บทที่ 16 : เจรจา (4)
“ที่รัก” มาลแกธมาตามนัดหมาย ถือห่อช็อกโกแลตกลิ่นหอมยั่วน้ำลายมาด้วย “อิลมาเรกับข้าหาช็อกโกแลตที่แพงที่สุดมาให้ เจ้าหิวหรือเปล่า ข้ารู้จักร้านอาหารอร่อยๆ”
เสียงแซ่กๆ เลื้อยแทรกอยู่ในพื้นรกฟางแห้งของโรงนาร้าง ที่มาของเสียงเข้าล้อมเอลฟ์ตะวันออกพร้อมกัน พวกมันชูคอแผ่แม่เบี้ยกระดูกสีขาว แยกเขี้ยวขู่แฟ่!
นี่คืออสรพิษที่ประกอบร่างจากโครงกระดูกงู
“สวัสดีงูน้อย” มาลแกธเปิดห่อช็อกโกแลตช้าๆ “ไหน...ทดสอบความไวหน่อย” เอลฟ์ตะวันออกโยนช็อกโกแลตไปทางงูโครงกระดูกทีละตัว...ทีละตัว (ซึ่งตัวไม่น้อยแบบที่มาลแกธเรียก) เหมือนโยนอาหารให้สุนัข
“น่ารัก น่ารัก”
พวกมันฉกช็อกโกแลต ขยี้ด้วยกรามและเขี้ยวแข็งแรง
น่าหวาดเสียวทีเดียว
“แหม นายเจ้าโมโหอะไรมา” มาลแกธไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมแล้ว ชั่วพริบตาที่งูสนใจช็อกโกแลต และเนื้อขนมเหนียวหนึบทำให้กรามของมันอ้าช้าลง (แม้จะเล็กน้อย แต่ถือว่าเพียงพอสำหรับเอลฟ์ตะวันออกแล้ว) เขาก็ถีบตัวขึ้นไปบนขื่อ นั่งยองๆ มองงูโครงกระดูก
“โมโหเจ้า” เสียงเย็นๆ เอ่ย ผู้ควบคุมงูโครงกระดูกนั่งห้อยขาอยู่บนชานชั้นสองของโรงนาร้าง ในระดับสายตาเดียวกับมาลแกธพอดี
โคลด์ไม่ได้ใช้บลัดแมจิกหรือวาดมือสั่งการ เขาแค่เท้ามือกับขอบที่นั่งไม้
“นี่เป็นพรสวรรค์แต่กำเนิดของข้า ถ้าแค่การควบคุมง่ายๆ ตอนนี้ข้าไม่ต้องวาดมือแล้ว แค่คิดก็พอ แต่ถ้าควบคุมสิ่งที่ซับซ้อนกว่า ยังต้องใช้เวทโลหิต”
“ช็อกโกแลตไหม” มาลแกธยังอุตส่าห์ประคองห่อขนมระหว่างหนี เขาเปลี่ยนเรื่องได้หน้าตาเฉย
โคลด์ยกมือ ชี้นิ้วไปที่โครงกระดูกงูที่เลื้อยขึ้นมาอยู่ข้างๆ มาลแกธ มันขู่แฟ่อีก แล้วร่วงลง กลายเป็นซากกระดูก
“ไม่เอาน่า” มาลแกธนั่งห้อยขาคุย “พูดกันดีๆ สิ”
“ดูไปก่อน” โคลด์ตวัดนิ้ว โครงกระดูกกลับมารวมตัวกันใหม่เป็นรูปร่างอสรพิษ มันขู่อีก ทว่าเมื่อโคลด์ตวัดนิ้วอีกรอบ มันกลับร่วงเป็นท่อนๆ แล้วพอเจ้าชายกระดูกดีดนิ้ว มันก็ประกอบร่างใหม่ วนเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา
“ขำดีเนอะ สมัยก่อนข้าเล่นแบบนี้บ่อยจนทุกคนตกใจ”
ดาร์กเอลฟ์ยิ้มเยียบเย็น
“พวกเขาว่าข้าชอบล้อเล่นกับชีวิตและความตาย”
มาลแกธมองงูโครงกระดูกแล้วผิวปาก “แต่ตอนนี้เจ้าเอาจริงเอาจังกับการโมโหข้ามากทีเดียว”
“แค่เล็กน้อย ‘อาจารย์’ ”
“โกรธเคืองอะไรที่รัก”
“เจ้ารักนกของเจ้าไหม ที่ชื่อเฟียต” โคลด์เอียงคอ ยังยิ้มอยู่ “อาจจะไม่ถึงกับรักมาก แต่ก็เอ็นดู”
มาลแกธถอนหายใจ “เจ้ากำลังทำตัวเข้าใจยาก”
“ถ้าข้าเข้าใจง่ายก็ไม่ท้าทายเจ้าสิ มาลแกธ” โคลด์ชี้นิ้ว “เอานกออกมา”
“อา…” มาลแกธเหนื่อยหน่ายใจ
“ไม่ชอบโดนสั่งหรือ”
“เจ้าสั่งข้าได้...”
“งั้นก็เอาออกมาสิ”
“...บางเรื่อง”
“เรื่องนี้มีประโยชน์มาก สำหรับเจ้า มาลแกธ ข้ารับรองว่า ‘มหาศาล’ ”
“เจ้าจะฆ่านก เลาะหนัง ทำให้มันเป็นกระดูก แล้วมันก็จะไม่มีวันตาย ส่งสารได้ไม่เหน็ดเหนื่อย แถมยังไม่ต้องให้อาหารบ่อยๆ”
“ข้ายืนยันว่ามีประโยชน์แบบที่ ‘มาลแกธ ล็องธู’ แห่งตระกูลล็องธูยินดีแลกเพื่อได้ถือไพ่เหนือกว่า”
“มีใครบอกเจ้าหรือยังว่าข้าไม่ทำสัญญา ถ้าไม่เห็นสัญญา”
“ข้าไม่ได้เสนอสัญญา ข้าเสนอความจริงให้ฟรีๆ” แต่รอยยิ้มของโคลด์บอกเป็นนัยว่าความจริงนั้นมีราคา ‘บางอย่าง’
“โคลด์” เสียงของมาลแกธเข้มขึ้น
“ฮีมเดียร์ คือชื่อจริงของข้า หรือชื่อเก่าของข้าก็ได้ ได้ทั้งสองอย่าง”
“ฮีมเดียร์...หรือจะชื่ออะไรก็ตาม เจ้ากำลังทำให้ข้าไม่อยากคุยกับเจ้า”
“เจ้าเกลียดข้าแล้วหรือ เปลี่ยนใจง่ายจริง” ดาร์กเอลฟ์เชิดหน้า เหยียดสายตา “สมเป็นเอลฟ์ตะวันออก”
คำพูดของโคลด์ทำให้มาลแกธถอนหายใจอีกครั้ง “เจ้ากำลังเอาหลายเรื่องมาปนกัน สางมันให้ดี แล้วพูดทีละเรื่อง”
“ข้ากำลังสางมันอย่างดี เพราะตอนแยกกันที่สุสานวิหารร้าง เจ้าทำให้ข้าหวั่นเกรงหัวใจตัวเอง”
มาลแกธพิจารณาโคลด์อย่างละเอียดมากขึ้น
“เอานกออกมา ใช้เข็มพิษแทงหัวใจมันให้ตายสบายๆ” โคลด์ไม่ยิ้มแล้ว
มาลแกธกินช็อกโกแลตที่ตนเอามา ขณะมองโคลด์นิ่งๆ
ทั้งสองจ้องตากัน โคลด์ให้เวลามาลแกธเท่าที่อีกฝ่ายต้องการ...และเพื่อทดสอบ
ทว่าจนช็อกโกแลตหมดกล่องแล้ว มาลแกธก็ยังไม่พูดอะไร
“เจ้าเสียดายแค่นกตัวเดียว หรือกลัวเสียเชิง”
มาลแกธยิ้ม “วิธียั่วยุ” เขาพูดแค่นั้น
“ข้าถามตามตรง”
“วิธีใช้ความจริงใจ” ดวงตาของมาลแกธโค้งขึ้น
โคลด์หลับตา “เข้าใจแล้ว เจ้าเก่ง เอลฟ์ตะวันออก”
“เจ้าคิดว่าข้าโตมาอย่างไร ฮีมเดียร์”
“โตมาอย่างที่เจ้าเป็น...” โคลด์หันไปด้านล่าง ในมุมมืดของโรงนา “ข้าถามอีกคนดีกว่า เจ้าจะเอานกออกมาฆ่าให้ข้าไหม”
“เจ้าลวงข้าด้วยความโลภใน ‘ข้อมูล’ ที่อ้างว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง” ซิกฟรีดเผยตัว เขาอยู่ในชุดเดิม แสดงว่ายังไม่ได้กลับราชวัง
“ข้าจริงใจอย่างที่สุดกับพวกเจ้าอยู่” โคลด์ทิ้งตัวลงไปยืนด้านล่าง และให้มาลแกธตามลงมา “ทั้งจริงใจและแก้แค้น”
ซิกฟรีดหรี่ตา ชีวิตของเขาตกอยู่ในกำมือของคนอื่นเป็นสิบปี และเมื่อได้อิสระ ก็กลับกลายเป็นอิสระลวงตา เขาเป็นราชาที่เกือบเรียกได้ว่าไร้อำนาจ ขึ้นอยู่กับอิซิลดาร์กึ่งหนึ่ง เอลฟ์ตะวันออกกึ่งหนึ่ง
หลุมพรางที่เขากระโจนเข้าไปด้วยตัวเอง จะคร่ำครวญก็ไม่อาจทำได้
แต่จำฝังใจทีเดียว
“นี่แน่ะ วันหนึ่ง มีเอลฟ์สองคนยื่นกระดาษใบหนึ่งให้ข้า ให้เลือกว่าจะสังหารใครในรายชื่อนั้น วันนี้ข้าไม่มีกระดาษ ไม่มีรายชื่อมาให้เลือก ก็แค่นกหนึ่งตัวหรือสองตัว เมื่อเลือกแล้ว ข้าจะชมว่าพวกเจ้าเลือกได้ฉลาดมาก”
ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะฝังใจโคลด์ สตาร์มานานทีเดียว
“พวกเจ้าพร้อมฆ่านกสักตัว เพื่อได้รู้ความลับล้ำค่าต่อแผ่นดินหรือไม่”
“เจ้าพร้อมฆ่าใครเพื่ออิสระหรือไม่” โคลด์กำลังเอาคืนอย่างเมตตา
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” มาลแกธระบายลมหายใจหนักหน่วง “ทำไมไม่พูดตั้งแต่แรก ข้าชอบความชัดเจนรู้ไหม เจ้าอยากแก้แค้นก็พูดซี...ที่รัก”
มาลแกธกำเฟียตไว้ในมือ
“บททดสอบสุดท้าย” โคลด์ทวนคำพูดเดิมเมื่อสามปีก่อนของมาลแกธ “ฆ่าให้มีบาดแผลบนร่างกายน้อยที่สุด”
“ชัดเจนดีเหลือเกิน”
ซิกฟรีดยังไม่ทันขยับตัว มาลแกธก็แทงเข็มพิษเข้าหัวใจของเฟียตอย่างแม่นยำ
“บอกไว้ก่อนเข้าใจผิด ข้าให้เจ้าแก้แค้น ไม่ใช่เพราะโลภอยากได้สิ่งที่เจ้าเสนอ”
ซิกฟรีดกลืนน้ำลาย สองคนนี้...
“ข้าแก้แค้นแค่นี้พอหรือ” โคลด์ผายมือ ขอร่างเฟียตจากมาลแกธ “นี่ไม่เรียกว่าแก้แค้นด้วยซ้ำสำหรับคนในแดนทมิฬ ควรเรียกว่าการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ความเสียใจของเจ้าไม่มีด้วยซ้ำ ไม่เหมือนตอนที่ข้าต้องตัดศีรษะควาร์สองคนที่ข้าเลือก”
เสียงของโคลด์สั่นน้อยๆ เมื่อนึกถึงเรื่องในคืนวิปโยค
“ ‘ทั้งจริงใจและแก้แค้น’ ข้าจำที่เจ้าพูดได้ แต่...ถ้าเจ้าอยากเห็นข้าเสียใจคงยากหน่อย”
“พวกเขาใจดีกับข้า” โคลด์มองร่างปวกเปียกเพิ่งสิ้นลมหายใจของนกตัวเล็ก เขาหงายฝ่ามืออีกข้างเสมอกัน
ในที่นั้น ซิกฟรีดเข้าใจความรู้สึกซึ่งเหมือนหนามยอกอกของโคลด์ ความทรงจำที่เพียงนึกก็เจ็บปวด เขาไม่เคยอยาก… ‘บั่นศีรษะ’ พี่ชาย ไม่ว่ามันจะชั่วช้าเพียงใด
พี่ริวอร์นอร์ก็เคยใจดีกับข้าเช่นกันโคลด์เอ่ยเวทในภาษาทมิฬ ร่างของเฟียตลอยขึ้นสูงระหว่างฝ่ามือทั้งสองข้างของเขา โคลด์ใช้บีฟอร์ซกรีดฝ่ามือของตนเป็นอักขระเวทโบราณ ทว่าเลือดที่ไหลออกมากลับไม่ใช่สีแดง
และไม่ใช่สีดำด้วย...ไม่ใช่โลหิตที่ปนเปื้อนด้วยความตายและกลิ่นอายคำสาป
“นี่ไม่ใช่เวทที่ใช้เพื่อปลุกชีพอันเดด” โคลด์บอก หรี่ตาสีม่วงเข้ม ขณะที่ไอสีทองลอยจากฝ่ามือทั้งสองข้าง
เลือดของเขากลายเป็นสีทองอยู่บนผิวสีเทาราตรี
“ตำนานว่าไว้ โลหิตของเหล่าบิดามารดามีสีดุจทองคำล้ำค่า
ข้าขอพลีโลหิตของบิดาแห่งความตาย
ที่ท่านประทานมา...แก่ข้า ฮีมเดียร์ เซฮาไนน์ แห่งเผ่าจันทร์
มอบให้แก่เจ้า ‘เฟียต’ ”
ไอสีทองไหลเข้าปากของนกตัวเล็ก เส้นเลือดทั่วร่างของมันเรืองแสงสีทอง ดุจมีทองคำเหลวไหลเวียนแทนเลือด เพียงอึดใจ ร่างไร้ลมหายใจของนกสื่อสารแห่งหน่วยกาลาฮานก็กระตุกเบาๆ มันลืมตา สยายปีกอยู่ในไอเลือดสีทอง
โคลด์ลดมือลง เลือดสีทองที่มือแห้งกรังจับตัวกับบาดแผล ส่วนเฟียต...มันบินไปเกาะที่ไหล่ของมาลแกธอย่างรักใคร่
...กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
“สิ่งที่ทำให้จอมทัพทมิฬ บิดาบุญธรรมของข้ารักข้า คือพรสวรรค์นี้” โคลด์บอกเอลฟ์ทั้งสองอย่างไม่ยินดียินร้าย
มาลแกธเงียบ
ซิกฟรีดก็เงียบ
พวกเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
สิ่งที่โคลด์ทำมหัศจรรย์ ทว่าเป็นเรื่องต้องห้าม การท้าทายความตายเท่ากับการท้าทายสมดุลโลก
“เจ้าแลกอะไรไป” ซิกฟรีดถาม สายตาไม่อาจละจากนกที่เพิ่งฟื้นคืนชีวิต
—————————————————————————
A/N ความลับของโคลด์ก็ค่อยๆ เผยออกมาจนหมดค่ะ นี่แหละ สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ต้องหนีหัวซุกหัวซุน เปรียบโคลด์เหมือนแม่ไก่ (ดำ) ที่ออกไข่เป็นทองคำก็ได้ค่ะ ใครๆ ก็อยากเป็นเจ้าของ 555
ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarz