บทที่ 15 : ทางแยก (2)
“เจ้านี่นะ” มาลแกธส่ายหน้า เขาหลบทันอย่างที่เป็นมาเสมอ “ทำไมดื้อขนาดนี้” เอลฟ์ตะวันออกไม่ชักอาวุธ แต่สวมเกราะแขนตีจากเหล็กพิเศษ ซึ่งเหนียว ทว่าน้ำหนักเบา
จังหวะต่อมาไม่น่าเชื่อว่ามาลแกธจะบุก เขาบุกเร็วและแรง เหมือนพายุล่มเรือเดินสมุทร ไม่ทิ้งช่วงให้โคลด์หนี เขาใช้เกราะแขนกระแทกหน้าโคลด์เต็มรัก ก่อนเตะซี่โครง
ไม่โดนเต็มแรงด้วยความประหลาดใจของมาลแกธ โคลด์ สตาร์ยกแขนขึ้นมากันไว้ได้ทันทั้งสองจุด
ดาร์กเอลฟ์เว้นระยะห่าง แสยะยิ้ม
“ข้าจะแสดงให้ดูว่าข้าหนีตายจากแดนทมิฬมาอย่างไร”
โคลด์ สตาร์คงไข้กลับจริงๆ เขาบุกมาลแกธอย่างเฉียบคม ไม่มีความอ่อนล้าเชื่องช้า เหมือนเค้นพลังเฮือกสุดท้ายจากร่างกายที่ป่วยไข้ออกมาใช้ให้หมด
โคลด์ทำได้ดีกว่าเวลาฝึกซ้อมปกติเสียอีก
ซึ่งไม่ใช่เหตุบังเอิญ
เวลาฝึกซ้อมปกติ โคลด์มีสติ รู้จักเก็บงำฝีมือ แต่ตอนนี้สติไม่ค่อยมี จึงแสดงความสามารถที่แท้จริงออกมา
ความกระหายเลือด
การถูกฆ่าล้างเผ่าอันเป็นที่รัก
กลิ่นไหม้ของศพผู้ร่วมสายเลือดที่กองรวมกันเป็นภูเขา
ความทรงจำของบ้านเกิดที่พินาศไปแล้วกระตุ้นความรู้สึก...
อยากฆ่า!“ออมแรงให้ข้าด้วย...ที่รัก” มาลแกธขยิบตา เขาตั้งรับ ดูว่าโคลด์จะมาอย่างไร
หนึ่ง บุก
สอง ซุ่มรอแล้วค่อยบุก
มาลแกธคิดว่าเป็นอย่างหลังมากกว่า โคลด์รูปร่างเพรียว น้ำหนักเบา จะเสียเปรียบหากบุกตรง เพื่อกลบจุดอ่อนจึงต้องใช้ลูกเล่น ไม่ว่าใครก็ตามที่สอนโคลด์มาก่อนหน้าเขา ช่างเป็นผู้ชาย (หรืออาจเป็นผู้หญิง) ที่เก่งกาจน่าดูชม
ทว่าครั้งนี้โคลด์บุกซึ่งหน้า ท่วงท่าที่ใช้เปลี่ยนไปเล็กน้อย มาลแกธไม่เคยเห็นวิธีสู้แบบนี้มาก่อน มันคล้ายการโจมตีของดาบโค้งที่ปรับมาใช้กับมีดสั้น รวมกับวิชาที่เขาสอน
ฟันแล้วตวัดปาด
มีดสั้นของโคลด์เรียกเลือดจากแก้มของมาลแกธ รอยกรีดยาวคมกริบ
“อา...ควาร์ของเจ้าต้องโกรธข้า” โคลด์เปรยเสียงเย็นยะเยือก
มาลแกธยิ้มเมื่อเห็นท่าบุก โคลด์หัวไว ปรับใช้ท่าได้เข้ากับรูปร่าง พลิ้ว...แต่แรงทำลายยังเป็นข้อด้อย ดังนั้น ‘ความแม่นยำ’ จึงเป็นสิ่งสำคัญ
“ซิกฟรีดก็ต้องโกรธข้า” มาลแกธพยักพเยิดไปที่แขนของโคลด์ คราแรกไม่มีอะไร ทว่าชั่วอึดใจเลือดค่อยๆ ไหลซึมเนื้อผ้า
โคลด์เห็นใบมีดจากปลายเกราะแขนของมาลแกธ พอเอลฟ์ตะวันออกสะบัด ใบมีดก็กลับเข้าฝักเช่นเดิม
“ข้ารักเจ้าจริงๆ” โคลด์ไขว้มีดสั้นสองมือ ตั้งท่า คำรักของเขาเหมือนมือของโครงกระดูกอำมหิตตรงเข้าบีบหัวใจผู้ฟังจนแหลก
ไม่มีความเป็นโคลด์ สตาร์หลงเหลืออยู่
“ขาเจ้าบุกไหวหรือ” มาลแกธพยักพเยิดไปยังขาของโคลด์อีก ผ้าบริเวณนั้นขาดวิ่น
รองเท้าของเอลฟ์ตะวันออกก็ซ่อนใบมีดเอาไว้
คำตอบคือ…
มาลแกธยังต้องสู้อีกนานทีเดียว
----------------------------------------------
โคลด์รู้สึกตัวอีกทีบนเตียงของตัวเอง เขาตัวร้อนจี๋และระบมไปทั้งตัว เจ็บที่แขนและขาซึ่งน่าจะเป็นแผลกรีด
เขาจำได้ว่าไปฝึกซ้อมกับมาลแกธ...แล้วทำไมจึงมาตื่นที่นี่
ดาร์กเอลฟ์หรี่ตาสีม่วงเข้ม ทบทวนความทรงจำสักครู่
ข้า ‘หลุด’ หรือนี่...ข้า...ฮีมเดียร์...หลุดตัวจริงออกมา
คงเพราะความเครียดสะสมหลังกลับจากราชวัง และเพราะอายุใกล้ครบยี่สิบปี
อายุขนาดนี้แล้ว
ข้ามัวทำอะไรอยู่ที่นี่…โคลด์หรือฮีมเดียร์ เริ่มคิดถึงการเป็นไทอย่างจริงจังอีกรอบ
เจอเกวนคราวหน้า ข้าต้องพูดกับนางให้เด็ดขาด ข้าไม่เกรงท่านพ่อแล้ว...พี่ก็ไม่ควรเกรง
พวกเราโตแล้ว
‘ท่านพ่อ’ ในที่นี้ หมายถึงบิดาบุญธรรมของสองพี่น้อง--จอมทัพทมิฬ เพราะบิดาที่แท้จริงถูกบิดาบุญธรรมสังหารไปนานแล้ว
“ลุกดีๆ” ซิกฟรีดช้อนศีรษะโคลด์ขึ้น คิ้วขมวดแน่นขณะจ่อถ้วยกับปากคนป่วยไม่เจียมตัว “ดื่ม” กลิ่นฉุนจากของเหลวสีเขียวเข้มในถ้วยตีจมูก ให้คิดว่าจะป่วยกว่าเดิมมากกว่าหายดี
“พูดกับเขาดีๆ หน่อยซี เจ้าชาย ยกตัวอย่างเช่น ‘ท่านโคลด์ขอรับ ข้านำยามาให้ดื่มขอรับ’ ”
ไม่ได้มีแค่เจ้าชายเอลฟ์ แต่ยังมีมาลแกธยืนกอดอกพิงผนัง พลางโบกมือทักทายโคลด์
“เจ้าพูดเองเถิด เอลฟ์ตะวันออก”
มาลแกธเดินเข้ามาใกล้ แล้วพูดว่า “ ‘ท่านโคลด์ขอรับ ข้านำยามาให้ดื่มขอรับ’ ”
โคลด์เม้มปากใส่ซิกฟรีด แต่พอมาลแกธบอกก็ดื่ม
เหมือนสุนัขไม่รักเจ้าของ แต่ไปรักคนให้อาหารคนอื่น
ดาร์กเอลฟ์ดื่มอย่างว่าง่าย เพราะต้องการกดสันดานเดิมกลับเข้าไป เขาไม่ควรปล่อยความเป็นฮีมเดียร์ออกมา
...ไม่ใช่ในหมู่ศัตรู
แต่ใบหน้าหน้าแดงก่ำและสีหน้าเหนื่อยอ่อนชวนให้คิดไปไกลของโคลด์ก็ไม่แสดงอารมณ์อื่นอยู่แล้ว
แค่เจ้าตัวยังไม่รู้สึกตัว
“เจ้าหนักมือกับเขาเกินไปแล้ว” ซิกฟรีดจ้องหน้ามาลแกธ แต่มาลแกธกลับมองโคลด์ตาหวาน
“แอสซาสซินก็มีวันที่ป่วยแล้วต้องทำงาน...เนอะ” มาลแกธขยี้ผมโคลด์เบาๆ
“แอสซาสซิน?” สีหน้าของซิกฟรีดถมึงทึงขึ้นมาทันที
มาลแกธเลิกคิ้วใส่ซิกฟรีด เอลฟ์ตะวันออกเป็นคนเดียวในอาศรมที่ปฏิบัติกับซิกฟรีดเหมือนมีสถานะเท่าเทียมกัน
“นักฆ่า มือสังหาร แอสซาสซิน...ความหมายเดียวกัน”
“อื้อ” โคลด์ตอบรับ ดึงผ้ามาห่ม รู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว
“อย่าฝืนตัวเองอีกละที่รัก”
“ที่รัก?”
“ดาร์ลิง มายเลิฟ ที่รัก” มาลแกธยิ้ม ทำหน้าไม่รู้สึกรู้สมกับสายตาที่สามารถเผาคนตายได้ของซิกฟรีด
โคลด์ไม่เข้าใจว่ามาลแกธคุยอะไรกับซิกฟรีด แต่มีคำที่เขาอยากพูดอยู่
“นายบำเรอ” ดาร์กเอลฟ์พึมพำ หัวเราะ มองซิกฟรีด
ท่าทางพิษไข้ยังส่งผลอยู่ ไม่อย่างนั้นโคลด์คงไม่กล้าพูดคำนี้ต่อหน้ามาลแกธให้ตัวเองเสี่ยงโดนตัดหัว
“หรือทาส...คนรับใช้ หรืออะไรก็ช่างเถอะ ข้าเป็นได้ทุกอย่างนั่นแหละ” โคลด์หลับตา
มาลแกธระบายลมหายใจ “นอนพักเสีย ข้าจะมาเยี่ยมใหม่”
“อื้อ” โคลด์ตอบสั้นๆ อีก พลิกตัวหันหลังหนีเอลฟ์ทั้งสอง มือควานหาหมอนมากอด เขาสูดปากเพราะเจ็บแผล แต่ก็ได้หมอนมากอดสมใจ
มาลแกธยิ้มเอ็นดู ก่อนหันไปหาซิกฟรีด “คืนนี้เทพนำทางจะจุดโคมของท่านหรือไม่”
พระจันทร์ในความเชื่อของเอลฟ์ตะวันออกคือโคมของเทพนำทาง
“ข้าคงทำได้เพียงจุดเทียนของตน” ซิกฟรีดตอบกลับ
โคลด์ไม่เข้าใจบทสนทนา จึงปล่อยให้มันไหลผ่านหู
-------------------------------
มาลแกธเดินสบายๆ พลางผิวปากเพลง ‘รบเถิดบูรพา’ ระหว่างทางกลับห้องพักของตน
คืนนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งตะเกียง เพราะเทพนำทางจุดโคมของพระองค์เต็มดวง แสงเย็นตาจากโคมส่องสว่างไปทั่ว ย้อมให้สรรพสิ่งคล้ายเรืองสีทองจับตา กระทั่งต้นหญ้าก็ดูต้องมนตร์ล้ำค่าในยามนี้
มาลแกธนึกถึงคำถาม
“คืนนี้เทพนำทางจะจุดโคมของท่านหรือไม่” ซึ่งแปลว่า ‘เจ้าจะรับข่าวสารจากข้าหรือไม่’
“ข้าคงทำได้เพียงจุดเทียนของตน” ซิกฟรีดตอบกลับ ความหมายแฝงคือ ‘ข้าจะจุดเทียนรอรับข่าวสารจากเจ้า’
เทียนเวทต้องจุดพร้อมกันจึงสามารถสื่อสารถึงกันได้ สิ่งนี้เป็นจุดอ่อนที่มาลแกธเดินกลับห้องพักไป นึกแก้ไป จากฮัมเพลงรบเถิดบูรพา ก็เปลี่ยนไปฮัมหลักการของเวทสื่อสารทุกบทที่นึกได้
ถึงห้องพัก เอลฟ์ตะวันออกก้มลงมองกลอนประตูเป็นอันดับแรก
อืม มีแขกมาเยี่ยมหรือ...มาลแกธยิ้มเมื่อเห็นกับดักที่วางไว้ทำงาน
ทุกวันก่อนออกจากห้องพัก เขาจะวางกับดักตามประตู หน้าต่าง หรือที่อื่นๆ แล้วแต่อารมณ์ครึ้มอกครึ้มใจ ทั้งยังสร้างสรรค์กับดักใหม่ๆ แทบทุกวัน หากไม่รู้วิธีปลดออก ลอบเข้าพื้นที่ส่วนตัวของมาลแกธแห่งล็องธู ก็เตรียมใจสวดภาวนาแด่เทพแห่งความตายได้เลย
มาลแกธใช้ผ้าผืนเล็กปิดจมูกก่อนเดินเข้าไป ครั้งนี้เขาวางกับดักเป็นฝุ่นพิษที่ออกฤทธิ์กับทางเดินหายใจไว้ที่ประตู
แต่พอก้าวเข้าไป ไม่คาดว่าห้องหับจะถูกปัดกวาดเรียบร้อย ไม่มีร่องรอยของฝุ่นพิษ
และไม่คาดว่าผู้บุกรุกจะยังนั่งใจกล้าอยู่ในห้อง
มาลแกธยิ้มด้วยตา “ว่าอย่างไร...ไมเธียนที่รัก คิดถึงข้าหรือ”
“ช่วยเขา” ไมเธียนไม่ตอบคำถาม เขาถือวิสาสะนั่งบนเตียงของเอลฟ์ตะวันออกโดยมีธอรอนทูร์นอนหายใจอย่างยากลำบากอยู่บนตัก
“ช่วยเขา...” ไมเธียนย้ำ
มาลแกธก้าวเข้าไปใกล้ “เสียงเจ้าสั่น” นิ้วแข็งแรงแตะบริเวณลำคอของไมเธียน “ใจเต้นแรง” มุมปากเหยียดออก
“เจ้าเป็นห่วงควาร์หนุ่มจริงๆ”
“หยุดพูดมาก มาลแกธ” ไมเธียนคำรามลอดไรฟัน
“พูดไม่เพราะเลย” มาลแกธจุปาก ขณะปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากอีกฝ่าย แล้วพยักพเยิดไปทางธอรอนทูร์ “เขาโดนพิษมานานเท่าไหร่แล้ว”
ไมเธียนสูดลมหายใจ “ไม่ทราบ...ข้าไม่ทราบ ข้าไม่…”
—————————————————————————
A/N โหดนะ มาลแกธอะ...เห็นหน้ายิ้มๆ ก็เถอะ (เท่าที่เขียนมาก็เหมือนจะยอมโคลด์อยู่คนเดียว แต่ก็เป็นเรื่องในอนาคตค่ะ)
ติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarz