บังเอิญครั้งแรก29 ธันวาคม 2558
สองเดือนแล้ว สำหรับการติดตามนักศึกษาสถาปัตย์ มหาวิทยาลัยชื่อดังคนหนึ่งบนโปรแกรมยอดฮิตอย่างอินสตราแกรม ที่เขารู้ว่าเจ้าคนนี้เรียนคณะอะไรและที่ไหน ก็เพราะสิ่งเดียวที่เจ้าตัวเขียนลงในพื้นที่แนะนำตัวเองก็คือคณะที่ตนศึกษาอยู่
และไม่น่าเชื่อว่าบุคคลผู้น่าสนใจคนนั้น จะกดติดตามเขากลับ
ก็เขาน่ะ เป็นเพียงนักเรียนทุนรัฐบาลที่เพิ่งเรียนจบและกลับมารอทำงานใช้ทุนหลังปีใหม่ ระหว่างนี้จึงมีโอกาสมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกับญาติๆที่ต่างจังหวัด พูดง่ายๆ เขาก็คือคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีอะไรโดดเด่นนั่นแหละ ถ้าหากจะมีอะไรสักหนึ่งอย่างก็คงเป็นการเรียนหนังสือและการทำงานที่เขาทำได้ดีที่สุดกระมัง
ในอินสตราแกรมของเขาก็ไม่ได้มีรูปถ่ายที่มีนัยยะหรือแฝงแนวความคิดอะไรเอาไว้ ส่วนใหญ่ก็รูปตัวเองกับเพื่อนๆ รูปสัตว์เลี้ยงที่เขาเลี้ยงไว้สองตัว หรือสถานที่ต่างๆที่เคยไปแวะเวียนไปเที่ยวเท่านั้น และจำนวนรูปที่เขามีน่ะ ไม่ถึง 40 รูปเสียด้วยซ้ำ คนถูกใจอย่างมากก็แค่แปดสิบคน คนกดติดตามก็ไม่ถึงห้าร้อยหรอก มีแค่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่รู้จักกันเสียมากกว่า
แรกเริ่มเดิมทีที่ได้รู้จักคนๆนี้นั้น เป็นเพียงเพราะความบังเอิญ ที่เจอและเห็นว่ารูปถ่ายแต่ละรูปนั้นของคนๆนี้นั้นดูน่าสนใจ ถ่ายรูปอะไรออกมา ก็ดูมีแนวความคิด การจัดองค์ประกอบ สีสันบรรยากาศหรือสิ่งอื่นๆก็ดูลงตัวไปเสียหมด พูดง่ายๆก็คือเป็นรูปที่ดูมีอะไร ที่บางครั้งเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรที่ว่านั่น มันคืออะไร แต่ก็สวยดี ก็คงเป็นลักษณะหนึ่งของคนเรียนคณะนี้กระมัง
แต่ว่าก็ว่าเถอะ ถึงคนๆนี้จะอัพโหลดรูปอื่นๆไว้เกือบห้าร้อยรูป แต่กลับไม่มีรูปเจ้าตัวเลยแม้แต่รูปเดียว
ในตอนแรก เขาไม่ได้นึกสะดุดใจกับคนๆนี้เท่าไรนักหรอก เพียงแค่กดติดตามเพราะชื่นชอบในสไตล์การถ่ายรูปเท่านั้นเอง จนเมื่อไม่นานมานี้นี่แหละที่รู้สึกว่าโลกมันช่างกลมเสียเหลือเกิน
arthitttt_ 37m
ระนอง..ลองนะ
นั่นประไร
นายอาทิตย์คนนั้น เพิ่งจะอัพโหลดรูปภาพเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว
ที่สำคัญ เป็นที่ที่เขากำลังเอาขาจุ่มน้ำให้ปลาตอดเล่นในตอนนี้
ใช่แล้ว เขาอยู่ระนอง
และที่แห่งนี้ ก็คือบ่อน้ำพุร้อนแห่งหนึ่งในระนอง
สถานที่ซึ่งรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ อากาศช่วงเดือนธันวาคมแบบนี้ ทำให้รู้สึกหนาวเย็นเล็กๆน้อย มีเสียงผู้คนพูดคุยกันบ้าง แต่ไม่ได้ดังเซ็งแซ่ขนาดที่จะทำให้วันหยุดพักผ่อนของเขาน่าเบื่อและจืดชืด กลับกันมันเป็นเสียงแห่งความสุขที่กำลังพอดี ยิ่งรวมกับเสียงร้องของสัตว์บางชนิดด้วยแล้ว ยิ่งที่ให้คนที่เหนื่อยล้าจากการทำงานอย่างเขารู้สึกเต็มอิ่มอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อเห็นนายอาทิตย์คนนั้นอัพโหลดรูปที่เห็นว่าอยู่ในสถานที่เดียวกัน ก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวซ้าย แลขวา
คนไหนกันหนอ คืออาทิตย์คนนั้น
หันซ้าย..ก็มีลุงที่ค่อนข้างสูงวัย มากับหลานสาวตัวน้อยๆหน้าตาคำเข้ม
หันขวา..ก็มีกลุ่มเด็กมัธยมหัวเกรียน ใส่ชุดนักเรียนม.ต้น ที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าใช่อาทิตย์ได้
เมื่อมองหารอบกายแล้วไม่เจอ เขาจึงนั่งแช่ขาในน้ำ เล่นโทรศัพท์มือถือไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจอะไรอีก แต่ก็ไม่พลาดที่จะอัพโหลดรูปลงอินสตราแกรม
จวบจนเช้าวันที่สอง กับการอยู่ จ.ระนอง เมืองเล็กๆแต่สิ่งสวยงามมากมายแห่งนี้
วันนี้เขาและญาติๆมีแพลนว่าจะไปเที่ยวและนอนพักเกาะสน
เกาะสน ก็เกาะที่มีโรงแรมและคาสิโนที่อยู่ฝั่งพม่านั่นแหละ แต่รอจนบ่ายคล้อย ถึงจะเสร็จธุระแล้วได้เวลาขึ้นเรือออกเดินทาง
บรรยากาศวันนี้แจ่มใส แม้ว่าแสงแดดที่ส่องมาจะดูเหมือนร้อน แต่ไม่ร้อนเท่าไรนักมีลมพัดโกรกกำลังดี
หลังจากทำหนังต่อคิวทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวเสร็จ เขาก็นั่งเรือสปีดโบ๊ทไปประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ เท้าทั้งสองข้างก็ได้แตะชายฝั่งพม่า แอบคิดเล่นว่านี่จะถือว่าเป็นการมาเที่ยวต่างประเทศได้หรือเปล่าหนอ
เมื่อได้เข้าไปในโรงแรมถึงได้รู้ว่า บรรยากาศที่ดีมากและที่สำคัญ ทัศนียภาพดีมากมายยิ่งกว่า
โรงแรมตั้งอยู่บนเขาที่ติดกับทะเลอันดามัน ทำให้มองเห็นทะเลได้ตลอดวัน ตัวอาคารถูกออกแบบให้มีหน้าต่างบานใหญ่แทบจะรอบตัว เพื่อให้ลมทะเลพัดผ่านได้ โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศเลยเสียด้วยซ้ำ และที่สำคัญที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยต้นไม้พืชพันธุ์ที่ทำให้รู้สึกร่มเย็นมากขึ้นไปอีก
ดังนั้น คนชอบถ่ายรูปไปเรื่อยอย่างเขา อดไม่ได้ที่จะยกโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อย และเช่นกันแอพลิเคชั่นอินสตราแกรมก็ถูกเปิดใช้งานขึ้นอีกครั้งพร้อมอัพรูปดังกล่าวใส่ลงไป หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจโซเชียลมีเดียอีกจนกระทั่งแยกย้ายเข้าห้องพัก
แต่แล้วก็มีสิ่งแปลกใหม่ที่ถูกส่งเข้ามาในอินสตาแกรมของเขา
arthitttt_ บังเอิญมาก
หืมม ไดเรคท์เมสเสจ จากนายอาทิตย์คนนั้น
เพิ่งรู้เดี๋ยวนั้นเอง ว่าอินสตราแกรมมีฟังก์ชั่นนี้อยู่
w_na หืม ว่าไง?
arthitttt_ ก็บังเอิญไง เราก็อยู่ระนอง
อืม.. ตอนนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าควรตอบอะไรไป ก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวนี่นะ
arthitttt_ ไปเที่ยวที่เดียวกันเลย กลับวันไหนอ่ะ
w_na พรุ่งนี้ แล้ว?
arthitttt_ เหมือนกัน
ยังไม่ทันที่จะตอบอะไร ข้อความที่สองก็ถูกส่งมาจากนายอาทิตย์คนเดิม
arthitttt_ ไปเที่ยวกันมั้ย ไปเดินพระราชวังกัน
w_na ผมยังอยู่เกาะสนอยู่เลย คงไม่สะดวก ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะ
arthitttt_ โอเคได้เลยครับ แล้วจะนอนยังอ่ะ
w_na กำลังจะนอนแล้วครับ ฝันดีนะน้องอาทิตย์
arthitttt_ เฮ้ยย อย่าเพิ่งนอนดิ อีกแปปนึงค่อยนอน
w_na หืม มีอะไรหรือเปล่าล่ะ
หลังจากนั้นนายอาทิตย์ก็ชวนคุยสัพเพเหระไปเรื่อย ถ้าให้เดา เขาว่าคนๆนี้คงหวงความเป็นส่วนตัวน่าดูเลย เพราะชื่ออะไรก็ไม่บอก (เขาเลยถือวิสาสะ เรียกอาทิตย์ไปนั่นแหละ) อายุก็ไม่บอก และไม่ถามข้อมูลอะไรเขาเลยด้วยซ้ำ แต่กระนั้นแล้วก็คุยกัน จนเวลาล่วงเลยเกือบจะถึงเช้าวันใหม่ ต่างคนก็เลยแยกย้ายไปนอน
เช้าวันสุดท้ายของปีเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่ค่อยแจ่มใสนัก เนื่องจากเมื่อคืนเขาอยู่คุยกับเจ้าเด็กมหา’ลัยคนนั้นจนเกือบถึงเช้า ไม่รู้ป่านนี้จะกลับบ้านไปหรือยัง กะว่าเมื่อเหยียบฝั่งไทย จะเมสเสจไปหาเสียสักหน่อย เผื่อว่าถ้ายังไม่กลับ คงมีโอกาสเลี้ยงข้าวก่อนกลับสักมื้อ ไหนๆก็บังเอิญขนาดนี้ แถมเจ้านั่นยังอัธยาศัยดีอย่างหาตัวจับยาก ชวนเขาคุยเสียงครึ่งค่อนคืน อดคิดไม่ได้ว่าถ้าอยู่กับสาวๆ คงเจ้าชู้น่าดู
เขากลับมาถึงระนองก็จวนครึ่งวันเข้าไปแล้ว ตอนแรกเรามีแผนที่ตามไปสมทบเคาท์ดาวน์กับเพื่อนๆที่หัวหิน แต่ดูเวลาและกิจกรรมของญาติๆแล้ว แผนเคาท์ดาวน์ของเขาคงพังไม่เป็นท่าเสียแล้วล่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก เขาไม่ได้เป็นคนซีเรียสขนาดนั้น
ระหว่างรอญาติๆถ่ายรูปที่ภูเขาหญ้าหรือที่เจ้าถิ่นเรียกว่าเขาหัวล้านนั้น เขาก็หยิบโทรศัพท์เครื่องเดิม เปิดแอพลิเคชั่นสุดฮิตและส่งข้อความไปหา
w_na กลับกันหรือยังครับ
ไม่ถึงหนึ่งนาที ข้อความก็ถูกส่งกลับมาอย่างรวดเร็ว
arthitttt_ ออกมานานแล้วพี่ ประจวบฯละคับ
w_na เดินทางปลอดภัยนะครับ
arthitttt_ อืม ขอบคุณคับ
ใครจะเชื่อว่านั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เราได้คุยกัน แม้ว่าหลังจากนั้น เวลาจะผ่านมาเกือบเดือน เขายังอัพโหลดรูป และนายอาทิต์คนนั้นก็ยังคงอัพโหลดรูปให้เห็นเป็นปกติ เพิ่มมาหน่อยคือเริ่มมีรูปคนบ้าง แต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าคนไหนคือนายอาทิตย์ หรือในทั้งหมดในบรรดาคนที่มีอยู่ในรูป จะมีนายอาทิตย์อยู่ในรูปบ้างไหม
นอกจากคอยกดไลค์ให้กันอย่างเงียบๆ เราก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อื่นๆต่อกันเลย
นึกว่าเรารู้จักกันแล้วเสียอีก ไม่รู้เป็นเพราะอะไรที่ระหว่างนี้ เขามักจะคอยหาเหตุผลทักไปเสมอ แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลที่ดีพอ จึงได้แต่เก็บความอยากคุย อยากรู้จักเอาไว้ในใจ และใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนทุกวัน
.
.
.
