บทที่ 8 : ทางแยก (1)
โคลด์ยืนอยู่หน้าประตูหินที่ปิดสนิท ในชั้นใต้ดินส่วนลึกของสุสานวิหารร้าง เขาทราบว่าตนมาถึงจุดหมายแล้ว
บริเวณนี้อยู่ลึกจนไร้แสง ทว่าโคลด์ไม่ได้จุดคบเพลิง ความมืดไม่เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นของเขา เผ่าดาร์กเอลฟ์ได้รับพรจากเทพีจันทร์ให้สามารถมองเห็นได้ดีแม้ในเวลากลางคืน
อุปสรรค์แท้จริงคือกำแพงเวทบางเบาทว่าอันตรายถึงตายซึ่งผนึกประตูบานนี้อยู่ แต่โคลด์ต้องผ่านมันไปให้ได้
เพราะหลังประตูบานนี้คือเส้นทางใต้ดินเชื่อมสู่อาณาจักรมังกร อ้างอิงตามที่มังกรศิลาบอก
ในตอนมอมเหล้า เขาหลอกถามมันว่า
“นายท่าน ท่านรู้จักมังกรที่มีเกล็ดเหมือนเกราะเหล็กดำ ดวงตาสีทอง พ่นเปลวไฟสีฟ้าอมม่วงหรือไม่”มังกรศิลาตอบอย่างเทิดทูนในตัวมังกรที่ถูกกล่าวถึงว่า
“อ้อ ท่านผู้นั้นคือ…”พอทราบตัวจริงของมังกรเกราะเหล็กดำ ในใจของโคลด์เดือดพล่าน ทว่าเขาถามต่ออย่างเยือกเย็นว่า
“โอ นายท่าน แล้วมังกรดินต่ำต้อยเช่นข้าจะมีวาสนาไปหาท่านผู้นั้นได้อย่างไรหรือ...”คำตอบของมังกรศิลาพาเขามาที่นี่ ยังประตูปิดตายที่นำไปสู่อาณาจักรมังกร...และเกวนโดลิน
โคลด์ใช้บีฟอร์ซกรีดอักขระเลือดชุดใหม่บนฝ่ามืออีกข้าง พลีโลหิตแก่บิดาแห่งความตายมากขึ้น หมอกสีม่วงเข้มลอยแทรกอากาศอับทึบเข้าล้อมรอบกองทัพนักรบโครงกระดูกที่ติดตามเขามา
ร่างโครงกระดูกหลุดเป็นท่อนๆ ร่วงลงพื้นพรึ่บแล้วพุ่งเข้าหากัน! ก่อร่างใหม่เป็นหมาป่าโครงกระดูกขนาดยักษ์สูงสามเมตร
ในเบ้าตากลวงโบ๋ของมันเรืองแสงสีม่วงเข้ม กระดูกแต่ละท่อนถูกเชื่อมด้วยไอหมอก ไอหมอกบางส่วนสลักลงในเนื้อกระดูกเป็นอักขระทมิฬเพื่อให้หมาป่าโครงกระดูกตัวนี้กลายเป็นอาวุธเวทมนตร์
อีกหนึ่งวิชาที่โคลด์เรียนรู้มาจากการฝึกฝนควบคุมคนตาย หากรวมพวกมันเข้าด้วยกันพร้อมเสริมพลังจากบลัดแมจิก อำนาจการทำลายล้างย่อมสูงขึ้น จาก ‘อันเดดวอร์ริเออร์’ ธรรมดาจึงกลายเป็น ‘แมจิกอันเดดบลัดวูล์ฟ’ ทว่าการสร้างสิ่งผิดธรรมชาติระดับสูงเช่นนี้จำต้องใช้เทคนิคและการควบคุมชั้นสูง รวมถึงใช้เลือดและพลังเวททมิฬในปริมาณที่ทำให้เหนื่อยสุดขีด
ไม่ได้ใช้พลังนี้มาเป็นสิบปี...ได้มากสุดเท่านี้สินะพลังเวทปะทะพลังเวท กำลังปะทะประตูหิน โคลด์บัญชาหมาป่าโครงกระดูกพุ่งชนกำแพงเวทพร้อมทำลายประตูหิน ความแข็งแกร่งของแมจิกอันเดดบลัดวูล์ฟเทียบได้กับมังกรขนาดกลางทีเดียว แต่แรงต้านจากกำแพงเวทก็รุนแรงไม่แพ้กัน การปะทะโครมแรกทำวิหารสะเทือนดุจมีแผ่นดินไหว ตามด้วยโครมที่สอง สาม! สี่! ห้า! หก!
ฝุ่นดินร่วงกราวจากเพดานชั้นใต้ดินตามจังหวะการพุ่งชน เพดานหินสั่นอย่างน่ากลัวว่าจะถล่มลงมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
ทว่าโคลด์ยังยืนนิ่งท่ามกลางแรงสะเทือนวิปโยคนั้น
กำแพงเวทร้าวพร้อมเกิดรอยแตกบนประตูหินเมื่อหมาป่าโครงกระดูกพุ่งชนจนร่างพัง แต่ยังไม่พอ! โคลด์สร้างมันขึ้นมาใหม่ ให้พุ่งชนและรับพลังเวทสะท้อนกลับจากกำแพงเวทอีกนับสิบครั้ง
นี่เป็นทางเลือกในการทำลายกำแพงเวทที่ดีที่สุดสำหรับโคลด์ เพราะโครงกระดูกไม่รู้จักความเจ็บปวด มันจะฟื้นกลับมาทำตามคำสั่งเขาตราบเท่าที่มีโลหิตหล่อเลี้ยง
หมาป่าโครงกระดูกที่พังนับครั้งไม่ถ้วนก่อร่างเปลี่ยนแปลงไปตามภาพคำสั่งในหัวโคลด์ ผสมปนเปจนมีรูปร่างอัปลักษณ์ดุร้าย น่าสะพรึงกลัวและวิปริตขึ้นเรื่อยๆ
แรงกระแทกครั้งสุดท้ายทำให้ประตูหินแตกเป็นช่องโหว่พร้อมทำลายกำแพงเวท โคลด์หอบแฮก คลื่นแผ่นดินไหวที่ส่งออกมาอย่างต่อเนื่องจากชั้นใต้ดินของสุสานวิหารร้างสะเทือนข้ามภูเขาไปถึงเมืองใกล้เคียงโดยรอบ
...ไกลถึงวิหารของมารดาสมุทรในฝั่งดินแดนทมิฬ
—————————————————————-
ณ ดินแดนทมิฬ เมืองนิมโรเชียน—ก้นบึ้งรัตติกาล
“ท่านจอมทัพ เข็มทิศคนตายที่มีปฏิกิริยามาตั้งแต่เมื่อสามชั่วโมงก่อนหยุดลงแล้วขอรับ!” ทหารดาร์กเอลฟ์คุกเข่า รายงานดาร์กเอลฟ์ผู้มียศสูงสุดในกองทัพ “และมีรายงานว่าเกิดแผ่นดินไหวขนาดย่อมบริเวณอดีตวิหารมารดาสมุทรที่กาลาเซรีนด้วยขอรับ!”
ชายผู้นั้นพลิกหน้าหนังสือที่อ่านอยู่ต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน เขาหัวเราะเยือกเย็นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ ทำให้ผู้ฟังหนาวสั่นไปถึงข้างในร่างกาย
“ปรากฏตัวอย่างเอิกเกริก แต่ดีจริง ไม่นึกว่าบุตรชายบุญธรรมที่เลี้ยงไม่เชื่องของเรา...ยังมีชีวิตอยู่”
—————————————————————-
ก่อนโคลด์จะผ่านประตูที่พังไม่เหลือชิ้นดีเพื่อเข้าสู่ทางเดินใต้ดิน เขาเหลียวมองทางที่ตนเดินมา นึกถึงนกสีขาวที่บอกเรื่องทหารหลงของมาลแกธกับนกสื่อสารชื่อเฟียตแก่เขา หากไม่ทราบเรื่องนั้น เขาคงไม่มีโอกาสต่อรองจนพาตัวเองมาถึงที่นี่ได้
นกตัวนั้นคอยคุ้มครองเขาอยู่ห่างๆ มานานแล้ว
น่าเสียดายที่มันตามเข้ามาในสุสานวิหารร้างไม่ได้ มาลแกธจะสังเกตเห็น หรือไม่มันก็จะโดนอันเดดฆ่า...ทว่าเขาอยากเจอมันอีกสักครั้งก่อนเข้าไปในทางเดินใต้ดินจริงๆ
โคลด์ก้มหน้า ถอนใจ
...ไม่เป็นไร อีกนิดเดียวก็จะได้เจอเกวนแล้วโคลด์ไม่ได้เข้าใจภาษาสัตว์ทุกชนิด เขาพูดภาษามังกรได้เพราะเกวนโดลินเคยสอน และมังกรก็มีภาษาที่ใช้อย่างอารยชน นักประวัติศาสตร์ในแดนทมิฬมีตำราลับสำหรับศึกษาภาษาของมังกรโดยเฉพาะ
โคลด์สูดลมหายใจ ตัดสินใจปล่อยวางทุกอย่างแล้วเดินหายเข้าไปในความมืดเบื้องหน้า คนตายใต้ผืนดินจะกระซิบบอกเส้นทางที่ถูกต้องแก่เขา
อีกนิดเดียวก็จะได้เจอเกวน อีกนิดเดียวเท่านั้น
แล้วเราจะเป็นอิสระด้วยกัน...——————————————————————————————————
หลังจากโคลด์เข้าไปในเส้นทางใต้ดิน มีหลายเรื่องเกิดขึ้น
เรื่องแรกคือ ในเวลาสายของวันที่สองหลังจากออกเดินทางไปสุสานวิหารร้าง มาลแกธกับเนอร์ดาเนลกลับมาถึงค่ายพักแรมของหน่วยกาลาฮานโดยปลอดภัย และในคืนวันเดียวกัน เดเนธอร์ก็ปรากฏตัวกลับมาอยู่นอกค่ายเอง
ก่อนที่มาลแกธจะกลับมาถึง เกิดแผ่นดินไหวระดับอ่อนช่วงกลางดึกคืนวันแรก แผ่นดินไหวนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่อเนื่องราวหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็จบลงด้วยแรงสั่นสะเทือนเหมือนภูเขาถล่มเป็นครั้งสุดท้าย
หลังจากนั้นก็มีนกส่งสารบินเข้าออกหน่วยกาลาฮานเป็นว่าเล่น เมื่อมาลแกธกลับมาถึงค่ายพักแรม เขาต้องวุ่นวายจัดการกับสารเหล่านั้น รวมถึงจัดการกับหน่วยสนับสนุนจากเอวา เธมาร์ที่ยังรั้งอยู่ ไม่กลับเข้าเมืองหลวงหากภารกิจไม่ลุล่วง (ซึ่งลูกน้องในหน่วยกาลาฮาน ที่รับคำสั่งจากมาลแกธให้รอหน่วยสนับสนุน ได้รับหน้าและโต้เถียงแทนหัวหน้าไปแล้วรอบหนึ่ง)
สองวันที่ผ่านมา ดวอร์ฟสาวไม่ถูกมัดหรือขังไว้อีกแล้ว แต่ก็ยังไปไหนไม่ได้ (ซึ่งเธอก็ไม่คิดไปไหนจนกว่ามาลแกธจะกลับมา) เธอได้แต่นั่งกอดซิการ์—หมาป่ายักษ์ของตนอยู่ตรงมุมหนึ่งของค่ายอย่างเงียบๆ
กระทั่งเดเนธอร์กลับมา เขาเข้าไปคุยกับหัวหน้าของตนแล้วกลับออกมา อิลมาเรจึงทำใจกล้า เดินเข้ากระโจมของมาลแกธไปถามสิ่งที่อยากถามบ้าง
“ท่านมาลแกธ...โคลด์ล่ะเจ้าคะ”
มาลแกธตอบอิลมาเรด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไร เขามวนยาสูบ จุดไฟ แล้วเล่นกับผีเสื้อไฟเพื่อผ่อนคลายประสาทที่ตึงเครียด
“ข้าทราบว่าท่านมีเรื่องวุ่นวายหลายเรื่อง แต่อย่างน้อย...โคลด์ปลอดภัยใช่ไหมเจ้าคะ เขาได้ไปถึงที่ที่เขาอยากไปอย่างปลอดภัยแล้วใช่ไหมเจ้าคะ”
อิลมาเรกระซิบ เพราะคำสั่งของราชาคือให้พาตัวโคลด์กลับ ไม่ใช่ให้ปล่อยตัวไป
“ต่อจากนี้เจ้าเป็นอิสระจากข้า อิลมาเร” มาลแกธสูดควันลึก ก่อนจะพูดเป็นภาษาควาร์อีกครั้ง อักขระบริเวณลำคอและใบหูเรืองขึ้นมาวูบหนึ่งแล้วหายไป “คำถามคือเจ้าหิวหรือไม่ ข้ารู้จักร้านอาหารดีๆ ในเอวา เธมาร์”
“เอวา เธมาร์?” อิลมาเรกะพริบตา ท่านมาลแกธกำลังชวนเธอกลับเมืองหลวงหรือ เธอเป็นนักโทษหลบหนีพร้อมกับโคลด์ไม่ใช่หรือ
“หรือ...หรือท่านไม่เคยแจ้งเรื่องข้าแก่ทางการตั้งแต่แรก”
แม่ค้าดวอร์ฟหัวไว เธออาจเคยอยู่กับโคลด์ในถ้ำมังกรศิลา แต่ตอนนั้นคนที่ได้เห็นเธอชัดๆ ก็มีแต่พวกทหาร (ซึ่งส่วนมากตายไปแล้ว) ราชาและพระคู่หมั้นอยู่ไกลออกไป รับฟังแต่รายงานเรื่องดวอร์ฟ
หลังจากนั้นคนที่เข้ามาใกล้ชิดพวกเธอคือมาลแกธ ถ้าเขาไม่รายงานเรื่องเธอ ก็มีสิทธิเป็นไปได้ว่าเธอไม่ถูกนับโทษเรื่องการขโมยหัวใจมังกรศิลา
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ขอบคุณบิดาแห่งเงินตรามากเลยเจ้าค่ะ! ท่านให้โอกาสข้าฟันกำไรในแดนเอลฟ์ต่อแล้ว!อิลมาเรกุมมือ น้ำตารื้นขอบตาด้วยความตื้นตันที่คิดเอาเอง
เอลฟ์ตะวันออกให้ผีเสื้อตัวน้อยแผลงฤทธิ์ เผาสารทิ้งทีละใบ สารเหล่านั้นส่งมาจากเมืองหลวง สอบถามเกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหว เนื่องจากจุดตั้งค่ายของพวกเขาอยู่ใกล้สถานที่เกิดเหตุพอดี มาลแกธได้รับแจ้งว่าหน่วยลาดตระเวนกำลังวุ่นวาย มีข่าวไม่สู้ดีนักเกี่ยวกับอดีตวิหารบูชามารดรแห่งนภา มันทรุด มหาเวทที่ใช้กักอันเดดเกิดรอยร้าว ขุนนางควาร์ที่อยู่ในเอวา เธมาร์ได้รับคำสั่งให้มาตรวจสอบและซ่อมแซม
อันที่จริง...ข่าวยังไปไม่ถึงหูของซิกฟรีดว่ามาลแกธหายจากอาการบาดเจ็บสาหัสแล้ว ไม่อย่างนั้นควาร์ที่จะได้ลงสนามตรวจสอบความสมบูรณ์ของวิหารเป็นคนแรก คงไม่พ้นหัวหน้าหน่วยกาลาฮานนี่ละ
“แจ้งว่าอะไรเล่า อิลมาเร แจ้งว่าเจ้าแอบขายของเถื่อนหรือ” มาลแกธหยอกดวอร์ฟสาว
อิลมาเรส่ายหน้าพรืดแล้วยิ้มแหะๆ ใจเธออยากถามเรื่องโคลด์มากกว่านี้ แต่คิดว่าควรรอเวลา ท่านมาลแกธไม่ตอบและดูไม่กระวนกระวาย เธอก็ควรคิดว่าแผนการหนีของโคลด์สำเร็จด้วยดี
...หรือเปล่านะดวอร์ฟสาวขมวดคิ้วมุ่น
“สีหน้าเจ้าพูดทุกอย่างเลย” มาลแกธเอื้อมมือไปวางบนหัวของเธอ ขยี้เบาๆ
“โคลด์เป็นแอสซาสซินฝีมือฉกาจ ข้าไม่ห่วงเรื่องนักฆ่าหากเขาไม่บาดเจ็บ” อย่างไร อิลมาเรผู้นี้ ก็คือนายหน้าหางานให้โคลด์ สตาร์ (และเป็นธนาคารใต้ดินส่วนตัว) “แต่ข้าจะสงบปากสงบคำไว้เจ้าค่ะ คนที่เขาเพิ่งฆ่าไปคือลูกน้องในหน่วยของท่าน”
“โคลด์มีพรสวรรค์ในการเอาตัวรอดที่ดีเยี่ยม” มาลแกธขยี้มวนยาสูบด้วยส้นรองเท้าบูต ผีเสื้อไฟหายไปเมื่อเผาสารจนเหี้ยน เหลือเพียงควันสีเทาฉุนจมูก “ข้าไม่แปลกใจเลยที่เขายึดอาชีพแอสซาสซินได้ รู้ไหม เขาเคยรวบรวมความกล้ามาเคาะประตูห้องข้าในอาศรมตอนดึกสงัด ขอให้ข้า…”
“ขออะไรเจ้าคะ!” อิลมาเรอยากรู้ทันที
มาลแกธยิ้มเจ้าเล่ห์ “ขอให้ข้าสอน…”
“ไม่ใช่วิชาอ๊ะๆ อาๆ!” อิลมาเรตบมุก
คราวนี้มาลแกธหัวเราะเสียงดัง “แค่มีดสั้น เขาขอให้ข้าสอนมีดสั้นยามที่ควาร์ทุกคนหลับสนิท ข้าเคยสอนเขาเล่นๆ ไปครั้งสองครั้ง เขาติดใจและอยากฝึกจริงจัง ข้าปฏิเสธดวงตาสีม่วงอันแสนมุ่งมั่นนั้นไม่ได้เลย”
อิลมาเรฟังด้วยประกายตากระตือรือร้น เธอคิดว่ามาลแกธนี่แหละ ช่างเหมาะสมกับโคลด์ (และลืมสนิทว่าตัวเองเคยขอมาลแกธแต่งงาน)
“เมื่อก่อนเขาใช้มือซ้ายไม่คล่องเลย แต่เดี๋ยวนี้คล่องอย่างกับอะไรดี” เอลฟ์ตะวันออกแตะคอตัวเอง “เพราะฉะนั้นเจ้ายังกลัวว่าเขาเอาตัวรอดไม่ได้อีกหรือ”
“ข้าเชื่อฝีมือเขา แต่เป็นห่วงเรื่อง...ท่าทางของเขา”
อิลมาเรเล่าว่าโคลด์จัดการนักฆ่าที่บุกมาตอนมาลแกธสลบไม่ได้สติอย่างไร “เขาใช้ฟันกัดคอมันขาด...ข้ารู้ว่าลูกน้องท่านจงใจปล่อยนักฆ่าเข้ามา โคลด์ก็รู้ เขาแสดงความโกรธเกลียดอย่างที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ปกติเขาไม่เคยโกรธหรือเกลียดใครขนาดนั้น นั่นเหมือนไม่ใช่โคลด์...เหมือนเขาฝืนตัวเองอยู่”
มาลแกธยิ้มด้วยตาอย่างที่ชอบยิ้ม “เจ้าเก็บความลับได้ไหม”
“สาบานด้วยกำไรจากบิดาแห่งเงินตราเลยเจ้าค่ะ!”
ดวอร์ฟก็นับถือแต่บิดาองค์นี้...
“ข้าเอื้อมไม่ถึงเขา...ข้าไม่ใช่คนที่สามารถช่วยเหลือเขาได้ สิ่งที่ข้าจะทำ อิลมาเร คืออยู่กับเขา...ในเวลาที่เขาเรียกหา สิ่งอื่นนอกเหนือจากนั้น ไม่ว่าเขาจะถูกครอบงำโดยความเกลียดหรือความโกรธใดๆ จนกลายเป็นปีศาจ ไม่สำคัญเลยสำหรับข้า”
“แต่ข้าคิดว่าเขาเปิดใจให้ท่านนะเจ้าคะ!” อิลมาเรเชียร์
มาลแกธขยิบตา “อย่าบอกเขาละ มันจะทำให้เขาไหวตัวทัน แล้วหันมาพึ่งพาข้าน้อยลง”
“เจ้าค่ะ! ข้าจะบอกของที่เขาชอบกินกับเรื่องที่เขาชอบทำให้นะเจ้าคะ”
จากนั้นอิลมาเรเล่าเรื่องตอนที่โคลด์มาหางานทำที่กิลด์พ่อค้า (ใต้ดิน) “มีคนแกล้งเขาเยอะ ทดสอบโน่นนี่ ให้ทำแต่งานยากๆ น่าเบื่อๆ ค่าตอบแทนถูกๆ แต่เขาไม่เคยบ่นเลยสักครั้งเดียว เขาดึงใบประกาศงานไป แล้วก็กลับมาพร้อมผลงานระดับ A+ ข้ามองออกเลยว่าเขานี่แหละ หมูในอวย เอ้ย...เพชรในตม!”
(และคนที่ให้งานยากๆ น่าเบื่อๆ ค่าตอบแทนถูกๆ เพื่อทดสอบโคลด์ก็คือตัวอิลมาเรเอง)
“พูดถึงเรื่องกิน เขาเป็นคนที่กินง่ายที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบ และกินจุที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็น กินเหมือนกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกแล้ว”
มาลแกธหัวเราะกับอิลมาเร ทั้งคู่ดูสนุกมากกับการเล่าเรื่องในอดีตของดาร์กเอลฟ์ซื่อๆ คนหนึ่ง
...ซึ่งอาจไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง
—————————————————————————
A/N สวัสดีค่ะ บทนี้ยาวกว่าปกติหน่อย ไม่ต้องแปลกใจนะคะ คือมันยาวกว่าปกติ แต่ยาวไม่พอจะแบ่งเป็นสองบท จะแบ่งสั้นๆ เราก็เกรงใจ กลัวอ่านไม่อิ่ม (สต๊อกนิยายของเค้าาาา) แล้วเนื้อหาจบตรงนี้กำลังดี ก็เลยลงยาวๆ จ้ะ
ป.ล. 1 บทนี้เหมือนช่วงพักค่ะ ได้คลายอารมณ์กันบ้าง ในบทต่อไปปริศนาที่รอการเฉลยจะเริ่มจุดตัวเอง เผาไหม้ๆ แล้วค่ะ (*0*)
ป.ล. 2 เห็นมีบางคนเชียร์เรือมาลแกธxอิลมาเร น่าจะยากค่ะ พรากกกก ป๋าเขารักดาร์กเอลฟ์เผ็ดร้อนไปแล้ว
"และข้าไม่แย่งผู้ชายกับเพื่อนเจ้าค่ะ เพื่อนย่อมดีกว่าผู้ชายเจ้าค่ะ!" by อิลมาเร
"ข้าก็เป็นผู้ชาย..." โคลด์อยากเถียงอิลมาเร
ป.ล. 3 มีใครจับเรดาห์ไปที่ท่านจอมทัพทมิฬบ้างหรือยังจ้าาาาา ฝั่งดาร์กเอลฟ์ผู้ชายดีๆ เพียบเลยน้าาาาติดตามผลงานของเราได้ที่ I L L R E I ♰ Boy Love Fantasy
♰ Facebook : https://www.facebook.com/ILLREI/
♰ Twitter : @VinzeSchwarzอิมเมจอิลมาเร แต่เด็กลงกว่านี้สัก 10 ปีนะคะ
ถ้าเนื้อนมไข่แบบนี้จริงไม่รอดปากมาลแกธแน่นอนค่ะ