[เรื่องสั้น]...เรื่องบังเอิญ ☻ (บังเอิญครั้งที่ 3) 14.01.2560
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น]...เรื่องบังเอิญ ☻ (บังเอิญครั้งที่ 3) 14.01.2560  (อ่าน 2298 ครั้ง)

ออฟไลน์ wars

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 




ความบังเอิญ เปลี่ยนชีวิตฉันไปแค่แรกเจอ
ที่พบเธอ ก็เหมือนเจอทุกสิ่งที่ฉันรอ

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2017 22:43:46 โดย wars »

ออฟไลน์ wars

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: [เรื่องสั้น]...เรื่องบังเอิญ ☻
«ตอบ #1 เมื่อ05-01-2017 15:46:03 »

บังเอิญครั้งแรก


29 ธันวาคม 2558

           สองเดือนแล้ว สำหรับการติดตามนักศึกษาสถาปัตย์ มหาวิทยาลัยชื่อดังคนหนึ่งบนโปรแกรมยอดฮิตอย่างอินสตราแกรม ที่เขารู้ว่าเจ้าคนนี้เรียนคณะอะไรและที่ไหน ก็เพราะสิ่งเดียวที่เจ้าตัวเขียนลงในพื้นที่แนะนำตัวเองก็คือคณะที่ตนศึกษาอยู่
 
           และไม่น่าเชื่อว่าบุคคลผู้น่าสนใจคนนั้น จะกดติดตามเขากลับ
 
           ก็เขาน่ะ เป็นเพียงนักเรียนทุนรัฐบาลที่เพิ่งเรียนจบและกลับมารอทำงานใช้ทุนหลังปีใหม่ ระหว่างนี้จึงมีโอกาสมาเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกับญาติๆที่ต่างจังหวัด พูดง่ายๆ เขาก็คือคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีอะไรโดดเด่นนั่นแหละ ถ้าหากจะมีอะไรสักหนึ่งอย่างก็คงเป็นการเรียนหนังสือและการทำงานที่เขาทำได้ดีที่สุดกระมัง

        ในอินสตราแกรมของเขาก็ไม่ได้มีรูปถ่ายที่มีนัยยะหรือแฝงแนวความคิดอะไรเอาไว้ ส่วนใหญ่ก็รูปตัวเองกับเพื่อนๆ รูปสัตว์เลี้ยงที่เขาเลี้ยงไว้สองตัว หรือสถานที่ต่างๆที่เคยไปแวะเวียนไปเที่ยวเท่านั้น และจำนวนรูปที่เขามีน่ะ ไม่ถึง 40 รูปเสียด้วยซ้ำ คนถูกใจอย่างมากก็แค่แปดสิบคน คนกดติดตามก็ไม่ถึงห้าร้อยหรอก มีแค่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่รู้จักกันเสียมากกว่า

         แรกเริ่มเดิมทีที่ได้รู้จักคนๆนี้นั้น เป็นเพียงเพราะความบังเอิญ ที่เจอและเห็นว่ารูปถ่ายแต่ละรูปนั้นของคนๆนี้นั้นดูน่าสนใจ ถ่ายรูปอะไรออกมา ก็ดูมีแนวความคิด การจัดองค์ประกอบ สีสันบรรยากาศหรือสิ่งอื่นๆก็ดูลงตัวไปเสียหมด พูดง่ายๆก็คือเป็นรูปที่ดูมีอะไร ที่บางครั้งเขาเองก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรที่ว่านั่น มันคืออะไร แต่ก็สวยดี ก็คงเป็นลักษณะหนึ่งของคนเรียนคณะนี้กระมัง

         แต่ว่าก็ว่าเถอะ ถึงคนๆนี้จะอัพโหลดรูปอื่นๆไว้เกือบห้าร้อยรูป แต่กลับไม่มีรูปเจ้าตัวเลยแม้แต่รูปเดียว

         ในตอนแรก เขาไม่ได้นึกสะดุดใจกับคนๆนี้เท่าไรนักหรอก เพียงแค่กดติดตามเพราะชื่นชอบในสไตล์การถ่ายรูปเท่านั้นเอง จนเมื่อไม่นานมานี้นี่แหละที่รู้สึกว่าโลกมันช่างกลมเสียเหลือเกิน

                    arthitttt_                            37m
                                  ระนอง..ลองนะ

         นั่นประไร
         นายอาทิตย์คนนั้น เพิ่งจะอัพโหลดรูปภาพเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว
         ที่สำคัญ เป็นที่ที่เขากำลังเอาขาจุ่มน้ำให้ปลาตอดเล่นในตอนนี้

         ใช่แล้ว เขาอยู่ระนอง
         และที่แห่งนี้ ก็คือบ่อน้ำพุร้อนแห่งหนึ่งในระนอง

         สถานที่ซึ่งรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ อากาศช่วงเดือนธันวาคมแบบนี้ ทำให้รู้สึกหนาวเย็นเล็กๆน้อย มีเสียงผู้คนพูดคุยกันบ้าง แต่ไม่ได้ดังเซ็งแซ่ขนาดที่จะทำให้วันหยุดพักผ่อนของเขาน่าเบื่อและจืดชืด กลับกันมันเป็นเสียงแห่งความสุขที่กำลังพอดี ยิ่งรวมกับเสียงร้องของสัตว์บางชนิดด้วยแล้ว ยิ่งที่ให้คนที่เหนื่อยล้าจากการทำงานอย่างเขารู้สึกเต็มอิ่มอย่างไม่น่าเชื่อ

         เมื่อเห็นนายอาทิตย์คนนั้นอัพโหลดรูปที่เห็นว่าอยู่ในสถานที่เดียวกัน ก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวซ้าย แลขวา
 
         คนไหนกันหนอ คืออาทิตย์คนนั้น
         หันซ้าย..ก็มีลุงที่ค่อนข้างสูงวัย มากับหลานสาวตัวน้อยๆหน้าตาคำเข้ม
         หันขวา..ก็มีกลุ่มเด็กมัธยมหัวเกรียน ใส่ชุดนักเรียนม.ต้น ที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าใช่อาทิตย์ได้

         เมื่อมองหารอบกายแล้วไม่เจอ เขาจึงนั่งแช่ขาในน้ำ เล่นโทรศัพท์มือถือไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจอะไรอีก แต่ก็ไม่พลาดที่จะอัพโหลดรูปลงอินสตราแกรม

         จวบจนเช้าวันที่สอง กับการอยู่ จ.ระนอง เมืองเล็กๆแต่สิ่งสวยงามมากมายแห่งนี้
         วันนี้เขาและญาติๆมีแพลนว่าจะไปเที่ยวและนอนพักเกาะสน

         เกาะสน ก็เกาะที่มีโรงแรมและคาสิโนที่อยู่ฝั่งพม่านั่นแหละ แต่รอจนบ่ายคล้อย ถึงจะเสร็จธุระแล้วได้เวลาขึ้นเรือออกเดินทาง

         บรรยากาศวันนี้แจ่มใส แม้ว่าแสงแดดที่ส่องมาจะดูเหมือนร้อน แต่ไม่ร้อนเท่าไรนักมีลมพัดโกรกกำลังดี
              หลังจากทำหนังต่อคิวทำหนังสือผ่านแดนชั่วคราวเสร็จ เขาก็นั่งเรือสปีดโบ๊ทไปประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ เท้าทั้งสองข้างก็ได้แตะชายฝั่งพม่า แอบคิดเล่นว่านี่จะถือว่าเป็นการมาเที่ยวต่างประเทศได้หรือเปล่าหนอ

         เมื่อได้เข้าไปในโรงแรมถึงได้รู้ว่า บรรยากาศที่ดีมากและที่สำคัญ ทัศนียภาพดีมากมายยิ่งกว่า

              โรงแรมตั้งอยู่บนเขาที่ติดกับทะเลอันดามัน ทำให้มองเห็นทะเลได้ตลอดวัน ตัวอาคารถูกออกแบบให้มีหน้าต่างบานใหญ่แทบจะรอบตัว เพื่อให้ลมทะเลพัดผ่านได้ โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศเลยเสียด้วยซ้ำ และที่สำคัญที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยต้นไม้พืชพันธุ์ที่ทำให้รู้สึกร่มเย็นมากขึ้นไปอีก

               ดังนั้น คนชอบถ่ายรูปไปเรื่อยอย่างเขา อดไม่ได้ที่จะยกโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเสียหน่อย และเช่นกันแอพลิเคชั่นอินสตราแกรมก็ถูกเปิดใช้งานขึ้นอีกครั้งพร้อมอัพรูปดังกล่าวใส่ลงไป หลังจากนั้นก็ไม่ได้สนใจโซเชียลมีเดียอีกจนกระทั่งแยกย้ายเข้าห้องพัก

         แต่แล้วก็มีสิ่งแปลกใหม่ที่ถูกส่งเข้ามาในอินสตาแกรมของเขา

                    arthitttt_ บังเอิญมาก

   
         หืมม ไดเรคท์เมสเสจ จากนายอาทิตย์คนนั้น
         เพิ่งรู้เดี๋ยวนั้นเอง ว่าอินสตราแกรมมีฟังก์ชั่นนี้อยู่

                    w_na หืม ว่าไง?
                    arthitttt_ ก็บังเอิญไง เราก็อยู่ระนอง

         อืม.. ตอนนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าควรตอบอะไรไป ก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวนี่นะ

                    arthitttt_ ไปเที่ยวที่เดียวกันเลย กลับวันไหนอ่ะ
                    w_na พรุ่งนี้ แล้ว?
                    arthitttt_ เหมือนกัน

         ยังไม่ทันที่จะตอบอะไร ข้อความที่สองก็ถูกส่งมาจากนายอาทิตย์คนเดิม

                    arthitttt_ ไปเที่ยวกันมั้ย ไปเดินพระราชวังกัน
                    w_na ผมยังอยู่เกาะสนอยู่เลย คงไม่สะดวก ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะ
                    arthitttt_ โอเคได้เลยครับ แล้วจะนอนยังอ่ะ
                    w_na กำลังจะนอนแล้วครับ ฝันดีนะน้องอาทิตย์
                    arthitttt_ เฮ้ยย อย่าเพิ่งนอนดิ อีกแปปนึงค่อยนอน
                    w_na หืม มีอะไรหรือเปล่าล่ะ

         หลังจากนั้นนายอาทิตย์ก็ชวนคุยสัพเพเหระไปเรื่อย ถ้าให้เดา เขาว่าคนๆนี้คงหวงความเป็นส่วนตัวน่าดูเลย เพราะชื่ออะไรก็ไม่บอก (เขาเลยถือวิสาสะ เรียกอาทิตย์ไปนั่นแหละ) อายุก็ไม่บอก และไม่ถามข้อมูลอะไรเขาเลยด้วยซ้ำ แต่กระนั้นแล้วก็คุยกัน จนเวลาล่วงเลยเกือบจะถึงเช้าวันใหม่ ต่างคนก็เลยแยกย้ายไปนอน


         เช้าวันสุดท้ายของปีเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่ค่อยแจ่มใสนัก เนื่องจากเมื่อคืนเขาอยู่คุยกับเจ้าเด็กมหา’ลัยคนนั้นจนเกือบถึงเช้า ไม่รู้ป่านนี้จะกลับบ้านไปหรือยัง กะว่าเมื่อเหยียบฝั่งไทย จะเมสเสจไปหาเสียสักหน่อย เผื่อว่าถ้ายังไม่กลับ คงมีโอกาสเลี้ยงข้าวก่อนกลับสักมื้อ ไหนๆก็บังเอิญขนาดนี้ แถมเจ้านั่นยังอัธยาศัยดีอย่างหาตัวจับยาก ชวนเขาคุยเสียงครึ่งค่อนคืน อดคิดไม่ได้ว่าถ้าอยู่กับสาวๆ คงเจ้าชู้น่าดู


         เขากลับมาถึงระนองก็จวนครึ่งวันเข้าไปแล้ว ตอนแรกเรามีแผนที่ตามไปสมทบเคาท์ดาวน์กับเพื่อนๆที่หัวหิน แต่ดูเวลาและกิจกรรมของญาติๆแล้ว แผนเคาท์ดาวน์ของเขาคงพังไม่เป็นท่าเสียแล้วล่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก เขาไม่ได้เป็นคนซีเรียสขนาดนั้น

         ระหว่างรอญาติๆถ่ายรูปที่ภูเขาหญ้าหรือที่เจ้าถิ่นเรียกว่าเขาหัวล้านนั้น เขาก็หยิบโทรศัพท์เครื่องเดิม เปิดแอพลิเคชั่นสุดฮิตและส่งข้อความไปหา


                    w_na กลับกันหรือยังครับ

         ไม่ถึงหนึ่งนาที ข้อความก็ถูกส่งกลับมาอย่างรวดเร็ว

                    arthitttt_ ออกมานานแล้วพี่ ประจวบฯละคับ
                    w_na เดินทางปลอดภัยนะครับ
                    arthitttt_ อืม ขอบคุณคับ


         ใครจะเชื่อว่านั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เราได้คุยกัน แม้ว่าหลังจากนั้น เวลาจะผ่านมาเกือบเดือน เขายังอัพโหลดรูป และนายอาทิต์คนนั้นก็ยังคงอัพโหลดรูปให้เห็นเป็นปกติ เพิ่มมาหน่อยคือเริ่มมีรูปคนบ้าง แต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าคนไหนคือนายอาทิตย์ หรือในทั้งหมดในบรรดาคนที่มีอยู่ในรูป จะมีนายอาทิตย์อยู่ในรูปบ้างไหม

         นอกจากคอยกดไลค์ให้กันอย่างเงียบๆ เราก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อื่นๆต่อกันเลย


      นึกว่าเรารู้จักกันแล้วเสียอีก


         ไม่รู้เป็นเพราะอะไรที่ระหว่างนี้ เขามักจะคอยหาเหตุผลทักไปเสมอ แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่มีเหตุผลที่ดีพอ จึงได้แต่เก็บความอยากคุย อยากรู้จักเอาไว้ในใจ และใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนทุกวัน
.
.
.

         จวบจนเข้าเดือนกุมภาพันธ์

         อากาศเริ่มไม่ค่อยหนาวเท่าไร เรียกได้ว่ากำลังสบายมากกว่า เขาเริ่มทำงานได้สองเดือนแล้ว นับจากปีใหม่หลังจากกลับมาจากระนองนั่นแหละ

         วันนี้ฤกษ์งามยามดี เขาและเพื่อนๆสมัยมัธยม นัดกันรวมตัวที่งานเกษตรแฟร์ จากเดิมที่นัดกันไว้ว่าเจอกันประมาน 6 โมงเย็น แต่เนื่องจากอยู่ในช่วงเย็นวันศุกร์แบบนี้ เป็นเขาเองนี่แหละที่ไปสายกว่าที่นัดไว้ ติดแหง็กอยู่บนรถ ก็กว่าจะผ่านการจราจรที่ติดวินาศสันตะโรตั้งแต่ช่วงห้าแยกลาดพร้าวจนถึงแยกเกษตรเนี่ย ไม่ใช่เรื่องง่ายและน่าบันเทิงใจเอาเสียเลย ไม่รู้ป่านนี้แม่เขาที่บ้านจะจามจนเป็นหวัด จากพวกเพื่อนๆก่นด่าเขาหรือยัง

         เขามาถึงเกือบๆสองทุ่มเห็นจะได้ แม้ว่าจะเคยมางานเกษตรแฟร์แล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งเขาก็ยังคงสับสนกับสถานที่ตั้งแต่ละจุดอยู่ดี จนต้องเรียกโทรเรียกเพื่อนศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ช่วยมารับเขาจากจุดนี้ที


   “เออ กูอยู่ประตูงามฯเนี่ย”
   ‘งามฯ 1 หรืองามฯ 2 ล่ะวะ กูจะได้ไปถูก’
   “กูก็ไม่รู้ว่ะ ว่าอันไหน 1 อันไหน 2”


         เขาถกเถียงกับเพื่อนทางโทรศัพท์ไปพลาง สายตาเหลือบมองเห็นผู้ชายใส่ชุดนิสิต ลักษณะตัวไม่ใหญ่นัก แต่เล็กกว่าเขาโขเลยล่ะ ยืนลับๆล่อๆอยู่หลังเสา และเหมือนสายตาของนิสิตคนนั้นจะมองตรงมาที่เขา เพราะเขาหันซ้ายแลขวาแล้วไม่มีใครยืนอยู่รอบๆเขาเลยสักคน จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกๆไม่ได้ แต่ระยะห่างขนาดนี้บวกกับสายตาสั้นนิดๆของเขา ทำให้ไม่สามารถมองเห็นหน้าชายคนนั้นได้ชัดเจน เห็นเพียงลักษณะลางๆเท่านั้น เขาจึงเดินตามไป หวังจะสอบถามให้รู้เรื่อง แต่เพียงก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงเพื่อนก็ดังตามหลังมา

   “ไอ้นนท์วางสายหาพ่องเหรอ กูกับไอ้มิกก็ตามหาซะให้วุ่น” แม้ว่าจะเสียดายนิดหน่อยที่ไม่รู้ว่าคนที่มายืนลับๆล่อๆตรงนั้น ต้องการจะเอาอะไรจากเขากันแน่ เผื่อเป็นมิจฉาชีพจะได้บอกให้ศูนย์ประชาสัมพันธ์ประกาศให้คนในงานได้ระวังตัว


   “แล้วนั่นมึงมองหาอะไรอยู่”
   “กูว่ากูเห็น....” หันกลับไปที่เสาต้นเดิม ไอ้เจ้านิสิตชายคนนั้นก็ไม่อยู่เสียแล้ว
   “ช่างเหอะว่ะ ไปกันเหอะ พวกมันรอแย่แล้ว”

         ระหว่างทางเดินไปที่จุดนัดพบ ไอ้เพื่อนตัวดีสองคนของเขาก็เดินคุยกันมาตลอดทาง มีแต่เขาที่คอยเงียบๆฟังมาคุยกัน ก็ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่พูดเก่งสักเท่าไร ถนัดฟังเสียมากกว่า

         พวกเขาเดินคุยกันมาเรื่อยๆตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันเสียนานจนกระทั่งมีเสี้ยววินาทีหนึ่งที่เขาบังเอิญเดินสวนกันกับคนแปลกหน้า

      เหมือนโลกหยุดหมุน
      เหมือนเสียงเซ็งแซ่รอบตัวถูกดูดหายไป
      เหมือนทุกๆอย่างที่เคลื่อนไหว หยุดนิ่งราวกับถูกสาบ

      เขาหันไปมอง และสิ่งที่ได้รับกลับคืนมาคืนรอยยิ้มจนแทบจะตาหยีของคนแปลกหน้า
      เขากำลังจะอ้าปากถามแต่ดูเหมือนเสียงที่ใช้มาตลอดยี่สิบกว่าปีถูกกลืนหายไป
      แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือ คนแปลกหน้าคนนั้น พยักหน้าตอบรับให้เขา

           นี่มัน..


      นิสิตคนเมื่อกี้  ไม่ผิดแน่ และ
      นี่แหละ..อาทิตย์ ไม่ผิดแน่



.........................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2017 22:42:38 โดย wars »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: [เรื่องสั้น]...เรื่องบังเอิญ ☻
«ตอบ #2 เมื่อ05-01-2017 19:58:32 »

จบยัง?? ไม่เอาอย่าเพิ่งจบ กะลังสนุกเลย มาต่อเถอะ ช๊อบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :sad4:

ออฟไลน์ เมษายน

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
Re: [เรื่องสั้น]...เรื่องบังเอิญ ☻
«ตอบ #3 เมื่อ06-01-2017 01:02:32 »

สนุก อยากอ่านต่อ..
ชอบๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: [เรื่องสั้น]...เรื่องบังเอิญ ☻
«ตอบ #4 เมื่อ06-01-2017 08:34:05 »

อะไรทำให้พี่มั่นใจขนาดนั้นคะ

ออฟไลน์ Pittabird

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 796
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: [เรื่องสั้น]...เรื่องบังเอิญ ☻
«ตอบ #5 เมื่อ06-01-2017 10:06:58 »

มาต่ออีก. น้องแอบปิ้งพี่แน่ๆ .  พี่ก็รีบรุกเลยนะ  :hao3:

ออฟไลน์ pigarea

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
Re: [เรื่องสั้น]...เรื่องบังเอิญ ☻
«ตอบ #6 เมื่อ06-01-2017 10:50:21 »

อย่าพึ่งจบ ให้ได้คุยกันก่อน

ออฟไลน์ MOLI

  • ทำวันนี้ ได้วันนี้
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: [เรื่องสั้น]...เรื่องบังเอิญ ☻
«ตอบ #7 เมื่อ06-01-2017 19:53:31 »

ตามๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :katai4: :katai4: :katai4:

คือรู้สึกดีมากๆเลย เป็นเรื่องที่อ่านได้เรื่อยๆมากกกกกกกกกกก
อยากอ่านตอนต่อไปมาก รู้สึกว่าในเรื่องมีอะไรบางอย่าง :hao5:
ให้อารมณ์แบบพรหมลิขิตเบาๆ โลกใบนี้กลมมากจริงๆอะไรแบบนั้น
แล้วการเขียนคือดี เน้นความรู้สึก และรู้สึกเหมาะ กำลังดี55555

ออฟไลน์ wars

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บังเอิญครั้งที่ 2

                เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่เดินสวนกัน นายอาทิตย์คนนั้นหันมายิ้มให้และเดินจากไป ผมหันกลับมาเดินในเส้นทางของผม มองตรงไปข้างหน้า รอยยิ้มยังไม่หายไปจากใบหน้าผมง่ายๆ รู้สึกร้อนๆถึงใบหูเลยแฮะ

                “ใครวะ” ไอ้ตรี เพื่อนตัวดีเอ่ยถาม ดึงสติผมกลับมาอีกรอบ
                “อืม กูก็ไม่รู้ รู้แค่ชื่ออาทิตย์”
                “กูว่าเขาต้องชอบมึงแน่ๆ ยิ้มนี่กว้าง ปากจะฉีกถึงรูหูอยู่แล้ว” นี่ไอ้มิก
                “ก็แย่ละ มึงก็พูดไป เพิ่งเจอกันครั้งแรกเนี่ยแหละ”
                “เอ๊าาาา แล้วมึงไปรู้จักเขาได้ไง”
                “เรื่องมันยาวว่ะ”
                “ไอ้ตรี มึงว่าป่าววะ ถึงเขาไม่ชอบมัน แต่เพื่อนเราชอบเขาชัวร์ๆ ดูมันดิ หน้าแดงยังกับตูดลิง ยิ้มนี่กว้างกว่าเขาซะอีก ฮิ้ววว”
                “มึงก็แซวไปแซวมัน ไอ้นนท์มันชอบผู้ชายซะที่ไหน”

                ผมส่ายหัว ตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป ไม่ได้สนใจเสียงพวกมันแซวสักเท่าไหร่ ถ้าจะพูดให้ถูกคือไม่สนใจเสียงไอมิกคนเดียวเสียมากกว่า เพราะผมกับตรีน่ะ นิสัยคล้ายๆกัน คือถนัดฟังมากกว่าพูด ผิดกับเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มที่สุนัขยังเรียกพี่

                “กว่าจะมาได้นะครับพ่อนักเรียนทุน ไปอยู่โน่นนานจนลืมถนนหนทางในประเทศแล้วเหรอวะ” แค่เดินเข้ามาในระยะการมองเห็นของเพื่อนๆ ผมก็ถูกต้อนรับโดยเสียงโห่ที่ตะโกนมาจากโต๊ะของร้านอาหารที่พวกมันนั่งกันอยู่ ถ้าดูไม่ผิด น่าจะเป็นของคณะประมงค์นะ

                “โทษทีว่ะ รถติด”

                “เฮ้ย พวกมึง เมื่อกี้ไอ้นนท์มันเจอเนื้อคู่โว้ย สงสัยงานนี้พวกมึงจะมีสะใภ้เป็นตัวผู้ซะแล้วโว้ยยย”

                “ฮิ้วววววววววววววววว” พวกมันขานรับกันอย่างถูกคอ แถมเสียงดังยังกับเสียงแห่งานบวช ไม่แปลกที่โต๊ะอื่นๆจะหันมามองด้วยสายตารังเกียจ..นิดหน่อย

                ทักทายพอหอมปากหอมคอ ผมก็ได้ฤกษ์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คดู ในใจแอบหวังเล็กๆว่าจะมีข้อความจากคนที่เพิ่งเดินสวนกันไปถูกส่งเข้ามา

                 แต่ก็ไม่ว่างเปล่า
                 ไม่มีข้อความใดๆถูกส่งมาจากคนๆนั้น
                 เอาวะ ทักก่อนก็ทักก่อน

                คิดได้ดังนั้น ผมเลยหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงแสลคผ้าดีขึ้นมา กะว่าจะส่งข้อความทักทายกับคนที่เพิ่งสวนทางกันสักหน่อย ปลายนิ้วยังไม่ทันแตะหน้าจอสัมผัส ข้อความจากคนแปลกหน้าที่อาจจะกลายเป็นคนรู้จักกันในเร็วๆนี้ ก็ถูกส่งเข้ามาแทนที่ความว่างเปล่าของหน้าจอ

                 arthitttt_ บังเอิญมาก
                 w_na ใช่ บังเอิญมาก
                 arthitttt_ ผมว่าคงเป็นพรหมลิขิตแล้วล่ะ 555
                                        พี่ชื่ออะไรคับ?
                 w_na นนท์ แล้วเราล่ะ
                 arthitttt_ อาร์ทคับ ผมเรียนที่นี่แหละ พี่มาทำอะไรอะ

                อาทิตย์ก็ยังคงเป็นอาทิตย์ที่อัธยาศัยดี ชวนคุยเก่งเหมือนเดิม ผมว่าเรารู้จักตัวตนกันมากขึ้นนะ ไม่รู้สิ มันไม่เหมือนกับครั้งที่แล้วที่คุยกัน ครั้งนี้เรารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร มาจากไหน ผมก็ลองเอาชื่อเล่นและชื่อจริงของเขา พิมค้นหาในเฟซบุคดู แล้วก็ได้เจอเข้าจริงๆ
                เฟซบุคของเขา แตกต่างกับในอินสตาแกรมลิบลับเลย เพราะเขาดูไม่ได้ลึกลับ มีการคุยเล่น สนทนากับเพื่อน มีการอัพเดตชีวิตประจำวันทั้งการเรียน การงาน ไปเที่ยวหรือแม้แต่อยู่บ้าน ชีวิตเขาค่อนข้างมีชีวิตชีวาและมีสีสันพอสมควร คนติดตามเขาก็หลักพันปลายๆซึ่งมันก็บ่งบอกว่าเขาก็เป็นที่รู้จักอยู่บ้างเช่นกัน ไม่สิ เยอะเลยต่างหาก ก็แน่ล่ะ เพราะเขาหน้าตาดีนี่ ผมลองกดเป็นเพื่อนเขาในเฟซบุคดู ในใจหวังเล็กๆว่ายังพอมีพื้นที่ให้ผมได้มีโอกาสเป็นเพื่อนกับเขา แม้ในโซเชียลมีเดียก็ยังดี

                 Sorry, this user already has too many friends.
                     อืม แค่ติดตามก็ได้วะ

                หลังจากวันนั้นผมก็ติดตามเฟซบุคเขาอย่างเงียบๆ กดไลค์ให้บ้าง แต่เขาคงมองไม่เห็นหรอก เราทักกันบ้างในอินสตาแกรม แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรหรอกครับ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเกิดแอดผมกลับมาเป็นเพื่อน ผมไม่รู้หรอกว่าเขาไปทำอีท่าไหนถึงแอดผมกลับมาได้ แต่นั่นก็ทำให้ผมดีใจมาก

           ทุกๆอย่างเหมือนจะไปได้สวย เหมือนความสัมพันธ์ของเรากำลังจะเริ่มเคลื่อนที่เข้ามาใกล้กันมากขึ้น โดยที่ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร และผมต้องการอะไรกันแน่ ผมไม่ได้ชอบเขาแน่ๆล่ะ ก็ผมชอบผู้หญิง อีกอย่าง คนเพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งเดียว พูดคุยกันบ้างนิดหน่อย น้ำเสียงก็แทบจะไม่เคยได้ยินเสียด้วยซ้ำ แล้วเราจะชอบกันได้ยังไง

      ก็คงเป็นแค่ความประทับใจนั่นแหละ

                ผมเฝ้ามองดูเขาผ่านทางโซเชียลมีเดียเงียบๆ ไม่ได้มีบทสนทนาเพิ่มเติมอะไรกันอีก กระทั่งวันหนึ่ง ผมได้รับหน้าที่ให้ไปบรรยายพิเศษให้กับนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยที่เขาเรียนอยู่นั่นแหละ เลยลองส่งข้อความถามเขาไป เผื่อจะว่างมาทานข้าวด้วยกันสักมื้อ หน้าต่างการสนทนาที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมาเป็นเดือน จึงมีข้อความใหม่เขามาอีกครั้ง

                แต่จนแล้วจนรอด จวนจะสัปดาห์ก็แล้ว ยังไม่มีวี่แววที่เขาจะเปิดอ่านข้อความที่ผมส่งไป

                 โอเค ไม่มาก็ไม่มา

                กระทั่งเวลาดำเนินมาถึงเที่ยงวันจันทร์ ที่ผมต้องเข้าไปเป็นวิทยากร ก็ยังไม่มีการตอบรับหรือปฏิเสธกลับมา ก็คงไม่ได้เจอแล้วล่ะ
               
                เพราะการประชุมในตอนเช้าค่อนข้างจะยืดเยื้อและไม่ตรงตามกำหนดเวลา ทำให้ผมออกจากสำนักงานค่อนข้างจะช้ากว่าที่วางแผนไว้ ผมจึงต้องบึ่งแคมรี่คู่ใจไปทันทีโดยไม่ได้ทานมื้อเที่ยง และผมก็ยังคงเป็นผมเช่นเคย ผมยังคงจำเส้นทางในมหา’ลัยแห่งนี้ไม่ได้ทั้งที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย และด้วยความประมาทหรืออะไรก็ไม่ทราบที่ทำให้ไม่ได้ศึกษาที่ตั้งคณะมาก่อน ผมยิ่งต้องเร่งรีบเข้าไปกันใหญ่ เนื่องจากหาคณะวิศวะฯไม่เจอเสียที

                ตัวเลือกสุดท้ายในเวลานี้ก็คงจะต้องเลือกมองซ้ายขวาตามถนน หาคนที่คิดว่าน่าจะพึ่งพาได้แล้วลดกระจกลงเพื่อถามเส้นทางไปคณะวิศวะฯ

                “น้องครับ น้อง” ผมตะโกนเรียกนิสิตชาย ที่มองจากด้านหลังผมยุ่งเหยิงความยาวประบ่า ดูจากการเดินท่าทางเซื่องซึม ทั้งสองมือถือข้าวของพะรุงพะรัง ส่วนที่ไหล่ก็สะพายกระบอกซูมอันยาวทับกับกระเป๋าเป้

                 ดูยังไงก็บ้าหอบฟางชัดๆ

                “คร้าบบบบบ” เจ้านิสิตคนนั้นหันกลับมาที่ผม หน้าตาดูง่วงงุน แววตามึนงง แต่ครู่เดียว คิ้วที่ขมวดและดวงตาหยีๆคล้ายคนง่วงนั้น ก็เบิกกว้างคล้ายคนดีใจ

                “พี่นนท์!!”

                “อ้าว อาร์ท” จากที่เร่งๆรีบๆ หัวสมองผมกลับโล่งขึ้นมากระทันหัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรพูดอะไรนอกจากคำนี้

                “พี่นนท์จะไปไหนอะ”

                “วิศวะฯ..เออใช่ คณะวิศวะฯ ไปทางไหน”

                “โน่นนนอะตรงไปเลย อยู่ขวามือนะพี่ ว่าแต่พี่มาทำอะไรอะ”

                “มาเป็นเกสท์เลคเชอเรอร์ครับ แล้วอาร์ทจะไปไหนน่ะ”

                “กลับบ้านครับพี่ เพิ่งปั่นโปรเจคเสร็จ ตอนนี้นี่จะเป็นลมล้มตึง หัวดิ่งแทบจะแนบพสุธาอยู่แล้ว ฮ่าว” เจ้าตัวดีพูดไป ก็หาวไป

                “สภาพนี้เนี่ยนะ กลับยังไง”

                “รถเมล์ครับ” ของเยอะยังไม่พอ ตัวคนเองก็ดูสติสตางค์ไม่ค่อยจะครบถ้วน แม้จะไม่สนิทกัน แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้

                “สภาพนี้นี่เนี่ยนะ เอางี้ รอพี่ซักชั่วโมงนึงไหวมั้ย เดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้าน”

                ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆ การบรรยายพิเศษผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แม้ระหว่างนั้นในใจจะคอยกังวลว่าเจ้าตัวดีที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะนั่งเล่นโน๊ตบุคคอยอยู่ข้างนอกนั่น จะเป็นยังไงบ้างก็เถอะ หวังว่าจะได้พาไปส่งที่บ้าน ก่อนจะพาไปส่งโรงพยาบาลนะ

                ตามคาด ว่าที่สถาปนิกคนเก่งนอนฟุบอยู่กับโต๊ะม้าหินใต้คณะ แม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวดีจะหน้าซีดโทรม ใต้ตาหมองคล้ำ แถมมีสิวเม็ดเล็กๆโผล่ขึ้นมาตามแก้มบ้าง แต่ก็ยังดูดี แม้รอยยิ้มที่ส่งมาให้ตอนเจอกันจะดูเหนื่อยล้า แต่ก็ยังคงเป็นยิ้มที่น่ามองเหมือนครั้งแรกที่เคยพบเจอ

                 เขาดูดีจริงๆนั่นแหละ

                "อาร์ท อาร์ท.." ผมเรียกปลุกอยู่ 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้คนที่อยู่ในนิทราดูมีสติขึ้นมาเลย จึงช่วยไม่ได้ที่จะยื่นมือไปสะกิดช่วยเบาๆ

                "อาร์ท ตื่นเถอะ กลับบ้านกัน" ทันทีที่เจ้าตัวดีเงยหน้าขึ้นมา ก็รู้สึกเหมือนต่อมหัวเราะของผมทำงานขัดข้องขึ้นมาเสียอย่างนั้น ยังดีที่ตะครุบปากตัวเองเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงเสียมารยาทกับคนเดิ่งรู้จักกันพอสมควรเลย
ก็ใบหน้าที่ดูยับยู่ยี่ แก้มซ้ายก็มีรอยขีดแดงยาว คงมาจากการที่นอนเอาหน้าทับแขนนั่นแหละ แถมมุมปากยังมีรอยน้ำลายยืดๆอีกต่างหาก เชื่อแล้วล่ะ ว่าเหนื่อยจริงๆ

                "ครับ พี่นนท์" เจ้าตัวดีก็ลุกขึ้นยืน ขยี้ตาสองสามทีก่อนจะเดินตรงไปทางลานจอดรถที่ผมจอดเอาไว้ก่อนจะขึ้นไปบรรยาย เดินทั้งไปทั้งอย่างนั้นแหละครับ ไม่ได้สนใจโน๊ตบุคราคาแพงของตัวเองที่วางอยู่บนกระเป๋าเป้เลยสักนิด สุดท้ายก็ไม่พ้นผมหรอกครับ ที่เก็บของทั้งหมดลงกระเป๋าเป้ยี่ห้อดัง สีกรมท่าตัดกับสีน้ำตาลใบขนาดพอดีตัวขึ้นบ่า ก่อนจะเดินตามเจ้าเด็กขี้เซาไปที่รถ

                ตลอดทางจากมหาวิทยาลัยจนถึงบ้าน เจ้าตัวดีหลับมาตลอดทาง ก่อนจะเอนเบาะนอน หันมาบอกผมแค่ว่าแถวๆบีทีเอสอารีย์เพียงเท่านั้น และเมื่อใกล้ถึงที่หมาย เจ้าตัวก็ตื่นขึ้นมาบอกทิศทางได้เวลาพอดิบพอดีราวกับตั้งปลุกไว้

                ผมเพิ่งจะรู้ว่าบ้านที่อาร์ทหมายถึง คือคอนโดฯหรู ราคาแพง ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าไปประมาณ 300 เมตร ทำเลเหมาะกับชีวิตคิดเมืองสุดๆ แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าจากที่นี่ไปมหาวิทยาลัยหรือแม้แต่จากมหาวิทยาลัยกลับมาที่นี่ในวันที่เลิกเรียนดึก มีงานเยอะหรือกระทั่งมีของเยอะ คงทำให้ลำบากเจ้าตัวไม่ใช่น้อยเลย

                ผมเลี้ยวรถเข้ามาจอดใต้อาคารสูงที่เป็นที่อยู่ของอาร์ทเป็นเวลาไม่ถึง 2 นาทีดีเสียด้วยซ้ำ เจ้าตัวดีก็หอบของพะรุงพะรังเหมือนที่เจอกันเมื่อตอนบ่ายๆที่มหาวิทยาลัย ลงจากรถโบกมือหยอยๆ พร้อมยิ้มตาหยี ปากก็พูดขอบคุณครับๆตั้งแต่อยู่ในรถ รอจนเจ้าตัวเดินเข้าไปในล็อบบี้คอนโดฯ มองดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือเรือนเก่าก็บ่งบอกเวลา เกือบจะ 5 โมงเย็นเข้าไปแล้ว

      ป่านนี้ รถคงเริ่มติดแล้วล่ะ

                กำลังจะเลี้ยวรถออกจากดร็อป-อ๊อฟของคอนโดฯ หมายจะแวะไปหาอะไรอร่อยๆกินแล้วค่อยกลับบ้าน โทรศัพท์เครื่องเดิมก็ส่งเสียงบอกว่ามีข้อความเข้า

                 arthitttt_ บอกยามตรงทางเข้าว่าห้อง 564 ขอขึ้นมาจอดรถข้างบนก่อนนะครับ
                 w_na เป็นอะไรหรือเปล่า
                 arthitttt_ เปล่า
      .
                                แต่พี่นนท์จะไม่เลี้ยงข้าวผมซักมื้อซะหน่อยหรอครับ ☻

.............................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-01-2017 22:57:39 โดย wars »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
มีความอ้อย..ยยยย สูง    :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
น่ารัก  :-[
น้องอาร์ททอดสะพานฮิ้วววว
ว่าแต่รู้ได้ไงว่าคนนี้พี่นนท์
ก็อาร์ทไปแอบดูอยู่หลังเสา

ออฟไลน์ Brosohub

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
อื้อหื๋อ จำเขาได้ก่อน ทักก่อน ยิ้มอ่อนให้ก่อน ชวนขึ้นห้องก่อน
อ่อยไปอีกกกกกก
มาต่อนะคะ จะวนอยู่แถวนี้ รอร้อรอค่า

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
อื้อหืออออออ....อ้อยมาทั้งสวนเลยลูกกกกก
แต่ถ้าไม่เริ่มก่อนพี่เขาคงเสียเวลาอีกนานอะเนอะ 5555

ออฟไลน์ MOLI

  • ทำวันนี้ ได้วันนี้
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โธ่...น้องอาทิ๊ยยยยยยยย
น้องจะน่ารักเกินไปแล้ววววววว£$€*^&-:**^%='€
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ poterdow

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 662
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อ่อยเนียนๆนะน้องอาท

ออฟไลน์ wars

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
บังเอิญครั้งที่ 3 : ก่อนที่จะบังเอิญ


ถ้าถามว่าเราเจอกันได้ยังไง
ไม่สิ ต้องพูดว่า ถ้าถามว่าผมเจอพี่นนท์ได้ยังไง
คงจะถูกและตรงประเด็นมากกว่า


         ถ้าจะพูดถึงเรื่องนี้ คงต้องท้าวความกันยาวสักหน่อย ย้อนไปเมื่อประมาน 2-3 ปีที่แล้ว หรือปีที่พี่นนท์ก้าวเข้าสู่สถานะเด็กทุนรัฐบาลอย่างเต็มตัวนั่นแหละครับ
         ตอนนั้นผมที่เป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนชายล้วนชื่อดัง ย่านบางรัก ชั้น ม.5 พ่วงด้วยตำแหน่งหัวหน้ากรรมการนักเรียนฝ่ายกิจกรรม กำลังควบคุมการฝึกซ้อมการแปรอักษรเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานฟุตบอลประเพณีที่กำลังจะมาถึง จู่ๆสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ ผิวสีแทน ตัดผมสั้นดูสะอาดสะอ้าน ใบหน้าเรียวแต่เห็นสันกรามชัดเจน ที่เด่นที่สุดคงเป็นช่วงจมูกที่เรียวโด่งเป็นสัน ตาและคิ้วสีเข้มได้รูป ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป เรียกได้ว่ากำลังพอดีกับใบหน้านั่นแหละ ในมือของผู้ชายคนนั้นถือพวงมาลัยดอกไม้ ประมาน 3-4 ดอก เดินตรงเข้าไปหาอาจารย์คณิตศาสตร์ที่เป็นทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาของห้องเรียนและชมรมที่ผมอยู่ อาจารย์คนที่ว่าหรือที่พวกผมเรียกว่ามิสอารีย์นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวยาว บริเวณเดียวกับที่พวกผมซ้อมกันอยู่นั่นแหละ ผู้ชายตัวสูงคนนั้นคุกเข่าลงกับพื้นแล้วยกมือขึ้นไหว้มิสอารีย์ด้วยท่าทางที่อ่อนน้อม ก่อนจะยื่นพวงมาลัยดอกไม้ในมือพวกหนึ่งให้ ส่วนมิสอารีย์เองก็ดูจะน้ำตารื้น ยกมือข้างหนึ่งขึ้นปาดน้ำตาแล้วคงจะเริ่มต้นถามอะไรผู้ชายคนนั้นสักอย่าง
         แม้ว่าคนๆนั้นจะดูรูปร่างสูง และใหญ่มาก หน้าตาคมเข้มดูดุดันและเข้มงวด แต่กริยามารยาทที่ดูจากในระยะนี้ก็เห็นได้ชัดว่าอ่อนโยน ทั้งลักษณะท่าทางและแววตาคู่นั้น

         และแล้วผมคงจะทำตัวเสียมารยาทเผลอมองนานไปหน่อยหรือบังเอิญอย่างไรก็ไม่ทราบ ใบหน้าที่กำลังพูดคุยกับอาจารย์อยู่นั้นกลับหันมาสบตากับผมในเสี้ยววินาที
...................................แล้วก็หันกลับไป
         พี่ชายคนนั้นพูดคุยกับอาจารย์อีกนิดก่อนที่สายตาของผมจะเหลือบไปเห็นว่ามีลูกบอลลอยมาจากอีกฟาก พร้อมพี่ตฤณ ประธานม.6 วิ่งตามลูกบอลมาติดๆ ผมมองตามพี่ชายคนนั้นก่อนจะหันกลับไปมองทิศทางลูกบอล

         ชิบหายแล้ว!
ผมยืนหลับตาปี๋ รอรับชะตากรรมที่อีกไม่กี่อึดใจลูกบอลต้องกระทบเต็มหน้าแน่ๆ แต่แล้วก็..
แปะ!

นิ่ง
ไม่มีส่วนไหนของร่างกายผมโดยกระแทกเลยแม้แต่นิดเดียว และทุกอย่างก็เงียบสงัด มีเพียงเสียงลูกบอลกระทบพื้นเพียงเท่านั้น
ผมไม่ได้โดนลูกบอลอัด
นึกได้ดังนั้น ผมจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละนิดก่อนจะเห็น
..มือ..
หลังมือใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่งที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าผม เดาว่าคงเป็นมือปัดลูกบอลเพื่อช่วยชีวิตผมไว้
อ้อ..พี่ชายคนนั้นนั่นเอง
ดูไกลๆว่าตัวใหญ่แล้ว ดูใกล้ๆใหญ่ยิ่งกว่า แต่นั่นก็ไม่รู้เพราะผมตัวเตี้ยหรือเขาตัวสูงเกินไปกันแน่

แต่เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้นหรือ

ผมกระพริบตาปริบๆอยู่สองสามที ก่อนจะมองไปรอบๆ
รุ่นน้องที่กำลังซ้อมแปรอักษรกันอยู่ หยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วพร้อมใจกันหันมามองผม
พี่ตฤณวิ่งตามลูกบอลมาหอบแฮกๆ พร้อมกับคำว่า 'ไอ้อาร์ท พี่ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจว่ะ'
พี่ชายตัวสูงคนนั้น หันมายิ้มให้นิดๆพร้อมกับคำว่า

         'ไม่เป็นไรนะ'

         ไม่ทันจะฟังคำตอบ พี่ชายคนนั้นก็หันหน้าไปทางพี่ตฤณ ไม่พอ พี่ตฤณก็มองหน้าพี่ชายคนนั้นกลับ ดวงตาเบิกกว้างแถมมือยังชี้หน้ากลับอีกต่างหาก

"เฮ้ย!! เฮีย จะมาทำไมไม่บอก เดี๋ยวไปส่งตฤณที่บ้านเลย"
"เออ ไอ้ตรีก็บอกกูแล้วว่ามึงต้องให้กูไปส่งแน่ มาๆ จะกลับยังอ่ะ"
"ขอเตะบอลอีกแปปได้ป่ะ มาเตะด้วยกันดิ" พี่ชายคนนั้นพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะเดินตามพี่ตฤณไป ผมอดไม่ได้ที่จะมองตาม
       
         เชื่อไหมครับว่าพี่ชายในชุดเสื้อเชิตสีเข้ม กางเกงสแลคสีดำ กับรองเท้าหนังคู่นั้นน่ะ เวลาอยู่เฉยๆว่าเท่แล้ว แต่เวลาออกสเต็ปแย่งชิงและเลี้ยงลูกบอล เท่กว่า 100 เท่าเลย ผมยืนยันได้
         แม้ว่าหลังจากนั้นผมจะไม่ได้เจอพี่เขาเลยแต่ชื่อเสียงเรียงนามแถมคำชื่นชมจากอาจารย์ที่มีต่อเขายังคงวนเวียนไปมาอยู่รอบๆตัวผมไม่หยุดหย่อน ไม่ว่าใครๆก็ต้องรู้จักพี่นนท์ กันทั้งนั้น
เริ่มจากอาจารย์ที่ปรึกษา
         'รุ่นพี่พวกเธอที่ชื่อนิพัทธิ์น่ะ จบไปหลายรุ่นแล้วแหละ ที่วันนั้นเอาดอกไม้มาไหว้ฉันน่ะ เขาได้ทุนรัฐบาลไปเรียนปริญญาเอกต่อที่อิมพีเรียลแล้วนะ ฉันล่ะภูมิใจจริงๆ'
         หรือ...
         ‘หัดเอาอย่างรุ่นพี่บ้างสิ เห็นไหมว่าตานนท์ รุ่นพี่พวกเธอน่ะ ไปถึงไหนแล้ว ตอนเรียนที่นี่นะ นอกจากจะจิตใจดี มารยาทดี กีฬาก็เล่น กิจกรรมก็ได้ การเรียนนี่ไม่ต้องพูดถึงที่หนึ่งของรุ่นแทบจะทุกปี แข่งกับพี่นายตฤณนั่นแหละ’
และอีกมากมายที่ตามมาไม่หยุดหย่อน
ที่สำคัญภาพเขาในวันนั้นยังติดอยู่ในความคิดของผมเสมอมา
         และเพราะผมฝังใจกับพี่เขามาก จึงพยายามจะตามหาข้อมูลของเขาในเฟซบุ้คหรือแม้กระทั่งโซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นๆ แต่ก็ไม่เจออันไหนที่เข้าเค้าเลย จะถามพี่ตฤณหรือคนอื่นๆก็ไม่มีความกล้ามากพอ จนเมื่อเร็วๆนี้นี่แหละ ที่พี่เขากดติดตามผมมาในอินสตาแกรม แอพยอดฮิต วินาทีแรกที่ผมเห็นรูปเขาในเจ้าวงกลมอันเล็กที่แสดงชื่อผู้ติดตามคนใหม่นั้น ผมมั่นใจมากว่าคงจะเป็นพี่เขาจริงๆ แล้วมันก็ใช่

ก็ว่าแล้วว่าทำไมหาไม่เจอ
ก็เขาไม่ได้ใช้ชื่อจริงๆน่ะสิ ไม่มีร่องรอยของทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง
เป็นแค่ตัวอักษรเรียงๆกัน คงจะเป็นตัวย่อมากกว่า

         ผมดีใจมาก ติดตามเขาราวกับคนบ้า เข้าไปดูทุกวันแม้ในวันนั้นเขาไม่ได้อัพเดตอะไรเลยก็ตาม นั่งย้อนดูแต่ละรูป อ่านแคปชั่นที่ส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นประโยคจากหนังก็เป็นประโยคจากเนื้อเพลง นั่งอ่านคอมเม้นท์ที่เพื่อนๆตอบเขาแลัเขาตอบเพื่อนๆ พอจะเดาได้ว่าพี่คนนี้ที่อายุมากกว่าผมน่าจะหลายปีนั้น คงจะเป็นคนซื่อๆทว่าฉลาด ก็ดูจากที่เพื่อนๆคอมเม้นท์นั่นแหละครับ อันไหนที่ออกแนวทะลึ่งๆหรือมันซับซ้อนสักหน่อย พี่เขาจะตอบออกแนวงงๆเสียมากกว่า ทำให้เพื่อนมารุมขำในคอมเมนท์เสียบ่อยๆ
         การนั่งดูอะไรแบบนี้คล้ายเป็นกิจวัตรอย่างหนึ่งของผมควบคู่กับทำโมเดลและคิดงานในเวลานั้นไปแล้วล่ะครับ เวลาเหนื่อยจากการทำงานแล้วมาดูอะไรแบบนี้ทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

         ผมใช้ชีวิตโดยการแอบมองพี่เขาจากมุมหนึ่งบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค แทบจะตลอดเวลาการเป็นนิสิตชั้นปี 1 ของผม จนกระทั่งความบังเอิญเกิดขึ้นเมื่อก่อนปีใหม่ ไม่รู้ว่าเป็ยของขวัญคริสมาสต์ได้หรือเปล่า แต่ถ้ามันเป็นของขวัญคริสมาสต์จริงๆ ซานตาคอสคงจะใจร้ายกับผมมากๆที่ให้แค่ความหวังว่าจะเจอในตอนนั้น แต่ความเป็นจริงต้องรออีกเกือบสองเดือนแน่ะ จริงๆก่อนที่จะบังเอิญเจอพี่เขาที่เกษตรแฟร์ในวันนั้น ผมแทบจะไม่มีความหวังที่จะบังเอิญเจอพี่เขาแล้วด้วยซ้ำ แม้แต่ทักไปคุยก็ยังไม่กล้า เพราะถ้าอย่างนั้น ผมคงทำตัวเหมือนเด็กกะโหลกกะลาเดินเข้าไปเล่นกับผู้ใหญ่ที่เขาไม่รู้จักเราด้วยซ้ำ พาลจะโดนรำคาญเสีย แต่ก็นั่นแหละ เมื่อไม่นานมานี้ ผมก็ได้รับของขวัญชิ้นใหม่ ของขวัญชิ้นที่สองที่ไม่ได้มาจากซานตาครอสแล้ว แต่ผมเหมารวมว่าเป็นของขวัญ(ก่อน)วาเลนไทน์ ที่ทำให้ผมบังเอิญเจอพี่เขาอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกรอบ

“เออ กูอยู่ประตูงามฯเนี่ย”
เชี่ย! พี่คนนั้นนี่หว่า
         ตอนนั้นผมก็ไม่รู้หรอกว่าพี่เขาจะจำผมได้หรือไม่ เพียงแต่ผมไม่พร้อมจะเจอพี่เขาในสภาพแบบนี้ก็เท่านั้น อย่างน้อยหากจะเป็นการเจอกันครั้งแรก (สำหรับพี่เขาน่ะนะ) ผมก็ขอดูดีนิดนึงก็แล้วกัน
ดังนั้นจึงเลือกดึงตัวเองไปอยู่หลังเสาต้นใหญ่เสียเลย สายตาก็พลางแอบมองพี่เขาไปด้วย

“กูก็ไม่รู้ว่ะ ว่าอันไหน 1 อันไหน 2” พี่ชายคนนั้นพูดก่อนจะหันซ้ายหันขวา เกาหัวแกรกๆ ก่อนที่สายตาจะหยุดเหมือนกำลังเพ่งมองมายังเสาที่ผมใช้เป็นกำบังอยู่ แถมขาพี่เขาก็เคลื่อนไหวเล็กน้อยเหมือนกำลังจะก้าวมาตรงนี้

เขาต้องเห็นเราแล้วแน่เลยอ่ะ
ไม่! วันนี้กูโทรม เขาจะเจอกูสภาพนี้ไม่ได้
เอาไงดี เอาไงดี

“ไอ้นนท์วางสายหาพ่องเหรอ กูกับไอ้มิกก็ตามหาซะให้วุ่น” เหมือนเสียงสวรรค์ที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้
“แล้วนั่นมึงมองหาอะไรอยู่” ผมจึงสบโอกาสวิ่งหนีออกมาตรงนั้นเสียเลย
“กูว่ากูเห็น....”
“ช่างเหอะว่ะ ไปกันเหอะ พวกมันรอแย่แล้ว”

         วันนั้นผมจำได้ว่าผมนัดกับเพื่อนเอาไว้ที่บูทร้านอิตาเลี่ยนโซดาของเพื่อน แต่ผมก็จำไม่ได้ว่าเจ้าบูทนี้อยู่ส่วนไหนของงาน เลยเดินตามทางมาเรื่อยๆ เพราะอย่างไรเสียทางมันก็วนอยู่แล้ว
         ใช่ ก็เพราะทางมันวนนั่นแหละ ทำให้ผมต้องมาเจอกับพี่คนนั้นในสภาพที่ผมมักจะด่าตัวเองหนักหนา
         แล้วก็เพราะไอ้สายตาที่มัวแต่มองข้างทาง หาของกินนั่นแหละ ทำให้กว่าจะเห็นว่าคนที่หลบนักหลบหนาเมื่อกี้นี้กำลังเดินอยู่ตรงหน้าในทิศสวนทางกัน ระยะทางน่ะเหรอ
         เดาได้เลยว่าห่างกันไม่ถึง 10 ก้าวเสียด้วยซ้ำ
         แม้ตั้งใจจะหลบหน้าในทีแรก แต่เอาเถอะ ใกล้ขนาดนี้จะได้เห็นอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขอชื่นชมสักหน่อยเหอะ
ระหว่างที่กำลังจะเดินสวนกัน ผมที่เงยหน้าขึ้น ริมฝีปากก็ดันเผลอฉีกยิ้มกว้างประหนึ่งตื้นตันใจเสียหนักหนา แถมดวงตาเจ้ากรรมก็ดันเผลอมาสบตากันในระยะห่างกันแค่คืบอีกต่างหาก

แต่เชื่อไหมครับ เพียงเสี้ยววินาทีนั้น   เหมือนโลกหยุดหมุน
เหมือนเสียงเซ็งแซ่รอบตัวถูกดูดกลืนหายไป
เหมือนทุกๆอย่างที่เคลื่อนไหว หยุดนิ่งราวกับถูกสาบ

พี่เขาจำเราได้หรือ
ก็ริมฝีปากที่เผลอน้อยๆเหมือนกำลังจะพ่นคำถามอะไรสักอย่างนั่นแหละที่เดาไม่ยาก
ผมก็ดันมีสติสตางค์เพิ่มขึ้นมาเกินกว่าปกติจนพยักหน้ารับพี่เขาไปเสียอย่างนั้น

โอย ตื่นเต้นจนจะเป็นลมอยู่แล้ว

   หลังจากวันนั้นผมสัญญากับตัวเองว่า ถ้าหากมีความบังเอิญเกิดขึ้นระหว่างผมกับเขาอีกครั้ง ผมจะไม่รอช้า จะรีบก้าวเข้าไปทำความรู้จักทันที แล้วขอให้ความบังเอิญที่ว่านั่น เกิดขึ้นเร็วๆด้วยเถิด


   และแล้วคำขอของผมที่ผมขอต่ออะไรก็ไม่รู้สัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว ในเมื่อตอนนี้คนที่ผมอยากจะเจอมาตลอดมาปรากฎตัวอยู่ในรถแคมรี่สีขาวคันงามแล้วเปิดกระจก เอียงหน้าลงมามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะเรียกผม เพื่อถามเส้นทางไปคณะวิศวะ แต่ก็นั่นแหละ สองครั้งสองหนที่เจอกันนั้นสภาพผมไม่พร้อมเอาเสียเลย แต่ความดีใจที่ได้เจอทำให้ผมอยากจะหาเรื่องคุยและถามไถ่เรื่องราวว่าไปไงมาไง เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ทั้งๆที่ดูเวลาแล้วก็ยังอยู่ในเวลาราชการเสียด้วยซ้ำ พี่นนท์ถามคำถามผมนิดหน่อยก่อนจะอาสาไปส่งที่คอนโดหลังจากเห็นสภาพเน่าๆของผม ผมเลยชั่งน้ำหนักดูถึงความสะดวกสบายและสวัสดิภาพของตัวเองการยอมจำใจ(เหรอ) ให้พี่นนท์ไปส่งที่คอนโดคงทำให้ผมกลับถึงที่ในสภาพที่ครบร้อยเปอร์เซนต์นั่นแหละ

   ระหว่างอยู่บนรถ ผมทำตัวไม่ถูก มือไม้ที่เคยอยู่ในที่ของมันกลับรู้สึกเกะกะและไม่เป็นที่เป็นทางเสียอย่างนั้น บวกกับความง่วงงุนและอ่อนเพลียของร่างกาย ผมเลยผลอยหลับไปอย่างรวดเร็ว กระทั่งถึงคอนโดฯ ผมยกมือไหว้ขอบคุณพี่นนท์ เปิดประตูลงจากรถและโบกมือลาทันทีเพราะตระหนักได้ว่าวันนี้เรารบกวนเขามากเกินไปแล้ว

         แต่ขณะที่ผมยืนรอลิฟท์โดยสารเพื่อขึ้นไปยังห้องของตัวเองนั้น ในหัวก็พลางคิดเพลินๆว่ากรุงเทพฯถึงจะไม่ใหญ่โตนัก แต่ก็ซับซ้อน ไม่ใช่ใครที่จะบังเอิญเดินแล้วเจอกันได้บ่อยๆ ยิ่งกับผมที่กำลังอยู่ในวัยเรียนและพี่นนท์ที่อยู่ในวัยทำงานแล้ว สถานที่ที่จะไปมันคนละประเภทกันเลย จึงลองทำใจดีสู้เสือ ส่งข้อความไปหาทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเขาขับรถออกจากคอนโดไปหรือยัง แล้วถ้าขับรถออกไปแล้วล่ะ จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหรือเปล่า
                  arthitttt_ บอกยามตรงทางเข้าว่าห้อง 564 ขอขึ้นมาจอดรถข้างบนก่อนนะครับ
                  ไม่กี่อึดใจ ข้อความที่ผมส่งไปก็ขึ้นว่าอ่านและถูกตอบกลับมาทันที
                  w_na เป็นอะไรหรือเปล่า
                  arthitttt_ พี่นนท์จะไม่เลี้ยงข้าวผมซักมื้อซะหน่อยหรอ


   และแล้วผมก็ได้มานั่งดินเนอร์กับพี่นนท์สองต่อสองจนได้ ไอ้ดินเนอร์ที่ว่าก็ไม่ใช่อาหารในร้านหรูๆอะไรหรอกครับ ก็เป็นเพียงแค่บะหมี่รถเข็นข้างถนนใกล้ๆคอนโดเท่านั้น เพราะเวลานี้ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญ เราทั้งสองคนก็ไม่อยากจะออกไปไหนไกลๆหรอกครับ เพราะกว่าจะกลับมาถึงคอนโดได้ คงกินเวลาหลายชั่วโมงอยู่ บะหมี่รถเข็นเฟรนไชส์ชื่อดังนี่แหละเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผมในเวลานี้

   การมานั่งทานบะหมี่กันสองคนแบบนี้และการพูดคุยกันทำให้ผมได้รู้ความจริงบางประการของพี่นนท์โดยไม่รู้ตัว พี่นนท์เป็นคนกวนตีนหน้านิ่ง ไม่สิ พี่นนท์เป็นคนพูดความจริงได้หน้านิ่งราวกับกวนตีนต่างหาก อย่างเช่น
   “แล้วทำไมคนติดตามอาร์ทเยอะจังอ่ะ เป็นดาราเหรอ”
   “ป่าวครับ ตอนม.ปลาย ผมเคยถ่ายโฆษณาอะ”
   “จริงดิ ออกทีวีด้วยเหรอ พี่ไม่เห็นรู้เลย แล้วโฆษณาอะไรบ้างล่ะ พี่จะได้ไปหาดูเผื่อจะสมัครเป็นแฟนคลับน้องอาร์ทอีกคน”
   “ไม่บอก ต้องไปหาดูเอง ใบ้ให้ว่ามีโฆษณาสุกี้กับเครือข่ายโทรศัพท์” คู่สนทนาพยักหน้าหงึกหงักรับรู้
   “แล้วเดี๋ยวนี้ยังรับงานอยู่ป่าว ไม่เห็นผลงานเลย”
   “ไม่ค่อยแล้วครับ ผมไม่ใช่ทาร์เก็ตลูกค้าอ่ะ”
   “ทำไมอะ”
   “ผมตัวเล็ก ส่วนใหญ่ลูกค้าเขาชอบตัวสูงๆเท่ๆ”
   “อ๋อ ตัวเตี้ย” ว่าจบก็พยักหน้าหงึกหงักอีกรอบ ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบบะหมี่เข้าปากหน้าตาเฉย ประหนึ่งไม่ได้พูดเรื่องที่มันกระทบจิตใจผมเลยสักนิด จะสีหน้าหรือแววตาคู่นั้นก็ยังดูปกติ ไม่ได้มีสายตาล้อเลียนแต่อย่างใด ริมฝีปากก็ไม่ได้อมยิ้มหรือกั้นหัวเราะด้วยซ้ำ เล่นเอาซะ เคืองไม่ลงเลย

   เราคุยเล่นสัพเพเหระกันอีกนิดหน่อย ก่อนจะเช็คบิลแล้วพี่นนท์ก็เดินมาส่งผมที่คอนโด พร้อมกับเอารถของตัวเองที่จอดไว้ชั้นบนด้วย หลังจากนั้นผมก็ขึ้นมาบนห้องพักผ่อนทันที ส่วนพี่นนท์ก็ขอตัวกลับบ้าน เป็นอันจบหนึ่งวันที่สวยงามของผม

   ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี

   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2017 22:51:22 โดย wars »

ออฟไลน์ Minoru88

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ดีๆๆๆ

ติดตามต่อไป
ความบังเอิญหรือพรหมลิขิตน้า 555

ออฟไลน์ Brosohub

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
หูย อ่อยเลขห้องชัดขนาดนั้น นึกว่าจะมีขึ้นห้อง แหมมมม
(อุ้ย คิดอะไรออกไปนะ อิอิ)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
บังเอิญอย่างเดียวไม่พอ ต้องขอสร้างโอกาสด้วย..ยยยย เอาใจช่วยให้ปิ๊งปั๊งกันไวๆ   :กอด1:

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
พี่นนท์นี่ทำคนตกหลุมรักแล้วหายไปหลายปี
รอบนี้น้องอาร์ทไม่พลาดแน่นอน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อาร์ทอ่อย พี่นนท์รู้ป่ะ

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
งุ้ยยยยยน่ารักกก อ้อยมาอ้อยกลับกันทั้งสองฝ่ายเลยนะ แหมมมม o18

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด