แว่บมาแปะตรงนี้น่ะค่ะ เพิ่งแปะครั้งแรกลืมแปะกฎซ่ะงันขอโทษน่ะค่ะ T_T-------------------------
เป็นครั้งแรกที่มาแปะนิยายในนี้เลยค่ะ
ไม่ได้แต่งนิยายมานานแล้วตื่นเต้นมากๆ
ฝากติชมด้วยน่ะค่ะ
.....................................................
มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
ป้ายรอรถรางของมหาวิทยาลัย ไม่สิถ้าจะเรียกให้ถูกรถร้าง เพราะในหนึ่งวันรถรางจะแล่นเพียงสองครั้งต่อวันเท่านั้น นั้นคือตอนเช้าและตอนเย็น ดังนั้นนักศึกษาเสียส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะนำพาพาหนะขับขี่ของตนมามากกว่าการต้องมานั่งรอรถรางที่นานๆทีจะได้พบเห็น
เพราะเหตุนี้ป้ายรอรถรางแห่งนี้จึงแทบจะร้างพอๆกับชื่อของมัน ถึงจะมีขาประจำเป็นผมซึ่งมานั่งทุกวันก็ตาม หากถามว่าทำไมผมถึงไม่นั่งมอเตอร์ไซต์กลับบ้านไปกลับเพื่อนๆ ไม่ใช่ว่าผมไม่มีเพื่อนคบนะเฟ้ย เพียงแต่ผมเลือกที่จะมานั่งเลี้ยงเลือดยุงที่จุดนี้ทุกวันเพราะผมมารอคนที่ผมแอบชอบ
ถามว่าทำไมผมไม่ไปหาตรงๆ ทำไมผมต้องมานั่งแอบอยู่ตรงนี้ทุกวัน ก็บอกตรงๆตามภาษาคนหล่อๆแบบผมเลยนะครับ … ผมป๊อดครับผม!! ครับยอมรับกันตรงๆเลยนี้แหละ ก็ไอ้คนที่ผมชอบเป็นถึงเดือนมหาลัย ฟังไม่ผิดหรอกครับเป็นผู้ชายแถมหล่อที่สุดในมหาวิทยาลัย แถมผมก็เป็นผู้ชายเหมือนมัน จะบอกว่าผมเป็นเกย์ก็ไม่เชิงนะ ก็ก่อนหน้านี้ผมชอบผู้หญิงมาตลอด มีมันคนแรกนี้แหละที่เป็นผู้ชาย แล้วผมก็ไม่ได้มีอะไรเด่น ถึงหน้าตาจะไม่ได้แย่แต่ผมก็แค่ไอ้หน้าตี้เกรียนๆ ติดเกมส์ แถมเตี้ย ดีหน่อยก็ตรงที่ขาวเพราะพ่อแม่เป็นคนจีน ในขณะที่มันหล่อน้องๆ นายแบบเมืองไทย เห้อ แค่คิดผมก็หมดหวังแล้วครับ
ทุกวันนี้ผมเลยทำได้แค่แอบส่องไอจี เฟสบุ๊ค มันไปเงียบๆ และเจ้าพวกนี้มันทำให้ผมรู้ว่ามันมีคนที่แอบชอบอยู่ ในสเตตัสของมันชอบบ่นเรื่องความรัก การแอบชอบใครสักคน ผมอ่านข้อความพวกนั้นแล้วปวดใจทุกวัน ได้แต่ทำใจคนที่มันแอบชอบคนเป็นผู้หญิงสวยๆ หรือดาวคณะไหนสักคนแน่ แต่ก็ยังดีนะที่ผมบังเอิญรู้ว่ามันจะมารอรถรางที่นี้ทุกวัน ผมเลยยอมลงทุนมานั่งตากลมเพื่อมองเห็นมันใกล้ๆ แม้จะไม่เคยคุยก็ตามทุกๆเย็น
แปะ แปะ แปะ
เสียงของน้ำฝนจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังตกลงสู่พื้นตามกฎของแรงโน้มถ่วงโลก ผมล่ะสายตาออกจากจอของสมาร์ทโฟน มามองที่ทองฟ้าสีมืดครึมพรางขยับตัวไปตรงกลางที่นั่งของเก้าอี้ตัวยาว เพราะน้ำฝนสาดกระเสนมาโดนเสื้อนักศึกษา เสียงแปะๆน่ารำคาญของมันดังแข่งกับเสียงโวกเวกโวยวายของนักศึกษาที่กำลังวิ่งหาที่หลบฝนกันอุตลุด
ฝนก็ค่อยๆตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เสียงของมันก็ดังมากขึ้นเช่นกัน ผมหยิบหูฟังสีขาวที่อยู่ในกระเป๋าเป้ข้างตัวมาเสียบกับสมาร์ทโฟน ก่อนที่จะเลือนหน้าจอไปที่แอพพลิเคชั่นฟังเพลงกดเร่งเสียงเพลง ก่อนที่จะเลือนนิ้วไปเปิดแอพสีฟ้าชื่อดังเพื่ออัพสเตตัส
Din Thanatorn : เมื่อไรจะมาว่ะ รอนานแล้วนะ รู้บ้างป่ะเนี่ย!?
ไม่ถึง 1 นาทีที่สเตตัสผมโพสออกไป ก็มีเหล่าเพื่อนเกรียนๆมาเม้นต่อกันให้เพียบ
มายด์ไงจะใครล่ะ : หมายถึงรถรางหรือใครครับเพื่อนดิน
Browny Sweet : ว้าย อีดิน ดีออก อีแรด!!
คิงผู้ยิ่งใหญ่ : เพ้อไอสัด แดกเหล้าไหมคืนนี้?
ผมเบ้ปากให้ข้อความพวกนั้นก่อนจะนั่งตอบกลับไปทีล่ะข้อความ โดยไม่ได้สังเกตเลยมีใครสองคนคนกำลังวิ่งตรงมาหลบฝน ขณะที่ผมกำลังแชตอย่างสนุกสนานหางตาของผมก็เหลือบไปเห็นสองคนนั้นพอดี
คนหนึ่งคือสาวสวยดาวคณะนิเทศ เท่าที่ผมจำได้นะ และ อีกคนคือคนที่ผมแอบชอบอย่างเดือน ใช่มันชื่อเดือน เป็นเดือนไม่พอดันชื่อเดือนเหมาะกับมันชิบหายเลยครับ มันเดินเข้ามาเสยผมสีดำบนหน้าที่เปียกน้ำ ชุดนักศึกษาก็เปียก ลู่ไปกับหุ่นล่ำๆของมัน ผมไม่อยากจะพูดเลยว่าเซ็กซี่ชิบหาย ไอ้ตัวคาริสม่า ไอ้เชี้ยเอ่ย
เหมือนมันจะรู้ว่าผมจ้องมันอยู่มันเลยมองมาที่ผม ผมจึงแกล้งหลบตาทำเป็นเล่นสมาร์ทโฟนในมือต่อ แต่ผมปิดแอพเล่นเพลงไปแล้วนะ ถึงผมจะใส่หูฟังอยู่ก็ตาม ... นี้ผมไม่ได้อยากฟังเลยนะว่าพวกเขาสองคนจะพูดอะไรกัน จริ๊งๆ (เสียงสูง)
“เดือนวันนี้เดียวมินท์ทำเสร็จแล้วโทรหานะ”
“โอเคๆ เออมินท์ไอ้เรื่องที่อาจารย์สอนในเซควันนี้เราไม่เข้าใจอ่ะ อธิบายให้เราฟังหน่อยสิ”
ผมแปลกใจกับการพูดเพราะของมัน ถ้าจำไม่ผิดถึงมันจะหล่อแต่มันก็เหี้ยพอตัว จากที่ผมส่องๆมันในเฟสเวลามันพูดกับเพื่อน แปลว่าผู้หญิงคนนี้คงสำคัญกับมัน ... ปวดแปร๊บที่หน้าอกขึ้นมาทันทีเลย
ผมยังทำเนียนฟังเพลงเล่นเฟสบุ๊คต่อไป แต่หูแอบฟังบทสนทนาของบุคคลสองคนที่อยู่ข้างๆผม แม้เสียงฝนจะดังกลบเสียงการสนทนาไปบางส่วน แต่ผมก็ยังได้ยินชัด ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้ว่าทั้งสองสนิทกันมากขนาดไหน เจ็บหน้าอกอีกแล้วแหะ
ครืด ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ของผมสั่น หน้าจอโชว์ชื่อ “เฮียสอง” พี่รหัสของผมเอง
“ว่าไงเฮีย”
‘ไงเมีย ไม่โทรหาผัวเลยนะ คิดถึงว่ะ แดกไหมคืนนี้’ ไม่ต้องแปลกใจกับสรรพนามที่เฮียแกเรียกผมนะครับ เฮียแกชอบแกล้งผมแบบนี้แหละ แกบอกแกล้งแบบนี้แล้วเวลาเห็นพี่ว่านแฟนแกหึงแล้วตลกดี แรกๆพี่ว่านก็เลยเหมือนไม่ชอบผม แต่หลังๆพี่ว่านก็ไม่ได้อะไรกับผมแล้วนะครับ สงสัยจะชิน แต่เฮียแกก็ยังเรียก แกบอกว่าติดปาก
“บอกว่าอย่าเรียกผมว่าเมียไงเฮีย เฮ้อ คืนนี้คงไม่อ่ะเฮีย พรุ่งนี้มีเทสย่อยเช้า”
‘ได้ไงหว่า มึงจะทิ้งผัวไปนั่งโดดเดียวอุราที่ผับหรอหว่า’
“เรื่องของมึงเถอะครับเฮีย”
‘เดียวนี้ขึ้นมึงเลยหรอเมีย นี้มึงไม่เห็นกูเป็นพี่เลยช่ะ’
“ไหนเฮียบอกผมเป็นเมียเฮียไง พี่เพ่ออะไร”
‘เฮ้ย อย่าบอกว่ามึงจริงจัง กูรักว่านของกู มายฮั๊นของกูเท่านั้นนะเว้ย’ สำหรับเฮียมายฮั๊นเอาไว้เรียกแฟนครับ แกบอกว่าเมียนี้ใครๆก็เอาไว้เรียกแฟนตัวเองกันทั้งประเทศ แกเลยตั้งคำว่ามายฮั๊นไว้เรียกแฟนแกคนเดียวเพราะไม่อยากซ้ำใคร อินดี้ไหมล่ะพี่รหัสผม
“รักนะเฮีย อยากมีมายฮั๊นน้อยม่ะ จุ๊บๆ” ผมแกล้งทำเสียงอ้อดอ้อนใส่เฮีย
‘พอๆขนลุกไอ้เหี้ย แค่นี้แหละจะไปรับมายฮั๊น’
จากนั้นเฮียแกก็กดวางสายไป ผมหันมาสนใจเฟสบุ๊คต่อ
“เดือนเป็นอะไร ดูหงุดหงิดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ทำหน้าอย่างกับจะไปฆ่าคนงันแหละ” เสียงของมินท์พูดขึ้นมา
“อ่อ เปล่าๆ เรานึกเรื่องน่าหงุดหงิดได้นิดหน่อยนะมินท์ ขอโทษทีนะ”
ผมชำเลืองไปมองหน้าเดือน เป็นจังหวะเดียวกับที่มันหันมามองหน้าผมพอดี พอมันเห็นว่าผมมองมันอยู่ มันทำหน้าหงุดหงิดหนักกว่าเดิมอีกครับ ก่อนมันจะหลบสายตาผมไปฟังอีกคนต่อ นี้ผมทำอะไรให้มันเกลียดหรือเปล่าว่ะ ถึงผมจะไม่เคยคุยกับมัน แต่ผมก็ไม่อยากให้มันมาเกลียดผมนะเว้ย ผมนี้ใจแป้วเลย
ผมไม่รู้จะทำอะไร จึงหันไปเปิดเฟสบุ๊คมาอัพสเตตัสระบายความในใจ
Din Thanatorn : อย่าเกลียดกูเลยนะ กูแค่แอบชอบมึงเอง
Song love Hun : อย่าดิเมีย กูบอกว่ากูรักมายฮั๊นของกูคนเดียวไง
Din Thanatorn ตอบกลับ
Song love Hun : -*-
Wan Srisorn ตอบกลับ
Song love Hun : ไม่ต้องเข้าบ้าน!
Song love Hun ตอบกลับ
Wan Srisorn : มายฮั๊นนนนนนนนนนนนนน
ผมหลุดขำข้อความของพี่ว่าน สมน้ำหน้าไอ้เฮียเล่นมากดีนัก ขอให้เคลียร์กับพี่ว่านให้สนุก ฮ่าๆ
“มินท์ เค้ามาแล้ว” ผู้ชายเจ้าของเสียงเดินตรงมาที่ป้ายพร้อมร่มสีชมพู่คันโตลายคิตตี้ ซึ่งดูไม่เข้ากับคนที่ถือเอามากๆ ผมจำไอ้หมอนี้ได้ เพื่อนสนิทเดือนถ้าจำไม่ผิดจะชื่อแมน เป็นชื่อที่โผล่ในเฟสเดือนบ่อยมากๆ
“หายไปแดกหญ้าที่ไหนมาทิ้งแฟนนั่งเปียก ไอ้แสส” ผมบอกแล้วว่าเดือนมันเหี้ยพอๆกับผมนั้นแหละ ดูมันพูดจากับเพื่อนมัน
“พ่องสิแดกหญ้า รถกูเสียไปยืมรถเฮียมาเนี่ย งันกูไม่ฝากแฟนกูไว้กับมึงหรอกเดือน” อ้าวแปลว่ามินท์เป็นแฟนของเพื่อนเดือนที่ชื่อแมนนะซิ ถึงว่าดูสนิท รู้สึกโล่งอก โลกสดใสขึ้นทันตา ยูนีคอร์น ฟรุ๊งฟริ๊งสีชมพู
“พอเลยเตง พูดดีๆกับเดือนสิ เดือนอุตสาห์นั่งเป็นเพื่อนเค้า ทั้งๆที่รถเดือนจอด.... อุ๊บ!”
แมนรีบเอามือมาปิดปากแฟนตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดประโยคถัดไป ผมแอบชำเลืองมองหน้าเดือนมันทำหน้าแปลกๆ ว่าแต่เมื่อกี้ฟังผิดหรือเปล่าว่ะ รถเดือน ... แปลว่าเดือนมีรถหรอ!? แล้วมันจะมานั่งรอรถรางทำไหมทุกวันว่ะ?
“รีบกลับกันเถอะเตง เดียวเค้าเล่าให้ฟัง” แมนขยิบตาใส่มินท์ เหมือนกำลังส่งซิกอะไรบ้างอย่างให้แฟนแต่คงส่งไปไม่ถึงเพราะมินท์ดิ้นใหญ่กว่าเดิม
“อือๆๆๆ อู้ อืออ” มินท์เหมือนจะพูดอะไรบ้างอย่างแต่แมนปิดปากไว้
“มึงกูกลับก่อนนะ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วมึงไม่เลิกป๊อดไปเลยว่ะ เดียวมีคนแย่งนะเว้ย” แมนพูดหยอกเดือนและเหมือนไอ้แมนจะแอบชำเลืองมาที่ผมด้วย อะไรของมันว่ะ!?
“สัด รีบไปไหนก็ไปเลยไปมึงอ่ะ”
“หวงด้วย! เออๆกูไปล่ะ หล่อซ่ะเปล่าเจือกป๊อดเพื่อนกู ฮ่าๆ”
แล้วแมนกับแฟนเดินออกไปจากป้าย พร้อมกับร่มคันโต และแล้วความเงียบก็เข้าครอบง่ำ เพราะตอนนี้เหลือเพียงผมและมันนั่งอยู่เท่านั้น ไม่มีเสียงบทสนทนาดังออกมา แม้แต่รถสักคันขับผ่านยังไม่มี มีเพียงเสียงเม็ดฝนที่ตกกระทบพื้นเท่านั้น เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีว่าจะลดลง ในใจผมก็ได้แต่ภาวนาขอให้รถรางมาช้าผมอยากอยู่ตรงนี้นานๆ
“นาย”
“หือ?” ผมหันหน้าไปตามเสียงเรียก เป็นเดือนที่กำลังเรียกผม นี้ผมฝันไปหรือเปล่าเนี่ย!?
“กู เอ่ย เราหรอ” ผมทำหน้าเหล่อหลา พรางเอามือชี้ตัวเอง
“ใช่ดิ ก็นั่งกันอยู่สองคนป่ะว่ะ ฮ่าๆ” เดือนขำ ผมนี้ใจเต้นเลยครับ หวังว่าเสียงฝนจะกลบเสียงหัวใจผมนะ ไม่งันผมอายตายเลย
“มีอะไรหรอ?”
“เราขอเขยิบเข้าไปหน่อยได้ไหม นั่งตรงนี้ฝนมันสาดมาโดน”
“อ่ะเออ เอาดิ”
ร่างสูงเขยิบเข้ามาใกล้ผม เนื่องจากป้ายรอรถรางก็ไม่ได้มีขนาดที่กว้างมาก ร่างสูงจึงอยู่ใกล้ผมมาก ห่างกันแต่ไม่กี่เซนเท่านั้น ผมสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิอุ่นๆจากตัวมัน
ผมไม่เคยชอบฝน ไม่เคยชอบที่มหาวิทยาลัยฝนตกบ่อยครั้ง (มหาวิทยาลัยผมอยู่ภาคใต้ เลยทำให้ฝนตกค่อนข้างบ่อย) ไม่เคยชอบความเฉอะแฉะหงุดหงิดทุกครั้งที่ฟังเสียงของมัน แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ผมถึงรักมันจัง
“นาย” เดือนเอ่ยทักผม
“อือ มีอะไรหรอ”
“นายไม่สบายหรอ?”
“หือ!?” ผมทำหน้างงใส่มัน
“ก็...นายหน้าแดงมากเลย” เดือนมองผมยิ้มๆ ผมหน้าเห่อร้อนหนักกว่าเดิม มือทั้งสองข้างจับแก้มของตัวเองอัตโนมัติ นี้หน้าผมแดงขนาดนั้นเลยหรอ นี้ผมเขินผู้ชายตรงหน้าขนาดนี้เลยหรอ ผมชอบมันขนาดไหนเนี่ย!? นี้กูกลายเป็นสาวน้อยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร
“อะ อือ ก็นิดหน่อย” ผมก้มหน้าพูดแล้วก็เบือนหน้าหนีมันด้วยความอาย
“น่ารัก” น่ารัก?
“หา!” ผมหันไปทำหน้างงใส่มัน
“หือ เราไม่ได้พูดอะไรเลย” ร่างสูงทำหน้ามึนใส่ผม หันหน้าไปสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ เมื่อกี้สงสัยผมหูฟาดล่ะมั่ง?
ความเงียบเข้าครอบคลุมอีกครั้ง มีแต่เสียงฝนกับเสียงหัวใจผมเนี่ย เต้นเบาๆหน่อยดิว่ะ มึงจะเต้นก็เต้นให้กูได้ยินคนเดียวนะอย่าให้คนข้างๆได้ยิน กูอาย
ผมแอบชำเลืองเห็นมันกำลังเล่นโทรศัพท์ เหมือนกำลังอัพสเตตัสอะไรสักอย่างในเฟส ผมเลยแอบเนียนหยิบสมาร์ทโฟนทำเป็นเปิดเฟสทำเป็นเล่นนู่นเล่นนี้ แต่จุดประสงค์จริงๆของผมคือเปิดไปดูสเตตัสใหม่มันนั้นแหละ
D’Month Rathi : อย่าทำตัวน่ารักดิว่ะ!
Man Samm : ป๊อด…
D’Month Rathi ตอบกลับ
Man Samm : เจือก!
Man Samm ตอบกลับ
D’Month Rathi : คนไม่ป๊อดมันคงไม่แตหลอว่าไม่มีรถ ไปนั่งรอรถรางเพราะมีจุดประสงค์หรอกครับเพื่อน
D’Month Rathi ตอบกลับ
Man Samm : เออกูป๊อดก็ได้ ถ้าน่ารักแบบนี้ กูยอมป๊อดมาแอบมองทุกวัน
Man Samm ตอบกลับ
D’Month Rathi : กูจะอ้วกกกก
ผมอ่านข้อความของแมนที่พูดกับเดือนในสเตตัสของมัน สรุปมันมีรถจริงๆหรอว่ะ แล้วมันมานั่งรอรถรางทำไมทุกวัน ในข้อความเหมือนทำแบบนี้เพราะแอบชอบใครสักคน แล้วใครว่ะ!? ก็ทุกวันก็มีแต่ผมคนเดียวที่นั่งรอรถรางที่นี้ทุกวัน
อย่าบอกนะ ว่าคนที่เดือนชอบมันเป็น...ผมเอง
ผมเขินกับความคิดตัวเองจนมือไม้สั่นเผลอมือลั่นไปกดไลค์ในสเตตัสนั้นของเดือน ไอ้เดือนหันควับมาทางผมทันที ผมตกใจรีบเก็บสมารท์โฟนใส่กระเป๋าทันที เชี้ยดิน ส่องเขามาเป็นปีมือไม่เคยลั่นมาลั่นเอาวันที่เจ้าตัวมานั่งข้างๆมึง ไอ้ควาย
หลังจากผมเผลอไปลั่นกดไลค์สเตตัสของมัน ผมก้มหน้าตลอด เลยผมไม่รู้ว่าตอนนี้เดือนทำหน้ายังไง ว่าแต่ทำไมมันถึงรู้ว่าเฟสที่กดไลค์นั้นเป็นเฟสของผม ถ้าในเมื่อเราสองคนไม่เคยคุยกัน เว้นแต่มัน จะส่องเฟสผมมานานแล้วเหมือนกัน
ผมคิดเช่นนั้นแล้วก็เขินหนักกว่าเดิมทำอะไรไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าผมกลายเป็นคนหน้าบางขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร ผมได้แต่นั่งก้มหน้า ในขณะที่ผมมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก มือถูไปถูมาด้วยความเขิน ก็มีมือหนึ่งมาสะกิดที่ไหลผม
“หือ!?” ผมหันหน้าไปหาคนที่สะกิด เป็นเดือนนั้นเองมันกำลังยิ้มมองมาที่ผม สายตาของมันเหมือนมีอะไรบ้างอย่างที่ทำให้ผมเขินเข้าไปอีกจากที่เขินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“นายแอบส่องเฟสเรามานานเท่าไรแล้ว” เดือนจ้องมาที่ผม
มันรู้ มันรู้แล้ว!!
“1 ปี” ผมสารภาพ
“เท่ากับเราเลย”
“ฮะ!?” ผมทำหน้างง เท่ากับอะไรของมันว่ะ?
“ปีที่เราแอบส่องเฟสนายเหมือนกันไง ตั้งแต่วันรับน้องแล้วล่ะ ที่เราอยู่กลุ่มสัมพันธ์เดียวกันไง”
ผมทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งช๊อคอ้าปากค้าง ก็ที่นั้นเป็นครั้งแรกที่ผมเจอเดือนและเป็นจุดเริ่มต้นที่ผมแอบชอบมัน เดือนมองผมแล้วหัวเราะ
“ฝนตกหนักเนาะ”
“อือ” มาไม้ไหนของมันอีกว่ะ แค่นี้กูก็เขินจะตายแล้ว!
“รู้ใช่ไหมว่าเรามีรถ”
“อือ”
ผมรู้สึกไปเองหรือเปล่าเหมือนเดือนมันจะขยับตัวเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ
“รู้ใช่ไหมว่าทำไมเราถึงมานั่งอยู่ตรงนี้ทุกวัน” มันเขยิบเข้ามาใกล้ผมอีก เออ มันจะใกล้ไปแล้วนะเว้ย ตอนนี้ไหลผมเบียดกับแขนมัน
“ไม่รู้สิ” ผมพูดแล้วเขยิบหนีมัน มันมองแล้วเอามือมาจับแขนผมไว้ เหมือนจะไม่ให้ผมหนีไปไหน
“รู้ใช่ไหมว่าเราแอบชอบใครอยู่” มันกระซิบเบาๆใส่หูผม ผมขนลุกซู่ไปทั้งตัวจะเขยิบหนีก็ไม่ได้มันจับแขนผมอยู่
“จะไปรู้หรอ” ผมพึมพำตอบทั้งๆที่ในใจผมรู้อยู่แล้ว
“ต่อไปนี้เราจะไม่มานั่งตรงนี้ทุกเย็นแล้วนะ” มันว่าเสียงนิ่งๆ
“ฮะ!?” ผมตกใจ หันหน้าไปหามัน
“เราต้องขับรถกลับบ้านกับแฟนเราแล้วล่ะ” มันหยิบกุญแจรถที่ห้อยพวกกุญแจรูปสิงโตที่อยู่ในกระเป๋าขึ้นมาแกว่งไปมาข้างหน้าผม
“...”
“อยากรู้ไหมแฟนเราชื่ออะไร” มันเขยิบหน้ามาใกล้หน้าผมเรื่อยๆ ผมตกใจหลับตาปี้เพราะใบหน้าของมันที่เขยิบมาใกล้
“……”
“ดิน” ผมลืมตาเพราะวัตถุบ้างอย่างมากระทบโดนแก้มของผมก่อนจะตกลงพื้น ความเย็นของมันทำผมสะดุ้งลืมตา ผมเอื้อมมือไปหยิบวัตถุชิ้นนั้นบนพื้น มันคือกุญแจรถของเดือนนั้นเอง
ผมเงยหน้าจากกุญแจรถก็เห็นหน้ามันยิ้มกริ่มมองมาที่ผม
“แฟนเราชื่อดิน…” ผมหน้าแดง
“ไม่ถามความสมัครใจเราหน่อยหรอ?” ถึงกูจะชอบมึงแต่ก็ถามกูสักคำก่อนก็ได้นะ ลูกคนมีพ่อมีแม่นะเว้ย
“ไม่ถามแล้วล่ะ แค่นี้ก็ช้าไปจะแย่อยู่แล้ว เป็นแฟนกันนะครับดิน” มันจับแขนผมแน่นขึ้นเหมือนกลัวผมจะหนีไปไหน ไม่อยากจะบอกแค่นี้กูก็หนีมึงไม่พ้นแล้วครับเดือน
“เรา...”
“ขอเป็นแฟนเหมือนกันนะครับเดือน….”
Din Thanatorn in relationship with D’Month Rathi