บทที่ 2 : เอลฟ์ตะวันออก (1-2)
"ผะ ผี! ผีเอลฟ์ออกมาจากอากาศ!"
"โอ้ สะดุ้งเหมือนแมวเลย"
เอลฟ์ที่โผล่มาทักแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เสี่ยงจะโดนดาร์กเอลฟ์เชือดคอ เอ่ยทักดอร์ฟสาวที่สะดุ้งโหยงไปหลบอยู่หลังโคลด์
“ใครอะ” อิลมาเรถาม เหมือนได้ยินอีกฝ่ายพูดว่า ‘อาจารย์’
โคลด์ยืนตัวตรง เก็บมีดเหน็บข้างเอว เขานึกหาคำพูดอยู่ครู่ใหญ่ จ้องเอลฟ์ผู้มีผมสีแปลกตาอยู่นาน จนอิลมาเรกระตุกเสื้อเขาอีกรอบจึงเอ่ยตอบอย่างเสียไม่ได้ “คนรู้จักสมัยก่อน”
"มาลแกธ ล็องธู นามของข้า" เขาโค้งให้อิลมาเร เป็นภาพที่แปลก เมื่อเอลฟ์ย่อตัวแล้วโค้งให้ดวอร์ฟ ราวกับยอมรับว่าอยู่ในฐานะเดียวกัน ผมสีทองเจือแดงตกลงมาจากบ่าเหมือนม่านน้ำตก เปียสงครามที่ถักอยู่บริเวณขมับ ร้อยเครื่องประดับสูงค่า
เอลฟ์ผู้นี้เป็นชาวตะวันออก ชำนาญการรบ และยิ่งชำนาญในสนามรัก
อิลมาเรเขินจนแก้มแดง รอยยิ้มของมาลแกธมีเสน่ห์แบบสตรีคนใดก็ปฏิเสธไม่ได้ “นี่ๆ เขาบอกว่าเป็นอาจารย์ของเจ้า” เธอตื้อถาม
“ก็เคยสอนวิชาให้ข้าในสมัยก่อน” โคลด์ตอบ
อิลมาเรตกใจอีก “เจ้ามีอาจารย์เป็นเอลฟ์?” ดาร์กเอลฟ์มีอาจารย์เป็นเอลฟ์ ประชาชนชาวรูเมเรียร์ร้อยทั้งร้อยย่อมแปลกใจเหมือนเห็นปลาขึ้นมาเดินบนบก
"เรื่องมันยาวน่ะ"
"ควันของเจ้าทำให้ซิกฟรีดหงุดหงิดมาก" มาลแกธจุปาก คล้ายดุเด็กซุกซนหน่อยๆ
“ข้าทำสิ่งที่ต้องทำต่างหาก”
"ข้าสอนเจ้าดีเกินไป เรื่องที่ทำให้คนอื่นปวดหัวน่ะ"
"เขาโมโหง่ายขึ้นหรือไม่" โคลด์ถามเรียบๆ ซิกฟรีดในความทรงจำของเขาเงียบขรึมและใจเย็นกว่าในตอนนี้
“ถ้าจะคุยกันเรื่องของเขา เราคงต้องใช้เวลาทั้งคืน”
มาลแกธมองโคลด์และอิลมาเรที่เปียกไปทั้งตัว รวมถึงสภาพถ้ำที่ทั้งชื้นและเหม็นมูลมังกร
“และไม่ใช่ในถ้ำนี้แน่นอน”
ออกจากถ้ำมาได้ฟ้าก็เปลี่ยนสีแล้ว บิดาและมารดาแห่งนภาอุ้มบุตรพระจันทร์ขึ้นทอแสงนวลตา ส่องลงมายังพื้นโลก เมตตาให้ทางที่มาลแกธ โคลด์ และอิลมาเรใช้เดินทางกลับไม่มืดเกินไปนัก
ทั้งสามแวะพักเมืองใกล้ๆ เพราะเมืองหลวง—เอวา เธมาร์อยู่ไกลเกินไป เมื่อเลือกโรงเตี๊ยมได้ก็มานั่งกินอาหารในร้านแบบบ้านๆ
มาลแกธถอดเกราะออก ผูกไว้กับม้าที่อิลราลานคงเอ่ยปากขอคิงซิกฟรีดให้ทิ้งเอาไว้หน้าปากถ้ำตัวหนึ่ง เขาจ่ายเงินให้อิลมาเรแลกกับผ้าไว้คลุมสัมภาระ อันที่จริงเขาไม่ได้กลัวมือดีมาขโมย เพียงแต่เกราะประทับตราทหารส่วนพระองค์จะทำให้เขาสะดุดตาเกินไป
“ข้าเป็นเอลฟ์ง่ายๆ” มาลแกธบอกอิลมาเร “และถ้าเจ้าของร้านมาสอพลอคงทำให้พวกเราหมดสนุกแน่” เขาขยิบตาพลางดึงฮู้ดขึ้นมาปกปิดผมสีแปลกและใบหน้าหล่อเหลือร้าย
ในร้าน อิลมาเรสั่งซุปมากินเป็นชามที่สี่ ขณะที่มาลแกธดื่มเบียร์เหมือนน้ำ ชามและเหยือกเบียร์ของทั้งคู่มากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนโคลด์กินเหมือนแมวดม เขากัดเนื้อแห้งชิ้นเล็กเงียบๆ เคี้ยวแล้วเคี้ยวอีกก่อนกลืนลงไป
"เจ้าพูดน้อยจริงๆ เหมือนสลับกับซิกฟรีด" มาลแกธตั้งข้อสังเกต มือใหญ่ดันเหยือกเบียร์ไปตรงหน้าโคลด์ “สักหน่อยสิ”
โคลด์ปฏิเสธด้วยการกินเนื้อแห้งชิ้นเล็กของตัวเองต่อ
เขาสวมฮู้ดปิดหน้าปิดตา พวกแอสซาสซินถ้าใส่ชุดปิดหมดก็ยากจะแยกว่าเป็นเอลฟ์หรือดาร์กเอลฟ์ เนื่องจากทั้งสองเผ่ามีรูปร่างใกล้เคียงกัน สำหรับมาลแกธ มันยากที่จะรู้ว่าโคลด์กำลังแสดงสีหน้าอย่างไร
"เขาพูดมากหรือ" โคลด์ถามเมื่อกินเสร็จ
"เหมือนเอาความอัดอั้นที่ไม่ได้พูดตลอดสิบปี มาระบายภายในสามปี"
"ไม่นึกมาก่อนว่าเขาจะพูดเก่ง" ดาร์กเอลฟ์แปลกใจเล็กน้อย
"อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปโคลด์สตาร์" มาลแกธหัวเราะเบาๆ เขายินดีที่อีกฝ่ายแสดงอารมณ์บ้าง โคลด์คงไม่สังเกตตัวเอง แต่มาลแกธทราบ น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ใบหน้าใต้ผ้าคลุมที่เงยขึ้นมาคล้ายตั้งใจฟัง อาการเกร็งของร่างกายโดยเฉพาะไหล่คลายลง
“และ...เขาคงอยากพูดก่อนที่จะไม่ได้พูดกระมัง”
“ข้าก็เห็นเขาพูดจาดีอยู่”
“ถ้าเจ้าสังเกต เสียงของเขาเปลี่ยนไปหน่อยๆ”
ไม่หน่อยละ เปลี่ยนไปอย่างมากเลยเสียงของซิกฟรีดแตกพร่า หากพูดเป็นประโยคยาวๆ ก็แทบจับความไม่ได้
มาลแกธชี้ที่คอ “โดนกระแทกซ้ำๆ” แล้วชี้ที่หู “โดนตบหลายครั้ง” ก่อนจะเอามือวางบนหน้าข้างซ้าย
“ส่วนตรงนี้โดนคำสาปมืด”
เส้นเสียงถูกทำลาย หูเกือบดับ ส่วนใบหน้าเสียโฉม
ฟังมาลแกธบอกเล่าไม่กี่คำ สามารถนึกถึงความทรมานทางกายและใจของซิกฟรีดได้ดีทีเดียว
เอลฟ์ตะวันออกสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
“ท่านเล่าให้ฟังเพื่อให้ข้าแสดงความเห็นใจหรือ ถ้าเขาต้องการความเห็นใจ เขาก็ไม่ใช่นายทาสที่คุมตัวข้าไว้นานเป็นสิบปี”
อิลมาเรมองเหลอหลา เธอไม่ทราบอดีตของโคลด์เพราะอีกฝ่ายไม่เคยเล่า นับจากคบหากันมาราวสามปี นี่เป็นอดีตแรกที่ดาร์กเอลฟ์ยอมเปิดเผย
มาลแกธยักไหล่ “นั่นสินะ”
อิลมาเรปะติดปะต่อความสัมพันธ์ของโคลด์กับราชาเอลฟ์ โดยมีมาลแกธหันมาอธิบายบางครั้งเวลาเห็นเธอขมวดคิ้ว หรือไม่ก็ทำตาโตแบบอยากรู้อยากเห็น จนพอสั่งซุปชามที่ห้า อิลมาเรก็เข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง (ซึ่งไม่รู้ว่าควรเชื่อเอลฟ์ตะวันออกสักแค่ไหน)
"แล้วท่านไม่ต้องรีบกลับไปรับใช้เขาหรือ" โคลด์ถาม
"เขาไม่ใช่เด็กห้าขวบที่ดูแลตัวเองไม่ได้สักหน่อย...เจ้าดื่มเหล้าไหม ที่นี่มีเหล้าแบบเย็นด้วยนา"
มาลแกธยกมือสั่งเหล้าแช่เย็นแบบพิเศษให้โคลด์ เขาตั้งใจจะหยุดบทสนทนาเกี่ยวกับซิกฟรีดด้วยการสังสรรค์
“คุณผู้หญิงต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่”
“ไม่ค่า!” อิลมาเรปลื้มกับคำเรียกแสนสุภาพ เธอดันศอกยิกๆ ให้โคลด์ร่วมดื่ม อย่าเสียมารยาท
โคลด์จึงยกแก้ว ดื่มเหล้าเย็นจัด
"ข้าชอบเจ้าตอนพยายามหนี ข้าถึงสอนวิชาให้เจ้า" ความหลังระหว่างศิษย์และอาจารย์คู่นี้ซับซ้อนพอๆ กับเรื่องทาสและเจ้านาย
"ข้าไม่ต้องพยายามแล้ว ข้าเป็นไท" โคลด์กระดกแก้วเหล้า รอให้หยดสุดท้ายไหลลงลำคอ แต่มันค้างอยู่อย่างนั้น เหมือนเวลาร้องไห้แล้วน้ำตาไม่ไหล เพราะซิกฟรีดยังประทับตราทาสไว้บนอกเขา ใช่ว่าเขามีอิสระอย่างแท้จริง
ก่อนมาลแกธจะพบโคลด์ โคลด์รับใช้ซิกฟรีดอยู่ในสำนักควาร์ ช่วงหนีใหม่ๆ ดาร์กเอลฟ์เกือบตาย หนีจนโดนลงโทษครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งวันหนึ่ง ซิกฟรีดบอกอนุญาตให้ไปได้ แต่พอโคลด์ก้าวออกจากอาศรมเขากลับต้องหนีการตามล่าจากควาร์คนอื่นเหมือนหมา ซิกฟรีดผิดคำพูด ไม่ปล่อยเขาไป
จากหมากลายเป็นหมาจนตรอก ดาร์กเอลฟ์ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อิสระ ทว่าหลังจากได้แผลที่หูเป็นการลงโทษ เขาก็หยุดหนีคล้ายปลงได้ ยอมรับใช้ซิกฟรีดจนถึงวันแยกทางเมื่อสามปีก่อน
หลังแยกทาง โคลด์เลี้ยงชีพด้วยสิ่งที่เรียนมาจากมาลแกธ ศพแรกตามด้วยศพที่สอง...และศพต่อๆ มา ในที่สุดเขาก็ใช้ชีวิตอยู่บนซากศพ—เป็นแอสซาสซิน
“ข้าดีใจที่เจ้าไม่ลืมสิ่งที่ข้าสอนไว้ เหมือนที่ข้าเคยบอก เป็นแอสซาสซินดีที่สุด”
“อ้อ ท่านมาลแกธเป็นแรงบันดาลใจของเจ้านี่เอง” อิลมาเรช่วยผสมโรง
โคลด์นิ่งคิด “ถ้าไม่เป็นแอสซาสซิน ข้าก็ต้องเรียนวิชา อ๊ะๆ อาๆ ที่เขาสอนควาร์หน้าตาน่ารักอีกวิชา ข้าไม่เห็นว่ามันมีประโยชน์นัก เลยเลือกเรียนวิชาแอสซาสซินที่ดูมีประโยชน์กว่า”
อิลมาเรเลิกคิ้วถาม “อะไรคือวิชาอ๊ะๆ อาๆ”
“เพราะไม่ได้เลือกเรียนวิชานั้น ข้าจึงไม่ทราบเนื้อหา ทราบแต่ว่าควาร์ที่จะเรียนได้ต้องหน้าตาน่ารักๆ หน่อย พอเข้าห้องเรียนไปก็มีแต่เสียงอ๊ะๆ อาๆ ลอดออกมา ดีตรงที่ควาร์ทุกคนที่เข้าเรียนกับเขาไม่มีใครรังแกข้า เพราะถ้ามาระรานข้าที่เป็นลูกศิษย์เหมือนกัน มาลแกธจะเลิกสอนวิชาให้”
อิลมาเรหันไปมองมาลแกธด้วยความนับถือ “ท่านทั้งรอบรู้ รอบคอบ และมีน้ำใจ!”
มาลแกธยิ้มให้อิลมาเร ก่อนจะหันมายิ้มให้โคลด์ มันเป็นรอยยิ้มที่อ่านได้ว่า ‘ข้าจะทดไว้เอาคืนเจ้าทีหลัง’
“เขามีลูกศิษย์เยอะ วิชาอ๊ะๆ อาๆ ของเขาจึงช่วยข้าได้มากทีเดียว" โคลด์เสริม ยังไม่รู้สึกตัว
ตอนซิกฟรีดอายุสิบห้า เขาเคยห้ามโคลด์คุยกับมาลแกธโดยไม่บอกเหตุผล แต่โคลด์ปฏิเสธ
“ข้าต้องเรียนวิชากับเขา ข้าเลิกพูดกับเขาไม่ได้”
ซิกฟรีดขมวดคิ้ว เป็นการแสดงอารมณ์ที่มากที่สุดในตอนนั้น ในใจเขาคิดว่า ‘กลัวไม่ได้เรียนวิชาอ๊ะๆ อาๆ อะไรนั่นขนาดนั้นเลยหรือ’
“ถ้าอยากเรียน ข้าสอนได้” ซิกฟรีดตอบ
“แต่ข้าไม่อยากเรียนกับเจ้า” ในใจโคลด์คิดว่า ‘ข้าจะเรียนเป็นแอสซาสซิน ไม่ใช่นักดาบ’ เพราะซิกฟรีดเรียนวิชาดาบใหญ่ซึ่งโคลด์ไม่ชอบใช้
หลังจากนั้นซิกฟรีดก็ดวลกับมาลแกธ เป็นการดวลที่ดุเดือดน่าจดจำทีเดียว การรำลึกอดีตจบลงแค่นั้น โคลด์วางแก้วเหล้ากระทบโต๊ะเบาๆ “ตอนนี้ข้าเป็นอิสรชน และสบายดี”
มาลแกธวางสายตาบนมือของโคลด์ "งั้นหรือ" เขาเอ่ยลอยๆ ขณะที่มองทะลุเข้าไปภายในใจของดาร์กเอลฟ์
มาลแกธเห็นคนที่ถูกขังอยู่ในกรง ใบหน้าแบบนี้จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากผู้ที่โดนริบอิสระ ทว่า มาลแกธไม่ได้นึกถึงซิกฟรีด เขาคิดว่าโคลด์ สตาร์ขังตัวเองไว้ ด้วยเหตุใด เขาไม่ทราบ สัญชาตญาณและประสบการณ์บอกเขาเพียงเท่านั้น
“เรากลับที่พักกันดีกว่าเนอะ” อิลมาเรเสนอ แล้วหันไปบอกโคลด์ “ค่าอาหารของเจ้า ข้าไม่ให้ยืมเงินหรอกนะ”
"ข้าจ่ายเอง" มาลแกธเสนอตัวเลี้ยง
โคลด์รับน้ำใจ เพราะช่วงนี้รายได้ฝืดเคือง
แน่นอน อิลมาเรผู้เป็นดวอร์ฟหัวการค้าก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน
สมาชิกกลุ่มประหลาดที่ประกอบด้วยเอลฟ์ ดาร์กเอลฟ์ และดวอร์ฟนั่งประชุมกันตรงโต๊ะเล็กในห้องพักโรงเตี๊ยม
"สรุปแล้ว เจ้าต้องฆ่ามังกรศิลาให้พระราชา…” อิลมาเรเอ่ยเมื่อได้ทราบเรื่องทั้งหมด เธอปล่อยผมสีน้ำตาลอ่อนประบ่า เช็ดผมไปด้วยเพราะเพิ่งอาบน้ำสระผมเสร็จ “แล้วท่านมาลแกธมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“ข้าเป็นเอลฟ์ตะวันออก เห็นลูกศิษย์เดือดร้อนก็อยากช่วยเหลือ”
อันที่จริงมาลแกธได้รับข้อความลับจากคิงซิกฟรีดผ่าน ‘เงาสังหาร’ ข้อความนั้นกล่าวชัดว่า ‘จงช่วยเหลือโคลด์ สตาร์จนสำเร็จภารกิจ’ แต่เขาไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ทั้งคู่ฟัง
หากเอลฟ์ตะวันออกที่ขึ้นชื่อเรื่องทำอะไรตามใจตน จะรู้จักยึดคติประจำใจอย่างเอลฟ์รูเมเรียร์บ้าง มาลแกธ ล็องธูคงยึดคติ ‘ข้อเท็จจริงมันน่าเบื่อ’ เป็นอันดับแรก
“โอ้โห เจ้ามีอาจารย์ใจดีจังเลย” อิลมาเรไม่ค่อยได้ค้าขายนอกอาณาจักรรูเมเรียร์ เลยเชื่อว่าเอลฟ์ตะวันออกไม่แบ่งชนชั้นเท่าเอลฟ์ในแดนกลาง
เป็นโคลด์ที่สีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยน “เขาไม่ได้ใจดีตรงไหนเลย คิงซิกฟรีดพาทหารมือดีมาเป็นกองเพื่อฆ่ามังกรศิลา แต่ข้ามีคนเดียว เพิ่มมาลแกธมาอีกคนก็เทียบกับทหารทั้งกองนั้นไม่ได้หรอก แต่มาลแกธชอบเรื่องสนุก เขามาดูว่าข้าจะแก้ปัญหายังไงมากกว่า”
“เจ็บปวดจริงๆ” มาลแกธยกมือวางบนหน้าอก “เจ้ามองข้าอย่างนั้นหรือนี่”
“เรารู้จักกันมานานพอสมควร ‘อาจารย์’ ” โคลด์ยอมเรียกมาลแกธแบบนี้ แต่อิลมาเรฟังแล้วไม่เห็นมันดูสนิทสนมตรงไหนเลย
“เรารู้จักกัน ‘ดี’ ทีเดียวเชียว”
“ข้ามีแผนการ ไม่ต้องห่วง ท่านรายงานซิกฟรีดได้เลยว่าข้าไม่ได้รับปากพล่อยๆ” โคลด์ไม่เชื่อว่ามาลแกธอยากมาช่วยเขาเอง เรื่องบางเรื่องดาร์กเอลฟ์ดูใสซื่อ แต่บางเรื่องกลับฉลาด
ดวงตาของมาลแกธยิ้ม ปากยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้เขาดูเหมือนผู้ที่กุมความลับซึ่งอีกฝ่ายไม่รู้ และจงใจแสดงออกราวกับเด็กที่ต้องการเปิดเผยมันเต็มที
เขาชอบความสัมพันธ์ระหว่างราชาเอลฟ์กับทาส ทั้งคู่มองเห็นกันละกันไม่ชัดเจน แต่สำหรับผู้ชมอย่างเขา มันโจ่งแจ้งเสียจนน่าขัน เขาชอบเรื่องสนุกอย่างนั้นหรือ
ถูกต้องแล้ว โคลด์ สตาร์“แล้วแผนการที่ว่าคือ…” อิลมาเรเร่งให้เข้าประเด็น
"ขั้นแรกข้าต้องมีอาวุธไว้ฆ่ามังกร ข้าต้องซ่อมบีฟอร์ซก่อน" บีฟอร์ซคือชื่อมีดสั้นน้ำแข็งของโคลด์ อาวุธเวทระดับสูงมักมีชื่อเรียก โคลด์ถนัดเวทสายเพิ่มพลังโจมตีให้แก่อาวุธ น้ำแข็งก็เป็นหนึ่งในธาตุที่เข้ากับดาร์กเอลฟ์
"ไม่ ข้าไม่ให้เจ้ายืมเงินหรอก" อิลมาเรกอดอกขึงขัง “ค่าซ่อมอาวุธเวทมันแพงมาก เจ้าก็ทราบ”
โคลด์ทราบว่าอิลมาเรกำลังต่อรอง แต่ก่อนที่เขาจะอ้าปาก มาลแกธกลับเอ่ยแทรก
"แต่ข้าไม่มีปัญหาเรื่องเงินที่รัก" มาลแกธตบกระเป๋าคาดสะโพก
ดวอร์ฟสาวเลิกคิ้ว มองโคลด์ด้วยดวงตากลมโตสีน้ำตาลอมแดง
เขาเรียกเจ้าว่าที่รัก!?!
เขาไม่มีปัญหาเรื่องเงินทองด้วย!
ถุงเงินถุงทองของเจ้าอยู่นี่แล้ว!โคลด์ทำหน้ายู่แบบไม่เคยทำมาก่อน “หยุดคิดสิ่งที่เจ้ากำลังคิดเลย อิลมาเร มาลแกธ...เป็นเอลฟ์ประหลาด เขาก็เรียกทุกคนแบบนั้นแหละ ข้าได้ยินจนชินแล้ว” เขาหันไปหามาลแกธ “ส่วนเงินของเจ้า ไม่เป็นไร ข้าไม่ต้องการ"
โคลด์ไม่ยอมติดหนี้เอลฟ์เด็ดขาด เลี้ยงอาหารหนึ่งมื้อกับค่าซ่อมมีดสั้นราคาต่างกันคนละโยชน์
"ข้าอยากกินช็อกโกแลต" มาลแกธทำหน้าตาจริงจัง ก่อนจะหันไปคุยกับอิลมาเร “เมืองหลวงหาช็อกโกแลตดีๆ กินยากเหลือเกิน ช่วงนี้ท่านหญิงท่านชายเชื่อว่าช็อกโกแลตเลวร้ายพอๆ กับฝิ่น ติดแล้วเลิกยาก พอเจ้านายไม่กิน ข้ารับใช้ไม่กิน เรื่องหลุดออกมานอกราชวัง ประชาชนตาดำๆ ก็ไม่กินอีก หายากจริง ใช้แทนเงินได้เลยละ”
“ข้ามีช็อกโกแลตเยอะแยะเลย” อิลมาเรไม่เข้าใจธรรมเนียมของเอลฟ์หรอก เธอกระโดดไปเปิดเป้ใบใหญ่แล้วกลับมาพร้อมห่อกระดาษลูกกลมสีเงินๆ ทองๆ เต็มอ้อมแขน
“ไหน” มาลแกธยื่นหน้าไปดู “โอ้ ช็อกโกแลตพวกนี้น่าจะแลกได้...อืม” เอลฟ์ตะวันออกชูนิ้วให้ดวอร์ฟสาวดู
“สามควินน์?”
มาลแกธส่ายหน้า “สามพันต่างหาก”
แม่ค้าดวอร์ฟยิ้มหน้าบาน
นี่มันถุงเงินถุงทอง! ช่วงนี้ช็อกโกแลตกินเล่นขายไม่ค่อยออกจริง แล้วราคาสามพันควินน์ก็พันเท่าของราคาจริงด้วยซ้ำ เลือดแม่ค้าในตัวทำให้อิลมาเรอยากจะขายช็อกโกแลตทุกลูกให้ท่านถุงทองจริงๆ
แต่ว่า
“โคลด์ของข้า ข้าช่วยเอง” อิลมาเรหัวเราะ แกะช็อกโกแลตกินแล้วแบ่งมาลแกธ “ถ้าต้องให้เขาพึ่งคนอื่น อีกหน่อยเขาก็ไม่มาพึ่งพาข้าสิเจ้าคะ เงินดีแค่ไหนก็เทียบกับแอสซาสซินดีๆ หนึ่งคนไม่ได้หรอก”
“อืม” มาลแกธหนักใจ “งั้น...เจ้าชอบส่วนไหนของมังกร”
"ข้าจะเลาะฟันมังกรศิลามาให้เจ้าซี่หนึ่ง" โคลด์ชิงพูดตัดหน้า
ดวอร์ฟสาวตาโต
ฟันมังกรศิลา ฟันมังกรศิลาเลยนะ! กำไรกว่าที่คิดเสียอีก!"เอาฟันซี่ที่สวยที่สุด!" อิลมาเรตอบว่องไว เธอบวกลบคูณหารแล้วอยากได้มังกรทั้งตัวมากกว่า แต่พระราชาก็ต้องการ จะแย่งของกับขาใหญ่ที่สุดในรูเมเรียร์ก็ดูไม่ฉลาด (โคลด์ไม่ได้บอกอิลมาเรว่าซิกฟรีดต้องการแค่หัวใจมังกร)
"ข้าให้ฟันมังกรไฟ" มาลแกธเกทับโคลด์ “แถมหนังมังกรศิลาให้ด้วยเอ้า”
($_$)
เหมือนได้ยินเสียงกริ๊งๆ ของเหรียญทองจากสีหน้าของอิลมาเร เธอหันไปทางมาลแกธ "ท่านจะให้ฟันมังกรไฟแก่ข้า เพื่อให้ข้าไม่ช่วยเขา แล้วเขาต้องไปพึ่งท่านหรือ"
"ถูกต้อง เจ้าช่างหลักแหลมนัก"
"ฟันคู่ได้ไหม” อิลมาเรต่อรอง
แน่นอน มาลแกธเป็นเอลฟ์ใจกว้าง "ไม่มีปัญหา"
"ขายเลยค่า นายท่าน!" อิลมาเรยกแขนสองข้างในท่าฮูเร!
โคลด์มองแบบไม่เชื่อสายตา อิลมาเรเพิ่งขายเขา?
"มีดสั้นน้ำแข็ง ถึงมีเงินก็หาช่างซ่อมยากนะ" แอสซาสซินรุ่นใหญ่กระซิบ “เจ้าลดเกราะลงบ้างเถอะ ใช่ว่าข้าจะฉวยโอกาสแทงเจ้าให้ตายตรงนี้เสียเมื่อไหร่”
“ใช่ เจ้าไม่ชอบแทงให้ตายทีเดียว แต่จะค่อยๆ แทงหลายๆ ทีต่างหาก”
“อืม” มาลแกธลูบปาก “ฟังเจ้าพูด ข้าเริ่มคิดไปไกลกว่าการลอบสังหารธรรมดาๆ แล้ว”
โคลด์เงียบ ไตร่ตรอง...สุดท้ายเลือกไม่ต่อปากต่อคำกับมาลแกธ “ตกลง ช่วยซ่อมให้ข้าด้วย ข้าจะถือว่าเจ้าทำเพื่อซิกฟรีด จึงไม่นับเป็นหนี้ที่ข้าต้องใช้คืน”
“สมมติว่าข้าซ่อมมีดให้เจ้าได้แล้วจะอย่างไรต่อ”
โคลด์เอ่ยแผนการขั้นต่อไป
“ข้าต้องการส่าเหล้า ส่าเหล้าชั้นดี เอาแบบดีที่สุด ข้าเห็นตัวจริงของมันแล้ว มังกรศิลาพันธุ์นี้ชอบกินเหล้า เราจะทำให้มันเมา พอเสร็จธุระกับมันเมื่อไหร่ ข้าจะสังหารมันให้เอง”
เรื่องมังกรศิลาชอบกินเหล้าเป็นเรื่องใหม่สำหรับชาวรูเมเรียร์ เนื่องเพราะมังกรศิลาเองก็มีหลายพันธุ์ ไม่ใช่ทุกพันธุ์ที่ชอบกินเหล้า เอลฟ์ไม่มีความรู้เรื่องมังกรมากนัก ดาร์กเอลฟ์สิรู้ดี เพราะมังกรส่วนมากอาศัยอยู่ในแดนทมิฬ
"ซิกฟรีดมีเหล้ามากมาย แต่เจ้าไม่อยากเป็นหนี้ไม่ใช่หรือ” มาลแกธพูดข้อเท็จจริง ซึ่งในกรณีที่ต้องการยั่วโคลด์ เขาถือว่าข้อเท็จจริงเป็นเรื่องสนุก
“ข้าเชื่อว่าในวังหลวงหรูหราของเขาน่าจะมี ง่ายและไวกว่าไปหาซื้อเองด้วย” โคลด์มองกระเป๋าสตางค์ฟีบๆ ของตัวเอง “ท่านไปขอเขาสิ อย่างไรนี่ก็เป็นงานของเขาด้วย”
“โคลด์เอ๋ย ข้ามีหน้าที่ช่วยให้เจ้าไม่ตาย การเข้าไปขอส่าเหล้าจากราชาเอลฟ์ ข้าพิจารณาแล้วเห็นว่าไม่ถึงตายอย่างแน่นอน”
“เขาไม่ให้ข้าหรอก เขาเกลียดข้าจะตาย” โคลด์นึกภาพซิกฟรีดเอาแต่ไล่ฟันเขาในถ้ำมังกร
“ไม่ลองไม่รู้ หรือเราจะหาเหล้าเถื่อนใกล้ๆ แทนล่ะ”
มาลแกธกำลังสนุกกับกระเป๋าสตางค์ฟีบๆ ของเขา โคลด์รู้เลย “ท่านบอกจุดที่มีเหล้าในวังมา ข้าจะเข้าไปขโมยเอง”
โคลด์ไม่เสี่ยงกับเหล้าเถื่อนไร้คุณภาพ เขาบอกแล้วว่าต้องการของชั้นดีมากๆ
เอลฟ์ตะวันออกยิ้ม
เป็นยิ้มด้วยตาที่ไม่น่าอภิรมย์
“เจ้ารู้จักเงาสังหารหรือเปล่า”
—————————————————————————
A/N อิ่มมั้ยคะ อิ่มเนอะ มีความแย่งกัน มีความเลือกเชียร์ไม่ถูก (-3-)
ป.ล. สวัสดีปีใหม่ 2017 ล่วงหน้า อ่านนิยายรอเคานต์ดาวน์กันค่ะ!อัพเดทครั้งต่อไป วันที่ 2 ม.ค. 60 นะคะ 