<3 Taxi me ter ll Up 29/1/60 <3 [จบแล้ว]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: <3 Taxi me ter ll Up 29/1/60 <3 [จบแล้ว]  (อ่าน 3120 ครั้ง)

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
<3 Taxi me ter ll Up 29/1/60 <3 [จบแล้ว]
« เมื่อ29-12-2016 17:33:48 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม






แนะนำตัวละคร
 
พระเอก:
ชื่อ แท็กซี่ - ทศ ธนัชหัสดิน
อายุ 26 ปี
รูปร่างลักษณะ สูง 185 เซนติเมตร ผิวขาว ผมดำซอยสั้น หน้ามีความฝรั่งผสมอยู่นิดๆ เนื่องจากแม่มีเชื้อสายอังกฤษผสมอยู่ มีเสน่ห์ที่ดวงตาและรอยยิ้มที่ใครเห็นเป็นต้องหลง
การศึกษา ปริญาตรีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์, ปริญาโท MBA จากอังกฤษ
อาชีพ ช่วยพ่อดูแลธุรกิจอู่แท็กซี่ และธุรกิจอสังหาฯ ในบางโปรเจคต์
นิสัย ขี้เล่น มนุษยสัมพันธ์ดี ดูชิลๆ แต่จริงๆ เป็นคนเก่ง เพียงแต่ไม่ชอบซีเรียสกับชีวิตมาก เป็นผู้ชายอบอุ่น
 
นายเอก :
ชื่อ มิเตอร์ - กวีวัธน์ เติมสิริธนา
อายุ 21 ปี
รูปร่างลักษณะ สูง 180 เซนติเมตร ผิวขาวอมเหลือง ลูกครึ่งไทย-จีน ผมสีน้ำตาลเข้ม มีความน่ารักเล็กๆ ที่มักดึงดูดสายตาผู้ชาย
การศึกษา ปี 3 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
นิสัย ปากแข็ง จริงใจ ชอบคนง่าย เป็นผู้ชายกลางๆ ที่ทำอาหารอร่อยมาก

*******************************************************
อัพรวดเดียวเลยนะคะ เพราะว่าเขียนจบมาก่อนแล้ว
หวังว่าแท็กกับเตอร์จะดีต่อใจทุกคนนะคะ :)


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-01-2017 21:05:40 โดย double_ss »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: Taxi me ter ll Up : บทที่ 14
«ตอบ #1 เมื่อ30-12-2016 16:49:55 »

 :L2: :pig4:

อู้ววอัปรวดเดียว ยาวเลย
ไปอ่านก่อนเดี่ยวมาเม้ทเพิ่มนะ

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : Taxi part time
«ตอบ #2 เมื่อ24-01-2017 09:38:11 »

Taxi part time

    "ไปสยาม"
    ผมพยักหน้าหนึ่งครั้งแทนคำตอบรับให้กับผู้ชายที่เป็นตัวแทนแก๊งมายืนโบกแท็กซี่กลางแดดอยู่ริมฟุตบาท หลังจากนั้นเขาก็หันไปหากลุ่มเพื่อนอีกสี่คนที่ยืนหลบแดดใต้เงาต้นไม้ เพื่อโบกมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนรีบมาขึ้นรถ แล้วเพื่อนๆ มันก็กรูกันเข้ามาด้วยสเต็ปที่ใช้ในการวิ่งแข่งสี่คูณร้อย
    "เหี้ย ร้อนฉิบหาย” สาวผมบลอนด์ลอนหยิกเซอร์บ่นพร้อมกับจับเสื้อนักศึกษาของตัวเองกระพือเบาๆ
    "เออ แค่เดินออกมาหน้ามอ กูก็จะละลายแล้วอีห่า” สาวผมดำประบ่าที่นั่งติดกันบ่นตาม
    "กูบอกแล้วว่าให้ Grab ก็ไม่เอา” คนผมบลอนด์ลอนหยิกเซอร์ยังบ่นต่อไป
    "ก็กูขี้เกียจรอ นึกว่าออกมาเรียกแป๊บเดียวก็ได้แล้ว ไม่คิดว่าแม่งจะพร้อมใจกันไม่ไปแม่งทุกคัน เรียกไปสยามแค่นี้ ทำยังกับกูเรียกไปเชียงใหม่” คนผมดำตอบกลับ ในขณะที่เพื่อนอีก 3 คนยังนั่งเงียบๆ อยู่ในรถ
    "พวกมึงว่าคนเราแม่งขึ้นไปเหยียบพระอาทิตย์ได้ป่ะวะ"
    "ได้ก็เหี้ยแล้ว ตีนไหม้ตายห่า มึงลองทดสอบถอดรองเท้าแล้วเดินบนถนนตอนนี้ดูก่อนสิ กูว่าเกรียมกว่าปลาที่อีพิมพ์ทอดอีก"
    "เอ้าอีห่า อยู่ๆ มาด่าฝีมือทอดปลากูทำไม” พิมพ์หรืออีพิมพ์ตามที่เพื่อนพาดพิงเปิดปากโต้เถียงขึ้นมาบ้าง หลังจากที่นั่งนิ่งๆ มาตลอดตั้งแต่ขึ้นรถ
    "กูเปรียบเปรยให้เห็นภาพเฉยๆ ค่ะ ใครจะไปด่าเพื่อนรักได้ลงคอ มึงก็มองโลกในแง่ร้าย"
    "พวกมึงบ่นห่าไรกัน ไอ้เตอร์มันเสียสละตากแดดมาเรียกรถให้ มันยังไม่บ่นสักคำ” ผู้ชายที่นั่งอยู่ริมซ้ายของเบาะหลังเริ่มพูดขึ้นเป็นคนที่สี่
    "มันโอน้อยออกแพ้มั้ยมึง ไม่งั้นมันจะมาตากแดดเรียกให้มึงเหรอ" เด็กมหาลัยเดี๋ยวนี้แม่งยังใช้วิธีโอน้อยออกกันอีกหรอวะ ผมได้แต่นึกขำพวกนี้ในใจ แล้วก็ฟังพวกมันคุยกันต่อไป
    "แม่งกว่าจะได้แท็กซี่ กูนี่ตากไอแดดจนผิวเสียเลยค่ะ เออแท็กซี่สมัยนี้ไม่ค่อยรับคนเลยเนอะพี่ พี่พอจะรู้มั้ยว่าเค้าจะขับไปไหนกัน เรียกทีกว่าจะได้ไป นี่ถ้าหนูปวดท้องคลอด ลูกหนูออกมาเป็นโขลงเลยนะ" ประโยคนี้ผู้หญิงที่ชื่อพิมพ์พูดกับผม
    "เมียเค้าจะคลอดเหมือนกันเปล่า เค้าเลยรีบไปรับเมียส่งโรงพยาบาล” ผมตอบพิมพ์กลับไปอย่างนั้น
    "ถ้าเป็นงั้นจริงนะ วันหลังเรียกแล้วไม่ไป หนูจะโดดขึ้นรถไปด้วยเลย จะตามไปเชียร์เมียเค้าในห้องคลอดด้วย นี่ไม่เข้าใจจริงๆ นะ เรียกใกล้ก็ไม่ไป ไกลก็ไม่ไป ทำไมไม่อยู่บ้านนอนวะ ออกมาขับเพื่อ" มันบ่นสีหน้าจริงจังกับผมมากครับ ไม่รู้ไปโดนตัวไหนมา สงสัยอากาศข้างนอกจะร้อนมากจนทำให้มันอารมณ์เสียเบอร์นี้
    “เรียกรถยากขนาดนั้นเลย" ผมลองถามต่อดู เพราะชีวิตผมก็มีประสบการณ์การเรียกแท็กซี่น้อยครั้งเหลือเกิน
    "โคตรๆ เลยพี่ ยากกว่าข้อสอบก็เรียกแท็กซี่นี่แหละ”
    “อืม ไม่รู้ดิ พี่ก็รับหมดแหละ"
    "พี่แม่งใจว่ะ ขอเบอร์ไว้เลยได้ป่ะ วันหลังจะขึ้นแท็กซี่เมื่อไหร่ จะโทรเรียกพี่เลย” พิมพ์พูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทำท่าจะยื่นมาให้ผมจริงๆ แต่โดนเพื่อนข้างๆ ดึงมือเบรกไว้ซะก่อน
    "เอ้าอีนี่มึงจะจีบพี่เค้าหรอ"
    “กูยังไม่ได้จีบค่ะ นี่แค่ขอคอนแทค ยูโน้ววว แต่ถ้าพี่เค้าสน กูก็ไม่ติดนะ เออว่าแต่พี่นี่หล่อเนอะ ไม่เคยเจอแท็กซี่หล่อขนาดนี้เลยว่ะ" เด็กมันยิ้มให้ผม พร้อมกับยักคิ้วส่งมาผ่านกระจกมองหลัง แล้วก็เก็บโทรศัพท์ไอโฟนในมือใส่ลงกระเป๋าไป
    ผมไม่ได้พูดอะไร ทำแค่ยิ้มตอบมันไป แล้วก็นั่งฟังกลุ่มมันคุยกันไร้สาระต่อ จะมีก็แต่ไอ้ผู้ชายที่นั่งข้างผมนี่แหละครับ ที่มันไม่ส่งเสียงพูดอะไรเลยสักคำตั้งแต่ขึ้นรถมา เอาแต่นั่งมองข้างหน้าบ้าง กระจกข้างบ้าง วันนี้รถติดเป็นพิเศษ ขับไปไหนก็ติดทุกทาง สงสัยจะเป็นผลจากการที่เขาปิดถนนไปสามเส้นทางเพราะมีงานอะไรสักอย่างนี่แหละ เดี๋ยวส่งแก๊งนี้เสร็จ ผมว่าผมกลับไปนอนดีกว่า... แต่ว่าตอนนี้เริ่มปวดฉี่แล้วว่ะ
    30 นาทีผ่านไป ยังไม่ถึงครึ่งทาง
    40 นาทีผ่านไป ขยับไปได้อีก 1 กิโลเมตร ข้างหน้าเห็นปั๊มอยู่รำไร ขอพวกแม่งฉี่แป๊บนึงดีไหมวะ
    50 นาทีผ่านไป ขยับมาอีกนิดนึง ซึ่งก็ยังไม่ใกล้ปั๊ม ตายห่า รถติดฉิบหายแบบนี้อีกกี่ชั่วโมงกูจะได้เยี่ยววะ 
    "มีใครขับรถเป็นป่ะ" ผมโพล่งขึ้นมาในขณะที่ผู้หญิงที่เซอร์ที่สุดในกลุ่ม กำลังเล่าเรื่องเพื่อนสักคนในสาขาที่เพิ่งไปเหลาดั้งรอบที่ 6 มาใหม่อย่างเมามันส์ จนเธอหยุดเล่าแล้วหันมาตอบผม
    "ก็เป็นกันหมดแหละพี่ รุ่นนี้ละ สิบล้อยังสบายเลย”
    "เกียร์กระปุกนะ"
    "ขับเป็น ทำไม?" ไอ้ผู้ชายหน้าหล่อที่ออกไปทางน่ารักนิดๆ หรือไม่นิดวะ ช่างแม่งไปก่อน ที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมพูดขึ้นหลังจากมันปิดปากสนิทตั้งแต่พูดว่าไปสยามจบลงก่อนจะขึ้นรถ
    "ดี ขับแทนแป๊บนึง ปวดฉี่มากเลยว่ะ เจอกันหน้าปั๊มนั้นนะ ขอบใจมาก" พูดแล้วชี้ไปที่ปั๊มได้แค่นั้น ผมก็โดดลงจากรถมาเลย ไม่ไหวแล้วจริงๆ ช้ากว่านี้กูเยี่ยวราดเป็นเด็กอนุบาลโชว์พวกมันแน่นอน ผมรีบวิ่งไปที่ปั๊มซึ่งห่างไปไม่ไกลเพื่อปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นมาตลอดทาง แล้วออกมาหน้าปั๊มตามที่บอกกับเด็กพวกนั้นไว้ หวังว่ามันจะไม่โขมยรถกูนะ 
    "ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย" ผมร้องออกมาพร้อมใส่ตีนหมาไปที่รถทันทีเมื่อมองไปเห็นกลุ่มวัยรุ่น 5 คนที่ผมฝากฝังรถไว้ในมือกำลังยืนทะเลาะกับมนุษย์ป้าเจ้าของ BMW สีบลอนซ์ซึ่งตอนนี้โดนแท็กซี่จุ๊บตูดเข้าให้แล้ว แม่งเอ๊ยยย งานงอกจนได้
    ผมเข้าไปถามไถ่สาเหตุของสภาพรถจูบกันที่เกิดขึ้น ก็โดนมนุษย์ป้าใส่ยับกลับมาว่า ไอ้หน้าหล่อน่ารักที่ผมฝากฝังรถไว้ในตีนมันเหยียบคันเร่งพุ่งไปชนท้ายเขาเอง ผิดเต็มๆ เท่านั้นยังไม่พอ มนุษย์ป้าโวยเบอร์ใหญ่ขึ้นมาอีกเมื่อสังเกตุเห็นว่าผมสวมเสื้อยูนิฟอร์มคนขับแท็กซี่ แต่ดันเอารถไปให้เด็กนักศึกษาขับแทน
    "แล้วทำไมปล่อยให้เด็กพวกนี้มาขับรถ ทำคนอื่นเดือดร้อน ใช้ไม่ได้เลย แย่มาก ดูสิรถฉันพังหมดแล้วเห็นมั้ย จะรับผิดชอบกันยังไง"
    "ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ รถมันก็แค่ถลอกนิดหน่อยเอง" ผมตอบไปแบบนั้น เพราะเห็นว่ายัยมนุษย์ป้าชักจะขึ้นเสียงเกินจริงมากไปหน่อย โวยวายยังกับว่าไปชนใครตาย ทั้งที่มันชนนิดเดียวเองจริงๆ
    "มันอาจจะแค่ถลอก แต่เครื่องข้างในล่ะ มันพังหมดแล้วแน่ๆ นี่ฉันเสียหายมากเลยนะ พูดแบบนี้คือยังไง จะไม่รับผิดชอบรึไง ใช่สิแท็กซี่เก่าๆ จะมีปัญญามารับผิดชอบบีเอ็มของฉันเหรอ"
    "อ้าวป้า พูดจาให้มันดีๆ หน่อยดิวะ" ไอ้ตัวปัญหาที่ผมฝากให้มันขับรถแทนหันมาเถียงหลังจากที่ยืนพิงรถนิ่งๆ อยู่นานสองนาน ส่วนเพื่อนๆ มันก็ยืนหน้าซีดกันเป็นแถว
    "นี่เธอขับชนรถฉัน แล้วยังจะมาว่าฉันอีกเหรอ เด็กสมัยนี้นี่มันยังไงกัน"
    "ก็บอกแล้วว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ"
    "กิริยามารยาทเธอน่ะให้มันดีๆ หน่อย นี่เรียนที่ไหนกัน” เลยเถิดจนเข้าเรื่องสถาบันจนได้เลยครับ มนุษย์ป้าเริ่มสวมมาดอาจารย์ฝ่ายปกครองแล้วครับตอนนี้
    “..."
    "พวกเธอควรจะรู้นะว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เป็นปัญญาชนกันทั้งนั้น แต่ไม่รู้จักคิดว่าการกระทำแบบนี้มันทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน" งานเทศนาใหญ่โตออกทะเลไปกันใหญ่ก็มา แย่แน่แล้วพวกมึงเอ๊ย
    "ไปกันใหญ่แล้วป้า ใบขับขี่ผมก็มี ทำไมจะขับรถไม่ได้ อุบัติเหตุน่ะ รู้จักมั้ยครับคุณเจ๊" ไอ้น่ารักมันยังเถียงมนุษย์ป้าต่อ เพื่อนมันดึงแขนไว้มันก็ไม่สนใจ
    "นี่เธอเรียกฉันให้มันดีๆ นะ เอาชื่อพวกเธอกับชื่อมหาลัยมาเลย ฉันจะแจ้งเรื่องไปให้อบรมสั่งสอนกันให้เข้มข้นสักหน่อย” ผมเห็นท่าจะไม่ดี เลยพุ่งเข้าไปขวางแล้วดึงไอ้น่ารักที่กำลังทำท่าจะเถียงต่อ ให้ไปอยู่ข้างหลังกับเพื่อนมันก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ จากนั้นก็ตัดบทบอกให้ป้าแกใจเย็นๆ แล้วรีบโทรเรียกประกันมาจัดการโดยด่วน
    "จะทำอะไรก็รีบหน่อย ฉันเสียเวลานะ จะรับผิดชอบอะไรก็ให้มันเร็วๆ"
    "ได้เลยครับ เดี๋ยวจะจัดการให้รถคุณพี่กลับมาในสภาพเหมือนใหม่เลยนะครับ" พอได้ยินคำว่าคุณพี่ แกก็เชิดขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับมีท่าทีสงบลง หลังจากนั้นผมก็บอกให้มนุษย์ป้ารอ แล้วหลบมาโทรเรียกประกัน พอคุยเสร็จเด็กผู้ชายในกลุ่มนั้นคนนึงก็เดินมาสะกิดผม
    "พี่ เดี๋ยวพวกผมไปก่อนนะ นี่ค่าแท็กซี่ ขอโทษด้วยที่ทำให้วุ่นวาย ไปละ" มันพูดรวดเดียวและรวดเร็วพร้อมกับยัดแบงค์ร้อยสองใบใส่มือผมแล้วก็วิ่งกลับไปหาเพื่อนมัน พากันจากผมไป... ผมเดินกลับไปคุยกับมนุษย์ป้าอีกครั้ง พอรู้ว่าผมเป็นเจ้าของอู่แท็กซี่ทุกอย่างก็ตกลงกันง่ายขึ้น ระหว่างที่รถของแกส่งซ่อม ผมจะจัด VIP ให้แกขึ้นแท็กซี่ได้ฟรีวันละ 1 ครั้ง เป็นการชดเชยแทน
    ตกลงกันได้ ผมก็ชวนแกไปนั่งร้านกาแฟข้างๆ ระหว่างรอประกัน วันนี้มันวันซวยอะไรวะ กะว่าส่งแก๊งนี้เสร็จจะได้กลับไปนอนแล้วแท้ๆ แม่งบ้าบอฉิบหาย แล้วไอ้หล่อน่ารักนั่นมึงไม่คิดจะขอโทษกูสักคำเลยเหรอวะ นี่มึงทำกูวุ่นวายฉิบหายเลยนะ แม่งเอ๊ยยย เด็กเวรจริงๆ ถึงกูจะผิดที่ไปไว้ใจมึงเองก็เถอะไอ้เตอร์ คราวนี้ไม่ปล่อยไปแน่ๆ เดี๋ยวกูกลับไปคิดก่อนว่าจะเอายังไงกับมึงดี!

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 1
«ตอบ #3 เมื่อ24-01-2017 09:40:12 »

ตอนที่ 1
   
    พวกเราออกมาจากเหตุการณ์ที่วุ่นวายก่อนหน้านี้ แล้วโบกแท็กซี่ไปสยามตามที่ตั้งใจไว้เหมือนตอนแรก คราวนี้เราได้แท็กซี่ตั้งแต่คันแรกที่เรียก ไม่เหมือนตอนที่อยู่หน้ามอ ที่เรียกยากจนต้องใช้วิธีโอน้อยออกสุดปัญญาอ่อนนั่น เพราะเกี่ยงกันยืนตากแดดโบกแท็กซี่
    "ซวยฉิบหาย ดีนะพี่หน้าหล่อแม่งไม่เอาเรื่อง” แพรพูดขึ้นทันทีที่แท็กซี่คันใหม่เริ่มเคลื่อนตัวออก
    "เค้าคงจะเอาเรื่องพวกเราทันหรอกอิแพร มึงดูไอ้ปิงแม่งวิ่งไปถึงยัดตังค์ใส่มือ พูดรัวเป็นชุดใส่เค้าแล้ววิ่งหนีมาแบบนั้น เค้าจะทันด่ามึงตอนไหนคะ” พิมพ์ร่ายยาวใส่แพร จนพี่แท็กซี่ที่ขับรถอยู่เหล่มองกระจกหลัง พวกมึงนี่ก็นะ เสือกจะมาสาธยายความผิดอะไรบนแท็กซี่ เดี๋ยวได้โดนไล่ลงจากรถกันพอดี พูดกับพิมพ์จบ แพรก็สะกิดไหล่ผมที่นั่งอยู่ด้านหน้าของมัน
    “แล้วมึงอะเตอร์ไปบอกเค้าทำไมวะว่าขับเป็น”
    "กูจะรู้ไหมวะ กูก็คิดว่าแม่งถามเฉยๆ นี่แม่งเล่นพูดแล้วเปิดประตูรถวิ่งลงไปเยี่ยวเลย กูไม่ได้รับปากอะไรแม่งเลย ไม่ใช่ความผิดกูสักหน่อย"
    พวกผมยังเถียงกันต่อไปในหัวข้ออุบัติเหตุแท็กซี่จูบตูด BMW ของมนุษย์ป้าก่อนหน้านี้ ซึ่งคนขับแท็กซี่คันนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ผมเอง มิเตอร์ หรือที่เพื่อนๆ เรียกว่า เตอร์ ไอ้เตอร์ หรือไอ้เหี้ยเตอร์ แล้วแต่อารมณ์และใจปรารถนาของพวกมัน ใครจะไปคิดล่ะครับว่าไอ้พี่แท็กซี่หน้าหล่ออะไรนั่นจะโดดลงจากรถไปเยี่ยว แล้วไว้ใจทิ้งรถให้เด็กนักศึกษาอย่างพวกผมขับแทน ถึงแม้ว่าปั๊มที่มันบอกให้ผมขับไปหาจะใกล้นิดเดียวเองก็เถอะ ผมว่ามันก็มีส่วนผิดเหมือนกันแหละ เพราะผมยังไม่ได้รับปากอะไรเลย และที่สำคัญผมก็ไม่ได้ตอบมันไปชุ่ยๆ นะครับ ผมขับเกียร์กระปุกเป็นจริงๆ มีใบขับขี่ที่สามารถขับรถได้จริง เพียงแต่ไอ้รถแท็กซี่ที่มันทิ้งไว้ให้เก่ามากกกกกกกกก และผมก็ไม่ได้ขับเกียร์กระปุกมาเป็นปีแล้ว มันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง ตอนแรกรถมันก็เลื่อนไปได้อยู่หรอกครับ แต่พวกคุณเข้าใจไหม เกียร์กระปุกมันขยับเกียร์อะไรผิดนิดผิดหน่อย รถมันก็กระตุก ตึก ตึก ตึก ดับสิครับรออะไร ความเหี้ยคือมันเสือกไปดับตอนป้าคันหน้าเบรกพอดี รถก็เลยจูบกันนิดหน่อย มนุษย์ป้าแม่งก็โวยวายโอเวอร์ฉิบหาย ทั้งที่ผมพูดขอโทษดีๆ ตั้งแต่ลงจากรถไปแล้ว แต่เรื่องแค่นี้เรียกประกันก็จบ ไม่เห็นจะใช่เรื่องใหญ่โตอะไรจริงไหม
    "เดี๋ยวถึงแล้วแดกข้าวเลยนะ กูหิว” ผมเลิกพูดเรื่องแท็กซี่ชนบีเอ็ม แล้วเปลี่ยนไปชวนทุกคนกินข้าวแทน
    "มึงนี่เหี้ยเนอะ ขับรถเค้าไปชนแล้วยังทำชิล"
    "แล้วมึงจะให้กูทำไง กลับไปหาแท็กซี่ด้วยกันไหมล่ะ ห่ากูไม่ใช่ประกันจะให้ไปเคลียร์อะไร แดกข้าวเหอะอิ่มท้องมีประโยชน์ เดี๋ยวพี่แท็กซี่มันก็จะการของมันเองแหละ” นี่ไม่ใช่การปัดความรับผิดชอบ หรือว่าผมเป็นเด็กเลวๆ อะไรทั้งนั้น แต่ผมทำอะไรไม่ได้จริงๆ เพราะฉะนั้น ไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปนั่งคิดมากให้เสียสุขภาพจิต
    "กูเห็นด้วยว่ะ ในเมื่อช่วยไรเค้าไม่ได้ก็เอาเวลาไปแดกดีกว่า ชาบูนะกูขอร้อง"
    "แดกสิคะรออะไร"
    หลังจากกินข้าว ซื้อของ ร้องเกะเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็แยกย้ายกันไปตามทางกลับบ้านของตัวเอง ผมเดินออกไปริมถนนเพื่อจะรอเรียกแท็กซี่กลับคอนโด... ผ่านไปแล้ว 7 คัน ยังไม่มีแท็กซี่ว่างเลย นี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้ามีมาให้โบกแล้วจะรับผมขึ้นรถไปส่งไหม หรือว่าผมควรโหนรถไฟฟ้ากลับดี ระหว่างที่ผมยืนลังเลกับหนทางกลับบ้านอยู่ราวๆ 10 นาที สวรรค์ก็ประทานแท็กซี่สีเขียวเหลืองที่มีไฟว่างสีแดงมาให้ผม พอแท็กซี่จอดปุ๊บ ผมก็ไม่รีรอ รีบเปิดประตูบอกปลายทางที่ต้องการไปทันที
    "ไปคอนโดเดอะพี สี.. เชี่ยยย” ผมรีบปิดประตูกลับตามเดิม แต่คนขับมันกดกระจกลงแล้วพูดกับผมเสียงดังฟังชัด
    "ไปครับ"
    "ไม่ไป" ผมพูดแล้วเดินหนีทันที แต่ไอ้คนขับหน้าคุ้นมันจอดครับ มันจอดแล้ววิ่งตามผมมา! มึงบ้าป่ะเนี่ย ขอให้แม่งโดนล็อคล้อ ขอให้รถมึงโดนโขมยไปเลย ขอให้สัญญาณกันโขมยดังแล้วมึงรีบวิ่งกลับไปดู โอ๊ยยย เลิกตามกูมาสักทีไอ้เหี้ย
    "ขึ้นรถ เรียกแล้วไม่ขึ้นได้ไง" มันตะโกนตามหลังผมมา โดยที่ผมยังเร่งเท้าเดินหนีมันต่อไป
    "กูบอกแล้วไงว่าไม่ไป" มึงจะตามกูมาอีกทำมายยยยยยยยยย มันตามมาจนทันแล้วคว้าคอเสื้อนักศึกษาผมจากด้านหลังเป็นการบังคับให้ผมหยุดเดิน แล้วสั่งเสียงดังให้ผมกลับไปขึ้นรถ ตอนนี้ไทย พม่า จีน ฝรั่งหันมามุงมามองกันหมดแล้วครับ
    "ไม่ไป กูจะกลับรถไฟฟ้า"
    "กูไปส่ง ไม่คิดค่ารถ”
    "...เออๆๆๆ ไปก็ได้วะ" ไม่ได้เห็นแก่ค่ารถฟรีนะครับ แต่อายชาวโลก ณ ที่นี้มาก ถ้ากูไม่ไปกับมัน กูดังแน่นอน กูไม่โอเค ผมเดินตามมันไปขึ้นรถ หรืออันที่จริงต้องบอกว่ามันคว้าคอเสื้อผมให้เดินตามมันไปแล้วจับผมยัดใส่รถถึงจะถูก ทุกคนอาจจะคิดว่าผมโง่ที่ไปโบกแท็กซี่คันเดิม ทั้งที่เพิ่งมีเรื่องไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วแต่เสือกจำรถไม่ได้... เปล่าเลยครับ นี่มันไม่ใช่คันเดียวกับตอนบ่าย สิ่งเดียวที่เหมือนเดิมคือไอ้คนขับหน้าหล่อที่เพื่อนผมแอ๊วไว้เมื่อบ่ายนั่นแหละครับ ส่วนรถนี่ต่างกันคนละโลก ใหม่เอี่ยมเหมือนเพิ่งถอยมาจากโชว์รูมเมื่อ 5 นาทีที่แล้ว
    "ตกลงจะไปไหน"
    "เดอะพี สีลม" มันขับรถไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับผมต่อ จนผ่านไปได้ครึ่งทางมันก็ถามผมว่า ผมจะไม่พูดอะไรกับมันหน่อยเหรอ ไอ้นี่ท่าจะบ้า ลากกูขึ้นมา แล้วจะให้กูพูดอะไรกับมึงล่ะครับ กูไม่ได้เต็มใจมากับมึงสักนิด
    "จะให้กูพูดอะไร มึงลากกูมาขึ้นรถเอง กูต้องพูดอะไรเหรอ"
    “หึ" สัด มาทำน้ำเสียงพร้อมหน้าตาประชดประชันใส่
    "จะพูดไรก็พูดมาดิวะ ไม่ต้องมาทำหน้าทำเสียงกวนประสาท” ผมพูดกับมันไปตามตรง
    "ทำผิดไม่ยอมรับผิดว่ะ"
    "เอาจริงนะพี่แท็กซี่ ถึงกูจะผิด แต่มึงก็ผิดด้วยเปล่าวะ เมื่อบ่ายมึงถามว่าใครขับรถเป็น กูก็ตอบไปตามความจริง แต่กูบอกเหรอว่าจะขับรถให้ เปล่าเลย กูเป็นผู้โดยสารนะเว้ย แล้วอยู่ๆ มึงมาทิ้งรถให้พวกกู มันความผิดกูจริงๆ เหรอวะ คิดสิคิด"
    “ก็กูปวดเยี่ยว" ไอ้ห่านี่มันก็เถียงผมกลับมาหน้าตาเฉย มึงปวดเยี่ยวแล้วมันเรื่องของกูด้วยเหรอครับ ท่อฉี่มึงเกี่ยวอะไรกับกู
    "นั่นก็เรื่องของมึง แล้วกูผิดยังไง"
    "มึงทำให้กูวุ่นวายทั้งวันกับมนุษย์ป้า กูปวดหัว แทนที่กูจะได้กลับไปพักผ่อนสบายๆ"
    "แล้วยังไงวะ กูก็โดนคุณเจ๊มันด่าเหมือนกัน แล้วที่กูออกมาก่อน คือกูอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ไง"
    "มึงไม่คิดจะขอโทษกูสักคำเลยเหรอวะ"
    "แค่นี้อ่ะนะที่มึงตามลากกูมาขึ้นรถนี่... เพื่อนกูก็ขอโทษไปแล้ว"
    "มันไม่เหมือนกัน มึงเป็นคนขับ มึงก็ควรขอโทษกู” ลากกันขึ้นรถมา เสียงดังอับอายประชาชนชาวสยามมากมาย เพื่อที่จะให้กูขอโทษคำเดียวเนี่ยนะ เชื่อมันเลย
    "..."
    "กูเปลี่ยนใจแล้ว มึงไม่ต้องขอโทษก็ได้"
    "อะไรของมึง ไบโพล่าเหรอ”
    มันกันมามองหน้าผมแว้บนึง กระตุกยิ้มมุมปาก แล้วก็หันกลับไปจดจ่ออยู่กับถนนข้างหน้าเหมือนเดิม แล้วมันก็ถามว่าผมชื่ออะไร ผมไม่ได้ตอบมัน แต่ถามมันกลับไปแทนว่ามันจะเอาชื่อผมไปแจ้งมหาลัยเหมือนมนุษย์ป้า BMW นั่นหรือไง เถียงกันไปเถียงกันมา ผมเลยบอกให้มันบอกชื่อมันมาก่อน
    "แท็กซี่"
    "กูถามชื่อ ไม่ได้ถามอาชีพ"
    “ก็กูชื่อแท็กซี่" ชื่อแม่งมีความมุ้งมิ้งเหมือนเด็กสมัยนี้มาก สงสัยพ่อแม่มันจะพบรักกันบนรถแท็กซี่ หรือไม่ก็เคยเรียกแท็กซี่ตัดหน้ากัน
    "คือมึงชื่อแท็กซี่ มึงเลยมาขับแท็กซี่งี้หรอ” มันหัวเราะเสียงดังกับสิ่งที่ผมพูด ก่อนจะเหยียบเบรกเพื่อหยุดให้กับสัญญาณไฟสีแดงที่แยกตรงหน้า แล้วก็หันมามองหน้าผมท่าทางขำๆ
    "ประสาทแล้วมึง พ่อกูเป็นเจ้าของอู่แท็กซี่"
    "ขี้โม้แล้วมึง พ่อเป็นเจ้าของมึงจะมาขับแท็กซี่ทำห่าไร” ถึงหน้าตาท่าทางมันจะดูดีมีสง่าราศีสมกับการเป็นลูกคนรวยสักคน แต่ท่าทางทีเล่นทีจริง พูดจาเป็นไบโพล่าของมันก็ไม่ทำให้ผมเชื่อสิ่งที่มันพูดนัก มันไม่สนใจว่าผมจะเชื่อหรือเปล่า แต่วกกลับมาถามชื่อผมอีกครั้งแทน ผมเลยบอกมันไป
    "เตอร์"
    "เตอร์... มอเตอร์ หรือแฮมเตอร์ หรือเลสเตอร์”
    "มิเตอร์โว้ยยยยยยยยยย จะอยากรู้ชื่อกูไปทำห่าไร” ผมรีบสวนกลับไป ก่อนที่มันจะลากเอาทุกสิ่งที่มีคำว่าเตอร์บนโลกนี้มายัดเยียดให้เป็นชื่อของผม
    "มิเตอร์ บ้านมึงขายมิเตอร์น้ำเหรอ"   
    "พ่อกูเป็นผู้ว่าการประปา จบมั้ยครับ"
    "จริงดิ นี่มึงอวดพ่อเกย์ทับกูเหรอ"
    "มึงนี่ท่าทางประสาท ตกลงมึงจะลากกูขึ้นรถมาทำไม แค่อยากให้กูขอโทษอ่ะนะ” มันขยับเท้าเหยียบคันเร่งเมื่อเห็นว่ารถคันหน้าเคลื่อนออกไปแล้ว เงียบไปสักพักในขณะที่ผมยังรอคำตอบจากปากมัน มันทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ แล้วก็บอกผมว่า ทางเดียวกันไปด้วยกันเป็นการประหยัดน้ำมัน ส่วนผมก็จะได้ประหยัดค่ารถ
    "อะไรของมึงอีก" อยู่ๆ มึงจะมาทางเดียวกับกูได้ไงวะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยเจอมึง
    "ตึก A ชั้น 15 ห้อง 1502 หนึ่งเดือนต่อจากนี้ มึงต้องมาส่งข้าวเช้าให้กูทุกวันตอน 7 โมง เป็นการไถ่โทษที่มึงทำให้วันนี้ของกูไม่สงบสุข” ไอ้เหี้ย ความรู้ใหม่ มันอยู่คอนโดเดียวกับผมด้วยเหรอวะเนี่ย
    "เดี๋ยวนะ แล้วทำไมกูต้องทำตามที่มึงบอก รถชนมึงเรียกประกันมาเคลียร์มันก็จบแล้ว มึงจะเรื่องมากทำไมวะ หรือถ้าอยากให้กูขอโทษขนาดนั้น กูขอโทษก็ได้นะ"
    "ถ้ามึงไม่ทำตามที่กูบอกเมื่อกี้ กูจะเอารูปนี้ลงพันทิปแล้วประจาน" มันส่งมือถือที่เปิดรูปผมตอนกำลังไปขูดสีกระจกข้างรถแลมโบกินี่ของไอ้โอ๊ตคู่กรณีในคอนโดมาให้ผมดู เหี้ยยยย มึงมีรูปนี้ได้ไง ผมไม่ใช่พวกคนอันธพาลนะครับ แต่ไอ้ห่าเกย์หื่นนี่แม่งชอบมาพยายามมาลวนลามผมเวลาเจอกันในฟิตเนส ก็ต้องขอเอาคืนแม่งสักหน่อย
    "นี่มึงแอบถ่ายกูเหรอ"
    “กูบังเอิญถ่ายวิวแล้วมันติดมา" บังเอิญถ่ายติดอะไร แม่งซูมกูยันรูขุมขน เหรียญที่ขูดอยู่บนกระจกข้างรถไอ้โอ๊ตชัดแจ๋วแวววาวเลยไอ้เหี้ย ผมกดซูมดูรูปนั้นเข้าๆ ออกๆ สี่ห้าครั้งจนแน่ใจว่านี่ไม่ใช่รูปถ่ายที่แค่บังเอิญถ่ายติดมาแน่ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาด่ามัน
    “เหี้ย" มันยิ้มสบายใจสุดๆ แล้วเลี้ยวรถเข้าไปคอนโด หยิบบัตรมาแสกนกับเครื่อง จากนั้นที่กั้นก็เปิดออกให้มันขับเข้าไปยังที่จอดรถ พอจอดรถเสร็จเรียบร้อยมันก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วหันมาจ้องหน้าผม
    "ตกลงจะทำไม่ทำ ส่งข้าวเช้ามา เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้"
    “กูไม่ทำ" ผมตอบกลับไปทันทีโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาคิด
    "คิดให้ดี ถ้าไอ้โอ๊ตรู้ว่าใครทำรถสุดที่รักมันเป็นรอยแบบนั้น จะเกิดอะไรขึ้น" มันข่มขืนกูแน่นอนนนนนน อันนี้ผมก็ตอบได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดเหมือนกัน ไอ้อันธพาลนั่นมันทำแบบนั้นแน่ๆ
    "มึงแม่งงงงงงงงง"
    “ตกลงเอาไง" มันยังจ้องหน้าถามผมต่อ มึงมีทางเลือกให้กูมากเลยไอ้สัด
    "มึงมันเหี้ยยยยยยยยยยย"
    "ไม่ทำก็ได้ แล้วแต่มึง เดี๋ยวกูโพสต์เลย" มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าพันทิปจริงๆ ครับ ผมไม่ได้กลัวสังคมประณามอะไรเลย แต่ผมกลัวไอ้โอ๊ตส่งคนมาอุ้มมากกว่า ซึ่งถ้ามันทำแบบนั้นจริงๆ ผมคงไม่มีทางรอดแน่นอน แถมแลมโบคันนั้นก็คันโปรดมันด้วย
   “ไอ้เหี้ย" ผมคิดอะไรไม่ออก ได้แต่ด่าไอ้แท็กซี่ตรงหน้านี่ซ้ำๆ ในคำเดิมที่เหมาะกับมันที่สุด
    "ครับ"
    "เออออออออ ทำก็ทำวะ!!!”
    ไม่รู้ว่านี่มันวันมหาวิบัติอะไร แค่ผมจะไปสยามกินข้าว เที่ยวเล่นกับเพื่อน แต่ดันต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายยืดเยื้อขนาดนี้ ทั้งที่มันก็ไม่ใช่ความผิดผมสักทีเดียว จริงๆ ผมว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยด้วยซ้ำ อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้เป็นของธรรมดา ไม่งั้นรถเขาจะมีประกันเอาไว้ทำไมวะ แล้วทำไมอยู่ๆ ผมจะต้องมาเป็นเบ๊ส่งข้าวเช้าตั้งเดือนนึง ไอ้แท็กซี่นั่นมันจะเอาอะไรนักหนา แถมยังบังเอิญอยู่คอนโดเดียวกันอีก อยู่ที่นี่มาตั้งนานไม่เห็นจะเคยเจอมัน แล้วเสือกมาอยู่คอนโดเดียวกันได้ยังไง กูไม่เข้าจายยยยยยยย หงุดหงิดฉิบหาย ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจะนอน แต่ก็นอนไม่หลับ หัวมันพาลจะคิดแต่เรื่องวันนี้จนน่ารำคาญ  ผมเลยเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปว่ายน้ำดับอารมณ์แทน ว่ายน้ำจนเหนื่อย ผมก็กลับขึ้นมานอนอีกครั้ง คราวนี้หลับสนิทไร้รอยต่อ ยาวเต็มคืน ด้วยชุดนอนเสื้อยืดกับบ็อกเซอร์เลยล่ะครับ
    ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง... ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊งงงงงงง
    "โอ้ยยยยยยยยย มึงจะกดเอาห่าไรนักหนาวะ กูจะนอนนนนนนนนนนนนนน" ผมตะโกนให้กับคนหลังประตูที่มากดออดรัวอยู่หน้าห้องอย่างไร้มารยาท
    ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง... ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊งงงงงงง
    "ใครวะแม่ง มาทำเหี้ยอะไรแต่เช้าาาาาาาาาาา" ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูในสภาพงัวเงียเบอร์เก้า ก่อนที่ไอ้คนหลังประตูมันจะกดออดในสเต๊ปเดิมอีกครั้ง เปิดประตูออกไปก็เจอไอ้ตัวเหี้ยเมื่อวานมายืนแป้นแล้นอยู่หน้าห้องผม
    "ไอ้เหี้ย มึงมาได้ไง"
   "ไหนเหี้ย กูหล่อขนาดนี้ เหี้ยก็เหี้ยแล้ว ตัดแว่นหน่อยนะมึง" มันผลักประตูห้องผมแล้วเดินเข้ามาทิ้งตูดลงโซฟาหน้าตาเฉย อะไรก็ไม่น่าสงสัยเท่ามันรู้จักห้องผมได้ยังไง นี่ผมเริ่มจะกลัวมันจริงจังแล้วครับ ผมปิดประตูแล้วเดินตามมันไปที่โซฟา
    “ใครให้มึงเข้ามาเนี่ยยย"
   "7 โมง 10 นาทีแล้ว ไหนข้าว” มันเงยหน้าขึ้นมาถามผม
    "ข้าวอะไรของมึง หิวก็ไปร้านดิวะ มาหากูทำซากอะไร"
    "ข้าวเช้าเดือนนึงทุก 7 โมงที่ตกลงกันไว้ คืนเดียวสมองเสื่อมแล้วเหรอมึง"
    "โอ้ยยย มึงจะเอาไรจากกูนักหนา เอางี้นะ เดี๋ยวกูให้ตังค์มึงไป แล้วมึงไปซื้อแดก กูจ่ายทีเดียวไปเลยด้วย เหมาจ่ายแบบบุฟเฟ่ต์ มึงเลือกเอาเลยอยากแดกไรตามสบาย โอเคเนอะ"
    "มึงฟังกูนะครับน้อง ข้าวเช้าทุก 7 โมงที่ห้อง 1502 ตึก A เป็นเวลา 1 เดือน กูว่ากูพูดชัดเจนแล้วนะ"
    "มึงนี่วุ่นวายเนอะ"
    "ไม่เป็นไร วันแรกกูอนุโลมให้เด็กน้อย มึงไปอาบน้ำ กูซื้อโจ๊กมาแล้ว เดี๋ยวกูเทรอ แล้วแดกพร้อมกัน วันแรกถือว่ากูบริการให้ดูเป็นตัวอย่าง" มันชูถุงโจ๊กขึ้นมาแกว่งโชว์ผม แล้วลุกขึ้นจะเดินไปที่ครัวจริงๆ มากไปแล้วไอ้ห่านี่
    "มึงบ้าป่ะเนี่ย มึงเป็นใครก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ มาเข้าห้องกูทำนั่นทำนี่ แล้วกูจะไว้ใจมึงได้ไง มึงออกไปเลย"
    "โอเค กูชื่อแท็กซี่ ทศ ธนัศหัสดิน พ่อกูเป็นเจ้าของอู่แท็กซี่ แล้วก็เป็นหุ้นส่วนคอนโดที่นี่ ส่วนมึงชื่อมิเตอร์ พ่อเป็นผู้อำนวยการประปาถูกมั้ย คราวนี้เราก็รู้จักกันแล้วเนอะ แล้วกูคงไม่เป็นโจรในคอนโดตัวเองหรอก เดี๋ยวพ่อกูตีตาย ส่วนเหตุผลที่มึงต้องส่งข้าวเช้าให้กูเดือนนึง เพราะกูคิดเป็นค่าไถ่โทษ มีปัญหาอะไรอีกมั้ยครับ"
    "เดี๋ยวนะ นี่มึงเป็นเจ้าของคอนโดเหรอ” ความรู้ใหม่มาอีกแล้วครับ ไอ้ห่านี่มันรวยมาก รวยเว่อร์ รวยจนไม่ควรจะมานั่งเถียงเรื่องหาแดกข้าวเช้าอะไรกับผม รวยจนน่าจะมีแม่บ้านคอยปรนนิบัติมันอยู่ที่ห้องได้สบายๆ
    "พ่อกู"
    "นั่นแหละ แล้วมึงจะมาเอาข้าวเช้ากิ๊กก๊อกจากกูเพื่ออะรายยยยยยยยยยย"
    "มันเป็นการไถ่โทษของมึง"
    "วิธีอื่นมั้ย ทำไมจะต้องมานั่งแดกข้าวเช้ากันทุกวัน มึงบ้าป่ะ” ผมพยายามจะต่อรองกับมันดูอีกครั้ง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะขอโทษมันสักสิบครั้งตั้งแต่ตอนที่ขับรถชน แล้วให้เราจากกันไปอย่างสงบ แต่ในเมื่อโลกนี้ไม่มีไทม์แมชชีนให้ผม สิ่งที่ผมจะทำได้อย่างเดียวก็คือ ต่อรองกับมันนี่แหละครับ
    "มึงเลิกมากเรื่องแล้วไปอาบน้ำ กูหิว เวลากูโมโหหิวกูจะชอบตั้งกระทู้โพสต์รูปนะ เอ๊ะหรือกูส่งให้ไอ้โอ๊ตไปเลยดีวะ"
    "ไอเหี้ยยยยยย"
    "มึงจะอาบมั้ย หรือกูต้องอาบให้"
    "แม่งเอ๊ยยยยย" ผมแพ้มันอยู่ดี สุดท้ายก็ต้องเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำตามคำสั่งมัน อาบน้ำเสร็จผมก็รีๆ รอๆ เช็ดผม หวีผมไปเรื่อย พร้อมกับแอบเหล่มองมันจากช่องประตูห้องนอนที่เปิดแง้มเอาไว้ มันกำลังนั่งกดโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะกินข้าวตัวเล็กในห้องผม ตรงหน้าที่ชามโจ๊กสองชามวางอยู่ แต่มันก็ยังไม่ได้กิน
    "เร็วๆ แต่งตัวเสร็จก็รีบมาแดกได้แล้ว" มันเดินมาเปิดประตูห้องนอนผม แล้วยืนกอดอกพิงขอบประตู จ้องผมที่กำลังหวีผมอยู่หน้ากระจก
    "มึงจะเร่งทำห่าไร มึงก็แดกๆ แล้วก็กลับไปซะ"
    "กูบอกแล้วใช่มั้ยว่ากูจะแดกพร้อมมึง แล้วทุกวันต่อจากนี้เดือนนึง มึงก็ต้องไปทำแบบนี้ ไปบริการกูที่ห้องกู เข้าใจมั้ย"
    “ไม่เข้าใจ" เถียงมันไปก่อน เผื่อมันรำคาญขึ้นมา มันจะได้เลิกยุ่งกับผมสักที
    "โง่เหรอ ถึงได้เข้าใจอะไรยาก"
    "ไม่เข้าใจว่ามึงเป็นเหี้ยอะไร"
    "แล้วแต่มึง มาแดกได้แล้ว” คำพูดผมทำอะไรมันไม่ได้เหมือนเดิม มันเดินกลับไปนั่งที่หน้าชามโจ๊ก ส่วนผมก็เดินไปนั่งกินข้าวกับมัน สูดโจ๊กเข้าปากอย่างเร็ว ใช้เวลาจัดการกับชามนี้ประมาณ 7 นาที แล้วก็นั่งดูคนตรงหน้านั่งกินอย่างอารมณ์ดีและชิลสุดๆ ทำตัวอย่างกับว่าที่นี่เป็นห้องของมันเอง พอกินเสร็จมันก็เก็บชามทั้ง 2 ใบเดินไปล้าง ผมเดินตามมันไปเพื่อถามเรื่องที่ยังคาใจต่อ
    "แล้วถ้าวันไหนกูมีเรียนเช้าทำไง"
    "มึงไม่เคยออกจากคอนโดก่อน 8 โมง"
    "มึงนี่น่ากลัว" มันรู้แม้กระทั่งเวลาออกไปเรียนของผม นี่มันมีวงจรปิดทั้งคอนโดอยู่ที่ห้องตัวเองหรือไงวะ
    "กูก็แค่เห็น"
    "เห็นกูเนี่ยนะ ทำไมกูไม่เคยเห็นมึง” มันชะงักมือที่กำลังถูชามแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม
    “คนสนใจกับคนไม่สนใจมันก็ต้องต่างกันอยู่แล้ว” นี่กูมีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ
    “กูถามจริง มึงอยากแกล้งกูเฉยๆ หรือว่ายังไงวะ กูไม่เห็นจะเข้าใจ ทำไมจะต้องทำให้เรื่องมันวุ่นวายเป็นเดือนๆ มันไม่มีวิธีอื่นเหรอ ถ้ามึงแค่อยากให้กูขอโทษ กูบอกไปแล้วว่ากูขอโทษก็ได้นะ ถ้ามึงต้องการแบบนั้น ถึงกูจะคิดว่ามันไม่ใช่ความผิดกูคนเดียวก็เถอะ” มันวางชามใบที่สองที่ล้างเสร็จแล้วลง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมา แล้วก็เดินไปหยิบแก้ว
   "กูไม่ต้องการคำขอโทษแล้ว"
    "แล้วทำไมมึงต้องให้ไถ่โทษบ้าๆ บอๆ"
    "มึงอยากรู้เหรอ" มันเอียงคอถามผม ขณะที่กำลังรินน้ำใส่แก้ว ใช้ชีวิตได้กลมกลืนกับห้องกูเป็นอย่างดีสุดๆ เลยครับ พอเห็นว่าผมไม่ตอบ มันก็พูดต่อ
    "เรียกกูว่าพี่แท็กดิ เดี๋ยวกูบอกเลย"
    "กู ไม่ เรียก! มึงเลิกกวนประสาทได้มั้ยวะ"
    "กูก็พูดกับมึงดีๆ ตลอด ไม่เห็นว่าจะกวนประสาทตรงไหน นี่กูเอาข้าวเช้ามาเสิร์ฟมึงด้วยนะ ขอบคุณกูสักคำมั้ยครับน้องเตอร์"
    "กูขอให้มึงมาเหรอ"
    "ไม่มีใครสอนเหรอว่าใครทำดีกับเรา เราก็ต้องดีตอบ"
    "ปกติกูก็ดีกับคนที่เค้าดีกับกูนะ แต่ไม่ใช่กับมึงอ่ะ"
    "ทำไมต้องยกเว้นกูอ่ะ กูไม่ปกติเหรอ นี่กูเป็นคนพิเศษเลยเหรอ”
   “มึงเป็นคนที่กูไม่ไว้ใจ" คุยกับไอ้แท็กซี่นี่แล้วผมประสาทจะแดกทุกที มันถือแก้วน้ำแล้วเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาในห้องแทน ผมก็เลยต้องเดินตามมันไปคุยต่อให้รู้เรื่อง เริ่มจะสับสนแล้วว่านี่มันห้งอผมหรือห้องมันกันแน่
    "หน้ากูเหมือนโจรตรงไหน"
    "หน้ามึงอ่ะปกติ แต่ที่มึงทำอยู่เนี่ยไม่ปกติ"
    "เหรอ...กูว่าหน้ากูต่างหากที่ไม่ปกติ เพราะหน้ากูหล่อมากกกก ส่วนไอ้ที่กูทำเนี่ยไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ แค่แดกข้าวมันแปลกตรงไหน มึงไม่แดกข้าวเหรอไง"
    "มึงจะบอกได้ยัง อย่ากวนตีน มึงจะให้กูไถ่โทษทำไม เสียเวลาต้องมาแหกขี้ตาตื่นกันทั้งคู่"
    "กูตื่นเช้าอยู่แล้ว"
    "..." ถอนหายใจแรงครับ ยิ่งคุยยิ่งไม่รู้เรื่อง ปวดกบาลกับมันแล้วครับ
    "มันก็ไม่มีไรหรอก กูก็บอกแล้วไงว่าเป็นการไถ่โทษให้กู ก็แค่นั้น”
    "แค่นั้น? มึงอย่าลีลา บอกกูมาต้องการอะไร แล้วก็บอกมาด้วยว่ารู้เรื่องกูเยอะแยะได้ไง” พอผมเริ่มเถียงกับมันจริงจังขึ้นเรื่อยๆ มันก็ลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับผม
    “กูก็แค่บังเอิญเห็น ก็อยู่คอนโดเดียวกัน กูเห็นมึงบ้าง มันแปลกตรงไหนวะ” แปลกทุกตรงเลยไอ้เหี้ย
    "บอกกูมา"
    "กูชอบมึง เอามือถือมานี่" มันแย่งโทรศัพท์ในมือผมไปแล้วก็กดรัวๆ ในขณะที่ผมยังยืนเอ๋อแดกกับคำตอบของมันอยู่
    “เดี๋ยวก่อน...เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ" ผมถามทวนซ้ำ เผื่อว่าหูผมจะเพี้ยนไปจากน้ำในสระว่ายน้ำที่เข้าหูเยอะไปหน่อยเมื่อคืนนี้
    "หูตึงเหรอไงมึง"
    "เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไร"
    "นี่...มึงจะพูดคำซ้ำๆ ทำไม"
    "เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไร"
    "เอ้า...นี่เบอร์กู ถ้าพรุ่งนี้ 7 โมงตรงมึงไม่ถึงห้องกู กูจะได้โทรตาม แล้วก็อย่าคิดเบี้ยวอีกล่ะ ไม่งั้นกูส่งรูปให้ไอ้โอ๊ต คราวนี้มึงโดนมันดักปล้ำแน่ แล้วก็เลิกยืนทำหน้าเอ๋อได้แล้ว เมื่อกี้ กูบอกว่า... พี่ชอบน้องเตอร์ครับ" ประโยคสุดท้ายมันขยับเข้ามากระซิบที่หูผม แล้วก็เดินไปเปิดประตูออกจากห้องไป
    “ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 1
«ตอบ #4 เมื่อ24-01-2017 09:44:26 »

ตอนที่  1

    พวกเราออกมาจากเหตุการณ์ที่วุ่นวายก่อนหน้านี้ แล้วโบกแท็กซี่ไปสยามตามที่ตั้งใจไว้เหมือนตอนแรก คราวนี้เราได้แท็กซี่ตั้งแต่คันแรกที่เรียก ไม่เหมือนตอนที่อยู่หน้ามอ ที่เรียกยากจนต้องใช้วิธีโอน้อยออกสุดปัญญาอ่อนนั่น เพราะเกี่ยงกันยืนตากแดดโบกแท็กซี่
    "ซวยฉิบหาย ดีนะพี่หน้าหล่อแม่งไม่เอาเรื่อง” แพรพูดขึ้นทันทีที่แท็กซี่คันใหม่เริ่มเคลื่อนตัวออก
    "เค้าคงจะเอาเรื่องพวกเราทันหรอกอิแพร มึงดูไอ้ปิงแม่งวิ่งไปถึงยัดตังค์ใส่มือ พูดรัวเป็นชุดใส่เค้าแล้ววิ่งหนีมาแบบนั้น เค้าจะทันด่ามึงตอนไหนคะ” พิมพ์ร่ายยาวใส่แพร จนพี่แท็กซี่ที่ขับรถอยู่เหล่มองกระจกหลัง พวกมึงนี่ก็นะ เสือกจะมาสาธยายความผิดอะไรบนแท็กซี่ เดี๋ยวได้โดนไล่ลงจากรถกันพอดี พูดกับพิมพ์จบ แพรก็สะกิดไหล่ผมที่นั่งอยู่ด้านหน้าของมัน
    “แล้วมึงอะเตอร์ไปบอกเค้าทำไมวะว่าขับเป็น”
    "กูจะรู้ไหมวะ กูก็คิดว่าแม่งถามเฉยๆ นี่แม่งเล่นพูดแล้วเปิดประตูรถวิ่งลงไปเยี่ยวเลย กูไม่ได้รับปากอะไรแม่งเลย ไม่ใช่ความผิดกูสักหน่อย"
    พวกผมยังเถียงกันต่อไปในหัวข้ออุบัติเหตุแท็กซี่จูบตูด BMW ของมนุษย์ป้าก่อนหน้านี้ ซึ่งคนขับแท็กซี่คันนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน ผมเอง มิเตอร์ หรือที่เพื่อนๆ เรียกว่า เตอร์ ไอ้เตอร์ หรือไอ้เหี้ยเตอร์ แล้วแต่อารมณ์และใจปรารถนาของพวกมัน ใครจะไปคิดล่ะครับว่าไอ้พี่แท็กซี่หน้าหล่ออะไรนั่นจะโดดลงจากรถไปเยี่ยว แล้วไว้ใจทิ้งรถให้เด็กนักศึกษาอย่างพวกผมขับแทน ถึงแม้ว่าปั๊มที่มันบอกให้ผมขับไปหาจะใกล้นิดเดียวเองก็เถอะ ผมว่ามันก็มีส่วนผิดเหมือนกันแหละ เพราะผมยังไม่ได้รับปากอะไรเลย และที่สำคัญผมก็ไม่ได้ตอบมันไปชุ่ยๆ นะครับ ผมขับเกียร์กระปุกเป็นจริงๆ มีใบขับขี่ที่สามารถขับรถได้จริง เพียงแต่ไอ้รถแท็กซี่ที่มันทิ้งไว้ให้เก่ามากกกกกกกกก และผมก็ไม่ได้ขับเกียร์กระปุกมาเป็นปีแล้ว มันก็ต้องมีผิดพลาดกันบ้าง ตอนแรกรถมันก็เลื่อนไปได้อยู่หรอกครับ แต่พวกคุณเข้าใจไหม เกียร์กระปุกมันขยับเกียร์อะไรผิดนิดผิดหน่อย รถมันก็กระตุก ตึก ตึก ตึก ดับสิครับรออะไร ความเหี้ยคือมันเสือกไปดับตอนป้าคันหน้าเบรกพอดี รถก็เลยจูบกันนิดหน่อย มนุษย์ป้าแม่งก็โวยวายโอเวอร์ฉิบหาย ทั้งที่ผมพูดขอโทษดีๆ ตั้งแต่ลงจากรถไปแล้ว แต่เรื่องแค่นี้เรียกประกันก็จบ ไม่เห็นจะใช่เรื่องใหญ่โตอะไรจริงไหม
    "เดี๋ยวถึงแล้วแดกข้าวเลยนะ กูหิว” ผมเลิกพูดเรื่องแท็กซี่ชนบีเอ็ม แล้วเปลี่ยนไปชวนทุกคนกินข้าวแทน
    "มึงนี่เหี้ยเนอะ ขับรถเค้าไปชนแล้วยังทำชิล"
    "แล้วมึงจะให้กูทำไง กลับไปหาแท็กซี่ด้วยกันไหมล่ะ ห่ากูไม่ใช่ประกันจะให้ไปเคลียร์อะไร แดกข้าวเหอะอิ่มท้องมีประโยชน์ เดี๋ยวพี่แท็กซี่มันก็จะการของมันเองแหละ” นี่ไม่ใช่การปัดความรับผิดชอบ หรือว่าผมเป็นเด็กเลวๆ อะไรทั้งนั้น แต่ผมทำอะไรไม่ได้จริงๆ เพราะฉะนั้น ไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปนั่งคิดมากให้เสียสุขภาพจิต
    "กูเห็นด้วยว่ะ ในเมื่อช่วยไรเค้าไม่ได้ก็เอาเวลาไปแดกดีกว่า ชาบูนะกูขอร้อง"
    "แดกสิคะรออะไร"
    หลังจากกินข้าว ซื้อของ ร้องเกะเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็แยกย้ายกันไปตามทางกลับบ้านของตัวเอง ผมเดินออกไปริมถนนเพื่อจะรอเรียกแท็กซี่กลับคอนโด... ผ่านไปแล้ว 7 คัน ยังไม่มีแท็กซี่ว่างเลย นี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถ้ามีมาให้โบกแล้วจะรับผมขึ้นรถไปส่งไหม หรือว่าผมควรโหนรถไฟฟ้ากลับดี ระหว่างที่ผมยืนลังเลกับหนทางกลับบ้านอยู่ราวๆ 10 นาที สวรรค์ก็ประทานแท็กซี่สีเขียวเหลืองที่มีไฟว่างสีแดงมาให้ผม พอแท็กซี่จอดปุ๊บ ผมก็ไม่รีรอ รีบเปิดประตูบอกปลายทางที่ต้องการไปทันที
    "ไปคอนโดเดอะพี สี.. เชี่ยยย” ผมรีบปิดประตูกลับตามเดิม แต่คนขับมันกดกระจกลงแล้วพูดกับผมเสียงดังฟังชัด
    "ไปครับ"
    "ไม่ไป" ผมพูดแล้วเดินหนีทันที แต่ไอ้คนขับหน้าคุ้นมันจอดครับ มันจอดแล้ววิ่งตามผมมา! มึงบ้าป่ะเนี่ย ขอให้แม่งโดนล็อคล้อ ขอให้รถมึงโดนโขมยไปเลย ขอให้สัญญาณกันโขมยดังแล้วมึงรีบวิ่งกลับไปดู โอ๊ยยย เลิกตามกูมาสักทีไอ้เหี้ย
    "ขึ้นรถ เรียกแล้วไม่ขึ้นได้ไง" มันตะโกนตามหลังผมมา โดยที่ผมยังเร่งเท้าเดินหนีมันต่อไป
    "กูบอกแล้วไงว่าไม่ไป" มึงจะตามกูมาอีกทำมายยยยยยยยยย มันตามมาจนทันแล้วคว้าคอเสื้อนักศึกษาผมจากด้านหลังเป็นการบังคับให้ผมหยุดเดิน แล้วสั่งเสียงดังให้ผมกลับไปขึ้นรถ ตอนนี้ไทย พม่า จีน ฝรั่งหันมามุงมามองกันหมดแล้วครับ
    "ไม่ไป กูจะกลับรถไฟฟ้า"
    "กูไปส่ง ไม่คิดค่ารถ”
    "...เออๆๆๆ ไปก็ได้วะ" ไม่ได้เห็นแก่ค่ารถฟรีนะครับ แต่อายชาวโลก ณ ที่นี้มาก ถ้ากูไม่ไปกับมัน กูดังแน่นอน กูไม่โอเค ผมเดินตามมันไปขึ้นรถ หรืออันที่จริงต้องบอกว่ามันคว้าคอเสื้อผมให้เดินตามมันไปแล้วจับผมยัดใส่รถถึงจะถูก ทุกคนอาจจะคิดว่าผมโง่ที่ไปโบกแท็กซี่คันเดิม ทั้งที่เพิ่งมีเรื่องไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วแต่เสือกจำรถไม่ได้... เปล่าเลยครับ นี่มันไม่ใช่คันเดียวกับตอนบ่าย สิ่งเดียวที่เหมือนเดิมคือไอ้คนขับหน้าหล่อที่เพื่อนผมแอ๊วไว้เมื่อบ่ายนั่นแหละครับ ส่วนรถนี่ต่างกันคนละโลก ใหม่เอี่ยมเหมือนเพิ่งถอยมาจากโชว์รูมเมื่อ 5 นาทีที่แล้ว
    "ตกลงจะไปไหน"
    "เดอะพี สีลม" มันขับรถไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับผมต่อ จนผ่านไปได้ครึ่งทางมันก็ถามผมว่า ผมจะไม่พูดอะไรกับมันหน่อยเหรอ ไอ้นี่ท่าจะบ้า ลากกูขึ้นมา แล้วจะให้กูพูดอะไรกับมึงล่ะครับ กูไม่ได้เต็มใจมากับมึงสักนิด
    "จะให้กูพูดอะไร มึงลากกูมาขึ้นรถเอง กูต้องพูดอะไรเหรอ"
    “หึ" สัด มาทำน้ำเสียงพร้อมหน้าตาประชดประชันใส่
    "จะพูดไรก็พูดมาดิวะ ไม่ต้องมาทำหน้าทำเสียงกวนประสาท” ผมพูดกับมันไปตามตรง
    "ทำผิดไม่ยอมรับผิดว่ะ"
    "เอาจริงนะพี่แท็กซี่ ถึงกูจะผิด แต่มึงก็ผิดด้วยเปล่าวะ เมื่อบ่ายมึงถามว่าใครขับรถเป็น กูก็ตอบไปตามความจริง แต่กูบอกเหรอว่าจะขับรถให้ เปล่าเลย กูเป็นผู้โดยสารนะเว้ย แล้วอยู่ๆ มึงมาทิ้งรถให้พวกกู มันความผิดกูจริงๆ เหรอวะ คิดสิคิด"
    “ก็กูปวดเยี่ยว" ไอ้ห่านี่มันก็เถียงผมกลับมาหน้าตาเฉย มึงปวดเยี่ยวแล้วมันเรื่องของกูด้วยเหรอครับ ท่อฉี่มึงเกี่ยวอะไรกับกู
    "นั่นก็เรื่องของมึง แล้วกูผิดยังไง"
    "มึงทำให้กูวุ่นวายทั้งวันกับมนุษย์ป้า กูปวดหัว แทนที่กูจะได้กลับไปพักผ่อนสบายๆ"
    "แล้วยังไงวะ กูก็โดนคุณเจ๊มันด่าเหมือนกัน แล้วที่กูออกมาก่อน คือกูอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ไง"
    "มึงไม่คิดจะขอโทษกูสักคำเลยเหรอวะ"
    "แค่นี้อ่ะนะที่มึงตามลากกูมาขึ้นรถนี่... เพื่อนกูก็ขอโทษไปแล้ว"
    "มันไม่เหมือนกัน มึงเป็นคนขับ มึงก็ควรขอโทษกู” ลากกันขึ้นรถมา เสียงดังอับอายประชาชนชาวสยามมากมาย เพื่อที่จะให้กูขอโทษคำเดียวเนี่ยนะ เชื่อมันเลย
    "..."
    "กูเปลี่ยนใจแล้ว มึงไม่ต้องขอโทษก็ได้"
    "อะไรของมึง ไบโพล่าเหรอ”
    มันกันมามองหน้าผมแว้บนึง กระตุกยิ้มมุมปาก แล้วก็หันกลับไปจดจ่ออยู่กับถนนข้างหน้าเหมือนเดิม แล้วมันก็ถามว่าผมชื่ออะไร ผมไม่ได้ตอบมัน แต่ถามมันกลับไปแทนว่ามันจะเอาชื่อผมไปแจ้งมหาลัยเหมือนมนุษย์ป้า BMW นั่นหรือไง เถียงกันไปเถียงกันมา ผมเลยบอกให้มันบอกชื่อมันมาก่อน
    "แท็กซี่"
    "กูถามชื่อ ไม่ได้ถามอาชีพ"
    “ก็กูชื่อแท็กซี่" ชื่อแม่งมีความมุ้งมิ้งเหมือนเด็กสมัยนี้มาก สงสัยพ่อแม่มันจะพบรักกันบนรถแท็กซี่ หรือไม่ก็เคยเรียกแท็กซี่ตัดหน้ากัน
    "คือมึงชื่อแท็กซี่ มึงเลยมาขับแท็กซี่งี้หรอ” มันหัวเราะเสียงดังกับสิ่งที่ผมพูด ก่อนจะเหยียบเบรกเพื่อหยุดให้กับสัญญาณไฟสีแดงที่แยกตรงหน้า แล้วก็หันมามองหน้าผมท่าทางขำๆ
    "ประสาทแล้วมึง พ่อกูเป็นเจ้าของอู่แท็กซี่"
    "ขี้โม้แล้วมึง พ่อเป็นเจ้าของมึงจะมาขับแท็กซี่ทำห่าไร” ถึงหน้าตาท่าทางมันจะดูดีมีสง่าราศีสมกับการเป็นลูกคนรวยสักคน แต่ท่าทางทีเล่นทีจริง พูดจาเป็นไบโพล่าของมันก็ไม่ทำให้ผมเชื่อสิ่งที่มันพูดนัก มันไม่สนใจว่าผมจะเชื่อหรือเปล่า แต่วกกลับมาถามชื่อผมอีกครั้งแทน ผมเลยบอกมันไป
    "เตอร์"
    "เตอร์... มอเตอร์ หรือแฮมเตอร์ หรือเลสเตอร์”
    "มิเตอร์โว้ยยยยยยยยยย จะอยากรู้ชื่อกูไปทำห่าไร” ผมรีบสวนกลับไป ก่อนที่มันจะลากเอาทุกสิ่งที่มีคำว่าเตอร์บนโลกนี้มายัดเยียดให้เป็นชื่อของผม
    "มิเตอร์ บ้านมึงขายมิเตอร์น้ำเหรอ"   
    "พ่อกูเป็นผู้ว่าการประปา จบมั้ยครับ"
    "จริงดิ นี่มึงอวดพ่อเกย์ทับกูเหรอ"
    "มึงนี่ท่าทางประสาท ตกลงมึงจะลากกูขึ้นรถมาทำไม แค่อยากให้กูขอโทษอ่ะนะ” มันขยับเท้าเหยียบคันเร่งเมื่อเห็นว่ารถคันหน้าเคลื่อนออกไปแล้ว เงียบไปสักพักในขณะที่ผมยังรอคำตอบจากปากมัน มันทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ แล้วก็บอกผมว่า ทางเดียวกันไปด้วยกันเป็นการประหยัดน้ำมัน ส่วนผมก็จะได้ประหยัดค่ารถ
    "อะไรของมึงอีก" อยู่ๆ มึงจะมาทางเดียวกับกูได้ไงวะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยเจอมึง
    "ตึก A ชั้น 15 ห้อง 1502 หนึ่งเดือนต่อจากนี้ มึงต้องมาส่งข้าวเช้าให้กูทุกวันตอน 7 โมง เป็นการไถ่โทษที่มึงทำให้วันนี้ของกูไม่สงบสุข” ไอ้เหี้ย ความรู้ใหม่ มันอยู่คอนโดเดียวกับผมด้วยเหรอวะเนี่ย
    "เดี๋ยวนะ แล้วทำไมกูต้องทำตามที่มึงบอก รถชนมึงเรียกประกันมาเคลียร์มันก็จบแล้ว มึงจะเรื่องมากทำไมวะ หรือถ้าอยากให้กูขอโทษขนาดนั้น กูขอโทษก็ได้นะ"
    "ถ้ามึงไม่ทำตามที่กูบอกเมื่อกี้ กูจะเอารูปนี้ลงพันทิปแล้วประจาน" มันส่งมือถือที่เปิดรูปผมตอนกำลังไปขูดสีกระจกข้างรถแลมโบกินี่ของไอ้โอ๊ตคู่กรณีในคอนโดมาให้ผมดู เหี้ยยยย มึงมีรูปนี้ได้ไง ผมไม่ใช่พวกคนอันธพาลนะครับ แต่ไอ้ห่าเกย์หื่นนี่แม่งชอบมาพยายามมาลวนลามผมเวลาเจอกันในฟิตเนส ก็ต้องขอเอาคืนแม่งสักหน่อย
    "นี่มึงแอบถ่ายกูเหรอ"
    “กูบังเอิญถ่ายวิวแล้วมันติดมา" บังเอิญถ่ายติดอะไร แม่งซูมกูยันรูขุมขน เหรียญที่ขูดอยู่บนกระจกข้างรถไอ้โอ๊ตชัดแจ๋วแวววาวเลยไอ้เหี้ย ผมกดซูมดูรูปนั้นเข้าๆ ออกๆ สี่ห้าครั้งจนแน่ใจว่านี่ไม่ใช่รูปถ่ายที่แค่บังเอิญถ่ายติดมาแน่ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาด่ามัน
    “เหี้ย" มันยิ้มสบายใจสุดๆ แล้วเลี้ยวรถเข้าไปคอนโด หยิบบัตรมาแสกนกับเครื่อง จากนั้นที่กั้นก็เปิดออกให้มันขับเข้าไปยังที่จอดรถ พอจอดรถเสร็จเรียบร้อยมันก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วหันมาจ้องหน้าผม
    "ตกลงจะทำไม่ทำ ส่งข้าวเช้ามา เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้"
    “กูไม่ทำ" ผมตอบกลับไปทันทีโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาคิด
    "คิดให้ดี ถ้าไอ้โอ๊ตรู้ว่าใครทำรถสุดที่รักมันเป็นรอยแบบนั้น จะเกิดอะไรขึ้น" มันข่มขืนกูแน่นอนนนนนน อันนี้ผมก็ตอบได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องเสียเวลาคิดเหมือนกัน ไอ้อันธพาลนั่นมันทำแบบนั้นแน่ๆ
    "มึงแม่งงงงงงงงง"
    “ตกลงเอาไง" มันยังจ้องหน้าถามผมต่อ มึงมีทางเลือกให้กูมากเลยไอ้สัด
    "มึงมันเหี้ยยยยยยยยยยย"
    "ไม่ทำก็ได้ แล้วแต่มึง เดี๋ยวกูโพสต์เลย" มันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าพันทิปจริงๆ ครับ ผมไม่ได้กลัวสังคมประณามอะไรเลย แต่ผมกลัวไอ้โอ๊ตส่งคนมาอุ้มมากกว่า ซึ่งถ้ามันทำแบบนั้นจริงๆ ผมคงไม่มีทางรอดแน่นอน แถมแลมโบคันนั้นก็คันโปรดมันด้วย
   “ไอ้เหี้ย" ผมคิดอะไรไม่ออก ได้แต่ด่าไอ้แท็กซี่ตรงหน้านี่ซ้ำๆ ในคำเดิมที่เหมาะกับมันที่สุด
    "ครับ"
    "เออออออออ ทำก็ทำวะ!!!”
    ไม่รู้ว่านี่มันวันมหาวิบัติอะไร แค่ผมจะไปสยามกินข้าว เที่ยวเล่นกับเพื่อน แต่ดันต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายยืดเยื้อขนาดนี้ ทั้งที่มันก็ไม่ใช่ความผิดผมสักทีเดียว จริงๆ ผมว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยด้วยซ้ำ อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้เป็นของธรรมดา ไม่งั้นรถเขาจะมีประกันเอาไว้ทำไมวะ แล้วทำไมอยู่ๆ ผมจะต้องมาเป็นเบ๊ส่งข้าวเช้าตั้งเดือนนึง ไอ้แท็กซี่นั่นมันจะเอาอะไรนักหนา แถมยังบังเอิญอยู่คอนโดเดียวกันอีก อยู่ที่นี่มาตั้งนานไม่เห็นจะเคยเจอมัน แล้วเสือกมาอยู่คอนโดเดียวกันได้ยังไง กูไม่เข้าจายยยยยยยย หงุดหงิดฉิบหาย ผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจะนอน แต่ก็นอนไม่หลับ หัวมันพาลจะคิดแต่เรื่องวันนี้จนน่ารำคาญ  ผมเลยเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปว่ายน้ำดับอารมณ์แทน ว่ายน้ำจนเหนื่อย ผมก็กลับขึ้นมานอนอีกครั้ง คราวนี้หลับสนิทไร้รอยต่อ ยาวเต็มคืน ด้วยชุดนอนเสื้อยืดกับบ็อกเซอร์เลยล่ะครับ
    ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง... ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊งงงงงงง
    "โอ้ยยยยยยยยย มึงจะกดเอาห่าไรนักหนาวะ กูจะนอนนนนนนนนนนนนนน" ผมตะโกนให้กับคนหลังประตูที่มากดออดรัวอยู่หน้าห้องอย่างไร้มารยาท
    ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง... ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊งงงงงงง
    "ใครวะแม่ง มาทำเหี้ยอะไรแต่เช้าาาาาาาาาาา" ผมลุกขึ้นไปเปิดประตูในสภาพงัวเงียเบอร์เก้า ก่อนที่ไอ้คนหลังประตูมันจะกดออดในสเต๊ปเดิมอีกครั้ง เปิดประตูออกไปก็เจอไอ้ตัวเหี้ยเมื่อวานมายืนแป้นแล้นอยู่หน้าห้องผม
    "ไอ้เหี้ย มึงมาได้ไง"
   "ไหนเหี้ย กูหล่อขนาดนี้ เหี้ยก็เหี้ยแล้ว ตัดแว่นหน่อยนะมึง" มันผลักประตูห้องผมแล้วเดินเข้ามาทิ้งตูดลงโซฟาหน้าตาเฉย อะไรก็ไม่น่าสงสัยเท่ามันรู้จักห้องผมได้ยังไง นี่ผมเริ่มจะกลัวมันจริงจังแล้วครับ ผมปิดประตูแล้วเดินตามมันไปที่โซฟา
    “ใครให้มึงเข้ามาเนี่ยยย"
   "7 โมง 10 นาทีแล้ว ไหนข้าว” มันเงยหน้าขึ้นมาถามผม
    "ข้าวอะไรของมึง หิวก็ไปร้านดิวะ มาหากูทำซากอะไร"
    "ข้าวเช้าเดือนนึงทุก 7 โมงที่ตกลงกันไว้ คืนเดียวสมองเสื่อมแล้วเหรอมึง"
    "โอ้ยยย มึงจะเอาไรจากกูนักหนา เอางี้นะ เดี๋ยวกูให้ตังค์มึงไป แล้วมึงไปซื้อแดก กูจ่ายทีเดียวไปเลยด้วย เหมาจ่ายแบบบุฟเฟ่ต์ มึงเลือกเอาเลยอยากแดกไรตามสบาย โอเคเนอะ"
    "มึงฟังกูนะครับน้อง ข้าวเช้าทุก 7 โมงที่ห้อง 1502 ตึก A เป็นเวลา 1 เดือน กูว่ากูพูดชัดเจนแล้วนะ"
    "มึงนี่วุ่นวายเนอะ"
    "ไม่เป็นไร วันแรกกูอนุโลมให้เด็กน้อย มึงไปอาบน้ำ กูซื้อโจ๊กมาแล้ว เดี๋ยวกูเทรอ แล้วแดกพร้อมกัน วันแรกถือว่ากูบริการให้ดูเป็นตัวอย่าง" มันชูถุงโจ๊กขึ้นมาแกว่งโชว์ผม แล้วลุกขึ้นจะเดินไปที่ครัวจริงๆ มากไปแล้วไอ้ห่านี่
    "มึงบ้าป่ะเนี่ย มึงเป็นใครก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ มาเข้าห้องกูทำนั่นทำนี่ แล้วกูจะไว้ใจมึงได้ไง มึงออกไปเลย"
    "โอเค กูชื่อแท็กซี่ ทศ ธนัศหัสดิน พ่อกูเป็นเจ้าของอู่แท็กซี่ แล้วก็เป็นหุ้นส่วนคอนโดที่นี่ ส่วนมึงชื่อมิเตอร์ พ่อเป็นผู้อำนวยการประปาถูกมั้ย คราวนี้เราก็รู้จักกันแล้วเนอะ แล้วกูคงไม่เป็นโจรในคอนโดตัวเองหรอก เดี๋ยวพ่อกูตีตาย ส่วนเหตุผลที่มึงต้องส่งข้าวเช้าให้กูเดือนนึง เพราะกูคิดเป็นค่าไถ่โทษ มีปัญหาอะไรอีกมั้ยครับ"
    "เดี๋ยวนะ นี่มึงเป็นเจ้าของคอนโดเหรอ” ความรู้ใหม่มาอีกแล้วครับ ไอ้ห่านี่มันรวยมาก รวยเว่อร์ รวยจนไม่ควรจะมานั่งเถียงเรื่องหาแดกข้าวเช้าอะไรกับผม รวยจนน่าจะมีแม่บ้านคอยปรนนิบัติมันอยู่ที่ห้องได้สบายๆ
    "พ่อกู"
    "นั่นแหละ แล้วมึงจะมาเอาข้าวเช้ากิ๊กก๊อกจากกูเพื่ออะรายยยยยยยยยยย"
    "มันเป็นการไถ่โทษของมึง"
    "วิธีอื่นมั้ย ทำไมจะต้องมานั่งแดกข้าวเช้ากันทุกวัน มึงบ้าป่ะ” ผมพยายามจะต่อรองกับมันดูอีกครั้ง ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะขอโทษมันสักสิบครั้งตั้งแต่ตอนที่ขับรถชน แล้วให้เราจากกันไปอย่างสงบ แต่ในเมื่อโลกนี้ไม่มีไทม์แมชชีนให้ผม สิ่งที่ผมจะทำได้อย่างเดียวก็คือ ต่อรองกับมันนี่แหละครับ
    "มึงเลิกมากเรื่องแล้วไปอาบน้ำ กูหิว เวลากูโมโหหิวกูจะชอบตั้งกระทู้โพสต์รูปนะ เอ๊ะหรือกูส่งให้ไอ้โอ๊ตไปเลยดีวะ"
    "ไอเหี้ยยยยยย"
    "มึงจะอาบมั้ย หรือกูต้องอาบให้"
    "แม่งเอ๊ยยยยย" ผมแพ้มันอยู่ดี สุดท้ายก็ต้องเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำตามคำสั่งมัน อาบน้ำเสร็จผมก็รีๆ รอๆ เช็ดผม หวีผมไปเรื่อย พร้อมกับแอบเหล่มองมันจากช่องประตูห้องนอนที่เปิดแง้มเอาไว้ มันกำลังนั่งกดโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะกินข้าวตัวเล็กในห้องผม ตรงหน้าที่ชามโจ๊กสองชามวางอยู่ แต่มันก็ยังไม่ได้กิน
    "เร็วๆ แต่งตัวเสร็จก็รีบมาแดกได้แล้ว" มันเดินมาเปิดประตูห้องนอนผม แล้วยืนกอดอกพิงขอบประตู จ้องผมที่กำลังหวีผมอยู่หน้ากระจก
    "มึงจะเร่งทำห่าไร มึงก็แดกๆ แล้วก็กลับไปซะ"
    "กูบอกแล้วใช่มั้ยว่ากูจะแดกพร้อมมึง แล้วทุกวันต่อจากนี้เดือนนึง มึงก็ต้องไปทำแบบนี้ ไปบริการกูที่ห้องกู เข้าใจมั้ย"
    “ไม่เข้าใจ" เถียงมันไปก่อน เผื่อมันรำคาญขึ้นมา มันจะได้เลิกยุ่งกับผมสักที
    "โง่เหรอ ถึงได้เข้าใจอะไรยาก"
    "ไม่เข้าใจว่ามึงเป็นเหี้ยอะไร"
    "แล้วแต่มึง มาแดกได้แล้ว” คำพูดผมทำอะไรมันไม่ได้เหมือนเดิม มันเดินกลับไปนั่งที่หน้าชามโจ๊ก ส่วนผมก็เดินไปนั่งกินข้าวกับมัน สูดโจ๊กเข้าปากอย่างเร็ว ใช้เวลาจัดการกับชามนี้ประมาณ 7 นาที แล้วก็นั่งดูคนตรงหน้านั่งกินอย่างอารมณ์ดีและชิลสุดๆ ทำตัวอย่างกับว่าที่นี่เป็นห้องของมันเอง พอกินเสร็จมันก็เก็บชามทั้ง 2 ใบเดินไปล้าง ผมเดินตามมันไปเพื่อถามเรื่องที่ยังคาใจต่อ
    "แล้วถ้าวันไหนกูมีเรียนเช้าทำไง"
    "มึงไม่เคยออกจากคอนโดก่อน 8 โมง"
    "มึงนี่น่ากลัว" มันรู้แม้กระทั่งเวลาออกไปเรียนของผม นี่มันมีวงจรปิดทั้งคอนโดอยู่ที่ห้องตัวเองหรือไงวะ
    "กูก็แค่เห็น"
    "เห็นกูเนี่ยนะ ทำไมกูไม่เคยเห็นมึง” มันชะงักมือที่กำลังถูชามแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผม
    “คนสนใจกับคนไม่สนใจมันก็ต้องต่างกันอยู่แล้ว” นี่กูมีอะไรน่าสนใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ
    “กูถามจริง มึงอยากแกล้งกูเฉยๆ หรือว่ายังไงวะ กูไม่เห็นจะเข้าใจ ทำไมจะต้องทำให้เรื่องมันวุ่นวายเป็นเดือนๆ มันไม่มีวิธีอื่นเหรอ ถ้ามึงแค่อยากให้กูขอโทษ กูบอกไปแล้วว่ากูขอโทษก็ได้นะ ถ้ามึงต้องการแบบนั้น ถึงกูจะคิดว่ามันไม่ใช่ความผิดกูคนเดียวก็เถอะ” มันวางชามใบที่สองที่ล้างเสร็จแล้วลง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมา แล้วก็เดินไปหยิบแก้ว
   "กูไม่ต้องการคำขอโทษแล้ว"
    "แล้วทำไมมึงต้องให้ไถ่โทษบ้าๆ บอๆ"
    "มึงอยากรู้เหรอ" มันเอียงคอถามผม ขณะที่กำลังรินน้ำใส่แก้ว ใช้ชีวิตได้กลมกลืนกับห้องกูเป็นอย่างดีสุดๆ เลยครับ พอเห็นว่าผมไม่ตอบ มันก็พูดต่อ
    "เรียกกูว่าพี่แท็กดิ เดี๋ยวกูบอกเลย"
    "กู ไม่ เรียก! มึงเลิกกวนประสาทได้มั้ยวะ"
    "กูก็พูดกับมึงดีๆ ตลอด ไม่เห็นว่าจะกวนประสาทตรงไหน นี่กูเอาข้าวเช้ามาเสิร์ฟมึงด้วยนะ ขอบคุณกูสักคำมั้ยครับน้องเตอร์"
    "กูขอให้มึงมาเหรอ"
    "ไม่มีใครสอนเหรอว่าใครทำดีกับเรา เราก็ต้องดีตอบ"
    "ปกติกูก็ดีกับคนที่เค้าดีกับกูนะ แต่ไม่ใช่กับมึงอ่ะ"
    "ทำไมต้องยกเว้นกูอ่ะ กูไม่ปกติเหรอ นี่กูเป็นคนพิเศษเลยเหรอ”
   “มึงเป็นคนที่กูไม่ไว้ใจ" คุยกับไอ้แท็กซี่นี่แล้วผมประสาทจะแดกทุกที มันถือแก้วน้ำแล้วเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาในห้องแทน ผมก็เลยต้องเดินตามมันไปคุยต่อให้รู้เรื่อง เริ่มจะสับสนแล้วว่านี่มันห้งอผมหรือห้องมันกันแน่
    "หน้ากูเหมือนโจรตรงไหน"
    "หน้ามึงอ่ะปกติ แต่ที่มึงทำอยู่เนี่ยไม่ปกติ"
    "เหรอ...กูว่าหน้ากูต่างหากที่ไม่ปกติ เพราะหน้ากูหล่อมากกกก ส่วนไอ้ที่กูทำเนี่ยไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ แค่แดกข้าวมันแปลกตรงไหน มึงไม่แดกข้าวเหรอไง"
    "มึงจะบอกได้ยัง อย่ากวนตีน มึงจะให้กูไถ่โทษทำไม เสียเวลาต้องมาแหกขี้ตาตื่นกันทั้งคู่"
    "กูตื่นเช้าอยู่แล้ว"
    "..." ถอนหายใจแรงครับ ยิ่งคุยยิ่งไม่รู้เรื่อง ปวดกบาลกับมันแล้วครับ
    "มันก็ไม่มีไรหรอก กูก็บอกแล้วไงว่าเป็นการไถ่โทษให้กู ก็แค่นั้น”
    "แค่นั้น? มึงอย่าลีลา บอกกูมาต้องการอะไร แล้วก็บอกมาด้วยว่ารู้เรื่องกูเยอะแยะได้ไง” พอผมเริ่มเถียงกับมันจริงจังขึ้นเรื่อยๆ มันก็ลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับผม
    “กูก็แค่บังเอิญเห็น ก็อยู่คอนโดเดียวกัน กูเห็นมึงบ้าง มันแปลกตรงไหนวะ” แปลกทุกตรงเลยไอ้เหี้ย
    "บอกกูมา"
    "กูชอบมึง เอามือถือมานี่" มันแย่งโทรศัพท์ในมือผมไปแล้วก็กดรัวๆ ในขณะที่ผมยังยืนเอ๋อแดกกับคำตอบของมันอยู่
    “เดี๋ยวก่อน...เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ" ผมถามทวนซ้ำ เผื่อว่าหูผมจะเพี้ยนไปจากน้ำในสระว่ายน้ำที่เข้าหูเยอะไปหน่อยเมื่อคืนนี้
    "หูตึงเหรอไงมึง"
    "เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไร"
    "นี่...มึงจะพูดคำซ้ำๆ ทำไม"
    "เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไร"
    "เอ้า...นี่เบอร์กู ถ้าพรุ่งนี้ 7 โมงตรงมึงไม่ถึงห้องกู กูจะได้โทรตาม แล้วก็อย่าคิดเบี้ยวอีกล่ะ ไม่งั้นกูส่งรูปให้ไอ้โอ๊ต คราวนี้มึงโดนมันดักปล้ำแน่ แล้วก็เลิกยืนทำหน้าเอ๋อได้แล้ว เมื่อกี้ กูบอกว่า... พี่ชอบน้องเตอร์ครับ" ประโยคสุดท้ายมันขยับเข้ามากระซิบที่หูผม แล้วก็เดินไปเปิดประตูออกจากห้องไป
    “ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 2
«ตอบ #5 เมื่อ24-01-2017 09:46:37 »

ตอนที่ 2

    หลังจากไอ้แท็กซี่ประสาทนั่นเดินออกไป ผมก็นั่งทบทวนทุกอย่างกับตัวเองนิ่งๆ มาเกือบชั่วโมง อะไรคือการที่อยู่ๆ กูต้องไปขับแท็กซี่ แล้วอยู่ๆ กูก็ขับชน แล้วอยู่ๆ กูก็บังเอิญอยู่ที่เดียวกับเจ้าของแท็กซี่ แล้วอยู่ๆ กูก็โดนมันแอบถ่ายรูปที่ไปกรีดรถไอ้โอ๊ต แล้วอยู่กูก็โดนบังคับให้ส่งข้าวเช้าไถ่โทษเดือนนึง แล้วอยู่ๆ ไอ้ห่านั่นก็มาบอกว่าชอบกู นี่มันเกิดอาเพศอะไรกับชีวิตกูครับ กูจิครายยยยยยยยยยยยย เรื่องนี้ใครจะรับผิดชอบ มันต้องมีคนรับผิดร่วมกับกูสิวะ เหี้ยปิงก่อนเลย อยู่ในแท็กซี่กับกูด้วยวันนั้นด้วย
    "ฮัลโหล ว่าไงครับคุณเตอร์ วันหยุดมึงตื่นเช้าได้ด้วยเหรอครับ"
    "เหี้ยปิง ฟังกู..." ผมเล่าเรื่องราวตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นที่ไปโบกเจอแท็กซี่ของไอ้แท็กซี่จนถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าให้มันฟังรัวๆ และนี่คือเสียงตอบรับจากเพื่อนรัก
    "ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
    "มึงหยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้ แล้วช่วยกูคิดว่ามันเกิดเหี้ยอะไรขึ้น"
    "เรื่องบังเอิญมั้งมึง แต่กูฮาจริงว่ะ” มันยังพูดไปขำไปไม่หยุด
    "บังเอิญเหี้ยไรนักหนา แล้วกูจะทำยังไงวะแม่ง"
    "ก็บังเอิญที่แท็กซี่คันนั้นแอบชอบมึง แล้วก็พรหมลิขวิดที่คนขับรถเค้าไปชนเสือกเป็นมึง"
    "ชอบเหี้ยไร กูไม่ใช่เกย์ กูว่าแม่งกวนตีนกูเฉยๆ"
    "มึงไม่เคยคบผู้ชาย ไม่ได้แปลว่ามึงไม่ชอบผู้ชายสักหน่อย"
    “ไอ้สัด” ลากกูเข้าสมาคมเดียวกับมึงตลอดไอ้ห่าปิง
    "มึงก็แค่ไปส่งข้าว ป้อนข้าวเค้าสักเดือนยากตรงไหนวะ"
    "ก็ถ้ากูอยากทำ กูจะโทรมาเล่าให้มึงฟังทำปลาดุกอะไร”
    "ถ้ามึงไม่ทำแล้วเค้าส่งรูปให้เหี้ยโอ๊ต หรือเอาไปอัพแล้วมันมาเห็น มึงว่ามึงจะอยู่ดีเหรอวะ เหี้ยนั่นแม่งอิทธิพลจะตายห่า ถ้ามันรู้นะ กูว่ามันปล้ำมึงแน่"
    "ห่าเอ๊ยยย กูให้มึงช่วยหาทางออก ไม่ใช่มาให้กูยอมรับชะตากรรมห่าหอกนี่"
    "กูก็พูดไปตามจริงครับ น้องเตอร์ก็ไปเอาใจพี่แท็กซี่เค้าหน่อย ทำดีๆ เผื่อพี่เค้าจะเปย์คอนโดเพิ่มให้สักห้อง ไม่ดีเหรอไง"
    "พึ่งพาไม่ได้เลยนะมึง แค่นี้แหละสัด"
    "โชคดีนะครับน้องเตอร์"
    ผมวางสายจากไอ้ปิงเพื่อนรักที่ช่วยห่าอะไรไม่ได้แถมยังขำซ้ำเติม มานั่งทบทวนเรื่องนี้ตลอดวัน จนได้ข้อสรุปว่าผมคงต้องทำใจยอมรับชะตากรรมเบ๊ส่งข้าวเช้าเดือนนึงเพราะไม่มีทางเลือกอื่น แต่ก่อนจะเริ่มส่งข้าววันพรุ่งนี้ ผมขอไปหาอะไรกินที่ร้านแถวคอนโดเป็นการย้อมใจหน่อยแล้วกัน คืนวันเสาร์ร้านเหล้าทุกร้านเริ่มคึกคักตั้งแต่หัวค่ำ แถวคอนโดผมมีร้านนั่งชิลอยู่ประมาณ 10 ร้าน ปกติก็จะชวนพวกเพื่อนมาสังสรรค์กันประจำ แต่วันนี้ปวดกบาลขอกินคนเดียว เอาแค่พอกรึ่มๆ หลับสบายแล้วกัน
    "อ้าววววววว สวัสดีครับน้องเตอร์สุดหล่อ” อุตส่าห์มาเงียบๆ ชิลๆ ปลงๆ ก็ยังไม่วายเจอมารจนได้ มารตัวที่ทำให้ผมต้องไปส่งข้าวให้ไอ้แท็กซี่ เพราะเสือกไปกรีดรถมันแล้วโดนไอ้แท็กซี่ถ่ายรูปไว้ได้
    "..."
    “ขอพี่นั่งด้วยคนนะครับ" มันนั่งลงโดยไม่รอคำเชิญหรือคำอนุญาตอะไรจากผมทั้งสิ้น
    “กูขอนั่งคนเดียวได้ไหมวะ" ผมพูดแล้วกระดกเบียร์ที่ถืออยู่เข้าปาก โดยไม่หันไปมองไอ้โอ๊ตให้เสียสายตาและอารมณ์
    "ทำไมพูดกับพี่โอ๊ตแบบนี้ล่ะ นั่งคนเดียวเดี๋ยวก็เหงาตายหรอก แล้วนี่อารมณ์ไหนถึงมานั่งกินคนเดียว อกหักเหรอ"
    "เสือก"
    "ไม่เอาสิ พูดกันดีๆ" มันเอามือมาลูบมือผมข้างที่ไม่ได้จับแก้ว ผมสะบัดออกทันที
    "อย่ายุ่งกับกู"
    "เดี๋ยวพี่นั่งกินเป็นเพื่อนแล้วกัน นั่งคนเดียวพี่เป็นห่วง" มันเอามือจะมาลูบขาผม ผมบอกแล้วว่าไอ้นี่มันเหี้ย แต่ยังไม่ทันที่มือของมันจะถึงขาของผม ไอ้ตัวเสือกตัวใหม่ก็โผล่มา
    "อ้าวเตอร์ คอยนานมั้ย” ตัวเสือกชื่อเบอร์สองหรือแท็กซี่ทักผมแบบนั้น... คอยอะไรของมึง กูมาคนเดียวโว้ย งานรวมญาติอะไรวะเนี่ย ยังไม่ทันได้ตอบอะไรไอ้ตัวเสือกเบอร์สองก็นั่งลงข้างๆ ผมโดยที่ไม่ได้รับเชิญเช่นกัน
    "แท็กก็บอกแล้วว่าให้ออกมาพร้อมกัน จะรีบออกมาก่อนทำไม แล้วนี่กินไวไปป่ะ เดี๋ยวก็เมาหรอก” ตัวเสือกเบอร์สองยังคงพูดกับผมไปเรื่อยๆ
    "นี่รู้จักกันเหรอ" ตัวเสือกหนึ่งเริ่มทักทายตัวเสือกสอง
    "คนสนิทกันน่ะครับ" ตัวเสือกสองยิ้มตอบตัวเสือกหนึ่ง แล้วก็หันมาทำตาหวานเยิ้มใส่ผม
    “สนิทกัน?" ตัวเสือกหนึ่งทวนคำด้วยความสงสัยในสายตาของไอ้แท็กซี่และความสัมพันธ์ตรงหน้า
    “คุณโอ๊ตมากับใครเหรอครับ" ตัวเสือกสองเปลี่ยนเรื่อง
    "เอ่อ เพื่อนน่ะครับ นั่งอยู่ด้านใน ไม่ยักรู้ว่าพวกคุณรู้จักกัน ไม่เคยเห็นไปไหนมาไหนด้วยกันมาก่อน"
    "เตอร์เค้าใจร้อนน่ะครับ ไปไหนไม่ค่อยยอมรอ นี่ก็ขอออกมาก่อน" ตัวเสือกสองเอามือมาโอบไหล่ผม
    "อ..." ผมยังไม่ทันได้อ้าปากด่า ตัวเสือกสองก็บีบไหล่ส่งสัญญาณบังคับให้ผมหุบปาก
    “นี่พวกคุณ..." ตัวเสือกหนึ่งยังไม่ทันพูดจบ ตัวเสือกสองก็พยักหน้าเออออตอบรับว่าครับ จนไอ้โอ๊ตมันขอตัวออกไปจากโต๊ะเพื่อไปหาเพื่อนมันด้านใน
    "เชิญ" อันนี้ผมพูดเอง รีบไปเลยไอ้สัด พอตัวเสือกหนึ่งเดินจากไป ผมก็สะบัดไหล่ออกจากแขนตัวเสือกสอง แล้วหันไปไล่มันบ้าง แต่มันก็ยังนั่งหน้าตาเฉย แถมหยิบแก้วมารินเบียร์ของผมกินอีก
    "นี่กูช่วยมึงนะ แทนที่จะขอบคุณ"
    "ช่วยเหี้ยอะไร อยู่ๆ ไปพูดแบบนั้นให้คนอื่นเข้าใจผิด"
    "เข้าใจผิดยังไง"
    "ก็เข้าใจว่ามึงกับกู..."
    "กูไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย แค่บอกว่าสนิทกัน ซึ่งเดี๋ยวก็คงสนิทจริงๆ เพราะต้องเจอกันทุก 7 โมงเช้า"
    "มึงแม่ง"
    "มันไม่ดีเหรอวะ มันเข้าใจแบบนั้น ต่อไปไม่จะได้ไม่กล้ามายุ่งกับมึง"
    "..." ผมเหนื่อยที่จะเถียงกับคนประสาทแบบมันแล้วครับ กะว่าจะกินพอกรึ่มๆ กูแดกให้เมาแม่งเลยแล้วกัน ปวดกบาล พอเห็นผมกระดกเบียร์พรวดๆ มันก็เริ่มห้ามปราม ผมพยายามจะไล่มันต่อไป แต่มันก็ต่อากต่อคำ แถมยังบอกว่าจะอยู่ด้วยให้มั่นใจว่าผมจะไม่เมา เพราะถ้าผมเมาพรุ่งนี้จะไม่มีคนส่งข้าวให้มันแดก
     "กูบอกตรงๆ นะ กูมาคิดๆ ดูแล้ว กูไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามึงจะมาวุ่นวายกับกูทำไม กูขอโทษมึงแล้วให้มันจบๆ ไปได้มั้ย แล้วก็ไม่ต้องเจอะเจอกันอีก บ๊ายบายตายจากกันไปเลยได้ป่ะวะ"
    "ไม่ครับ"
    "เอางี้ เล่นเกมกัน ถ้ากูชนะ เรื่องไถ่โทษห่าไรนี่ยกเลิก” ผมพยายามสรรหาวิธีใหม่เพื่อมาตัดเคราะห์ตัดกรรมกับคนอย่างมัน
    "แล้วถ้ากูชนะอ่ะ"
    "กูจะยอมส่งข้าวเพิ่มให้อีก 1 อาทิตย์"
    "ง่ายไป ถ้ามึงชนะข้อตกลงยกเลิก แล้วกูจะยอมทำตามคำสั่งมึง 3 ข้อ แต่ถ้ากูชนะ มึงต้องส่งข้าวเพิ่มอีก 1 เดือน แล้วทำตามคำสั่งกู 3 ข้อ"
    "มากไปแล้วมึง"
    "ไม่เล่นก็ได้ กูเสียเปรียบนะ เกมอะไรกูก็ยังไม่รู้เลย"
    "เออออออออก็ได้"
    "ว่ามา"
    "ง่ายๆ เลย เบียร์ 3 ขวด ใครแดกหมดก่อนชนะ” ผมหันไปสั่งเบียร์เพิ่มอีก 6 ขวด ผมมั่นใจว่าผมต้องชนะ เพราะดูทรงไอ้แท็กซี่คันนี้แล้วละอ่อนยิ่งนัก หน้าหล่อๆ สะอาดๆ แบบนี้คงไม่เคยแดกเถื่อนอย่างพี่เตอร์ยกซดกระดกหาย (ฉายานี้ไอ้แพรเพื่อนผมประทานไว้ให้) จบเกมกูจะได้ไม่ต้องเจอมึงอีก ลาก่อน
    ผมบอกมันว่าจะเอาช้อนเคาะขวดเพื่อให้สัญญาณเริ่ม... เกร๊งงง! หลังช้อนเคาะลงที่ขวด ผมก็ยกซดกระดกไม่ลืมหูลืมตาอย่างว่องไว ทำเวลาได้ดีตามสถิติเดิม จนกระทั่งน้ำเมาในขวดที่สามกำลังไหลบ่าลงคอได้ครึ่งทาง มือของคนข้างๆ ก็มาคว้าเอาขวดในมือผมไป
    "พรุ่งนี้เจอกัน 7 โมงเช้านะครับน้องเตอร์" พูดจบมันก็วางแบงค์สีเทาไว้บนโต๊ะ แล้วก็เอาขวดที่แย่งจากมือผมไปทับไว้ จากนั้นก็เดินจากไป
    "ไอ้เหี้ยยยยยยย" เป็นอีกครั้งที่ผมอุทานคำนี้ไล่หลังมัน พี่เตอร์ยกซดกระดกหายถูกล้มแชมป์ กูจิครายยยยยยยยยย มึงทำได้ยังไง มึงแดกหรือเททิ้งไอ้ห่าาาาาาาาาาาาาา ผมรู้สึกสิ้นหวังจนต้องออกจากร้านแล้วกลับคอนโด ขนาดเลือกวิธีที่มั่นใจที่สุดมาเอาชนะ ผมยังแพ้มันเลย กูไปทำกรรมอะไรกับมึงไว้วะไอ้แท็กซี่!
     6.30 น. อรุณเบิกฟ้านกกาโบยบินวันอาทิตย์ ขณะที่เดินออกไปซื้อข้าวหน้าคอนโด ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนยังหลอนอยู่ในหัวผม พี่เตอร์ยกซดกระดกหายที่กินเหล้ามา 874 ครั้ง ท้าดวล 469 ครั้ง ชนะ 461 ครั้ง เสมอ 7 ครั้ง ไม่เคยแพ้ ถูกทุบสถิติไปเมื่อคืนนี้ในการท้าดวลครั้งที่ 470 ความเหี้ยคือการเสียเดิมพันเป็นการส่งข้าวเพิ่มอีก 1 เดือนพร้อมทั้งทำตามคำสั่ง 3 ข้อ กูว่าเมื่อคืนแม่งต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ไอ้แท็กซี่หน้าใสนั่นมันจะแดกเร็วกว่ากูได้ไงวะ
    7.00 น. ตรงเป๊ะหน้าห้อง 1502 ตึก A คอนโดเดียวกับผม
    ติ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    "มาแล้วโว้ยยยยย มึงจะกดรัวอะไรขนาดนั้น คิดถึงกูมากเหรอครับ" มันเปิดประตูออกมาแล้วทักทายผมด้วยประโยคนี้ เจ็ดโมงเข้าที่ห้องตัวเอง มันอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวไม่มีลายกับกางเกงขาสั้นสีกรม สภาพของมันยังดีกว่าผมที่ออกไปหาซื้อของมาให้มันแดกอีกครับ
   "เหี้ย" ผมทักทายมันกลับไปด้วยคำนี้
    "ตรงเวลาดีนี่นา"
    "แล้วกูไม่ตรงเวลาได้มั้ยล่ะ วันหลังกูจะได้มา 9 โมง"
    "ได้ แต่กูจะไปตามที่ห้อง"
    "เอาไปแดก กูไปละ" ผมยื่นถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ให้มันในปริมาณที่น่าจะกินได้ทั้งวันโดยไม่ต้องออกไปไหน แล้วก็หมุนตัวเพื่อที่จะเดินกลับห้องตัวเอง แต่มันก็ดึงแขนผมเอาไว้
    "อะไรอีก"
    “กูบอกว่าไง" มันเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มเป็นทำหน้าตาเหมือนคนกำลังดุเด็กยังไงอย่างงั้น
    "กูก็เอาอาหารเช้ามาให้ 7 โมงตรงเป๊ะ หรือมึงแดกไม่ได้ งั้นมึงก็ควรบอกกูก่อนว่าจะแดกอะไรวันไหนยังไง กูจะได้ซื้อถูก"
    "เปล่า กูแดกไรก็ได้ ง่ายๆ"
    "เออก็ดี กูไปแล้วถ้างั้น"
    "มึงลืมไปเปล่าว่าเมื่อวานกูทำตัวอย่างอะไรให้ดูที่ห้องมึง มึงต้องทำแบบนั้นถึงจะถูกต้อง"
    "มึงปล่อยกูไปเหอะนะ กูขอล่ะ” ผมดึงแขนตัวเองออกจากมือของมัน แล้วพยายามปรับเสียงให้เป็นโหมดอ้อนวอนที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้
    "ก็แค่กินข้าวเช้าด้วยกัน ยังไงมีงก็ต้องกิน มีเพื่อนกินไม่ดีตรงไหน"
    "ตรงที่เป็นมึง"
    "กินข้าวกับคนหล่อ เจริญอาหารนะครับ"
    "เชิญมึงนั่งส่องกระจกแล้วแดกข้าวกับตัวเองไปนะ มึงจะได้เจริญอาหาร"
    "กินกับมึง กูเจริญอาหารกว่า"
    "กูสัญญา ถ้ามึงปล่อยกูไป กูจะซื้อข้าวมาให้มึงตรงเวลา 7 โมงเป๊ะทุกวัน มึงจะได้แดกอาหารเช้าที่มีคุณภาพ และได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีจากกูแน่นอน"
    "นี่มึงคัดสรรแล้ว?" มันยกถุงน้ำเต้าหู้ขึ้นมาแกว่งตรงหน้าผม
    "น้ำเต้าหู้อาเจ็กหน้าคอนโด เดินออกไปเลี้ยวซ้ายเดินไป 20 ก้าว แล้วเลี้ยวซ้ายอีกที เดินไปอีก 25 ก้าวเจอเลย อร่อยสุดในย่านนี้เชื่อกู ไม่เชื่อก็แดกดู"
    "เลิกพูดมาก แล้วก็เข้ามาได้แล้ว" มันพูดพร้อมกับคว้าแขนผมแล้วลากให้เข้าห้องมันไป ห้องของมันไม่ธรรมดาสมกับที่พ่อเป็นหุ้นส่วนคอนโดนี้จริงๆ ครับ ขนาดเท่ากับห้องผม แต่เฟอร์นิเจอร์นี่ดูๆ แล้วอิมพอร์ตมาทั้งนั้น ตกแต่งได้มีรสนิยมสุดๆ
    "ห้องมึงดูดี"
    "ชอบเหรอ"
    "กูแค่บอกว่าดูดี ไม่ได้บอกว่าชอบ"
    “สายตามึงมันบอกแบบนั้น ชอบก็มาทุกวัน อย่าลีลา แล้วยืนนิ่งทำไร ไปจัดการแกะใส่ถ้วยสิวะ"
    "เออ!!!!!!!!!" ผมเดินเข้าไปจัดการน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ที่ซื้อมาให้อยู่ในสภาพพร้อมกิน แล้วก็ยกออกมาให้ไอ้คุณชายแท็กซี่แดกที่โต๊ะกลางห้อง จากนั้นมันก็นั่งกินไปยิ้มไป วางมาดเหมือนพญาราชสีห์ที่กุมอำนาจในป่าแห่งนี้ แล้วมองหนูพลางยิ้มเยาะ อย่าให้ถึงทีกูบ้างแล้วกัน
    "มองทำเหี้ยไร"
    "มึงน่ารัก"
    "น่ารักเหี้ยอะไร"
    "มึงถามเองนะ กูก็ตอบเฉยๆ"
    "กูถามไรหน่อยดิ มึงไปขับแท็กซี่ทำไมวะ" สงสัยตั้งแต่วันที่รู้ว่าพ่อมันเป็นเจ้าของอู่แล้วล่ะครับ ยิ่งมารู้ว่าพ่อมันเป็นหุ้นส่วนคอนโดนี้อีก กูเข้าใจไม่ได้เลยว่า มึงจะไปขับแท็กซี่ให้มันเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นกับกูทำไม
    "อยากรู้จริงอ่ะ"
    "ไม่อยาก"
    “ดี" มันยิ้มแล้วหยิบปาท่องโก๋ในจานขึ้นกัด ลอยหน้าลอยตาเคี้ยวด้วยสีหน้าอร่อยเว่อร์วังใส่ผม กวนตีนกูเข้าไป
    "ไม่อยากรู้กูจะถามทำเหี้ยไรล่ะครับ"
    “ฮ่าๆๆ เพื่อให้สมกับความเสือกของมึง มึงต้องแลก... กูจะตอบคำถามมึง แลกกับมึงต้องเรียกกูว่าพี่แท็ก” จะอยากให้กูเคารพอะไรมึงมากมายวะไอ้ห่านี่
    "กูไม่เรียก"
    "งั้นกูไม่บอก"
    "เรื่องของมึง" ผมก้มหน้าก้มตาลงไปกัดปาท่องโก๋บ้าง ก่อนที่จะโมโหจนงับหัวคนตรงหน้า คุยกับมันทีไรก็เหมือนโดนกวนโมโหตลอดเวลา
    “เรียกหน่อยดิ"
    "กูไม่เรียก"
    "เรียกดิ แค่นี้เอง” พอเห็นว่าผมไม่ตอบ แล้วก็ไม่เงยหน้าขึ้นมามองมันด้วย มันก็ยอมเปิดปากตอบคำถามผม
    "ก็วันนั้นกูเข้าไปอู่ กูก็เลยเอาแท็กซี่ออกมาขับเล่นแค่นั้นแหละ"
    "แค่นั้น"
    "เออแค่นั้น"
    "งานอดิเรกคนรวยอย่างมึงเหรอ"
    "บ้า นานๆ ทีกูก็ออกไปขับเล่นทีแบบนี้แหละ กูจะได้เข้าใจลูกค้าไรงี้"

    "นานๆ ทีด้วย ซวยฉิบหาย"
    "อะไร"
    "นานๆ ทีมึงจะออกไปขับ แต่กูเสือกไปแจ็กพอตเจอมึง แล้วเสือกเจอตอนที่มึงปวดเยี่ยวด้วย ซวยฉิบหาย ไม่มีคำอื่นอธิบายได้ดีกว่านี้"
    "ไม่คิดว่าเป็นพรหมลิขิตบ้างเหรอวะ"
    "ชะตากรรมชัดๆ สัด"
    "ก็ยังดีที่มีกรรมร่วมกัน"
    "กูจะทำบุญกรวดน้ำให้มึงนะ จะได้ไม่ต้องผูกพันกันอีก"
    "แต่กูดีใจนะ"
    "แหงสิ มีกูบริการ ได้แดกข้าวฟรี 2 เดือน จ้างแม่บ้านมั้ยล่ะ น่าจะดูแลได้ดีกว่ากูเยอะ มึงรวยจะตาย"
    "กูดีใจที่ได้แดกข้าวกับมึงทุกวันต่างหาก"
    "แต่กูเสียใจมากกกกกกกกก"
    “อีกเดี๋ยวกูจะทำให้มึงดีใจที่มันเป็นแบบนี้" ผมส่ายหัวให้กับความเพ้อเจ้อประสาทๆ ของมัน แล้วยกแก้วกับชามปาท่องโก๋ไปล้าง จะได้รีบกลับไปนอนต่อ ก็นี่มันวันหยุดแต่เสือกต้องแหกตาตื่นมาบริการไอ้นี่แต่เช้า เวรกรรมแท้ๆ ไม่มีบุญผสม มันเดินตามเข้ามาที่อ่างล้างจานแล้วแย่งแก้วที่ผมเพิ่งถูเสร็จไปล้างน้ำเปล่า
    "เดี๋ยวกูทำเอง อย่าวุ่นวาย หรือมึงจะทำ ก็ดี กูจะได้กลับเลย"
    "ช่วยกันสิวะ" มันหันมาทำหน้าดุ
    "ทำหน้าอย่างกับพ่อดุลูก"
    "ถ้าทำแล้วมึงจะเชื่อฟัง กูจะได้ทำบ่อยๆ"
    "โอ๊ยเหี้ย" ผมเผลอไปบิดก๊อกน้ำแรงเกิน จนน้ำที่ไหลออกมากระทบฟองในถ้วยกระเด็นเข้าตาตัวเอง
    "จะเปิดน้ำแรงทำไม กระเด็นเข้าตาจนได้” ผมหยีตาข้างที่โดนน้ำยาล้างจานจนปิดสนิท แล้วยื่นมือความหาก็อกน้ำ ไอ้แท็กซี่จับหัวผมกดลงไปที่อ่างล้างจานแล้วรองน้ำจากก๊อกมาราดที่หน้าผมเพื่อล้างเอาน้ำยาล้างจานออกให้
    "กูแสบ"
    "มึงนี่นะ มานี่ดีกว่า" มันลากแขนผมให้เดินตามมันไปที่ห้องน้ำ
    "เร็วๆ สิมึง"
    "เอ้า ยื่นหน้ามาสิ" น้ำจากฝักบัวสาดเข้ามาที่หน้า ผมถ่างตาเพื่อรับน้ำสะอาดนั้นจนกระทั่งรู้สึกว่าดีขึ้น
    "เอ้าเช็ดหน้าก่อน" ผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กถูกยื่นเข้ามาที่หน้าของผม มันเช็ดหน้าให้ผมเร็วๆ แล้วก็เอาผ้ายัดใส่ไว้ในมือผม
    "ขอบใจ"
    "ไหนดูดิ๊หายยัง" มันยื่นมือมาจะจับหน้าผม แต่ผมปัดออกเบาๆ
    "ไม่เป็นไรแล้ว"
    "ให้กูดู อย่าดื้อ" มันจับหน้าผมเข้าไปส่องตาดูใกล้ๆ จนได้
    "กูโอเคแล้ว กูจะกลับแล้ว แค่น้ำยาล้างจานแค่นี้"
    "มึงเคยล้างจานเปล่าวะ ใส่น้ำยาซะเยอะแยะ แล้วยังเปิดน้ำแรงอีก นี่ตามึงยังแดงๆ อยู่เลย เคืองมั้ยเนี่ย เดี๋ยวกูเดินไปส่ง” เหี้ยยย ผมขนลุกในการแสดงความเป็นห่วงเป็นใยของมันมากขึ้นทุกที จนต้องขอตัวกลับห้องโดยด่วน
   “โอเค พรุ่งนี้ครับน้องเตอร์"
    "ใครน้องมึง"
    "มึงไง"
    "กูไม่มีพี่"
    "กูก็ไม่อยากเป็นพี่"
    "มึงเลิกกวนตีนสักแป๊บได้มั้ย"
    "ได้ครับน้องเตอร์"
    "จะเรียกเหี้ยไรก็เรียกไปเถอะไอ้เหี้ย กูปวดหัวกับมึงมากพอแล้ว กูจะกลับไปนอน"
    "บ๊ายบายครับน้องเตอร์"
    "บายครับเหี้ย" แค่ส่งข้าววันแรกผมว่าผมก็เหนื่อยซะแล้ว แล้วอีกสองเดือนผมจะทนไอ้เหี้ยนี่ไหวไหมครับ เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 3
«ตอบ #6 เมื่อ24-01-2017 09:49:06 »

ตอนที่ 3

   "ตู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" เสียงสัญญาณตอบรับที่บ่งบอกว่าปลายสายไม่มีการตอบรับดังขึ้นเป็นครั้งที่ 20 ของวัน คนที่ผมกำลังคุยๆ ดูใจกันอยู่หายไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นวันที่ 3 ไม่สามารถติดต่อได้ในทุกช่องทาง ทั้งเฟซบุ๊ก ไอจี ทวิตเตอร์ ไลน์ และโทรศัพท์มือถือ ผมยังคงกดโทรต่อไป แม้ว่าจะกดโทรออกเบอร์นี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วตั้งแต่เมื่อคืน จนไอ้ปิงเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมต้องรีบห้ามปรามให้หยุดการกระทำนี้ลง แล้วก็พยายามช่วยผมทบทวนหาสาเหตุที่เจน ผู้หญิงที่ผมรักหายหน้าหายตาไป
    "มึงแน่ใจว่าไม่ได้ทะเลาะกัน"
    "ทะเลาะเหี้ยไร คืนนั้นยังบอกฝันดีกูเลย แล้วแม่งก็หายไปเฉยๆ"
    "หรือมึงไปทำไรให้เค้าไม่พอใจ แต่ไม่รู้ตัววะ"
    "กูไม่รู้ว่ะ แต่กูไม่ได้ทำไรเลยจริงๆ" ไม่มีสักเหตุผลที่เจนจะหลบหน้าผม ผมมั่นใจแบบนั้น
    "มึงคิดดูดีๆ ก่อน"
    "กูไม่รู้ เมื่อคืนเพื่อนเค้าแม่งอัพรูปไปแดกข้าวกับเจน กูเห็นเจนก็ปกติดีแล้วก็เมนต์คุยกัน แต่กูโทรแล้วไม่รับคือเหี้ยไรวะ"
    "หรือเค้าจะเทวะ คือมันไม่มีเหตุผลอื่นแล้วเอาจริงๆ"
    "แม่งทำเป็นเด็กๆ มีเหี้ยไรทำไมไม่พูดกันวะ"
    "มึงก็เลิกโทรก่อน โทรไปเค้าก็ไม่รับ"
    "กูจะไปหาที่บ้าน" ผมทนไม่ไหวที่จะจากกันไปโดยที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้จริงๆ ครับ
    "ใจเย็นดิมึง ถ้าไปเจอพ่อแม่เค้า แล้วมึงไปทะเลาะกับเค้า เดี๋ยวก็เป็นเรื่อง"
    "ไม่ได้ว่ะ ยังไงก็ต้องเคลียร์ อยู่ๆ จะเทแล้วหายหัวไปเลยได้ไงวะ"
    "เออๆ ไว้ใจเย็นแล้วค่อยไป ตอนนี้เข้าไปเรียนก่อน เดี๋ยวคืนนี้กูเลี้ยง แดกย้อมใจ เผื่อสมองจะเล่นแล้วคิดไรออก ชวนไอ้สามพอไปด้วย"
    ไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆ ครับว่าชีวิตนี้จะถูกเทเหี้ยๆ แบบนี้ ถึงจะยังไม่รู้ที่มาที่ไปจริงๆ แต่มันรู้สึกเหี้ยจริงๆ ครับ ผมกับเจนเรารู้จักกันในงานรับปริญญาเมื่อ 2 เดือนก่อน เจนมางานรับปริญญาเพื่อน ซึ่งเพื่อนเจนเป็นพี่ในสายรหัสผม เจนแก่กว่าผม 2 ปี เราคุยกันและสนิทกันเร็วมากจนเรียกได้ว่าเข้าใกล้ความเป็นแฟนมากขึ้นทุกที เจนเป็นคนสวย เก่ง เฟรนด์ลี่ เราเข้ากันได้ดีมากจนผมไม่คิดว่ามันจะมีวันนี้ วันที่ไอ้ปิงบอกว่าเจนอาจจะเทผม เจนหายไปเหมือนกับว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หลบหน้าผมทุกช่องทาง ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรในโซเชียล สองวันแรกที่เจนหายเงียบไปผมรู้สึกเป็นห่วงว่าจะไม่สบายอะไรหรือเปล่า แต่เมื่อคืนนี้ที่ผมได้เห็นรูปของเพื่อนเจนในไอจี เจนที่สดใสร่าเริงกำลังนั่งชิลอยู่ที่คาเฟ่สักที่ ผมถึงรู้ว่าเจนตั้งใจหลบหน้าผม มันเป็นความรู้สึกที่โคตรแย่เลยครับ การที่คนที่คุยกันอยู่ดีๆ ทุกวันทำเหมือนไม่รู้จักกัน คนที่การกระทำเหมือนแฟนถึงแม้ว่าจะยังไม่ใช่มาหมางเมินใส่แบบไม่มีเหตุผล ผมคงกำลังจะโดนเทอย่างที่ไอ้ปิงมันบอก
    "เอ้าาาาาาชนนนนนนนน เศร้าให้ตายแล้วพรุ่งนี้ค่อยฟื้นมาหาเมียใหม่” แพรยกแก้วขึ้นชูกลางวง รอให้ทุกคนยกขึ้นมาชนด้วย
    "ห่าแพร มึงนี่ก็ เดี๋ยวไอ้เตอร์มันก็คิดมากอีก”
    "นี่กูปลอบ โดนเทแม่งเรื่องเล็ก หล่อๆ ดีๆ อย่างมันคนรอคิวเป็นพรวน หรือถ้าเบื่อชะนี หาผัวไปเลยมึง"
    "ผัวอะไรของมึง กูไม่ใช่เกย์” ผมส่ายหัวให้กับคำปลอบใจของมัน
    "แดกๆๆ หมดแก้วเลยพวกมึง”
    "อ้าวเฮ้ยยย พี่แท็กซี่!!!" อยู่ๆ ไอ้พลอยก็ตะโกนดังจนโต๊ะรอบๆ หันมากันหมด
    "อ้าว" เสียงไอ้คุณชายตัวเสือกดังขึ้นพร้อมกับหันมา ไอ้นี่แม่งเหมือนมี GPS ตามติดชีวิตผมยังไงชอบกล
    "มากับใครอ่ะพี่"
    "มาคนเดียว นั่งชิลๆ” มันแจกยิ้มหล่อเรี่ยราดให้กับเพื่อนๆ ผมรอบโต๊ะ ที่จริงผมว่ามันแจกเผื่อแผ่ไปที่โต๊ะรอบข้างด้วยซ้ำ ผู้หญิงมีมองตรงมาที่โต๊ะผมกันเป็นแถว แล้วไอ้พลอยมันก็ชวนแท็กซี่นั่งด้วยกัน คนถูกชวนมันก็รีบนั่งลงทันที
    "จำได้ดิ แท็กซี่หล่อขนาดนี้ จำไม่ได้ก็บ้าแล้ว"
    "ว่าแต่ น้องชื่อไรครับ”
    "พลอยค่ะ ส่วนนั่นแพร พิมพ์ แล้วก็ปิง ส่วนไอ้หล่อหน้าหงิกนั่นไอ้เตอร์" มันแนะนำเพื่อนแบบครบทีม โดยที่ไม่รู้เลยว่าผมกับไอ้แท็กซี่นี่แดกข้าวเช้าด้วยกันทุก 7 โมงมาสองอาทิตย์แล้ว ยกเว้นวันนี้ที่ผมเบี้ยวมันเพราะเรื่องเจน
    "พลอย แพร พิมพ์ ปิง เตอร์ โอเค หวัดดีครับทุกคน" แท็กซี่มันชี้นิ้วไปทีละคนแล้วทวนชื่อตามที่พลอยบอก เล่นซะเนียน มีทักทายกูด้วย
    "แล้วพี่อ่ะชื่อไร"
    "แท็กซี่"
    "จริงดิ เท่ว่ะ” ปิงชงเหล้าแล้วส่งแก้วไปให้ไอ้แท็กซี่ มันยกขึ้นจิบเล็กน้อย แล้วก็ชวนเพื่อนผมคุยต่อ
    "โห นี่รีบกินรีบกลับเหรอ เพิ่งจะ 2 ทุ่มกินกันเยอะขนาดนี้"
    "ไม่รีบหรอกพี่ นัดนี้ย้อมใจไอ้เตอร์" ไอ้พลอยมึงจะไปบอกมันทำห่าไร
    "ย้อมใจ?"
    "กำลังจะโดนสาวเทไรงี้" ไอ้พิมพ์ก็อีกคน มึงจะเล่าเรื่องกูให้คนอื่นฟังทำไม ตอนนี้ผมอยากจะลุดขึ้นโบกกบาลเพื่อนรอบวงมากเลยครับ
    "มึงไม่ต้องขยายความเรื่องของกูให้คนอื่นฟังก็ได้พิมพ์ "
    "กูกลัวพี่เค้าไม่เข้าใจ"
    "โดนเทก็หาใหม่ไม่เห็นยากเลย ไม่รู้แม่งจะเครียดไรเบอร์นี้ ถ้าเป็นพลอยนี่ไม่แคร์เลยนะใครมาเท"
    "มึงไม่แคร์ เพราะไม่มีใครจีบมึงไง" แพรมันสวนพลอยทันที
    "สัด รู้ดีนักนะอิแพร ที่กูไม่สละโสด เพราะกูไม่อยากทิ้งแก๊งสามพอเหอะ จะมีผัวก็มีพร้อมกัน กูไม่ทิ้งพวกมึงหรอก แต่ไม่เอาผัวคนเดียวกันนะ กูไม่โอ"
    "หาให้ได้สักคนก่อนเหอะอิพลอย"
    ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมง ฟ้ามืดสนิทอย่างที่มันเคยเป็น หัวผมวิ้งอย่างที่ไม่ปกติเท่าไหร่ ผมเทเหล้าลงคอเรื่อยๆ แบบไม่มีเบรก หวังว่ามันจะช่วยย้อมใจได้อย่างที่พวกเพื่อนมันบอกเอาไว้ ถ้าจะบอกว่าผมไม่ควรรู้สึกอะไรมากมายขนาดนี้อย่างที่พลอยมันพูด ก็คงจริง เพราะถ้าจะพูดให้ถูก ผมกับเจนก็ยังไม่ได้เปลี่ยนสถานะไปเป็นแฟนกัน ผมคงคิดหวังไปเองว่าเรากำลังจะเป็นแฟนกัน พอเจอแบบนี้เข้าเลยไปไม่เป็น แล้วมันก็คาใจที่อยู่ๆ มาหายไปแบบนี้
    "เตอร์มึงไหวป่ะวะ" ปิงหันมาตบบ่าถาม
    "หวายยยยยย"
    "กูว่ากลับดีกว่า เดี๋ยวแม่งน็อค พวกมึงกลับกันเลย เดี๋ยวกูไปส่งมันเอง"
    "ปิง... กูหวายยยยย” ผมพยายามจะหยุดไอ้ปิงที่มันเอาแขนมาพยุงผมเอาไว้
    "พอแล้วไอ้ห่า แดกแค่ย้อมใจ ไม่ใช่คลานกลับ ฝากมันด้วยไอ้ปิง" พลอยมันฝากฝังผมไว้กับปิง
    "น้องกลับกันเหอะ เดี๋ยวพี่พามันกลับเอง พี่เอารถมา" ไอ้แท็กซี่เสนอหน้าจะไปส่งผม
    "ห๊ะ" พวกสามพอมันร้องพร้อมทำหน้างงแดก แล้วแท็กซี่มันก็สาธยายว่าเราอยู่คอนโดเดียวกันด้วยความบังเอิญสุดๆ แพรมันเลยจะคุยต่อ ถ้าไม่โดนไอ้ปิงขัดไว้ซะก่อน
    "พอแล้วแพร มึงพากันกลับได้แล้ว เดี๋ยวผมไปด้วยพี่" ปิงหันไปสั่งทุกคนแยกย้าย แล้วหันไปบอกไอ้แท็กซี่ว่าจะไปส่งผมด้วย
    "โอเค แล้วเจอกันนะสาวๆ" แท็กซี่โบกมือล่ำลาเพื่อนผม พร้อมโปรยยิ้มหล่อๆ เรี่ยราดเหมือนเคย
    "บ๊ายบายค่าาาา"
    ผมรู้สึกว่าภาพล้มไปเลย ความจำล่าสุดคือตอนที่ทุกคนแยกย้ายกันหน้าร้านเหล้า แต่ตอนนี้โทรศัพท์บอกว่าเป็นเวลา 6.50 น. บนเตียงนอนในห้องตัวเอง ปวดหัวชะมัด... ‘ฝันดีนะ ฝันถึงกันบ้างล่ะ’ หน่วยความจำล่าสุดโผล่ขึ้นมาหลังตั้งสติได้สักพัก ใครพูดกับกูวะประโยคนี้ เหี้ยปิงเหรอ ไม่ใช่แน่นอน แล้วใครวะ หรือกูคิดถึงเจนมากไปจนเพ้อ จำมั่วซั่วไปหมดวะ
    "แกร๊ก" อยู่ๆ เสียงประตูห้องก็ดังเหมือนเปิดเอง แต่มันไม่ได้เปิดเอง ไอ้แท็กซี่มันเปิดเข้ามาในห้องนอนผมครับ
    "เหี้ย เข้ามาได้ไงวะ” ผมลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ยังทรงตัวทรงหัวได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จนต้องเอามือขึ้นมาตบๆ หัวสองสามที
    “เมาอย่างกับหมา" มันพูดแล้วก็เดินเข้ามายืนข้างๆ เตียงผม
    "มึงเข้ามาได้ไง"
    "จำอะไรได้บ้างล่ะ"
    "ก็ไปแดกเหล้า แล้วก็กลับมานอน"
    "หึ"
    "อย่ากวนตีน มึงเข้ามาได้ไง"
    "เมื่อคืนกูมาส่งมึง มึงให้คีย์การ์ดกูมาเอง บอกว่าให้กูซื้อข้าวเช้ามากินกับมึง"
    “กูเนี่ยนะ" ผมทบทวนไปๆ มาๆ ว่าเอาคีย์การ์ดไปให้คนแปลกหน้าอย่างมันตอนไหน แต่นึกเท่าไหร่แม่งก็ไม่เห็นจะมีความจำส่วนนี้อยู่ในหัวแม้แต่นิดเดียว
    "เออ อย่าพูดมาก ไปล้างหน้าแปรงฟัน แล้วมาแดก กูหิว"
    "..." ผมลุกจากเตียงไปแบบงงๆ พร้อมกับลำดับความคิด และรำลึกเหตุการณ์เมื่อคืนต่อไปด้วย แม่งกูงงหนักมาก ทำไมชีวิตกูแม่งมีแต่เรื่องงงๆ วะช่วงนี้ ผมเดินเข้าไปยืนแปรงฟัน แล้วอยู่ๆ ไอ้แท็กซี่มันก็ผลักประตูห้องน้ำเข้ามา
    "มึงเข้ามาทำไมเนี่ย"
    "กูขอล้างมือหน่อย" มันไม่พูดเปล่า แต่เอาแขนยื่นมาที่อ่างล้างหน้าซึ่งผมกำลังยืนแปรงฟันอยู่ มันยืนซ้อนอยู่ข้างหลังผม แล้วกางแขนออกกว้างพอๆ กับลำตัวผมแล้วยื่นมาล้างมือ ตอนนี้เลยเป็นภาพผู้ชายตัวควายๆ 2 คนกำลังยืนโอบกอดกัน
    "ไอ้ เอี้ยยย ออก ไอ เอี๋ยว อี๊" ผมดิ้นสิครับ ล้างมือท่าอะไรของมึงไอ้เหี้ย
    "ก็มึงยืนขวาง อยู่เฉยๆ กูจะได้รีบล้าง"
    "ไอ้เอี้ยยยยย" ผมด่าเสียงอู้อี้ทั้งที่แปรงสีฟันยังคาปาก แต่มันก็ยังคงล้างมือไม่สนใจใยดี
    "เสร็จละ รีบๆ แปรง กูหิวแล้วอย่าให้รอนาน หิวมากๆ กูจะแดกมึงด้วยนะ"
    “แอกเอี้ยอะไอไอ้อัดดดด"

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Taxi me ter ll Update ตอนที่ 3 <3
«ตอบ #7 เมื่อ24-01-2017 13:39:22 »

ดูท่ามิเตอร์จะการ์ดแข็ง หรือพี่แท็กซี่ไม่เอาจริงกันแน่

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : Taxi part time... เรื่องเมื่อคืน
«ตอบ #8 เมื่อ24-01-2017 13:49:12 »

Taxi part time... เรื่องเมื่อคืน

    วันนี้เตอร์เบี้ยวนัดผม ผมรอจน 7.30 น. เขาก็ยังไม่มา ทั้งที่ตลอด 2 สัปดาห์ก็มาตรงเวลาทุกวัน ทีแรกผมคิดว่าเตอร์อาจจะไม่สบาย แต่โทรไปก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ ไปที่ห้องก็ไม่อยู่ เย็นวันนั้นผมเลยลองลงไปเดินเล่นใกล้ๆ คอนโด ไปร้านเหล้าที่เคยเจอกัน เพราะหวังเล็กๆ ว่าจะได้เจอมัน แต่เดินมองหาไปกี่ร้านๆ ก็ยังไม่เจอ เมื่อความคิดถึงแม่งไม่นำพามันมาหาผม ผมเลยกลับไปเอารถแล้วขับไปที่ๆ เจอมันครั้งแรกแทน... ร้านเหล้าหน้ามอ ใครจะไปคิดว่าความคิดถึงจะพาผมมาหามันได้จริงๆ เตอร์กับเพื่อนของเขาอยู่กันครบทีมในร้านนี้ ร้านที่ผมเจอมันครั้งแรก แถมเพื่อนเขายังจำผมได้ แล้วก็ชวนนั่งด้วยกัน
    เตอร์ดูไม่ปกติ ไม่พูดไม่จาเท่าไหร่ เอาแต่เทเหล้าลงคอพรวดๆ จนกระทั่งเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มนี้บอกกับผมว่าเตอร์ถูกเท นี่เป็นข้อมูลที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเตอร์มีแฟน ผมดื่มต่อเฮฮาไปกับน้องๆ พวกนี้จนกระทั่งเตอร์มันนั่งหัวจะทิ่มลงโต๊ะแล้วนั่นแหละ เพื่อนมันถึงสั่งเบรกให้แยกย้ายกลับ แล้วผมก็อาสาพาเตอร์กลับ โดยบอกไปว่าเราอยู่คอนโดเดียวกัน น้องมันก็คงจะงงอยู่หรอกครับว่าไอ้คนแปลกหน้าที่ขับแท็กซี่ มาบังเอิญอยู่คอนโดเดียวกับเพื่อนเขาได้ยังไง แล้วยังอาสาพาไปส่งอีก โชคดีว่าปิงช่วยตัดบทให้แยกย้ายกันไป ก่อนที่จะต่อความยาวสาวความยืด เพราะดูท่าเตอร์มันจะคลานอย่างเพื่อนมันว่าแล้วจริงๆ  ผมกับปิงช่วยกันแบกเตอร์จนมาถึงที่รถ แล้วยัดมันเข้าไปที่เบาะข้างคนขับ ผมอาสาว่าจะไปส่งปิงก่อน แต่ปิงปฏิเสธ ขอไปส่งเตอร์แล้วค่อยนั่งแท็กซี่กลับเอง
    "จริงๆ พี่พามันกลับเองก็ได้นะ ปิงกลับบ้านเถอะ"
    "เอ่อ..." ปิงทำหน้าสงสัย แต่เหมือนไม่รู้ว่าจะถามผมยังไง ผมก็เลยชิงถามมันไปซะก่อนเลย
    "รู้เรื่องที่มันส่งข้าวให้พี่ใช่ป่ะ"
    "อือ" กะไว้แล้วว่ามันต้องรู้ เพราะตั้งแต่ผมเข้าไปนั่งกินเหล้าด้วย มันดูเฉยๆ ไม่ถามหรือแปลกใจอะไรที่ได้เจอกันเลยสักนิด แล้วมันก็เป็นเพื่อนผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม ถ้าเตอร์จะเล่าอะไรให้เพื่อนฟัง ก็คงจะเป็นปิงนี่แหละ
    "ไม่น่าล่ะ ดูเฉยมากเลยตอนเจอกัน"
    "เอาจริงๆ นะพี่ ผมว่าพี่แปลกว่ะ"
    "แปลกยังไง"
    "คืออยู่ๆ พี่ก็มาเข้าหาเพื่อนผมขนาดนี้ มันก็คิดได้ไม่กี่อย่าง... พี่น่าจะเป็นพวกต้มตุ๋น แต่เตอร์มันบอกว่าพี่เป็นทั้งเจ้าของอู่ ทั้งหุ้นส่วนคอนโดด้วย ประเด็นนี้ตัดไปได้เลย นอกนั้นผมก็คิดไรไม่ออกแล้วว่ะ ถ้าไอ้เตอร์มันเป็นผู้หญิง ผมคงจะคิดว่าพี่จีบมันแล้วนะ"
    "กูอยากอยู่"
    "ว่าไงนะ"
    "กูก็อยากจีบ แต่ไม่รู้ว่ามันมีแฟนแล้ว เออๆ พี่ชอบเตอร์นั่นแหละ"
    "เอาจริงดิ นี่ยิ่งงงใหญ่เลย เจอกันแค่บนแท็กซี่ แถมมันยังเอาแท็กซี่พี่ไปชน พี่จะมาชอบมันได้ไง"
    "กูชอบมันตั้งนานแล้ว"
    "จะกาบบบบกานยางงงงงว้าาาาาาา" ไอ้คนที่อยู่ในรถส่งเสียงร้องโวยวายขึ้นมา ในขณะที่ผมกับปิงยังยืนคุยกันอยู่ข้างๆ รถ ผมรีบตัดบทบอกให้ปิงกลับได้เลย เดี๋ยวผมเอาเตอร์ไปส่งเอง แต่ความรักเพื่อนของไอ้ปิงก็ยิ่งเพิ่มเติมขึ้นมา หลังจากผมบอกว่าผมชอบเตอร์ไป มันบอกว่ามันไว้ใจใจผม กลัวว่าผมจะไปปล้ำเพื่อนมัน แม่งก็คิดได้
    "มึงก็เพ้อเจ้อ เอางี้สั้นๆ เข้าใจง่ายๆ นะ กูอ่ะเป็นรุ่นพี่มึง แต่ตอนมึงเข้าไปเรียนปี 1 กูเรียนจบแล้วพอดี กูเคยเจอไอ้เตอร์ที่ร้านเหล้าหลังงานรับปริญญากู แต่มันคงจำกูไม่ได้หรอกเพราะมันเมา มันน่ารักดี แล้วมันก็บังเอิญมาอยู่คอนโดเดียวกับกูอีก แต่กูไม่เคยไปยุ่งกับมันนะ ก็แค่เห็นๆ มันบ้างที่คอนโด จนวันนั้นกูบังเอิญได้ไปรับพวกมึงขึ้นแท็กซี่แหละ เหตุการณ์มันก็พาไปให้กูได้มาเข้าหามันแบบนี้แหละ"
    "บังเอิญเหี้ยๆ เลย"
    "จะว่างั้นก็ได้ สรุปกูไว้ใจได้ยัง"
    "แหมมม รุ่นพี่ก็ ถ้าสัญญาว่าพี่จะไม่ปล้ำมัน ก็เอามันไปเลยคร้าบบบ งั้นผมไปก่อนนะ" มันยกมือไหว้ผมแล้วทำท่าจะกลับเลย
    "เดี๋ยวก่อนปิง"
    "ครับ"
    "อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับมันนะ"
    "ถ้าพี่จะเอาแบบนั้นก็ได้"
    "แล้วตกลงนี่มันถูกเทมาหรือว่ายังไงวะ"
    "ก็ไม่เชิงหรอก มันคุยๆ อยู่กับผู้หญิงคนนึงมาสักพัก ก็เหมือนแฟนเลยแหละพี่ แต่ผู้หญิงเค้ายังไม่ยอมตกลงเป็นแฟน แต่ก็เห็นมันรักกันดีนะ ไม่รู้ทำไมอยู่ๆ ผู้หญิงก็หลบหน้ามันไปเลย พวกผมเลยเดาว่าเค้าคงจะเทมัน ก็ยังคาราคาซัง มันเลยออกอาการอย่างที่เห็น ยังไงก็ฝากมันด้วยนะพี่"
    "ด้วยความยินดีว่ะ"
    "ไปแล้วนะ หวัดดีพี่"
    "เออเจอกัน"
    ผมพาเตอร์กลับมาถึงคอนโด กว่าจะลากมันขึ้นมาจนถึงหน้าห้องก็เหนื่อยไม่ใช่เล่นครับ ถึงมันจะตัวเล็กกว่าผมนิดหน่อย แต่มันไม่ใช่ผู้ชายร่างบางอะไร แถมยังทิ้งน้ำหนักใส่ผมซะเต็มที่ เลยพามันขึ้นมาแบบทุลักทุเลพอสมควร
    "เตอร์ เอาคีย์การ์ดมา" ผมผลักหัวมันให้ตั้งตรง แล้วเขย่าตัวมันเพื่อเรียกสติ แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล
    "อยู่หนายยยยยยวะ" มันตะปบกระเป๋ากางเกงซ้ายขวาหน้าหลังอยู่สักพัก แต่ก็ดูสะเปะสะปะจนไม่น่าจะหาเจอได้
    "เตอร์ๆ ตั้งสติก่อน ค่อยๆ หา หยิบคีย์การ์ดออกมาให้พี่" มันยังคงตะปบกระเป๋ากางเกงอย่างสะเปะสะปะเหมือนครั้งแรกไม่มีผิดเพี้ยน
    "มึงก็ล้วงเอาเลยสิวะ กูหาไม่เจอออออ"
    “มึงรู้มั้ยเนี่ยว่ากูเป็นใคร" เตอร์หันมาจ้องหน้าผมแป๊บนึงด้วยสีหน้าที่ตลกสุดๆ ผมอยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปมันตอนนี้ไว้มาก แต่ลำพังแค่ประคองมันให้ยืนก็ยากแล้ว
    "มึงก็เป็นมึงไง ประสาทเปล่าวะ จำตัวเองไม่ได้รึไง"
    "กูแท็กซี่นะ"
    "..." มันไม่ตอบ แถมยังทิ้งหัวลงมาที่ไหล่ผมตามเดิม ดูท่าวันนี้ผมคงไม่ได้คีย์การ์ดจากมันแน่ๆ
    "โอเค กูยอม สรุปให้กูล้วงเลยนะ"
    "เออเร็วๆ กูง่วงงง" ไอ้ปิง กูไม่ได้ทำอะไรเพื่อนมึงนะ กูแค่ล้วงกระเป๋ากางเกงหาคีย์การ์ดตามคำสั่งมันนะโว้ยยย กูจำเป็นต้องพามันเข้าห้อง ผมล้วงกางเกงมันข้างหน้าซ้ายขวา ก็ไม่เจออะไร
    "เร็วๆ"
    "แล้วมึงเก็บไว้ไหนล่ะ"
    “กระเป๋าตังค์ อยู่ในเป๋าตังค์" เอ้าไอนี่ รู้แล้วทำไมไม่หยิบให้ล่ะวะ
    "มึงก็หยิบออกมาสิ"
    "มึงก็หยิบสิ"
    "มึงนี่นะ อย่าอ่อยกูให้มาก กูอดใจไม่ไหว จะโทษกูไม่ได้นะโว้ยยย" เหมือนคำพูดผมจะไม่เข้าหูมันเลยสักนิด ผมว่ามันภาพล้มตั้งแต่ออกจากร้านแล้วแน่ๆ แล้วก็ไม่ใช่แค่ภาพ แต่ตัวมันทั้งตัวก็ล้มใส่ผมตลอดเวลา สุดท้ายผมก็ต้องล้วงกระเป๋าตังค์จากกระเป๋ากางเกงตรงตูดข้างซ้ายของมันออกมาเพื่อเอาคีย์การ์ด ถ้ามันไม่เมา ผมว่ามันต่อยผมแน่นอน ผมเดินเข้าห้องไปแล้วเปิดไฟ ถอดรองเท้าของตัวเอง แล้วก็สั่งให้มันถอดรองเท้า โดยที่ผมยังประคองมันอยู่
    "มึงเปิดไฟทำมายยย กูจะนอนนนนน"
    "มึงเดินให้ถึงเตียงก่อนมั้ย" ผมประคองมันให้เดินไปที่เตียง แล้วก็โยนมันลงเตียง จัดแจงให้อยู่ในสภาพที่พร้อมนอน
    "เจนนนนนนนนนนน เจนคร้าบบบบบ เจนทำไมไม่รับโทรศัพท์เตอร์เลย"
    "มึงเพ้อแล้วเตอร์ นอนได้แล้ว" ผมลูบหัวมันเบาๆ เพื่อให้มันสงบสติลง จะได้นอนพักสักที
    "อย่าไปไหนนะ"
    "กูไม่ไปไหนหรอก มึงนอนซะ"
    "พรุ่งนี้จะยังเจอกันใช่มั้ย"
    "จะวันไหนก็จะเจอกัน จนกว่ามึงจะเกลียดแล้วไล่กูไปนั่นแหละ" ผมไม่รู้หรอกว่ามันถามผมหรือถามเจนอะไรนั่น แต่มันพูดกับผม ผมก็จะถือว่ามันถามผม ถึงผมจะรู้ว่ามันคงจะจำอะไรไม่ได้เลยตอนที่ตื่นมา แต่ผมก็ยังอยากจะบอกมันว่า
    "พี่ชอบเตอร์นะ"
    "..." มันนิ่งใส่ผม แน่นอนครับ หลับไปแล้วไอ้สัด เมื่อกี้ยังคุยกับกูอยู่เลย
    "งั้นคีย์การ์ดนี่กูขอยืมนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเสิร์ฟเบร้กกกฟาสสสให้นะคนดี" ไอ้นี่ปกติกวนตีนๆ มันก็น่ารักน่าถีบดี แต่พอหลับไปแล้วผมต้องบอกเลยว่า แม่งน่ารักฉิบหายขึ้นไปอีก นี่กูหลงมึงแล้วเหรอวะไอ้เตอร์
    "ฝันดีนะ ฝันถึงกันบ้างล่ะ" ผมก้มลงไปหอมแก้มมันเบาๆ ทีนึง เบาจริงๆ ครับ กลัวมันรู้ตัวแล้วลุกมาโดดถีบ หอมนี้ถือว่ากูคิดเป็นค่าแบกมึงมาส่งแล้วกันนะไอ้เตอร์

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 4
«ตอบ #9 เมื่อ25-01-2017 08:53:33 »

ตอนที่ 4

    ผมไม่ได้เมาเบอร์นี้มานานมากแล้ว เมาจนภาพล้ม แล้วเอาคีย์การ์ดไปให้คนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ตอนนี้ผมเลิกนึกเหตุการณ์ทุกอย่าง แล้วมานั่งกินโจ๊กที่ไอ้คนกวนตีนหิ้วมาประเคนแต่เช้า แต่ก็ดีครับ ถึงมันจะกวนตีน ทำตัวยุ่งวุ่นวาย แต่ซื้อมาให้กูแดก กูก็ยินดีครับ
    "เมื่อคืนเป็นไร เมาเหมือนหมา"
    "เปล่า"
    "เพ้อบ้าๆ บอๆ คงไม่เปล่าหรอก"
    "กูเพ้อเหรอ เพ้ออะไร” ผมวางช้อนลงกับชาม แล้วจ้องรอเอาคำตอบจากมันแทน นี่กูเผลอไปพูดอะไรบ้าๆ บอๆ กับมันบ้างวะเนี่ย ไอ้ปิงนะไอ้ปิง ทิ้งให้กูมากับมันได้ไง
    "บอกกูมาเหอะ ถึงกูจะกวนตีนมึงบ่อยๆ แต่เล่าให้กูฟังได้นะ"
    "ทำไมกูต้องเล่า"
    “เพราะกูเป็นห่วง เล่าๆ มาเหอะ แดกข้าวเช้ากันทุกวันถือว่าเป็นเพื่อนกันก็ได้"
    "กูอยากเป็นเพื่อนมึงเหรอ"
    "แต่กูอยาก"
    "..." ผมไม่ได้ตอบอะไรมัน กลับมาตักโจ๊กใส่ปากต่อ เพราะไม่รู้จะไปอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้มันฟังยังไง แล้วอีกอย่างมันก็ไม่ได้สนิทอะไรจนถึงขนาดที่ผมจะต้องไปเล่าเรื่องหัวใจให้ฟัง
    “ได้ข่าวว่ามึงโดนเท"
    "มึงก็รู้ จะถามทำไม"
    "กูอยากให้มึงระบายให้กูฟัง เผื่อมึงจะรู้สึกดีขึ้น"
    “แดกเหล้ากันป่ะ"
   "แต่เช้าเลย?"
    "อือ"
    "แดกโจ๊กให้หมด เดี๋ยวเที่ยงกูจัดมาให้ ชุดใหญ่ไฟกะพริบ"
    หลังจากกินเสร็จ ไอ้แท็กซี่มันก็หายหัวออกไปจากห้องผม แล้วบอกว่าเดี๋ยวเที่ยงจะกลับมาย้อมใจให้ ระหว่างนี้ผมเลยไปนอนต่อเพื่อรอมัน จนถึงเวลาเที่ยงนิดๆ ก็มีไอ้ตัวเสือกตัวเดิมเดินเข้ามาในห้องนอนผม... เหี้ย นี่กูลืมเอาคีย์การ์ดคืนเหรอวะ
    "คีย์การ์ดอ่ะ คืนกูด้วย"
    "นึกว่าให้เลย"
    "สัด"
    "ดูนี่ ชุดใหญ่ไฟกะพริบตามสัญญา" มันชูถุงเบียร์ขึ้นให้ดูสองถุง กะด้วยสายตาน่าจะมีเบียร์อยู่ประมาณยี่สิบกระป๋อง
    "ไม่ระคายคอกูหรอก"
    "ถ้าน้องเตอร์ยังไม่พอ รบกวนไปดูรีฟิลที่ตู้เย็นนะครับ" ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปที่โซนรับแขก เปิดตู้เย็นดูก็เจอเบียร์อีก 10 กว่าขวดอยู่ในนั้น มันเอาเบียร์ขึ้นมาแช่แล้วรอบนึงตอนที่ผมกำลังหลับอยู่ นี่ถ้ามันเป็นโจร ห้องผมคงไม่เหลืออะไรแล้วแน่ๆ มันเดินเอาเบียร์ในถุงไปใส่ตู้เย็นไว้ ส่วนผมเดินไปหยิบแก้ว จัดน้ำแข็ง ขนมและกับแกล้มเท่าที่พอจะมีเหลืออยู่ในครัว มาตั้งไว้ที่โต๊ะ เสร็จแล้วมันก็เดินถือเบียร์ 2 ขวดตามมา จากนั้นอาฟเตอร์นูนปาร์ตี้ก็เริ่มขึ้น
    “มึงนี่ก็บ้าเนอะ" ผมหยิบเลย์แผ่นหยักสีเหลืองใส่ปากพร้อมกันสองแผ่น ส่วนไอ้แท็กซี่ก็นั่งพิงโซฟาจิบเบียร์พร้อมกับเลื่อนหาเพลงจากเครื่องคาราโอเกะของห้องผมไปด้วย
    "ทำไม"
    "กูชวน มึงก็แดก ไปซื้อมาให้อีก มึงปฏิเสธกูก็ได้นะ"
    "มึงอยากแดก กูก็แดกเป็นเพื่อนไม่ดีเหรอไง วันนี้วันเสาร์ ก็ถือซะว่าพักผ่อน เครียดเหรอมึง"
    "...ที่จริงกูก็โดนเทแหละมั้ง คือกูคุยกับเค้ามาได้สักพักนึง มันก็เหมือนแฟน แค่ยังไม่เคยตกลงกัน แล้วอยู่ๆ เขาก็หลบหน้าไป กูติดต่อไม่ได้เลย ไม่เข้าใจว่ะ” ผมเริ่มเล่าเรื่องที่อยู่ในใจให้กับคนแปลกหน้าคนนี้ฟัง ถึงจะเจอกันมาหลายครั้งหลายหน เข้าห้องมานั่งแดกเบียร์กับผมได้ แต่มันก็ยังแปลกหน้าสำหรับผมอยู่ดี
    "รักเค้ายัง"
    "กูคิดว่าจะได้คบกันเร็วๆ นี้"
    "แล้วจะทำไง"
    "ก็คงทำใจ แต่แม่งคาใจ ตอนนี้แค่อยากเคลียร์ กูว่ากูจะไปหาเค้าที่บ้าน"
    "ไปดิ ถ้ามันจะทำให้มึงโอเค"
    "โทษนะมึง กูขอไปก่อน ล็อคห้องให้กูด้วย" ผมลุกขึ้นเพื่อจะไปเคลียร์กับเจนที่บ้านทันที
    "ใจร้อนนะมึง"
    "กูไม่อยากคาใจแล้วว่ะ"
    "กูไปด้วย"
    "ไม่ต้องหรอก"
    "กูไปเป็นเพื่อน มึงโดนไล่กลับ กูพามึงกลับมาส่งได้ด้วยนะ มีประโยชน์จะตาย” มันลุกขึ้นยืนตามผม
    "ขอบใจ"
    ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้ตอนนี้ผมมานั่งอยู่บนรถคนที่ผมบอกว่ามันทั้งวุ่นวาย ทั้งกวนตีนที่สุด แต่ตอนนี้มันเป็นคนที่ผมรู้สึกว่ามันดีกับผม มันทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ตรงหน้านี้คนเดียว รถจอดอยู่ที่หน้าบ้านเจนแล้ว และเจนก็กำลังเดินออกมา หลังจากที่ผมส่งไลน์ไปบอกว่าผมรอเคลียร์อยู่หน้าบ้าน เจนเห็นไลน์ผมเสมอ ผมมั่นใจ เพียงแต่เจนไม่กดเข้าไปก็เท่านั้น ผมลงจากรถคนเดียวเพื่อไปเคลียร์กับเจน
    “เป็นไง" สองคำสั้นๆ ที่ไม่ตรงกับคำพูดที่ผมคิดมามากมายหลายวันสักเท่าไหร่ แต่พอเห็นหน้าเจนที่เฉยชาแล้ว ผมไม่รู้ว่าจะพรั่งพรูความรู้สึกทั้งหมดออกมายังไง ก็เลยได้แค่พูดออกไปสั้นๆ แค่นั้น
    "..." เจนเงียบ
    "จะเอายังไงก็บอกมา"
    "..." เจนยังคงเงียบ
    "อยู่ๆ ก็จะทิ้งกันเหรอวะ เอาจริงๆ ไม่เข้าใจว่ะ เป็นไรก็พูดมาดิ ไม่ใช่หลบหน้ากันแบบนี้” คราวนี้เจนทำหน้าบอกบุญไม่รับมากขึ้นกว่าเดิม สีหน้ามีทั้งความรำคาญและอึดอัดใจผสมกันอยู่
    "ก็น่าจะรู้"
    "รู้อะไร"
    "ก็ไม่อยากคุยแล้ว"
    "จะเอาแบบนี้ใช่ป่ะ"
    "เจนขอโทษแล้วกัน"
    "ง่ายๆ เลยเนอะ"
    "อย่ามาเจอกันอีกเลยเตอร์"
    "มีคนอื่นป่ะ ถามจริง"
    "อืม"
    “อืม" ผมตอบกลับไปได้แค่นั้น ถ้าเขาโกรธผม ผมยังพอจะหาวิธีมาง้อได้ แต่ถ้าเขามีคนอื่น ผมไม่รู้ว่าผมจะสู้เพื่อให้ได้เธอกลับมาทำไม ในเมื่อเขาเอาหัวใจไปให้คนอื่นแล้ว ก็ไร้ค่าที่ผมจะไปยื้อ เจนบอกว่าขอให้ผมโชคดีแล้วก็เดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้ผมยืนโง่อยู่หน้าบ้านคนเดียว มาตั้งไกล เพื่อมาฟังเขาบอกว่ามีคนอื่น บ้าฉิบหายเลย
    "ไปเหอะมึง" ไอ้แท็กซี่เดินลงมาลากผมกลับไปขึ้นรถ เรานั่งเงียบกันมาตลอดทางจนถึงคอนโด ผมว่าเสียงแอร์ในรถยังดังกว่าเสียงหายใจผมตอนนี้เลย ผมรู้สึกเหมือนถูกอากาศกลืนร่างผมไป ทุกอย่างแม่งล่องลอยว่างเปล่า จุกสัด ไอ้แท็กซี่เดินตามผมขึ้นมาที่ห้อง แล้วเราต่างก็กลับเข้าที่นั่งตัวเองเหมือนตอนก่อนที่จะไปบ้านเจน เหมือนมันจะรู้ใจผม มันจัดแจงรินเบียร์เย็นฉ่ำแก้วใหม่ยื่นมาให้ผม เราดื่มต่อกันไปเงียบๆ แต่ในความเงียบ ผมว่ามันปลอบใจผมได้ดีเลยทีเดียว แค่มันนั่งเงียบๆ ก็เหมือนมันเข้าใจผมแล้วตอนนี้ ถ้าไม่มีมันผมคงเดินลอยๆ ออกมาจากบ้านเจน แล้วก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนตอนนี้
    "ขอบใจนะมึง"
    "ไม่เป็นไร"
    "จริงๆ กูก็เลิกกับแฟนมาแล้วหลายคน แต่คนนี้แม่งจุกว่ะ เหมือนไม่ได้เผื่อใจ"
    "อย่าคิดมาก"
    "เดี๋ยวผ่านคืนนี้ไป กูจะเลิกคิดละ ขอกูคิดวันนึง" ผมตอบไปแบบนั้น ทั้งที่ตอนนี้หัวใจมันห่างไกลคำว่าทำใจได้อยู่มากโข
    "อืม"
    เวลาหมุนไปเรื่อยๆ จนฟ้าข้างนอกเริ่มมืด เราย้ายที่กินมาอยู่ตรงระเบียง ให้ลมเย็นๆ มันพัดเอาความฟุ้งซ่านออกไปจากหัวใจผมบ้าง ผมรู้สึกว่าหัวเริ่มหนักขึ้นจนจะเท่ากับอาการเมื่อวานนี้
    "เตอร์ กูว่ามึงเมาแล้วนะ พอดีกว่า” แท็กซี่เอามือมาจับเบียร์ที่ผมกำลังจะยกเข้าปากเอาไว้
    “กูไม่เป็นไร" ผมพยายามจะยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้ง
    "กูว่ามึงเป็น" คราวนี้มันออกแรงดึงแย่งกระป๋องเบียร์นั้น แต่ผมดึงกลับมาดื่มต่อ
    "ปล่อยกู"
    "กูรู้นะว่ามึงเศร้า แต่มึงก็ต้องรีบหายเศร้านะ มึงเห็นเปล่าวันนี้ เขาเลือกจะหันหลังให้มึงแล้วเดินต่อไปโดยที่ไม่คิดอะไร แล้วมึงจะหยุดยืนมองเค้าเฉยๆ แล้วเจ็บอยู่ที่เดิมเหรอวะ"
    "ผู้หญิงแม่งก็เหี้ยเหมือนกันเนอะ"
    "ถ้าผู้หญิงเหี้ย ไม่ลองคบผู้ชายล่ะ"
    "มึงว่าไงนะ"
    "กูบอกว่า ไม่ลองคบผู้ชายบ้างล่ะ"
    "มึงบ้าป่ะ กูเป็นผู้ชาย"
    "มันไม่เกี่ยวว่ามึงเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ใครๆ ก็รักกันได้เปล่าวะ ถ้าจะรัก... กูพูดตรงๆ เลยแล้วกัน ไม่อยากตอแหลใส่มึงว่ะ กูชอบมึง จริงๆ กูเคยบอกมึงไปแล้วครั้งนึงนะ"
    "มึงอย่ามาเล่น กูไม่มีอารมณ์จะตลก” ผมหันหน้าหนีกลับไปมองฟ้าตามเดิม
    “กูพูดจริง ถ้ามึงไม่เชื่อ..." ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยแท็กซี่ มันจับท้ายทอยผมแล้วดึงเข้าไปจูบ เป็นจูบสั้นๆ ธรรมดาๆ ที่ทำให้ผมหัวใจแทบหลุดออกมา
    "มึงทำอะไรวะ ไอ้เหี้ย” ผมด่ามันแล้วเอามือขึ้นเช็ดปาก บ้าฉิบหาย ผู้ชายจูบเฟิร์สไทม์ แม่งเมาจนประสาทแล้วแน่ๆ
    "ก็พิสูจน์ไง ว่ากูไม่ได้พูดเล่น"
    "..."
    "กูชอบมึงจริงๆ นะเตอร์ ตอนนี้มึงก็โสดสนิทแล้ว งั้นกูจะจีบมึงแล้วกัน มึงจะชอบไม่ชอบกูก็แล้วแต่มึง"
    "เล่นเหี้ยอะไรของมึง มึงกลับไปเลย” ผมชี้นิ้วไปทางประตูแล้วออกปากไล่มัน
    "กูพูดจริงๆ กูจะจีบมึง กูกลับนะ แล้วมึงก็พักได้แล้ว ส่วนคีย์การ์ดนี่มึงมี 2 ใบอยู่แล้วหนิ งั้นกูขอเลยแล้วกัน ถือเป็นค่าช่วยพาไปเคลียร์ใจวันนี้ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่แท็กจะเอาข้าวมาเสิร์ฟแต่เช้านะครับ บ๊ายบาย" มันพูดรัวๆ จนผมไม่ทันอ้าปากด่าอะไรออกไป พูดจบก็ลุกขึ้นยืน เอามือมาขยี้หัวผมสองสามที แล้วก็เดินออกไปเลย
    "ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย" นี่เหล้าทำให้สมองกูประมวลผลช้าลงถึงกับด่ามึงไม่ทันเลยเหรอวะ แต่กูว่า กูสร่างเมาตั้งแต่โดนมึงจูบแล้วนะ นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรวะเนี่ย
     สุดท้ายผมก็น็อคไปเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่ครั้งนี้ผมจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้ชัดเจนแม่นยำ ไม่มีภาพล้มแม้แต่วินาทีเดียว ผมตื่นขึ้นมาตอน 6 โมงกว่า ก็ไม่ได้อยากจะตื่นหรอกครับ แต่ร่างกายมันชิน ตั้งแต่ไปส่งข้าวให้ไอ้นั่นตั้งแต่ 2 อาทิตย์ก่อน ผมก็ปรับสภาพมาตื่นเวลานี้ทุกวันโดยปริยาย แต่วันนี้ผมไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อออกไปซื้อข้าวอย่างเคย แหงสิครับ เมื่อคืนมันบอกชอบผมไม่พอ มันยังถือวิสาสะมาจูบผม แล้วก็ออกจากห้องไป แล้วผมจะลุกขึ้นมาส่งข้าวให้มันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยังไง นึกเรื่องมันอยู่ดีๆ มันก็โผล่หน้าเข้ามาในห้องนอนผมอีกแล้ว
    "ไอ้เหี้ยยย"
    "มึงนี่นะ เมื่อไหร่จะเลิกเรียกกูว่าเหี้ยสักที"
    "มึงมาทำไม แล้วเข้ามาได้ไง" ผมถามมันที่กำลังยืนอยู่ข้างเตียงผม
    "มึงสมองเสื่อมเหรอ หรือว่าภาพล้มอีก เมื่อคืนกูบอกแล้วไงว่าคีย์การ์ดนี่กูขอ" มันชูคีย์การ์ดในมือขึ้นให้ผมดู
    "แล้วมึงจะมาทำไม"
    "ก็กูบอกว่าจะเอาข้าวมาเสิร์ฟไงครับ"
    "กูไม่ได้สั่ง"
    "กูไม่ใช่พ่อค้าขายข้าว ฉะนั้นกูไม่ต้องรอมึงสั่ง แล้วกูว่ามึงลืมไปอีกอย่าง” มันโน้มตัวลงมาใกล้ผม ใช้สองแขนค้ำไว้กับเตียง จนผมต้องขยับถอยออกไปนิดนึง ก่อนที่มันจะเพี้ยนมาจูบผมอีก คราวนี้ไม่เมาด้วย คงจะได้วางมวยแทน
    "อะไร"
    "มึงคงลืมว่า กูบอกว่ากูจะจีบมึง"
    "มึงเลิกเล่นเหอะ กูไม่ชอบ"
    "มึงเห็นกูเป็นคนยังไง กูชอบพูดเล่นเหรอ"
    "กูเห็นมึงเป็นคนกวนตีน"
    "โอเค ต่อไปกูจะเลิกกวนตีน แต่จะกวนใจแทนแล้วกัน"
    "กูควรทำไงวะ ไล่มึง ด่ามึง ต่อยปากมึง หรือยังไงดีวะ” มันยืดตัวกลับไปยืนตามเดิม กอดอกแล้วจ้องผมเหมือนกำลังใช้ความคิดบางอย่าง ผมเงียบรอว่ามันให้คำตอบ ถ้ามันบอกว่าผมควรต่อย ผมก็จะต่อยให้หนักโดยไม่ลังเล
    “มีกูอยู่ไม่ดีรึไง กูแดกเหล้าเป็นเพื่อนได้ ขับรถไปส่งมึงได้ ซื้อข้าวมาให้แดกได้ ดูแลมึงได้มากกว่านี้ถ้ามึงต้องการ มึงคิดดูดีๆ” จริงอย่างที่มันพูด แต่การมีมันเป็นเพื่อน มันเป็นคนละเรื่องกับที่มันจะจีบผม ผมเป็นผู้ชายที่ไม่ต้องมานั่งรอคนคอยเทคแคร์อย่างมัน ระหว่างที่ผมกำลังใช้ความคิดอยู่ในหัว มันก็พูดต่อ
    "โอเค มึงไม่ต้องตอบก็ได้ อยู่เฉยๆ อย่าไล่กูก็พอได้เปล่าวะ"
    "แดกข้าวเหอะ พร่ำห่าไรอยู่ได้วะ กูหิว" ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปได้ดีกว่านี้ บอกตรงๆ ว่ากำลังงงชีวิต
    "อืม เดี๋ยวกูไปใส่จาน มึงไปล้างหน้าแปรงฟันซะ"
    ผมลุกออกไปจัดการตัวเองเร็วๆ ก่อนที่จะมานั่งกินข้าวกับมันตอน 7 โมงเหมือนเคย ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้ตัดบทมันไปแบบนั้น ผมไม่ได้คิดจะชอบมัน ตอนนี้เหมือนมันเป็นคนที่อยู่กับผมในเวลาที่ผมกำลังหัวใจห่อเหี่ยว แต่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด เหมือนมันนั่งอยู่ข้างผมเงียบๆ แต่อยู่อย่างเข้าใจ ตอนนี้ผมคิดอะไรไม่ออก แต่ถูกอย่างที่มันพูด... มีมันไม่ดียังไง ผมหาคำตอบนั้นไม่เจอ เอาเป็นว่า ถ้ากูรำคาญเดี๋ยวกูค่อยไล่มึงไปแล้วกัน
    "ตกลงนี่กูไม่ต้องส่งข้าวให้มึงแล้วใช่ป่ะ"
    "ส่งดิ"
    "กูยกเลิกสัญญาแล้วกัน ไม่ใช่สิ ยกเลิกกฎทำโทษบ้าๆ บอๆ ของมึงเลยแล้วกัน"
    "กูจะส่งรูปให้ไอ้โอ๊ต"
    "ตามหลักการแล้ว ถ้ามึงชอบกู มึงไม่ทำอย่างนั้นแน่ๆ" ผมลองหยั่งเชิงไป เผื่อมันจะใจอ่อนยกเลิกกฎส่งข้าวนี่สักที
    "มึงแน่ใจ?"
    "มึงมันไม่น่าไว้ใจ มึงมาบอกชอบกู จะจีบกู แล้วก็..."
    "แล้วก็อะไร" มันถามแล้วยิ้มท่าทางกวนตีน วางช้อนที่กำลังตักข้าวผัดปูลง เอาแขนวางบนโต๊ะแล้วจ้องหน้าผมจริงจัง
    “ช่างแม่ง" ผมหลบสายตามัน แล้วก้มลงตักข้าวผัดปูในจานของตัวเอง
    "จูบมึงใช่มั้ย"
    "เหี้ย แล้วแบบนี้จะให้กูไปส่งข้าวเช้าให้มึงได้ไงวะ จบเรื่องนี้เหอะ รถชนแค่นั้นก็เข้าอู่ไปแล้ว รวยจะตายห่า จะเอาไรจากกูนักหนา"
    "งั้นมึงรับรักกูดิ กูจบเลย"
    "เหี้ย"
    "โอเค จบก็ได้ มึงไม่ต้องส่งข้าวกูแล้ว แต่จากนี้อีกเดือนครึ่ง กูจะซื้อข้าวเช้ามาแดกกับมึงแทน ตามนี้"
    "กูไม่โอเค"
    "เรื่องของมึง กูจะมา"
    "กูไม่ให้มา"
    “เอางี้ ตามสัญญาที่มึงเล่นเกมในร้านเหล้าแพ้กู มึงต้องทำตามคำสั่ง 3 ข้อ งั้นข้อแรก กูขอแค่เดือนครึ่งต่อจากนี้ มึงตื่นมาแดกข้าวกับกูทุกวันก็พอ” โดนมันงัดสัญญาความพ่ายแพ้ของผมขึ้นมาบีบบังคับ ผมก็ได้แต่ทำหน้าตาหงุดหงิดใส่มัน
    "พ่อไม่รักหรอวะ ขาดความอบอุ่นรึไง ถึงต้องมานั่งแดกข้าวกับกูทุกวัน"
    "พ่อกูอ่ะรัก ส่วนมึงอ่ะเดี๋ยวกำลังจะทำให้รัก"
    "รักพ่องงง"
    "รักพ่อกูเหรอ รักกูดีกว่า เชื่อกูดิ"
    "ประสาท รีบแดก รีบกลับไปได้แล้ว กูรำคาญ"
    "ไล่กูมากๆ เดี๋ยวกูไปอย่ามาคิดถึง"
    "มึงเพ้อเหี้ยอะไร"
    "เพ้อรักมึงมั้ง"
    "..." ผมจบบทสนทนานี้ด้วยการหุบปากผมเอง เพราะคิดว่าถ้ายังต่อปากต่อคำกับมัน มันคงจะยิ่งพร่ำไปกันใหญ่ ถ้ามันบอกว่ามันกำลังจีบผม ผมว่ามันก็จีบได้กวนประสาทฉิบหาย และกูก็คงไม่หลงรักมึงด้วยวิธีการกวนตีนกูทุกวันแบบนี้แน่นอน กูกลับไปหาสาวๆ นมตู้มอ่อนหวานดีกว่าไอ้สัด
    "แดกข้าวเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ แต่งตัว” พอผมกินเสร็จปุ๊ปมันก็ออกปากสั่งเหมือนกับว่าผมเป็นเด็กในปกครอง
    "มึงเยอะไปแล้ว เป็นพ่อกูเหรอ"
    "กูไม่ได้อยากเป็นพ่อมึง"
    "กลับไปได้ละ กูรำคาญ"
    "ไปอาบน้ำ อย่ามาทำตัวสกปรกอกหัก คนเราแม่งโดนเท ยิ่งต้องสดใสให้เค้าเสียดาย"
    "อะไรของมึง"
    "มึงไม่อยากให้เจนเสียดายมึงเหรอวะ อยากให้เค้ารู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่นอกใจมึงงั้นเหรอวะ"
    "เรื่องของกู"
    “แต่กูเป็นห่วง อาบน้ำ แล้วไปกับกู อย่าดื้อ"
    "ดื้อเหี้ยไร กูไม่ไป กูจะแดกเหล้านอน"
    "ไปกับกูสนุกกว่าแดกเหล้าช้ำรักเยอะ"
    "..." ไอ้ห่านี่วุ่นวายฉิบหาย
    "หรือต้องให้พี่แท็กพาไปอาบครับน้องเตอร์"
    "ขนลุก ไอ้สัด" มันดึงแขนผมให้ลุกจากเก้าอี้โดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ผมเซไปตามแรงดึงของมัน แล้วมันก็ดันตัวผมเข้าไปชิดกับผนังห้อง ล็อคผมเอาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างของมัน ผมไม่ใช่ผู้ชายตัวเล็ก แต่ถ้าเทียบกับมันแล้ว มันถือว่าเป็นผู้ชายที่รูปร่างแข็งแรงมาก และน่าจะดูแลร่างกายของตัวเองเป็นอย่างดี ผมไม่สามารถหลุดออกจากวงแขนของมันได้ เพราะตอนนี้ปลายจมูกมันกำลังจ่ออยู่ที่ปลายจมูกผม ถ้าขืนผมขยับแม้แต่นิดเดียว ปากผมคงได้โดนส่วนใดส่วนนึงบนหน้ามัน แล้วคงกลายเป็นผมที่ไปจูบมัน
    "ไม่อาบก็ได้นะ แบบนี้ก็หอมดี" มันจ้องตาผมแล้วพูดออกมาอย่างนั้น
    "ปล่อยยยยยยยกู กูจะไปอาบน้ำ เหม็นฉิบหายแล้ว เร็วๆ กูปวดเยี่ยว"
    "หึ ก็แค่นั้น อาบให้หอมๆ นะครับน้องเตอร์" มันพูดแล้วก็ขยับร่างกายออกไปจากตัวผม ผมรีบเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการกับความรู้สึกของตัวเอง ไอ้เหี้ย... ทำไมหัวใจกูเต้นแรง สงสัยกูคงโมโหมันมากล่ะมั้ง ครั้งหน้าเล่นกูอีก จะต่อยแม่งให้คว่ำเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Taxi me ter : ตอนที่ 4
« ตอบ #9 เมื่อ: 25-01-2017 08:53:33 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 5
«ตอบ #10 เมื่อ25-01-2017 17:16:02 »

ตอนที่ 5

     หลังจากผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แท็กซี่มันก็ไม่พูดอะไร แต่กระชากแขนผมลากไปที่ลิฟต์แล้วลงมาขึ้นรถมันทันที ผมบอกแล้วว่าไอ้ห่านี่มันเป็นตัวเสือก ตัววุ่นวาย ตัวเหี้ยอะไรไม่รู้ กัดไม่ปล่อยจริงๆ รถออกมาจากคอนโดได้ระยะนึงแล้ว แต่ไอ้คนขับที่อยู่ข้างๆ ผม มันก็ยังไม่บอกผมสักทีว่าจะพาไปไหน
    "มึงบอกมาก่อนว่าจะพาไปไหน ไม่งั้นกูโดดลงนะ"
    "เพ้อเจ้ออีกแล้วนะมึง อยากพิการเหรอ ทำไม กลัวกูพาไปปล้ำเหรอ"
    "สัด"
    "กูไม่ทำอะไรมึงหรอก แต่ถ้ามึงสมยอมอ่ะ กูจัดหนักแน่"
    "กูว่ากูควรไล่มึงไปให้พ้นหน้าจริงๆ แล้วว่ะ"
    "แล้วไมไม่ไล่อ่ะ"
    "ใกล้ละ"
    "ใกล้จะรักแล้วอ่ะเหรอ"
    "ใกล้จะถีบมึงละ"
    "มึงไม่ทำงั้นหรอก" เป็นอีกครั้งที่ผมตัดบทด้วยความเงียบ เพราะไม่รู้จะไปต่อปากต่อคำกับมันทำไม เอาเป็นว่ามึงอยากไปไหนก็ไป แล้วแต่มึงเลย กูจะงีบละ ผมปรับเบาะเอนลง แล้วก็หลับไป จนกระทั่งรู้สึกว่ามีใครกำลังจ้องหน้าผมอยู่ ไม่สิมีใครกำลังหายใจรดผมอยู่ต่างหาก
    "มึงจะทำอะไร" ผมลืมตาขึ้นมาเจอหน้าไอ้แท็กซี่ในระยะประชิด
    "จูบมึงมั้ง"
    "สัด กูต่อยมึงจริงนะคราวนี้"
    "อย่าเลยนะคร้าบบบ ยอมแล้ววว มึงหันไปดูสิว่าเราอยู่ที่ไหน" ผมหันหน้าไปนอกหน้าต่าง เห็นว่ารอบข้างมีเครื่องเล่นเหมือนสวนสนุกอยู่มากมายเต็มไปหมด แต่ภาพที่ไม่คุ้นตาที่สุดก็คือ ในนี้ไม่มีคนเล่นเครื่องเล่นเลย จะมีก็แต่คนเดินไปเดินมาไม่มากนัก ท่าทางคล้ายพนักงาน
    “สวนสนุก?" มันยักคิ้วตอบผมหนึ่งที
    "มาทำไรวะ"
    "มาดูหนังมั้ง มาสวนสนุกก็มาเล่นสิวะ เอ็กซ์คลูซีฟเพื่อมึงเลยนะ สวนสนุกใจกลางเมืองที่กำลังจะเปิดในเดือนหน้า"
    "Excite City" ผมเอ่ยชื่อนี้ออกไป เพราะมันกำลังถูกโปรโมทอยู่ในทุกช่องทาง ผมเห็นเพื่อนผู้หญิงแชร์กันเต็มเฟซบุ๊ก
    "อือ"
    "แล้วมึงเข้ามาได้ไง"
    "เพื่อนกูเป็นเจ้าของ อีกอาทิตย์นึงที่นี่ก็จะเปิดแล้ว นี่กูขอเป็นพิเศษเลย ให้มึงได้มาเล่นก่อนใคร แต่แม่งเปิดได้เป็นบางเครื่อง แต่กูรับรองว่าเด็ด"
    "มึงนี่เหมือนพวกลูกคนรวยขี้อวดเนอะ แล้วกูไม่ใช่เด็ก จะได้มาเล่นของเล่นบ้าบอ"
    "กูไม่ได้อวด แต่กูพามึงมาผ่อนคลายหัวใจ แล้วมึงแหกตาดู เด็กที่ไหนจะเล่นเครื่องเล่นโหดขนาดนี้วะ เค้าก็ให้วัยรุ่นเล่นนี่แหละ"
    "กูไม่มีเพื่อน"
    "แหกตาดูก่อน" ผมหันไปมองตามนิ้วชี้ของคนพูด ที่ด้านข้างรถฝั่งคนขับมีผู้ชายหน้าตาคุ้นเคยยืนอยู่ ไอ้ปิงเพื่อนรักนั่นเอง ผมเปิดประตูลงจากรถไปหามันทันที
    "ไอ้ปิง มึงมาได้ไงวะ"
    “ถามคนที่พามึงมาสิวะ" ปิงบุ้ยใบ้หน้าไปทางไอ้แท็กซี่ที่ยืนยิ้มหล่อล้วงกระเป๋าอยู่ข้างรถ
    "กูโทรเรียกมันมาเอง"
    "เอาเบอร์จากไหน"
    “โทรศัพท์มึงไง... ตอนมึงอาบน้ำ"
    "นี่มึงยุ่งกับโทรศัพท์กูเหรอ แล้วรู้รหัสได้ไง"
    "แอบดูมึงกด ตอนมึงเมาเมื่อวาน"
    "เสือกกก"
    "ก็เสือกแค่เรื่องมึงแหละ ก็กูชอ..."
    "สัด หุบปากไปเลย” ผมผลักไหล่มันให้หยุดปากก่อนที่จะมาพูดจาประสาทๆ ต่อหน้าเพื่อนผม
    "จะคุยกันอีกนานเปล่าวะ แล้วพี่เรียกผมมาทำไร" ไอ้ปิงเริ่มโวยวาย หลังจากฟังผมกับไอ้แท็กซี่เถียงกันอยู่นาน
    “กูให้มึงมาเป็นเพื่อนมัน... เอ้า ไอ้ปอนด์ๆ" พูดกับผมไม่ทันจบดี มันก็หันไปตะโกนเรียกบุคคลที่สี่ที่กำลังเดินตรงมาทางนี้
    "ไงมึง เกิดคึกอะไรถึงจะมาเล่น ตอนแรกกูชวนก็ไม่เห็นอยากมา”
    "พาคนมาหย่อนใจ จัดแม่งให้อ้วกเลย แดกแต่เหล้าเปลืองฉิบหาย แดกแล้วก็อ้วก มาเล่นนี่อ้วกได้เหมือนกัน"
    "ประสาทนะมึง เอ้า นี่ปิงใช่มั้ย” พี่ปอนด์หันมาทักทายปิง
    "เอ่อ ครับ" ไอ้ปิงยกมือไหว้พี่ปอนด์ ส่วนผมกับแท็กซี่ก็ยืนงงกับการพบญาติตรงหน้า จนแท็กซี่มันถามว่าไปรู้จักกันได้ไง ผมถึงได้รู้ว่า อาจารย์เคยเชิญพี่เขามาสอนที่มหาลัยครั้งนึง แต่ที่ผมไม่คุ้นหน้าพี่ปอนด์ก็เพราะวันนั้นผมโดดไปง้อสาวน่ะครับ
    "เออแม่งสรุปคนกันเองทั้งนั้น ดีแล้วจะได้สนุก ไอ้ปอนด์มันเก่งอาจารย์เขารัก แต่มันไม่ค่อยเสนอหน้าไปสอนหรอก มันบอกมันเขิน"
    "เดี๋ยวนะ นี่มึงรู้จักอาจารย์ด้วยเหรอ" ทำไมพวกมันคุยเหมือนรู้จักกันแต่ปางก่อน ทั้งที่จริงกูเป็นคนรู้จักกับไอ้แท็กซี่ สนิทกับไอ้ปิง แล้วนี่คือมึงพบญาติอะไรกันยังไง
    "รู้ดิน้อง ไอ้แท็กมันก็เรียนที่เดียวกัน"
    "บอกมันเหอะพี่แท็ก มึงไม่ต้องทำหน้าโง่ไอ้เตอร์ คือเอาง่ายๆ พี่สองคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่คณะเรา แต่เขาจบไปพอดี ตอนที่เราเข้าปีหนึ่ง” ความบังเอิญที่ผ่านมามันยังไม่มากพอที่จะทำให้ผมกับไอ้แท็กซี่ต้องผจญกรรมด้วยกันอีกหรอไง ถึงได้ต้องสร้างความสัมพันธ์รุ่นพี่รุ่นน้องนี่ขึ้นมาอีก แล้วที่สำคัญคือทุกคนรู้ยกเว้นผม
    "แล้วทำไมมึงไม่บอกกู"
    "กูเพิ่งรู้วันก่อนที่แยกกันที่ร้านเหล้านั่นแหละ"
    "เออๆ เลิกคุยได้แล้ว ไปเล่นกันดีกว่าพวกมึง รถไฟเหาะแม่งเลย เปิดได้ใช่มั้ยวะปอนด์"
    "อันนั้นกูเตรียมไว้อยู่แล้ว มาถึงก็จัดหนักเลยนะมึง"
    "คิดถึงยูนิเวอร์แซลฉิบหายละ" ไอ้แท็กซี่กับพี่ปอนด์เดินนำพวกผมสองคนไปที่รถไฟเหาะ โดยที่ผมก็ยังงงๆ กับไอ้การพบรุ่นพี่รุ่นน้องเมื่อกี้นี้ แต่ผมไม่มีเวลางงแล้วครับ ไอ้เหี้ย รถไฟเหาะแม่งอลังการมาก กูเคยไปยูนิเวอร์แซลที่สิงคโปร์มาแล้ว และแม่งเป็นเครื่องเล่นเดียวที่กูไม่เล่น ไอ้เหี้ย นี่มันมากไป โนววววววววว กูจะไม่เสี่ยงตายเด็ดขาด ไอ้ปิงขึ้นไปนั่งบนรถไฟเหาะแล้วก็มีพนักงานมาจัดการเซฟตี้ทุกสิ่งอย่างให้เรียบร้อยเป็นคนแรก
    "ขึ้นสิมึง ยืนตากไข่ทำไม" ไอ้แท็กซี่หันมาเร่งผม
    "ตากไข่พ่องงง มึงเล่นไปเลย กู... กูปวดเยี่ยว เดี๋ยวมา" ผมหันหลังเพื่อจะเดินออกจากเครื่องเล่นมหันตภัยตรงหน้าแล้วไปห้องน้ำ
    "งั้นกูให้เค้ารอมึงก่อน"
    "ไม่ต้อง เล่นไปเลย"
    "เอาจริง อย่าบอกว่ากลัว” ไอ้แท็กซี่เดินมาดักหน้าผมไว้
    "เปล่า"
    "เปล่าก็รอ รีบไปรีบมา"
    "ไม่ต้อง"
    “สรุปคือกลัว" ไม่รู้แม่งจะต้อนผมเอาอะไรนักหนา
    "โอ้ยยย ไอ้เหี้ย กลัวก็กลัว จบมั้ย อย่ามายิ้มกวนตีน"
    "กลัวยิ่งต้องเล่น ถ้ามึงข้ามผ่านความกลัวไปได้ มึงจะได้รู้ว่าความกลัวมันก็แค่สิ่งที่มึงคิดขึ้นเอง"
    "ปล่อยยยยยยยยยยยยกู..................." ผมออกแรงดึงแขนตัวเองออกจากการที่โดนไอ้แท็กซี่ลากกระชากไปขึ้นรถไฟเหาะ แต่ไอ้ห่านี่ก็แรงควายเกินไป มันจับผมยัดเข้าไปที่รถไฟเหาะจนได้ แล้วก็นั่งข้างๆ ผม
    "มึงจะผ่านมันไปได้ กูสัญญา" มันจับมือผมไว้แน่น ไม่สิผมต่างหากที่จับมือมันไว้แน่น ก็กูกลัวววววววววววววววว
    "พร้อมนะทุกคน เริ่มได้เลยครับ" จบเสียงคุณปอนด์เจ้าของรถไฟเหาะมหาภัย พนักงานก็เริ่มปล่อยเครื่องเล่นนี้ทะยานขึ้นสู่แดนเวิ้งว้างอันไกลโพ้น
    "อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย สาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด กูจะลงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง@#$^&*((%#%^#%*)+!@_&^$_*$#@@" ผมแหกปากร้องไม่เป็นภาษา ตะโกนโวยวายล่องลอยอยู่กลางนภา ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหน แต่ผมรู้สึกว่าเนิ่นนานพอที่ตัวผมจะเดินทางด้วยการปลิวออกนอกโลกนี้ได้แล้ว
    "เตอร์ๆ ไอ้เตอร์!!!!"
    “ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยย" ผมตะโกนแหกปากด้วยความดังในเลเวลที่คอเกือบแตก ลูกกระเดือกเกือบหลุด ไอ้แท็กซี่เขย่าตัวผมแรงๆ เพื่อเรียกสติที่มันกระเจิงไปไกล
    "อะไรของมึง ลืมตา ลงมาได้แล้ว มึงจะเล่นต่ออีกรอบเหรอไง... ไหวป่ะเนี่ย ทำหน้าเอ๋อแดกแบบนี้"
    "พากูลงไปที" ไอ้แท็กซี่พยุงผมขึ้นจากรถไฟเหาะ แล้วพาไปนั่งพักที่ม้าหมุน ไม่สิม้ามันอยู่นิ่งๆ เนี่ยแหละ ยังไม่ได้หมุน มีแต่หัวผมนี่แหละที่ยังหมุนอยู่
    "เอ้า แดกน้ำก่อนเด็กน้อย” มันยื่นขวดน้ำเปล่าเย็นๆ ส่งมาให้ผม
    "เหี้ย แม่งกูคิดว่ากูตายไปแล้ว"
    "เป็นไง สมองโล่งพอมั้ย"
    "จะให้คิดเหี้ยไรออก ลอยอยู่ในอวกาศแบบนั้น"
    "มึงนี่ก็เว่อร์"
    "แล้วไอ้ปิงไปไหน" ผมถามถึงมัน เพราะไอ้ปิงมันหายหัวไปเลย ไม่เห็นตั้งแต่ที่รถไฟเหาะแล้ว ไม่ห่วงเพื่อนอย่างกูบ้างเลย
    "นู่นนนนน มันไปเล่นกับไอ้ปอนด์ต่อแล้ว ท่าทางแม่งจะชอบมาก"
    "พอแล้วนะ แค่นี้กูก็รู้สึกว่าได้พิชิตยอดเอเวอร์เรสต์แล้ว ไม่เล่นเหี้ยไรแล้วนะ"
    "เออ ไม่ต้องเล่นก็ได้ เดี๋ยวกูให้นั่งเฉยๆ เลย ตามกูมา” ไม่พูดเปล่า แต่มันลากผมไปไหนไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ มึงทำเหมือนกูเป็นสัตว์เลี้ยงเลยไอ้สัด ลากกูไปนู่นไปนี่ตลอดเวลา
    “จะเล่นไอ้นี่เนี่ยนะ" ผมถามมันตอนที่เรามาหยุดยืนอยู่หน้าชิงช้าสวรรค์ยักษ์ที่น่าจะใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่มึงจะมาครึ้มใจชมวิวอะไรตอนนี้
    "ค่าเล่นแพงนะมึง นี่ขอไอ้ปอนด์ไว้เลยนะ"
    "ปัญญาอ่อนป่ะ ชิงช้าสวรรค์” เก็บไว้สวีตกับแฟนมึงเหอะ
    "ขึ้นไปให้ถึงจุดสูงสุดก่อน แล้วมึงจะไม่พูดคำนี้... เข้าไปนั่งได้แล้ว วันนี้มึงหน้าเป็นหมาโง่ตลอดเลยนะรู้ตัวป่ะ"
    "มึงไม่มีสิทธิ์ด่ากู"
    "เปล่า กูชมว่ามึงน่ารักต่างหาก"
    "น่ารักเหมือนหมาโง่เนี่ยนะ"
    "น่ารักเหมือนแฟนแท็กก็ได้ครับ เข้าไปนั่งเร็วๆ พี่เค้ารอปิดกระเช้า” มันผลักหลังผมเบาๆ เร่งให้เดินเข้าไปในกระเช้าที่พนักงานเปิดรอเราอยู่นานแล้ว
    "สัด" กระเช้าชิงช้าสวรรค์ค่อยๆ ลอยขึ้นเรื่อยๆ ผมว่านี่คงเป็นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่โตไฮโซที่สุดในไทยอย่างที่เขาโปรโมทไว้จริงๆ มันเห็นวิวเมืองชัดเจนสุดลูกตาสมราคาที่ไอ้แท็กซี่มันคุยไว้
    "เป็นไง ชอบมั้ย"
    "ก็ดี"
    "ดีคือชอบหรือไม่ชอบ"
    "ก็ชอบ"
    "ดีใจจัง มึงบอกชอบกู"
    "สัด กระเช้ามั้ย ไม่ใช่มึง"
    "เรียกชื่อกูแทนคำว่ามึงได้เปล่าวะ"
    "จำเป็น?"
    "กูรุ่นพี่มึงนะ"
    “แล้วไง... กูไม่เรียก”
    "กูขอสั่งให้มึงเรียกกูว่าพี่แท็ก"
    "มึงยังพูดกูมึงเลย จะมาสั่งกูได้ไงวะ” มาสั่งให้ผมเรียกพี่ แต่ในประโยคที่มันสั่ง มันก็ยังพูดกูมึงเลยครับ แล้วจะให้ผมเรียกพี่ไปทำไม
    "ได้เลยครับน้องเตอร์"
    "ใครน้องมึง"
    "เป็นไงสบายใจขึ้นบ้างป่ะ" ผมว่าไอ้นี่มันน่าจะเป็นไบโพล่าจริงๆ อยู่ๆ ก็เถียงเรื่องเรียกพี่เรียกน้อง อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่องอะไรของมันไม่รู้
    "อืม"
    "เลิกคิดมาก แล้วกลับไปใช้ชีวิตปกติ เหล้าอ่ะแดกสังสรรค์พอ ไม่ต้องแดกให้คลาน หน้าก็ไม่ต้องทำหงอยเหมือนเมียหอบลูกหนี"
    "มึงจะให้กูทำใจภายในหนึ่งวันเหรอวะ ให้กูเศร้าสักแป๊บดิวะ”
    "มึงเศร้า กูก็เศร้า"
    "ประสาท"
    "ถ้ามึงชอบกู มึงจะหายเศร้า ลองดู"
    “สัด กูไม่เคยคิดว่าจะไปชอบผู้ชาย กูไม่ได้รังเกียจ แต่มึงเข้าใจมั้ยว่ากูไม่คิด" ผมบอกมันไปตามตรง
    “มึงเคยคิดจะเล่นรถไฟเหาะป่ะ" ความไบโพล่ามาเยือนอีกครั้ง เถียงเรื่องชอบไม่ชอบอยู่ดีๆ มันก็เปลี่ยนไปเรื่องรถไฟเหาะอีก
    "ไม่มีทาง"
    "แล้ววันนี้ทำไมมึงเล่น"
    "มึงลากกูขึ้นไป"
    "มึงไม่เคยคิดจะเล่นรถไฟเหาะ แต่วันนึงมึงก็ได้เล่นเพราะกู มึงไม่เคยคิดจะชอบผู้ชาย แต่วันนึงมึงอาจจะชอบผู้ชายเพราะกูก็ได้"
    "ตรรกะเหี้ยไรของมึง โอเค กูยอมรับว่ามึงดีกับกูมาก มึงอยู่เป็นเพื่อนกูตอนที่กูโดนเทมา มึงพากูออกมาจากเรื่องเหี้ยๆ เพื่อมาเล่นอะไรบ้าๆ บอๆ ที่นี่ กูเห็นมึงเป็นพี่ก็ได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่ากูต้องชอบมึง"
    "มึงเปิดใจดิ"
    "...กระเช้านี้แม่งรอบนึงนานฉิบหาย" ผมเฉไฉเปลี่ยนเรื่องให้มันจบๆ ไป
    "กูจีบมึงนะ"
    "อะไรอีก"
    "เปล่า แค่อยากบอก กลัวมึงลืม"
    "..."
    "เออๆ กูไม่ซักอะไรมึงแล้ว มึงไม่ชอบก็ไม่ชอบ ไม่เป็นไร กูขอโทษ"
    "ก็จีบไปดิ กูไปว่าอะไรมึง" เย้ดดดดด นี่ผมพูดอะไรออกไป อยากตบปากตัวเอง แต่ทำไปก็เอาคำพูดคืนไม่ได้ แม่งเอ๊ย หลวมตัวจนได้กู
    "..." มันเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้าผมระยะประชิด
    "..." ผมก็ยังตกใจกับคำพูดของตัวเอง
    "มึงแม่ง น่ารักว่ะ" มันยกมือขึ้นดันท้ายทอยผมเข้าหามัน แล้วประกบริมฝีปากลงมาที่ปากของผม ครั้งนี้ไม่รวดเร็วเหมือนครั้งที่แล้ว มันค่อยๆ จูบเบาๆ ซ้ำๆ แล้วหาจังหวะสอดลิ้นเข้ามาในปากผม ผมรู้สึกถึงลิ้นสากๆ ที่ลากวนอยู่ในปากซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเป็นฝ่ายตามเกมและถูกควบคุมในการจูบ ผมว่ามันก็ไม่เลวเหมือนกัน ริมฝีปากของเราค่อยๆ หลุดออกจากกันเมื่ออีกฝ่ายลิ้มรสปากผมจนพอใจ
    "ไอ้เหี้ย!!!" หมัดผมพุ่งเข้าใส่ปากมันเต็มๆ ไม่ได้แรงอะไร แต่ก็มีน้ำหนักพอที่จะทำให้อีกฝ่ายเลือดไหลซิบๆ ได้
    “อะไรของมึงเนี่ย" มันยกมือขึ้นแตะมุมปาก แล้วสะดุ้งนิดๆ
    "กูบอกมึงแล้วว่าถ้ามีอีกที กูต่อย"
    "เมื่อกี้มึงก็จูบตอบ"
    "จูบเหี้ยไร มึงอย่ามามั่ว” ผมหนีสายตามันไปมองวิวไกลที่สุดเท่าที่จะมองเห็น ต้นไม้สีเขียวปรากฏอยู่เต็มสองลูกตาผม ตึกเล็กตึกใหญ่ก็เช่นกัน แต่ตอนนี้ตึกเต็มหัวใจผมไปหมดเลยครับ ตึกๆๆๆๆๆๆ เสียงหัวใจผมเต้นแรงเป็นบ้าเลย
    "ไม่เป็นไรเจ็บแค่นี้ พี่แท็กถือว่าคุ้ม ต่อยอีกป่ะ จะได้จูบอีก"
    “ไอ้สัด" ผมด่าโดยที่ไม่มองหน้ามัน
    "มึงแม่งงงงงง น่ารักว่ะ" 
    "น่ารักเหี้ยไร กูผู้ชายแมนๆ หล่อด้วย"
    "กูก็ไม่ได้บอกว่ามึงเป็นผู้หญิง"
    "ไอ้เหี้ย เลิกกวนตีนสักที” คราวนี้ผมหันไปปั้นหน้าเข้มใสมัน เพื่อให้มันหยุดกวนตีนผมสักที ขืนปล่อยให้แม่งล้อแบบนี้ ผมต้องเขินตายคากระเช้าแน่ๆ
    "กูว่าตอนนี้กูกวนใจมึงมากกว่านะ ดูหน้ามึงดิ นอกจากเหมือนหมาโง่แล้ว แก้มยังแดงเป็นตูดลิง"
    "มึงจะให้กูไล่ใช่มั้ย"
    "ไล่กูก็ไม่ไปหรอก อยากอยู่กับมึง"
    "กูจะด่ามึงว่าอะไรดีวะแม่งงง"
    "ด่าว่าที่รักก็ได้นะ กูไม่ถือ"
    "ที่รักพ่องงงงงงง"
    "รักพ่อกูก็ได้ แต่รักกูด้วยนะ"
    "ไอ้เหี้ย"
    "ต่อไปถ้ามึงพูดว่าไอ้เหี้ย กูจะถือว่ามึงพูดว่าที่รักนะ กูเห็นมึงเรียกกูแบบนี้บ่อย แปลว่าที่รักแล้วกูคงชื่นใจ"
    “มึงไปเช็คสมองบ้างนะ”

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
Re: Taxi me ter ll Update ตอนที่ 5 <3
«ตอบ #11 เมื่อ25-01-2017 17:55:13 »

เรื่องน่ารักดีค่ะ ลงยาวจุใจเลย

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
Re: Taxi me ter ll Update ตอนที่ 5 <3
«ตอบ #12 เมื่อ26-01-2017 01:26:20 »

 :katai2-1:

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 6
«ตอบ #13 เมื่อ26-01-2017 09:19:57 »

ตอนที่ 6

   #ปิงปอนด์

    เมื่อประมาณ 3 เดือนก่อนอาจารย์ที่คณะเคยชวนผมไปสอน หรือจะเรียกว่าให้ความรู้กับน้องๆ ที่คณะอย่างนั้นก็ได้ เป็นคลาสเล็กๆ ของเด็กปี 3 นี่เป็นครั้งแรกที่ผมยอมมา หลังจากที่อาจารย์ชวนแล้วหลายต่อหลายครั้ง ปกติผมไม่ชอบการมายืนสอนหรือให้ความรู้ใครอะไรแบบนี้เท่าไหร่ ยอมรับว่าเขินครับ แต่ครั้งนี้อาจารย์แกเห็นว่าผมกำลังสร้างสวนสนุกที่จะเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ของสวนสนุกเมืองไทย ก็เลยคิดว่าจะมีประโยชน์มากกับน้องๆ ผมเองก็อยากไปดูว่าถ้าผมไปเล่าเรื่องสวนสนุกให้ฟัง เด็กวัยรุ่นพวกนี้มันจะสนอกสนใจแค่ไหน แอบมีผลประโยชน์เป็นการศึกษาตลาดเบาๆ ผมก็เลยรับคำเชิญไป
    ไม่ได้กลับมาที่มหาลัย 2-3 ปี อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกันแฮะ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงครึ่ง ผมมายืนอยู่ที่หน้าคณะสถาปัตย์ฯ ที่ๆ ผมขลุกชีวิต 4 ปีในตึกนี้ ตอนเรียนอยู่กับเพื่อนนี่เป็นอะไรที่สนุกสุดๆ แล้วครับ เรียนจบไปกว่าจะเจอกันครบทีก็ยาก พูดแล้วก็คิดถึงพวกมัน ผมกดโทรศัพท์หาอาจารย์ชัยพล แต่ก็ไม่มีคนรับสาย เอาไงล่ะทีนี้ ข้อมูลในหัวก็มีแค่ว่าให้มาสอนคลาสบ่ายโมง มาถึงแล้วให้โทรหาอาจารย์
    "น้องครับๆ"
    "ฮะ เรียกผมเหรอ" ไอ้เด็กนักศึกษาหน้าตาดีแต่ท่าทางเซอร์ๆ หันมาตามเสียงผม พร้อมกับชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง นี่ขนาดแม่งทำตัวเซอร์ยังดูดีเลยไอ้นี่
    "อืม รู้จักอาจารย์ชัยพลมั้ย"
    "อ๋อ จารย์ชัย ถาปัตย์ใช่มั้ย"
    "เออนั่นแหละ เห็นจารย์บ้างป่ะ"
    "ไม่เห็นเลยครับ"
    "แล้วพอจะรู้มั้ยว่าไปหาจารย์ได้ที่ไหนบ้าง"
    "อืม ไม่รู้ดิ แต่ว่าเดี๋ยวจารย์มีสอนคลาสผมนะ เนี่ยตอนบ่ายโมงชั้น 4 นี่แหละ"
    "อ๋อ เออดี จะขึ้นไปเรียนยัง พี่ไปด้วย"
    "ฮะ พี่จะไปเรียนเหรอ” มันทำท่าตกใจกับคำพูดของผม
    "บ้า ไปหาจารย์ดิ” มันบอกให้ผมตามันไป แล้วมันก็หมุนตัวเข้าตึกแล้วเดินนำผมไปที่ลิฟต์ มีคนยืนรอลิฟต์อยู่สิบกว่าคน เพราะฉะนั้นกว่าเราจะได้เข้าลิฟต์ตัวนี้ก็คงต้องรอรอบถัดไป คนที่พาผมมาที่ลิฟต์ยืนกดโทรศัพท์ไปพลางๆ ผมเลยชวนมันคุยโดยการถามว่าวันนี้มันเรียนอะไร ซึ่งถ้ามันเรียนคลาสอาจารย์ชัย มันก็คงต้องเรียนกับผมวันนี้
    “อยากรู้ไปทำไม" มันเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง แล้วถามผมกลับมา
    "เปล่า เคยเรียนที่นี่ กลับมาแล้วนึกถึงเมื่อก่อน ก็ถามดู"
    "จริงดิ ไม่เคยเห็น"
    "นานแล้ว แต่ไม่แก่ขนาดนั้นนะ” ประตูลิฟต์เปิดออกอีกครั้ง เราก้าวเข้าไปในลิฟต์พร้อมกับคนอื่นอีก 3 คน มันกดตัวเลข 6 ไปบนแผงตัวเลขในลิฟต์ แล้วถอยมายืนข้างผม
    "ไม่รู้ดิ วันนี้จารย์ชัยเชิญใครมาสอนนี่แหละ เห็นว่าเป็นเจ้าของสวนสนุกที่จะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้เมืองไทย คงมาสอนพวกแนวคิดการออกแบบไรงี้” ก็กูนี่ไงครับคนที่จะสอนมึงน่ะ
    "เออน่าหนุก"
    "จริงพี่ ผมแม่งโครตชอบเลย ปิดเทอมทีไร ถ้าว่างต้องไปยูนิเวอร์แซล ขึ้นรถไฟเหาะสัก 3 รอบ สนุกโคตร" ท่าทางไอ้นี่มันจะชอบสวนสนุกเอามาก พอพูดถึงสวนสนุกแล้วแม่งเหมือนวิญญาณเด็กประทับร่าง มีแสงวิ้งๆ ในตา
    "ท่าทางจะชอบมาก"
    "ถ้าพ่อเป็นเจ้าของสวนสนุกนะ จะเล่นแม่งทุกวันเลยอ่ะ"
    "เออๆ กูเชื่อละ" ตัวเลขด้านบนลิฟต์ปรากฏเลข 6 เราสองคนเดินออกมาจากลิฟต์ มันเดินนำผมให้เลี้ยวขวาไปจนถึงห้องที่  6608 แล้วก็บอกให้ผมรอเจออาจารย์ได้แถวๆ นี้ แล้วมันก็ขอตัวไปหาเพื่อน ผมลองโทรหาอาจารย์อีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีคนรับสายตามเดิม นี่อาจารย์นัดผมจริงหรือเปล่าเนี่ย ถ้าไม่เจอไอ้เด็กนั่นป่านนี้ผมเดินหาอาจารย์ตาแหกแน่
    "อ้าวปอนด์"
    "หวัดดีครับอาจารย์" แล้วอาจารย์ก็ปรากฎตัวขึ้นในเวลาเที่ยงห้าสิบนาที
    "มาถูกได้ไง เนี่ยอาจารย์กำลังจะโทรหา พอดีเมื่อกี้ประชุมยาวกับคณบดี แล้วแบตหมด รีบเดินมาที่ห้องว่าจะเสียบชาร์จแล้วรีบโทรหา โทษทีนะ"
    "ไม่เป็นไรครับ พอดีเจอน้องที่หน้าคณะ เลยลองถามหาอาจารย์ มันบอกอาจารย์มีสอนบ่ายโมงห้องนี้ เลยตามมันมา"
    "อ้อ ดีๆ เข้าไปข้างในก่อน" อาจารย์พาผมเข้ามาในห้อง ซึ่งตอนนี้นักศึกษาก็นั่งกันอยู่เกือบครึ่งห้องแล้ว คลาสนี้จะมีน้องเข้าประมาณ  80 คนจากที่อาจารย์บอกมา พอถึงเวลาบ่ายโมงตรงเป๊ะ คนเต็มห้อง อาจารย์แกก็เริ่มเลย
    "เอ้าทุกคน นี่คือพี่ปอนด์ เป็นรุ่นพี่ศิษย์เก่าที่คณะเรา ตอนนี้พี่เขากำลังจะสร้างสวนสนุกใหญ่ใจกลางเมือง วันนี้อาจารย์เลยจะให้พี่ปอนด์มาแนะนำแนวคิดการออกแบบ ตกแต่งให้ฟังกัน อาจารย์ก็ได้เห็นบางส่วนของที่นี่บ้างแล้ว คิดว่าน่าจะมีไอเดียอะไรดีๆ ให้พวกเราได้เยอะ ฝากด้วยปอนด์" อาจารย์หันมาบอกกับผมเพื่อเป็นสัญญาณให้ผมเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองในคลาสนี้ ผมเริ่มเล่าคอนเซปต์ แนวคิดทุกอย่างให้น้องๆ ฟัง แต่ก็ไม่ทั้งหมดหรอกครับ เพราะสวนสนุกยังไม่เปิด จะเอาทุกอย่างมาบอกหมดก็คงไม่ได้ น้องๆ ก็ดูสนใจกันดี อาจจะเพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวน่าสนุก โดยเฉพาะไอ้เด็กที่พาผมขึ้นมาบนห้องนี้ ท่าทางมันดูตั้งใจออกหน้าออกตา แถมยังถามคำถามผมรัวๆ จนเพื่อนมันด่า ตอนนี้ผมเลยได้รู้ว่ามันชื่อปิง
    "สัดปิง มึงถามอย่างกับจะไปเปิดสวนสนุกแข่งกับพี่เค้า" น้องผู้หญิงที่นั่งข้างๆ หันไปว่ามัน เพื่อนในห้องก็เลยหัวเราะกัน มันก็น่าตลกอยู่หรอกครับ ก็ไอ้เด็กนี่แม่งถามเหมือนกับอยากจะเปิดสวนสนุกจริงๆ
    "ถ้ากูเปิดได้ กูก็อยากเปิด มึงออกตังค์ให้กูเปล่าล่ะ" มันก็บ้าหันไปเถียงกับเพื่อนมันท่าทางจริงจัง
    "เอาล่ะทุกคน เดี๋ยวจะเกินเวลา วันนี้ก็ขอบคุณพี่ปอนด์มากที่มาแนะนำน้องๆ เดี๋ยวถ้าใครมีอะไรสงสัยเอาไว้ไปถามพี่ปอนด์ต่อหลังคลาสแล้วกัน วันนี้ก็พอแค่นี้แหละครับ ไปได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นเค้ามาเรียนห้องนี้ต่อ" พออาจารย์พูดจบทุกคนก็แยกย้ายออกจากห้องไป แล้วอาจารย์ก็คุยต่อกับผมอีกพักนึงที่หน้าห้อง จากนั้นผมก็ขอตัวกลับ ผมเดินเข้าลิฟต์เพื่อจะลงไปข้างล่าง แล้วผมก็ได้เจอกับไอ้เด็กถามมากคนเมื่อกี้อีกรอบนึง
    “อ้าวพี่"
    "อ้าว ปิงใช่มั้ย” ผมทวนชื่อมันเป็นเชิงถาม เพื่อเช็คให้แน่ใจว่าเรียกไม่ผิด
    "ใช่ครับ"
    "ดูชอบสวนสนุกมากจริงๆ นะ"
    "ที่สุด"
    "ท่าทางดูเซอร์ๆ อินดี้ๆ ไม่คิดว่าจะชอบ"
    “ไม่เกี่ยวป่ะพี่ พี่เปิดสวนสนุกเมื่อไหร่ ผมจะไปเล่นตั้งแต่วันแรกเลย ตื่นเต้นแทนพี่ว่ะ"
    "กูจะรอต้อนรับ"
    "ขอบัตรพิเศษรายปีเลยได้ป่ะ แบบ VIP อันลิมิต"
    "แล้วทำไมกูต้องให้มึงด้วย เป็นไรกับกู"
    "ผมเป็นน้องไง"
    "กูลูกคนเดียว"
    "ไม่รู้แล้วว่ะ มันก็ไม่มีเหตุผลอ่ะ ก็แค่อยากเล่น"
    "งั้นถ้ากูให้มึงเล่นฟรีปีนึง กูจะได้อะไร"
    "พี่สั่งไรผมก็ยอม"
    "มึงบ้าป่ะเนี่ย"
    "เอ้าจริง"
    "ถามจริง นี่มึงอยากเล่น หรือมึงอยากตีซี้กู"
    "ซี้ได้ป่ะล่ะ ได้ก็เอานะ จะได้ไปหาพี่ในสวนสนุกบ่อยๆ"
    "อะไรของมึง"
    "จีบพี่ดีกว่า มีแฟนเป็นเจ้าของสวนสนุกแม่งโคตรเท่"
    "กูชักจะกลัวมึงแล้ว" แม่งบ้าเปล่าวะ อยู่ๆ ก็จะมาจีบผม
    "กลัวทำไม ผมออกจะหล่อ สรุปให้จีบป่ะ เดี๋ยวไปเล่นรถไฟเหาะเป็นเพื่อนทุกวันเลย" มันลอยหน้าลอยตาถามผม
    "กูจะเล่นทำไมทุกวัน"
    "ทรานฟอร์เมอร์ก็ได้ สนุกนะ"
    "นั่นมันยูนิเวอร์แซลแล้วไอ้บ้า"
    "ก็ไม่รู้ว่าพี่มีเครื่องเล่นไรบ้างนี่หว่า"
    "หลายอย่าง"
    "แปลว่าให้ไปหาใช่ป่ะ" ยังครับ มันยังต่อปากต่อคำไม่เลิก
    "อะไรของมึงเนี่ย"
    "จีบได้ป่าวล่ะ"
    "มึงจะจีบกูเพื่อ"
    "ก็ชอบไง"
    "ชอบอะไร"
    “ชอบสวนสนุก... ชอบพี่ด้วยก็ได้” มันตอบหน้าตาเฉย ไอ้เด็กนี่มันท่าทางจะเพี้ยนเอามาก แล้วไอ้การบอกชอบคนอื่นเนี่ย มันควรไปพ่วงอยู่กับคำว่าก็ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ
    "มึงเรียนหนักเหรอ" ผมเริ่มไม่เข้าใจไอ้เด็กนี่มากขึ้นทุกที นี่มันเพี้ยนอะไรมาพูดจาบ้าๆ บอๆ กับผม
    "ทำไมอ่ะ ผมดูเนิร์ดเหรอ"
    "กูว่ามึงดูเพี้ยนๆ"
    "จีบพี่นี่เรียกเพี้ยนเหรอ"
    "กูกลัวมึงแล้วจริงๆ ว่ะปิง"
    "กลัวทำไม"
    "ปิง มึงเดินตามกูมาทำไม นี่กูถึงรถแล้ว กูจะกลับ มึงจะไปกับกูเหรอไง" มันเดินตามจนมาหยุดอยู่ที่รถผมจริงๆ ครับ นี่ผมคุยกับคนปกติอยู่หรือเปล่าเนี่ย
    "ไปได้เปล่าล่ะ"
    "อะไรของมึงงงงงง"
    "นี่อ่อยอยู่นะ ไม่หลงกลเลยเหรอวะพี่"
    "กูไปละ บาย" ผมขึ้นรถแล้วขับออกมาทันที บอกตรงๆ ตอนแรกก็คิดว่าไอ้เด็กนี่มันน่าดึงดูด แต่พอเจอแม่งมาเพี้ยนใส่แบบนี้ ผมก็ไม่รู้จะไปพูดอะไรกับมันดี งงฉิบหาย หลังจากวันนั้นมาเราก็ไม่เคยได้คุยกันอีกเลย แต่ผมไม่ได้ลืมมันนะ ทุกวันที่ผมเดินผ่านรถไฟเหาะ ผมก็ยังนึกถึงไอ้เด็กบ้านี่อยู่ตลอดนั่นแหละ จนวันนี้อยู่ๆ ไอ้แท็กเพื่อนผมมันก็พาไอ้เด็กนี่มาหาผมโดยบังเอิญ ผมรู้แค่ว่าไอ้แท็กมันชอบน้องที่คณะอยู่คนนึงเมื่อนานมาแล้ว แต่ไปไงมาไงไม่รู้ ไอ้เตอร์ที่เพื่อนผมชอบมานานดันมาเป็นเพื่อนสนิทกับไอ้ปิงนี่ได้
    "เอ้า นี่ปิงใช่มั้ย"
    "เอ่อ ครับ" ไอ้ปิงยกมือไหว้ผม
    "นี่มึงรู้จักกันหรอ" ไอ้แท็กหันมาถาม
    "อาจารย์เคยเชิญพี่ปอนด์มาสอนที่มหาลัยครั้งนึงครับ" ไอ้ปิงบอกกับแท็กไปแบบนั้น
     "หรอวะ ทำไมกูไม่เคยเจอ" เด็กเตอร์ของไอ้แท็กหันไปถามปิง ที่จริงผมก็ไม่คุ้นไอ้เด็กเตอร์นี่เหมือนกัน
     "วันนั้นมึงโดดไปง้อเมียไงสัด" แล้วปิงมันก็ชี้แจงให้ผมเข้าใจได้ว่า ทำไมผมถึงไม่คุ้นหน้าไอ้เด็กเตอร์นี่ ตอนนี้สวนสนุกใกล้จะเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว ระหว่างนี้ผมก็เปิดเทสเครื่องทุกวัน เลยชวนเพื่อนๆ ที่สนิทมาลองเล่นกันบ้าง ทีแรกไอ้แท็กมันก็ไม่คิดจะมา แต่อยู่ๆ วันนี้ก็โทรมาบอกว่าอยากขอเข้ามาเล่น แล้วก็ให้ผมมาเล่นกับมันด้วย ไอ้แท็กมันชวนทุกคนลุยรถไฟเหาะเป็นอันดับแรก พอไอ้เด็กปิงมันได้ยินแบบนั้น มันก็เดินนำไปที่รถไฟเหาะทันที ท่าทางเหมือนเด็กที่พ่อแม่พามาเที่ยวยังไงอย่างงั้น หลังจากเล่นรถไฟเหาะเสร็จ เตอร์มันก็ดูท่าจะเข่าอ่อน ไอ้ปิงมันก็ไม่ได้สนใจห่วงใยเพื่อนมันสักนิด แต่ลากผมมาที่ไวกิ้งแทน จากนั้นมันก็ลากผมไปเล่นเครื่องนั้น ต่อเครื่องนี้ บางเครื่องยังไม่ได้เปิด มันก็อ้อนวอนขอผมเล่นจนได้ จนมันพอใจพระอาทิตย์ก็เริ่มจะตกพอดี มันถึงยอมมานั่งพัก
    "คุ้มเลยนะมึง"
    “แม่งไม่คิดเลยว่าจะได้มาเอ็กซ์คลูซีฟขนาดนี้ โคตรเจ๋งเลยว่ะพี่" ผมส่งยิ้มสดใสตาเป็นประกายมาให้ผม
    "อืม"
    "สรุปพี่จะให้บัตร VIP ผมป่ะ" มันยังไม่ลืมเรื่องบัตรบ้าบอที่เคยขอผมไว้ตอนเจอกันครั้งก่อน
    "ได้คืบจะเอาศอกนะมึง ขอแบบมึงทุกคน กูเจ๊งพอดี”
    “ผมมีของแลกเปลี่ยนนะ" อยู่ๆ มันก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นโหมดจริงจัง
    "อะไร"
    "หัวใจ"
    "มึงนี่เพี้ยนไม่เลิก"
    "ผมจริงจังนะ" มันทำหน้าจริงจังตามคำพูดขึ้นไปอีก
    "อะไรของมึงอีก"
    "ผมว่า ผมชอบพี่ว่ะ ผมแม่งคิดถึงพี่ 7 ครั้งเลยนะ ตั้งแต่เจอกันวันนั้น"
    “มึงนับเหรอ"
    "จริงๆ แม่งเยอะมากนะสำหรับผมอ่ะ ปกติถ้ารู้จักกันแค่นี้ ผมไม่เคยคิดถึงใครเกิน 3 ครั้งเลยนะ"
    "กูควรดีใจใช่มั้ย"
    "ไม่รู้ตัวเหรอว่าพิเศษอ่ะ"
    "แล้วมึงอ่ะไม่รู้ตัวเหรอว่าพิเศษ"
    "ยังไงวะพี่"
    "อยู่ๆ ก็เสือกโง่” ผมหัวเราะกับหน้าเอ๋อๆ ของมัน
    "ไม่รู้ว่ะ เวลากูเดินผ่านรถไฟเหาะทีไร กูก็นึกถึงความเพี้ยนของมึงทุกที” ไม่ใช่แค่มันหรอกที่คิดถึงผม ผมเองก็คิดถึงคนเพี้ยนๆ อย่างมันเหมือนกัน
    "หมายความว่าไง"
    "ไม่มีความหมาย"
    "ได้ไงวะพี่"
    "กูอ่อยให้มึงจีบไง ไอ้โง่" พอผมอ่อย มันก็เสือกโง่แปลความไม่ออกซะอย่างนั้น ผมเลยแปลให้แม่งเลย ไม่ต้องอ้อมค้อมเสียเวลา พอผมพูดจบมันก็ยิ้มกว้าง ยืนขึ้นออกอาการดีใจสุดขีด แล้วก็มายืนนิ่งๆ ตรงหน้าผมซึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม แล้วโน้มตัวลงมาหาผมเล็กน้อย
    "จริงดิ สัญญานะว่าถ้าผมจีบ พี่ต้องรับรัก"
    "จะไปสัญญาได้ไงวะ"
    “สัญญาดิ" มันทำหน้าเซ้าซี้ให้ผมเอ่ยปากสัญญากับมัน
    "ก็ลองจีบดู เดี๋ยวก็รู้เอง"
    "ไม่อยากอกหักว่ะ อยากมีแฟนเป็นเจ้าของสวนสนุก"
    "ตกลงมึงอยากจีบกูเพราะสวนสนุก?"
    "เปล่าๆ ก็ชอบพี่นั่นแหละ แต่สวนสนุกแม่งเป็นผลพลอยได้ที่โคตรเท่"
    "กูเริ่มกลัวมึงอีกละ"
    "กลัวบ่อยๆ เดี๋ยวก็รัก” คราวนี้มันก้มล้มมาใกล้ผมมากขึ้นอีกนิด ผมก็เลยยืดตัวยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันมากขึ้นไปอีก
    "จะคอยดู ว่าจะมีปัญญาทำให้รักได้รึเปล่า"
    “ก็มีปัญญาทำให้คิดถึงทุกทีที่เห็นรถไฟเหาะแล้วกัน”

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 7
«ตอบ #14 เมื่อ26-01-2017 16:15:37 »

ตอนที่ 7

    หลังจากที่ผมพูดเหมือนเปิดโอกาสให้แท็กซี่มันจีบตอนที่ไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน มันก็ยิ่งได้ใจรุกผมหนักขึ้นทุกที จากที่บอกว่าจะมาส่งข้าวเช้า กินข้าวเช้าด้วยกันแค่นั้น คราวนี้มันเช้าถึง กลางวันถึง เย็นถึงเลยครับ แม่งทำอย่างกับกูเป็นตุ๊ด ผมไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกหวั่นไหวไปกับมัน ทั้งที่ผมไม่เคยคิดจะชอบผู้ชายมาก่อนเลย แต่ไอ้ห่านี่มันชอบกวนตีนจนผมเถียงไม่ออก แต่พอวันไหนมันไม่มากวนตีน ผมก็อึดอัดไม่รู้จะไปด่าใคร มันทำให้ผมเลิกคิดมากเรื่องเจนได้ ทำให้ผมแอบหัวเราะเวลาที่โดนมันกวนตีนอยู่บ่อยๆ ผมไม่รู้ว่ามันจะทำให้ผมรักมันได้ไหม แต่ไอ้สัดเทคแคร์อย่างกับกูเป็นผู้หญิง เสียใจ ถ้ากูจะคบมึง กูจะต้องได้รุกมึง!!!
    "เตอร์ แต่งตัวเสร็จยัง" มันมักจะโผล่เข้ามาที่ห้องผมอย่างคนไร้มารยาทเสมอ หลังจากที่ยึดคีย์การ์ดไปแบบที่ผมไม่ได้เต็มใจ จริงๆ ก็เต็มใจนิดนึง กูจะได้ไม่ต้องหาข้าวเช้าแดกเอง
    "มึงมาหากูทำไม"
    "เอ้าก็มารับมึงไปด้วยกัน"
    "กูจะไปเอง" วันนี้เราต้องไปงาน 'สถาปัตย์ฯ เจอกันเพราะคิดถึง' ครับ ซึ่งแท็กซี่มันก็เป็นศิษย์เก่าคณะผม วันนี้มันแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษ คุณชายไฮโซในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีดำตัวหรู เซ็ตผมมาอย่างตั้งใจ ไม่เคยเห็นมันแต่งตัวเต็มขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ก็หล่อดี หล่อโดยกำเนิดจนน่าหมั่นไส้
    "ก็ไปด้วยกันดิวะ มึงจะไปเองทำไม ไปรถกูสบายจะตาย” มันออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อยพอเห็นว่าผมปฏิเสธแล้วก็ทำท่าไม่สนใจมันสักนิด
    "แล้วทำไมกูต้องไปกับมึง เพื่อนกูสงสัยพอดี"
    "สงสัยอะไรครับน้องเตอร์ กลัวเพื่อนล้อเหรอคร้าบบบ ทำไมอ่ะรุ่นพี่รุ่นน้องเข้างานด้วยกันไม่ได้หรอ หรือกลัวใครรู้ว่าเราเป็นอะไรกัน"
    "ไม่ได้เป็นเหี้ยไรทั้งนั้นแหละ มึงไปได้ละ กูรำคาญ กูจะรีบแต่งตัว” ผมโบกมือไล่มันที่กำลังยืนบังกระจก แล้วยื่นหน้ายื่นตามาล้อผมไม่เลิก
    "กูนั่งรอเงียบๆ ก็ได้” มันหลบออกไปนั่งรอบนเตียงพร้อมกับจ้องผมแต่งตัวไปด้วย
    "กูไม่ไปกับมึง"
    "อย่าเรื่องมาก แต่งตัวเร็วๆ แล้วจะได้รีบไป"
    "มึงจะเอาให้ได้เลยใช่มั้ย"
    "กูจะเอามึงเหรอ กูพูดหรอ ทำไมมึงรู้ใจกูวะ"
    "ไอ้เหี้ย มึงจะไปไหนก็ไปเลย"
    "ไล่กูใช่มั้ย กูไม่ไปหรอก กูหน้าด้าน"
    "..." ผมเลิกด่ามันแล้วหันกลับมาแต่งตัวต่อ เถียงมันไปก็ไร้ค่า มันไม่เคยฟังหรอกครับ มีแต่จะกวนตีนกลับ แล้วสุดท้ายผมก็ต้องไปกับมันอยู่ดี เพราะผมเชื่อว่าถ้าผมไม่ยอมตกลงไปกับมัน มันจะลากผมขึ้นรถไปแน่นอน ผมแต่งตัวดีกว่าปกติเหมือนกันครับ ก็แหงล่ะ งานนี้เจอคนเยอะ ก็ต้องดูดีหน่อย เผื่อจะมีสาวๆ มาติดใจ  ผมใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับกางเกงยีนส์ที่ไม่หรูเท่าแท็กซี่ แต่ผมว่ามันดูดีที่สุดเมื่ออยู่บนตัวผม แล้วเราก็ออกจากคอนโดไปที่งาน วันนี้แท็กซี่มันไม่ได้ขับแท็กซี่ ไม่ได้ขับซีวิคอย่างเคย แต่เป็น Mercedes Benz CLS Class หรูเชียวนะมึง เดี๋ยวจะหลอกให้แม่งเปย์กูเยอะๆ เรามาถึงงานตอนประมาณทุ่มนึง เวลากำลังดีคนเริ่มทยอยเข้างานกันแล้ว
    "เดี๋ยวกูไปหาเพื่อนแล้วนะ" ผมหันไปบอกแท็กซี่ตอนที่มันจอดรถเสร็จเรียบร้อย วันนี้เอารถมาจอดในมหาวิทยาลัยได้สบายๆ เพราะงานเลี้ยงมีตอนค่ำซึ่งไม่ค่อยจะมีคนแล้ว ต่างจากปกติที่อย่าหวังเลยว่าจะได้เข้ามาจอดง่ายๆ ผมขยับปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะลงจากรถ
    "ไม่เข้าไปด้วยกันวะ"
    "มึงอย่าเยอะ"
    "กูล้อเล่น วันนี้มึงน่ารักนะ” ยังไม่ทันลงจากรถมันก็เริ่มกวนตีนผมอีกแล้วครับ ไอ้ยิ้มเล็กๆ ที่มันชอบยิ้มกับผมเนี่ย ถ้าเป็นสาวๆ อาจจะหลงจนเพ้อ แต่สำหรับผมเวลาเห็นทีไรก็รู้สึกโดนมันกวนโมโหทุกที
    "กูไม่ใช่ตุ๊ด เลิกพูดว่ากูน่ารักได้แล้ว ถ้าเป็นผู้หญิงมาชมว่ากูน่ารักแม่งก็ว่าไปอย่าง"
    "แล้วทำไมกูจะชมไม่ได้ ก็มึงน่ารักจริงๆ"
    "ผู้ชายชมผู้ชายว่าน่ารัก แม่งตุ๊ดฉิบหาย"
    "ไม่เกี่ยวสักหน่อย กูชอบมึงที่เป็นมึง น่ารักแบบนี้ ไม่ได้มองว่ามึงเป็นตุ๊ดอะไร มึงก็ดูแมนปกตินี่แหละ"
    "พอเลิก กูไปละ"
    "อย่าทำตัวน่ารักมากล่ะ เดี๋ยวคนจีบเยอะ กูเหนื่อย"
    "มึงเลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว" ผมลงจากรถแล้วไลน์หากลุ่มเพื่อนผม มันบอกให้ไปเจอกันที่หน้าตึกคณะบริหาร แล้วเดี๋ยวเข้างานพร้อมกัน ผมเดินไปยังจุดที่นัดเพื่อนไว้ซึ่งทุกคนรอผมอยู่ก่อนแล้ว เราเดินไปที่งานเลี้ยงจัดที่หอประชุมมหาวิทยาลัยพร้อมกัน งานนี้เป็นงานง่ายๆ เน้นให้มาสนุกสนานสังสรรค์ด้วยกัน ไม่ได้มีพิธีรีตรองอะไรเยอะแยะครับ ลงชื่อรับของที่ระลึกกับรุ่นน้องปีหนึ่งที่เป็นสตาฟเสร็จ เราก็เข้าไปนั่งกันที่โต๊ะตามเลขบัตรที่เราจองไว้ โต๊ะของพวกเราอยู่ริมประตูประมาณกลางหอประชุมครับ ไปถึงแก๊งผมก็จัดการอาหารสองจานแรกบนโต๊ะ สลับกับเดินไปทักทายเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องโต๊ะข้างเคียงบ้าง จนอาหารหนักๆ อย่างปลาแป๊ะซะ กุ้งน้ำสลัด วางลงที่โต๊ะ ทุกคนก็กับเข้าประจำที่มานั่งกินกันต่อ
    "เดี๋ยวงานเลิกไปต่อป่ะ"  พลอยถามเพื่อนๆ ในโต๊ะ
    "เอาดิ" ไอ้ปิงตอบรับไป แล้วทุกคนก็พยักหน้าเออออตกลงกัน
    "อ้าว น้องเตอร์" พี่ปู พี่รหัสผมทักผมขึ้นระหว่างที่กำลังเดินผ่านโต๊ะผม
    "หวัดดีครับพี่ปู"
    "นี่ๆ จำพี่เบสได้ป่าว"
    "อ้อ หวัดดีครับพี่เบส จำได้ๆ พี่สวยขนาดนี้จะลืมได้ไง" พี่เบสเป็นสายรหัสผมที่เรียนจบไปพอดี ตอนที่ผมเข้ามาเรียนปี 1 เราเคยได้เจอกันตอนงานรับปริญญา วันนั้นผมมาช่วยงานคณะ พี่ปูนี่แหละที่แนะนำให้รู้จักพี่เบส พอวันนั้นรับปริญญาเสร็จพี่เขายังพาไปเลี้ยงเหล้าอยู่เลย ใครจะไปลืม
    "ไม่เจอนาน น่ารักขึ้นนะเนี่ย" หมู่นี่ทำไมใครๆ ก็ชมกูน่ารักวะ กูหน้าเหมือนคิตตี้หรอ
    "พี่เบสก็น่ารักขึ้นเยอะเหมือนกันแหละครับ"
    "แหม พูดจาดีแบบนี้ เดี๋ยวจบงานนี้ไปต่อเลยป่ะ พี่เลี้ยง"
    "ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไรครับ ผมนัดเพื่อนไว้"
    "ว้าาา นึกว่าจะหลอกพาไปเมาแบบครั้งก่อนสักหน่อย คราวนี้พี่จะหามกลับห้องพี่เลย" พูดแล้วพี่สองคนมันก็หัวเราะกันคิกคักกับเรื่องในอดีต ตอนนั้นที่พี่เบสพาไปเลี้ยง ผมก็ซัดแหลก แถมยังท้าดวลกันกับพวกรุ่นพี่ เลยน็อคคอพับจนพี่เค้าต้องหามกลับมาส่งหอ เมื่อก่อนผมอยู่หอแถว ม. ครับ ตื่นเช้ามาอีกทีก็จำอะไรไม่ได้เลย
    “เดี๋ยวนี้แข็งแล้วพี่"
    "อะไรๆ แข็งๆ"
    “คอพี่คอ"
    "อ๋อออออออ โอเคพี่ไปละ ไว้เจอกันนะ"
    "ครับ" ผมยิ้มส่งสองสาวไป แล้วหันกลับมาฟังไอ้สาม พ. เล่าเรื่องสัพเพเหระต่อ
    "พี่แท็กๆๆๆๆๆ" แพรตะโกนเรียกแท็กซี่ที่กำลังจะเดินไปไหนไม่รู้ พอมันได้ยิน มันก็หันมายิ้มกรุ้มกริ่ม แล้วเดินมาที่โต๊ะผม ยิ้มแบบนี้ทำเอาผมไม่แน่ใจเลยว่า มันเดินผ่านจริงๆ หรือจงใจเดินมาให้เพื่อนกูเรียกกันแน่
    "หวัดดีครับทุกคน"
    "คิดถึงพี่ว่ะ ไอ้ปิงมันเล่าให้ฟังว่าพี่เป็นรุ่นพี่ที่คณะ โคตรบังเอิญเลย ดีจัง"
    "อีพิมพ์ มึงนี่ อยู่ๆ ก็ไปบอกคิดถึงผู้ชาย"
    "ก็กูคิดถึงรุ่นพี่ ผิดตรงไหน"
    "คิดถึงแต่รุ่นพี่หล่อสิมึง" พลอยด่า แล้วหันไปยิ้มให้แท็กซี่ที่มันยืนค้ำหัวผมอยู่ แล้วเอามือข้างนึงมาท้าวพนักเก้าอี้ผม
    "นั่งด้วยกันก่อนดิพี่" ปิงลุกจากเก้าอี้ข้างผม แล้วย้ายไปนั่งเก้าอี้ว่างข้างพลอยแทน
    "ยินดีครับ" แท็กซี่ตอบแล้วนั่งลงข้างผม สัดปิง มึงแกล้งกูใช่ไหม ในโต๊ะนี้นอกจากจะมีกลุ่มผมห้าคนแล้ว ยังมีเพื่อนในสาขานั่งอยู่ด้วยอีก 3 คนครับ แต่ไม่มีใครปากมากเท่าไอ้สามพอ แพร พลอย พิมพ์ ทุกคนเลยนั่งฟังพวกมันพูดอยู่เงียบๆ แทน
    "เออ เดี๋ยวพี่ไปไหนต่อป่ะ เนี่ยเดี๋ยวพวกเราจะไปต่อ ไปด้วยกันป่ะ"
    "หรอ ไม่เห็นเตอร์บอกเลย" มันปรายสายตามาทางผมนิดนึง... แล้วทำไมกูต้องบอกมึงวะ
    "อะไรยังไง" แพรถามด้วยหน้าตาเสือกเบอร์ 8
    "ก็มาด้วยกัน ไม่กลับด้วยกันก็น่าจะบอกถูกมั้ย" แล้วแท็กซี่มันก็เปิดโปงความจริง ไอ้เหี้ย แล้วกูจะแยกกับมึงเพื่อ??? ถ้ามึงจะเอามาพูดให้เพื่อนกูฟังแบบนี้ ผมเหยียบตีนมันใต้โต๊ะไปหนึ่งที
    "เรื่องนี้ต้องขุด เหลามาเลยจ้า ทำไมมาด้วยกัน" พลอยร่วมทีมในการซักไซร้ผม จนตอนนี้ทุกคนมองมาที่ผมเป็นตาเดียว ส่วนไอ้ปิงนั่งอมยิ้ม เดี๋ยวกูจะจัดการมึงแน่ไอ้ปิง
    "ก็กูลงจากคอนโดมาเจอมันพอดี มันก็ชวนมาด้วยกัน"
    "อ๋ออออ อยู่คอนโดเดียวกัน ไม่ใช่ว่าอยู่ห้องเดียวกันด้วยล่ะ"
    "เหี้ย เลิกเพ้อบ้าบอได้แล้วมึงอ่ะ" ผมด่าไอ้พลอย แล้วก้มลงคีบกุ้งใส่ปาก ส่วนแท็กซี่มันก็นั่งหัวเราะ ขำมากใช่ไหมมึง เดี๋ยวกูจัดการมึงด้วย
    "ตกลงไปต่อกันเหรอ งั้นวันนี้พี่ขอตัวนะ พอดีมีนัดกับเพื่อนเหมือนกัน"
    "เสียดาย นานๆ เจอที เอางี้พิมพ์ขอไลน์พี่ไว้ได้ป่ะ วันหลังจะได้ชวน"
    "มึงก็ฝากเตอร์มันชวนดิ" ไอ้ปิง มึงจะวนเข้าหากูทำมายยยยย
    "เอออีพิมพ์ นี่คนของอีเตอร์ อย่ายุ่งกับพี่เขา"
    "คนของกูเหี้ยไร พวกมึงพอเลย"
    "ฮ่าๆๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ให้ไลน์ไว้ เผื่อฝากเตอร์ชวน แล้วมันไม่ยอมมาชวน พี่อดไปด้วยพอดี" พิมพ์ยื่นโทรศัพท์ให้แท็กซี่อย่างไว ไอ้แท็กซี่ก็รับไปกดไอดีไลน์ของตัวเองแล้วกดแอดให้เรียบร้อย เสร็จปุ๊บพวกมันก็รำ่ลากัน แต่พอลุกขึ้นไอ้แท็กซี่ก็ทำทีนึกขึ้นได้ว่าเห็นผมทำกระเป๋าตังค์หล่นอยู่บนรถ มันบอกว่าให้ผมตามไปเอากระเป๋าตังค์ก่อน แล้วก็ลากผมออกจากโต๊ะเดินตามมันไปที่รถเลย
    "มึงจะลากกูมาทำไม กระเป๋าตังค์อยู่ที่ตูดกูเนี่ย” ผมออกแรงหยุดมันตอนที่เราเดินออกมาพ้นหอประชุมแล้ว
    "ลากไปทำโทษ"
    "ทำโทษเหี้ยไร" มันไม่ตอบ แต่ออกแรงลากผมไปที่รถต่อจริงๆ ครับ ไม่ว่าผมจะพูดอะไรมันก็ไม่สนใจ พอถึงรถก็จับผมยัดใส่ที่นั่งข้างคนขับทันที ผมได้กลิ่นเหล้าจากตัวมัน แต่ในงานเขาไม่ให้กิน ไอ้แท็กซี่มันต้องแว้บไปหน้ามหาลัยมาก่อนแน่ๆ มันสตาร์ทรถเปิดแอร์เย็นฉ่ำ แล้วก็เลื่อนเลือกเพลงไปเรื่อยๆ
     "แล้วสรุปลากกูมาทำไร"
    "ไม่กลับกับกู มึงก็ไม่บอกก่อน” มันตอบในขณะที่มือยังวุ่นวายอยู่กับปุ่มเลื่อนเลือกเพลง
    "ไร้สาระป่ะมึง ทำไมกูต้องบอกมึง เมียก็ไม่ใช่ แม่ก็ไม่ใช่"
    "กูอยากเป็นผัว"
    “ผัวพ่องงง" กวนตีนกูไม่เลิกจริงๆ
    "พ่อกูไม่มีผัว"
    "ไอ้สัด พูดไม่รู้เรื่อง กูไปแล้วนะ"
    "เดี๋ยว" มันจับไหล่ผมหันไปหาแล้วกดจมูกลงมาที่แก้มขวาของผม
    "ไอ้เหี้ย กูจะต่อยมึงแล้วนะถ้ามึงยังทำแบบนี้"
    "ต่อยเลย กูเห็นนะ ฮอตหรอมึง"
    "อะไรของมึง" เมาแน่ๆ พูดเหี้ยไรไม่รู้เรื่องสักอย่าง
    "มึงแม่ง กูบอกแล้วใช่ป่ะ อย่าทำตัวน่ารักให้มาก กูหึง กูเหนื่อย"
    “มึงเพ้อเจ้ออะไร" ผมเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนกลบเสียงเพลงที่มันเปิดเอาไว้
    "ทั้งไอ้เบส ทั้งไอ้แชมป์ ไอ้ตอง ไอ้เอ็ม กูเห็นพวกแม่งเดินวนเวียนกันไปหามึง" ชื่อที่มันสาธยายมาทั้งหมดคือพวกรุ่นพี่ในคณะผมนี่แหละครับ แต่เป็นรุ่นน้องของแท็กซี่มันปีนึง เว้นพี่เบสที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับมัน
    "ก็พี่น้องเจอกัน ก็ทักทายกันเปล่าวะ" ทำไมกูจะต้องมาอธิบายอะไรให้มึงฟังด้วยวะเนี่ย
    "มึงไม่คิด แต่พวกมันคิด"
    "คิดอะไร"
    "คิดว่าชอบมึงไง ไอ้หมาโง่” มันเอานิ้วมาจิ้มหน้าผากผมเบาๆ จนหัวผมเซไปด้านหลัง อยากต่อยแม่งจริงๆ
    "แล้วมึงมาด่ากูทำเหี้ยไร กูว่ามึงเมาแล้ว มีแต่ผู้ชายใครจะมาชอบกู"
    “กูไง...แล้วก็พวกมันด้วย เมื่อกี้กูได้ยินพวกมันท้ากันจะจีบมึง"
    "แล้วไง กูเสน่ห์แรงขนาดนั้นเลย” เป็นผมบ้างที่พยายามจะใช้น้ำเสียงกวนตีนระหว่างบทสนทนา ที่มันพูดก็อาจจะจริงแหละครับ ผมไม่ได้โง่ถึงขนาดดูไม่ออกว่าใครชอบใครไม่ชอบ แต่ท่าทางหงุดหงิดของไอ้คนตรงหน้าตอนนี้มันชวนให้ผมอยากกวนตีนเอามากๆ
    “ไอ้หมาโง่" มันยังคงด่าผมด้วยคำเดิมๆ แต่มีท่าทีอ่อนลงไปมาก เหนื่อยจะคุยกับมันแล้วครับ
    "มึงพอเลย กูไม่คุยแล้ว ไร้สาระฉิบหาย" ผมหันไปจะเปิดประตูรถ
    "เดี๋ยว" มันคว้าแขนผมไว้ให้หันกลับไป แล้วใช้มืออีกข้างนึงรั้งท้ายทอยผมเข้าหามัน ประกบริมฝีปากลงมาอย่างเร่าร้อน จนผมเผลอไปแลกลิ้นกับมันจนได้ ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรสเหล้าในปากมันหรือเปล่าที่ทำให้ดึงดูดปากของผมไว้ได้เนิ่นนาน ผมเริ่มรู้สึกล่องลอยไปกับรสจูบรสนี้ แท็กซี่ขยับมือลูบท้ายทอยผมไปมา จากจูบที่เร่าร้อน ค่อยๆ เบาลง เนิบนาบ เชื่องช้า จนในที่สุดเราก็ถอนจูบนั้นออกจากกัน เรายังจ้องมองกันไม่ละสายตา
    “ชอบป่ะ" แท็กซี่เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาก่อน พอผมยังเงียบ มันก็ถามซ้ำ
    "กูถาม ตอบมา ชอบเปล่า"
    "กูไม่ชอบเหี้ยไรทั้งนั้น แล้วมึงก็เลิกทำแบบนี้ด้วย เอาแต่ใจฉิบหาย” ผมตอบแล้วหลบสายตา หันไปมองด้านหน้ากระจกรถแทน
    "มึงโกหก บอกกูสิว่าชอบ"
    "กูจะไปแล้ว เพื่อนกูรอ"
    "กูก็รอ"
    "รออะไร"
    “รอให้มึงชอบกูบ้าง" มันดึงแขนผมให้หันไปมองมันอีกครั้ง ตอนนี้ผมเริ่มจะหงุดหงิดที่มันทำท่าทำทาง พูดจางี่เง่าเซ้าซี้อีกแล้วครับ
    "มึงจะมาซักเอาอะไรวะ"
    "ผิดหรอวะ กูก็แค่อยากพิเศษมากกว่าคนอื่นบ้าง"
    "แล้วการที่มึงเข้าออกห้องกู เหมือนเป็นห้องมึงทุกวันนี้ มันไม่พิเศษเหรอวะ"
    "สรุปว่ากูพิเศษใช่มั้ย"
    "มึงเป็นคนหรือก๋วยเตี๋ยว จะพิเศษทำเหี้ยไร"
    "เอางี้ กูเลิกถามก็ได้ถ้ามึงเรียกกูว่าพี่แท็กซี่" อาการไบโพล่าแดกสมองมันอีกครั้ง เถียงๆ กันอยู่ก็เปลี่ยนเรื่องจะให้เรียกว่าพี่อีกแล้วครับ ไม่รู้เป็นห่าอะไรนักหนาถึงอยากจะให้เรียกขนาดนี้
    "สัด ปัญญาอ่อน"
    "เร็วๆ สิครับน้องเตอร์"
    "พอเลย"
    "เรียกดิ กูพี่มึงนะ"
    "กูไม่เรียก"
    "มึงแม่ง" มันหันไปทำท่าเซ็ง เอามือกระแทกลงพวงมาลัยรถ ไม่รู้ว่าตอนนี้มันเมาหรือเป็นบ้าอะไร ซักไซร้ผม ท่าทางเอาแต่ใจฉิบหาย จะอยากให้พิเศษบ้าบอคอแตกอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้
    "แท็ก มึงเป็นอะไรกูถามจริง"
    "ทำไมกับคนอื่นมึงพี่อย่างนั้น น้องอย่างนี้วะ"
    "แท็ก... ไร้สาระเปล่าวะ"
    "เอาแบบนี้ก็ได้"
    "อะไร"
    "เตอร์เรียกพี่ว่าแท็กนะ"
    “แค่เนี้ย" งงแดกครับ อยู่ๆ แม่งก็ปรับโหมดเป็นพออกพอใจซะอย่างงั้น
    "ถ้ามึงจะพอใจแบบนั้น ก็ได้หมดถ้าสดชื่น" แม่งแค่เรียกชื่อแค่นี้ มันก็ยิ้มกริ่มแล้ว ประสาทจริงๆ
    "เรียกแบบนี้ตลอดนะ"
    "เออ"
    "สัญญาแล้วนะเว้ย ไม่ทำมึงตุ๊ดนะ"
    "เออ ไอ้เหี้ย"
    "น่ะ เรียกกูที่รักอีกละ"
    "ที่รักพ่องงง"
    "ก็ไอ้เหี้ย แปลว่าที่รัก เราเคยตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ"
    "ใครจะตกลงกับมึงแบบนั้น มึงพูดเองเออเอง"
    "เตอร์ ไหนบอกจะเรียกว่าไง"
    "โว้ยยยย กูมึงอยู่ดีๆ ให้เปลี่ยนมาเรียกชื่อก็ไม่ชินป่ะวะ"
    "ก็พูดให้ชิน"
    "คร้าบบบบบแท็ก แท็ก แท็ก แท็ก ต่อไปเตอร์จะเรียกว่าแท็กนะคร้าบบบบบ พอใจยังเหี้ย"
    "ดีมากครับ"
    "งั้นกูไปแล้ว"
    "เตอร์อย่าเมามากนะ แล้วพรุ่งนี้ 7 โมงเช้าแท็กจะไปกินข้าวด้วยนะครับ" ประโยคนี้มันยื่นหน้ากระซิบที่ข้างหูผม ทำไมผมเขินวะ แค่มันเปลี่ยนมาพูดชื่อแทน กูมึง ทำไมแม่งทำกูเขินวะ แท็ก... มึงเล่นกูแล้ว สาดดดดดดดดดดดดดด
    ผมลงจากรถแล้วรีบเดินกลับไปที่งาน ขืนอยู่ต่อบนรถผมต้องเสร็จมันแน่ๆ หัวใจแม่งควบคุมไม่ได้เลยตอนนี้ หัวใจก็หัวใจตัวเอง ทำไมรู้สึกเหมือนถูกคนอื่นควบคุมจังหวะการเต้นแบบนี้วะ ระหว่างที่ผมสาวเท้าเร็วๆ อยู่นั้น ไอ้ผปงก็โทรมา พร้อมกับประโยคทักทายหมาๆ ที่ลอยมาในสาย
    “สัดเตอร์ หายไปถึงไหนมึง ได้กันบนรถรึไง”
    “สัดปิงครับ เดี๋ยวกูจะต่อยให้คว่ำ”
    “เออเจอกันยกซดเลยนะมึง นี่พวกกูเดินออกมากันแล้ว”
    “เออ เดี๋ยวกูเดินไป”
    “เร็วๆ ล่ะ ไม่ใช่ไปแอบทำอะไรอยู่”
    “ไอ้เหี้ย” ยังไม่ทันจะด่ามันเสร็จ มันก็วางหูไปเลย เดี๋ยวเจอจะโบกแม่งสักที ผมเปลี่ยนทางเดินจากที่จะเข้าไปหอประชุม เป็นเดินออกจากมหาลัยแทน ระหว่างเดินไปยกซดก็เจอน้องรหัสเข้ามาทักทาย เลยยืนคุยกันพักนึง พอไปถึงร้านก็เจอเพื่อนผมนั่งอยู่กันครบทีม เกินทีมด้วยซ้ำ... แม่งต่อโต๊ะอย่างยาว นั่งรวมกันเกือบ 20 คน ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง และที่สำคัญ ไอ้ตัวที่ทำผมเขินบนรถเมื่อกี้ก็นั่งอยู่ในโต๊ะนี้ด้วย มึงมาได้ไง หรือมึงเป็นวิญญาณ เหี้ย ตามกูเป็นเงาเลย
 

**ต่อด้านล่าง


ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 7
«ตอบ #15 เมื่อ26-01-2017 16:16:16 »

    "ทางนี้ไอ้เตอร์" ปิงหันมาโบกมือเรียกผมไปที่โต๊ะ พร้อมๆ กับที่คนในโต๊ะหันมามองตามที่ปิงเรียก แม่งครบองค์ประชุมเลย ทั้งพี่ปู พี่เบส พี่แชมป์ พี่ตอง พี่เอ็ม มากันหมด ร้านยกซดนี่เรียกได้ว่าเป็นร้านประจำของเด็กสถาปัตย์เลยแหละครับ เพราะเจ้าของร้านเคยเรียนคณะนี้ พอใครเข้ามาเรียนรุ่นพี่ก็จะชวนรุ่นน้องต่อๆ กันมา เหมือนเป็นแหล่งรวมตัวหน้า ม. ของเด็กคณะเราไปเลย ผมก็ไม่คิดว่าวันนี้แต่ละคนจะพร้อมใจกันแห่มาที่นี่ ผมเดินเข้าไปนั่งข้างปิง ส่วนไอ้ตัวเหี้ยของผมมันก็นั่งจ้องหน้าผมอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดิบพอดี แล้วกูควรทำหน้ายังไงวะเนี่ย
    "แหม ไม่บอกว่าจะมายกซดเหมือนกัน สงสัยพรหมลิขวิดจะนำพา" พี่เบสพูดกับผม
    "อีแรด พอเลย เห็นน้องมันหล่อขึ้นไม่ได้ แอ๊วใหญ่เลยนะ"
    "นิดๆ หน่อยๆ มั้ยอีปู เผื่อใจตรงกัน"
    "พอเลยพวกมึงอ่ะ น้องเตอร์คนนี้กูจอง" พี่แชมป์แทรกขึ้นมา
    "เบาหน่อยพวกมึง น้องมันเพิ่งมาถึงก็เล่นมันเลย แดกๆๆๆ อย่าแหย่น้อง เอ้าเตอร์ชนคร้าบบบบบ" พี่โต้ง เจ้าของร้านที่วันนี้นั่งกินด้วยขัดขึ้น แล้วชวนผมกับทุกคนชนแก้ว
    "ทำไมกลายเป็นโต๊ะนี้วะ" ผมหันไปกระซิบถามปิง
    "กูเดินเข้ามาก็เจอเขาตั้งวงกันแล้ว เขาเลยชวนกันรวมโต๊ะเด็กถาปัตย์ ไม่ดีหรอมึงจะได้นั่งจ้องตาว่าที่สามี"
    "สัด เดี๋ยวกูโบกให้ ปากดีนักนะมึง"
    "โบกไรกู กูไม่ใช่แท็กซี่ ไปโบกแท็กซี่ตรงหน้ามึงนู่น"
    "โบกพ่องงง" ผมด่ามันได้เท่านั้น พวกรุ่นพี่ก็ชวนชนแก้วต่อ แดกกันโหดจริงๆ ครับ นานๆ เจอกันทีคงคึก ราตรีนี้อีกยาวไกลแน่นอน ไอ้สาม พ. มันก็ไม่สนใจเพื่อนฝูงเท่าไหร่ รุมล้อมพี่โอบอดีตเดือนสถาปัตย์เมื่อ 6 ปีก่อนตลอดเวลา พี่โอบนี่ก็หล่อฉิบหาย เรียนจบแล้วยังหน้าละอ่อนกว่ากูอีก
    "เตอร์จ้องหน้าโอบใหญ่เลยนะ ชอบป่ะเนี่ย"
    "บ้า พี่เอ็มก็พูดไป ผมกำลังส่องหาเคล็ดลับความอ่อนเยาว์บนหน้าพี่โอบน่ะครับ ฮ่าๆๆๆ"
    "ไม่ชอบก็ดีครับ ว่าแต่มีแฟนยังอ่ะ" นอกจากคำถามจะพุ่งตรงมาที่หน้าผมแล้ว ตอนนี้สายตาคนบนโต๊ะก็พุ่งมาที่ผมด้วย อะไรกันคร้าบบบบ พวกคุณจะรู้เรื่องผมกันไปทำมายยยยยยยย
    "เอ่อ..."
    "ไม่มีหรอกพี่ มันเพิ่งโดนเทมา" เสียงไอ้พิมพ์ดังพอจะได้ยินกันทั้งโต๊ะ แถมยังเผื่อแผ่ไปยังโต๊ะข้างๆ มึงเมาใช่มั้ยพิมพ์ ถึงได้แหกปากแถลงข่าวชีวิตรักกู แต่ถึงมึงเมากูก็ไม่ให้อภัยปากมึงแน่นอน
    "ใครใจร้ายแบบนั้น เอางี้ถ้าเกิดว่าโดนเท แล้วเซ เซมาทางพี่ได้เลยนะ พี่จะรับเตอร์ไว้ด้วยความเต็มใจ" ดอกที่ 1 จากพี่เอ็มครับ
    "ไม่ดีกว่า ผมทรงตัวอยู่"
    "เตอร์คงไม่ชอบถูกเทหรอกจริงมั้ย" พี่แชมป์หันมาถามผม
    "ใครจะชอบล่ะพี่"
    "ถ้าไม่ชอบถูกเท ลองมาชอบพี่มั้ยล่ะ จะดูแลอย่างดี" ดอกที่ 2 จากพี่แชมป์ครับ พวกมึงทั้งโต๊ะก็นั่งคิกคักที่กูโดนรุมแอ๊ว พวกมึงเป็นอะไรกันนนนนนนน
    "ตกลงว่าไม่มีแฟนจริงดิ งั้นขอจีบได้ป่ะ ไม่อยากหยอดเหมือนไอ้พวกนี้ ช้าหมาคาบไปแดกว่ะ" ดอกนี้จากพี่ตองครับ
    "อย่าเลยครับ"
    "ทำไมอ่ะ หรือเตอร์ไม่ชอบผู้ชาย"
    "เอ่อ..." ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิด แต่ตอนนี้ผมแม่งไม่แน่ใจว่ะ ก็ไอ้ตัวเหี้ยฝั่งตรงข้ามนั่งจ้องอยู่แบบนี้ ผมอ้าปากตอบไม่ถูกเลย นี่กูหวั่นไหวใช่ไหมวะเหี้ย
    "มันชอบแค่บางคนน่ะครับ" ไอ้ห่าปิง มึงนั่งเงียบๆ ก็ได้ เสือกตอบแทนกูเพื่อ???  ผมกระทุ้งข้อศอกใส่มันไปหนึ่งที ส่วนไอ้มนุษย์เหี้ยตรงข้าม ก็นั่งจ้องหน้าผมอยู่นั่น ทุกคนหยุดพักความสนใจในตัวผมไปเพราะเสียงเพลงจากพี่โอบ ที่พี่แกขึ้นไปโชว์สกิลเส้นเสียงบนเวที คนไรวะหล่อไม่แบ่งปันใคร
    "อะแฮ่ม" เสียงกระแอมดังขึ้นเบาๆ ข้างผม
    "มาได้ไงวะ" ผมหันไปถามแท็กซี่ที่ตอนนี้มันมานั่งอยู่ข้างผม
    "ก็ลุกออกจากเก้าอี้ตัวนั้น แล้วก็เดินมาที่เก้าอี้ตัวนี้ ยากตรงไหนอ่ะหมาโง่"
    "สัด"
    "จ้องไอ้โอบใหญ่เลยนะ เพื่อนมึงลุกไปเข้าห้องน้ำจนกูมานั่งแทน มึงยังไม่รู้ตัวเลยนะ ชอบมันเหรอไง"
    "มึงลดความเพ้อเจ้อลงบ้างนะ"
    "เตอร์ ต้องเรียกว่าอะไรครับ"
    "...แท็กกลับไปนั่งที่มึงเหอะนะ อย่าวุ่นวาย"
    "ไม่ไป"
    "หน้าด้าน"
    "หน้าด้านก็ได้ แค่ได้อยู่ใกล้ๆ เตอร์ก็พอ" บางทีผมก็ชักจะกลัวอาการรุกหนักของมันแล้วเหมือนกัน มึงจะมาสวีตหวานห่าไรในร้าน เวลานี้ เดี๋ยวนี้วะครับคุณแท็กซี่ ไอ้ปิงเดินมาถึงก็นั่งที่แท็กซี่เลย ไม่มีการทักท้วงขอที่คืน มึงช่วยหวงเพื่อนมึงบ้างได้ไหม นี่พวกมึงเตี๊ยมกันป่ะเนี่ย
    "ร้องแค่นี้พอเนอะ ฟังผมร้องมากๆ กลัวทุกคนจะใจละลายไปซะก่อน" พี่โอบพูดจบก็ยิ้มละลายใจผู้คนในร้านหนึ่งที แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะ
    "หล่อจริงๆ เพื่อนกู"
    "นิดนึงว่ะเบส อ้าวไอ้แท็ก ยังไงๆ ไปนั่งอะไรตรงนั้น มึงอาศัยช่วงชุลมุนหรอ" ร้องเพลงจบก็เล่นกูเลยไงพี่โอบ ปล่อยให้กูแดกเหล้าอย่างสงบบ้างก็ได้
    "อ้าวพี่แท็ก ทำไมทำงี้วะ เปลี่ยนที่กับผมเลย" พี่ตองมันทำท่าจะลุกจริงจัง
    "มึงนั่งเลยตอง อย่าเสือก" แท็กซี่ชี้นิ้วให้พี่ตองนั่งลงตามเดิม
    "อะไรวะ แค่ขอแลกที่มาทำโหดกับน้อง แล้วไปนั่งทำไรตรงนั้น"
    "เรื่องของกู"
    "ยังไงเนี่ยน้องเตอร์ สรุปมีแฟนยัง นี่คนรอจีบเยอะนะ แล้วไอ้พี่แท็กนี่ยังไง" ความสนใจบนโต๊ะกลับมาที่ผมอีกครั้ง กูจิครายยยยยยยยยย ผมยกเหล้าแดกรวดเดียวหมดแก้ว กูอยากจะออกไปจากโต๊ะนี้เหลือเกิน
    "ไอ้เตอร์มันอยู่คอนโดเดียวกับพี่แท็กน่ะพี่ ไม่รู้ไปสนิทกันตอนไหน วันนี้ก็มาด้วยกัน" ไอ้แพรเพื่อนผมเองครับ รายงานประวัติกูให้ทุกคนฟังเสร็จสรรพ ไม่บอกชื่อพ่อแม่ เลขห้องกูเลยด้วยล่ะ
    "ไม่มีอะไรหรอกพี่ ก็เจอกันบ่อยๆ ที่คอนโด เดี๋ยวผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" ผมลุกออกจากโต๊ะทันทีที่พูดจบ กูไม่ไหวจะโดนซักไซร้ กูลา กูขอพักสักครู่นะครับ เยี่ยวเสร็จผมก็ยืนล้างมือช้าๆ เพราะยังขี้เกียจจะกลับไปนั่งให้โดนรุมต่อที่โต๊ะ รอให้พวกนั้นคุยเรื่องอื่นกันไปก่อน กลับเข้าไปอีกทีคงเลิกสนใจเรื่องผมไปแล้ว จะว่าไปคืนนี้ก็เมาฉิบหาย พวกพี่แม่งเอะอะชนๆ จนตอนนี้ผมก็ชักจะเบลอๆ ผมเปิดน้ำแล้วเอามือรองไว้ให้น้ำไหลผ่านมือไปเรื่อยๆ แต่อยู่ๆ ก็มีมือนึงมาปิดก็อก แล้วดึงผมเข้าไปในห้องน้ำห้องนึง
    "แท็ก มึงทำอะไร” แท็กซี่ปิดประตูแล้วล็อคกลอนก่อนจะหันมาเอาแขนยันไว้ที่ผนัง โดยที่มีตัวผมอยู่ระหว่างกลางแขนทั้งสองข้างของมัน
    "แท็กเตือนแล้วใช่มั้ย"
    "อะไรอีกวะ"
    "บอกแล้วว่าอย่าทำตัวน่ารัก"
    "ช่วยไม่ได้ กูเสน่ห์แรง" มันประกบปากผมเบาๆ ทีนึง
    "จูบกูทำไมเนี่ย เมาแล้วมึงอ่ะ" มันประกบปากผมเบาๆ อีกทีนึง
    "ไอ้เหี้ยแท็ก" มันประกบปากผมเบาๆ อีกทีนึง คราวนี้ผมกำมือแล้วยกขึ้นจะต่อยมัน แต่มันยึดแขนผมไว้ติดผนังห้องน้ำ
    "มึงเป็นอะไร"
   "ใครให้เรียกว่ามึง" มันถามผมหน้าตากวนตีน
    "กูจะเรียก" มันประกบปากผมเบาๆ อีกทีนึง
    "เรียกว่ายังไง"
    "เอ่อ... แท็กปล่อยกูเถอะ"
    "เตอร์ทำให้แท็กหึงเองนะ"
    "กูอยู่เฉยๆ เลยแท็ก กูไม่ได้ทำอะไรเลย มึงบ้าหรือเปล่า"
    "ชอบกูยัง" อยู่ๆ แม่งก็ถาม สงสัยจะเมาหนักกว่ากู หน้ามันตอนนี้เป็นสีแดงอ่อนๆ ลามไปถึงช่วงคอ ถึงจะยังพูดจาชัดถ้อยชัดคำ แต่ก็ดูจะกล้าบ้าบิ่นมากกว่าปกติ
    "ไม่"
    "ทำไม"
    "มึงเมาป่ะเนี่ย"
    "เตอร์แหละเมา นั่งเฉยให้พวกแม่งหยอดอยู่ได้"
    "เขาก็เล่นๆ กัน เลิกไร้สาระแล้วออกไปได้แล้ว"
    "ออกก็ได้ แต่ขออีกที" มันประกบปากผมเบาๆ อีกที แล้วเปิดประตูออกไปพร้อมกับดึงผมออกไปด้วย วันนี้กูโดนจูบจนปากจะเปื่อยแล้วนะไอ้ห่าแท็ก โชคดีที่ห้องน้ำไม่มีคน ไม่งั้นเขาคงคิดว่าเข้าไปทำไรกันแน่นอน กูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มันจับแขนผมให้เดินตามมันกลับไปจนถึงที่โต๊ะ
    "ยังไงๆ เดินจูงมือเพื่อนแพรออกมาคืออะไรวะพี่"
    "หุบปากเลยไอ้แพร กูไปกวนตีนมัน มันเลยโมโหลากกูมาแค่นั้นแหละ"
    "โอ้โห มีความสนิทสนม เรียกว่ามันซะด้วย" ไอ้พี่แชมป์มันทักซะทุกคนบนโต๊ะสนอกสนใจ ไอ้ตัวเหี้ยที่ก่อเรื่องก็นั่งนิ่งๆ แดกเหล้าสบายใจอยู่ข้างๆ ผมต่อไป
    "เออพี่แชมป์ เอาจริงๆ พลอยก็สงสัยนะ แต่ไอ้เตอร์แม่งก็พูดแต่ว่าอยู่คอนโดเดียวกันเลยสนิท แต่พลอยว่าไอ้เตอร์แม่งมีพิรุธ" ห่าพลอย มึงเพื่อนกูป่ะวะ มึงจุดประเด็นทำหอกอะไร
    "มึงก็บอกพวกแม่งไปเหอะไอ้เตอร์" อันนี้พี่ปอนด์เจ้าของสวนสนุกใหญ่โตคนใจดีแม่งพูด ไอ้พี่ปอนด์แม่งรู้ทุกอย่างแน่นอน ผมมั่นใจ ผมเห็นมันนั่งเงียบๆ ยิ้มกริ่มตั้งแต่ผมเข้ามา แต่มึงไม่มีสิทธิ์มาพรรณาเรื่องกูในวงเหล้าวงนี้นะครับพี่ปอนด์
    "ไม่แกล้งเพื่อนผมสิคร้าบบบพี่ปอนด์" เย้ดดด ไอ้ปิงแม่งเพื่อนแท้ ออกตัวแทนกู แต่ทำไมน้ำเสียงมึงดูออดอ้อนแปลกๆ วะปิง
    "พอแล้วพวกมึง เลิกรุมน้องมันได้แล้ว เล่นเกมกันดีกว่า" พี่โต้งช่วยชีวิตผมไว้อีกครั้ง ผมแม่งรักพี่ว่ะ
    "เกมนี้ชื่อว่าเกม 21 ทุกคนต้องนับเลขต่อๆ กันไป คนนึงนับได้แค่ 1-3 ตัวเลขเท่านั้น ใครที่นับ 21 คนนั้นจะต้องถูกลงโทษโดยการแดกหมดแก้ว แล้วก็ถูกคนทางซ้ายมือที่นั่งถัดจากเราไปเป็นคนที่สามสั่งให้ทำอะไรก็ได้ ตามนี้ เดี๋ยวนับวนไปทางซ้าย กูเริ่มก่อน 1 2 3" พอพี่โต้งอธิบายจบปุ๊บ ก็เริ่มนับมาสามตัวเลข
    "4 5" พี่โอบที่นั่งข้างซ้ายของพี่โต้งนับต่อมาสองตัวเลข แล้วทุกคนก็นับต่อๆ กันมาเรื่อยๆ เกมแรกไปจบ 20 21 ที่พี่เอ็ม ซึ่งคนที่นั่งถัดจากพี่เอ็มไปทางซ้ายเป็นคนที่สามคือพี่แชมป์ พี่แชมป์เลยสั่งให้พี่เอ็มไปบอกชอบผู้ชายโต๊ะข้างๆ แม่งหนวดเฟิ้มเลยครับ ดีว่าไม่โดนกระทืบกลับมา แต่พี่หนวดแกทำหน้างงๆ แทน
    "แชมป์ มึงแม่งเหี้ยอย่าให้ถึงทีกูบ้าง" พอกลับโต๊ะมาก็ด่ากันนิดๆ หน่อยๆ ก็เริ่มเกมใหม่วนไปเรื่อยๆ พี่เอ็มนี่ดูท่าจะครองแชมป์ 21 บ่อยสุด หมดแก้วจนคอจะพับอยู่แล้วครับ
    "15 16 17" แพรที่นั่งถัดจากผมไปสองคนนับมา
    "พลอยมึงเพื่อนกู กูขอสั่งให้มึงนับสองตัว" ผมหันไปบอกพลอยที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม ตอนที่มันกำลังจะนับเลขต่อจากแพร
    "กูเพื่อนมึง แต่วันนี้กูขอ 18 19 20 ฮ่าๆๆๆๆๆๆ" นับเสร็จมันก็หัวเราะใส่หน้าผม ไอ้เพื่อนเวร
    "21" ผมนับแล้วยกแก้วในมือขึ้นเทเหล้าพรวดๆ ลงคอ
    "เอ้าไอ้ปอนด์มึงอ่ะสั่งไอ้เตอร์เลยจะให้มันทำไร" พี่โต้งนับคนที่ถัดจากผมไปสามคน แล้วบอกให้พี่ปอนด์สั่งผม
    "อืมมม งั้นให้มันหันไปบอกชอบคนทางซ้ายแล้วกัน"
    "เห้ย ไม่เอาดิพี่" ผมโวยวายทันที คนทางซ้ายผมคือไอ้แท็กซี่ นี่มึงใต้โต๊ะกันใช่ไหม พี่ปอนด์มึงจำเป็นต้องส่งเสริมเพื่อนขนาดนี้เลยเหรอครับ
    "ทำไมอ่ะ ก็สั่งอะไรก็ได้ สิทธิ์ของพี่นี่"
    "สั่งอย่างอื่นเหอะพี่ปอนด์"
    "ไม่เสือกดิน้องแชมป์ มึงยังสั่งไอ้เอ็มให้ไปบอกชอบไอ้หนวดนั่นได้เลย"
    "กฎต้องเป็นกฎ เล่นแล้วก็ต้องตามกฎ จัดไปเลยเตอร์" ไอ้พี่โต้งกล่าว ไอ้เหี้ยพี่มาบอกเองดิ พี่ไม่ใช่ผมพี่ไม่เข้าใจหรอก แล้วดูหน้าแท็กซี่ แม่งทำนิ่งยิ้มมุมปาก ไอ้เหี้ย เปลี่ยนเป็นต่อยมันเหอะ
    "เร็วๆ เตอร์ จะได้เล่นกันต่อ"
    "หุบปากเลยไอ้พลอย เพราะมึงนั่นแหละ กูโดนเลย"
    "พี่ขอสั่งให้น้องเตอร์พูดว่า เตอร์ชอบพี่แท็กครับ" พี่ปอนด์หันมาย้ำกับผม ก็ได้วะแม่ง บอกให้แม่งจบๆ เกมหน้ากูเอาคืนแน่ กูจะให้ความรู้คณิตศาสตร์ที่เรียนมาตั้งแต่อนุบาลแก้แค้นทุกคนให้จงได้
    "...เตอร์ชอบ..." โอ้ยแม่ง กูต้องพูดจริงหรอวะ
    "ฮะ พูดกับพี่หรอ" ไอ้เหี้ยแท็กกวนตีนจนได้ครับ
    "พูดกับเหี้ย"
    "พูดว่าอะไรล่ะครับ"
    พูดก็ได้วะแม่ง "เตอร์ชอบพี่แท็ก...ครับ!" ผมกระแทกเสียงคำว่าครับใส่หูมันไป
    "จริงดิ ดีใจจัง" ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยย มันไม่พูดเปล่า แต่หันมาดึงผมเข้าไปจูบท่ามกลางวงเหล้าที่มีคนรู้จักเกือบ 20 คน ดีพคิสด้วยเหี้ยยยยยยยยยยย แท็กมึงคิดอะไรอยู่... ส่วนผมสมองเบลอมากครับ รู้สึกว่าร่างชา ทุกอย่างรอบตัวเหมือนหยุดนิ่งไปแล้วครับ แท็กถอนจูบออกไป ส่วนผมหันไปมองหน้าทุกคนแบบคนเบลอๆ
    "กูควรพูดอะไรต่อวะ กูควรขอคำอธิบาย หรือว่าเล่นเกมต่อ" พี่โต้งพูดขึ้นด้วยสีหน้าช็อคไม่แพ้ผม
    "สัดเตอร์ ไหวป่าววะ ทำไมหน้ามึงแดงขนาดนี้" พลอย... มึงไม่ควรถามกู มึงควรพากูออกไปจากตรงนี้ กูควรทำไงดี กูต้องทำหน้ายังไงบอกกูที
    "กูเตือนมันแล้วว่าอย่าทำตัวน่ารักให้มาก ช่วยไม่ได้ ไม่ฟังที่กูเตือนเอง" แท็กซี่มันพูดให้ทุกคนได้ยิน จากนั้นเอาแขนมาเกี่ยวคอผมเข้าไปใกล้ๆ แล้วกดจมูกลงมาทีแก้มผมอีกทีนึง ผมรู้สึกว่าหัววิ้งไปหมด ภาพล้มแล้วครับ

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 8
«ตอบ #16 เมื่อ27-01-2017 10:48:24 »

ตอนที่ 8
     ไม่แน่ใจว่าหลังจากภาพล้มไปตอนที่โดนแท็กซี่มันจู่โจมต่อหน้าประชาชนที่คุ้นเคยแล้วเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง ความจำผมมันเลือนลางเต็มที ภาพล่าสุดในความทรงจำก็คือหน้าตาที่ช็อคของคนทั้งโต๊ะ เจอกันครั้งหน้ายังไม่รู้เลยว่าจะไปบอกกับทุกคนยังไง นี่ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อยู่ในห้องนอนของตัวเอง แอร์เย็นฉ่ำในขณะที่สมองผมยังเบลอๆ ผมพลิกตัวไปทางขวา วาดวงแขนไปหาหมอนข้าง แล้วก็พบว่าข้างๆ มีคนนอนอยู่ ใช่ครับคนตัวเป็นๆ ที่พลิกตัวกลับมากอดผมเอาไว้แน่น
    "ปล่อยกู เมิงเป็นครายยยยยยย" ผมพึมพำงึมงำพร้อมกับดิ้นไปมา แต่ก็อ่อนแรงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่สะสมจากร้านมาซะเยอะ
    "วันนี้จูบกันจนปากเปื่อยขนาดนั้น เตอร์ยังจำแท็กไม่ได้อีกเหรอครับ" เสียงกระซิบดังขึ้นข้างหูผมพร้อมกับลมหายใจแผ่วเบาที่รดลงมาตรงใบหู
    "แล้วมึงมาอยู่บนเตียงกูได้ไง"
    "เรียกไม่เพราะอีกแล้ว สัญญาแล้วไม่เรียกเป็นตุ๊ดนะ"
    "สัญญาเหี้ยไร"
    "สัญญาไม่เป็นสัญญา เดี๋ยวจูบเตือนความจำให้ดีมั้ย" ผมดันหัวมันเอาไว้ก่อนที่ปากมันจะเข้ามาสัมผัสปากผม
    "หยุดเลยมึง"
    "พูดให้ดีๆ สิครับ" มันยังพยายามดันหน้าตัวเองเข้ามาหาผม
    "...แล้ว...แท็ก....มาอยู่ใน...ห้องเตอร์ได้ยังไง" ผมเปลี่ยนสรรพนามแล้วพูดใหม่ทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมแขนคนข้างๆ
    "ก็แท็กพาเตอร์มาส่ง แล้วก็เลยนอนเป็นเพื่อนไง"
    "ทำไมต้องนอนเป็นเพื่อนกู กูนอนคนเดียวได้"
    "เป็นห่วงคนเมา เผื่อลุกเข้าห้องน้ำไม่ไหว จะได้พาไป"
    "กูไม่ได้เมาเบอร์นั้น"
    "แต่ตอนออกมาจากร้าน เตอร์ทิ้งตัวใส่แท็กเลยนะ นี่แท็กแทบจะอุ้มกลับมาเลย” ผมพยายามขับตัวไปมาเพื่อจะดันแขนมันออกไป แต่ก็เสียแรงเปล่า มันกอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิมซะอีก
    "สัด งั้นกลับไปได้แล้ว กูหายเมาแล้ว"
    "นอนต่อสิ เดี๋ยวเช้าหาข้าวให้กิน แล้วค่อยกลับ"
    "กลับไปได้แล้ว"
    "ถ้ายังพูดมากจะจูบแล้วนะ" มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกเรากำลังจะชนกัน
    "ชอบกูจริงๆ เหรอ" ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ถามออกไปแบบนั้น รู้แค่ว่าอยากถามก็เลยถาม
    "ไม่จริง" หัวใจผมสั่นเล็กๆ ตอนได้ยินคำตอบจากปากมัน บางทีนี่อาจเป็นอาการใจเต้นผิดจังหวะอันเนื่องมาจากอาการเมาล่ะมั้งครับ
    "อืม"
    "ไม่จริงก็บ้าแล้ว ทำขนาดนี้ไม่ใช่แค่ชอบหรอก แท็กว่าแท็กหลงเตอร์แล้วว่ะ” มันจ้องตาผมท่ามกลางความมืด ผมเห็นมันลางๆ ได้ด้วยแสงจันทร์ที่ส่องทะลุม่านเข้ามาเล็กน้อย
    "ทำไมมึงชอบกูวะ"
    "อืมมม ก็เตอร์น่ารัก"
    "กูไม่ใช่ผู้หญิง"
    "ไม่ได้บอกว่าเป็นผู้หญิงหนิ"
    “มึงชอบบอกว่ากูน่ารัก" ไม่เคยชินได้เลยครับ ผู้ชายที่จะชมใครว่าน่ารัก มันก็ควรจะชมผู้หญิงมากกว่า ไม่ใช่ชมผู้ชาย ถ้ามันบอกว่าผมหล่อ ผมจะน้อมรับโดยไม่เถียงสักคำเลย
    "ผู้ชายก็น่ารักได้ เวลาเตอร์โวยวายก็น่ารัก เวลาเมาก็น่ารัก เวลานอนก็น่ารัก"
    "กูเสน่ห์แรงเนอะ คนรุมตอมเป็นขี้เลยวันนี้"
    "ก็บอกแล้วว่าอย่าทำตัวน่ารัก รู้มั้ยวันนี้แท็กหึงจนเหนื่อยเลยนะ"
    "หึงกูทำไม"
    "เอ้า ก็ชอบ ไม่อยากให้ใครมายุ่ง"
    "แค่นี้เหรอ"
    "...นี่ ถ้าเมาก็นอนซะ พูดมากจัง รู้มั้ยถามมากๆ จะอดใจไม่ไหวนะ"
    "นี่มึงอดใจอยู่เหรอ มึงจับกูจูบเอาๆ ขนาดนี้ มึงอดใจแล้วเหรอ"
    "ถ้าแท็กไม่อดใจ รู้ไหมจะเป็นยังไง"
    "ยังไง" ผมเอ่ยถามอย่างท้าทายออกไป แท็กซี่ไม่พูดตอบอะไรทั้งนั้น มันประกบริมฝีปากเข้ามาที่ปากของผมอีกครั้ง เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็ไม่รู้ จูบครั้งนี้ของมันนับเป็นจูบเร่าร้อนที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัสมา หนักหน่วง เย้ายวน ชวนเคลิ้ม ผมตอบรับลิ้นของมันด้วยลิ้นของผมเช่นกัน ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่านี่เป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ความต้องการของร่างกายหรืออะไรกันแน่ รู้แค่ว่าตอนนี้คนตรงหน้าผมแม่งโคตรดึงดูดเลยครับ
    "พอแล้ว มึงลงไป" ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่แท็กซี่มันขึ้นมาคร่อมอยู่บนตัวผม ตอนนี้เราผละริมฝีปากออกจากกัน แต่จมูกของมันยังคลอเคลียอยู่ที่จมูกของผม
    "ขึ้นแล้ว ลงง่ายๆ ได้ที่ไหน มึงก็รู้" สายตามันกำลังจ้องผมเหมือนพร้อมจะจู่โจมเข้ามาทุกเมื่อ
    “ปล่อยกู" ผมบอกเสียงดังขึ้นเล็กน้อย ถ้าจะต้องโดนรุกจริงๆ ผมจะไปมองหน้ามันยังไง แค่คิดก็แปลกแล้วครับ
    "ชอบกูมั้ย"
    "ลงไปได้แล้วสัด" ผมผลักมันออกจากตัว แต่ก็ไม่สำเร็จ บอกแล้วไอ้นี่มันแรงควาย
    "ชอบกูมั้ย"
    "ลงไป"
    "ขอบกูมั้ย ตอบ"
    “..." ผมเงียบแทน มันเลยเลื่อนหน้าลงมากระซิบที่ข้างหูผมอีกครั้งด้วยคำถามเดิม แต่น้ำเสียงเปลี่ยนไปเป็นอ่อนโยน "เตอร์ชอบแท็กมั้ยครับ"
    "เอ่อ"
    "ถ้าไม่ตอบกูแปลว่าชอบเลยแล้วกัน ถ้างั้นคงไม่เป็นอะไรมั้ง" มันพูดจบแล้วก็ก้มหน้าลงมาซุกไซร้ที่ข้างหูผม เลื่อนลงมาที่ลำคอ เหี้ย! ผมไม่ปฏิเสธเรื่องที่ชอบมัน แต่ผมจะไม่ยอมโดนรุก หรือถ้ามึงจะรุกกูไว้ครั้งหน้าแล้วกัน ไวเท่าความคิด เรี่ยวเเรงผมก็มาเต็ม ผมใช้จังหวะที่มันกำลังซุกไซร้อยู่ที่คอ ดันตัวมันออก แล้วพลิกตัวผมไปทับร่างของมันแทน
    "มึงจะทำอะไรเตอร์"
    "มึงกำลังจะทำอะไร กูก็จะทำแบบนั้นแหละ"
    "อยากมีอะไรกับกูเหรอ"
    "สัด" ผมก้มหน้าลงไปจูบกับมันอีกครั้ง แล้วค่อยๆ เลื่อนไปที่ซอกคอของมัน ไอ้นี่มันตัวหอมไม่ใช่เล่น แต่ยังไม่ทันไร มันก็อาศัยจังหวะเดียวกับผม พลิกตัวกลับมาขึ้นคร่อมผมอีกครั้ง
    "จะรุกกูเหรอ มันไม่เหมาะกับมึงหรอก เชื่อกู ปล่อยให้เป็นตำแหน่งของกูเถอะ"
    "งั้นกูไม่โอเค"
    "แน่ใจ"
    "..." ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรมัน ตอนนี้ผมรู้ดีว่าเราทั้งคู่ต่างก็มีอารมณ์ความต้องการ แต่การมาตกลงกันในจังหวะนี้แม่งดูเป็นเรื่องที่บ้าบอ ถ้าเป็นผู้หญิงผู้ชาย ผมกับมันก็คงซัดกันนัวไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
    "เชื่อกู แล้วมันจะดี" แท็กซี่พูดแล้วก้มหน้าลงมานัวเนียที่ซอกคอผมอีกครั้ง มันค่อยๆ ไล่ปากและลิ้นของมันลงต่ำไปตามร่างกายผมเรื่อยๆ ผมเคลิบเคลิ้มไปจนกระทั่งรู้สึกว่ามือเย็นๆ ของมันกำลังกำท่อนล่างของผมเอาไว้ ร่างกายของผมเปลือยเปล่า ส่วนมันก็เหลือเพียงบ็อกเซอร์เท่านั้น ทุกอย่างรวดเร็วจนผมแทบไม่รู้ตัว
    "มึงจะทำอะไรแท็ก"
    "กูชอบมึงจริงๆ นะเตอร์" แท็กซี่มันทำให้ผมด้วยปากของมันครับ
    "อืมมม อาาาา.... " ผมเคลิบเคลิ้มอยู่ได้ไม่นานนัก มันก็จับผมพลิกตัวแล้วจ่อท่อนล่างของมันมาที่ก้นของผม
    "เหี้ยยยยยยย ปล่อยยยกู"
    "เตอร์อย่าดิ้น" มันกอดรัดผมเอาไว้จากด้านหลัง แล้วเอาปากกับลิ้นลากวนไปบนหลังของผม
    "ไม่เอานะแท็ก เหี้ยยยย กูไม่เอานะ มึงออกไป" ผมรู้สึกว่าประตูเมืองกำลังจะโดนบุก บ้าฉิบหาย ทำไมกูหลวมตัวไปกับมึงได้ขนาดนี้
    "ไม่ดิ้นนะครับ พร้อมนะ" มันสอดกระบองของมันเข้ามาทีเดียวสุดเลยครับ
    "ม่ายยยยยยยยยยยย ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยย" จุกครับ ตอนนี้ผมแหกปากน้ำตาไหลสมเป็นรับโดยแท้
    "เดี๋ยวมันจะดี ไว้ใจกูนะ" มันค่อยๆ ขยับกระบองเข้าออกช้าๆ ไปเรื่อยๆ จนผมเริ่มรู้สึกดีขึ้นนิดนึง แล้วมันก็เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ
    "โอววววว ซี้ดดดดด อ่าาาาา ซี้ดดดดด" มันร้องครางไปเรื่อยจนในที่สุด ผมรู้สึกได้ว่าน้ำกำลังท่วมประตูเมืองแล้วครับ หลังจากนั้นมันก็พลิกตัวผมให้นอนหงาย แล้วทำให้ผมด้วยปากของมันอีกครั้ง
    "แท็กเร็วอีก แท็กกูไม่ไหวแล้วววววววว" สิ้นเสียงร้องของผมทุกอย่างสงบลง เราสองคนกลับมานอนประจำที่ของตัวเองเหมือนตอนแรก แตกต่างกันตรงที่ตอนนี้ร่างกายของเราทั้งคู่มีแค่บ็อกเซอร์คนละตัว แท็กกอดผมไว้หลวมๆ
    "นอนได้แล้ว ไม่งั้นกูอดใจไม่ไหวอีกนะ"
    "เหี้ย"
    "ผสมพันธุ์กับเหี้ย เดี๋ยวลูกก็เป็นลูกครึ่งหรอก" มันกลับมากวนตีนผมอีกครั้งเหมือนเดิม เหมือนที่มันชอบเป็น ต่างกันตรงที่ตอนนี้ หัวใจของผมรู้สึกไม่เหมือนเดิม
    "กูชอบมึงมากๆ นะเตอร์ ชอบมานานแล้ว" มันจูบเบาที่จมูกของผม ตอนนี้ผมหมดแรงแล้วครับ วิ่งสิบกิโลว่าเหนื่อยแล้ว ตอนนี้แม่งเหนื่อยกว่าิ่งสิบกิโลสิบเท่า แล้วเราต่างก็หลับลงท่ามกลางความเงียบสงบหลังสงครามพิชิตประตูเมืองจบลง
    ผมลืมตาตื่นมาในตอนเช้าก็เห็นแท็กซี่นอนจ้องผมอยู่แล้ว มันทักทายผมอย่างกวนตีนทันทีเมื่อผมลืมตาตื่นขึ้น    "ตื่นแล้วหรอครับเมีย ผัวลงไปซื้อโจ๊กมาไว้แล้วเมื่อเช้า เมียหิวยัง"
    "ใครเมียมึง" ตอบมันไปแบบนั้น แล้วผมก็ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัว รู้สึกอยากนอนต่ออีกสักหน่อย เพลียเป็นบ้าเลยครับ...แต่แท็กซี่ไม่ยอมให้ผมได้นอนต่อง่ายๆ มันดึงผ้าห่มออกจากหน้าผม แล้วโน้มหน้าเข้ามาหาใกล้ขึ้น
    "ถ้าเมียจำไม่ได้ เรามาทบทวนความจำกันมั้ย"
    "มึงเพ้อเจ้ออะไร เมื่อคืนกูเมามากใช่ป่ะ มึงพากูกลับมาเหรอ ขอบใจมากนะ ช่วงนี้กูภาพล้มบ่อยฉิบหายเลย" ผมตอบมันเลี่ยงๆ ไป เพราะขี้เกียจจะมานั่งพูดเรื่องเมื่อคืน ที่ผมเองก็ยังไม่แน่ใจตัวเองว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
    "เออแท็กพากลับมาเอง ไม่ได้แค่พามานอนด้วยนะ ทำอย่างอื่นด้วย"
    "พอเลยมึง ไม่ต้องพูดแล้ว กูจะไปอาบน้ำ” ผมสะบัดผ้าห่มผืนใหญ่ออกจากตัวไปทางมัน แล้วยันตัวขึ้นนั่ง
    "มึงสำส่อนเหรอ"
    "สำส่อนเหี้ยอะไร"
    "มึงทำเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น เมาแล้วก็เอากัน แล้วก็จบ มึงเป็นแบบนั้นเหรอ"
    "มึงจะจริงจังอะไร"
    "กูว่ากูพูดชัดนะ กูจีบมึง กูชอบมึงไง"
    "แท็ก... คือ กูไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง กูไม่แน่ใจ บางทีเราอาจจะเมาทั้งคู่"
    "มึงชอบกูมั้ย"
    "คือ... มึงก็ดี ดีกับกูมาก กูไม่ได้เกลียดมึง"
    "แล้วชอบมั้ย"
    "กูไม่รู้ว่ะ ก็อาจจะประมาณนั้น แต่มันคนละเรื่องกันกับเรื่องเมื่อคืน กูไม่อยากเอามันมาเป็นข้อผูกมัดอะไร" ผมบอกมันไปตามตรง ไม่ใช่ว่าผมจะมีอะไรกับใครไปทั่ว ยิ่งกับผู้ชายแล้ว มันคือคนแรก แต่ผมไม่แน่ใจกับความสัมพันธ์นี้จริงๆ ครับ
    "จำสัญญาสามข้อได้ป่ะ"
    "อือ"
    "ข้อสอง กูขอให้มึงเปิดใจให้กู ขอโอกาสให้กูกับมึงได้ลองศึกษากันได้มั้ยวะ"
    "..."
    "ถ้ามันยาก ไปอาบน้ำก่อนก็ได้ กูรอได้"
    ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรแท็กซี่ "แต่อย่าให้กูรอเก้อนะ" แท็กซี่พูดตามหลังผมมาแบบนั้น ผมใช้เวลาในห้องน้ำและน้ำเย็นๆ สงบใจ แล้วทบทวนเหตุการณ์ระหว่างผมกับมัน ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบมันนะครับ แต่บอกไม่ถูก มันรู้สึกลังเลไปหมด ลังเลว่าผมชอบผู้ชายจริงๆ หรอ ลังเลว่าไอ้บ้านี่มันโผล่มาจากไหน อยู่ๆ ก็เข้ามาสิงอยู่ในชีวิตผม แล้วจริงๆ ผมก็เพิ่งอกหักมาด้วย ทุกอย่างรวดเร็วเกินไปจนทำให้ผมไม่แน่ใจอะไรในความรู้สึกนี้เลย แท็กซี่คือคนดีคนนึงในชีวิตของผม ผมไม่อยากเอาความรู้สึกลังเลนี้ไปทำร้ายมัน ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ผมก็ออกมานั่งกินโจ๊กที่แท็กซี่มันเตรียมไว้ให้ เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยระหว่างอาหารมื้อนี้ กินเสร็จผมก็รีบเป็นฝ่ายเก็บชามทั้ง 2 ใบ แล้วเดินไปล้าง ระหว่างที่ผมกำลังเช็ดมือหลังจากล้างจานเสร็จ แท็กซี่ก็โผล่เข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง
    "อะไรของมึง" ผมดิ้นเล็กน้อย
    "คิดออกรึยัง" มันถามผมเสียงอ้อน มันทำเสียงแบบนั้นจริงๆ ครับ ผู้ชายตัวควายๆ กำลังทำเสียงอ้อนนิดๆ ใส่ผม เหมือนเวลาที่ผมเคยอ้อนแฟนคนเก่าๆ ที่ผ่านมา ตอนนั้นผมคิดว่าผู้หญิงคงจะชอบเวลาที่ผมทำแบบนี้ แต่พอเป็นผมที่ต้องเป็นฝ่ายอยู่ในอ้อมแขนคนข้างหลังบ้าง ผมว่าผมรู้สึก...โคตรเขินเลยยยยยย
    "ไม่รู้ว่ะ"
    "ไม่ได้นะ เรื่องนี้แท็กจริงจัง เตอร์ต้องเคลียร์ว่ะ"
    "กูไม่รู้จริงๆ ว่ะ มึงก็ดีไง แต่กูสับสน"
    "ก็แค่มาทดลองใช้งานแท็กซี่คันนี้ดู ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ยินดีคืนใจให้"
    "มึงจะเอางั้นจริงๆ เหรอวะ"
    "อืม... แต่แท็กพูดไปงั้นแหละ เตอร์ไม่มีทางได้ใจคืนไปหรอก เดี๋ยวเตอร์จะติดใจไว้ในตัวแท็กแน่นอน"
    "มั่นใจจังนะมึง"
    "ปล่อยให้เมียหลุดมือไปก็บ้าแล้ว"
    "เมียเหี้ยไร มึงเลิกพูดเลย” ผมจับแขนมันออกแล้วหันไปหามัน
    "โห อย่ามาทำดุ เขินล่ะสิ รู้นะ"
    "ไอ้เหี้ยยย"
    "มึงน่ารักอีกแล้วว่ะเตอร์ กูอดใจไม่ได้เลย" มันพูดแล้วเข้ามากอดผมไว้หลวมๆ ยื่นจมูกเข้ามาหอมแก้มผม 2 ที
    "พอเลยมึง"
    "สรุปว่า เปิดทดลองใช้งานเลยเนอะ"
    "...เอออออออออออ" ผมแงะมือมันออกจากตัว แล้วเดินออกจากครัวมานั่งหน้าทีวี
    "เตอร์คร้าบบบบ"
    "อะไร กูว่ามึงกลับไปได้แล้วไป"
    "ไล่กันงี้เลย... นี่ๆ วันนี้เราออกไปห้างกันนะ"
    "จะไปทำไร"
    "ก็ทดลองเดทไง"
    "ประสาท"
    "ไปแต่งตัวเร็วๆ จะพาไปกินของอร่อย เดี๋ยวแท็กไปห้องแป๊บนึง เที่ยงเจอกันข้างล่างนะ"
    “เออ" ตอบๆ มันไป มันจะได้รีบๆ ออกไปสักที แค่นี้หัวใจผมแม่งก็จะระเบิดอยู่แล้วครับ
    "เตอร์"
    "อะไรอีก ไปสักทีเหอะมึง"
    "คิดถึงว่ะ ไม่อยากเดินออกจากห้องเลย" มึงจะหวานเรี่ยราดเกินไปแล้วแท็กซี่
    "..." ยังไม่ทันได้พูดอะไร แท็กซี่เดินเข้ามาจุ๊บปากผม แล้วมันก็เดินออกจากห้องผมไป ผมว่าไอ้แท็กซี่นี่มันถนัดจู่โจมทีเผลอตลอด อยู่กับมันผมคงต้องระวังตัว ระวังใจมากกว่านี้ หรือว่าจะระวังไม่ทันแล้วก็ไม่รู้ ไอ้ห่านี่มันร้ายจริงๆ
    เที่ยงห้านาทีผมลงมาที่หน้าคอนโด ออกจากลิฟต์ก็เจอแท็กซี่ยืนรออยู่แล้ว มันกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งตัวใหม่ วันนี้มันใส่เสื้อยืดสีขาวกับยีนส์สีฟ้าง่ายๆ แต่แม่งก็หล่ออยู่ดี ผมว่าผมหล่อแล้วนะ แต่เดินกับมัน มันกลบออร่าผมมิดไปเลยครับ
    "มึงมาช้า 5 นาที"
    "พูดมาก ไปได้ละ"
    "แต่กูให้อภัย... เพราะเมื่อกี้ตอนมึงเดินมาหากู มึงทำหน้าเหมือนเมียหลงผัว"
    "สัด"
    "ดีใจว่ะ เมียรักเมียหลง"
    "หลงพ่องงง เลิกกวนตีนสักที"
    "ถ้าไม่กวนเดี๋ยวน้องเตอร์จะเหงานะคร้าบบบ"
    แท็กซี่พาผมมาที่ห้าง M วันอาทิตย์แบบนี้คนเยอะกว่าปกติ มันชวนผมไปซื้อเสื้อผ้า เข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ จนของเต็มมือไปหมด มันทำตัวปกติเหมือนกับว่าเราเป็นเพื่อนกันนั่นแหละครับ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ผมก็สบายใจดีที่เป็นแบบนี้ เพราะถ้ามันมาทำสวีตหวานอะไร ผมคงวางตัวไม่ค่อยจะถูกเหมือนกัน
    "เตอร์หิวยัง"
    "นิดหน่อย"
    "งั้น ไปกินซูชิกัน"
    "เอาดิ"
    เราเข้ามานั่งอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นในสภาพข้าวของรุงรังเต็มเก้าอี้ทั้งฝั่งผมและมัน เราต่างคนต่างสั่งอาหารกันอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องมานั่งถามกันว่าจะกินอะไรเหมือนเวลาผมไปกับแฟนคนก่อนๆ ผมไม่ได้คิดว่าผู้หญิงเรื่องเยอะอะไรหรอกครับ แต่การที่ต่างคนต่างหิวแล้วเข้ามาถึงก็รีบสั่งทุกอย่างเร็วๆ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
    "ซื้อไรเยอะแยะวะ" ผมถามมัน เพราะของที่วางอยู่เป็นของมันประมาณ 70% เต็มเก้าอี้จนแทบจะไม่มีที่นั่ง
    "นานๆ ซื้อที ก็จะซื้อไปฝากไว้ห้องมึงด้วย"
    "ห้องกู?" มึงจะเอาอะไรมาไว้ห้องกูคร้าบบบบบบ
    "อือ เอาเสื้อผ้าไปฝากไว้นิดหน่อย เวลานอนค้างก็อาบน้ำได้เลย"
    "เดี๋ยวนะ มึงเข้าใจไรผิด กูบอกเหรอว่าจะให้มึงมาค้าง"
    "ไม่เป็นไร กูมีคีย์การ์ด"
    "มากไปแล้ว"
    "อยากไปดูแลเมีย ผิดตรงไหน"
    "เหี้ย พอเลย กูไม่ใช่ผู้หญิง"
    "ทดลองใช้กัน ก็ต้องทดลองให้ครบทุกด้าน ทุกเวลา ไม่งั้นจะไม่รับรู้ประสิทธิภาพที่แท้จริงนะครับ" มันพูดจบเด็กเสิร์ฟก็ยกอาหารที่สั่งทั้งหมดมาวางไว้บนโต๊ะ
    "แดกๆ เข้าไป ปากจะได้ไม่ว่างเพ้อเจ้อ" ผมคีบแคลิฟอร์เนียโรลให้มันไปชิ้นนึง
    "รู้สึกยังไง ออกมาเดินห้างกับกู 2 คนแบบนี้"
    "ก็ปกติ" ท่าทางมันจะบ้า ผมตอบว่าปกติมันกลับยิ้มทำหน้าพึงพอใจ
    "ปกติได้ กูก็ดีใจ"
    "ดีใจอะไร"
    "กูไม่ขอให้พิเศษว่ะ ขอแค่มึงมีกูเป็นเรื่องปกติของมึงในทุกๆ วันก็พอ" เชี่ยยยย ผมเขินว่ะ เชี่ยแท็ก มึงมันร้าย
    "จะทำให้เป็นชีวิตประจำวันที่เตอร์ขาดไม่ได้เลยคอยดู" ผมคีบปลาดิบเข้าปาก แล้วตั้งใจกินอาหารตรงหน้าต่อไป ผมว่า ผมกำลังแพ้สายตาบางอย่างของแท็กซี่ สายตาตอนนี้ที่ผมว่าผมจำไม่ผิด... มันเป็นสายตาเดียวกับเมื่อคืนนี้ สายตาที่ทำให้ผมต้องใจสั่น มันคงยังไม่รู้ว่ามันมีอาวุธนี้อยู่ แต่มันไม่รู้น่ะดีแล้ว ไม่งั้นหัวใจผมคงแย่น่าดู

ออฟไลน์ MeWeaw

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: <3 Taxi me ter ll ตอนที่ 8 Up 27/1/60 <3
«ตอบ #17 เมื่อ27-01-2017 11:49:58 »

เข้ามาอ่านอยู่นะจ๊ะ  เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยจ๊ะ
 :L2: :L2: :L2:
ปล.ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องมันกระชับเกินไปหรือเปล่า เรายังไม่ค่อยอินเท่าไหร่อ่ะจ๊ะ

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 9
«ตอบ #18 เมื่อ27-01-2017 13:41:03 »

บทที่ 9

   #ปิงปอนด์

    ผมกำลังคิดถึงผู้ชายคนนึงเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน คนที่ผมได้เจอเขาที่หน้าตึกสถาปัตย์เมื่อ 2-3 เดือนก่อน คนที่มาเล่าเรื่องสวนสนุกให้ฟังในคลาส พี่ปอนด์เป็นผู้ชายที่ดูดี สะอาดสะอ้าน และมีรอยยิ้มที่สดใสมากพอที่จะทำให้ผมละสายตาไปไม่ได้ เชื่อไหมว่าแค่เจอกันครั้งแรก ตอนที่พี่ปอนด์มาถามหาอาจารย์ชัยพล ผมก็อยากเข้าไปจับมาขยี้ริมฝีปากสักที คนอะไรปากแม่งโคตรน่าจูบเลย
    ไอ้เรื่องที่ผมชอบสวนสนุกมากกกกก นั่นก็เรื่องจริง แต่ที่จริงกว่านั้นก็คือ... ผมแม่งโคตรชอบเจ้าของสวนสนุกคนนี้เลย
    ตั้งแต่ที่ผมไปจู่โจมขอจีบตอนที่เจอกันครั้งแรก หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย แต่ผมก็ยังคิดถึงริมฝีปากนั้นอยู่เรื่อยๆ กะเอาไว้ว่าสวนสนุกเปิดเมื่อไหร่ จะบุกไปหาตั้งแต่วันแรกเลย แล้วโชคก็เข้าข้างผม เมื่อพี่แท็กโทรมาชวนให้ไปสวนสนุกนั้นก่อนที่มันจะเปิดซะอีก แถมยังได้เล่นเครื่องเล่นกับเจ้าของสวนสนุกด้วย นี่ผมคงใช้บุญที่สั่งสมมาในปีนี้หมดแล้ว
    พอได้เจอพี่ปอนด์อีกครั้งผมก็ตัดสินใจทันทีว่าคราวนี้ผมจะรุกให้หนัก รุกจนกว่าจะได้เป็นเจ้าของริมฝีปากน่าจูบนั่นให้ได้
    "มาช้านะ"
    "โทษทีพี่ พอดีผมไปเอานี่มาให้ เลยช้าไปหน่อย" วันนี้เป็นวันเปิดสวนสนุก Excite City วันแรก ผมนัดกับพี่ปอนด์ไว้ช่วงเย็น เพราะคิดว่าตอนเช้าพี่เขาคงวุ่นวาย เจอตอนเย็นดีกว่าจะได้มีเวลาเต๊าะแบบจุใจ ผมตรงไปที่ออฟฟิศของพี่ปอนด์ที่อยู่ด้านหลังสวนสนุก
    "น่ารักว่ะ ไปหามาจากไหน" พี่ปอนด์ยิ้มให้กับของขวัญที่ผมเอามาให้ เป็นโมเดลรถไฟเหาะคล้ายๆ กับของที่นี่ มีหุ่นผู้ชาย 2 ตัวอยู่บนนั้น
    "ทำเองน่ะ แต่ไม่เก่งขนาดทำคนเดียว พอดีมีเพื่อนทำร้านโมเดล เลยไปให้มันช่วยด้วย"
    "เจ๋งว่ะ ขอบใจนะ"
    "ยินดีด้วยนะครับ ชอบมั้ย" ผมเอ่ยถามผู้ชายตรงหน้าที่เปิดกล่องใสที่ใส่โมเดลออก แล้วลูบๆ คลำๆ รถไฟเหาะย่อส่วนชิ้นนี้
    "ชอบดิ ไม่คิดว่าจะทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย"
    “นี่พี่บอกชอบผมเหรอ" พี่ปอนด์ละสายตาจากโมเดลมามองผมเสี้ยววินาที ยิ้มมุมปากเล็กๆ แล้วก็ก้มลงไปสนใจโมเดลต่อ
    "โมเดลมั้ยล่ะ"
    "ชอบเจ้าของบ้างก็ได้ ผมไม่หวงตัวหรอก"
    “จะรับไว้พิจารณาแล้วกัน" พี่ปอนด์เปิดลิ้นชักหยิบบัตรสี่เหลี่ยมขนาดเท่าบัตรประชาชนออกมา
    "เป็นพระคุณอย่างสูงครับท่าน"
    "เอ้านี่ VIP card อันลิมิตตลอดชีพ" เขายื่นการ์ดสี่เหลี่ยมลาย Excite City ที่มีชื่อ นามสกุลผมอยู่บนการ์ดมาให้
    "ให้จริงดิ"
    "เออออ"
    "ใจดีว่ะ ขอไรอีกอย่าได้ป่ะ"
    "อะไร"
    "มาเล่นเมื่อไหร่ ขอเจ้าของสวนสนุกไปเล่นเป็นเพื่อนได้ป่ะ” ผมลองอ้อนไปดู เผื่อโชคดีอนุญาตให้ผมย้ายข้าวของเข้ามาอยู่ด้วยกันเลยจะยิ่งดีมาก ผมถือคติ อ่อยบ่อยๆ เดี๋ยวก็หลงกลครับ
    "ถ้ามึงทำให้กูพอใจ กูก็จะไปเล่นกับมึง"
    "ผมว่า... นี่พี่ก็ดูพอใจในตัวผมมากอยู่แล้วนะ"
    "มึงหลงตัวเอง"
    "ดูจากการ์ดนี่ ผมว่ามันก็พิเศษมากพออยู่นะ หรือไม่จริง” ผมชูการ์ดขึ้น แล้วฉีกยิ้มกว้างจนพี่ปอนด์หัวเราะ
    "จริงมั้ง"
    "เป็นแฟนกันมั้ย"
    "ง่ายๆ งี้เลย"
    "อย่ายากเลย เอาเวลามารักกันดีกว่า"
    "พอเลยมึง จะไปเล่นก็ไป"
    "ยังไม่รักก็ไม่เป็นไร ผมให้เวลาพี่ชอบผมไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวค่อยรักทีหลัง"
    "มึงจะเล่นมั้ย" พี่ปอนด์เงยหน้าจากโมเดลขึ้นมาดุผมนิดๆ
    "โอเคคร้าบบบบ ไปเล่นรถไฟเหาะกันดีกว่าเนอะที่ร้ากกก” ผมเนียนจับมือพี่ปอนด์แล้วจูงออกไปข้างนอก แต่ก่อนจะเปิดประตู พี่ปอนด์ก็ดึงมือแล้วถอดสูทสีน้ำเงินที่ใส่อยู่ เอาไปวางไว้ที่โซฟารับแขก พับแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย แล้วก็เดินไปเปิดประตู นำผมออกไปที่เครื่องเล่น
    สวนสนุกเปิดเต็มรูปแบบแล้วสนุกเป็นบ้าไปเลย ให้ผมนอนที่นี่ผมก็เอานะ สวนสนุกก็ดี เจ้าของก็ยิ่งดี ตอนนี้ชีวิตไอ้ปิงเหมือนอยู่บนสวรรค์ไปเลยครับ รอบตัวมีแต่สิ่งที่ชอบกับคนที่ชอบ เราใช้เวลาเล่นจนสวนสนุกปิด แล้วก็เดินกลับเข้าไปที่ออฟฟิศ
    "เดี๋ยวก่อนปิง" พี่ปอนด์ดึงแขนผมไว้ให้หยุดเดิน
    "ครับ"
    "ไปเมืองหิมะจำลองกัน"
    "แต่มันปิดแล้ว"
    "มึงกำลังคุยอยู่กับเจ้าของ"
    "งั้นก็แล้วแต่พี่เลย" เราหันเดินไปทางเมืองหิมะจำลองที่อยู่ทางด้านซ้าย ไกลออกไปประมาณ 500 เมตร พี่ปอนด์หยิบเอาชุดและอุปกรณ์กันหนาวมาให้ผมใส่ เราเข้าไปนั่งอยู่กลางเมืองหิมะจำลองสีขาว เป็นเจ้าของนี่แม่งโคตรดีจริงๆ ครับ เข้าออกอะไรยังไงก็ได้
    "นึกยังไงชวนมานั่งที่นี่ตอนนี้เนี่ยพี่ อยากสวีตกับผมเหรอ"
    "มึงนี่หยุดหลงตัวเองสักชั่วโมงได้ไหม"
    "ผมดูหลงตัวเองมากขนาดนั้นเชียว"
    "ที่สุด"
    "แต่ผมหลงพี่มากกว่าตัวเองอีกนะ"
    "จริงเหรอครับน้องปิง" พี่ปอนด์ยื่นหน้าเข้ามายักคิ้วล้อๆ ผม ผมก็เลยจุ๊บปากเข้าให้ทีนึง พี่ปอนด์อ่อยผมเองนะ ผมอดใจไม่ไหว มันก็ไม่ผิดใช่ไหมครับ
    "พี่แม่งขี้อ่อย"
    "มึงแม่งขี้เต๊าะ"
    "รุกหนักขนาดนี้ ใจอ่อนเร็วๆ นะครับ รู้ป่ะหลงจะแย่แล้วนะ” ผมเอนหัวลงไปวางที่ไหล่พี่ปอนด์
    "ถามหน่อยดิ"
    "ว่า..."
    "ทำไมจีบกู"
    "ชอบไง"
    "เจอกันครั้งแรกก็ชอบกูเลยหรอ"
    "ถูกใจตั้งแต่เรียกน้องครับๆ หน้าตึกคณะแล้ว" พี่ปอนด์เปลี่ยนสีหน้าเป็นสงสัย
    "ตอนนั้นกูคิดว่า มึงเป็นคนที่เพี้ยนที่สุดตั้งแต่กูเคยเจอมาเลย เด็กประสาทๆ ที่ตาเป็นประกายเวลาพูดเรื่องสวนสนุก ถามนั่นนี่ในคลาสจนกูคิดว่าจะเปิดสวนสนุกแข่งกับกู เดินตามกูไปที่รถแล้วก็บอกว่าจะจีบกู..."
    "แล้วเป็นไง"
    "ก็ไม่เป็นไง กลับมาเห็นรถไฟเหาะทีไรก็นึกถึงมึง” เราหัวเราะไปพร้อมๆ กันกับเหตุผลที่พี่ปอนด์บอกมา
    "ที่พี่ถามว่าทำไมผมจีบพี่ ผมว่าบางทีมันก็ไม่ต้องมีเหตุผลเยอะแยะหรอก ชอบก็คือชอบ เจอแล้วใจมันบอกเลยว่ะว่าคนนี้"
    "เสี่ยว"
    "จริงๆ ก็มีอะไรมากกว่านั้น"
    “อะไร" ผมขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆ พี่ปอนด์จนจมูกเราแทบจะชนกัน เราสบตากันอยู่แบบนั้นในอากาศเย็นๆ กลางเมืองหิมะจำลองสีขาว จะว่าไปก็โรแมนติกชะมัด
    "รู้ตัวป่ะว่าพี่เป็นคนที่น่าจูบเหี้ยๆ อยากจูบตั้งแต่เจอกันครั้งแรกเลยว่ะ"
    "มึงบ้าป่ะ"
    "นี่เป็นความจริงที่สุดแล้ว"
    "แล้วไมไม่จูบอ่ะ"
    "อ่อยเองนะ" ผมยกมือขึ้นประคองท้ายทอยพี่ปอนด์แล้วดึงเข้ามาประกบริมฝีปากตามคำเชิญชวน นอกจากปากจะน่าจูบแล้ว ปากพี่ปอนด์ยังนิ่มละมุนจนผมอยากจะกลืนกินมันเข้าไปเก็บเอาไว้กับตัว แรงดึงดูดจากปากของพี่ปอนด์ทำให้ผมไม่สามารถถอนปากของตัวเองออกมาได้เลย จนพี่ปอนด์ดันอกผมออก เราถึงได้ถอนจูบออกจากกัน แต่มือของผมยังอยู่ที่ท้ายทอยของพี่ปอนด์เหมือนเดิม
    "พอแล้ว"
    “อีกนิดไม่ได้เหรอ" ผมลูบไปมาที่ไรผมท้ายทอยคนตรงหน้า ส่งสายตาขอร้องไปให้ห
    "พอ"
    "พี่กำลังทำให้ผมติดใจพี่ ไม่รับรักไม่ได้แล้วนะเว้ย จะให้รอก็ได้ แต่ห้ามปฏิเสธผมเด็ดขาด"
    "มึงบังคับกูได้เหรอ"
    "ไม่ได้หรอก แต่แค่ขอให้เห็นใจ"
    "กูขี้ใจอ่อนซะด้วยดิ"
    "แล้วใจอ่อนยังอ่ะ"
    "กูคิดว่า... กูกำลังตกหลุมรักเด็กว่ะ”
    "เด็กที่ไหนอีก อย่าให้ผมเหนื่อยดิพี่ รักผมเหอะ ผมจะเอาใจอย่างดี” ผมปล่อยมือจากพี่ปอนด์ แล้วหันออกไปมองหิมะสีขาวรอบตัว
    "อยู่ๆ ก็เสือกโง่ขึ้นมาอีกแล้วนะมึง"
    "อะไร"
    "กูตกหลุมรักมึงไง ไอ้เด็กปิง" เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย พี่ปอนด์บอกรักผม ผมจะมีเมียเป็นเจ้าของสวนสนุกแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววววว
    "ขอบคุณนะครับ" ผมมอบจูบที่น่าประทับใจให้กับพี่ปอนด์เป็นสิ่งตอบแทนคำว่ารักที่พี่ปอนด์พูดมา เรานั่งอยู่กลางหิมะกันอีกสักพัก แล้วผมก็เดินกลับมาส่งพี่ปอนด์ที่ออฟฟิศ แล้วก็กลับบ้าน

    Pond Piriyakitsakul
    10 mins.
    ไม่ใช่แค่โลกที่มีแรงดึงดูด #ริมฝีปากก็เช่นกัน
    กลับถึงบ้านผมก็เห็นสเตตัสนี้อยู่บนฟีดในเฟซบุ๊ก แฟนคนล่าสุดที่เพิ่งตกลงคบกันมาหมาดๆ ไม่เกิน 1 ชั่วโมงของผมอัพสเตตัสนี้ จนเพื่อนๆ เข้ามาคอมเมนต์กันถล่มทลาย
   

        Ping Pong
        Just now.
        แรงดึงดูดของปาก
        <รูปเสี้ยวหน้าเบลอๆ ของพี่ปอนด์ตอนอยู่ในเมืองหิมะจำลอง>

    ผมอัพรูปแล้วลากเม้าส์ไปที่ช่องแชทด้านขวามือ
    Ping Pong: อยากจูบอีกแล้ว
    Pond Piriyakitsakul: อย่าแรดให้มาก
    Ping Pong: กันแน่ที่แรด อ่อยอยู่ได้
    Pond Piriyakitsakul: พรุ่งนี้เลิกเรียนกี่โมง
    Ping Pong: เที่ยงครับ เรียนเช้าตัวเดียว เดี๋ยวเลิกแล้วรีบไปหาเลย หิว
    Pond Piriyakitsakul: อยากกินไรคิดไว้เลยเดี๋ยวเลี้ยง
    Ping Pong: อยากกินปากปอนด์
    Pond Piriyakitsakul: เดี๋ยวให้ชิมรสใหม่
    Ping Pong: รสอะไร
    Pond Piriyakitsakul: บอกไม่ได้ มาชิมดูก่อน ไม่อร่อยยินดีคืนใจ
    Ping Pong: ไม่มีใครอร่อยกว่าพี่อยู่แล้ว
    Pond Piriyakitsakul: เคยชิมหรอ   
    Ping Pong: เดี๋ยวก็ได้ชิม
    Pond Piriyakitsakul: มั่นใจจังนะมึง ลดๆ ลงบ้างไอ้ความหลงตัวเองน่ะ
    Ping Pong: แล้วพรุ่งนี้จะเลี้ยงผมเนื่องในโอกาสอะไร
    Pond Piriyakitsakul: เลี้ยงต้อนรับ
    Ping Pong: ต้อนรับอะไร   
    Pond Piriyakitsakul: ต้อนรับแฟนใหม่
    Ping Pong: หลงแฟนนะเราอ่ะ

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 10
«ตอบ #19 เมื่อ27-01-2017 18:00:23 »

ตอนที่ 10

    "ไอ้เตอร์ สรุปมึงกับพี่แท็กนี่ยังไงวะ" แพรถามขึ้นทันทีที่ผมเดินเข้ามานั่งในร้านข้าวมันไก่หน้ามอ ตามที่นัดกับพวกมันเอาไว้ ผมหันไปสั่งข้าวมันไก่ผสมพิเศษ 1 จาน แล้วหันมาตอบแพรกับทุกคนในโต๊ะที่กำลังทำหน้าตาเสือกระดับเก้า
    "ยังไงอะไรวะ"
    "อย่ามางงเนียน ก็...ใครผัวใครเมียไรงี้"
    "สัดแพร" ผมด่ามันกลับไป
    "แต่กูว่าไอ้เตอร์แม่งเมียว่ะ พี่แท็กน่าจะใหญ่" เชี่ยยยพิมพ์ มันรู้ได้ไงว่าของแท็กมันใหญ่
    "อะไรใหญ่วะพิมพ์" พลอยหันไปถามพิมพ์
    "หมายถึงเขาตัวใหญ่กว่าไอ้เตอร์ เขาก็น่าจะเป็นผัวมันแหละ แล้วอีกอย่างไอ้ห่านี่เมาทีไร พี่แท็กแม่งสอยกลับทุกที กูว่ามันเสร็จเขาแล้วแน่ๆ"
    "พอเลยไอ้พิมพ์ ไม่มีผัวเมียห่าไรทั้งนั้นแหละ" ผมพยายามจะหยุดความคิดนี้ของมัน
    "แหมมม จูบกันกลางร้านขนาดนั้น แน่ใจว่าไม่มีซัมติง เหลามาเดี๋ยวนี้ อย่าให้กูเสียเวลา มีอะไรแล้วเงียบนะมึง" ไอ้พิมพ์ยังคงเสือกอย่างต่อเนื่อง อันที่จริงผมก็ไม่ได้จะปิดบังอะไรพวกมัน ถึงผมจะไม่ได้เป็นเกย์มาก่อน แล้วอยู่ๆ เกิดจะมาชอบผู้ชาย ผมก็ไม่ได้คิดว่ามันเสียหายตรงไหน เพราะไอ้ปิงมันก็ชอบผู้ชายมาแต่ไหนแต่ไร ทุกคนในกลุ่มก็รับได้เป็นเรื่องปกติ
    "มึงก็บอกๆ พวกมันไปเหอะ แม่งถามกูอยู่นั่น กูรำคาญฉิบหาย" ไอ้ปิงพูดเปิดเรื่องมาขนาดนี้ ผมจะไปปิดบังอะไรไอ้สามพอมันต่อได้ล่ะครับ
    "ไม่รู้ว่ะ คือกูก็ยังงง อยู่ๆ หลังจากวันที่เจอมันบนแท็กซี่ แม่งก็โผล่เข้ามาอยู่ในชีวิตกูทุกที่ทุกเวลา ทั้งบังเอิญอยู่คอนโดเดียวกัน บังเอิญเป็นรุ่นพี่เรา แล้วแม่งก็โผล่มาถูกจังหวะตลอด"
    "แม่งบังเอิญเว่อร์"
    "แล้วไง แล้วสรุปเป็นผัวเมียกันใช่มั้ย" พิมพ์มันยังคงทำหน้าที่ซักไซร้ของมันต่อไป
    "สัด... พวกมึงว่าอย่างกูจะไปคบผู้ชายได้จริงๆ เหรอวะ"
    "ทำไมจะไม่ได้ มึงดูไอ้ปิง หน้าแม่งอินดี้ฉิบหาย มันยังเกย์รุกเลย ห่านี่ไปจีบพี่ปอนด์ตอนไหนกูยังงง อยู่ดีๆ ก็อัพลงอัพรูปแรงดึงดูดของปาก หมั่นไส้แม่งงงง"
    "กูหล่อและดี พี่ปอนด์ก็ต้องคว้ากูไว้อยู่แล้วว่ะพิมพ์” ไอ้ปิงหันไปรับข้าวมันไก่จากเด็กเสิร์ฟทีละจานแล้วยื่นให้เพื่อนตามของแต่ละคน แต่ถึงข้าวจะมาแล้วก็ยังไม่สามารถหยุดหัวข้อสนทนานี้ลงได้หรอกครับ
    "กูว่าพี่ปอนด์เค้าลดตัวลงมาหามึงขนาดนี้ มึงใช้บุญทั้งชีวิตที่มีหมดแล้วแน่ๆ"
    "มึงเคยได้ยินคำว่าศีลเสมอกันป่ะ กูดีไง กูก้ได้เมียดี มันเป็นกฎของธรรมชาติว่ะ"
    "ลำไย หุบปากไปเลยปิง กูลำไยมึงมากในความเห่อเมียและหลงตัวเองของมึง ส่วนไอ้เตอร์ ถ้ามึงคบพี่แท็ก กูว่าชีวิตมึงจะดีมาก โดยเฉพาะถ้ามึงเป็นเมีย กูเชื่อว่าเขาจะดูแลมึงอย่างดีแน่นอน"
    "ดีขนาดนั้นมึงไม่ไปเป็นเมียเค้าเลยล่ะ"
    "โถถถถ คุณเตอร์คะ ถ้าเค้าเอากู กูย้ายของเข้าคอนโดพี่เขาไปแล้วค่ะ"
    "เค้าคงไม่มีทางเอามึงหรอก เพราะเค้าจะเอาไอ้เตอร์"
    "หรือเอากันไปแล้ววะ"
    "พอเลยพวกมึง แล้วทำไมมึงมั่นใจว่าเค้าดีขนาดนั้น" ดูไอ้พิมพ์จะมั่นอกมั่นใจเหลือเกิน ทั้งที่มันก็ไม่น่าจะรู้จักแท็กซี่มากมายเท่าไหร่ เจอกันก็แค่ไม่กี่ครั้ง
    "เซ้นส์กูมันบอก วันนั้นที่ยกซด เค้าแสดงความเป็นเจ้าของมึงเต็มที่ สายตาเค้าดูหลงมึงมากกกกกกกกก กูถึงถามไงว่าใครผัวใครเมีย แล้วรู้มั้ย พอมึงภาพล้มไป มึงก็ตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัวเลยจ้าาา พี่เค้าไม่ยอมให้ใครแตะต้องมึงเลย ขนาดพวกกูจะเข้าไปช่วย เค้าก็ไม่ยอม แบกมึงกลับไปเอง กูว่าพี่แท็กแม่งดูท่าทางหลงมึงหนัก มึงมีของดีอะไรวะ"
    "กูก็ดีหมดนั่นแหละ"
    "แซ่บมากว่างั้น"
    "สัด"
    "อย่าคิดเยอะมึง หลุดมือไปหาไม่ได้แล้วนะโปรไฟล์ดีงามเบอร์นี้"
    "จะให้กูหลับหูหลับตาเอาๆ ไปเลยหรือไง"
    "อย่างพี่แท็กน่ะมาชอบมึง นี่เป็นบุญของมึงนะ ไม่รู้ตัวอีกเหรอ"
    "รีบแดกได้แล้ว เดี๋ยวไปช้าจารย์แดกหัวอีก" ผมตัดบท แล้วรีบตักไก่เข้าปากก่อนที่พวกมันจะวกเข้าเรื่องใครผัวใครเมียอีก จะให้ผมบอกได้ไงว่าผมเป็นเมีย รอผมได้กดมันก่อน ค่อยมาบอกพวกมันอีกที
    ผมกลับมาที่คอนโดตอนประมาณ 2 ทุ่ม วันนี้แท็กซี่มันหายเงียบไปผิดปกติ ไม่ได้ไลน์มากวนตีนอย่างเคย ตอนเช้าซื้อข้าวมาให้แล้วก็รีบกลับไป แม่งทำไมวันนี้ผมคิดถึงเรื่องมันหลายทีแล้ว อากาศร้อนคงจะทำให้ผมฟุ่งซ่าน พวกเพื่อนๆ ก็ด้วย พูดมากจนผมต้องไปนึกถึงมัน
    ผมอาบน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วก็กระโดดลงเตียงเตรียมตัวนอน เพราะเหนื่อยล้าเต็มทีกับการทำรายงานวันนี้ อาจารย์แม่งสั่งอย่างกับว่าทั้งชีวิตผมเรียนวิชานี้วิชาเดียว กะให้ชีวิตไม่ต้องบันเทิงอะไรใดๆ นอนดีกว่าครับ ลาโลกแล้วครับคืนนี้...

    "เห้ยยยยยยยยย" ผมร้องขึ้นเมื่อรู้สึกตัวว่ามีคนนอนกอดผมตอนกลางดึก
    "จุ๊ๆๆๆๆ" ไอ้แท็กซี่มานอนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหรวะ กูก็หลับลึกเกินจนไม่รู้ตัว
    "มึงมาตอนไหนเนี่ย" ผมแกะแขนมันออกจากเอวผม แล้วหันไปถามมัน
    "ก็กอดเตอร์มา 5 นาทีแล้ว ขี้เซาชะมัดกว่าจะรู้ตัว เกือบโดนลักหลับแล้วนะมึง"
    "สัด แล้วมึงมาทำไมตอนนี้"
    "คิดถึงเมียไง" ไอ้สาสสสสสสสส ย้ำจังนะมึงได้กูแค่ครั้งเดียว
    "กวนตีน กลับไปได้แล้ว กูง่วง กูจะนอน"
    "ง่วงก็นอนไปสิ ใครห้ามล่ะ"
    "ไม่มีใครห้าม แต่มึงกำลังรบกวนการนอนของกู"
    "ยังไง เตอร์ก็นอนของเตอร์ไปดิ แท็กไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย"
    "แล้วทำไมพี่แท็กไม่ไปนอนห้องตัวเองมิทราบครับ"
    "คิดถึงน้องเตอร์ครับ อยากนอนด้วย อยากดม อยากหอม อย..."
    "พอออออ กลับไปเหอะ กูจะนอน วันนี้กูเหนื่อย พรุ่งนี้ค่อยมาต่อปากต่อคำกันใหม่นะ"
    "ดีใจจัง"
    "ดีใจอะไร"
    "มีคำว่าพรุ่งนี้ระหว่างเราด้วย"
    "แล้วแต่มึง" ผมหันหลังใส่มันแล้วหลับตาลงอีกครั้ง
    "ถ้าแล้วแต่กู" มันกอดเอวผมอีกครั้ง แล้วซุกหน้าเข้ากับหลังของผม
    "ขอนอนกอดหน่อยนะ วันนี้แท็กเหนื่อยมากเลยว่ะเตอร์ ขอเติมพลังหน่อยนะครับ" น้ำเสียงมันดูอ่อนล้าผิดปกติ คงจะเกี่ยวกับที่วันนี้มันหายเงียบไปด้วย ผมปล่อยให้มันนอนกอดต่อไปท่ามกลางความมืด
    "วันนี้หายไปไหนมา"
    "คิดถึงเหรอ"
    "..." ผมเปลี่ยนใจไม่ถามมันต่อ ถ้ามันอยากเล่าอะไร เดี๋ยวมันก็คงจะเล่าเอง แล้วนี่ก็ดึกแล้ว ให้มันพักผ่อนดีกว่า
    "เตอร์..." มันเรียกผมเสียงเบา แต่ผมก็ยังเลือกที่จะไม่ตอบ
    "หลับแล้วเหรอ"
    "ตัวเตอร์แม่งเหมือนที่ชาร์จแบตเลยว่ะ กอดแป๊บเดียวพลังเพิ่มขึ้นเลย" เว่อร์จริงๆ เลยมึงนี่
    "อยากกอดเตอร์ตอนนอนแบบนี้ทุกคืนเลย"
    "อยู่ๆ กูก็กลายเป็นที่ชาร์จแบตเนอะ ถ้ากอดกูแล้วชาร์จแบตได้ ก็กอดไปเหอะ แล้วพรุ่งนี้จ่ายค่าไฟให้กูด้วยนะ"
    "แต่แท็กถนัดจ่ายน้ำมากกว่านะ สนใจเปิดมิเตอร์รับน้ำจากท่อประปาของแท็กมั้ยล่ะ" นั่นไง พูดดีกับมันไม่ได้เลย ไม่วายกวนตีนกลับมาทุกที
    "สัด"
    "เตอร์ไฟแรง น้ำแท็กก็แรง เข้ากันเนอะ"
    "มึงจะนอนมั้ย"
    "นี่คำเชิญชวนหรือเปล่า ไหนบอกว่าง่วง ถ้าเตอร์ไม่อยากนอน แท็กไม่นอนก็ได้นะ” มันยื่นจมูกเข้ามาคลอเคลียผมไปมา ผมผลักหัวมันออกไปเบาๆ
    "ถ้ามึงไม่หุบปากแล้วนอน มึงก็กลับห้องไป"
    "ก็อยากได้ยินเสียงเตอร์ วันนี้ไม่ได้คุย คิดถึง"
    "ไหนมึงบอกไม่ได้กวนการนอนของกู คุยขนาดนี้ ลุกขึ้นเปิดไฟ แล้วมานั่งคุยกันเลยมั้ย"
    "ถ้าเตอร์ขี้เกียจคุย เราทำอย่างอื่นกันก็ได้นะ"
    "แท็กซี่" ผมเพิ่มวอร์ลุ่มเสียงเรียกข่มให้มันหุบปากลงสักที
    "โอ๋ๆ ไม่โมโหนะคนดี นอนแล้วคร้าบบบ นอนนะๆ แท็กจะเป็นเด็กดีไม่กวนเตอร์แล้วนะครับ" มันทำเสียงทะเล้นใส่ แล้วกอดเอวผมแน่นขึ้น
    "ก็แค่นั้น"
    "เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะออกไปหาของอร่อยมาเสิร์ฟนะ"
    "ดีมาก เหนื่อยก็หายไวๆ นะมึง” มันเงียบไปแล้ว ผมเองก็เหมือนกัน ผมปล่อยให้มันนอนกอดแน่นเท่าที่มันอยากกอด นานเท่าที่มันต้องการในคืนนี้ เราสองคนหลับอยู่บนเตียงเดียวกันอีกครั้งจนเช้า
    "7 โมงแล้วครับเมีย ลุกมากินข้าวตามสัญญา 2 เดือนของเราได้แล้ว" นี่เป็นเสียงปลุกของคนที่นอนกอดผมจากด้านหลังตั้งแต่เมื่อคืน ต่างกันกับเมื่อคืนนิดหน่อยตรงที่ ผมได้กลิ่นหอมสบู่กลิ่นเดียวกับที่ผมใช้มาจากตัวมัน
    "อื้อออ แดกไปก่อนดิวะ กูง่วงงงงงงง" ตั้งแต่รู้จักแท็กซี่มา ผมพบว่ามันเป็นคนที่ตื่นเช้ามากกกกในทุกๆ วัน แล้วนี่ก็เพิ่งจะเจ็ดโมง ไม่รู้มันตื่นไปซื้อข้าวมาตอนไหน
    "ลุกมากินกับแท็กก่อนดิ ค่อนนอนต่อ"
    "กินไปก่อนเลย วางเอาไว้ เดี๋ยวตื่นแล้วกูกินเอง" ง่วงมากจริงๆ ครับวันนี้ ขี้เกียจจะลุกมาขยับปากเคี้ยวอะไรทั้งนั้น
    "เหลืออีกแค่ 2 วันก็ครบสัญญาแล้ว จะทำให้ครบสัญญาไม่ได้เลยเหรอ" เหี้ย ทำไมมันเร็วจังวะ ผมกินข้าวกับมันทุกวันจนลืมไปเลยว่านี่ผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้ว
    "..." ผมลืมตาขึ้นมา แต่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง
    "รักษาสัญญาหน่อยสิ"
    "เออๆๆๆ ปล่อยกูสิ กูจะได้รีบไปอาบน้ำ" ผมดันแขนมันออกจากเอวของตัวเองแล้วลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัว
    "อาบเร็วๆ ล่ะ ถ้าให้รอนาน แท็กจะกินเตอร์ก่อนกินข้าวนะ"
    "หมกมุ่นนะมึงนี่ หิวมากก็แดกข้าวไปก่อนเลยไม่ต้องรอกู"
    "แดกไม่ลงหรอก ไม่เจริญอาหารถ้าไม่ได้จ้องหน้าเตอร์ตอนกินข้าว"
    "แล้วแต่มึงเลยครับ" ผมเดินเข้าห้องน้ำไปแล้วรีบอาบน้ำเสร็จสรรพภายในเวลา 10 นาที 24 วินาที ใครจะไปจับเวลาตอนอาบน้ำแบบนั้นล่ะครับ ล้อเล่น... ที่จริงวันนี้ผมอาบน้ำนานกว่าปกติต่างหากล่ะครับ เพราะระหว่างอยู่ในห้องน้ำมัวแต่คิดเรื่องราวระหว่างผมกับมันอยู่ในหัวจนเพลิน ไม่น่าเชื่อว่าผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้วจริงๆ ทุกอย่างแม่งเร็วจนผมไม่รู้ตัว นี่ถ้ามันไม่บอกว่าอีก 2 วันครบ 2 เดือน ผมคงเลิกสนใจเรื่องสัญญานี้ไปเลยจริงๆ นึกเรื่องระหว่างผมกับมันตั้งแต่เจอกันแล้วก็ตลกดี คนบ้าอะไรจะมาสนิทกันเพราะให้ขับแท็กซี่แทน แถมยังมาบังเอิญอยู่ที่เดียวกัน เรียนที่เดียว โลกแม่งก็กลมเกินไป... อาบน้ำเสร็จผมก็รีบออกไปที่โต๊ะกินข้าว ก่อนที่แท็กซี่มันจะหิวจนหื่นขึ้นแล้วเข้ามากินผมแทน ไอ้นี่แม่งเอะอะก้หาเรื่องพุ่งเข้าสิงผมตลอด
    "โอ้โห นี่มึงไปหิวมาจากไหนวะ จัดมาซะชุดใหญ่เลย" บนโต๊ะมีกับข้าวหน้าตาดีอยู่ 4 อย่าง ดีเกินกว่าจะเป็นอาหารเช้าของผมและของเรา ที่ปกติก็กินกันธรรมดาๆ โจ๊ก น้ำเต้าหู้ หรือข้าวคนละกล่องง่ายๆ
    "เหลืออีกแค่ 2 วัน แท็กก็อยากให้มันพิเศษ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาให้หรูส่งท้ายเลย"
    "หลังจากพรุ่งนี้จะไม่ซื้อให้กูแดกแล้วเหรอไง" ใจหายเหมือนกันครับ มีคนซื้อข้าวมาให้ กินข้าวด้วยกันตั้ง 2 เดือน อยู่ๆ จะไม่มี ใจมันก็พาลจะรู้สึกโหวงๆ
    "นั่นแน่ อยากกินข้าวกับแท็กทุกเช้าตลอดไปแล้วดิ"
    "ก็สบายดี มีคนหาให้กินทุกวัน"
    "กลัวแต่เตอร์แหละ จะไล่แท็กไป ถ้าหมดสัญญาของเราแล้วเตอร์ไล่ แท็กก็คงไม่มีอะไรมาต่อรองกับเตอร์แล้วว่ะ"
    "กูไล่มึงแล้วเหรอไง"
    "นั่นแน่ๆๆๆ มีใจให้กันแล้วใช่ป่ะ" หยุดแซว หยุดกวนตีนสักวันไม่ได้เลยไอ้นี่
    "มีพ่องงง กูพูดตอนไหน”
    "เมื่อกี้ไง มันตีความได้แบบนั้น"
    "ก็มีคนซื้อข้าวให้แดกทุกวัน ประหยัดดี"
    "แค่นั้นจริงอ่ะ"
    "ก็...แดกข้าวคนเดียวมันก็เหงาแค่นั้น มึงมากินด้วย กูก็ได้แดกข้าวฟรี ประหยัดดี” ผมเริ่มตักกะเพรากุ้งในจานซ้ายมือมาวางบนข้าวในจานตัวเองแล้วยัดเข้าปาก
    "เลี้ยงได้ตลอดชีวิตเลยนะ สนป่ะ"
    "ถ้ามึงแถมคอนโดให้กูสักห้อง บางทีกูอาจจะสนใจ"
    "เป็นเมียพี่ นอกจากได้พี่แล้ว น้องต้องได้ห้องพี่อยู่แล้วครับ"
    "เหี้ย"
    "ดีใจว่ะ" ไอ้นี่มันเป็นโรคด่าแล้วยิ้มครับ ด่ามันทีไรมันยิ้มทุกที ไม่รู้เป็นเหี้ยอะไร ยิ้มกวนตีนที่สุดในโลก
    "อะไรของมึงอีก"
    "ดีใจที่ได้เป็นชีวิตประจำวันที่เตอร์ขาดไม่ได้แล้ว"
    "ไปกันใหญ่แล้วมึง"
    "แต่ยังไง พรุ่งนี้ก็จะจัดชุดใหญ่ให้อีกอยู่ดีแหละ ฉลอง"
    "ฉลองอะไร"
    "ฉลองที่ต่อจากนี้จะเป็นความรู้สึกที่เราอยากมีกันจริงๆ ไม่เกี่ยวกับสัญญาอะไรอีกต่อไป... เออนี่ พรุ่งนี้เย็นไปยกซดกันนะ ยังเหลือสัญญาคำสั่งอีกข้อจำได้ป่ะ” เกือบลืมไปแล้วว่ายังเหลือคำสั่งข้อสุดท้ายจากมัน แพ้ครั้งเดียวลากยาวเป็นเดือนๆ น่าอายที่สุด ครั้งหน้าผมจะไม่ยอมมันแน่นอน จะเอาให้มันต้องเป็นเบ๊ผมไปหลายๆ เดือนเลยคอยดู
    "เออ เดี๋ยวดวลกันใหม่ คราวนี้กูไม่แพ้ชัวร์"
    "ไม่ต้องดวลหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาขอสั่งข้อสุดท้าย หลังจากนั้นรับรองเตอร์สั่งอะไรแท็กยินดีทำให้หมดแหละ ไม่ต้องพนันกันหรอก"
    "แล้วทำไมไม่ขอเลยตอนนี้"
    "ไว้พรุ่งนี้ดีกว่า"
    "ลีลาเยอะนะมึง"
    “ลีลาดีด้วยนะ" มันเงยหน้าจากจานมายักคิ้วแล้วก้มลงตักข้าวกินต่อ
    "พรุ่งนี้เลี้ยงกูใช่ป่ะ"
    "ทุกวันนี้ก็เลี้ยงอยู่นะ ถ้ายอมให้ดูแลตลอดไปก็จะเลี้ยงดูอย่างดีเลยเอาป่ะ"
    "เป็นเสี่ยเหรอไง"
    "ก็ป๋ากับน้องเตอร์คนเดียวแหละครับ" ผมเลิกคุยแล้วก้มหน้าลงตักข้าวเข้าปาก กินทุกอย่างที่มันซื้อมาจนเรียบไม่มีเหลือแม้มันจะมากมายแค่ไหนก็ตาม วันนี้ผมอาสาเป็นคนไปล้างจานทั้งหมดเอง เพราะมันเลี้ยงผมเยอะมากแล้ว เดี๋ยวจะหาว่าเอาเปรียบทุกอย่าง ล้างเสร็จเรียบร้อยก็กลับไปนั่งข้างๆ มันที่โซฟา สีหน้ามันยังดูเหนื่อยล้า ถึงแม้ว่ามันจะทำตัวโลกสดใสแค่มีเราสองคนกับผมก็ตามที
    "เดี๋ยวต้องไปทำงานก่อนนะ" มันหันมาบอกผม
    "ทำงานวันเสาร์ด้วยเหรอ"
    "อืม ช่วงนี้งานเยอะ"
    "มีไรที่กูช่วยได้ป่ะ"
    "..."
    "ไม่ต้องมายิ้มอ่อนใส่กู กูแค่เป็นห่วง เห็นมึงดูเพลียๆ"
    "จริงดิ หน้าแท็กก็หล่อปกตินะ เมื่อกี้ส่องกระจกอยู่ หน้าใสกิ๊งเหมือนเดิมเลยนะ” มันยิ้มหน้าระรื่น แต่ผมเห็นว่าในแววตามันไม่ใช่ จากการสบตากันมานับครั้งไม่ถ้วน ผมว่าผมมองไม่ผิด มันกำลังมีเรื่องหนักใจอะไรอยู่แน่นอน
    "มึงโอเคป่ะวะแท็ก"
    "โอเคดิ เห็นหน้าเตอร์ก็โอเคที่สุดแล้วววว"
    "ขยันหยอดนะ"
    "ก็หยอดจนกว่าจะทะลุเข้าไปในใจนั่นแหละ"
    "เบาหวานจะขึ้นหัวใจกูแล้วครับ"
    "ขนาดนั้นเลย? แล้วรักกูหรือยังล่ะ" เฉไฉเก่งนะไอ้แท็กซี่
    "เมื่อคืน... เสียงมึงดูไม่โอเค งานเครียดมากเหรอวะ" ผมวกกลับเข้าเรื่องอีกหน
    "จริงๆ ก็ไม่ค่อยโอเค แต่กอดมึงแล้วแบตกูเพิ่มมาเยอะเลยตอนนี้"
    "มีไรเล่าให้กูฟังได้นะ กูอาจจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่กูเป็นผู้ฟังที่ดีได้ไม่แพ้มึงหรอก"
    "ทำไมวันนี้น้องเตอร์น่ารักกับพี่แท็กจังเลยครับ" มันขยับหัวเข้ามาใกล้ แล้วเอาคางมาเกยที่ไหล่ของผม
    "กูเวทนา"
    "สงสารกูเหรอ"
    "สมเพชด้วยนิดนึง"
    "ถ้าเวทนากู งั้นจูบกูดิ กูจะโอเคมาก"
    "มากไปแล้วมึง"
    "น้อยไปด้วยซ้ำแค่จูบ"
    "สรุปว่าจ..." ยังไม่ทันจะถามมันต่อ มันก็เอียงคอเข้ามาประกบปากผม ผมปล่อยให้มันลุกล้ำและเล่นปากของผมจนกว่ามันจะพอใจ ถ้านี่จะช่วยให้มันรู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ ผมก็ยินดี
    "ขอบคุณนะที่เป็นห่วงแท็ก"
    "มึงก็ห่วงกูอยู่บ่อยๆ ถือว่าหายกัน"
    "ถ้าห่วงแล้วเตอร์ห่วงคืน ถ้าทำอะไรให้แล้วเตอร์จะทำคืน... งั้นถ้าแท็กรักเตอร์ เตอร์ก็อย่าลืมรักคืนด้วยล่ะ ไปก่อนนะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ จะมาพร้อมคำสั่งข้อสุดท้ายนะครับ" มันขยี้หัวผมแรงๆ แล้วเดินออกจากห้องไป ไอ้นี่ก็ชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กผู้หญิงอยู่เรื่อย
    ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมเลิกนับว่าสัญญากินข้าวด้วยกัน 2 เดือนมันผ่านมาถึงวันที่เท่าไหร่แล้ว ทั้งที่ตอนแรกเป็นผมเองที่อยากให้มันจบๆ ไปด้วยการเอาเงินให้มันไปซื้อข้าวกินเอง ไปเถียงกับมันอยู่นานสองนาน บางวันก็แอบเอาข้าวไปแขวนที่ประตูแล้วก็กลับเลยจนมันหิ้วข้าวตามมาที่ห้องก็มี แต่ตอนนี้กลับเป็นผมเองที่อยากมีมันมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนกันทุกวัน แล้วยังไปนึกถึงมัน เวลาที่มันหายไปไม่มากวนตีน
    'กูไม่ขอให้พิเศษว่ะ ขอแค่มึงมีกูเป็นเรื่องปกติของมึงในทุกๆ วันก็พอ จะทำให้เป็นชีวิตประจำวันที่เตอร์ขาดไม่ได้เลยคอยดู' ประโยคนี้ที่มันเคยพูดกับผมลอยเข้ามาในหัว มึงมันร้ายว่ะแท็กซี่   

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Taxi me ter : ตอนที่ 10
« ตอบ #19 เมื่อ: 27-01-2017 18:00:23 »





ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 11
«ตอบ #20 เมื่อ28-01-2017 21:14:05 »

ตอนที่ 11

    มีคนขี้ลืมวางโทรศัพท์แบตหมดไว้อยู่ในห้องนอนของผม งั้นวันนี้ผมคงเหงาหู เหงาตาไปอีกวันเพราะแท็กซี่ไม่มีโทรศัพท์ไว้ไลน์มากวนตีนผมอย่างเคย เว้นแต่ว่ามันจะกลับมาเอานั่นแหละ แต่ก็ดีแล้วครับ ผมจะได้ใช้เวลาวันนี้พักผ่อนให้เต็มที่ไปเลย การพักผ่อนที่ดีที่สุดของผมก็คือ นอน ตื่นขึ้นมากิน แล้วก็นอน แล้วก็ตื่นขึ้นมากิน แค่นั้นแหละครับ มากกว่านั้นก็คือเดินออกไปหน้าคอนโดหาของกินในสภาพเสื้อยืดย้วยๆ กับกางเกงขาสั้น
    6 โมงเช้าวันอาทิตย์
    ผมตื่นขึ้นมาเช้ากว่าปกติในวันที่ครบสัญญาสองเดือนกับแท็กซี่ เมื่อคืนมันไม่ได้มาหาผม ไม่ได้กลับมาเอาโทรศัพท์ของมัน แต่มันบอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่าจะจัดมื้อนี้ให้อย่างหรู เดี๋ยวจะคอยดูว่าสมราคาคุยสักแค่ไหน
    7 โมงตรง แท็กซี่ยังไม่โผล่หน้ามาให้เห็น
    8 โมงตรง ผมยังคงนั่งรอข้าวจากมัน ไอ้นี่แม่งก็แปลก ลืมโทรศัพท์ก็ไม่กลับมาเอา นี่มึงจะไม่ใช้ติดต่อใครเลยเหรอไงวะ
    9 โมงตรง ผมยังคงนั่งดูทีวีเงียบๆ ต่อไป
    9.30 น. ผมตัดสินใจเลิกรอ แล้วเดินไปที่ห้อง 1502 ตึก A บางทีแท็กซี่มันอาจจะไม่สบายอยู่ที่ห้องก็ได้ ดูมันซึมๆ เพลียๆ ตั้งแต่เมื่อวาน ไปดูมันสักหน่อยแล้วกัน

    ติ๊งต่องๆ
    ผมยืนกดกริ่งหน้าห้อง 1502 เป็นครั้งที่ 20 แต่ทุกอย่างก็ยังว่างเปล่าไม่มีการตอบรับ นี่มันไม่อยู่หรือว่ามันตายคาห้องไปแล้วกันแน่วะ ผมเดินลงไปที่ส่วนกลาง ให้พนักงานโทรเข้าห้องมันแทน เผื่อว่ามันจะเป็นอะไรอยู่ในห้อง แต่ก็ไม่มีคนรับสาย ผมเลยเดินต่อไปที่จอดรถประจำของมัน ก็ไม่มีรถของมันจอดอยู่อย่างเคย มันคงไม่อยู่ที่คอนโดจริงๆ แล้วมันไปไหนวะ นัดไม่เป็นนัด ถ้ากูเจอตัวนะ มึงโดนแน่แท็กซี่
    หมดปัญญาแล้วครับ ผมออกไปหาข้าวกิน แล้วกลับมารอมันที่ห้องอีกครั้ง...
    ผมรอจนกระทั่งเวลาผ่านไป 3 วัน ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของมัน ไม่มีการติดต่อใดๆ กลับมาทั้งนั้น โทรศัพท์ของมันก็วางแบตหมดอยู่แบบนั้น
    "มึง พี่ปอนด์เค้าติดต่อแท็กอยู่เปล่าวะ" ผมถามไอ้ปิงตอนเลิกเรียนในช่วงบ่ายวันอังคาร
    "ไม่รู้ว่ะ มีไรเปล่า"
    "มันนัดกูไว้วันอาทิตย์ แต่แม่งหายไปเลย"
    "โทรไปยัง"
    "มันลืมโทรศัพท์ไว้ห้องกู แม่งไม่กลับมาเอาด้วย"
    "เดี๋ยวกูลองถามพี่ปอนด์ดู ใจเย็นมึง" ไอ้ปิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไลน์ถามพี่ปอนด์
    "กูเย็นสุดแล้ว รอแม่งมาเฉยๆ มา 3 วันแล้ว"
    "พี่ปอนด์บอกว่าเมื่อวานโทรไปหาก็ติดต่อไม่ได้ว่ะ โทรไปที่บ้าน เค้าก็บอกว่าไม่อยู่"
    "เหี้ยแม่งงงง คบผู้หญิงก็โดนเท นี่ลองคุยกับผู้ชาย แม่งก็หายหัวเหมือนกัน"
    "ไม่หรอกมั้งมึง เอางี้ เดี๋ยวไปหาพี่ปอนด์กับกูก่อนแล้วกัน" ผมตามปิงไปหาพี่ปอนด์ที่ห้างใกล้ๆ มอ เพราะตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้วครับ รู้สึกเหมือนจะโดนเทอีกรอบยังไงไม่รู้ แม่งไม่มีเหตุผลเลยที่ไปไหนแล้วจะไม่ติดต่อกัน
    "คิดถึงจังเลยครับที่รัก" ไอ้ปิงยิ้มหน้าบาน ระรี้ระริกเข้าไปหาพี่ปอนด์ทันทีที่เจอหน้า ไอ้นี่มันน่าหมั่นไส้อย่างที่สามพอมันด่าจริงๆ
    "พอเลย เพื่อนเครียดอยู่เห็นมั้ย"
    "คิดถึงแฟนผิดเหรอ" หมั่นไส้ไอ้ปิงมันจริงๆ เกรงใจอะไรกูบ้างไหม ยืนหัวโด่อยู่หน้ามึงนี่
    "ไงเตอร์ นี่พี่ก็ติดต่อแท็กไม่ได้เลย เด็กที่บ้านมันก็บอกว่ามันไม่อยู่ เห็นเก็บกระเป๋าออกไปเมื่อวันก่อน ไม่ได้สั่งอะไรไว้"
    "ไม่รู้ว่ะพี่ มันนัดผมไว้แล้วก็หายไป เอาจริงๆ เพื่อนพี่แม่งจะเทผมเปล่าวะ ผมจะได้เผื่อใจรอเลย เหนื่อยแล้วว่ะ" เจอซ้ำซ้อนแบบนี้ไม่ไหวเหมือนกันครับ หายกันไปในวันที่รู้สึก
    "เห้ย แท็กมันชอบเตอร์มากนะ มันไม่ทำงั้นหรอก คงติดธุระอะไรอยู่"
    "แล้วแต่มันเถอะครับ ขี้เกียจจะสนใจมันแล้ว"
    "ไปๆ พี่พาไปเลี้ยงดีกว่า กินอิ่มแล้วค่อยว่ากัน"
    "โห แฟนผมแม่งป๋าว่ะ" ไอ้ปิงมันหันไปหยอกแฟนมัน แล้วก็พากันเดินนำผมไปร้านอาหารที่ชั้น 4 คู่นี่แม่งก็ปิ๊งกันง่าย หวานกันดีเหลือเกิน หวานจนกลบความเศร้ากูมิดไปเลย กินข้าวเสร็จผมก็ขอแยกตัวกลับคอนโด ไม่อยากเป็นก้างขวางคอเพื่อนหรอกครับ มันบาป
    ถ้าถามว่าตอนนี้ผมยังรอมันไหม... รอครับ รอคำอธิบาย
    ถ้าถามว่าตอนนี้ผมโกรธมันไหม... ไม่ครับ แต่เสียใจลึกๆ
    ถ้าถามว่าตอนนี้ผมอยากทำอะไร... ไม่มีครับ ผมได้แต่นั่งโง่ๆ อยู่ในห้อง คิดอะไรไม่ออก

    ครืดดดดดดดดดดดดดดด
    "ฮัลโหล ว่าไงมึง ไม่สวีตกับพี่ปอนด์ของมึงต่อแล้วเหรอ"
    "สัด ทำเป็นน้อยอกน้อยใจ มาสวีตกับกูเปล่าล่ะ เดี๋ยวพี่ปิงจะจุ๊บปลอบใจน้องเตอร์สักที"
    "เหี้ย ขนลุก" จุ๊บมึงกูไปจุ๊บหมายังดีกว่า
    "มึงโอเปล่าวะเตอร์"
    "ก็ดี"
    "เสียงมึงหมาหงอยมาก"
    "กูควรลั้ลลาเหรอ"
    "นี่มึงชอบเค้าแล้วใช่ป่ะ"
    "กูว่าจะลองดูไปเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ไม่อยากดูแม่งแล้ว"
    "ชอบก็ไม่บอกเค้าไป ระวังจะอดแดก"
    "มันอยู่ให้กูบอกมั้ยล่ะ ไม่อยากคบกูไม่ว่า มีอะไร ติดอะไรบอกกูก็ได้สักคำ กูจะไม่ยุ่งกับมันเลย แต่นี่อยู่ๆ หายหัว แล้วนัดกุไว้ด้วย กูควรโอเคเหรอวะ"
    "พี่ปอนด์บอกว่า ถ้าติดต่อได้จะรีบบอกมึง"
    "อืม"
    "พี่แท็กเค้าคงมีธุระแหละมึง เดี๋ยวก็ติดต่อมา"
    "นานไปป่ะ 3 วันแล้วนะ"
    "อย่าเพิ่งไปคิดมึง อยู่หล่อๆ ไป เดี๋ยวก็ดี"
    "นี่คำปลอบใจมึงเหรอ"
    "เออ ให้กูไปอยู่เป็นเพื่อนเปล่า"
    "ไม่เป็นไร กูโอเค"
    "เออ พักผ่อนได้แล้วมึง"
    "อือ"
    ผมวางสายไป แล้วหลับตาลงบนโซฟา ตอนนี้ไม่อยากจะเขยื้อนตัวไปไหนทั้งนั้น นี่ผมปล่อยให้แท็กซี่มันเข้ามามีอิทธิพลกับหัวใจของผมมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ โคตรบ้าเลย
    ผมกลับเข้าไปอยู่ในจุดที่ความรู้สึกใกล้เคียงกับวันที่เจนหายไปเต็มที ผมลองไปหยิบโทรศัพท์ที่มันทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้ามาชาร์จแบตดู แต่ก็เข้าโทรศัพท์มันไม่ได้เพราะไม่รู้รหัส เพิ่งจะคิดได้ว่าแม่งไม่แฟร์เลย ไม่เคยไปแอบดูรหัสมันสักครั้ง

    1112 ตัวเลขแรกที่ผมกดลงไปบนโทรศัพท์ในมือ ผมคงจะหิวพิซซ่าสินะ... Try Again
    1234 ตัวเลขโง่ๆ ที่คนฉลาดๆ อย่างมันคงไม่ตั้งแน่นอน... Try Again
    1308 เอารหัสเดียวกับโทรศัพท์กูไปเลยแล้วกัน... Try Again
    1502 ในเมื่อผมตั้งเลขห้องเป็นรหัสตัวเอง มันอาจจะตั้งเลขห้องมันเป็นรหัสตัวเองก็ได้... Try Again โทรศัพท์มันบอกผมแบบนั้นเหมือนเดิม
    0000... Try Again ผมยอมแล้ววางโทรศัพท์มันลงที่เดิม เห้อ... แล้วกูทำอะไรได้บ้างวะเนี่ย แดกเหล้า...คิดได้เท่านี้แหละครับ
    เดินออกจากคอนโดไปเรื่อยๆ แล้วก็ไปหยุดอยู่ที่ร้านที่เคยดวลเหล้ากับไอ้แท็กซี่ ผมเข้าไปนั่งที่โต๊ะตัวเดิมที่เคยนั่งกับมัน เบียร์ที่สั่งมาก็รสชาติเหมือนกับวันนั้น พนักงานกับบรรยากาศก็ไม่ต่างจากเดิม ส่วนนักร้องก็กำลังร้องเพลงอยู่ที่มุมเดิม
     'ทำอะไรให้กันไปจนมากมาย ทำอะไรๆ ก็คิดถึงกัน
    ทำให้ในวันนี้ที่ใจฉันเริ่มหวั่น และอยากจะพูดไป
    ว่าคนที่คอยประคองอยู่เคียงข้างกัน มีแต่เธอเท่านั้นและฉันซึ้งใจ
    แต่ลืมหรือเปล่าว่าเราที่จริงนั้นเป็นแค่ใครที่ไม่รู้จักกัน
    ที่แท้ไม่แน่ใจ อาจจะหลงไปด้วยแรงผลักดันหัวใจเท่านั้น
    ที่จริงเราไม่ได้รักกัน เราก็แค่หลงไป เคลิบเคลิ้มไปกับความประทับใจในแต่ละวัน
    หากเราลองมาคิดดีๆ ทบทวนอีกซักที จะรู้ที่จริงเราไม่ได้รักกัน ก็แค่ความผูกพันเท่านั้นเอง'

    แปลกเหมือนกันนะครับ ทั้งที่เราเองก็รู้อยู่แล้วว่าที่ตรงไหนที่มีความทรงจำดีๆ อยู่ร่วมกันจะทำให้เรายิ่งเสียใจ แต่เวลาคนเราอกหักก็ยังจะชอบพาตัวเองไปอยู่ในที่นั้นๆ ไปทำตัวเป็นพระเอก นางเอกเอ็มวี เศร้าๆ ลอยๆ คิดแล้วก็ตลกดี นี่ผมกำลังรู้สึกว่าถูกผู้ชายหักอกใช่ไหม?

 

** เพลง ที่จริงเราไม่ได้รักกัน - MILD

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 12
«ตอบ #21 เมื่อ29-01-2017 11:16:58 »

ตอนที่ 12

   #ปิงปอนด์

    "ฮัลโหลไอ้ปอนด์ เด็กที่บ้านบอกมึงโทรมาหากูเหรอ"
    "ไอ้แท็กมึงหายหัวไปไหนมา ติดต่อไม่ได้ตั้ง 5 วัน" ไอ้เพื่อนตัวดีของผมที่หายหัวไปไม่มีใครตามหาเจอ จนน้องเตอร์ไม่เป็นอันทำอะไรเพิ่งจะติดต่อผมกลับมา
    "กูไปอังกฤษมา"
    "ไปทำห่าไร แล้วจะไปไหนไม่คิดจะบอกใครเลยรึไง"
    "มันกะทันหันว่ะ"
    "โทรศัพท์กริ๊งเดียวมันไม่ได้เลยรึไงวะ"
    "คือแม่กูป่วยหนัก ตอนแรกกูก็รีบเคลียร์งานว่าจะไปหาแม่อาทิตย์หน้า เพราะพ่อกูก็ไปเยอรมัน ไม่มีใครดูงานแทน แต่เมื่อ 5 วันก่อนพอกูไปถึงออฟฟิศ น้องกูโทรมาบอกว่าแม่เข้าไอซียู กูต้องรีบไปดูแม่เดี๋ยวนั้น กูก็รีบบินไปเลย โทรศัพท์ก็ลืมไว้ที่ห้องเตอร์ แม่งวุ่นวายฉิบหายวันนั้น พอไปถึงที่นั่น วันๆ กูขลุกอยู่แต่ในโรงพยาบาล เนี่ยแม่ดีขึ้นแล้ว พอออกจากไอซียูกูก็รีบบินกลับไทยเลย ต้องมาดูงานที่บริษัทต่อด้วย" ไอ้แท็กมันร่ายยาวถึงเหตุผลที่หายตัวไป พ่อแม่มันผมรู้จักดีอยู่แล้วครับ เพราะผมเป็นเพื่อนมันตั้งแต่อนุบาล พ่อแม่มันเลิกกันตอนมันเข้ามหาวิทยาลัย แม่มันเลยไปอยู่อังกฤษกับน้องสาวมัน ส่วนมันก็อยู่กับพ่อที่ไทย ช่วงหลังมานี้แม่มันป่วยบ่อย มันก็บินไปหาแม่มันปีนึง 2-3 ครั้ง
    "แล้วมึงรู้มั้ยเตอร์มันเศร้ามาก มันหามึงไม่เจอ มาถามหาจากกู กูก็ติดต่อมึงไม่ได้"
    "กูก็รีบกลับมาเก็บของที่บ้านเนี่ย ว่าจะออกไปคอนโดหาเตอร์ต่อเลย"
    "รีบไปเลย มันโกรธมึงแน่ๆ ปิงเล่าว่า เตอร์มันคิดว่ามึงจะเทมัน"
    "เทเหี้ยไร แอบมองมาตั้งนาน กว่าจะได้เข้าใกล้"
    "น้องมันจะรู้กับมึงเหรอวะ อยู่ๆ มึงนัดมันแล้วก็หายไปแบบนั้น"
    "ก็กูจำเป็น ห่วงแม่ด้วย กูก็ไม่ทันได้คิด โทรศัพท์ก็ลืมเอาไป"
    "คนมันเคยเจ็บกับการโดนเทมาเมื่อไม่นานนี้เอง คนเก่ามันก็คุยกันอยู่ดีๆ ก็หายไปไม่ใช่หรือไง เตอร์มันก็คงจะคิด"
    "เดี๋ยวนะ มึงบอกว่าเตอร์เศร้า มันเศร้าขนาดไหนวะ"
    "กูไม่รู้ กูก็เห็นมันตามหามึง ปิงก็บอกว่ามันดูเศร้า"
    "ดีใจเหี้ยๆ"
    "ดีใจเหี้ยไร แล้วนี่โทรไปหามันยัง"
    "ยัง กูไม่มีเบอร์ เบอร์ก็อยู่ในโทรศัพท์ที่ลืมไว้กับมันนั่นแหละ ตอนแรกว่าจะเอาของมาเก็บแล้วไปหาที่คอนโด แต่ตอนนี้กูเปลี่ยนใจแล้วว่ะ"
    "เอ้าไอ้ห่านี่ รีบๆ ไปหามันได้แล้ว ป่านนี้รอมึงไม่ได้หลับได้นอนกี่คืนแล้วไม่รู้"
    "ถ้าเป็นแบบนั้นได้ กูจะดีใจมากกกกกก แปลว่ามันคงรักกูแน่ๆ"
    "มึงก็เหี้ย ทำเค้าเสียใจแล้วยังเสือกดีใจ"
    "มึงช่วยกูทีดิปอนด์ กูจะง้างปากคน"
    "ช่วยอะไรของมึง"
    "กูไม่แน่ใจว่าแม่งคิดยังไงกับกู แม่งไม่ยอมรับกูสักที แต่มึงบอกว่าเตอร์เศร้าที่กูหายไป แปลว่ามันก็คงใจตรงกับกูแหละ กูว่ากูให้สถานการณ์พาไปให้มันพูดเองดีกว่า" มันบอกผมว่า ให้ผมไปบอกให้ปิงช่วยไปบิวด์เตอร์ ไปชวนคุย ไปหลอกถามว่าเตอร์รู้สึกยังไงกับมันบ้าง แล้วมันจะแอบอยู่ในห้องรอฟัง ผมว่างานนี้เตอร์โกรธแน่นอน แต่แท็กซี่มันก็ยืนยันว่ามันจะเอาแบบนี้ เดี๋ยวมันง้อเตอร์ได้ ผมก็ตามใจมันครับ กดโทรศัพท์หาผัวตัวเองเพื่อช่วยเพื่อนสุดที่รักง้างปากน้องเตอร์
    "ฮัลโหลคร้าบบบที่รัก" ตั้งแต่คบกับเด็กปิงนี่มา มันไม่เคยปล่อยให้ผมรอมันรับโทรศัพท์นานเกิน 5 ตู๊ดเลยครับ แถมมันยังขี้อ้อนได้ขัดกับหน้าตาอินดี้ของมันมากกกกกก เพื่อนๆ มันชอบว่ามันหลงตัวเองแล้วก็เห่อเมีย ผมว่าก็จริงนะ บางทีผมอาจจะหลงมันก็เพราะความเห่อเมียของมันนี่แหละ
    "จะนอนรึยัง"
    "นี่โทรเช็คหรือว่าอะไร"
    "เช็คอะไร"
    "เช็คว่าปิงไปเที่ยวหรือเปล่า"
    "มึงจะไปก็ไป กูจะไปห้ามอะไรมึง"
    "ห้ามได้นะ ปิงให้สิทธิ์พี่ปอนด์เต็มที่ มีสิทธิ์ในตัวปอนด์ทุกสัดส่วนโดยชอบธรรมไปเลย"
    "กูถามแค่นอนรึยัง นี่ร้องปิงพูดซะยืดยาวเลยนะครับ"
    "ยังไม่นอนครับ นอนไม่หลับ พี่มานอนให้ผมกอดสิ ผมจะได้หลับสบายตลอดคืน"
    "วกเข้าตัวเองตลอดเลยนะ"
    "นิดนึง เผื่อหลงกล"
    "มีเรื่องจะให้ช่วยหน่อย"
    "ว่ามาเลย ขอแค่พี่สั่งมา ผมทำให้ได้ทุกอย่าง"
    "มึงนี่ก็เว่อร์ ไอ้แท็กมันโทรมาเมื่อกี้"
    "จริงดิ ตกลงหายไปไหนมาอ่ะ แล้วไอ้เตอร์รู้ยัง"
    "ยัง แท็กมันไม่ยอมไปหาเตอร์ พอดีแม่มันป่วยเข้าไอซียูอยู่อังกฤษ มันเลยบินไปกะทันหัน ตอนแรกมันกะเอาของไปเก็บที่บ้านแล้วไปหาเตอร์ แต่เด็กที่บ้านมันบอกว่ากูโทรไป มันเลยโทรกลับมาหากูก่อน แล้วพอกูเล่าว่าเตอร์เศร้ามากที่มันหายไป มันเลยจะให้มึงช่วยอะไรหน่อย"
    "ช่วยอะไรครับ"
    "ช่วยไปง้างปากไอ้เตอร์ที่คอนโด ไปบิวด์ให้มันพูดว่ารู้สึกยังไงกับไอ้แท็ก แล้วไอ้แท็กมันจะแอบอยู่ในห้องรอฟัง"
    "เล่นอะไรเป็นเด็ก ไอ้เตอร์รู้โกรธตายห่าเลย ผมไม่เอาด้วยอ่ะ"
    "กูก็บอกมันแล้ว ว่าเตอร์มันจะโกรธ แต่มันก็บอกว่ามันง้อได้"
    "แล้วถ้าพี่แท็กอยากรู้ ทำไมไม่ถามจากเตอร์มันดีๆ ง่ายกว่าอีก"
    "มันบอกว่า มันไม่อยากรอแล้ว เตอร์มันปากแข็ง ไม่ยอมรับมันง่ายๆ"
    "อย่าเลยพี่ เดี๋ยวมันโกรธผมไปด้วย พี่แท็กง้อได้ แต่ผมขี้เกียจง้อว่ะ"
    "เอางี้ ถ้ามึงช่วย กูยอมไปเที่ยวกับมึงทริปนึง 3 วัน อาทิตย์หน้านี้เลย"
    "ตกลง" ปิงรับคำทันที เพราะมันชวนผมไปเที่ยวอยู่นานแล้ว แต่ผมบ่ายเบี่ยงมันตลอด ไม่ใช่ว่าไม่อยากไปหรอกครับ แต่หมั่นไส้เวลามันเซ้าซี้โอเว่อร์ เลยแกล้งมันสักหน่อย
    "ไม่คิดหน่อยเหรอ"
    "ไม่เอา เดี๋ยวพี่เปลี่ยนใจ"
    "ไม่กลัวเพื่อนโกรธแล้วหรือไง"
    "ช่างแม่ง ได้ไปเที่ยวกับที่รักถือว่าคุ้ม ผมไม่ใช่คนปากแข็ง ตกลงกันง่ายๆ ไปเลย ดีลเลยนะ อาทิตย์หน้า 3 วัน ห้ามเปลี่ยนใจด้วย"
    "กูไม่เปลี่ยนใจหรอก เด็กมันขี้อ้อน แล้วกูก็เป็นคนขี้ใจอ่อน"
    "พี่ปอนด์"
    "อะไร"
    "พี่แม่ง ชอบทำให้คิดถึงอยู่เรื่อยเลยว่ะ ถ้าอ้อนให้มาหาตอนนี้จะมาผมป่ะ"
    "ไหนลองอ้อนดูซิ"
    "ที่รักคร้าบบบบ ปิงเหงาจังเลยครับ คิดถึงแฟนมากกก ถ้าคืนนี้แฟนมานอนข้างๆ ชีวิตปิงคงจะสดใสรุ่งเรืองผ่องอำไพ แต่ถ้าแฟนไม่อยากมาก็ไม่เป็นไรนะ ปิงเข้าใจ ปิงก็คงทำได้แค่คิดถึงจนนอนไม่หลับ"
    "ฮ่าๆๆๆๆ" ผมขำกับความไบโพล่า ติงต๊องของแฟนตัวเอง มันบ้าๆ บอๆ แบบนี้เสมอต้นเสมอปลาย แต่ก็เพราะความต๊องๆ แบบนี้ของมันนี่แหละ ที่ทำให้โลกของผมสดใสขึ้น เครียดๆ ทีไรคุยกับมันก็ตลกทุกที
    "ที่รักขำแบบนี้ คือไม่มาใช่มั้ย"
    "กูพูดเหรอว่าจะไม่ไป"
    "แฟนจะมาเหรอ"
    "ก็ถ้าแฟนคิดถึงมากกกกกกก ก็อาจจะไป"
    "แฟนคิดถึงมากที่สุด รีบมาเลยนะครับ ใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวรอเลย"
    "กูไม่ไปแล้ว"
    "ไม่ทันแล้วครับ"
    "..."
    "แฟนมารับแล้ว" ปิงเปิดประตูห้องทำงานของผมเข้ามา แล้วกดตัดสายโทรศัพท์ไป
    "มาได้ไงเนี่ย" คุยอยู่ดีๆ มันก็โผล่มาเฉยเลยไอ้เด็กนี่
    "ขับผ่านมาทางนี้พอดี ตอนแรกว่าจะกลับบ้านแล้ว แต่พอได้ยินเสียงฮัลโหลแฟนปุ๊ป ก็เลี้ยวมาทางนี้เลย"
    "มาทำไม"
    "มารับไง คืนนี้ต้องกลับด้วยกัน"
    "ไม่ไป ทำไมกูต้องไปด้วย"
    "คืนนี้ต้องกลับด้วยกัน ไม่ใช่ประโยคคำถามครับ... มันเป็นประโยคบังคับ"
    "ขอเหตุผลดีๆ ว่าทำไมต้องกลับไปด้วย" ยื้อสักหน่อย เผื่อมันจะอ้อนอีก
    "ก็ไม่ทำไม คิดถึงมาก ไม่สงสารกันเหรอ"
    "มึงน่าสงสารตรงไหน"
    "โหยยยย พี่ปอนด์แม่งงงง" มันเดินเข้ามากอดผมแล้วเอาหัวมาถูไถกับไหล่ของผม อ้อนเป็นหมาเลยแฟนกู
    "มึงไม่น่าสงสารหรอกปิง มึงน่ารักมากกว่า" หยอดกันดื้อๆ ไปวันๆ แบบนี้แหละครับคู่เรา

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 13
«ตอบ #22 เมื่อ29-01-2017 11:18:05 »

ตอนที่ 13

    ผมรับโทรศัพท์จากไอ้ปิง มันบอกว่ามันมาหาผม และกำลังยืนรออยู่ข้างล่างคอนโด ให้ผมรีบลงไปรับและช่วยมันหิ้วเบียร์ด้วย  ผมหยิบกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลมาสวมทับบ็อกเซอร์แล้วรีบลงไปรับเพื่อนรักที่โผล่มาหาเอาตอน 2 ทุ่ม โดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า แถมยังขนเบียร์มาเป็นลัง ยกมาทั้งลังเลยจริงๆ ครับ ไม่รู้อารมณ์ไหนของมัน
    "อารมณ์ไหนมึง พี่ปอนด์ไม่รักหรอ ถึงขนแอลกอฮอล์มาหากูได้” ผมรับลังเบียร์จากมัน ส่วนมันก็หิ้วถุงขนมอีกสามถุงเดินตามผมไปที่ลิฟต์
    "ปากดีนะมึง เมียกูอ่ะรักกูมากไม่ต้องห่วง ห่วงตัวเองเหอะมึง"
    "กูไม่มีอะไรน่าห่วง"
    "หรอครับคุณเตอร์ ดูแลตัวเองบ้างนะมึง ดูสภาพจะหมดหล่อแล้วยังไม่รู้ตัว"
    "ความหล่อกูมีเยอะมากนะ มันหมดได้ด้วยเหรอวะ” มันหัวเราะแล้วเดินเข้าลิฟต์ไปก่อนผม
    "สัด ปากดี"
    เดินมาถึงห้อง ไอ้ปิงก็หยิบคีย์การ์ดจากมือผมไปแตะที่ประตู พอเข้าไปมันก็จัดแจงเอาเบียร์ไปแช่ แล้วก็จัดที่นั่งพร้อมกับแกล้ม และรินเบียร์ให้พร้อม
   "ตกลงนึกยังไง ถึงขนเบียร์มาหากู"
    "กูเป็นห่วง เห็นมึงซึมเศร้า เลยว่าจะมานอนเป็นเพื่อน"
    "..." วันก่อนแม่งยังสวีตกับพี่ปอนด์แทงใจกูอยู่เลย วันนี้เพิ่งจะมาเป็นห่วงกูนะไอ้ห่า
    "ซึ้งดิ"
    "ซึ้งเหี้ยๆ"
    "นั่งแดกได้แล้ว ยืนทำเหี้ยไร" มันยื่นแก้วเบียร์มาให้ผมที่ยืนอยู่ ผมรับมา แล้วนั่งลงไปชนแก้วกับมัน จริงๆ มีมันมาอยู่เป็นเพื่อนก็ดีครับ 5 วันมานี้ ผมเหมือนคนฟุ้งซ่าน คิดวนไปวนมาแต่เรื่องไอ้แท็กซี่ ตอนถูกเจนเทมายังไปเคลียร์ที่บ้านได้ แต่นี่ผมไม่รู้จะไปตามหาแท็กซี่ที่ไหน ข้อมูลเกี่ยวกับมันผมก็รู้น้อยมาก แทบจะไม่เคยถามอะไรมันเลย ขนาดพี่ปอนด์เป็นเพื่อนสนิทยังติดต่อไม่ได้ แล้วผมที่ไม่ได้เป็นอะไรกับมันจะไปหามันเจอได้ยังไง
    "มึงโอเคยัง"
    “ก็โอเค" ผมยิ้มนิดๆ แล้วกระดกเบียร์ไปครึ่งแก้ว
    "แต่หน้ามึงแม่งไม่โอเคเลย"
    "อืม หน้ากูดูไม่โอเคหรอก หน้ากูดูหล่อ"
    "นี่โดนทิ้งจนเพ้อเหรอ"
    "สัด" นี่จะมาช่วยหรือมาซ้ำเติมห่าปิง
    "แล้วเอาไงต่อ"
    "ก็ไม่เอาไง หาแม่งไม่เจอก็เลิกหา กูมีทางเลือกเหรอ"
    "เอาหน่า มึงก็เพิ่งลองๆ คุยเอง ถ้าสมมติพี่เค้าจะหายไปจริงๆ ก็ช่างแม่งก็ได้มั้ง"
    "แม่ง ไม่ใช่ว่ะ" ไม่ใช่เรื่องที่จะช่างแม่งได้เลยครับ
    "ไม่ใช่อะไร"
    "ในฐานะที่มึงเป็นเพื่อนรักกู กูจะบอกมึงตามตรง...กูไม่รู้ว่าแม่งเกิดขึ้นได้ยังไง ทั้งที่ตอนกูเลิกกับเจน กูก็ตั้งใจว่าจะไม่เทใจให้ใครเร็วๆ แบบนั้นอีก"
    "แล้ว?"
    "แท็กซี่มันเข้ามาอยู่ในชีวิตกูทุกวัน อยู่จนเป็นเรื่องปกติที่กูต้องมีมันตลอด ตอนแรกกูไม่มั่นใจเลยที่จะคบผู้ชาย แต่กูก็ไม่รู้ว่ากูไปชอบมันได้ไง” ผมตัดสินใจพูดความรู้สึกของตัวเองให้เพื่อนฟังตรงๆ ไอ้ปิงเป็นเพื่อนที่ผมไว้ใจที่สุด และมันก็น่าจะเข้าใจผมที่สุด เพราะมันเองก็ชอบผู้ชาย
    "สรุปมึงชอบเค้าแล้ว แต่ก็แค่ชอบ คนเราแม่งก็ชอบกันเยอะแยะไป เดี๋ยววันนี้ชอบคนนั้น อีกวันก็ชอบคนนี้ เรื่องปกติ กูว่ามึงเลิกชอบเค้าได้อยู่แล้ว"
    "ไม่ใช่แบบนั้นว่ะปิง กูไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้แม่งคืออะไร แต่กูเหงาเวลาที่กูไม่เจอมัน กูเสียใจที่มันหายไปไม่บอกอะไรกูสักคำ กูเริ่มคิดกับมันมากกว่าคนรู้จักกัน มากกว่ารุ่นพี่ จริงๆ จะคบผู้หญิงหรือผู้ชาย แม่งก็เจอความรู้สึกเหี้ยๆ ได้ทั้งนั้นเนอะ"
    "เหี้ย กูไม่คิดว่ามึงจะชอบเค้าจริงจัง ก็เห็นมึงก็ดูเฉยๆ ไม่ได้ยินดียินร้าย"
    "ก็กูไม่เคยชอบผู้ชาย อยู่ๆ จะให้กูตกลงโอเคเลยได้ไงวะ กูก็ต้องคิดหน่อย"
    "แล้วถ้ามึงหาเค้าเจอ มึงจะทำไง"
    "ไม่รู้แม่ง ขี้เกียจคิดแล้ว แดกดีกว่า มึงเลี้ยงกูทั้งที" ผมยกแก้วเบียร์ขึ้นชนกับปิง แล้วยกขึ้นกรอกลงคอ
    "เบาๆ หน่อย เดี๋ยวก็หัวทิ่ม" นี่ไม่ใช่เสียงปิง แต่เป็นเสียงของคนที่หายหัวไป 5 วันแล้วปล่อยให้ผมฟุ้งซ่านตามหามัน มันโผล่ออกมาจากประตูห้องนอนของผม ผมไม่ได้เมาแล้วหลอนแน่ๆ มันตัวเป็นๆ เดินเข้ามานั่งข้างๆ ผม
    "ผมไปหาพี่ปอนด์ก่อนนะพี่ เคลียร์กันเอง" ปิงหันไปบอกแท็กซี่แล้วขอตัวกลับออกไปจากห้องผม ผมรู้ได้ทันทีว่านี่ต้องเป็นแผนของไอ้เหี้ยที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม ส่วนไอ้ปิงนี่ก็คงต้องไปโดนบังคับอะไรมา
    "ไม่อยากเชื่อเลยว่าเตอร์จะคิดถึงแท็กขนาดนี้"
    “..." ผมควรจะทำยังไงดีครับ ต่อยมัน ด่ามัน หรือกอดมันให้สาสมกับความคิดถึง
    "จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอครับ เมื่อกี้พูดซะยาวเลย ตั้งใจฟังอยู่ตั้งนาน แต่อยากให้บอกต่อหน้ามากกว่า” ผมผลักแท็กซี่ที่ยื่นหน้ายื่นตามาใกล้ผมออกไป
    "เหี้ย นี่แผนมึงใช่มั้ย กูว่าแล้ว อยู่ๆ ไอ้ปิงแม่งโผล่มาทำห่าไรตอนสองทุ่มไม่บอกก่อน"
    "ก็ได้ข่าวว่ามีคนแถวนี้เศร้าตอนแท็กหายไป ถ้ามาถามตรงๆ ก็คงจะไม่ยอมรับ เลยแอบมาฟังเองดีกว่า"
    "มึงกลับไปเลย"
    "คิดถึง แล้วไล่ทำไม"
    "กูไม่อยากเจอมึง ออกไป"
    "อย่าโกรธเลยนะ"
    "กูไม่มีสิทธิ์โกรธเหรอวะ มึงไม่ไป กูไปเอง" ผมลุกขึ้นเดินออกจากห้องมา โดยที่แท็กซี่มันก็วิ่งตามผมมา ผมเดินหนีออกไปทางหน้าคอนโด เดินไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมาย รู้แค่ว่าไม่อยากจะมองหน้ามันตอนนี้ แม่งนึกจะไปก็ไป นึกจะมาก็มา แล้วยังมากับแผนเหี้ยๆ นี่อีก
    "รอแท็กก่อนสิเตอร์" มันเดินตามมาจนทันผม แล้วก็ยังคงเดินตามผมมาเรื่อยๆ ต่อไป
    "กูไม่อยากคุยกับมึง"
    "อย่าโกรธเลยนะครับ"
    "สนุกมากมั้ยวะ"
    "..." ตอนนี้ผมหันไปจ้องหน้ากับมัน เราหยุดยืนอยู่ริมถนนไม่ไกลจากคอนโดมากนัก เป็นซอยที่นานๆ ทีถึงจะมีคนเดินผ่านมา
    "กูถามว่าสนุกมากมั้ย มึงเล่นพอรึยัง มึงอยากหายไปก็หายไป แล้วมึงนัดกูไว้ทำไม แล้วเมื่อกี้ล่ะแผนเหี้ยอะไรของมึง สนุกเหรอที่แอบฟังกูพูดแบบนั้น เชิญมึงเล่นสนุกไปคนเดียว"
    "ใจเย็นก่อนเตอร์" มันจับแขนผมไว้ทั้งสองข้างแล้วส่งสายตาขอร้องให้ผมฟังมัน
    "โอเค กูให้เวลามึงอธิบาย 5 นาที ถ้าเหตุผลมึงไม่ดีพอ มึงก็กลับไปซะ"
    "แท็กลืมมือถือไว้ที่ห้องเตอร์ พอไปถึงออฟฟิศ เลขาก็บอกว่าแม่เข้าไอซียูอยู่ที่อังกฤษ แท็กต้องรีบบินไปเดี๋ยวนั้นเลย เลยไม่ได้ติดต่อใคร แล้วพอไปถึงก็ยุ่งอยู่กับเรื่องแม่ อยู่แต่ที่โรงพยาบาล พอแม่อาการดีขึ้น แท็กก็รีบบินกลับมานี่แหละ ทีแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะกะทันหันแบบนี้ กะว่าเคลียร์งานเสร็จอีกอาทิตย์นึงค่อยไป"
    "อืม"
    "เข้าใจแท็กแล้วเนอะ ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอก"
    "ถึงเรื่องนี้จะเคลียร์ แต่เรื่องแผนมึงกับไอ้ปิงเมื่อกี้กูไม่เคลียร์"
    "ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ ก็อยากรู้ว่าชอบกันหรือเปล่า ไม่อยากคิดไปเองคนเดียว"
    "..."
    "อย่าโกรธเลยนะ นี่รีบบินกลับมาเลยนะ คิดถึงเตอร์มาก"
    "กลับไปได้แล้ว ไม่ต้องตามกูมา" ผมไม่ได้โกรธมัน แต่ต้องสั่งสอนมันซะบ้าง ดีกับมันง่ายๆ มันจะได้ใจ ผมหันออกจะเดินต่อไป แต่มันก็คว้าแขนผมเอาไว้อีก
    "กลับด้วยกันนะ อยากนอนกอดเตอร์แล้ว"
    "ปล่อยกู"
    "กลับนะ แท็กไปส่งที่ห้องก็ได้ ส่งเสร็จแล้วแท็กจะกลับห้องเลย นะครับ" ผมเดินนำมันกลับไปทางคอนโดโดยทิ้งระยะห่าง ไม่ให้มันได้แตะตัวผม พอเดินมาถึงห้องมันก็ตามเข้ามาในห้องด้วย
    "ส่งเสร็จก็ไสหัวไป อย่าลีลา"
    "ใจร้ายจัง"
    "มึงไม่มีสิทธิ์มาต่อรอง"
    "ไม่คิดถึงแท็กหรือไง"
    "..." ไอ้ห่านี่เซ้าซี้อยู่ได้
    "แท็กไปอังกฤษมา เครียดมากเลยนะเตอร์ เพิ่มพลังให้แท็กหน่อยไม่ได้เหรอไง"
    "..." ผมขี้เกียจพูดอะไรกับมัน เลยเดินหนีไปนั่งที่โซฟาแทน มันเดินตามมาเอาหัวมาซบไหล่ผม
    "แม่ป่วยหนักมากครั้งนี้ พ่อก็ไปดูงานที่เยอรมัน แท็กต้องดูงานที่ไทยแทนพ่อ ไปหาแม่แล้วก็ต้องรีบกลับมาทำงานต่อ โคตรเหนื่อยเลย" ไม่คิดว่ามันจะมีภาระอะไรเยอะแยะ ปกติผมเจอมัน มันก็ทำตัวว่าง พาไปนั่นไปนี่ มากินข้าวด้วยทุกวัน ไม่เห็นจะเดือดร้อนการงานเยอะแยะอะไร
    "แล้วแม่หายยัง"
    "ก็ดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังอยู่โรงพยาบาล"
    "มึงโอเคนะ"
    "จะโอเคมาก ถ้าเตอร์ดีกับแท็ก"
    "กูไม่สนุกที่มึงทำแบบนี้ มึงหายไปแบบนั้น หายไปเหมือนที่เจนหายไป ต่างกันตรงที่กูไม่รู้ว่ากูต้องไปตามหามึงที่ไหน มึงหายไปในวันที่บอกให้กูรอมึงตามนัด แล้วถ้ามึงอยากรู้ว่ากูคิดยังไง มึงควรถามกู ไม่ใช่เล่นบ้าๆ บอๆ แบบนี้"
    "ขอโท..." เป็นผมเองที่เข้าไปจูบมัน จูบที่ผมโหยหามาตลอด 5 วัน ผมคิดถึงมัน ผมแน่ใจแล้วว่าผมคิดยังไงกับมัน ถ้าก่อนหน้านี้มันบอกว่าเป็นช่วงที่ให้ผมทดลองใช้ ตอนนี้ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อแท็กซี่คันนี้ คืนนี้คงไม่จบลงแค่จูบ เพราะตอนนี้เราทั้งคู่กำลังหยิบเอาความคิดถึงตลอด 5 วันออกมาบรรเลงใส่กันผ่านภาษากาย เราโอบกอดกันแน่น แท็กซี่กำลังทำในสิ่งที่จะทำให้สมองและหัวของผมเตลิดไปไกล ถ้านี่เป็นบริการหลังการขายของมัน คืนนี้ผมก็จะใช้บริการให้คุ้มค่าหัวใจของผมเลยครับ แท็กซี่... มึงต้องบริการจนกว่ากูจะพอใจ!
     ผมถูกยิงจนพรุนเลยครับเมื่อคืนนี้ แท็กซี่กับผมประกอบร่างกันไป 5 รอบ มันบอกว่าเป็นบริการชดเชย 5 วันที่หายไป แม่งพอเช้าาก็เจ็บใจตัวเองนิดนึง ผมว่าผมดีกับมันง่ายไปหน่อย
    "มอร์นิ่งครับเมีย" ตั้งแต่การประกอบร่างครั้งสุดท้ายของเราจบลงเมื่อตอนตี 3 แท็กซี่มันก็นอนกอดผมไม่ยอมปล่อยจนถึงตอนนี้
    “ใครเมียมึง...แค่ได้กัน ไม่ได้หมายความว่ากูตกลงเป็นเมีย" ยอมมันง่ายๆ ได้ที่ไหน หน้าตามั่นอกมั่นใจ น่าหมั่นไส้ฉิบหาย
    "เตอร์แม่ง ไหนเมื่อคืนใครที่บอกปิงว่าขาดแท็กไม่ได้"
    "นั่นมันก่อนมึงจะหายไป แต่พอมึงหายไป กูก็เริ่มทำใจแล้ว"
    "อย่ามาโกหก ไม่เล่นแล้ว"
    "กูว่ากูใจดีกับมึงมากไปแล้ว"
    "ก็ดีแล้วไงครับ นอกจากใจดีแล้ว เดี๋ยวแท็กจะทำให้เตอร์ใจระทวยด้วย" มันยื่นปากเข้ามาจะจูบผม แต่อย่าหวังเลยมึง เมื่อคืนกูใจดีมากไปแล้ว ผมผลักหัวมันให้หยุด
    "พอเลย ไปอาบน้ำ หาข้าวให้กูกินเลย"
    "ใจร้ายว่ะ สั่งเป็นพ่อบ้านเลย นี่ผัวนะ"
    "มึงยังทำไม่ครบสัญญาเลยนะ วันสุดท้ายมึงก็หายไป กูรอแดกเก้อนะ ความจำเสื่อมเหรอ"
    "ขอโทษคร้าบบบบบบบบบบ จะลุกไปทำให้เดี๋ยวนี้แหละครับ" มันลุกขึ้นไปอาบน้ำ เสร็จแล้วก็เข้าไปทำอะไรของมันไม่รู้อยู่ในครัว ผมก็เลยไปอาบน้ำบ้าง รอมันหุงหาอาหารมาปรนเปรอยามเที่ยง อาบน้ำเสร็จ ผมก็เห็นมันกำลังล้างกระทะเสียงก๊องแก๊งๆ อยู่ในครัว เลยลองเดินออกไปดู
    "นี่มึงทำเองเหรอ" บนโต๊ะตรงหน้าผมมีข้าวผัดกับแกงจืดเต้าหู้วางอยู่ หน้าตากับกลิ่นไม่เลวเลยทีเดียว
    "พี่แท็กยืนอยู่ตรงนี้ หมาที่ไหนจะทำล่ะครับ"
    "ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายจะทำอะไรแบบนี้เป็น"
    "อย่ามาดูถูกกัน เป็นเมียพี่ รับรองกินดีอยู่ดี แต่ห้องเตอร์นี่วัตถุดิบครบดีว่ะ ทำกับข้าวเป็นจริงจังขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่เคยเห็น"
    "อือ พอดีช่วงนี้กูไม่ได้ออกไปไหน ก็ซื้อมาไว้ทำกินเองในห้อง ขี้เกียจออกไปซื้อ" จริงๆ ผมชอบทำกับข้าวกินเองนะครับ บ้านผมเป็นร้านอาหาร ผมก็เลยวิ่งเล่นอยู่ในครัวมาตั้งแต่เด็ก ขอลองทำนั่นทำนี่ไปเรื่อยสนุกดี เพียงแต่ว่าไม่ค่อยมีเวลา ปกติก็อยู่ข้างนอกกับเพื่อนตลอด
    "ฮั่นแน่ๆ คิดถึงแท็กจนไปไหนไม่ถูกเลยดิ"
    "สัด จะแดกดีๆ มั้ย ปากดีอยู่นั่นนะมึง"
    "อ่ะๆๆ กินเลยคร้าบบบบ" แท็กซี่มันนั่งลงแล้วตักข้าวเข้าปากทำหน้าตาอร่อยโอเวอร์
    "อืม ใช้ได้" รสชาติอาหารมื้อนี้ของมันถือว่าอร่อยเลย ไม่น่าเชื่อว่าคุณชายแท็กซี่จะทำอะไรแบบนี้เป็น
    "แน่นอน"
    "แต่อร่อยน้อยกว่ากูทำ"
    "อย่ามาโม้"
    "นี่พี่เตอร์ ครัวมนต์นภานะครับ"
    "เดี๋ยวนะ ใช่มนต์นภา แถวเมืองเอกป่ะ"
    "เออ ร้านแม่กูเอง"
    "จริงดิ พ่อแท็กโคตรชอบไปกิน อร่อยมาก วันหลังทำยำกุ้งสี่สีให้กินหน่อยดิ"
    "ใช้กูเลยนะ ทำไมกูต้องทำครับ"
    "ไปกินที่ร้านก็ได้ จะได้แวะไปสวัสดีแม่ด้วย"
    "พอเลยมึง แดกๆ ไปแล้วก็กลับห้องตัวเองไป อยู่นานเกินไปแล้ว"
    "ได้เค้าแล้วก็ไล่นะ"
    "เหี้ย" แม่งชอบพูดจังเลยเรื่องได้กันๆ เนี่ย เจ็บใจตัวเองที่ตกเป็นเมียมัน จะกดมันคืนทีไร ก็แพ้มันทุกที
    "นี่ สัญญาที่บอกว่ามื้อสุดท้ายอ่ะ แท็กชดเชยให้ด้วยมื้อนี้ที่แท็กทำเองนะ น่าจะพิเศษที่สุดในอาหารเช้าสองเดือนที่ผ่านมา"
    "มึงคิดเองป่ะ น้ำเต้าหู้อาเจ็กหน้าคอนโดอร่อยกว่านะกูว่า"
    "เอออออออออ แล้วเดี๋ยวคืนนี้แท็กจะไปรับที่มอ ไปยกซดตามสัญญานะ วันนี้เตอร์เรียนบ่ายใช่ป่ะ งั้นเจอกันตอนเลิกเรียนที่มอนะ"
    "เจอกันที่ร้านก็ได้ เดินไปนิดเดียว มึงจะไปมอทำไร"
    "อยากไปรับเมีย ผิดเหรอ"
    "เมียพ่องงง แดกๆ แล้วกลับไปให้ไว" ผมก้มลงกินข้าว ไม่สนใจมัน ไอ้นี่แม่งตั้งแต่ได้ยินผมพูดกับไอ้ปิงไปเมื่อวาน มันก็ดูจะมั่นอกมั่นใจเหลือเกินในความรู้สึกที่ผมมีต่อมัน ผมแม่งไม่น่าพลาดเลย กินข้าวเสร็จมันก็รีบกลับไป บอกว่าจะรีบไปเคลียรืงาน แล้วไปรับผมที่มอตอนเย็น
    มาถึงมหาลัยผมก็สวดไอ้ปิงยับไปทีนึง เป็นเพื่อนกันซะเปล่า เสือกไปเห็นดีเห็นงามร่วมแผนการกับแท็กซี่ มันก็ขอโทษขอโพย บอกว่าขัดใจเมียไม่ได้ ส่วนพวกเพื่อนในกลุ่มผมมันก็รู้เรื่องกันหมดแล้วครับ เพราะช่วงที่แท็กซี่มันหายหัวไปอังกฤษ ผมคงไม่ปกติจนพวกมันมาถามจากปิง ปิงมันเลยเล่าให้พวกนี้ฟัง ก็ดีเหมือนกัน พวกมันจะได้ไม่ต้องมาซักฟอกลึกซึ้งเอาจากปากผม เดี๋ยวจะพาลโดนซักไปถึงเรื่องบนเตียง
    ข้อความจากแอพพลิเคชันไลน์เด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์ผมตอนใกล้จะหมดคลาสอาจารย์ภัทร

    TTT Taxi: รออยู่ใต้ตึกนะ
    meteR: รีบมาทำไม นี่เพิ่ง 5 โมง ร้านยังไม่เปิดเลยมึง
    TTT Taxi: คิดถึงเตอร์ เลยต้องรีบมา
    meteR: (สติ๊กเกอร์รูปหมียกตีน)
    TTT Taxi: เดี๋ยวพาไปกินข้าวหลังมอก่อน
    meteR: เอออีก 20 นาทีเลิก
    TTT Taxi: มาไวๆ นะครับเมีย

    ผมกดล็อคโทรศัพท์แล้วหันมาฟังอาจารย์สั่งรายงาน พอเลิกเรียนก็เดินลงมาพร้อมกับเพื่อนในกลุ่ม แท็กซี่มันเด่นอยู่ที่โต๊ะใต้ตึก ไอ้นี่แม่งออร่าสว่างไสวตลอดเวลา ไม่ต้องมองหา ใครๆ ก็ต้องเห็นมัน
    "แหมๆๆๆๆๆ มีการมานั่งรอกันซะด้วย" พิมพ์มันแซวทันทีที่มองไปเห็นแท็กซี่นั่งอยู่ ผมไม่ตอบอะไร แล้วทุกคนก็เดินเข้าไปทักทายแท็กซี่ที่โต๊ะ ผมไม่ปล่อยให้มันคุยอะไรกันมากมาย พอทักทายกันเสร็จ ผมก็ตัดบทขอออกมาเลย แท็กซี่มันก็เลยต้องบ๊ายบายทุกคนแล้วเดินตามผมออกมา
    แท็กซี่มันชวนผมไปกินข้าวร้านนึงแถวหลังมอ เป็นร้านที่เด็กสถาปัตย์ชอบมากันมาก มันบอกว่าคิดถึงสมัยเรียนเลยอยากมากิน กินเสร็จประมาณทุ่มนึง เราก็เดินไปยกซดกันต่อเลย แทบจะไปช่วยพี่เขาตั้งร้าน มาตั้งแต่ฟ้ายังมีแสงสว่าง วันนี้ร้านมีคนไม่มากนัก อาจจะเพราะว่ายังไม่ดึกด้วย เราเลือกนั่งโต๊ะมุมสุดของร้าน สั่งเบียร์มากินเหมือนเคย
    "รู้ป่ะทำไมชวนมา" มันถามผม
    "จะรู้มึงเหรอ เลี้ยงกู กูก็มา"
    "ใจง่ายจัง"
    "..." ผมกระดกเบียร์แก้วที่ 3 เข้าปาก
    "เตอร์...จำได้มั้ยเราเจอกันครั้งแรกที่ไหน"
    "ก็บนแท็กซี่ไง ไม่ดิ มึงอาจจะเคยเห็นกูที่คอนโด เพราะมึงถ่ายรูปกู รู้ว่ากูไปเรียนตอนไหนกี่โมง"
    "ผิดหมดเลย ที่ชวนมายกซด เพราะเราเจอกันครั้งแรกที่นี่"
    "กูไม่เห็นคุ้นหน้ามึง"
    "ก็มึงเมา จูบกูด้วย"
    "มึงหลอกกูชัวร์"
    "จริงๆ วันนั้นหลังงานรับปริญญาแท็ก แท็กไปกินข้าวกับพ่อเสร็จ ก็จะมาหาพวกเพื่อนที่ร้านนี่แหละ มาถึงยังไม่ทันได้กินอะไร เดินไปเข้าห้องน้ำ ก็เจอเตอร์ยืนโงนเงนๆ อยู่ในห้องน้ำคนเดียว พอแท็กเดินเข้าดู อยู่ๆ เตอร์ก็กอดแท็ก แล้วก็จุ๊บเฉยเลย"
    "มึงแต่เรื่องแน่ๆ" ไอ้ห่า มันจะมีเรื่องแบบนั้นได้ไงวะ
    "แล้วแต่ จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจ แค่อยากเล่าให้ฟัง"
    "..." เชี่ยยย แท็กซี่มันทำหน้าจริงจังเกินไปแล้ว นี่แม่งเรื่องจริงเหรอวะ
    "พอพาเตอร์ออกมาจากห้องน้ำ เบสมันก็บอกว่าเตอร์มากับมัน มันก็เลยช่วยกันกับพวกน้องสายรหัสเดียวกับเตอร์พาเตอร์ไปส่ง" แม่งจริงด้วย ถ้ามันรู้เรื่องที่พี่เบสไปส่ง มันก็ไม่น่าจะโกหก โอ๊ยยย กูไปจูบมันได้ไงงงงงงงงงง
    "..." ไม่รู้เลยว่าควรตอบไอ้แท็กซี่มันไปว่ายังไง อายฉิบหายครับ
    "เตอร์น่ารักดีตอนนั้น รู้ตัวมั้ยว่าพอเมาแล้วยิ่งน่ารัก"
    "สัด"
    "พูดจริงนะ เห็นเตอร์เมาทีไร แม่งอยากฟัดขึ้นเป็นกอง"
    "เหี้ย"
    "ก็นั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้อะไร พอคอนโดเปิดให้เข้าอยู่ได้ แท็กก็เข้าไปอยู่ที่นั่นบ้าง สลับกับกลับบ้านบ้าง แล้วก็บังเอิญเห็นเตอร์บ่อยๆ จากระเบียงห้อง แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเข้าไปรู้จักอะไร ไม่กล้าว่ะ กลัวโดนกระทืบ ได้ข่าวว่ามีแฟนเป็นผู้หญิงตลอด"
    "แล้วตอนที่มายุ่งกับกูนี่ไม่กลัวแล้วหรือไง"
    "อุตส่าห์ได้เจอบนแท็กซี่ตัวเอง แม่งบังเอิญฉิบหาย ก็อยากลองดู พอลองแล้วก็ติดใจ"
    "มึงแม่ง ไม่บอกกูก่อนเลย"
    "บอกอยู่นี่ไง ว่าชอบ ชอบมานานแล้ว ชอบจนตอนนี้หลงรักแล้วนะ แล้วเตอร์อ่ะรักแท็กบ้างยังครับ"
    "ไม่ต้องมากปากดี ทำเป็นพูดเพราะ กูยังเคืองนะที่มึงหายหัวไป"
    "ถ้าโกรธขนาดนี้ แปลว่ารักมากกกกกกกกกก"
    "มึงคิดเองแล้ว"
    "จำได้ป่ะ ยังเหลือคำสั่งอีกข้อนึงที่ยังไม่ได้สั่ง"
    "งั้นก็สั่งมาให้มันหมดๆ ไปสักที กูรำคาญ"
    "ไม่ได้สั่ง แต่จะเปลี่ยนเป็นคำขอ"
    "อะไร"
    "จะขอให้รับรัก ได้มั้ย"
    "สินสอดกูแพงนะ"
    "โห นี่คิดถึงแต่งงานเลยเหรอ"
    "คิดจะหลอกเอาเงินมึงนี่แหละ"
    "ระดับลูกชายครัวมนต์นภาแล้ว ไม่ต้องไปหลอกไถเงินใครแล้วมั้ง"
    "กูอยากได้คอนโดห้องใหญ่ๆ ขี้เกียจขอแม่"
    "ขอขนาดนี้ คือจะรับรักแล้วใช่ป่ะ"
    "รับไว้พิจารณาแล้วกัน"
    "ทำไมต้องเขิน" มันเอานิ้วมาเขี่ยแก้มผม แล้วทำหน้าล้อเลียน
    "เขินเหี้ยไร มึงนี่ทำไมชอบกวนตีน" พูดดีได้ไม่นาน แม่งก็กลับสู่โหมดกวนประสาท
    "เขินก็บอกว่าเขิน ไม่ใช่มาบอกว่าแท็กกวนตีน เอ้านี่... ให้" มันยื่นซองสีน้ำตาลขนาดประมาณกระเป๋าสตางค์มาให้ผม
    "อะไร"
    "เปิดดูเอา" ผมเปิดดู ก็เจอการ์ดหน้าตาเหมือนกับคีย์การ์ดห้องผม
    "คืนกูเหรอ" อยู่ๆ ก็ยอมคืนคีย์การ์ดให้ผมซะเฉยๆ
    "ใช่ที่ไหนเล่า ดูเลขห้อง 1502 มันห้องแท็ก อยากได้ห้องใหญ่ๆ ไม่ใช่เหรอไง ขนของมาอยู่ด้วยกันได้ตามสบาย รับสินสอดไปแล้ว ต้องมาดูแลกันด้วยนะ"
    "..."
    "เงียบนี่คือรับรักแล้วใช่ป่ะ"
    "จะเห็นแก่คอนโดแล้วกัน"
    "เตอร์ขายตัวเหรอ"
    "ซื้อมั้ยล่ะ"
    "ซื้อ"
    "เหนื่อยจะมีฟอร์มกับมึงแล้วว่ะ อย่าหายไปไหนไม่บอกอีก" นี่เป็นความจริงที่สุดในใจของผมแล้วครับ ยิ่งเห็นไอ้ปิงกับพี่ปอนด์แล้ว ผมก็ไม่อยากจะมานั่งฟอร์มให้เสียเวลาอีก
    "ไม่หายไปไหนหรอก จะอยู่กวนตีนทุกวันไม่ให้เตอร์เหงาใจ"
    "สัด"
    "พูดกับผัวเพราะๆ สิครับ"
    "เหี้ย"
    "นี่คือการบอกรักใช่ป่ะ"
    "มึงนี่นะ"
    "รักแท็กมากสินะ ดูดิรับรักโคตรเร็วเลยวันนี้ ไม่ดื้ออย่างที่คิด"
    "กูเห็นแก่คอนโด"
    "ชอบห้องแท็กขนาดนี้ คืนนี้มานอนด้วยกันนะ เตียงแท็กใหญ่มาก มีพื้นที่ให้เราทำการแสดงได้แบบอลังการโชว์เลย”
    "เหี้ย"

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: <3 Taxi me ter ll ตอนที่ 13 Up 29/1/60 <3
«ตอบ #23 เมื่อ29-01-2017 11:39:56 »

อ่านรวดเดียวเลย o13

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 14
«ตอบ #24 เมื่อ29-01-2017 21:00:17 »

ตอนที่ 14

    วันนี้ผมนั่งอยู่ใต้ตึกสถาปัตย์ติดต่อกันเป็นชั่วโมงที่ 6 แล้วครับ ตอนนี้ใกล้จะเข้าช่วงสอบแล้ว แต่ดันมีโปรเจคต์ที่ไม่เข้าใกล้คำว่าเสร็จเลยสักนี้ดดดดดดดดดด กูจิครายยยยยยยยยยยยยยย ล้องห้ายยยยยยยยยยยยย ตัดโมเดลวนไปครับ ตัดแบบไม่ต้องกลัวเหงาเลย เพราะตึกคณะคึกครื้นมา 4 คืนแล้ว พอไม่มีเรียนหรือเลิกเรียนปุ๊บ เกือบทุกคนก็พร้อมใจกันมานั่งสุมหัวทำโปรเจคต์ของตัวเองที่นี่แหละครับ ผมเองก็ด้วย ไม่อยากกลับไปทำคนเดียว มันเหงาใจ
    หน้าจอโทรศัพท์โชว์เวลา 20.00 น. พร้อมกับข้อความไลน์จากแท็กซี่เจ้าเดิม (เพิ่มเติมคือมันหลงผมหนักกว่าเดิม ไม่ได้คิดไปเอง) ที่มันขยันส่งมาทั้งที่ผมไม่ค่อยจะมีเวลาตอบ

    TTT Taxi: เมียยยยยยยยยยยยยยย
    TTT Taxi: ตอบหน่อยยยยยยยยย ผัวคิดถึงมากกกกกกกกกก
    meteR: กูทำงาน
    TTT Taxi: วันนี้กลับกี่โมง
    meteR: อีกยาววววววววว พรุ่งนี้วันหยุด ทุกคนคงอยู่ทำกันยาว กูก็เช่นกัน
    TTT Taxi: เตอร์กลับดึกมา 4 คืนแล้ว เราแทบไม่ได้เจอกันเลยนะ
    meteR: กูรีบ กูไปทำงานก่อนนะ
    TTT Taxi: อย่าเพิ่งดิ วันนี้คุยกันไปแค่สองประโยคเองนะ แล้วเมื่อเช้าก็ไม่ยอมลุกมากินข้าวกับแท็ก จะโกรธแล้วนะเว้ย
    meteR: กูไปทำงานแล้วนะ
    TTT Taxi: กลับเหอะนะ ขอร้องงงงงงงงงง เอากลับมาทำที่ห้องก็ได้
    meteR: ไม่เอา กูจะรีบทำให้มันเสร็จๆ

    "ไม่กลับ ก็อยู่ด้วยกันที่นี่แหละ" แท็กซี่โผล่เข้ามานั่งข้างๆ ผม แล้วก็ไม่ได้มาแค่คนเดียว
    "พี่ปอนด์คร้าบบบบบ ช่วยปิงด้วยยยยยย ปิงเหนื่อยยยยย" ไอ้ปิงมันวางงาน แล้วหันไปอ้อนเมียมันทันทีที่พี่ปอนด์นั่งลงข้างมัน
    "พี่แท็ก พี่ปอนด์ หวัดดีค่าาาาาา" แพร พิมพ์ พลอย เงยหน้าขึ้นมาทักทายกับสองแขกที่ไม่ได้มีใครเชิญมา เอ๊ะหรือไอ้ปิงมันอาจจะเชิญพี่ปอนด์มา
    "แหมๆๆๆๆ ถึงกับต้องตามเฝ้ากันเลยหรอคะ"
    "นิดนึงอ่ะน้องแพร เตอร์มันแทบไม่มีเวลาอยู่ห้องเลย ก็มาเฝ้ามันที่นี่แหละ คิดถึง"
    "โอ๊ยยย หมั่นไส้ เพื่อนชายกูมีผัวหล่อและดีทั้งคู่ กูสามคนอยากถวายมดลูกให้ไปเลยค่ะ" พลอยมันยื่นหน้ายื่นตามาพูดกับผมและปิง
    "พูดมากอยู่ได้ มาแล้วก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์" ผมหันไปดุแท็กซี่ก่อนที่มันจะต่อความยาว ให้ไอ้สามพอมันล้อไม่จบไม่สิ้น
    "มานั่งเป็นกำลังใจให้ขนาดนี้ ยังไม่มีประโยชน์อีกเหรอ" มึงจะกระซิบกูอะไรขนาดนั้นวะแท็กซี่ ไอ้นี่แม่งขยันทำตัวให้เป็นที่สนใจจริงๆ
    "ช่วยกูตัดโมเดลมีประโยชน์กว่า"
    "ใช้เลยนะ"
    "แค่ขอความร่วมมือ"
    "ก็ได้ แต่เวลาแท็กขอความร่วมใจอ่ะ เตอร์อย่าอิดออดแล้วกัน"
    "เพ้อเจออะไรของมึง รีบๆ ตัดสิ ดูพี่ปอนด์ดินั่งทำแทนไอ้ปิงไปแล้ว" ตอนนี้ไอ้ปิงมันนั่งซบพี่ปอนด์อยู่เฉยๆ ส่วนพี่ปอนด์ก็ทำหน้าที่ศรีภรรยาที่ดีประกอบร่างโมเดลแทนไอ้ปิงอย่างว่องไว
    "เตอร์อย่าไปว่าไอ้แท็กมัน รู้เปล่ามันอ่ะมือวางอันดับหนึ่งในการตัดโมเดลเลยนะ ตอนเรียนนี่มีแต่คนอยากให้มันช่วย" พี่ปอนด์สาธยายความเก่งของแท็กซี่ให้ทุกคนฟังด้วยหน้าตาจริงจัง
    "จริงอ่ะพี่ แล้วทำไมไม่บอกกู งั้นกูยกงานนี้ให้มึงเลยแล้วกันเนอะ"
    "รู้แล้วก็เป็นงี้ไง เตอร์ทำเองจะได้เก่งๆ อยากให้เมียเก่งอ่ะ"
    "งานผัวเมียก็มาว่ะพลอย" พวกมึงนี่เก็บทุกเม็ดเลยนะสัด
    "หุบปาก แล้วรีบๆ ทำได้แล้วครับ คืนนี้จะได้รีบกลับไปดูบอลกัน" ผมหันไปดุแท็กซี่แล้วบังคับยัดคัตเตอร์ใส่มือมัน
    "ทำให้แล้วคิดค่าแรงนะ ไม่มีฟรี"
    "เดี๋ยวจัดให้อย่างงาม" ผมกระซิบเอาใจมันไป แล้วก็ได้ผล มันก้มหน้าก้มตาทำงานให้ผม โดยที่ไม่ต้องพูดให้มากความ แท็กซี่มันเก่งสมกับที่พี่ปอนด์บอกไว้ครับ อาจจะฝีมืออ่อนกว่าพี่ปอนด์นิดหน่อย แต่ความเร็วไม่ธรรมดาเลย ผ่านไปสักพักงานของผมกับปิงก็คืบหน้าไปมากกว่าเพื่อนอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะครับ
    "โอ้ยยย หมั่นไส้พวกมีคนช่วย"
    "โวยวายห่าไรพลอย มึงไม่หาผัวเอง อย่ามาบ่น" คุณชายไอ้ปิงที่นั่งกระดิกนิ้วรอเมียทำนั่นทำนี่ให้ได้ทีก็ข่มเพื่อน
    "สัดปิง มึงยกพี่ปอนด์ให้กูมั้ยล่ะ"
    "เมียกูไม่รับเป็นผัวใครครับ" พี่ปอนด์ฟาดแขนมันไปทีนึง
    "พลอยจ้างก็ได้ พี่ๆ มาช่วยพลอยหน่อยยยยยยย"
    "พี่ทำช้ากว่าไอ้แท็กอีก ดูสิของเตอร์เสร็จไปเยอะแล้วน่ะ" จริงของพี่ปอนด์ ไอ้นี่แม่งตัดโมเดลเร็วอย่างกับสับหมู
    "พี่แท็กแม่งเจ๋งว่ะ แต่พี่ปอนด์ทำสวยกว่า" ไอ้ปิงมันยังคงชมเมียต่อไป
    "น้อยๆ หน่อยก็ได้ไอ้ความหลงเมียของมึงเนี่ย" แพรมันพูดแล้วปาต้นไม้จิ๋วใส่ปิง
    "มึงก็เบาๆ บ้างปิง เพื่อนหมั่นไส้หมดแล้ว ไอ้แท็กมันเจ๋งอยู่แล้ว คอนโดก็ทำมาแล้ว นี่แค่โมเดล" พี่ปอนด์เงยหน้าขึ้นยักคิ้วกับแท็กซี่ทีนึง
    "คอนโดที่ไหนวะ" ผมหันไปถามแท็กซี่
    "คอนโดที่เรานอนด้วยกันทุกคืน แล้วเราก็กำลังจะกลับไปตอนนี้ไงครับ เสร็จไปเยอะแล้วเนี่ย เอากลับไปทำต่อวันหยุดที่คอนโดนะ เดี๋ยวช่วย"
    "มีมึงอยู่ เอาโมเดลกูไปเลยครับ กูยกให้โชว์ฝีมือเต็มที่เลย" ใช้แม่งทำซะเลย ออกแบบคอนโดเองก็ไม่บอกกัน ไม่งั้นกูกลับเร็วทุกวัน ไปให้มึงช่วยนานแล้ว มันเก็บของแล้วดึงผมให้ลุกขึ้น
    "งั้นพี่ก็ขอตัวปิงไปเหมือนกันนะครับทุกคน" พี่ปอนด์ช่วยปิงที่กำลังงอแงอ้อนเมียหนักมากถือข้าวของแล้วลาเพื่อนๆ ผม
    "เชิญพี่ๆ พาพวกมันไปเลยค่าาา อยู่นานๆ หนูจะอิจฉาตายแล้วค่าาาาาา หวัดดีค่ะพี่" พลอยเงยหน้ามาบอกกับทั้งสองคน แล้วผมก็เดินออกมากับแท็กซี่
    ช่วงนี้ทั้งเรียนหนัก แล้วก็ทำโปรเจคต์นี่ แถมยังต้องเคลียร์งานส่งอาจารย์ทุกวิชา โคตรเหนื่อยเลยครับ อยากจะปิดเทอมไวๆ แล้ว จริงๆ มีแท็กซี่ชีวิตผมก็สบายขึ้นเยอะ เช้ามันก็หาข้าวให้กิน พาไปนั่นไปนี่ แค่นี้ผมว่าแม่งก็ดีมากแล้ว ถึงมันจะยังชอบกวนตีนผมก็เถอะ ผมปรับเบาะให้เอนลงอีกนิด แล้วปรับแอร์ให้แรงขึ้นนิดหน่อย
    "สบายเลยนะ"
    "เหนื่อยจะตายแล้วเนี่ย"
    "เหนื่อยอะไร แท็กทำให้ตั้งเยอะ"
    "ทวงบุญคุณ?"
    "เปล่า แต่ถ้าเตอร์อยากตอบแทนบุญคุณ แท็กก็โอเคนะ"
    "คืนนี้ไม่ไหว" ผมบอกมันไว้ก่อนเลย วันนี้เพลียฉิบหาย
    "หมกมุ่นนะเรา ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะให้ทำอะไร"
    "หน้ามึงฟ้อง บนหน้าผากมึงมีคำว่าหื่น ไม่รู้ตัวเหรอ"
    "ก็หื่นแต่กับเตอร์นั่นแหละ เห็นเตอร์แล้วหื่นขึ้นตลอดเลย"
    "สัด" ผมเลิกเถียงกับมัน แล้วหลับตาลง
    "ง่วงเหรอ"
    "นิดหน่อย"
    "ไหนบอกจะดูบอล"
    "ก็จะดู ดูเป็นเพื่อนกูด้วย" ถึงมันไม่ดู ผมก็จะให้มันมานั่งเป็นเพื่อน กูอยากมีเพื่อนเชียร์ ผิดตรงไหน
    "ขอโปรดกูอยู่แล้ว"
    "บอลเหรอ" ชงๆ ให้แม่งไปหน่อย
    "มึงต่างหาก"
    "อยู่แล้วว่ะ กูอร่อยก็งี้"
    "บางทีแท็กก็เริ่มหมั่นไส้ความมั่นหน้าของเตอร์แล้วว่ะ"
    "..."
    "ทำไมชอบดูบอล"
    "ใครๆ ก็ชอบเปล่าวะ กูเล่นบอลด้วยนะ"
    "ได้หรือเสียบ่อยกว่ากัน"
    "สัด กูเล่นบอล ไม่ได้แทงบอล นี่มึงจะเก็บทุกเม็ดเลยใช่มั้ย"
    "ฮ่าๆๆ ล้อเล่น เห็นเตอร์ง่วง เดี๋ยวนี้ยังเล่นอยู่ป่ะ วันหลังไปเตะด้วยกันมั้ย"
    "เอาดิ แต่กูชอบเป็นโกลนะ"
    "ดีเลย กูชอบยิงประตู คืนนี้ขอซ้อมยิงสักสองแมทซ์นะ" แท็กซี่ มึงนี่นะ ติดไฟแดงแล้วเหงาปากเหรอครับผัว
    "แท็กครับเลิกกวนกูเถอะ ถึงแล้วปลุกกูด้วย กูจะนอน"
    "จูบปิดปากแท็กดิ แท็กจะหุบปากเลย" มันหันมายิ้มมุมปาก ปั้นหน้าโหมดเพลบอยด์ใส่ผม ผมก็ยื่นหน้าไปจูบมัน 5 วินาที แล้วก็กลับเข้าที่ เอนตัวลงนอน
    “ฝันดีครับเมีย”
    ผมหลับไปจนถึงคอนโด ผมก็เดินง่วงๆ นำขึ้นห้องตัวเองไปเลย พอเข้าห้องได้ปุ๊ปก็เปิดแอร์ เปิดทีวีรอดูบอล แล้วล้มตัวลงบนโซฟาหลับตาพักผ่อนสักแป๊บ ช่วงนี้เหนื่อยชะมัด หมกตัวอยู่กับโปรเจคต์แทบไม่ได้หลับได้นอนเลยครับ
    "เตอร์ลุกไปอาบน้ำก่อน" แท็กซี่เดินมาสะกิดผมยิกๆ
    "ไม่เอา"
    "เร็วๆ จะได้สบายตัว"
    "กูเหนื่อย กูง่วงงง" กูไม่ไหวแล้ว กูไม่ต้องการเขยื้อนร่างงงงงงง
    "งั้นก็ไปนอนในห้องเลย"
    "ไม่เอา จะดูบอล"
    "ดูสภาพตัวเองก่อนมั้ย คุยกับผัวยังหลับตาคุยเลย จะเอาตาที่ไหนไปดูบอลครับ” มันพยายามจะดึงผมให้ลุกขึ้น
    "กูพักสายตาเฉยๆ"
    "สรุปง่วงหรือไม่ง่วง"
    "ทั้งสองอย่าง"
    "ถ้าไม่ชัวร์ แท็กมีวิธี เดี๋ยวแท็กลองปลุกดู ถ้าขึ้นแสดงว่าไม่ได้ง่วงจริง"
    "เบาๆ บ้างมึง"
    “อยากได้แบบอ่อนโยนเหรอ” แท็กซี่ก้มลงมาแตะจมูกไว้ที่แก้มผมแล้วก็เลื่อนจมูกคลอเคลียไปมา
    "เบาๆ บ้างไอ้ความหมกมุ่นของมึงอ่ะ"
    "ก็เตอร์ชอบยั่ว"
    "กูไปยั่วตอนไหน"
    "ทุกตอน รู้ป่ะนอนท่าไหนก็เซ็กซี่ไปหมด" ยอมใจความหื่นของมันจริงๆ ขี้เกียจจะเถียงกับแม่งแล้ว
    "..." แท็กซี่หยิบรีโมทที่ข้างตัวผมขึ้นมาแล้วกดปิดทีวี
    "ปิดทำไม"
    "แท็กมีช้อยส์ให้เลือก 1.ให้แท็กอาบน้ำให้ 2.ให้แท็กพาไปนอนตอนนี้ 3.ถูกทุกข้อ"
    "กูเลือกข้อสี่"
    "ไม่มี"
    "มี มึงพูดในใจกูได้ยิน"
    "พูดว่า?"
    "กูจะไปนอนตอนนี้ แล้วมึงก็ห้ามรบกวน บาย" ผมรีบลุกเดินไปที่เตียง แล้วห่มผ้านอนทันที ก่อนที่ไอ้มนุษย์ร่วมห้องคนนี้มันจะหื่นขึ้นจนผมอดนอนทั้งที่ร่างจะพังอยู่แล้ว
    ผมนอนยิงยาวยันเที่ยง แล้วก็ลุกขึ้นมากินข้าวผัดที่แท็กซี่ทำไว้ให้ ถึงแม้ว่าจะหมดสัญญาอะไรกันไปแล้ว แต่แท็กซี่มันก็ยังบริการเสิร์ฟข้าวเช้าให้ผมทุกวันอยู่ดี ต่างจากเมื่อก่อนก็แค่ไม่ได้ตื่นมากินตอน 7 โมงทุกวัน เพราะผมขอไว้ว่า ให้ผมได้นอนตื่นสายบ้างในวันหยุด หรือวันที่ไม่มีเรียน กินข้าว อาบน้ำเสร็จ ผมก็ย้ายตัวมานั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าทีวี อยู่กับโมเดลที่จะต้องส่งอาจารย์วันศุกร์หน้าต่อ เหลือเวลาอีก 6 วัน ถึงมันจะเสร็จไปประมาณ 80% แล้ว แต่ถ้าวันหยุดนี้ผมทำไม่เสร็จ หลังเลิกเรียนวันจันทร์ถึงพฤหัส ผมก็ต้องไปอดหลับอดนอนอยู่ใต้ตึกคณะอีกอยู่ดี
    "ช่วยทำหน่อยดิ" ผมหันไปบอกแท็กซี่ที่นั่งดูหนังอยู่บนโซฟา
    "ทำเองบ้างดิ"
    "ไหนบอกจะช่วยไง"
    "เมื่อวานก็ช่วยแล้วตั้งเยอะ" ช่วยอีกไม่ได้เหรอไงวะ
    "ช่วยแค่นี้ก็ไม่ได้" ผมหันกลับมาสนใจโมเดลตรงหน้าแทน ยังไงก็เหลืออีกไม่มาก วันนี้หยุดนี้คงจะทำเกือบเสร็จได้
    "ช่วยก็ได้ แค่นี้ทำงอน" มันย้ายตัวจากโซฟา ลงมานั่งที่พื้นข้างๆ ผม แล้วเอาหัวมาเกยที่ไหล่ของผม
    "กูไม่ได้งอน"
    "ไปส่องดูหน้าตัวเองก่อน"
    "หล่อ เมื่อกี้ก็ส่องในห้องน้ำ"
    "..." มันไม่ตอบอะไร แล้วก็ลงมือช่วยผมทำอย่างตั้งใจเหมือนเมื่อวาน
    "ดีมาก"
    "ผัวที่ดี ต้องช่วยเมียทำการบ้าน"
    "มึงนี่นะ อ้าปากก็ลามก"
    "เอ้า ก็แท็กช่วยเตอร์ทำการบ้านอยู่จริง"
    "หน้ามึงมันฟ้อง ว่ามึงไม่ได้คิดแค่ไหน"
    "เดี๋ยวนี้มองหน้าก็รู้ใจเลยว่ะ"
    "หุบปาก แล้วรีบๆ ช่วยกูทำ"
    "คร้าบบบบบบบบ"
   ผลจากความตั้งใจและขลุกตัวอยู่กับโมเดลนี้ทั้งวัน แม้กระทั่งตอนกินก็กินไปทำไป ทำให้งานผมคืบหน้าไปถึง 90% แล้วครับ ผมนั่งทำจนถึง 4 ทุ่ม ก็ลุกขึ้นจะไปนอน เพราะเมื่อยเต็มที ช่วงนี้รู้สึกอยากนอนตลอดเวลา โหยหาเตียงมากกว่าสิ่งใด
    "พอแล้วดีกว่า ค่อยทำต่อ กูไปนอนแล้วนะ"
    "อืม"
    ผมเดินไปนอนที่เตียง แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเช็คเฟซบุ๊ก ไอจีตามเรื่องตามราว หน้าฟีดเต็มไปด้วยรูปเพื่อนที่คณะกับตาคล้ำๆ และผลงานของตัวเองที่มีทั้งพวกที่คืบหน้าจนเกือบเสร็จ และก็พวกที่ดูท่าไม่ใกล้เคียงคำว่าเสร็จเลย คอมเมนต์คนนั้นคนนี้ไปสักพัก ผมก็วางโทรศัพท์ลงที่ข้างตัว... แท็กซี่ยังนั่งที่กับโมเดลของผม ไม่ยอมเข้ามานอนด้วยกัน ทั้งที่ปกติถ้าผมเดินมาที่เตียง มันก็จะระริกระรี้มากอด
    "จะทำให้กูต่อเหรอ" ผมเดินออกมาดูว่ามันทำอะไร ช่วงนี้ใครมาอยู่ใกล้ๆ โมเดลผมโดยลำพัง ผมจะรู้สึกหวาดระแวง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคนช่วยผมก็เถอะ เกิดมันเผลอทำอะไรหล่นใส่นี่ซวยเลย
    “เปล่า" มันตอบแต่ไม่ได้มองหน้าผม
    “นึกว่าจะใจดี...ทำไมไม่ไปนอน”
    "ยังไม่อยากนอน"
    "แล้วนั่งตากไข่เป็นพระเอกเอ็มวีทำห่าอะไร"
    “..." ผมยังเงียบไม่มองหน้าผมเหมือนเดิม สถานการณ์แม่งผิดปกติสุดๆ
    "เป็นอะไรเปล่า" หน้าจาท่าทางแม่งไม่ปกติสุดครับ ทำหน้าเหมือนคนขี้ไม่ออกชอบกล
    "เป็นผัวมึง"
    "เอาจริงๆ"
    "ดีใจ"
    "นี่หน้ามึงตอนดีใจเหรอ แล้วดีใจเรื่องอะไร"
    “ดีใจที่มึงสนใจกู"
    “ประสาท...อยู่กันสองคน ไม่สนใจมึง กูจะไปสนใจใคร” ตัวติดกันตลอด นอนด้วยกันทุกคืน อยู่ๆ เสือกมาดีใจอะไรของมัน
    "สนใจโมเดลของเตอร์มั้ง"
    "...งอนอะไรกูเปล่าเนี่ย" ผมว่าแม่งไม่ปกติชัวร์ มีหางเสียงประชดประชันเล็กๆ แฝงอยู่แน่นอน
    "กี่วันแล้วที่มึงสนใจแต่โมเดล กลับมาตี 2 ตี 3 แท็กก็หลับไปแล้ว เช้าก็แทบไม่ได้คุยกัน ไลน์ไปเตอร์ก็ไม่ค่อยตอบ จนแท็กต้องตามไปมหาลัย"
    "ก็กูรีบทำงาน มึงก็เคยเรียน ก็น่าจะรู้ว่ากูเหนื่อย"
    "ก็เข้าใจ วันนี้เตอร์ถึงนั่งช่วยแท็กทั้งวันไง"
    "เข้าใจก็ดีแล้ว ทำหน้าแบบนั้นทำไม" ปากบอกว่าเข้าใจ แต่หน้ามันก็ยังเบ่งไม่ออกอยู่ดี
    "ก็เข้าใจที่เตอร์ทำรีบทำงาน แต่ไม่เข้าใจว่าสนใจนั่งคุยกันบ้างไม่ได้เลยเหรอ ทำเสร็จก็ลุกไปนอนเลย แท็กทำให้เตอร์ต่อก็ได้นะ ถ้ามันจำทำให้เสร็จเร็วขึ้น แล้วเตอร์กลับห้องเร็วๆ มาอยู่กับแท็กเหมือนเดิม" งอนครับ งานงอนมาเต็ม เพิ่งเคยถูกผู้ชายงอนครั้งแรก เวลาง้อนี่กูต้องง้อยังไง กูต้องง้อเหมือนง้อผู้หญิงไหมวะ
    "วันนี้ก็นั่งอยู่ด้วยกันทั้งวัน"
    "..."
    "อย่างอนเมียเลยนะ" ผมลงไปนั่งข้างๆ มัน แล้วเอาคางไปเกยที่ไหล่มันเหมือนที่มันชอบทำกับผมบ้าง
    "อือ"
    "อาจจะเหมือนไม่สนใจ แต่ว่าคิดถึงตลอดนะ" กูลงทุนสุดตัวแล้วนะมึง หายงอนเดี๋ยวนี้ อย่าลีลา
    "อือ" มันแอบยิ้มมุมปากแล้ว ผมเห็น
    "กูรักมึงนะ"
    "เตอร์แม่งงงงงงงง...เล่นท่าไม้ตายอ่ะ กะจะให้ง้อยาวสักหน่อย" มันหลุดยิ้มกว้างให้ผม แท็กซี่มันแพ้ราบคาบทุกครั้งที่ผมบอกรักมัน ผมรู้ เลยไม่ได้พูดกับมันบ่อยๆ เก็บไว้ใช้ยามจำเป็นแบบนี้แหละ!
    "กูหิว"
    "ไปกินข้างนอกกันมั้ย"
    "ตอนนี้อ่ะนะ"
    "เยาวราชป่ะ"
    "ไปดิ วันนี้พี่เตอร์เลี้ยงเอง ตอบแทนที่น้องแท็กเป็นเด็กดี ช่วยงานพี่เตอร์" ผมดึงมันให้ลุกขึ้น แล้วพากันไปแต่งตัวสบายๆ ออกไปท่องราตรีที่ไชน่าทาวน์กัน
    เยาวราชตอนดึกๆ คึกคักเหมือนเคย เราไปนั่งกินกระเพาะปลากันเสร็จก็ย้ายมาต่อที่ร้านก๋วยจั๊บ แล้วก็เขยื้อนท้องมาปิดท้ายกันที่ร้านขนมหวาน
    "เอาสาคูแคนตาลูป แล้วก็ทับทิมกรอบนมสดครับ" ผมสั่งของหวานเสร็จสรรพโดยที่ไม่ต้องปรึกษาอะไรกัน
    "เดี๋ยวนี้เตอร์จะรู้ใจแท็กใหญ่แล้วนะ สั่งขนมแทนก็ได้ด้วย ศรีภรรยาชะมัด"
    "มึงบ่นอยากแดกทับทิมกรอบตั้งแต่ขึ้นรถแล้ว กูไม่รู้เลยมั้ง"
    "แล้วงานส่งอาจารย์เมื่อไหร่"
    "วันศุกร์ แม่งโคตรเหนื่อย"
    "เดี๋ยวก็เสร็จ ปิดเทอมเตอร์ก็สบายแล้ว"
    "ก่อนปิดเทอมต้องสอบก่อนมั้ยมึง นรกชัดๆ"
    "เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อนตอนอ่านหนังสือทุกคืนเลย"
    "ไม่ต้อง อยู่กับมึง กูยิ่งไม่มีสมาธิอ่าน"
    "ทำไม แท็กน่าสนใจกว่าหนังสือเหรอ" แท็กซี่ก็คือแท็กซี่ครับ มันไม่เคยปล่อยคำไหนให้หลุดลอยไปง่ายๆ เลยสักครั้ง แต่ก็จริงอย่างที่มันพูด อยู่กับมัน ผมรู้สึกอ่อนแอ เคยชินกับการให้มันช่วย ให้มันดูแล ถ้าอ่านหนังสือแล้วมันอยู่ด้วยตลอด ผมคงเผลอไปอ้อนอะไรมันเข้าโดยไม่รู้ตัว ทำไมกูดูเป็นตุ๊ดอย่างงี้วะ ไม่โอเค ถึงกูจะเมีย แต่กูก็เมียแมนๆ โว้ย
    "มันก็ไม่มีใครอยากสนใจหนังสือเรียนถ้าไม่จำเป็นเปล่าวะ"
    "ตอบไม่ตรงคำถาม"
    "แดกๆ เข้าไป พูดมาก" ผมตักแคนตาลูปในชามตัวเองยัดใส่ปากมันไปลูกนึง มันเคี้ยวหงึบหงับแล้วก็จ้องหน้าผมไม่ละสายตา
    "สรุปว่าแท็กน่าสนใจกว่าหนังสือใช่เปล่า"
    "มึงจะดีใจทำไม ถ้ากูบอกว่ามึงน่าสนใจกว่าหนังสือเรียน"
    "ไม่ได้พูดเลยว่าดีใจ แล้วถ้าแท็กอยู่ ทำไมเตอร์ต้องไม่มีสมาธิอ่าน"
    "ก็มึงชอบวุ่นวายกับกู กวนกูนั่นนี่"
    "สอบกี่วัน"
    "เริ่มสอบจนเสร็จก็ 10 วัน"
    "งั้นแท็กจะไม่ไปกวนเตอร์แล้วกัน"
    "ดีมาก"
    "งั้นแท็กจะนอนที่ห้องตัวเองทั้ง 10 วันเลยแล้วกัน" ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งมึง
    "ก็ดี ดึกๆ กูจะได้มีสมาธิ"
    "งั้นตอนเช้าเตอร์หาข้าวกินเองแล้วกัน" เยอะไปแล้วมึง
    "กูคงอ่านตอนกลางคืน นอนตอนเช้า คงไม่กินข้าวเช้าอยู่แล้ว"
    "งั้น 10 วันนั้น แท็กไม่ไปยุ่งกับเตอร์เลยแล้วกัน"
    "มึงจะโผล่มาบ้างกูก็ไม่ได้ว่าอะไร"
    "กลัวเตอร์ไม่มีสมาธิ ไม่ไปดีกว่า สอบเสร็จค่อยเจอกันทุกวัน"
    "กูไม่ได้อ่านหนังสือ 24 ชั่วโมงมั้ย"
    "เดี๋ยวเผื่อแท็กไป แล้วไม่อยากกลับ แท็กก็จะกวนเตอร์อีก"
    "ซื้อของกินมาฝากกูบ้างก็ได้ อ่านหนังสือดึกๆ กูหิว"
    "เหรอ งั้นเดี๋ยวซื้อตุนไว้ให้ล่วงหน้าเลย"
    "ถ้ามึงไม่มาเลย"
    "..."
    "กูก็ไม่มีสมาธิ"
    "ทำไมอ่ะ"
    "คิดถึงไง ไอ้โง่"
    "จีบกันป่ะเนี่ย"
    "กูจะจีบแฟนตัวเองทำเหี้ยอะไร"
    "กูยังจีบเมียตัวเองบ่อยๆ เลย"

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 15
«ตอบ #25 เมื่อ29-01-2017 21:01:09 »

ตอนที่ 15

    เข้าสู่ฤดูกาลสอบอย่างเต็มตัว ตอนนี้เป็นเวลา 24.00 น. พรุ่งนี้ผมจะเริ่มสอบวิชาแรกแล้วครับ ที่เห็นว่านั่งอ่านหนังสือดึกดื่นก็ไม่ใช่ว่าเป็นเนิร์ดที่จะเอาท็อป หรือ A ช้วนอะไรทั้งนั้น แต่กูเพิ่งจะเริ่มอ่านหนังสือสอบเมื่อวานนี้ แล้วมันยังอ่านไม่จบงายยยย พรุ่งนี้สอบ 2 วิชา กูจิครายยยยยยยยยยยยย
    ผมเป็นผู้ชายกลางๆ แบบสมบูรณ์แบบ คือฟาด C เป็นหลักน่ะครับ ไม่เน้นเรียนเก่ง แต่เน้นเรียนจบ (อันนี้แม่เน้นมา) ปกติก็ไม่ได้ชะล่าใจอ่านหนังสือก่อนสอบแค่วันสองวันแบบนี้หรอกครับ แต่พออยู่กับแท็กซี่ แล้วมันก็พาลไม่มีสมาธิ ชวนมันไปนั่นมานี่ หาของกินตลอดจนเวลาหมด มารู้ตัวอีกทีว่ามันจะไม่ทันแล้วก็เมื่อวานนี้นั่นแหละ แต่ถือว่าสวรรค์ยังเมตตาผมอยู่บ้าง ที่ส่งผัวเก่งมากอยู่เคียงข้างกัน มันเลยพอจะช่วยติวให้ผมเข้าใจได้ไวขึ้นมาก (เพิ่งจะรู้นี่แหละว่ามันดีกรีเกียรตินิยมอันดับ 2) แต่ตอนนี้ผัวที่ผมพูดถึงมันกำลังนอนหลับสบายใจอยู่บนเตียง แล้วปล่อยให้กูนั่งปวดหัวอยู่กับหนังสือตรงหน้าเพียงลำพัง หลังจากที่มันติวมาให้ติดต่อกัน 4 ชั่วโมงในวันนี้ พลิกกองกระดาษเอสี่ในมือไปที่หน้าสุดท้ายก็เห็นเลขที่มุมขวามือเขียนไว้ว่า 86 หมายความว่าอีก 20 หน้า การอ่านหนังสือครั้งนี้จะจบลงแล้วครับ
    "เตอร์ๆๆๆๆ" แท็กซี่เขย่าตัวผมไปมาเบาๆ จนผมรู้สึกตัว
    "กี่โมงแล้ววะ"
    "6 โมง อ่านจบมั้ยเมื่อคืน" ผมก้มลงมองกระดาษสีขาวบนโต๊ะตรงหน้า ที่เมื่อคืนเผลอหลับไปซะก่อนที่จะอ่านมันจบ
    "เหลือ 2 หน้า"
    "ไปอาบน้ำไป สอบ 9 โมงไม่ใช่เหรอ"
    "อือ" ผมเดินงัวเงียๆ ไปที่ห้องน้ำในสภาพที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะพร้อมสอบ แต่จะว่าไปตั้งแต่เรียนมาจนถึงปี 3 ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมรู้สึกพร้อมสอบอยู่แล้ว อาบน้ำเสร็จก็ออกมาเจอโจ๊กหมูกับปาท่องโก๋ที่แท็กซี่มันแกะใส่ชามไว้ให้เรียบร้อย
    "มากินเร็วๆ เดี๋ยวก็สาย" ไอ้นี่มันชักจะสั่งเหมือนเป็นพี่เลี้ยงเด็กเข้าไปทุกวัน
    "อือ" ผมเดินเข้าไปนั่งกินตามคำสั่งของคุณชายแท็กซี่อย่างว่าง่าย จริงๆ แล้วกูง่วง กูไม่มีอารมณ์จะเถียงอะไรกับมันทั้งนั้น
    “นี่จะรอดถึงมอมั้ยเนี่ย...แค่สอบวันแรก ทำไมสภาพเหมือนถูกตีกรุงแตกแล้วแบบนี้วะ"
    "..." ผมก้มหน้าตักโจ๊กใส่ปากต่อไป ปล่อยให้มันพูดคนเดียว
    "นี่ ฟังอยู่หรือเปล่า"
    “อือ กูง่วง"
    "ก็บอกแต่แรกแล้วว่าให้รีบอ่านก่อนสักสามสี่วัน มัวแต่ชวนไปหาของแดก ไงล่ะ” มันเริ่มองค์ผู้ปกครองเข้าสิงแล้วครับ นอกจากผมจะได้แฟนแล้ว ไอ้นี่มันยังเป็นพ่อผมด้วย บางทีก็ชอบบ่นเหมือนผมเป็นเด็ก
    "ก็เคยบอกแล้วว่ามึงอยู่กูไม่มีสมาธิ"
    "งั้นวันนี้แท็กกลับห้องเลยแล้วกัน ค่อยมาหาอีกทีตอนสอบเสร็จดีมั้ย"
    "ไม่ดี"
    "ไม่มีคนหาของให้แดกล่ะสิ"
    "เปล่า กูคิดถึง” แม่งอึ้งไปเลย อยู่ๆ เจอโหมดหวานใส่ง่ายๆ
    "พูดจาน่ารักนี่หวังอะไรจากแท็กเปล่าวะ" มันรู้ทันผมทุกอย่างจริงๆ
    "ไปส่งกูหน่อย"
    "กูว่าแล้ว"
    "ตกลงนะ"
    "มีประโยคขอร้องมั้ย"
    “เอาเพลงไร" เดี๋ยวกูจะร้องให้ฟังอย่างเพราะเลย นอกจากกูจะหน้าตาดีแล้ว กูเสียงดีด้วยนะ
    "ซื้อนะมุกนี้ อย่าเล่นอีก"
    "...แท็กครับ ไปส่งกูที่มอหน่อยนะ"
    "มีประโยคอ้อนวอนมั้ย"
    "ไปส่งหน่อยนะ เตอร์ง่วง หนังสือก็ยังอ่านค้างอยู่เลย ไม่สงสารเตอร์เลยเหรอ"
    "มีประโยคออดอ้อนมั้ย" ได้ทีเอาใหญ่นะมึง แต่กูจะยอมอ้อนมึง เพราะกูหมดพลังขั้นสุดแล้วตอนนี้
    "สัด เรื่องมากนะมึง... พี่แท็กซี่คร้าบบบ ไปส่งน้องเตอร์หน่อยนะครับ" เรียกมันว่าพี่ มันต้องยอมกูแน่นอน ไม่มีพลาด
    "เมียไม่อ้อน ผัวก็ไปส่งอยู่แล้วแหละครับ เมื่อกี้แค่ลองถามดูเฉยๆ ไม่พูดก็ไม่เป็นไร"
    "กวนตีนนักนะ เดี๋ยวมึงได้กลับห้องถาวร"
    "อย่าเลย เดี๋ยวคนตรงหน้าคิดถึงตาย"
    "กลับไปเลย"
    "จะไปมอเอง?"
    "..." อย่าเตอร์ คนฉลาดจะไม่ต่อปากต่อคำแล้วไปมอเอง กูจะไม่ไปมหาลัยเองในสภาพเสื่อมโทรมเบอร์นี้แน่นอน
    ผมเลิกเถียงกับมันแล้วก้มหน้ารีบกินให้เสร็จ 7 โมง 15 นาที เราก็ออกจากคอนโดกัน ผมเปิดปึกกระดาษหน้ารองสุดท้ายที่อ่านค้างไว้เมื่อคืน เริ่มอ่านไปจนถึงบรรทัดที่ 5 แล้วก็วนกลับมาอ่านบรรทัดที่ 1 ใหม่ อ่านต่อไปถึงบรรทัดที่ 7 แล้วก็วนกลับมาอ่านบรรทัดที่ 1 ใหม่ เป็นแบบนี้ซ้ำๆ อยู่ 5 รอบ แล้วก็ไม่มีอะไรเข้าหัวแม้แต่ตัวอักษรเดียว
    "เตอร์"
    "หืม"
    "จะครึ่งชั่วโมงแล้วนะหน้านี้อ่ะ"
    "แม่งไม่เข้าหัว"
    "งั้นก็เลิกอ่าน ขืนมึงจ้องอยู่แต่หน้านี้ เดี๋ยวลืมของเมื่อวานหมดพอดี"
    "อ่านไม่จบ กูไม่สบายใจ"
    "งั้นก็รีบอ่านให้จบๆ ไป ไม่เข้าหัวก็ช่างมัน" ผมเริ่มอ่านหน้านี้ใหม่อีกครั้งตามที่แท็กซี่บอก ใช้เวลาอ่านประมาณ 20 นาทีก็จบทั้งสองหน้า ปิดชีทในมือแล้วยัดกลับใส่กระเป๋าตามเดิม ก่อนจะหลับตาลงอย่างอ่อนล้าเต็มที วิชาหน้ากูจะรีบอ่านไวๆ เตอร์สำนึกผิดแล้วครับ
    "อ่านหนังสือสอบมันเหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะเตอร์"
    "คนเรียนเก่งอย่างมึง ไม่เข้าใจกูหรอก"
    "ก็เตอร์ไม่รีบอ่าน เลยต้องมาอดนอนเมื่อคืนไง"
    "อ่านก่อนนานๆ กูก็ลืม" แท็กซี่จอดรถส่งผมถึงหน้าตึกคณะ มีแฟนเป็นผู้ชายมันก็ดีเหมือนกันนะครับ สบายดีมีคนเทคแคร์ อย่างน้อยก็ในวันที่ร่างกายพร้อมจะแหลกทุกวินาทีแบบนี้ ผมสะพายกระเป๋าพาดไหล่เตรียมตัวลงไปเผชิญกับข้อสอบมหาภัยที่รออยู่ในตึก
    "ขอให้ได้เอนะ"
    "อย่างกู ซีบวกก็ไชโยแล้วมึง"
    "แท็กก็อวยพรไปงั้น ทำหน้าให้มันมั่นใจหน่อย"
    "กูจะเอาอะไรไปมั่นใจ"
    "ก็ต้องมั่นใจก่อนดิว่าทำได้ อยากได้เอป่ะ"
    "นั่นเป็นเรื่องยากกว่าบอกให้กูไปพิชิตเอเวอร์เรสต์"
    "เอาหูมานี่ มีวิธีจะบอก" มันกระดิกนิ้วให้ผมยื่นหูเข้าไปฟังมันกระซิบ
    "จะหอมก็บอก ไม่ต้องมาทำเป็นบอกวิธีทำข้อสอบ กูรู้ทัน"
    "หลงตัวเองใหญ่แล้วนะ"
    "หรือไม่จริง" มันจะหลอกให้เข้าไปให้มันหอมแน่นอน คนอย่างไอ้แท็กซี่
    "ตกลงจะฟังไม่ฟัง" นั่นแหนะ มีทำเสียงเข้มกลบเกลื่อน ขัดใจอ่ะดิ หลอกกูไม่สำเร็จใช่ไหมล่ะ
    "เออๆ รีบๆ บอกมา" ผมยื่นหูเข้าไปหามันใกล้ๆ แล้วมันก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาจับหน้าผม หอมซ้าย หอมขวา แถมหน้าผากไปอีกที
    "ไหนบอกว่ารู้ทัน"
    "รู้อยู่แล้ว คนอย่างมึง"
    "รู้แล้วยื่นหูมาทำไม แท็กไม่มีวิธีอะไรจะบอกหรอก แค่ถ่ายทอดพลัง เสริมความมั่นใจให้"
    "กูรู้ทันมึง แต่เมื่อกี้... กูแค่เสริมกำลังใจ" พูดจบ ผมก็เปิดประตูลงจากรถมันมาเลย อยู่กับมันนี่รู้สึกตัวเองแรดขึ้นทุกวัน ผมเดินเข้าไปหาเพื่อนที่หน้าห้องสอบ ทุกคนกำลังก้มหน้าอ่านชีทกันอย่างจริงจัง แหงล่ะ นี่วันเวลาทอง ก่อนเข้าห้องสอบ เก็บไปได้เท่าไหร่ก็เอาจนวินาทีสุดท้าย แดกชีทได้เลยยิ่งดี
    "ช้านะมึง ไอ้เตอร์ ใกล้ถึงเวลาสอบอยู่แล้ว" พิมพ์เงยหน้าขึ้นมาทักผมเป็นคนแรก ส่วนคนอื่นก็ยังจดจ่ออยู่กับชีทในมือ
    "เออ ตื่นไม่ไหว"
    "ทำห่าไรดึกดื่น ก่อนสอบก็ไม่เว้นนะมึง" ไอ้พลอยมึงจะเข้าเรื่องติดเรทตลอดเลยรึไง ไอ้ห่า
    "มึงนี่หมกมุ่นนะพลอย กูอ่านหนังสือโว้ย"
    "แต่เดินมาอย่างชิล ปกติอยู่หน้าห้องสอบตอนนี้มึงต้องลุกลี้ลุกลนอ่านแล้วไม่ใช่เหรอไง" มึงจะเอาอะไรจากกูครับพลอย
    "ก็กูพอแล้ว อ่านไปก็ไม่เข้าหัวแล้ว"
    "มึงก็โง่อิพลอย ไอ้เตอร์มันมีติวเตอร์ส่วนตัวระดับเกียรตินิยมเหรียญเงิน มันก็ต้องชิลสิวะ ลำไย ผัวหล่อ ผัวดี ผัวเก่ง อย่าให้กูมีบ้างนะ..." ยังไม่ทันที่พลอยจะพูดจบ แพรก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับพลอย
    "มึงหาไม่ได้หรอกพิมพ์ ตั้งใจอ่านแล้วเลิกแซะมัน เชื่อกู กูรำคาญเสียง" พลอยทำท่าสะบัดบ๊อบใส่ผมกับแพรทีนึง แล้วมันก็อ่านชีทในมือต่อไป อีกประมาณ 10 นาที ประตูห้องสอบก็เปิดให้พวกเราก้าวเข้าโรงเชือด ผมเข้าไปนั่งประจำตำแหน่ง เขียนชื่อ ฝนรหัสนักศึกษา แล้วก็เริ่มทำ มีข้อสอบไม่น้อยที่ออกเหมือนกับที่แท็กซี่มันติวเน้นให้ ผมนึกถึงเสียงตอนมันสอนเป็นฉากๆ เลยครับ ติวดีขนาดนี้ เดี๋ยวกลับไปให้แม่งติวทุกวิชาเลยดีกว่า... หมดเวลาสอบ แต่ข้อสอบตรงหน้ายังเหลืออยู่อีก 5 ข้อ โชคดีที่วิชานี้ไม่มีข้อเขียน ผมจัดการฝนเลข 1 ดิ่งลงไปแล้วก็ส่งอาจารย์ ออกจากห้องสอบไปหาอาหารใส่ท้อง ก่อนจะเข้าสอบตอนบ่ายต่อ
    15.00 น.
    "หมดเวลาแล้วค่ะ วางปากกา แล้วออกมาส่งข้อสอบค่ะทุกคน" แม่งเอ๊ยขอ 2 นาทีครับจารย์ ผมสไลด์ข้อมือเขียนตอบข้อสุดท้ายยิกๆ จนไม่รู้ว่าส่งไปแล้วอาจารย์ที่ตรวจจะอ่านลายมือออกไหม
    "นักศึกษาคะ หมดเวลาแล้วค่ะ ออกมาส่งเดี๋ยวนี้" ไฟนอลคอลลลลพุ่งตรงมากระแทกหน้าผมพร้อมสายตาโฉบเฉี่ยวหลังแว่นของอาจารย์คุมสอบ โอกาสในการบรรเลงอักษรขอมบนข้อสอบของผมหมดลงแล้วครับ ผมหยิบข้อสอบทั้งหมดขึ้นมาแล้วเดินออกไปส่งเป็นคนรองสุดท้ายของห้อง แล้วก็ออกมายืนฟังเพื่อนคุยกันจ้อกแจ้กเรื่องข้อสอบเมื่อกี้นี้สักพัก ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
    ผมเรียกแท็กซี่กลับ นั่งจนเกือบถึงคอนโดก็มีไลน์เด้งเข้ามา

    TTT Taxi: สอบเป็นไง
    meteR: ระดับกูแล้ว
    TTT Taxi: เละชัวร์
    meteR: ยากฉิบหาย
    TTT Taxi: ขนาดนั้นเลย?
    meteR: ยากกว่าทำกับข้าวเยอะ
    TTT Taxi: จะอวดว่าทำอาหารเก่ง?
    meteR: เชฟยังอาย
    TTT Taxi: โม้ ไม่เห็นเคยได้กิน
    meteR: ไข่เจียวอาทิตย์ก่อนไง
    TTT Taxi: ไข่เจียวยังกล้าอวด
    meteR: ไม่ใช่ใครๆ ก็ทอดอร่อยนะมึง
    meteR: อยากกินป่ะล่ะ เดี๋ยวกูจะโชว์ฝีมือระดับเทพให้เป็นบุญปากมึง
    TTT Taxi: อยากกิน
    TTT Taxi: อยากกินมึง
    meteR: (สติ๊กเกอร์รูปตีน)

    ทำไมกูจะต้องชินชากับความหื่นของแฟนตัวเอง ผมบอกแท็กซี่ให้จอดที่ max value ใกล้ๆ คอนโด ลงไปเลือกซื้อส่วนประกอบสำหรับการทำสุกี้ วันนี้จะโชว์ฝีมือเป็นการตอบแทนที่แท็กซี่มันติวให้ แล้วก็ดูแลเป็นอย่างดี จริงๆ ก็เพิ่งจะนึกได้ว่าตั้งแต่คบกับมันมา ผมแทบไม่เคยทำอะไรให้มันกินเลย ทั้งที่ปกติผมชอบทำอาหารกินเองมาก แต่พอมีมัน มันก็สรรหานั่นนี่มาประเคนให้ตลอด ไม่ก็พาออกไปตระเวนหาอะไรกิน จนช่วงหลังผมแทบจะไม่ต้องทำอะไรกินเองเลย ได้ของที่ต้องการครบ ผมก็กลับเข้าคอนโดไปเตรียมมื้อเย็นรอแท็กซี่ ผมไลน์ไปบอกมันไว้ว่าไม่ต้องซื้ออะไรเข้ามา ให้รีบกลับมากินข้าวเย็นด้วยกัน เตรียมอะไรเสร็จเรียบร้อยก็เกือบ 1 ทุ่ม เสียงประตูห้องเปิดเข้ามาพอดี
    "โห นี่อะไร ฉลองสอบตกเหรอ"
    "ปากดี เดี๋ยวมึงได้แดกทั้งปากแตก"
    "จะจูบกูแรงขนาดนั้นเลย"
    "จะกัดให้ลิ้นขาดเลย จะได้เลิกกวนตีน มานั่งกินได้แล้ว กูหิว" มันเดินไปวางข้าวของ เปลี่ยนกางเกง แล้วก็มานั่งกินกับผมที่โต๊ะ
    "ไม่น่าเชื่อว่าจะอร่อยขนาดนี้"
    "ลืมแล้วเหรอว่ากูลูกใคร" ถ้าไม่อร่อย ร้านแม่กูคนไม่แน่นจนคิวเต็มทุกวันหรอก
    "ครับๆ เชื่อแล้วครับ" เรานั่งกินกันจนอิ่ม เหลือของอยู่อีกนิดหน่อยก็เอาไปเก็บใส่ตู้เย็น แล้วจัดการช่วยกันเก็บล้างทุกอย่าง ผลัดกันไปอาบน้ำ แล้วก็มานั่งดูหนังด้วยกันอยู่ที่โซฟา แท็กซี่เดินไปเวฟป๊อปคอร์นมาส่งให้ผม
    "ไม่อ่านหนังสือแล้วเหรอไง"
    "พักบ้าง เดี๋ยวสมองพัง"
    "แท็กว่า เตอร์พักเยอะจนสมองจะเสื่อมแล้วมากกว่านะ"
    "สัด"
    "นี่"
    "..." ผมเหลือบตาหันไปมองมันสองวิ
    "วันนี้นี่กะใช้เสน่ห์ปลายจวักมัดใจแท็กป่ะ"
    "ประสาท ถึงไม่ทำกูก็มัดใจมึงจนแน่นฉิบหายแล้วแหละ"
    "มั่นใจไปเหอะ" ผมยักคิ้วขวาให้มัน
    "ไม่ได้ให้แดกฟรีนะ มีข้อแลกเปลี่ยน"
    "นี่ทำอะไรหวังผลตลอดเลยนะ"
    "มึงต้องติวให้กูทุกวิชา"
    "ได้"
    "ดีมากน้องแท็ก ว่าง่ายๆ แบบนี้ค่อยน่ารัก"
    "มีข้อแลกเปลี่ยน"
    "เหี้ย" รอยยิ้มหื่นกามปรากฎขึ้นบนหน้ามัน พร้อมกับมือที่เลื่อนมาหยิบป๊อปคอร์นจากผมไปวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟา มันผลักผมเอนลงไปจนหลังติดกับโซฟา แล้วก็โน้มตัวมาทับผมไว้โดยที่แขนข้างซ้ายยันไว้กับโซฟา
    "หาหมอบ้างนะ กูว่ามึงต้องแดกยาลดฮอร์โมนส์บ้างว่ะ"
    "อาการของกูรักษาได้ง่ายๆ ไม่ต้องเสียเวลาหาหมอ"
    "หื่นน้อยๆ หน่อยเหอะ"
    "ตั้งแต่มึงอ่านหนังสือสอบ กูไม่ได้ยุ่งเลยนะ คืนนี้ขอค่าติว"
    "ถนอมกูบ้าง กูพรุนแล้วสัด"
    "อยากได้แบบละมุนก็ไม่บอก" ความสามารถพิเศษของแฟนผมครับ มันสามารถตีความเข้าข้างตัวเองได้ทุกประโยคบนโลกใบนี้
    "ดูหนังก่อน กูอิ่มอยู่"
    "กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่"
    "จะบอกว่ามึงหวานเหรอ" มันโน้มหน้าเข้ามาใกล้ผมขึ้นจนจมูกกำลังจะชนกัน
    "กินบ่อยๆ ยังต้องถามอีกเหรอ"
    "จำไม่ค่อยได้"
    "อืม กูก็จำรสชาติมึงไม่ค่อยได้ งั้นคงต้องลองชิมใหม่แล้วแหละ จะชิมแล้วนะครับ" มันกดริมฝีปากลงมาที่ปากผม แทรกเรียวลิ้นเข้ามาชิมรสหวานของป๊อปคอร์นทั้งหมดที่ติดอยู่ในปากจนพอใจ แล้วก็ถอนจูบขึ้นมาสบตาผมอีกครั้ง ในขณะที่จมูกยังคลอเคลียอยู่ที่จมูกผม
    "หวานจริงๆ ด้วย" มันพูดกับผม
    "เหรอ"
    "มาก"
    "หวานแล้วทำไมไม่รีบแดก" เหตุการณ์ต่อจากนั้นเชิญทุกคนมโนกันตามสะดวกเลยครับ แต่ผมบอกสั้นๆ แค่ว่า คืนนี้แท็กซี่มันแหกโกล ยิงเข้าไป 3 ลูก!

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 16
«ตอบ #26 เมื่อ29-01-2017 21:01:56 »

ตอนที่ 16

     #ปิงปอนด์

    สอบเสร็จไปครึ่งทางแล้วครับ แต่คนที่มีสมองค่อนไปทางฉลาดเล็กน้อยอย่างผมกำลังอยู่ในสภาพใกล้พังสุดๆ ตั้งแต่สอบผมก็ย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยมากบดานอยู่ที่ออฟฟิศพี่ปอนด์ถาวรในช่วงนี้ ที่ออฟฟิศพี่ปอนด์ชั้น 3 เป็นที่อยู่อาศัยที่ยอดเยี่ยมไปเลยครับ มีทุกอย่างที่บ้านควรจะมี ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นวินเทจอย่างลงตัว มองจากระเบียงจะเห็นวิวสวนสนุกที่ดีต่อใจของผม พี่ปกติปอนด์จะนอนที่นี่สลับกับกลับบ้าน แต่ช่วงสอบ 10 วันนี้ผมขอมาอยู่ที่นี่แล้วก็ให้พี่ปอนด์อยู่ด้วย จะว่าเกี่ยวกับเรื่องสอบก็ใช่ แต่จะว่าอ้อนเมียก็ไม่เชิงครับ
    "สอบเหลืออีกกี่วิชา" พี่ปอนด์ถามผมขณะที่ผมกำลังนอนอยู่บนตักเขา แล้วก็ถือชีทเรียนอ่านไปด้วย ส่วนพี่ปอนด์ก็ถือหนังสือวรรณกรรมภาษาอังกฤษอะไรไม่รู้อยู่ในมือ
    "สาม เหนื่อยอ่ะ" ผมวางชีทลงกับหน้าอก แล้วส่งสายตาออดอ้อนไปหาพี่ปอนด์
    "สภาพมึงแย่มาก"
    "ก็คงงั้น แต่โทรมแค่ไหน ก็กลบความหล่อของปิงไม่ได้หรอก" พอได้ยินผมตอบแบบนี้ พี่ปอนด์ก็อมยิ้มนิดๆ
    "กูเพลียกับความหลงตัวเองของมึงจริงๆ"
    "แต่หลงพี่มากกว่านะ" ใครจะว่าผมเห่อเมียก็ได้ หยอดให้เขายิ้มทีไร ในใจผมจะยิ้มกว้างกว่าเขาอีกสิบเท่า
    "สอบอีกทีวันไหน"
    "อังคารกับพุธ แล้วก็เสร็จ"
    "งั้นหยุด 3 วันนี้ไปเที่ยวกันป่ะ"
    "จริงดิ" ผมลุกพรวดขึ้นมาจ้องหน้าพี่ปอนด์ทันที
    "เออ"
    "แต่... ปิงต้องอ่านหนังสือ ไม่อ่านไม่ได้จริงๆ ว่ะ"
    "ไม่ใช่เที่ยวจริงจังแบบนั้น แค่อยากพามึงไปเปลี่ยนที่อ่านหนังสือ ไปอ่านที่บรรยากาศดีๆ เผื่อสภาพมึงจะดีขึ้น กูเห็นมึงแล้วอนาถใจ"
    "นี่ปิงดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ" ผมยกมือขึ้นจับไปตามหน้าตัวเอง สิวก็ไม่ขึ้นนี่หว่า กูโทรมขนาดเมียอนาถใจเลยเหรอวะ
    "กูล้อเล่น ตกลงจะไปมั้ย กูขับรถให้ มึงไม่ต้องทำไร อ่านหนังสืออย่างเดียวพอ"
    "ปิงไม่ได้รบกวนพี่ปอนด์ใช่ป่ะ"
    "รบกวน" ปอนด์ตอบอะไรปิงก็จะไปครับ โอกาสที่เมียจะใจดีมันอาจจะไม่ได้มาบ่อยนัก กูต้องคว้าไว้
    "งั้นไปเลย พรุ่งนี้ออกตั้งแต่เช้าเลย"
    "อยากไปไหนล่ะ ชอบภูเขาหรือทะเล"
    "ถ้าไปกับปอนด์ ภูเขาหรือทะเลก็ชอบหมด" หยอดอีก หยอดให้เมียหลงจนโงหัวไม่ขึ้นไปเลย
    "กูว่า มึงกับกูควรไปโรงพยาบาลมากกว่า"
    "พี่ไม่สบายเหรอ"
    "เบาหวานน่าจะแดก"
    "พี่เลือกเลย ที่ไหนก็ได้ ถ้าแฟนว่าดี ผมก็ว่าดีครับผม เหมาะสมครับแฟน" ผมหอมแก้มคนตรงหน้า แล้วลงไปนอนหนุนตักเหมือนเดิม หยิบชีทขึ้นมาอ่านต่อ เข้าหัวบ้างไม่เข้าหัวบ้าง ส่วนพี่ปอนด์ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดยุกยิกๆ เลือกจองห้องพักไปเรื่อยๆ
    ผมกำลังอยู่รับลมเย็นๆ อยู่ริมหาดหน้าบ้านพักคนเดียว หลังจากที่มาถึงผมก็อ่านสือยาวๆ ติดกัน 4 ชั่วโมงจนสมองเบลอไปหมดแล้วตอนนี้ ขอออกมาเดินย่ำทราย สัมผัสบรรยากาศดีๆ นอกบ้านพักสักแป๊บ ผมลงไปนอนราบกับพื้นทรายแล้วหลับตา น้ำที่ซัดขึ้นมาตามคลื่นเข้ามาสัมผัสส่วนขาของผมจนกางเกงขาสั้นเริ่มเปียก สักพักก็มีมือนึงมาลูบอยู่บนหัวผม หันไปก็เห็นแฟนตัวเองกำลังนอนอยู่ข้างๆ แล้วก็ลูบหัวผมไปมา
    "แปลกดี" แฟนผมยิ้มมุมปากนิดๆ แล้วพูดกับผม
    "..."
    "ไม่คิดว่าจะได้เห็นคนอย่างมึงอยู่ในอารมณ์เครียดแบบนี้"
    "ไม่ได้เครียดขนาดนั้น แต่ถ้า F โดนพ่อด่าเป็นเดือนแน่ อีกอย่างคือกลัวจบช้า"
    "กลัวเป็นด้วย?" พี่ปอนด์เลิ่กคิ้วขึ้นน้อยๆ
    "ถ้าจบเร็วจะได้อยู่กับพี่ไวๆ"
    "นี่ก็ย้ายเข้าบ้านกูถาวรมาหลายวันแล้วนะ"
    "อยากอยู่ตลอดไป อยากดูแล"
    "นี่มึงมาโหมดไหน"
    "ผมอาจจะดูเพี้ยนๆ ดูบ้าบอ ไม่เอาจริงเอาจัง ทำตัวเป็นเด็กในสายตาพี่ อ้อ เพิ่มอีกอย่างคือดูน่ารัก" พี่ปอนด์หัวเราะอีกแล้ว ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า ว่าจริงๆ แล้ว พี่ปอนด์ก็รักผมมาก แล้วก็มีความสุขเวลาที่อยู่กับผม
    "แต่จริงๆ ผมแอบจริงจังนะ อีกปีนึงพอเรียนจบ ผมอยากขอพี่แต่งงาน"
    "จำเป็นต้องแต่งด้วย?"
    "ถึงจะเป็นผู้ชาย แต่พี่ก็ลูกมีพ่อมีแม่นะครับ จะมาปล่อยตัวให้ผมง่ายๆ เลยเหรอไง"
    "มึงด่าซะกูดูแรดเลย"
    "ตอนนี้ผมอาจจะยังไม่ดีพอ แต่สัญญาว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะคู่ควรกับพี่นะ" ผมคิดอย่างงั้นจริงๆ ครับ โปรไฟล์ผมไม่ใช่คนต่ำต้อยอะไร พ่อแม่ผมเป็นหมอ บ้านผมมีหน้ามีตาในสังคม ตาผมก็ระดับนายพล ส่วนย่าก็เป็นคุณหญิงที่คนนับหน้าถือตาอยู่เยอะ แต่ถ้าเทียบกับพี่ปอนด์แล้ว เขาเก่งมาก แล้วก็ดีกว่าผมมากๆ ผมไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเรื่องความไม่เหมาะสมกันอะไรพวกนี้ สมมติว่าถ้าผมจน ผมก็ยังอยากคบพี่ปอนด์อยู่ดี แต่ความไม่คู่ควรในแบบที่ผมรู้สึกคือ ผมยังทำตัวเองไม่ดีพอ ยังดูแลพี่ปอนด์ไม่ได้เท่าที่ใจผมอยากจะดูแลก็เท่านั้นเอง
    "กูดีใจนะ ที่มึงอยากดีขึ้นเพราะกู แต่ถึงมึงจะไม่ดีขึ้น มึงก็คือคนที่เหมาะสมกับกูที่สุดแล้วตอนนี้"
    "รักผมมากอ่ะดิ"
    "อยู่กับมึงแล้วกูมีความสุข"
    "ถ้าอยู่แล้วมีความสุข ก็ไม่ต้องไปหาความสุขที่อื่นแล้วนะ"
    "อืม" เกิดแรงดึงดูดของปากขึ้นอีกครั้งระหว่างเรา ครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าอยู่ใกล้กันทีไรแรงดึงดูดนี้ก็ทำงานทุกทีเลยครับ ผมจูบกับพี่ปอนด์บนชายหาดนี้ เรานอนจับมือกันต่อไปอีกสักพัก ก็เข้าบ้านพักมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะออกไปหาข้าวกินที่ร้านใกล้ๆ แถวนี้ เสร็จแล้วผมก็กลับมาอ่านหนังสือต่อ ส่วนพี่ปอนด์ก็อ่านหนังสือเล่มเดียวกับที่อ่านเมื่อวานต่อเหมือนกันครับ อ่านไปได้ชั่วโมงนึงก็เริ่มเหนื่อยสมองอีกแล้ว เลยพัก วางหนังสือลงแล้วชวนแฟนคุย
    "พี่ปอนด์"
    "ว่าไง"
    "ทำไมพี่ชอบผม"
    "ก็ชอบ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ความเพี้ยนของมึงทำให้กูไม่เครียดดี"
    "ไม่เอาดิ เอาตอนที่ยังไม่ได้คบกันอ่ะ ตอนเจอกันครั้งแรก"
    "ตอนนั้นกูยังไม่ได้ชอบมึงเปล่าวะ" ได้ยินพี่ปอนด์ตอบแบบนี้ ผมเลยเดินไปพี่ปอนด์ที่เตียงแล้วเข้าไปนั่งกอด
    "อย่ามาโกหก เคยบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเห็นรถไฟเหาะแล้วคิดถึง แสดงว่าชอบตั้งแต่เจอกันที่มอชัวร์"
    "คิดถึงนี่แปลว่ากูชอบเหรอ" พี่ปอนด์เอียงคอมาถามผม
    "ใช่ มันแปลแบบนั้นแหละ"
    "คนเพี้ยนๆ อย่างมึงที่เดินตามกูมาถึงรถ กูควรกลัวมากกว่ามั้ย"
    "เดี๋ยวๆๆ นี่ทำไมต้องหน้าแดง"
    "ไฟมันหลอกตา"
    "เห้ย นี่พี่เขินอะไรผมป่ะเนี่ยยย" ผมจับพี่ปอนด์ให้หันมามองหน้า หน้าพี่ปอนด์มีพิรุธแถมยังดูเขินๆ น้อยครั้งมากที่ผมจะได้เห็นพี่ปอนด์แสดงอาการแบบนี้ แค่ถามว่าทำไมชอบ ต้องเขินขนาดนี้เลยหรอวะ
    "กูไม่ได้เขินครับแฟน" พี่ปอนด์ตอบชัดถ้อยชัดคำ นี่มันกลบเกลื่อนอยู่ชัดๆ ผมจู่โจมหอมแก้มซ้ายขวา แล้วกลับมานั่งจ้องหน้าเหมือนเดิม
    "สารภาพมาเลยครับว่าแฟนเขินอะไร"
    "อยากรู้จริงอ่ะ"
    "เออดิ รีบๆ บอกมาเลย"
    "มึงเอาเท้าที่สะกิดไข่กูออกไปสิวะ" ฉิบหายยย ผมชักเท้ากลับทันที มันไปโดนปอนด์น้อยตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้ตัวเลยครับ มัวแต่มุ่งมั่นจะเอาคำตอบ ผมกอดพี่ปอนด์แล้วเราก็ขำกันใหญ่
    "สงสัยเป็นแรงดึงดูดของไข่ จัดสักยกเลยดีมั้ยนะ" พี่ปอนด์ตีหลังผมดังป้าบแล้วผลักผมออกจากตัว
    "จริงๆ แล้วที่กูไปมอวันนั้น กูไม่ได้อยากไปสอนหรอก"
    "แล้วไปทำไม"
    "ปกติอาจารย์ชวน กูเคยไปที่ไหนล่ะ"
    "..."
    "เล่าแล้วก็เขินว่ะ"
    "เล่ามาให้ไวเลยครับแฟน" ตอนนี้พี่ปอนด์ดูเขินจริงจังมาก
    "คืออย่างงี้ ตอนนั้นกูอกหักเป็นครั้งที่ 10 แล้วสองสามวันก่อนที่อาจารย์จะชวนไปที่มอ กูเจอโพสต์นึงในเฟซบอกว่า ถ้าเราอยากจะเจอคนแบบไหน หรืออยากจะมีแฟนแบบไหนให้เราพาตัวเองไปในที่แบบนั้นอะไรทำนองนั้น พออาจารย์มาชวนกู กูก็คิดเองขำๆ ว่า หรือกูจะหาแฟนเด็กแม่งเลย ไม่เคยคบเด็กเลยในชีวิต กูก็เลยลองไปดู"
    "พี่บ้าป่ะวะ อยากหาแฟนเด็ก ไม่ต้องไปสอนก็ได้ เดินหล่อๆ ในมอ คนก็จีบแล้ว หน้าแบบนี้"
    "มึงก็เว่อร์ มันก็แค่ความคิดแรกเริ่ม จริงๆ กูก็อยากไปลองอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำด้วย แล้วพอไปเจอเด็กเพี้ยนอย่างมึง ที่ชอบสวนสนุกโอเวอร์ขนาดนั้นมันก็ตลกดี ขัดกับลุคมึงฉิบหาย"
    "หลงเลยดิ"
    "ก็น่าสนใจดี แต่ยังไม่ได้คิดจะชอบ จนมาเจอมึงอีกรอบที่สวนสนุกนั่นแหละ"
    "รักเลยดิ"
    "อยากได้"
    "มิชชั่นคอมพลีทสุดๆ มาหาแฟนที่มอก็ได้แฟนจริงๆ"
    "จริงๆ แล้ว..." พี่ปอนด์พูดแล้วก็ชะงักไป
    "..." ผมเลิ่กคิ้วเป็นเชิงถามให้พูดต่อ
    "ตอนแรกที่มึงเดินตามกูมา กูอ่ะ... ลุ้นลึกๆ ในใจให้มึงดื้อด้านขึ้นรถกูตามมาเลยนะ"
    "พี่แม่งแรดฉิบหาย แล้วทำไมไม่ชวนตรงๆ"
    "แค่กูคิดมึงยังด่ากูแรดเลยสัด แต่ตอนนั้นอยู่ๆ มึงก็เสือกทำตัวเพี้ยนเกิน จนกูแอบกลัวความล้นของมึง"
    "มันเป็นวิธีรุกของผม"
    "แล้วทำไมมึงจีบกู"
    "ชอบ ชอบ แล้วก็ชอบมาก"
    "แค่นั้น"
    "ตั้งแต่เรียกน้องครับๆ ที่หน้าตึกแล้ว ไม่รู้ตัวเหรอว่าน่ารัก"
    "กูดึงดูดมึงขนาดนั้นเลย"
    "มากกว่าที่แฟนคิดอีกครับ ไม่เชื่อลองดู" ผมกดพี่ปอนด์ลงบนเตียง แล้วโน้มตัวตามลงไปทับบนร่างพี่ปอนด์ จากนั้นก็ปล่อยให้แรงดึงดูดระหว่างเราเริ่มทำงานของมันต่อไป ไม่ง่ายเลยที่คนเราจะตกหลุมรักกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแบบนี้ ถ้ารู้แต่แรก ผมกระโดดขึ้นรถตามพี่ปอนด์ไปตั้งแต่วันนั้นที่มหาลัยแล้ว ชอบโคตรๆ เลยครับคนนี้...ไม่สิ รักโคตรๆ เลยต่างหาก

    Ping Pong
    Yesterday at 11.50 PM
    แรงดึงดูดของผม
    <รูปคู่ปิงปอนด์ริมทะเล>
     156  Likes   17 Comments

    Karndakul Pairy
    ลำไย!!!
    Pimdeed
    แรดนะมึง หนังสือไม่อ่านเหรอคะ มีเมียแล้วชิลได้เหรอ
    น้องพลอยไม่ใช่ใคร
    มึงจะสร้างความอิจฉาให้โลกนี้มากมายไปเพื่ออะไรคะ สอบกูก็อ่านหนังสือไม่ทันอยู่แล้ว นี่กูยังต้องเสียเวลามานั่งอิจฉามึงอีก

    Pond Piriyakitsakul recently reacted to your photo  ❤️

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : ตอนที่ 17
«ตอบ #27 เมื่อ29-01-2017 21:02:41 »

ตอนที่ 17
    อีก 3 วันเป็นวันเกิดผม ปกติผมก็ชวนทุกคนไปปิดโซนในร้านฉลอง ไม่ใช่ร้านใครที่ไหนหรอกครับ ครัวมนต์นภาของแม่ผมเองนั่นแหละ เลี้ยงกันไม่อั้น เมากันหัวทิ่มจนต้องนอนค้างที่บ้านผมทุกคน ปีนี้ก็เหมือนเดิม แม่ผมเพิ่งโทรมาถามว่าจะกลับบ้านวันไหน มีเพื่อนมางานวันเกิดกี่คน จะเอาเมนูไหนเป็นพิเศษบ้าง ผมก็จัดการร่ายยาวสั่งแม่ให้จัดชุดใหญ่เลย ฉลองวันเกิดพร้อมกับฉลองที่เพิ่งสอบเสร็จไปหมาดๆ เอาให้หมดที่ความเครียดที่สั่งสมมาตลอดสิบกว่าวัน คุยกับแม่เสร็จ ผมก็หยิบเอาโฟมล้างหน้าในถุงที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวาน แล้วก็เดินกลับไปที่ห้องแท็กซี่ เพราะคืนนี้ผมจะนอนที่นั่น ตั้งแต่คบกันมาเราสลับห้องกันนอนไปๆ มาๆ จนของๆ ผมเต็มห้องแท็ก แล้วของๆ แท็กก็เต็มห้องผมไปหมดแล้วเหมือนครับ แต่ก็ใช่ว่าจะตัวติดกันตลอดขนาดนั้น บางวันเหนื่อยๆ ต่างคนก็ต่างนอนห้องตัวเองบ้างก็มี หรือบางทีก็ต่างคนต่างกลับบ้านตัวเองตอนวันหยุดบ้าง
    อาบน้ำเสร็จผมก็เปิด MacBook ของแท็กซี่มาดูรูปที่มันถ่ายไว้เวลาไปเที่ยวกัน ไอ้นี่มันถ่ายรูปสวยมากครับ ไปไหนกับมันมีรูปมาอัพไอจีไปเป็นปีๆ เลื่อนดูรูปไปสักพักก็มีแจ้งเตือนเฟซบุ๊กเด้งขึ้นมา ความเคยชินก็พาลให้คลิกเมาส์เข้าไปดูโดยลืมไปว่านี่ไม่ใช่คอมฯ ตัวเอง แต่ก่อนที่จะคิดได้แบบนั้น ตามันก็พาลไปเห็นข้อความในช่องแชทเข้าซะก่อน รูปผู้หญิงหน้าตาดีเซ็กซี่เกิร์ลปรากฎอยู่ในสายตาผม ช่องสีฟ้าด้านบนบอกผมว่าเธอชื่อธิสา สวยไม่พอครับ แต่มันพิมพ์มาบอกแฟนผมว่า miss u so much ตามด้วยอีโมจุ๊บๆ
    "แท็ก" ผมหันไปเรียกเจ้าของ MacBook ที่นอนดูทีวีช่องโปรดของมันอยู่
    "ครับ"
    "มีคนคิดถึงมึงอ่ะ"
    "มึงเหรอ" กูไม่ได้คิดถึงมึงหรอก กูกำลังคิดว่าจะเอาไงกับมึงดีต่างหากสัด
    "กูไม่รู้จัก มึงดูเอาเอง กูไปนอนก่อนนะ" ผมลุกขึ้นจากโต๊ะ แล้วเดินเข้าห้องนอนไป แม่งโมโหตัวเอง ทำไมกูต้องงอนเป็นตุ๊ดด้วยวะ แต่ถ้าโวยวายแม่งก็เหมือนงี่เง่าอีก โธ่เว้ย นอนก็ได้แม่ง... ผมล้มตัวลงนอนห่มผ้า แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถหน้าเฟซบุ๊กไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้โฟกัสที่โพสต์ไหนเลยสักโพสต์เดียว ประมาณ 5 นาที แท็กซี่ก็เข้ามานั่งที่เตียง
    "เตอร์เป็นไร"
    "กูอ่ะไม่เป็นไร แต่มึงอ่ะไม่แน่"
    "ไม่นะ แท็กก็ปกติดี"
    "กูอาจจะเผลอทำร้ายร่างกายมึงได้ มิสยูโซมัสคือเหี้ยอะไร จงอธิบายมา" ผมลุกขึ้นมานั่งจ้องหน้ามัน แล้วตัดสินใจถามออกไปตรงๆ
    "เขินอ่ะ อยู่ดีๆ ก็มาบอกคิดถึงกัน"
    "มึงจะตอบดีๆ มั้ย"
    "หึงเหรอ"
    "กูไม่ได้หึง กูสงสัย กูก็ถาม"
    "หึงชัวร์" มึงยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาใส่กูอีกนะ แฟนเหี้ย
    "เออ!! กูหึง แล้วไง กูหึงไม่ได้เหรอไง"
    "เหี้ยยย มึงโคตรน่ารักเลยว่ะเตอร์" มันยื่นมือมาลูบหัวผม แล้วส่งรอยยิ้มเอ็นดู๊เอ็นดูมาให้ แต่ผมปัดมือมันออกไป
    "มึงจะไม่อธิบายใช่มั้ย งั้นคืนนี้กูกลับไปนอนห้องนะ"
    "เดี๋ยวสิคร้าบบบ ใจเย็นๆ ก่อนเนอะ" มันดึงแขนผมไว้หลังจากที่ผมทำท่าจะลุกไปจากเตียง
    "สัด"
    "นั่นน้องสาว ที่อยู่อังกฤษกับแม่นั่นแหละ" ฉิบหายยย กูไม่น่าเสร่อไปทำหึงใส่มันเลย เงิบเลยเตอร์เอ๊ยยย
    "..."
    "เข้าใจตรงกันเนอะ"
    "เออ กูนอนแล้ว" ผมพลิกตัวลงไปนอนห่มผ้าหลับตาทันที ขืนนั่งต่อแท็กซี่ล้อกูตายแน่
    "ไม่คุยกันต่อเหรอ ไม่มีอะไรจะถามแท็กแล้วเหรอ" มันโน้มตัวมากอดผมจากด้านหลัง แล้วยื่นหน้ามาถามใกล้ๆ แต่ผมก็ยังหลับตาต่อไม่สนใจ ปล่อยให้มันพูดไป เดี๋ยวมันก็หยุดพูดเอง
    "แฟนใครวะ หึงแล้วน่ารักฉิบหาย" มันพูดแล้วก็ก้มลงมาหอมแก้มผมซ้ำๆ ซ้ำๆ ซ้ำๆๆๆๆๆ เป็นสิบๆ รอบ
    "หยุด!!! แก้มกูจะพังแล้วสัด" ผมพลิกตัวไป แล้วดันมันออกไปจากตัวผม ส่วนมันก็กลับไปนอนอมยิ้มกวนตีนใส่ผม
    "ขี้หึงนะเราอ่ะ สงสัยจะรักผัวมาก"
    "มึงแม่ง พอจบ จบเลย... แล้วศุกร์นี้ว่างเปล่า"
    "ขึ้นอยู่กับว่าจะให้ทำอะไร"
    "ไปบ้านกู"
    "แต่งแท็กเข้าบ้านเลยเปล่าล่ะ แท็กโอเคนะ ไม่แต่งก็ได้ เดี๋ยวหนีตามไปเลย"
    "ไม่กวนสักเรื่องมั้ยมึงอ่ะ วันเกิดกู จะไปไม่ไป"
    "ก็ต้องไปสิคร้าบบบ"
    "ดี ของขวัญไม่ต้องเซอร์ไพรส์ กูขอเลยแล้วกัน รถสักคัน คอนโดสักห้อง กูจะดีใจมาก"
    "น้องเตอร์เลือกเอาเลยครับ อยากขับคันไหนในอู่พี่แท็ก ก็เอาไปเลยครับ วันไหนว่างๆ กดไฟว่างหน้ารถ หน้าเงินได้ด้วยนะ"
    "สัด" ขอของขวัญ เสือกให้กูไปขับแท็กซี่
    "ว่าแต่ ไปบ้านเตอร์นี่เปิดตัวเลยป่ะ แท็กต้องเตรียมตัวไงดี หรือเข้าไปถึงก็แนะนำตัวกับแม่เตอร์ได้เลย"
    "ก็ไปพร้อมๆ เพื่อนกู ดูตามสถานการณ์แล้วกัน กูก็ไม่เคยพาใครแฟนไปให้แม่รู้จักว่ะ" ผมไม่รู้จริงๆ ว่าแม่จะโอเคไหมที่ผมคบกับมัน ครอบครัวผมมีกันสี่คน คือ แม่ ผม แล้วก็น้องสาวอีก 2 คน น้องผมเรียนอยู่ออสเตรเลียทั้งคู่ พวกมันเรียนเก่งจนไม่เผื่อแผ่มาถึงผมเลยล่ะครับ ส่วนพ่อก็เสียไปได้ 9 ปีแล้วครับ ตอนนี้คนที่จะอยู่ให้แท็กซี่มันไปแนะนำตัวให้รู้จักก็มีแค่แม่เท่านั้น ผมก็ได้แต่หวังว่าแม่จะโอเค เพราะถ้าไม่ ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาไงต่อดี
    "แม่เตอร์จะไม่ไล่แท็กใช่ป่ะ"
    "ปกติแม่กูใจดีนะ"
    "แท็กจะพยายาม รักลูกเขาก็ต้องไปบอกแม่เขาเนอะ" ผมกับมันยิ้มให้กันแค่นั้น แล้วเราก็เข้าโหมดประหยัดพลังงาน ต่างคนต่างนอนเก็บแรงไว้ใช้ในวันพรุ่งนี้ต่อไป
    6 มิถุนายน วันเกิดของผมมาถึงแล้ว ผมกลับมานอนบ้านตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เลยเข้าครัวมาโชว์ฝีมือสำหรับอาหารในวันเกิดตัวเองด้วย ผมชวนเพื่อนมาประมาณ 10 คน ก็มีแก๊งผมที่มหาลัย แล้วก็เพื่อนสมัยมัธยมอีก 5 คนครับ ใกล้ถึงเวลาที่นัดกับพวกมันไว้ ซึ่งก็คือตอนทุ่มนึง ร้านของแม่คนก็เริ่มเต็มแล้ว ผมปิดโซนข้างในเอาไว้เป็นส่วนตัว แม่ก็ตกแต่งเล่นใหญ่ตามเคย คุณนายเขาของงานปาร์ตี้ครับ ลูกจัดงานอะไร แม่ก็ใส่ให้เต็มตลอด ลูกโป่งสีฟ้าขาวลอยอยู่เต็มเพดานจนเหมือนกับว่ามีท้องฟ้าอยู่ในร้าน ไหนจะตัวอักษรคำว่า Happy Birthday METER ตัวเบ้อเริ่มที่ผนังนั่นอีก เว่อร์วังยังกับงานที่พวกดาราเขาจัดกันเลยล่ะครับ
    "แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะมึง" สามพอเข้ามาหาผมแล้วก็ยื่นของขวัญกล่องสีน้ำตาลมาให้
    "ขอบใจเว้ย"
    "ขอให้ผัวรักผัวหลงมั่กๆๆๆๆๆๆ เลยนะคะ"
    "ห่าพลอย มึงเบาๆ แม่กูยังไม่รู้"
    "เอาหน่าาา เดี๋ยวแม่มึงก็ต้องรู้ เดี๋ยวพวกกูไปหวัดดีแม่งมึงก่อน ให้กูเกริ่นให้ก่อนเลยมั้ย" พวกสามพอ มันหัวเราะคิกคักแล้วก็เดินไปทักทายแม่ผม อีกสักพักพวกเพื่อนๆ มัธยมก็มากันครบ ปิดท้ายด้วยคู่รักน่าหมั่นไส้ที่ใส่เชิ้ตคู่สีเดียวกันมา ดีว่ามันใส่เหมือนกันแค่เสื้อ ถ้าแต่งเหมือนกันหัวจรดเท้ามา กูจะยกงานวันเกิดให้เป็นงานแต่งมันไปเลย
    "แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับพี่เตอร์ อย่ามองกูด้วยสายตาอิจฉาแบบนั้น นี่ของขวัญจากกูและพี่ปอนด์ของกู"
    "หวัดดีครับพี่ปอนด์" ผมรับของขวัญจากไอ้ปิงแล้วหันไปทักทายพี่ปอนด์
    "สุขสันต์วันเกิดนะเตอร์ มีความสุขมากๆ นะครับ"
    "ขอบคุณมากครับพี่ วันนี้เต็มที่เลยนะ ผมจัดที่นอนไว้ให้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว"
    "นี่จะอาบเหล้ากันเลยรึไง แล้วไอ้แท็กอ่ะ" คนที่พี่ปอนด์ถามหา ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ป่านนี้แล้วก็ยังไม่โผล่หัวมา โทรไปก็บอกว่ารถติด นี่มันสนใจวันเกิดกูจริงป่ะเนี่ย
    "ไม่รู้แม่ง บอกว่าให้รีบมาๆ มาพร้อมพี่ปอนด์เลยก็ได้ มันก็ไม่รู้มัวแต่ไปทำไร"
    "สงสัยไปหาของขวัญอยู่"
    "ช่างมันเถอะครับ เดี๋ยวไปหาแม่กันดีกว่า แม่ผมจัดชุดใหญ่รอทุกคนมา 3 วันแล้ว" ผมพาพี่ปอนด์กับปิงเดินเข้าไปหาแม่กับเพื่อนๆ ที่เริ่มชนค็อกเทลสีฟ้ากันไปแล้ว เพื่อนมหาลัยกับเพื่อนมัธยมของผมรู้จักกันดี เพราะมันเจอกันที่นี่อยู่บ่อยๆ เวลาผมชวนมาสังสรรค์กันที่บ้าน บ้านกับร้านผมก็อยู่ที่เดียวกันนี่แหละครับ ชั้นบนของโซนอินดอร์ของร้าน ก็คือที่อยู่อาศัยของพวกเรานี่แหละ
    "สนุกกันให้เต็มที่เลยนะคะเด็กๆ อยากได้อะไรเพิ่มบอกพี่แป้งได้เลย เดี๋ยวแม่ขอออกไปดูร้านก่อนนะคะ"
    "ขอบคุณคร้าบบบบบบ/ค่าาาาาาาาา" แม่เดินออกไปจัดการร้านนั่นนี่ ส่วนพวกเราก็เริ่มเปิดเหล้าขวดแรกกัน ผมเดินไปเปลี่ยนเพลงให้เป็นจังหวะที่สนุกขึ้น แล้วกลับมานั่งกินเหล้าที่ไอ้เอยื่นมาให้
    "ผัวมึงไปไหนวะแท็ก" อยู่ๆ ไอ้พิมพ์มันก็โพล่งขึ้นมากลางวง
    "เหี้ยพิมพ์ เพื่อนกูนั่งอยู่เต็มเลยมึงเกรงใจกูบ้างก็ได้"
    "ก็กูคิดถึงหน้าหล่อๆ ของพี่แท็ก"
    "กูจะไม่ให้มึงเข้าใกล้มันเลย"
    "งานหวงก็มา" ไอ้ปิงมันทำเสียงล้อๆ ใส่ผม
    "เดี๋ยวๆๆๆๆ นี่มึงมีผัวเหรอวะไอ้เตอร์ ทำไมพวกกูไม่รู้" อาร์มทำหน้าเหวอแล้วถามผม อาร์มเป็นเพื่อนในกลุ่มที่ผมสนิทน้อยที่สุด เพราะมันบ้าๆ บอๆ บางทีก็เกิดติสต์ไม่ไปไหนกับเพื่อน บางทีก็ติดเพื่อนจนแทบจะสิง ผีเข้าผีออก แต่ถึงยังงั้น มันก็เป็นเพื่อนที่ดีคนนึง
    "อาร์ม มึงอย่าใช้คำว่าพวกกู เค้ารู้กันหมดแล้วค่ะ เฟซบุ๊กน่ะมีไว้เสือกบ้างไรบ้าง มีแต่มึงอ่ะไปเข้าถ้ำจำศีลที่ไหนมาไม่รู้อยู่คนเดียว"
    "สัด กูไม่เคยรู้สึกพลาดการอัพเดตอะไรเท่านี้มาก่อนเลย งั้นชนกันหน่อย ขอให้มึงสุขสันต์วันเกิด ถือไม้เท้ายอดทองกะบองเพรช" มันชูแก้วขึ้นรอทุกคนชนด้วย
    "อวยพรอะไรของมึง ไปหัดพูดจาภาษาคนบ้างเถอะ กูขอ" ตองพูดแล้วก็ส่ายหัวจนทุกคนขำ แล้วก็พากันยกแก้วชนกับมัน
    "แล้วยังไงสรุปพี่แท็กมามั้ย" พิมพ์วกกลับมาที่คำถามเดิมที่ผมก็ไม่รู้ว่าแฟนตัวเองมันจะโผล่หัวมาตอนไหนเหมือนกัน
    "ไม่รู้ว่ะ มันบอกว่ารถติด กำลังมา" ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือ หน้าปัดบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มครึ่ง จะโทรไปตามอีกก็กลัวมันจะรำคาญ ทั้งที่นัดกันไว้ก่อนตั้งหลายวัน แต่มันก็ยังเสือกจะมาช้า แทนที่จะเข้ามาพร้อมเพื่อนๆ ให้แม่เห็นหน้าเห็นตาไปก่อน ผมกะว่าจะให้มาช่วยกันดูลาดเลาสักหน่อยว่าจะบอกแม่ยังไง ตอนไหนดี แต่ดูเหมือนมันจะทำแผนผมล่มซะแล้ว คงต้องเอาไว้บอกแม่วันหลังแล้วมั้ง
    พอสามทุ่มครึ่ง แม่ผมก็เดินมาปิดไฟบอกว่าถึงเวลาเป่าเค้ก ปิดไฟแล้วมันก็ไม่ได้มืดมากมายหรอกครับ แสงไฟจากร้านด้านนอกก็ยังส่องเข้ามาพอจะให้พวกเราเห็นหน้ากันได้อยู่ แม่ดึงผมให้ไปยืนที่โต๊ะตรงกลาง
    "ไหนเค้กอะแม่ ปีนี้ใหญ่ถึงเก้าชั้นรึเปล่า"
    "เอาไว้เตอร์แต่งงานก่อน แม่จัดให้ 19 ชั้นเลย" แม่คงไม่ได้ทำแบบนั้นแล้วล่ะครับ เตอร์คบผู้ชายครับแม่ แต่มันแค่ยังไม่โผล่หัวมาให้แม่เห็นเท่านั้นเองงง
    "งั้นยกมาเลย เตอร์หิวแล้ว อยากเติมความหวาน"
    "เอานี่ไปก่อน สุขสันต์วันเกิดจากแม่ แล้วก็นี่น้องส่งมาให้" แม่ยื่นกล่องของขวัญสองกล่องมาให้ผม กล่องเล็กสีแดงเป็นของแม่ ส่วนอีกกล่องหน้าตามันเป็นกล่องพัสดุที่ถูกส่งมาจากออสเตรเลียจากน้องสาวของผม
    "แกะเลยไอ้เตอร์ เผื่อปีนี้แม่เปย์หนักเป็นเช็ค พวกกูจะได้ขอแบ่ง" ไอ้พีทมันยุให้ผมแกะของขวัญของแม่ แล้วทุกคนก็เห็นดีเห็นงาม ทำหน้าลุ้นไปด้วย ผมก็เลยแกะโชว์ทุกคนไปเลย เดาไม่ถูกเลยครับว่าข้างในเป็นอะไร เพราะแม่ไม่เคยให้ของขวัญซ้ำกันสักปีเลย ปีก่อนแม่น่าจะเปย์หนักสุดเพราะให้คอนโดที่ผมกำลังอยู่ตอนนี้มา ส่วนปีอื่นๆ ก็มีทั้งเกมชุดใหญ่ ตั๋วทัวร์ต่างประเทศ หรือไม่ก็ของแบรนด์เนมตามแต่ที่ผมอยากได้ในตอนนั้น แต่ปีนี้ผมไม่ได้เกริ่นอะไรไว้เลยว่าอยากได้อะไร ก็เลยเดาไม่ถูกว่าของในนี้จะเป็นอะไร แต่ถ้าแม่จะเซ็นเช็คให้จริงๆ ลูกคนนี้ก็ยินดีอย่างยิ่ง ผมแกะกระดาษสีแดงออกแล้วเปิดกล่องออกมาเจอกระดาษแผ่นนึง เชร้ดดดดด แม่เซ็นเช็คให้จริงเหรอวะ ผมหยิบกระดาษใบนั้นออกมาแล้วก็หันไปมองหน้าแม่ ที่กำลังยิ้มแฉ่งอยู่ข้างๆ ผม แล้วก็หันกลับมาอ่านข้อความในกระดาษนั้นให้ทุกคนฟัง
    "สุขสันต์วันเกิด หันไปข้างหลัง ของขวัญกำลังเดินมา" ผมเหลือบตาขึ้นมาจากกระดาษก็เห็นทุกคนยิ้ม แล้วก็เริ่มตบมือร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ผมหันไปดูข้างหลังตามข้อความในกระดาษ ก็เห็นแฟนตัวเองเดินถือเค้กทำหน้าแป้นแล้นเดินเข้ามาหาผม เหวอแดกเลยครับ มันโผล่มาอะไรกลางงานแบบนี้ หันไปมองรอบๆ ตัวก็เหมือนทุกคนจะรู้กันไปหมด แต่ที่ไม่เข้าใจสุดๆ คือแม่ผมที่ยืนร้องเพลงอยู่นี่แหละครับ แม่ไปรู้จักแท็กซี่มันตอนไหนวะเนี่ย
    "เป่าเค้กสักทีสิลูก อธิฐานอยู่เหรอไง อะไรจะนานขนาดนั้น" แม่เร่งให้ผมเป้าเค้กที่แท็กซี่ถืออยู่ ผมเป่าจนเทียบดับหมด เค้กก้อนใหญ่ก็ถูกวางลงบนโต๊ะ
    "สุขสันต์วันเกิดนะ นี่ของขวัญของแท็กกับแม่" เหี้ยยย แท็กกับแม่ นี่กูฟังไม่ผิดใช่ไหม แท็กซี่มันพูดว่าแท็กกับแม่ มึงไปสนิทกับแม่กูตอนหนายยยยยยยยยยยยย ผมรับซองสีเงินเรียบหรูจากแท็กซี่มาไว้ในมือ
    "เดี๋ยวก่อน นี่ทุกคนรู้กันเหรอ"
    "ช่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย" เพื่อนๆ ผมมันตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน
    "แล้วมึงมาให้ของขวัญกับแม่กูได้ไง" คำถามนี่ผมหันไปจ้องรอคำตอบจากแท็กซี่ แต่มันแค่ยิ้มแล้วก็หันไปมองแม่ผมแทน
    "คือวันก่อนแท็กมากินข้าวที่ร้านกับคุณทรรศพ่อเขา แล้วก็เลยมาทักทายแนะนำตัวกับแม่ ปรึกษากับแม่ว่าจะให้ของขวัญอะไรเตอร์ดี เปิดดูซะทีสิของขวัญน่ะ"
    "มึงนี่นะ..." เดี๋ยวแกะของขวัญเสร็จ ผมมีเรื่องต้องถามมันยาวแน่ๆ ผมเปิดซองสีเงินในมือดู ก็เจอตั๋วเฟิร์สคลาสบินตรงสู่ลอนดอนครับ
    "เป็นไง ชอบไหม" แม่ถามผม
    "ตั๋วไปกลับอ่ะของแม่ ส่วนแท็กอ่ะจะดูแลตลอดทริปเป็นอย่างดี"
    "เห็นแท็กบอกว่า มีแม่กับน้องอยู่ที่นั่น แล้วเตอร์ก็ไม่เคยไปอังกฤษ แม่ก็เลยคิดว่าเตอร์น่าจะชอบ" เที่ยวที่ไหนผมก็ชอบทั้งนั้นล่ะครับ ยิ่งมีของกินอร่อยๆ จะยิ่งดีมากขึ้นไปอีก
    "ไปกินกันต่อเหอะ ยืนดูไอ้เตอร์นานๆ แล้วความอิจฉามันพุ่ง งานกราบแม่ผัวไกลถึงอังกฤษก็มาว่ะ หมั่นไส้" ไอ้พลอยมันหยิบแก้วขึ้นจิบ แล้วหันไปชวนทุกคนให้ปาร์ตี้กันต่อ
    "อะแฮ่มมม สนุกกันต่อเลยนะจ๊ะ ตามสบาย เดี๋ยวแม่ไปดูร้านต่อ ส่วนแท็กกับเตอร์ก็ทำตัวตามสบาย แต่เกรงใจแม่นิดนึงเนอะ" ประโยคสุดท้ายแม่หันมาพูดกับผม แล้วก็หัวเราะอารมณ์ดี
    "แม่อ่ะ!! ขอบคุณนะครับ" ผมกอดแล้วก็หอมแม่ไปทีนึง ก่อนที่แม่จะเดินออกไปที่ร้านด้านนอก คราวนี้ก็ได้เวลาเคลียร์กับไอ้คนข้างๆ ที่ยืนหัวโด่นี่สักที
    "มึงมานี่เลย" ผมลากมันขึ้นไปที่ห้องรับแขกชั้นสอง เพื่อการซักถามที่ไม่ต้องถูกใครขัดจังหวะ ระหว่างที่เดินขึ้นบันได ผมก็เพิ่งสังเกตว่าวันนี้ไอ้แท็กซี่มัน มัน มันหล่อเหี้ยๆ เลยครับ แต่งตัวดียิ่งกว่าวันที่ไปงานที่มหาลัยด้วยกันอีก สงสัยกะเอาให้แม่ผมหลง อิจฉาในความหล่อโดยกำเนิดของมันจริงๆ ปกติไม่เคยเห็นมันจะทาครีมอะไรสักนิด กูชักจะหมั่นไส้แฟนตัวเอง ผมลากมันไปนั่งที่โซฟา แล้วก็เริ่มการไต่สวน
    "เล่ามา!"
    "เหล้าอยู่ข้างล่าง ไม่ได้หยิบขึ้นมาด้วย"
    "เลิกกวนตีนกูสักสิบนาที แล้วเล่ามาให้ไว"
    "ชอบของขวัญที่ให้รึเปล่า"
    "เออ แต่จะดีกว่านี้ถ้าแถมพ็อคเก็ตมันนี่ให้กูด้วย"
    "ไปกับป๋าแท็ก ไม่ต้องใช้ตังหรอกครับ รับรองไปเห็นบ้านแท็กที่นู่น เตอร์จะไม่อยากกลับเลย" ยัง ยัง ยังไม่เล่าอีกไอ้ห่า นอกเรื่องเก่งจริงๆ ไอ้นี่
    "แท็ก"
    "โอเคๆ ก็วันนั้นเตอร์ชวนมางานวันเกิด พอวันต่อมาพ่อแท็กก็ชวนมากินข้าวที่ร้านนี้พอดี แล้วพอแม่เตอร์เข้ามาทักที่โต๊ะ แท็กก็เพิ่งรู้ว่าแม่เตอร์กับพ่อแท็กสนิทกัน ก็เคยบอกแล้วว่าพ่อชอบมากินบ่อย" ไอ้ที่พ่อมันกับแม่ผมสนิทกันก็ไม่แปลกหรอกครับ ถ้าพ่อมันเป็นลูกค้าประจำ แต่เรื่องที่แม่รู้เรื่องระหว่างผมกับมันเนี่ยสิแปลก
    "แล้วแม่กูรู้เรื่องเราได้ไง"
    "แท็กก็หาจังหวะเข้าไปแนะนำตัวกับแม่เตอร์ แล้วก็ปรึกษาเรื่องของขวัญไปด้วยเลย"
    "มึงเพี้ยนป่ะ มึงไม่กลัวแม่กูด่ารึไงวะ"
    "ตอนแรกก็กลัว แต่แม่เตอร์ดูใจดี ก็เลยคิดว่าวันนั้นอ่ะเหมาะสุดแล้ว เผื่อแม่เตอร์รู้แล้วสั่งเด็กในร้านกระทืบ แท็กจะได้ให้พ่อช่วยได้ทัน"
    "พ่อมึงจะได้กระทืบมึงซ้ำด้วยเลย"
    "โอ๊ยยย พ่อแท็กใจดีจะตาย เค้ารู้นานแล้วว่าคบเตอร์ พ่อนั่นแหละยุให้บอกแม่เตอร์เร็วๆ พ่อแท็กเคยเห็นเตอร์ที่ร้านด้วยนะ วันหลังพาไปเจอที่บ้านเลยดีกว่า"
    "มึงแม่งปล่อยให้กูลุ้นแทบตาย กูก็รอมึงไม่มาสักที คิดวนไปวนมาว่าจะบอกแม่ยังไง แต่มึงเสือกแอบไปบอกก่อน"
    "เซอร์ไพรส์เปล่าล่ะ"
    "เออ"
    "เตอร์" แท็กซี่ขยับเข้ามานั่งติดกับผม แล้วกอดผมเอาไว้หลวมๆ
    "อะไร"
    "สุขสันต์วันเกิดนะครับ ขอให้เตอร์อยู่กับแท็กไปเรื่อยๆ นะ"
    "นี่มึงขอพรให้กูหรือให้ตัวเอง"
    "ขอให้เรา"
    "เบาหวานขึ้นใจกูแล้วเนี่ย"
    "มีหวานกว่านี้อีกนะ" มันเอียงหน้าเข้ามาจูบผม รสหวานของเค้กที่มันตักใส่ปากก่อนจะขึ้นมาด้วยกันยังติดอยู่ในปากของมัน ผมจูบมันนานพอที่จะดูดเอาความหวานทั้งหมดนั้นออกมาได้ เราถอนจูบออกจากกัน แต่ปากยังคงคลอเคลียกันอยู่
    "birthday kiss นะครับ" มันบอกผมก่อนที่ผมจะยกมือขึ้นดันท้ายทอยมันเข้ามาจูบอีกครั้ง
    "thank you kiss นะ"
    "รักเตอร์นะ"
    "กูก็รักมึง"
    งานวันเกิดของผมก็จบลงเหมือนกับทุกๆ ปี คือทุกคนปาร์ตี้กันจนหัวทิ่ม ห้องนอนที่แม่เตรียมไว้ให้ก็เต็มแน่นเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมมาจากทุกปี ก็คือไอ้คนข้างๆ ที่เข้ามานอนอยู่กับผมในห้องนอนนี่แหละครับ แฟนผมเอง... หวังว่ามึงจะมาอยู่กับกูแบบนี้ทุกปีนะ

ออฟไลน์ double_ss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 31
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Taxi me ter : Taxi full time
«ตอบ #28 เมื่อ29-01-2017 21:03:44 »

Taxi full time

    ในมือข้างซ้ายของผมมีดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ ส่วนข้างขวาก็มีถุงของขวัญถุงเบ้อเริ่ม อย่าเข้าใจผิดว่าจะไปเซอร์ไพรส์วาเลนไทน์เดย์อะไรแฟนตัวเองนะครับ เพราะวันนี้ผมเป็นแท็กซี่คนเดิม เพิ่มเติมคือเป็นเบ๊ด้วย เบ๊ถือของงานรับปริญญาให้ไอ้เตอร์แฟนเด็กคนเดิมของผมนั่นแหละครับ เราคบกันมาสองปีกว่าจนในที่สุดเตอร์ก็เรียนจบแล้ว ตอนนี้มันกลับไปช่วยงานแม่ที่ร้านบ้าง แล้วก็มาช่วยงานที่บริษัทผมบ้างในบางโปรเจคต์ ตั้งแต่เรียนจบมันก็เป็นผู้ใหญ่เอาการเอางานขึ้นเยอะ ส่วนนึงก็คงเป็นเพราะผมที่มีความรับผิดชอบเยอะขึ้น ต้องเข้าไปช่วยงานพ่อเกือบจะทั้งหมด ก็เลยมีเวลาดูแลตามรับส่งเอาใจมันได้น้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นความหวานของผมก็ไม่เคยลดลงนะครับ แถมเดี๋ยวนี้เตอร์มันยังมีโหมดเอาใจผมด้วยนะ ลดความโหดลงไปเยอะตั้งแต่เปิดตัวกับพ่อแม่
    ไอ้แฟนคนที่ผมพูดถึงตอนนี้กำลังอยู่ท่ามกลางวงล้อมของหนุ่มสาวรุ่นน้องเกือบสิบคนที่ขนกันมาแสดงความยินดีกับมัน ส่วนผมก็ยืนดูอยู่ห่างๆ อย่างร้อนๆ แล้วก็คอยเดินตามมัน เก็บของขวัญให้มันเท่านั้นแหละครับ เนื่องจากวันนี้เป็นวันซ้อมใหญ่ ครอบครัวมันก็เลยไม่ได้มา ปล่อยให้เป็นวันของเพื่อนๆ ไปก่อน ส่วนแม่กับน้องๆ แล้วก็ญาติจะมาวันจริงทีหลัง   
    "แท็กๆ มานี่หน่อย" เตอร์ที่ถือของเต็มไม้เต็มมือตะโกนฝ่าวงล้อมเรียกผม ไปครับ แฟนเรียกห้ามอิดออด รีบเดินไปเก็บของให้มันโดยไว ผมเดินเข้าไปแล้วอ้าถุงในมือให้มันหย่อนของขวัญที่ถืออยู่ลงมาเก็บ เสร็จแล้วก็จะเดินออกไปให้มันถ่ายรูปกับรุ่นน้องต่อ
    "พี่เตอร์คะ นี่พี่ชายเหรอ หล่อจัง" น้องผู้หญิงน่ารักคนนึงถามมันขึ้นมา จนผมที่ถูกพาดพิงต้อหยุดยืนฟังต่อไปก่อน
    "พี่ว่าพี่หล่อกว่ามันนะ" เตอร์ตอบไปอย่างนั้น แล้วยักคิ้วให้ผมข้างนึง
    "แบบพี่เตอร์อ่ะหล่อน่ารัก แต่พี่คนนี้อ่ะหล่อดีมีเสน่ห์"
    "ขอบคุณครับ" ผมตอบรับคำชม มีคนชมก็ต้องขอบคุณสิครับ
    "นิ้งชมมันน้อยๆ หน่อยก็ได้" 
    "เอ้า ก็พี่เค้าหล่อจริงๆ ขอโทษนะคะ พี่มีแฟนรึยังคะ" นิ้งหันมาถามผม
    "เป็นคำถามที่ดีเลย กูก็อยากรู้" คราวนี้สาวๆ สี่ห้าคนก็พร้อมใจกันหันมาสนใจรอคำตอบจากผม
    "เดี๋ยวพี่ขอตัวก่อนนะครับ ของหนักมากเลย เดี๋ยวเอาไปเก็บที่รถก่อนดีกว่า" ผมยิ้มให้ทุกคน แล้วขอตัวออกมาเก็บของที่รถแทน ใครอยากรู้อะไรถามเอาจากเตอร์เลยแล้วกัน เก็บของเสร็จผมก็เดินกลับมาหาเตอร์อีกที ตอนนี้เหลือแค่มันนั่งพักอยู่ที่โต๊ะคนเดียวแล้วครับ
    "ร้อนมั้ย" ผมยื่นขวดน้ำเย็นๆ ส่งให้มัน มันรับไปแล้วก็รีบเปิดดื่มพรวดๆ คนจะเหนื่อยมาก จากประสบการณ์แล้ว งานรับปริญญาแม่งเป็นอะไรที่โคตรกินแรงเลยครับ ร้อนก็ร้อน ชุดก็หนัก เหนื่อยก็เหนื่อย แต่ทุกคนก็ยังอยากรับปริญญากันอยู่ดี
    "มึงมานี่เลย" มันดึงแขนผมให้ลงไปนั่งข้างๆ จับหัวผมให้ไปชิดกับหัวมัน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องหน้ากดถ่าย ผมก็ยิ้มไปทั้งที่ยังงงๆ อยู่นึกจะถ่ายก็ถ่าย นี่แฟนกูไบโพล่าหรืออะไร
    "อยากถ่ายกูบอกดีๆ ก็ได้"
    "เมื่อกี้ทำไมไม่บอกพวกน้องมันไปว่ามีแฟนแล้ว"
    "เอ้า ก็น้องสนิทกับเตอร์ ก็ให้เตอร์ตอบเองดีกว่า เตอร์ตอบว่าอะไร แท็กก็ว่าตามนั้นแหละ"
    "แม่ง เซ้าซี้กูจะขอเบอร์มึง แต่กูบอกไปละว่ามึงอ่ะเมียกูเอง"
    "ใช่เหรอครับ หึงเหรอไง แล้วทำไมเค้าไม่รู้กันเหรอว่าแท็กเป็นแฟนเตอร์" สนิทกันยังไงวะถึงไม่รู้
    "ไม่ค่อยสนิทมากหรอก แล้วปกติโพสต์รูปมึงกูก็ตั้งให้เห็นแค่เพื่อนที่สนิทกัน" ไอ้เตอร์มันบ่นไป ก็นั่งจิ้มโทรศัพท์ของมันไป ไม่แปลกจริงๆ ที่น้องๆ มันจะไม่รู้ ก็ผมกับเตอร์เป็นพวกมีเฟซบุ๊กบุ๊กไว้ส่องเป็นหลัก นานทีสองเดือนหนถึงจะโพสต์อะไรสักทีน่ะครับ ส่วนใหญ่รูปผมก็จะไปอัพในไอจีมากกว่า

    Meter Kaweewat added a photo of you

    หน้าจอโทรศัพท์ผมเด้ง nontification เตือนมาว่าไอ้คนข้างๆ ที่มันนั่งจิ้มโทรศัพท์อยู่แท็กรูปผมมา ผมลากนิ้วโป้งลงไปปลดล็อคเข้าเฟซบุ๊กเพื่อดูภาพนั้น

    Meter Kaweewat
    Just now. public
    ขอบคุณนะครับที่อยู่ข้างๆ กันจนถึงวันนี้ วันจริงต้องมาดูแลกูอีกนะ วันต่อๆ ไปก็เหมือนกัน ดีใจที่มีมึง - Tos Thanuthussadin
    (รูปคู่ยิ้มแฉ่งที่ถ่ายด้วยกันเมื่อกี้นี้)

 
    ผมกดปุ่ม love ลงไปทันที แล้วก็เลื่อนดูคอมเมนต์ที่โผล่มาเร็วอย่างกับคนเมนต์เฝ้าเฟซบุ๊กตลอดเวลา ผ่านไปแค่ 2 นาที คนกดไลก์ไป 46 คน คอมเมนต์อีก 15 ส่วนใหญ่ก็จะเมนต์กันด้วยข้อความหมั่นไส้เป็นหลักล่ะครับ นี่มันคงหึงมาก แต่ก็ต้องขอบคุณน้องนิ้งที่ไปสะกิดต่อมให้แฟนผมทำอะไรได้น่ารักขนาดนี้
    "มึงน่ารักเกินไปแล้วนะเตอร์"
    "น่ารักก็รักกูให้มากๆ"
    "ไม่ได้แล้วว่ะ... นี่ก็รักมากสุดเท่าที่แท็กจะรักใครสักคนได้แล้วนะ ไม่รู้ตัวเหรอ"
    "รู้ แต่วันหลัง ใครถามว่ามีแฟนยัง ตอบได้เลยนะว่าเป็นแฟนกู"
    "ไม่อ่ะ วันหลัง...จูบโชว์เลยดีกว่า"
    "ประสาท"
    "ก็เคยทำมาแล้ว จำไม่ได้เหรอไง" กลางวงเหล้าที่มีคนเป็นสิบในร้านยกซด ยังจำได้เลยว่าเตอร์มันน็อคไปเลยวันนั้น มันตีหลังผมเบาๆ ทีนึง แล้วลุกขึ้นยืน
    "กลับกัน ไม่มีใครมาแล้ว"
    "ไปดิ" ผมลุกขึ้นยืนแล้วเราก็เดินไปที่รถเพื่อกลับคอนโดด้วยกัน พอไปถึงรถเตอร์เปิดประตูไปก็เจอกองของขวัญอยู่เต็มเบาะข้างคนขับ
    "มึงจะเอาของมาวางข้างหน้าเพื่อ?" มันบ่นโวยวายทันที
    "จะบ่นทำไมคร้าบบบ ก็เอาไปเก็บท้ายรถสิ"
    "มึงนี่นะ เปิดท้ายให้กูด้วย" มันส่งสายตาหงุดหงิดเล็กน้อยมาให้ผม แล้วก็ขนของขวัญของมันใส่มือเดินเอาไปเก็บที่ท้ายรถ ผมเดินตามมันไปท้ายรถ แล้วเปิดท้ายขึ้นให้มัน เตอร์ดูตกใจเล็กน้อย น้อยมากจริงๆ ครับ กับกองของขวัญที่ผมเตรียมเอาไว้ให้ ผมจัดการซื้อสารพัดสิ่งที่เตอร์ชอบเอามาห่อของขวัญแยกชิ้นกันเป็น 10 กล่อง แล้วก็เรียงเอาไว้แน่นเต็มท้ายรถ พร้อมกับธงตัวอักษรคำว่า Congratulations ที่โยงติดเอาไว้
    "เซอร์ไพรส์หรอ" มันหันมาพูดกับผม
    "เซอร์ไพรส์มั้ยล่ะ ยินดีด้วยนะ หวังว่าของขวัญจะถูกใจเมียสักกล่องนะครับ"
    "หึ นี่กะซื้อหว่านให้กู เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะถูกใจกูหรอ"
    "ตั้งใจเลือกทั้งนั้นแหละ"
    "ขอบใจ" มันส่งของในมือให้ผมถือแทน แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วก็เอาของในมือผมไปเก็บรวมไว้ จากนั้นก็ปิดท้ายขึ้นรถกลับคอนโดกันครับ
    "ไม่มีอะไรตอบแทนเลยเหรอวันนี้"
    "อะไร"
    "อุตส่าห์มาเดินตามต๊อกๆ ทั้งวัน ขนของขวัญมาให้อีกเป็นกอง" ผมทำเป็นบ่นแกล้งมัน
    "นึกว่าเต็มใจทำ หวังผลเหรอ"
    "เต็มใจ แต่ถ้าเตอร์ให้รางวัลก็จะมีกำลังใจทำอะไรให้เตอร์เรื่อยๆ" พูดจบมันก็ยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มผม เสียดายน่าจะไปบ่นที่ห้อง ผมจะได้ขอรางวัลตอบแทนชุดใหญ่ไปเลย แต่ไม่เป็นไรผมยังมีแผนสำรอง
    "แค่เนี้ย"
    "แค่นี้แหละ อะไรก็ดี แต่เซอร์ไพรส์เชยไปหน่อยว่ะ"
    "เชยแล้วถ่ายรูปทำไม"
    "เผื่อมึงแอบยึดคืน กูถ่ายเก็บไว้ก่อน เดี๋ยวกลับไปเช็คดูว่าอยู่ครบมั้ย"
    "เว่อร์ไปแล้ว" ผมขับรถต่อไป ในขณะที่เตอร์ก้มลงดูรูปในโทรศัพท์ เช็ครูปในเฟซบุ๊กที่ทุกคนแท็กมาวันนี้ ไล่ตอบคอมเมนต์ไปเรื่อยๆ เหมือนว่าจะไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่งถึงคอนโด เราสองคนก็ช่วยกันหอบกองของขวัญกับดอกไม้ออกมาจากรถเท่าที่จะขนไหว
    "คืนนี้นอนห้องแท็กนะ" ผมบอกแล้วเดินนำไปทางตึกที่อยู่ห้องผม
    "ก็ได้" ตอนนี้ห้องผมก็เหมือนห้องเตอร์ ห้องเตอร์ก็เหมือนห้องผมแหละครับ วันไหนอยากอยู่ห้องไหนก็ไป แต่หลังๆ จะหนักมาทางห้องผม เพราะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้เกือบทุกวัน ส่วนห้องเตอร์ต้องช่วยกันเก็บ ทำความสะอาดเอง อาทิตย์นึงถึงจะมีคนของที่บ้านมาทำความสะอาดให้ เลยมาอยู่ที่ห้องผมมากกว่า เราเดินเข้าห้องมาแล้วก็เอาของทั้งหมดไปกองไว้ที่โซฟา เตอร์เดินไปที่ห้องนอนเพื่อจะเปลี่ยนเสื้อผ้าตามแผนของผมเป๊ะ พอเปิดประตูปุ๊ป ลูกโป่งสีฟ้า(สีที่เตอร์ชอบ)ที่มีข้อความแสดงความยินดีภาษาอังกฤษอยู่บนลูกโป่งก็ลอยติดอยู่กับเพดาน ริบบิ้นสีเงินที่ปลายผูกแหวน white gold เรียบๆ ด้านในสลักชื่อผมเอาไว้ห้อยลงมาจนอยู่ตรงหน้าของเตอร์พอดีเป๊ะ เตอร์ยกมือขึ้นไปดึงมันมาแล้วหันมาหาผม
    "แล้วแบบนี้อ่ะ เชยมั้ย"
    "ของเก๊ป่ะ"
    "เก๊ดิ เอาตังค์ไปซื้อกล่องของขวัญพวกนั้นหมดแล้ว" เตอร์หัวเราะเบาๆ ให้ผม
    "มีวงเดียวเหรอวะ"
    "จะงกไปไหนครับ กะเอาให้ผัวหมดตัวเลยเหรอ"
    "ก็อยากให้มึงใส่ด้วย"
    "ทำไมอ่ะ"
    "ใครเจอมึงจะได้รู้ว่ามีเจ้าของ"
    "มีแสดงความเป็นเจ้าของด้วยว่ะ" ผมขยี้หัวมันเบาๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว แล้วดึงแหวนจากมันมาแกะออกจากริบบิ้นเพื่อใส่ให้มัน ใส่เสร็จผมก็ล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบแหวนหน้าตาเหมือนกันอีกวงออกมา แต่วงนี้ข้างในเป็นชื่อมันครับ ผมส่งแหวนในมือให้เตอร์ไป
    "เป็นของกูแล้ว ต้องไม่ดื้อไม่ซนนะครับ" มันพูดแล้วหัวเราะก่อนจะสวมแหวนให้ผม แล้วก็ดึงผมเข้าไปจูบทีนึง
    "อันนี้ thank you kiss" มันพูด แล้วก็ดึงผมเข้าไปจูบอีกที
    "ส่วนอันนี้ love kiss" พอมันพูดจบ คราวนี้ก็ถึงทีผมดึงมันเข้ามาจูบบ้าง
    "อันนี้ my kiss ปากนี้อ่ะมีเจ้าของแล้วนะ ห้ามไปจูบคนอื่นนอกจากแท็กเด็ดขาด" ผมบอกกับเตอร์
    "เอาไปทุกส่วนของกูนั่นแหละ แล้วก็ดูแลดีๆ ด้วยนะ"
    "ที่ผ่านมาดูแลไม่ดีเหรอไง"
    "ดี"
    "ดีแค่ไหน พอใจยังอ่ะ"
    "ก็ดีจนกูหลงมึงฉิบหายแล้วเนี่ยไง" ผมหัวเราะ แล้วเตอร์ก็เดินหนีไปนั่งอยู่ท่ามกลางกองของขวัญที่โซฟา ไล่แกะนั่นนี่ไปทีละชิ้น ผมเดินเข้าไปนั่งอยู่กับเตอร์ ดูเตอร์แกะของขวัญไปเรื่อยๆ ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะมีวันที่เรานั่งดูใครคนนึงแกะนั่นแกะนี่แล้วมีความสุขได้ เตอร์ไม่ใช่คนหวาน แต่คำว่ากูกับมึงของเตอร์แปลได้ว่าเรา เตอร์ไม่ใช่คนช่างเอาใจ แต่เวลาเตอร์เอาใจผมแปลได้ว่าผมเป็นคนพิเศษ เตอร์ไม่ใช่คนชอบแสดงออกมากมาย แต่พอเตอร์หึงมันแปลได้ว่าเตอร์รักผมมาก ไม่ว่าจะมองหน้าเตอร์กี่วันๆ ผมก็ยังคงรู้สึกอยากกวนให้มันโวยวาย อยากเอาใจให้มันเขิน อยากหัวเราะไปกับมัน อยากรักมันไปเรื่อยๆ เหมือนเดิม

    ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเข้าแอพพลิเคชั่นรูปตัว f สีฟ้า

    Tos Thanuthussadin
   Just now. public
   รักมึงนะ - Meter Kaweewat
   (รูปเตอร์กำลังจับแหวนที่ห้อยอยู่กับลูกโป่งที่ผมถ่ายจากด้านหลัง)

   Meter Kaweewat reacted to your photo <3

   Meter Kaweewat commented on your photo.
   รักมึงเหมือนกัน ของขวัญถูกใจมาก


The end

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด