เปิดม่านการแสดง
เวลาเดินไปไวเหมือนโกหก อีกแค่เพียงอาทิตย์เดียวก็จะถึงวันแสดงจริงแล้ว บัตรก็ขายไปจนหมดทั้งสองเรื่องแล้วด้วย ยิ่งช่วยเพิ่มทั้งกำลังใจ และความตื่นเต้นให้กับชมรมเป็นอย่างมาก >_< แต่ด้วยความที่ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ก็เลยไม่มีสิ่งใดที่ต้องห่วงอีก
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่กัปตัน... อืม... ก็เหมือนเดิมนะ -///- เพราะผมเองก็ยังไม่ได้บอกความจริงที่ว่าผมมีใจให้พี่กัปตันออกไป ทำให้ทุกๆ ครั้งที่พี่เขาฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งผม เป็นต้องงงใหญ่ เพราะผมดัน 'ลืมขัดขืน' น่ะนะ แต่ก็ยังไม่เกินเลยไปถึง 'ขั้นนั้น' หรอก มากสุดก็... จูบนั่นแหละ >///<
จนหลายๆ ครั้ง พี่กัปตันถึงขั้นถามออกมาตรงๆ เลยว่าทำไมถึงยอมพี่เขามากขนาดนี้ ผมก็ต้องตีเนียนทำเป็นอ้างนู่นอ้างนี่ ทั้งที่ในใจนี่คือเต้นรัวยิ่งกว่ากลองในเพลงเร็วของวง Bodyslam อีกกกก! แต่ก็นะ ผมเคยบอกไปแล้วนี่ว่าผมขีดเส้นตายไว้แล้วว่าหลังจากการแสดง Kaguya-Hime ปิดม่านการแสดงลง ดังนั้น ตอนนี้ก็ขออยู่แบบไม่มีคำนิยามใดๆ ไปก่อนก็แล้วกัน เอาไว้ถึงเวลา ผมจะบอกทุกความรู้สึกที่อยู่ในใจ แล้วตอนนั้นพี่กัปตันเขาอยากจะใช้คำว่าอะไร ก็ตามใจพี่เขาเลย
* * * * * * *
วันแสดงจริง
และแล้ว... วันแสดงจริงก็มาถึงงงง!!!!
ผมตื่นเต้นมาก >O< เมื่อคืนนี้นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว ก็เลยต้องนอนคุยกับพี่กัปตัน (ที่ก็นอนไม่หลับเหมือนกัน) ไปเรื่อยๆ เพราะว่ามาค้างที่ห้องพี่เขา จะได้มาถึงโรงเรียนแต่เช้าพร้อมกัน โดนที่พี่เขาไม่ต้องตื่นเช้ากว่าเพื่อไปรับผมอีก
เราทั้งสองคนมาถึงโรงเรียนกันตั้งแต่เช้ามืด เพื่อที่จะได้ซ้อมกันอีกหนึ่งรอบ และพอทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ทุกคนก็แยกย้ายกันไปแต่งหน้าแต่งตัวตามบทบาทที่ตัวเองได้รับ
ยิ่งใกล้เวลาแสดงมากเท่าไหร่ ความวุ่นวายก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะพี่กัปตันที่ต้องตรวจเช็คความเรียบร้อยทุกอย่าง จนกระทั่ง...
"ทุกคน ท่านมงคลมาแล้ว มาดูกันเร็ว!" พี่แบมแบมเปิดเข้ามาในห้องแต่งตัวนักแสดงชายด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่ทุกคนจะแห่กันไปดู ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงผมด้วย
...ท่านมงคลกำลังยืนคุยกับอาจารย์วารุณีอยู่ที่ด้านหน้าตึกชมรมการแสดง โดยที่วันนี้ท่านแต่งเครื่องแบบทหารมาซะเต็มยศ แถมยังหวีผมซะเรียบแปล้ ดูเด็กลงไปห้าปีเลยนะเนี่ย
"โห~ ทำไมหน้าดูดุๆ จัง สงสัยต้องโหดสมชื่อแน่ ฟางเองก็ต้องระวังไว้ อย่าให้ท่านจับได้นะ" พี่แบมแบมหันมาบอกผมด้วยความเป็นห่วง
"ครับ" ผมตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หน้าดุงั้นหรอ? ผมว่าลุงแกดูขี้เก๊กมากกว่านะ ฮ่าๆๆๆ~
"มาทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ ทำไมยังไม่ไปเตรียมตัวอีก!!!"
แต่แล้วจู่ๆ คนที่ดุแบบตัวจริงเสียงจริงอย่าง 'พี่กัปตัน' กลับมาโผล่ที่ด้านหลัง ทำเอาทุกคนแตกกระจายกันไปหมดเลย ยกเว้นผม
"ทำไมยังไม่ไปเตรียมตัวอีก" พี่กัปตันพูด ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้
"เตรียมตัวแล้ว แต่ยังไม่ได้เตรียมใจเลย"
"แล้วจะให้พี่ทำไงล่ะ พี่ไม่มีเวลามาช่วยบิ๊วอารมณ์ให้นะ เพราะเดี๋ยวพี่ต้องรีบไปเช็คเวทีต่อนะ"
"ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ยิ้มให้ผมก็พอ
"
ดูเหมือนพี่กัปตันจะเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังทำหน้าเครียดอยู่ พอเห็นว่าผมจงใจทำให้พี่เขายิ้ม ก็เลยยอมยิ้มออกมาจนได้
"ขอบคุณนะฟาง ตอนนี้พี่สติแตกไปหมดแล้ว กลัวมันจะออกมาไม่ดี"
"ไม่เอาน่าพี่" ผมแกล้งยกมือขึ้นบีบจมูกพี่กัปตันเบาๆ "เครียดมากเดี๋ยวหน้าแก่นะ"
"เดี๋ยวเหอะ" พี่กัปตันแกล้งทำเสียงดุ ก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วขอตัวแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง ส่วนผมก็กลับไปเตรียมพร้อมในส่วนของตัวเองเช่นกัน
...
หลังเวทียังคงวุ่นวายเหมือนเดิม ยิ่งม่านใกล้จะเปิด ความวุ่นวายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ จนกระทั่ง... นาฬิกาบอกเวลาสิบโมง และผู้ชมก็เต็มโรงละครแล้ว พี่กัปตันเลยสั่งให้แบ็คสเตจดับไฟลง ก่อนที่พี่เขาจะเป็นคนประกาศกติกามารยาทในการรับชมละครเวทีไปตามเรื่อง และ...
"ขอเชิญทุกท่านรับชมการแสดงละครเวทีเรื่อง Kaguya-Hime ได้ ณ บัดนี้~"
สิ้นเสียงของพี่กัปตัน ม่านการแสดงก็เปิดออกในทันที พร้อมกับที่ผมบอกตัวเองด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า... ฉันคือเจ้าหญิงคางุยะ!
...
ม่านเปิดออกพร้อมกับเสียงปรบมือของผู้ชมจำนวนมากที่ตั้งตารอชมมาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะเหล่าบรรดาศิษย์เก่าของชมรมการแสดงที่ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้จะมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงกันเกือบหมดแล้ว แต่ก็ยังคงกลับมาชมละครของโรงเรียน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในอาชีพของพวกเขา
ฉากแรกที่ทุกคนได้เห็น คือป่าไผ่ที่มีความงดงามในยามค่ำคืน ก่อนที่ตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ (พี่อาร์ท) จะเดินแบกต้นไผ่ที่ตัดออกมา และตั้งใจว่าจะกลับบ้าน แต่ในขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น จู่ๆ ปล้องไผ่ปล้องหนึ่งส่องแสงเรืองรองออกมา ทำให้ตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ ตัดสินใจวางต้นไผ่ที่แบกลง แล้วเดินไปตัดปล้องไผ่นั้นออกดูด้วยความสงสัย ปรากฏว่า...! พบเด็กสาวขนาดเท่าหัวแม่มือ (เป็นตุ๊กตา) หลับอยู่ในนั้น ตะเกะโตริ โนะ โอะกินะดีใจใหญ่ ก่อนจะชูเด็กสาวให้ผู้ชมทุกคนได้ดู
"นับเป็นโชคดีของข้า ที่ได้มาพบกับเด็กน้อยผู้นี้ ข้าจะนำเขากลับไปเลี้ยง และตั้งชื่อให้ว่า คางุยะ-ฮิเมะ"
หลังจากตะเกะโตริ โนะ โอะกินะกล่าวกับผู้ชมเสร็จ ก็ประคองเด็กน้อยไว้ด้วยมือข้างนึง แล้วแบกไผ่ขึ้นบ่าอีกข้างนึง ก่อนจะเดินหายเข้าไปในฉาก
ม่านปิดลงครั้งนึง ก่อนจะเปิดอีกครั้งด้วยฉากบ้านของตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ เสียงบรรยายเล่าให้ฟังถึงการเติบโตของคางุยะ-ฮิเมะที่เติบโตและมีขนาดเท่ากับเด็กทั่วไป ในขณะที่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าตะเกะโตริ โนะ โอะกินะจะตัดไผ่กี่ครั้ง ก็จะพบทองอยู่ในนั้น จนกลายเป็นคนร่ำรวยขึ้นมา
คางุยะ-ฮิเมะวัยเด็ก (น้องจันทร์เจ้า) ปรากฏตัวให้ทุกคนได้เห็น ด้วยการวิ่งเล่นและมีวีรกรรมสุดป่วนมากมาย จนเรียกรอยยิ้มจากผู้เป็นแม่ (พี่แบมแบม) ได้อยู่บ่อยครั้ง พร้อมกับเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้มากเลยด้วย
หลังจากที่ฉากความสนุกสนานอันยาวนานของคางุยะ-ฮิเมะวัยเด็กจบลง ... ทุกคนออกไปจากฉากจนหมด เหลือเพียงคางุยะ-ฮิเมะวัยเด็กที่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานอยู่เพียงลำพัง ก่อนจะวิ่งเข้าไปในประตูห้องนอนของเธอ
แม่ของคางุยะ-ฮิเมะเดินออกมาจากฉากอีกครั้ง เพื่อหอบผ้าที่ตากไว้จนแห้งมาพับ ก่อนที่ฉันจะเปิดประตูออกมาอย่าร่าเริง พร้อมกับชุดกิโมโนตัวใหม่ลายดอกซากุระที่แม่ตัดให้ ทั้งฉันและแม่มีความสุขที่ได้ชื่นชมมัน ก่อนที่ท่านพ่อจะกลับมาชื่นชมมันกับฉันด้วย
ก่อนที่เสียงบรรยายจะเล่าถึงการที่ท่านพ่อพยายามเก็บฉันเอาไว้ในบ้าน เพื่อไม่ให้ผู้ใดได้พบ แต่สุดท้ายความงามของฉันก็เลื่องลือไปทั่ว จนไปเข้าหูเจ้าชายทั้งห้าพระองค์
แต่ฉันไม่ชอบเจ้าชายทั้งห้าพระองค์นี่ เพราะฉะนั้นจึงเสนอบททดสอบออกไป โดยการให้เจ้าชายแต่ละพระองค์ไปนำสิ่งของที่พวกเขาไม่มีวันหาได้มาให้กับฉัน
คืนนั้น ฉันจึงให้ท่านพ่อไปทูลเจ้าชายแต่ละพระองค์ถึงสิ่งต่างๆ ที่ฉันต้องการให้นำกลับมา หากใครนำกลับมาได้ ฉันก็จะยอมเลือกเจ้าชายองค์นั้น โดยเจ้าชายองค์แรก (พี่ภพ) ต้องไปทรงนำบาตรหินของพระโคตมพุทธเจ้ามาจากอินเดียกลับมาให้ องค์ที่สอง (พี่ไม้) ต้องทรงนำกิ่งไม้ประดับอัญมณีจากเกาะเพ็งกลาอิในประเทศจีนมาให้ องค์ที่สาม (พี่วิทย์) ต้องทรงไปนำเสื้อคลุมของหนูไฟจากเมืองจีนกลับมาให้ องค์ที่สี่ (พี่จักร) ต้องทรงไปถอดอัญมณีจากคอมังกรมาให้ และองค์ที่ห้า (พี่มะตูม) ต้องทรงไปหาหอยมีค่าของนกนกนางแอ่นกลับมา ... แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีเจ้าชายพระองค์ใดทรงทำสำเร็จ...
หลังจากนั้น ฉันก็ได้พบกับจักรพรรดิมิคาโดะ (พี่ตะวัน) จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นที่ทรงมาเพื่อทอดพระเนตรความงดงามอันลือเลื่องของฉัน ก่อนที่พระองค์จะตกหลุมรักฉัน และทรงขอฉันแต่งงาน ซึ่งจริงๆ แล้ว... ฉันเองก็แอบมีใจให้พระองค์เช่นกัน... (ตามบทที่พี่กัปตันเขียน) แต่ก็ต้องกราบทูลไปว่า...
"ขอประทานอภัยด้วยเพคะ แต่ว่าหม่อมฉันเป็นสตรีผู้มาจากแดนไกล ทำให้ไม่สามารถที่จะเข้าไปในพระราชฐานของพระองค์ได้"
ฉันทูลจักรพรรดิมิคาโดะไปตามความสัตย์จริง แต่ถึงกระนั้น ก็ยังทรงติดต่อกันเรื่อยมา และฉันก็ยังคงปฏิเสธคำขอของพระองค์มาโดยตลอด
จนวันหนึ่งในฤดูร้อง ฉันเอาแต่ร้องห่มร้องไห้เมื่อเห็นพระจันทร์เต็มดวง เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนของมนุษยโลก และอีกไม่นานจะต้องกลับไปยังจันทรประเทศที่จากมา จึงได้ตัดสินใจสารภาพความจริงกับท่านพ่อและท่านแม่ด้วยความโศกเศร้า
เมื่อถึงวันที่จะต้องกลับไปจริงๆ ... จักพรรดิมิคาโดะทรงส่งทหารมาล้อมบ้านของฉันไว้ แต่เมื่อทูตจากสรวงสวรรค์ลงมารับตัว ทหารทุกคนต่างก็ตาบอดเพราะความแรงของแสงที่ส่องสว่างจากขบวนทูตสวรรค์ (แสงสปอร์ตไลท์)
ฉันตัดสินใจประกาศให้ทุกคน รวมถึงผู้ชมได้ทราบว่า...
"แม้ว่าตัวฉันจะมีความรักเพื่อนหลายคนบนมนุษยโลก แต่ก็จำต้องเดินทางกลับไปยังจันทรประเทศซึ่งเป็นบ้านเมืองที่แท้จริงของตนเอง"
ก่อนจาก ฉันมอบจดหมายเพื่อขอโทษท่านพ่อและท่านแม่ พร้อมกับมอบเสื้อคลุมให้ท่านเป็นของที่ละลึก และยังฝากจดหมายไปส่งให้กับจักรพรรดิมิคาโดะ โดยที่มีผอบยาอายุวัฒนะแนบไปกับจดหมายด้วย
ทันทีที่ฉันเอาเสื้อคลุมขนนกพาดไหล่ ความคิดถึงและทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับมนุษยโลกก็หายไปจนหมดสิ้น ก่อนจะกลับไปยังจัทรประเทศ พร้อมกับขบวนทูตสวรรค์ ทิ้งท่านพ่อและท่านแม่ไว้กับความโศกเศร้าจนในที่สุดก็ล้มเจ็บ
ม่านปิดลงอีกครั้ง ก่อนจะเปิดออกด้วยฉากพระราชวังที่ทำเอาผู้ชมตื่นตาตื่นใจในความงดงามของมัน ... ทันทีที่ได้อ่านจดหมาย จักรพรรดิมิคาโดะก็ทรงสั่งการกับบรรดาทหาร (มีไอ้กบรวมอยู่ด้วย) ให้ตามหาภูเขาลูกใดที่สูงที่สุดที่ใกล้สรวงสวรรค์ที่สุด แล้วนำจดหมายของคางุยะ-ฮิเมะไปเผา เพื่อที่ว่าความคิดถึงจะล่องลอยไปยังสรวงสวรรค์ นอกจากนี้ยังทรงรับสั่งให้นำผอบยาอายุวัฒนะไปเผาด้วย ด้วยเหตุผลที่ว่า...
"ข้าไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ไปตลอดกาล โดยปราศจากคางุยะ-ฮิเมะ"
และแล้วม่านการแสดงก็ปิดลง... ก่อนจะเปิดขึ้นมาให้ผู้ชมได้ตื่นตาตื่นใจอีกครั้ง กับฉากผู้เขาไฟฟูจิที่มีควันลอยขึ้นมาจากยอด เพื่อเล่าด้วยภาพให้ผู้ชมได้รู้ว่า 'ภูเขาที่สูงที่สุดที่ใกล้สรวงสวรรค์ที่สุด' ก็คือ 'ภูเขาไฟฟูจิ' นั่นเอง
ก่อนที่ม่านการแสดงของละครเวทีเรื่อง Kaguya-Hime จะปิดฉากลงอย่างสวยงาม ❤
...
ในที่สุด ละครก็จบลงอย่างสวยงาม!!
ทุกคนในทีม Kaguya-Hime ดีใจกันยกใหญ่ที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี โดยที่แม้ว่าม่านการแสดงจะปิดลงแล้ว แต่ผู้ชมด้านนอกก็ยังปรบมือกันไม่เลิก
แต่แล้วในขณะที่ทุกคนกำลังดีใจกันอยู่นั้น จู่ๆ พี่พราวที่อยู่ในชุดนางเงือกก็ปรากฏตัวที่ด้านหลังเวที พร้อมกับสคริปและไมค์ในมือ รวมถึงรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าด้วย!
"มาทำไมพราว แล้วเหมยล่ะ!?" พี่กัปตันตั้งท่าจะเดินเข้าไปหาเรื่อง แต่ผมดึงแขนห้ามเอาไว้ก่อน เพราะทุกคนในทีมยังจะต้องออกไปปรากฏตัวหน้าม่านอีกครั้ง ยังไม่อยากให้มีเรื่องมีราวกันตอนนี้
"ใจเย็นสิคะพี่กัปตัน พราวมาดีนะคะ พอดีชุดเงือกของพี่เหมยมีปัญหา ต้องรีบซ่อมด่วน พราวก็เลยมาเป็นพิธีกรกล่าวชื่อให้เองน่ะค่ะ แต่ก่อนจะออกไป ขอแสดงความยินดีกับละครด้วยนะคะ ที่ได้จบลงอย่างสวยงาม ท่านมงคลลุกขึ้นปรบมือใหญ่เลย
" พี่พราวยิ้มหวาน ก่อนจะหันมาแสยะยิ้มชั่วร้ายให้ผมอีกหนึ่งที แล้วเดินออกไปหน้าม่าน
"สวัสดีค่ะ ดิฉัน 'พราวฟ้า วิมานเมฆ' จะมาทำหน้าที่กล่าวชื่อนะคะ เริ่มจาก หัวหน้าฝ่ายอาร์ท..."
พี่พราวเริ่มกล่าวชื่อของทีมงานเบื้องหลัง เพื่อให้ออกไปโชว์ตัวให้ผู้ชมได้เห็นกันหน้าม่าน ซึ่งก็ได้รับเสียงปรบมือกันยกใหญ่ โดยเฉพาะฝ่ายอาร์ทที่สามารถทำฉากพระราชวังออกมาได้อย่างงดงาม
"ต่อไปเป็นทีมนักแสดงนะคะ เริ่มจากเจ้าชายห้าพระองค์ ได้แก่..."
และเนี่ยแหละคือสิ่งที่ทุกคนกำลังเป็นกังวล... เพราะแม้ว่าการกล่าวชื่อที่ผ่านๆ มาของพี่พราวจะไม่มี 'คำนำหน้า' ตามที่ตกลงกันไว้ แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะไว้ใจยัยนางมารได้มากน้อยแค่ไหน...
"นี่ยัยพราวมันจะเล่นแง่อะไรมั้ยเนี่ย!?" พี่แบมแบมพูด แต่ยังไม่ทันที่จะได้รับคำตอบ พี่เขาก็ถูกขานชื่อให้ออกไปซะก่อน
ซึ่งถ้าเป็นไปตามคิว ต่อไปก็จะเป็นพี่อาร์ท เป็นพี่ตะวัน แล้วก็ผม ก่อนที่จะปิดด้วยพี่กัปตันเป็นคนสุดท้าย...
"ตะเกะโตริ โนะ โอะกินะ รับบทโดย วัสพล" พี่อาร์ทเดินออกไป
"จักรพรรดิมิคาโดะ รับบทโดย ตะวัน" พี่ตะวันเดินออกไป
คราวนี้ก็ตาผมแล้วสินะ
"คางุยะ-ฮิเมะ รับบทโดย... 'นาย' สุทธิยา
"
พี่กัปตันทุบกำปั้นลงกับมือเต็มแรง! เพราะในที่สุดพี่พราวก็เล่นงานผมจนได้ หึ! แต่ผมไม่กลัวหรอก ^_^ ผมยิ้มให้พี่กัปตัน ก่อนจะเดินออกมานอกฉากด้วยรอยยิ้มนั้น
และสิ่งแรกที่ผมเห็นคือใบหน้าที่อึ้งค้างไปเลยของท่านมงคลที่กำลังยืนปรบมืออยู่แถวหน้าสุด โดยที่สายตาคู่นั้นจ้องมาที่ผมไม่วางตา
"และสุดท้าย คนเขียนบทและผู้กำกับคนเก่งของเรา อัครเทพ~!"
พี่กัปตันเดินออกมายืนข้างผมด้วยใบหน้านิ่ง ไม่ยิ้มไม่แย้มเหมือนคนอื่นๆ จนผมต้องแอบกระซิบว่าให้พี่แกยิ้มนั่นแหละ ถึงจะยอมยิ้มออกมาได้
อาจารย์วารุณีลุกเดินมาหาพวกเราจนติดขอบเวที "ขอบคุณพวกเราทุกคนนะ ละครสนุกมาก ต่อจากนี้ไม่ต้องไปสนใจ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด" อาจารย์มอบช่อดอกไม้ให้กับพี่กัปตัน ก่อนจะหันไปส่งสายตาคาดโทษให้พี่พราวที่จงใจพูดคำว่า 'นาย' ออกมา แล้วเดินกลับไปนั่งที่
"เอ่อ... ต่อไปนะคะ... ขอกราบเรียนเชิญ ท่านมงคล ผู้ชมกิตติมศักดิ์ของเรา ขึ้นมากล่าวอะไรสักเล็กน้อย สำหรับละครเวทีเรื่อง Kaguya-Hime ค่ะ"
พอพี่พราวกล่าวเชิญเสร็จเรียบร้อย ท่านมงคลก็ลุกขึ้นเดินมาบนเวที โดยที่ตายังคงจับจ้องอยู่ที่ผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะกำลังโบกไม้โบกมือให้กับพี่ฟิล์มที่นั่งยิ้มภูมิใจอยู่ตรงแถวสาม
"สวัสดีครับทุกท่าน" ท่านมงคลเริ่มกล่าวทักทายเมื่อขึ้นมายืนอยู่ด้านหน้านักแสดงทุกคน "นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสดูละครเวทีกับเขาบ้าง ทั้งๆ ที่อายุก็จวนจะปูนนี้แล้ว แต่ก็ต้องขอบอกเลยว่า นับเป็นละครเวทีเรื่องแรกในชีวิตที่สนุกสนาน สวยงาม และติดตาผมได้ดีจริงๆ จนไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือละครเวทีของเด็กนักเรียนมัธยม นับว่า เยาวชนของเรานี่เก่งมากจริงๆ" ผู้ชมด้านล่างพากันปรบมือเห็นด้วยเป็นการใหญ่ ทำเอาท่านมงคลเริ่มยิ้มออก และกล่าวต่อ...
"โดยเฉพาะผู้กำกับของเรื่อง" หันไปทางพี่กัปตัน "เห็นว่าเขียนบทด้วยใช่มั้ย ดีๆ ถือว่ายิ่งเก่งเข้าไปใหญ่" ท่านมงคลปรบมือให้พี่กัปตัน ก่อนที่จะเดินมาโอบไหล่ผม แล้วพามายื่นด้วยกันข้างๆ ท่ามกลางความตกใจของทุกคน... "และที่สำคัญที่สุด ขอเสียงปรบมือให้กับ 'หลานชาย' ของผม สุทธิยา หรือ ฟาง ที่รับบทคางุยะ-ฮิเมะได้อย่างยอดเยี่ยม" เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง "จนผมลืมไปเลยนะครับเนี่ย ว่านี่เป็นหลานชายโผมมม~" ท่านมงคล หรือก็คือ 'ลุงมงคล' พี่ชายแม่ กล่าวอย่างภูมิใจที่ได้รู้ว่าหลานชายของตัวเองรับบทนำของเรื่อง ก่อนจะปล่อยให้ผมเดินกลับไปยืนข้างๆ พี่กัปตันเหมือนเดิม
"อ้อ! แล้วอีกอย่างนึงที่ผมอยากจะแก้ข่าวก่อนจากกันวันนี้ คือ... ผมไม่ได้เป็นนายทหารที่รังเกียจเพศที่สามนะครับ ฮ่าๆๆๆ~ เห็นลือกันหนาหูเหลือเกิน เพราะว่าผมชอบทุกเพศนั่นแหละครับ ขอให้เป็นคนดีของสังคมก็พอ แต่ถ้าใครเป็นคนไม่ดี รับรองเจอผมแน่ ... ขอบคุณครับ
"
ทันทีที่ลุงมงคลกล่าวจบ ก็ส่งไมค์คืนให้กับพี่พราวที่ตอนนี้กึ่งปกติกึ่งช็อกไปแล้วที่สุดท้ายผลมันออกมาเป็นแบบนี้ ... ก่อนที่เราทั้งหมดจะร่วมกันถ่ายรูป โดยมีรอยยิ้มจากคนบนเวทีเกือบทุกคนส่งมาให้ผม ยกเว้น...พี่กัปตัน อ้าว!?
* * * * * * *
ห้องซ้อมหมายเลขหนึ่ง
"มานี่เลย!"
พี่กัปตันแอบลากผมมาที่ห้องซ้อมกันสองคน หลังจากที่ถ่ายรูปกันจนเหงือกแห้งแล้ว นี่คงไม่พอใจเรื่องที่ผมปิดบังเรื่องลุงมงคลสินะ
"อะไรกัน ทำไมต้องลากมาแบบนี้ด้วย"
"ไม่ต้องมาพูดเลยนะ ยังจะมายิ้มอีก! รู้ตัวมั้ยว่าทำให้พี่โกรธแค่ไหน ที่โกหกเรื่องท่านมงคลน่ะ!"
แม้ว่าเสียงของพี่กัปตันจะดัง แต่จากที่รู้จักกันมานาน ก็ทำให้รู้ว่าพี่กัปตันน่ะเขาไม่ได้โกรธจริงๆ หรอก แต่แค่งอนเท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้น น่าจะง้อได้ง่ายๆ
"ผมขอโทษ~" ผมเดินเข้าไปเกาะแขนของพี่กัปตันเอาไว้อย่างออดอ้อน "ผมแค่อยากจะเซอร์ไพรส์ทุกๆ คนเท่านั้นเอง อย่าโกรธเลยน้า น้าาาา~"
แล้วมีหรอที่อ้อนขนาดนี้แล้วจะไม่หายงอนน่ะ
"เซอร์ไพรส์กับผีน่ะสิ" นั่นไง เริ่มเสียงอ่อนลงแล้ว "นี่พี่เตรียมตัวคุกเข่าขอร้องท่านมงคล ในกรณีที่ท่านไม่พอใจแล้วนะเนี่ย -^-" ก่อนจะดันหัวผมเบาๆ หนึ่งทีเป็นการลงโทษ
"โห~ รู้งี้เตี๊ยมกับลุงดีกว่า จะได้เห็นพี่กัปตันคุกเข่าด้วย ฮะฮ่า!!"
"ยังจะมาพูดอีก!" ผมก็เลยโดนพี่กัปตันดันหัวอีกทีนึง -..-
"เอาน่าๆ เลิกงอนกันดีกว่านะ ถึงเวลานี้ต้องยิ้มเข้าไว้สิ ละครเวทีที่พี่กัปตันกำกับประสบความสำเร็จแล้วนะ
"
พี่กัปตันค่อยๆ คลายหน้างอน ก่อนจะเผยรอยยิ้มดีใจออกมาในที่สุด
"จริงด้วย เห้ออออออ~ ในที่สุดก็สำเร็จสักที!!" ก่อนจะชกมือขึ้นฟ้าเพื่อแสดงความดีใจ จนผมเผลอมองการกระทำนั้นอย่างเพลิดเพลิน
"ดีใจด้วยนะพี่" ผมหันหน้าเข้าหาพี่กัปตัน "พี่นี่เก่งจริงๆ เลย
"
"ไม่หรอก ถ้าพี่ไม่ได้ฟางมารับบทนำนะ อาจจะไม่ประสบความสำเร็จแบบนี้ก็ได้"
"ใครว่าล่ะ พี่กัปตันนั่นแหละที่เก่งกว่า ถึงได้กำกับจนผมออกมาเป็นเจ้าหญิงคางุยะที่สมบูรณ์แบบได้ อ้อ แล้วอีกอย่าง พี่กัปตันยังเป็นผู้กำกับที่หน้าตาดีที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลยนะ"
"เฮ้ย! มีชมว่าหล่อด้วยหรอเนี่ย!? แหมๆๆๆ ปากหวานขนาดนี้ เดี๋ยวก็จูบให้หรอก
"
แหมๆๆ ผมแค่พูดความจริงนี่ ทำไมถึงได้โยงมาเรื่องจูบซะได้ แล้วมีหรอที่ผมจะยอมแพ้ หึ!
"งั้นก็จูบดิ" ผมทำยักคิ้วท้าทาย
ทำให้คนที่กล้ากว่าอย่างพี่กัปตันโน้มหน้าลงมาหมายจะจูบผม แต่ผมดันออกเต็มแรง!
"อ้าว!?" พี่กัปตันทำหน้างง
"ผมเปลี่ยนใจละ" ทีนี้ถึงตาผมเอาคืนบ้าง "ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่ยอมให้พี่แต๊ะอั๋งผมอีก เพราะว่าผมจะเก็บไว้ทำกับแฟนในอนาคตของผมเท่านั้น!" ผมทำหน้าจริงจัง ทำเอาพี่กัปตันที่ได้ยินคำว่า 'แฟนในอนาคต' ถึงกับหน้าเสียไปเลย จนผมต้องรีบพูดต่อ เพราะแกล้งแล้วก็สงสารเอง -^- "แต่ถ้าพี่อยากทำ ก็ต้องมาเป็นแฟนผมก่อนนะ
"
"อะไรนะ!?" พี่กัปตันถึงขั้นขมวดคิ้วมุ่นด้วยความงง
โอเค นี่ก็พ้นเส้นตายแล้ว ถึงเวลาพูดความจริงได้แล้วสินะ
"พี่กัปตัน" ผมพูดด้วยเสียงจริงจังที่สุดในชีวิต "ผมรู้ ว่าผมเคยทำร้ายจิตใจพี่ โดยที่บอกว่าตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน มันเป็นเพียงแต่ความต้องการของพี่ฝ่ายเดียว โดยที่ผมไม่ได้คิดอะไรกับพี่เลย"
"..."
"แต่พอผมพูดแบบนั้นออกไป มันก็ทำให้ผมได้รู้ใจตัวเองว่า ที่จริงแล้วผมเองก็มีใจให้พี่เหมือนกัน"
"..."
"โดยที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพี่ถึงได้แตกต่างจากคนอื่น จนสามารถเข้ามาอยู่ในใจผมได้ แต่ที่แน่ๆ คือพี่เป็นคนที่ดีกับผมมาก พอๆ กับพี่ชายแท้ๆ ของผมเลย ดังนั้น ผมจะไม่ยอมปล่อยพี่ไปเด็ดขาด"
"..."
"เพราะถ้าวันไหนพี่จากผมไปจริงๆ ผมก็คงเสียใจมาก เพราะว่า..."
"..."
"ผมคิดว่าความรู้สึกที่ผมมีให้พี่ มันเกินกว่าคำว่า 'ชอบ' ไปแล้ว"
"..."
"ขอโทษที่บอกช้า แต่ก็บอกแล้วนะ
"
ไม่ต้องรอให้ผมพูดจนจบเลยด้วยซ้ำ พี่กัปตันก็ยิ้มกว้างไปเรียบร้อยแล้ว จนผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้เช่นกัน ก็นะ เห็นคนที่เรารักมีความสุข เราก็ย่อมจะต้องมีความสุขตามเป็นธรรมดา ^___^
"พี่ดีใจมากเลยนะรู้มั้ย อยากกอดฟางจนใจจะขาดแล้วเนี่ย!" ไม่พูดเปล่า พี่กัปตันก็ตั้งท่าจะกอดผม แต่ผมผลักออกเหมือนเดิม หึ!
"ถ้าอยากกอด ก็ขอเป็นแฟนก่อนดิ -^-" ผมแกล้งทำหน้างอน ที่พี่กัปตันไม่ยอมขอผมเป็นแฟนสักที
"ขอน่ะขอได้ แต่จะให้ขอในชุดเจ้าหญิงคางุยะแบบนี้เนี่ยนะ?"
"แหม~ ยังจะมาสนใจเรื่องพวกนี้อีก ทีเมื่อกี้ยังจะเข้ามาจูบอยู่เลย -^-"
"งั้นก็ได้
" พี่กัปตันคว้ามือผมไปกุมไว้แน่น ดูท่าทางดีใจที่จะได้พูดอะไรแบบนี้ออกมาสักที "ฟางครับ เป็นแฟนกับพี่นะ?"
ผมแกล้งทำเป็นมองไปทางอื่นนิดนึง แต่สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมา เพราะไม่อาจที่จะแกล้งพี่กัปตันต่อไปได้อีกแล้ว
"ได้เลย ไม่มีปัญหา
"
"ฮ่าๆๆๆ"
พูดจบแค่นั้น ผมก็โผเข้ากอดพี่กัปตันซะเองเลย ทำเอาคนตัวใหญ่หัวเราะออกมาด้วยความสุขใจ แล้วกอดตอบกลับมาแน่นๆ จนผมรู้สึกได้ถึง... หัวใจสองดวงที่เต้นแรงไปพร้อมๆ กัน
รักนะ ไอ้หน้าดุ ❤
THE END
ปิดม่านการแสดงอย่างเป็นทางการ : )