทุกเช้าเลยเหรอวะ… แสบแก้วชะมัด
พอตั้งสติได้ว่านี่ไม่ใช่เวลามายืนถอนหายใจทิ้ง ผมก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะหยุดยืนหน้าชั้นเรียนพลางวาดมือออกไปหยิบแปรงลบกระดานที่วางอยู่ทางด้านหลังมาเคาะลงบนโต๊ะอีกสองสามที
“จะเลิกคุยกันได้หรือยัง” ผมถามเสียงเข้ม “นั่งที่กันได้แล้ว ทำอย่างกับไม่ได้เจอหน้ากันมาเป็นเดือน แล้วไหนหัวหน้าห้อง ไม่สั่งทำความเคารพเหรอครับ”
“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ”
“สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ”
“ต้องให้บอกกันอยู่เรื่อยเลยนะพวกคุณเนี่ย”
กล่าวทักทายนักเรียนในห้องด้วยการบ่นยืดยาวเสร็จผมก็ขานชื่อเรียงตามลำดับเลขที่เพื่อเช็กว่าวันนี้ใครขาดเรียนบ้าง หลังจากนั้นถึงเข้าเรื่องที่จะพูดในชั่วโมงโฮมรูมต่อไป
“ใครเป็นเวรวันศุกร์ครับ ยกมือขึ้นหน่อยซิ”
ผมตะโกนถามพลางกวาดสายตามองไปทั่วเพื่อดูโฉมหน้าเวรทำความสะอาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
“มีเพื่อนของพวกคุณมาฟ้องผมว่ามีคนโดดเวร… ไหนใครรู้ตัวว่าเป็นหนึ่งในนั้นให้ยกมือค้างไว้ ส่วนคนอื่นเอามือลงได้”
แล้วก็เป็นไปตามคาด กลุ่มริมหน้าต่างหลังห้องเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่นับวันยิ่งเอาใหญ่ เพราะตั้งแต่ผมมาเป็นอาจารย์ประจำชั้น เท่าที่สังเกตดูกลุ่มนี้ท่าทางจะแสบใช่เล่น
ผมลอบถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย เปลี่ยนท่ามายืนกอดอกพลางจ้องหน้าเด็กทั้งสามคนนั้น
“ภาคิน ชวกร รามิล… ทำไมพวกคุณถึงโดดเวร”
ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเวลาเพียงหนึ่งอาทิตย์ผมถึงจำชื่อจริงพวกเขาแม่น ก็เล่นให้ผมเรียกทุกชั่วโมงโฮมรูมที่เจอหน้ากันแบบนี้เป็นใครก็คงจำได้ขึ้นใจ
“ผมนึกว่าวันนั้นเป็นวันพฤหัสครับ”
ภาคินตอบคำถามผมเป็นคนแรกด้วยใบหน้าอมยิ้ม ดูก็รู้ว่ามันจงใจกวนตีนผม และเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำกับเด็กนั่นให้เสียเวลา ผมเลยพยักพเยิดหน้ามาถามเด็กผู้ชายที่ใส่แว่นเพียงคนเดียวในกลุ่มแทน
“แล้วคุณล่ะชวกร”
“ภาคินบอกผมว่าวันนั้นเป็นวันพฤหัสครับ”
“และคุณก็เชื่อภาคินอย่างนั้นเหรอ”
“ครับ ก็ภาคินเป็นเพื่อนผม”
“โอเคๆ เอามือลงได้” ผมลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้ง อะไรมันจะซื่อตรงขนาดนั้นวะ ก่อนจะเบนสายตาไปยังเด็กหนุ่มคนสุดท้ายที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับมาแต่ไกล “ทำไมเมื่อวันศุกร์คุณถึงโดดเวร…รามิล”
“ผมขี้เกียจ เลยกลับบ้านพร้อมไอ้พวกนี้”
“เฮ้อ! เหตุผลน่าฟังกันทั้งนั้นเลยนะ ความจริงผมก็ไม่อยากจะลงโทษพวกคุณนักหรอก แต่เพื่อไม่ให้เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีก ผมจึงจำเป็นต้องเชือดไก่ให้ลิงดู” ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ สายตานับสิบคู่จับจ้องมายังผมอย่างลุ้นระทึก “พวกคุณทั้งสามคนต้องทำความสะอาดห้องเรียนแทนเพื่อนๆ ทั้งอาทิตย์”
“โหววว!” พูดยังไม่ทันจบประโยคดีเลยด้วยซ้ำ เสียงบ่นของภาคินก็ดังแทรกขึ้นมา “ไหนอาจารย์เคยบอกว่าคนไม่รู้ไม่ผิดไงครับ”
“แต่ตอนนี้พวกคุณรู้แล้วนี่ว่าวันนั้นเป็นวันศุกร์… ไม่ใช่วันพฤหัส”
“อาจารย์…” ภาคินลากเสียงยาว เด็กนั่นเบะปากคว่ำอย่างไม่ชอบใจ “แต่แบบนี้มันไม่ใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอครับ ทำทั้งอาทิตย์ผมว่าเยอะเกินไปนะ”
“ไม่ต้องมาโหยหวนเลย แล้วผมจะมาตรวจดูทุกเย็น เข้าใจไหม”
“เข้าใจแล้วครับ”
“ดีมาก เอ่อ แล้วก็ภาคิน…” เอ่ยชมทั้งสามคนแบบไม่จริงใจเสร็จผมก็หาเรื่องบ่นเด็กนี่ต่อ “คุณควรหัดทำการบ้านด้วยตัวเองบ้าง อย่าเอาแต่ลอกคนอื่น เดี๋ยวมันจะกลายเป็นนิสัยแย่ๆ ติดตัวคุณไป รู้หรือเปล่า”
“…”
ภาคินไม่ตอบ ทำเพียงฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้ผม ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่ชวกรที่นั่งอยู่ข้างๆ
ดูมัน บ่นขนาดนี้แล้วยังไม่สำนึก ทำไมเด็กสมัยนี้มันมันพูดยากพูดเย็นจังวะ
“ส่วนรามิล…” เรียกชื่อเด็กอีกคนพลางชี้นิ้วไปยังเจ้าตัว “เลิกโดดเรียนแล้วแอบไปนอนที่ห้องพยาบาลได้แล้ว หัดเข้าเรียนซะบ้าง ถ้าเกิดโดดเรียนบ่อยอย่างนี้ตอนปลายเทอมอาจจะไม่มีสิทธิ์สอบนะ พอถึงตอนนั้นใครก็ช่วยคุณไม่ได้”
“รู้แล้วน่า จะบ่นอะไรนักหนาเนี่ย”
รามิลตอบเสียงเรียบพลางเบือนหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้มารยาท ถ้าไม่พอใจทีหลังก็อย่าโดดเรียนให้ต้องมาตามบ่นสิวะ
“โอเค งั้นวันนี้ผมก็มีเรื่องพูดแค่นี้แหละ”
ว่าจบผมก็กวักมือเรียกชวกรที่ส่งแบบบันทึกการอ่านมาเป็นคนสุดท้ายของห้องให้ช่วยยกกองสมุดพวกนี้ไปไว้ที่โต๊ะผมในห้องพักอาจารย์ให้ที เด็กนั่นทำตาเป็นประกายก่อนจะหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนทั้งสองคนราวกับว่าตัวเองกำลังเป็นต่ออยู่
แค่โดนใช้ให้ยกของต้องดีใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ
ผมเกาหัวด้วยความมึนงง แต่เวลาปกติชวกรก็ดูเป็นคนขาดๆ เกินๆ อยู่แล้ว ผมเลยไม่ได้ถามอะไรให้มากความ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นว่านำพาเรื่องปวดหัวมาให้ตัวเองแทน และพอไหว้วานอีกฝ่ายเสร็จ ผมก็เดินออกมาจากห้องเรียนทันที แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินไปถึงห้องพักอาจารย์เลยด้วยซ้ำ แรงสั่นสะเทือนของเครื่องมือสื่อสารก็ดังขึ้น ผมลวงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบเจ้าตัวการขึ้นมาดูก็เห็นสัญลักษณ์แจ้งเตือนไลน์ปรากฏบนหน้าจอ
ไม่ต้องบอกก็เดาได้ว่าใครทักแชทมา
ไอ้ดื้อ : ตั้งใจทำงานนะครับอาจารย์นาย
ไอ้ดื้อ : (สติ๊กเกอร์ชูสองนิ้ว)
แล้วรอยยิ้มของผมก็ผุดขึ้นมาบนใบหน้าหลังจากที่อ่านข้อความนั้นจบ ผมส่ายหัวให้กับความดื้อรั้นที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงไว้ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ถึงปากจะบอกว่าน่าเบื่อไปบ้างที่ต้องมาทำงานในโรงเรียนแบบนี้ แต่การที่ได้เห็นหน้าไอ้ดื้อทุกวันในคาบเรียนก็พลอยทำให้ผมลืมความเหนื่อยหน่ายที่ต้องเจอในแต่ละวันไปเลย
ผมกดส่งสติ๊กเกอร์ไลน์ตอบกลับไป ก่อนจะยัดโทรศัพท์มือถือเก็บลงในกระเป๋ากางเกงตามเดิมแล้วเดินเข้าไปในห้องพักอาจารย์เพื่อเตรียมตัวสอนคาบถัดไป…
หลังจากสนุกกลับมาที่ห้องเรียน
“พวกมึงยังคิดจะจีบอาจารย์นายกันอีกเหรอวะ” ยังไม่ทันได้หย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้ดี เสียงบ่นกระปอดกระแปดของสนุกก็ดังขึ้นมาพร้อมๆ กับสีหน้าเข็ดขยาด “บ่นแบบนี้ใครได้เป็นแฟนหูชาตายห่า”
“โหยยย! เล่นดิวะ แค่นี้มึงป๊อดแล้วเหรอไอ้สนุก”
“เฮ้ย! ไม่ใช่แบบนั้นเว่ย กูแค่ถาม”
“มึงดูไอ้เชี่ยมิล ขนาดมันที่ไม่ค่อยสนใจอะไรยังไม่ค้านเลย เปิดโทรศัพท์เล่นเกมสบายใจเฉิบอีกแล้วมั้งน่ะ คิดซะว่าจีบขำๆ จบป่ะ”
“เออ! จบก็จบ”ถ้าคุณสามารถเลือกได้ว่าอยากให้ใครสักหนึ่งจีบอาจารย์นายติด
คุณจะเลือกใคร ?
A : ภาค (ภาคิน สุปัญญา) - หัวโจกของกลุ่ม ชอบเล่นอะไรแผลงๆ
B : สนุก (ชวกร พิษณุวัชร์) - เด็กแว่นจอมซื่อ อ่อนโยน เชื่อคนง่าย
C : มิล (รามิล วรวิบูล) - เงียบขรึม ไม่ค่อยพูด สนใจเกมมากกว่าผู้หญิง
เลือกเสร็จแล้วเก็บชื่อเขาคนนั้นไว้ในใจ
หลังจากนี้เราไปลุ้นกันต่อว่าคนที่คุณเลือกใช่คนเดียวกับอาจารย์นายหรือเปล่า
บทที่ 2 ตามมาติดๆ เลยค่ะ
ใครอยู่ทีมไหนกันบ้างคะ #ทีมภาค #ทีมสนุก #ทีมมิล
แต่คนเขียนนี่ #ทีมอาจารย์นาย ค่ะ อิๆ
แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ ♥