จวบจนเข้าเดือนกุมภาพันธ์ อากาศเริ่มไม่ค่อยหนาวเท่าไร เรียกได้ว่ากำลังสบายมากกว่า เขาเริ่มทำงานได้สองเดือนแล้ว นับจากปีใหม่หลังจากกลับมาจากระนองนั่นแหละ
วันนี้ฤกษ์งามยามดี เขาและเพื่อนๆสมัยมัธยม นัดกันรวมตัวที่งานเกษตรแฟร์ จากเดิมที่นัดกันไว้ว่าเจอกันประมาน 6 โมงเย็น แต่เนื่องจากอยู่ในช่วงเย็นวันศุกร์แบบนี้ เป็นเขาเองนี่แหละที่ไปสายกว่าที่นัดไว้ ติดแหง็กอยู่บนรถ ก็กว่าจะผ่านการจราจรที่ติดวินาศสันตะโรตั้งแต่ช่วงห้าแยกลาดพร้าวจนถึงแยกเกษตรเนี่ย ไม่ใช่เรื่องง่ายและน่าบันเทิงใจเอาเสียเลย ไม่รู้ป่านนี้แม่เขาที่บ้านจะจามจนเป็นหวัด จากพวกเพื่อนๆก่นด่าเขาหรือยัง
เขามาถึงเกือบๆสองทุ่มเห็นจะได้ แม้ว่าจะเคยมางานเกษตรแฟร์แล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งเขาก็ยังคงสับสนกับสถานที่ตั้งแต่ละจุดอยู่ดี จนต้องเรียกโทรเรียกเพื่อนศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ช่วยมารับเขาจากจุดนี้ที
“เออ กูอยู่ประตูงามฯเนี่ย”
‘งามฯ 1 หรืองามฯ 2 ล่ะวะ กูจะได้ไปถูก’
“กูก็ไม่รู้ว่ะ ว่าอันไหน 1 อันไหน 2”
เขาถกเถียงกับเพื่อนทางโทรศัพท์ไปพลาง สายตาเหลือบมองเห็นผู้ชายใส่ชุดนิสิต ลักษณะตัวไม่ใหญ่นัก แต่เล็กกว่าเขาโขเลยล่ะ ยืนลับๆล่อๆอยู่หลังเสา และเหมือนสายตาของนิสิตคนนั้นจะมองตรงมาที่เขา เพราะเขาหันซ้ายแลขวาแล้วไม่มีใครยืนอยู่รอบๆเขาเลยสักคน จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆไม่ได้ แต่ระยะห่างขนาดนี้บวกกับสายตาสั้นนิดๆของเขา ทำให้ไม่สามารถมองเห็นหน้าชายคนนั้นได้ชัดเจน เห็นเพียงลักษณะลางๆเท่านั้น เขาจึงเดินตามไป หวังจะสอบถามให้รู้เรื่อง แต่เพียงก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงเพื่อนก็ดังตามหลังมา
“ไอ้
นนท์วางสายหาพ่องเหรอ กูกับไอ้มิกก็ตามหาซะให้วุ่น” แม้ว่าจะเสียดายนิดหน่อยที่ไม่รู้ว่าคนที่มายืนลับๆล่อๆตรงนั้น ต้องการจะเอาอะไรจากเขากันแน่ เผื่อเป็นมิจฉาชีพจะได้บอกให้ศูนย์ประชาสัมพันธ์ประกาศให้คนในงานได้ระวังตัว
“แล้วนั่นมึงมองหาอะไรอยู่”
“กูว่ากูเห็น....” หันกลับไปที่เสาต้นเดิม ไอ้เจ้านิสิตชายคนนั้นก็ไม่อยู่เสียแล้ว
“ช่างเหอะว่ะ ไปกันเหอะ พวกมันรอแย่แล้ว”
ระหว่างทางเดินไปที่จุดนัดพบ ไอ้เพื่อนตัวดีสองคนของเขาก็เดินคุยกันมาตลอดทาง มีแต่เขาที่คอยเงียบๆฟังมาคุยกัน ก็ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่พูดเก่งสักเท่าไร ถนัดฟังเสียมากกว่า
พวกเขาเดินคุยกันมาเรื่อยๆตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเสียนานจนกระทั่งมีเสี้ยววินาทีหนึ่งที่เขาบังเอิญเดินสวนกันกับคนแปลกหน้า
เหมือนโลกหยุดหมุน
เหมือนเสียงเซ็งแซ่รอบตัวถูกดูดหายไป
เหมือนทุกๆอย่างที่เคลื่อนไหว หยุดนิ่งราวกับถูกสาบ
เขาหันไปมอง และสิ่งที่ได้รับกลับคืนมาคืนรอยยิ้มจนแทบจะตาหยีของคนแปลกหน้า
เขากำลังจะอ้าปากถามแต่ดูเหมือนเสียงที่ใช้มาตลอดยี่สิบกว่าปีถูกกลืนหายไป
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ คนแปลกหน้าคนนั้น พยักหน้าตอบรับให้เขา
นี่มัน.. นิสิตคนเมื่อกี้ ไม่ผิดแน่ และ
นี่แหละ..อาทิตย์ ไม่ผิดแน่.........................................................