#HollywoodBoyfriend
@14 Blue Tuesday
You don’t tell me things, Joel. I’m an open book. I tell you everything…every damn embarrassing thing. You don’t trust me.
_Eternal Sunshine of the Spotless Mind
"เพชร~~"
แม่แพรกับพ่อป้อมเผลอแสดงกิริยาดีใจจนออกนอกหน้ามากไปหน่อย เพชรไพลินถึงกับหน้าแดงอายม้วน เขาแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี
ผู้คนในสนามบินนานาชาติต่างมองมาที่กลุ่มเขา แม้สายตาจะเฉยชา หากแต่ในใจคงนึกตำหนิบ้างแหละ
ทำไงได้ล่ะพ่อแม่เขาชอบเอะอะมะเทิ่งจนติดเป็นนิสัยเสียแล้ว
"แม่เสียงเบาๆหน่อยครับ"
พี่เป้พี่ชายคนโตและเงียบขรึมที่สุดในบ้านเอ่ยบอก น้องชายจึงค่อยโล่งใจ
ทั้งสี่ช่วยกันขนของคนละไม้ละมือ ดูจากบรรดากระเป๋าหลายใบแล้ว นักเรียนปีหนึ่งก็อดสงสัยไม่ได้ว่าครอบครัวเขาจะมาอยู่กี่วัน
"แม่จะอยู่กี่วันครับ?"
"สองอาทิตย์"
"ห้ะ!"
"อะไรล่ะ ทำเหมือนไม่อยากให้แม่อยู่อย่างนั้นแหละ"
พี่ชายเอ็ดกับปฏิกิริยาที่ไม่ค่อยจะดีของเขา
"อย่าไปว่าน้องสิ ...พี่เขาอยากเที่ยวน่ะ"
"ถ้าให้เดานะ...จะไปดูสวนสนุกแฮร์รี่ใช่ป่ะ"
เพชรไพลินชี้นิ้วล้อพี่ชายที่เป็นแฟนคลับแฮร์รี่ พอตเตอร์ วรรณกรรมเด็กตัวยง
"เงียบน่า!"
พี่เป้หิ้วกระเป๋าเดินลิ่วไปยังรถเช่าที่เพชรไพลินเช่าไว้ ไงล่ะ เพิ่งตำหนิน้องไปหยกๆ แม่ผู้แสนดีก็เล่นกันเองซะแล้ว
หนุ่มไทยเช่ารถครอบครัวคันใหญ่ กลางเก่ากลางใหม่ ยี่ห้อเดียวกับของที่บ้าน คุณพ่อจึงตบไหล่ลูกชายคนเล็กอย่างแรง บ่งบอกว่าถูกใจนักหนา รายนี้มือหนักเป็นทุนเดิม
คนถูกตบจึงลูบไหล่ตัวเองพลางร้องโอดโอย
พูดง่ายๆคือสำออยอ้อนพ่อแม่
"เดี๋ยวเพชรจะพาเที่ยวให้ทั่วแอลเอเลย"
"โม้ว่ะ เคยก้าวออกจากมหาลัยหรือยังเถอะ"
"ใครจะไปเก่งเหมือนพี่ล่ะ"
"พอๆ หยุดทะเลาะกันได้แล้ว พ่อเขาไม่มีสมาธิขับรถ ยิ่งงงๆฝั่งอยู่"
"อะไรแม่ พ่อเนี่ยเซียนเลยนะจะบอกให้"
"รู้และว่าน้องเพชรขี้โม้เหมือนใคร"
"ไอ้พี่เป้!"
ครอบครัวสุขสันต์หัวเราะครื้นเครงไปตลอดทาง
ยามที่เพชรไพลินมีความสุข เขามักไม่มีสติ...
มักหลงลืมว่าโลกนี้ก็มีสิ่งที่เรียกว่าความทุกข์อยู่เหมือนกัน...
...........
นิ้วโป้งสองข้างจิ้มแป้นพิมพ์บนหน้าจอมือถือสลับกันอย่างรวดเร็ว เสียงของแป้นกวนใจเอ็ดเวิร์ดที่กำลังขะมักเขม้นอ่านหนังสืออยู่ไม่น้อย เจ้าตัวจึงบอกให้เพื่อนร่วมห้องเบาเสียงโทรศัพท์ลง
"ยูไม่อ่านหนังสือไง้?"
เอ็ดเวิร์ดถามอย่างประชด
หนุ่มเอเชียผินหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาหวานฉ่ำจ้องมองรูมเมท ไม่มีความโกรธหรือขัดใจที่โดนกระแทกเสียงเลยสักนิด
"ค่อยไปติวกับอเล็กซ์น่ะ"
พอเพื่อนมีท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อน เขาก็ละเหี่ยใจ จากที่ขุ่นเคือง ก็หายลับไปพริบตา
"แล้วพ่อแม่ยูล่ะ"
"มาเจอสิ พรุ่งนี้ที่ร้านสลัด แพททริคบอกว่าจะทำอาหารพิเศษต้อนรับด้วยนะ อเล็กซ์ก็จะไปด้วยเหมือนกัน"
ใบหน้าอารมณ์ดีที่ใครๆต่างพากันเอ็นดู
เอ็ดเวิร์ดแสร้งโมโหกลบเกลื่อน
"เบื่อจริงเว้ยพวกมีความรัก"
"แหม....แล้วยูกับแซลล่ะไปถึงไหน ก้าวหน้ากว่าไออีกมั้ง"
"ก็แน่อยู่แล้ว"
รูมเมททำหน้าเยาะเย้ย
"อิจฉาจังน้า...ไอกับอเล็กซ์เรื่อยๆเอื่อยๆมากเลย ...แต่ก็ชอบแบบนี้นะ สบายๆดี ไม่รู้สึกกดดันที่เขาเป็นดารา"
"ก็ดีแล้ว ...ไอไม่ค่อยเข้าใจชีวิตดาราหรอกนะ แต่ถ้ามีแฟนเป็นคนธรรมดา ก็คงต้องทำความเข้าใจกันน่าดู"
"นั่นสินะ แต่สังเกตมั้ยว่าถ้าคนดังมีแฟนเป็นคนนอกวงการเนี่ย คู่นั้นค่อนข้างคบกันได้นานเลยล่ะ อย่างดอลลี่ พาตั้นไง"
"รู้จักด้วย!?"
"โธ่! ไอไม่ใช่เด็กหลังเขานี่ เอ้อ! ไอว่ายน้ำได้แล้วนะ ว่ายไป-กลับได้ตั้งสองรอบ อเล็กซ์สอน"
"หึๆ ไม่ใช่เด็กหลังเขา แต่ก็ว่ายน้ำไม่เป็น อืมๆ"
เพชรไพลินไม่ทันรู้ตัวว่าถูกประชดประชันอยู่ ยังคงจ้อเรื่องวันพรุ่งนี้ไม่หยุด
"ช่ายๆ อเล็กซ์ทำอะไรก็คล่องไปหมด สอนเข้าใจง่าย แถมยังใจเย็น ....บางทีก็คิดนะว่าโชคดีจังที่เขามาจีบ พ่อกับแม่จะต้องชอบอเล็กซ์มากแน่ๆ..."
บทสนทนาจบลงที่ตรงไหนไม่มีใครรู้
รู้แต่เพียงว่าชายหนุ่มสองคนในห้องกำลังมีความสุขและความหวังเปี่ยมล้น ..มันโชติช่วงเหมือนแสงจันทร์ที่ผาเดดฟอล สลักร่องรอยแห่งรักเอาไว้มากมาย
.
.
.
.
.
"แหมๆ กลับมาช้าขนาดนี้ คงคุยกันเพลินเลยสิ...............
....
..
..เป็นอะไร? มีอะไรหรือเปล่าเอม?!"
คนถูกถามส่ายหน้า ฝืนยิ้มโรยแรง เอ็ดเวิร์ดไม่คิดว่าการพบปะพ่อแม่ครั้งนี้จะราบรื่น แต่ก็ไม่น่าเลวร้ายถึงขนาดทำให้คนน่ารักต้องเซื่องซึมแบบนี้
"ง่วงจังเลย นอนก่อนนะ"
เอ็ดเวิร์ดเบิกตาอย่างไม่เชื่อ เวลาเพียงสองทุ่ม ไม่มีทางที่เพชรไพลินจะนอนโดยไม่อาบน้ำ!
ใครๆก็รู้ว่าหนุ่มไทยคนนี้อาบน้ำเช้าเย็น ไม่ว่าอากาศจะหนาวแค่ไหนก็ตาม
เพื่อนร่วมห้องที่คอยดูแลมาตั้งแต่ต้นอดจะสงสัยไม่ได้ จึงลองแชทหาแฟนตนว่าได้ข่าวคราวอะไรบ้างไหม
-เรื่องอเล็กซ์น่ะสิ ไอก็ไม่รู้อะไรมาก เอมมี่แค่โทรมาถามหาอเล็กซ์ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าเจ้านั่นไปไหน-
-ฝากดูแลเอมมี่ด้วยแล้วกันนะbabe!-
เพียงเท่านี้เอ็ดดี้ก็พอจะเดาเหตุการณ์ออก เขาจึงรีบแปรงฟันเปลี่ยนชุด ออกไปทักเพื่อนข้างนอกสักพักเพื่อเคลียร์อารมณ์ตัวเอง
เพราะขืนเอาความเศร้าของอีกฝ่ายมาใส่ใจแล้วอาจจะไม่สามารถช่วยอะไรได้ มีแต่จะร้องไห้ตามแทน
ร่างสูงผิวเข้มเปิดประตูเข้ามาพบกับห้องเงียบสงัด เผลอเหยียบบางสิ่งที่นุ่มเท้าจึงก้มลงเก็บ
...ผ้าพันคอสีดำ...
เอ็ดเวิร์ดถอนใจ ยืนมองร่างบนเตียงที่สั่นเทิ้มนิ่งๆ ก่อนรวบรวมพลังใจเดินไปนั่งบนเตียงเดียวกัน
"มีอะไรก็ระบายออกมาเถอะ"
มือใหญ่ต่างเชื้อชาติแตะแผ่นหลังบางผ่านผ้าห่ม
เมื่อเอ็ดดี้วางผ้าพันคอลงบนหัวเตียง คนในผ้าห่มกลับยื่นมือออกมา หยิบมันขว้างลงกับพื้น
"ฮึก...."
เพชรไพลินล้มตัวนอน รีบปิดหน้าบวมๆของตัวเอง
"ไอไม่อยากเจออเล็กซ์อีกแล้ว"
เสียงสั่นเครือเอ่ย
"มีอะไร เล่าให้ฟังได้ไหม?"
เพชรไพลินย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อกลางวัน พลันน้ำตาก็ไหลอีกระลอก
"คิดว่าไอเด็กมั้ย เอาแต่ใจหรือเปล่า"
"ไม่รู้สิ แล้วแต่สถานการณ์"
"ฮึก....อเล็กซ์น่ะสิ..."
เขาร้องไห้ ร้องไห้ด้วยอดกลั้นมานาน ร้องจนหายใจไม่ออก แต่ยังพยายามเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ละเอียดที่สุด
.
.
.
เพชรไพลินตื่นแต่เช้าไปเรียนตามปกติโดยไม่ได้วิ่งจ็อกกิ้งเพราะอเล็กซ์ส่งข้อความมาบอกตั้งแต่เมื่อคืนว่าให้พักหนึ่งวัน เขาเลยดีใจ คิดว่าอเล็กซ์เป็นห่วง กลัวเขาจะเหนื่อย
ไหนจะเรียนตอนเช้า ไหนจะนัดเจอพ่อแม่ตอนบ่าย
ร่างสมส่วนกึ่งเดินกึ่งวิ่ง รอยยิ้มประดับบนใบหน้า ยกมือทักทายโอดี้ขี้แกล้งยามเดินผ่าน ครูหัวล้านพุงพลุ้ยไม่ลืมหรี่ตาล้อเลียนเขา ซึ่งเพชรไพลินรู้ดีว่าล้อเรื่องอะไร
น่าเสียดายที่คาบนี้ไม่ใช่ของโอดี้ แต่เป็นอาจารย์สาวไฟแรง สอนวิชาภาษาอังกฤษขั้นนรกแตก แต่แทนที่เพชรไพลินจะสนใจ เขากลับมองหาแฟนหนุ่มไม่หยุด
"เป็นอะไรเอม แอกเนสจ้องใหญ่แล้วนะ"
แซลลี่เตือนสติเพื่อนหนุ่ม
เลยเวลาเข้าเรียนมาชั่วโมงหนึ่งแล้ว หากแต่พ่อดาราตัวดียังไม่โผล่หัว
"ถ้าเขาทำงาน ทำไมเขาไม่บอกนะ"
คนรอได้แต่พึมพำถาม ในอกสั่นหวิว อยากตั้งใจเรียนให้มากกว่านี้ ทว่าไม่มีสมาธิเลย
เรื่องคราวก่อนยังคงฝังใจ เพชรไพลินคิดว่าตัวเองลืมไปแล้ว แต่พอมาเจอเหตุการณ์คล้ายเดิมอีก หัวใจก็ได้แต่ว้าวุ่น
...กลัวว่าอเล็กซานเดอร์แสนหยิ่งนั้นจะหายไปอีกเป็นอาทิตย์
"เย็นนี้มีนัดกับพ่อแม่ยูไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเจ้านั่นก็มาน่า"
แซลลี่ปลอบใจเพื่อนรัก ทั้งๆที่คิ้วโก่งดั่งคันศรนั้นก็ขมวดเคร่งอยู่เช่นกัน
"ถ้าไอรอเก้ออีกล่ะ..."
"เอาน่ะ.."
ตกบ่าย เพชรไพลินกลับหอเปลี่ยนชุดหล่อ ใส่เสื้อยืดยี่ห้อดังที่ไม่มีลายอะไรเลยนอกจากชื่อยี่ห้อกลางอก สวมทับด้วยแจ็คเก็ตหนังสีแดงมันวาว ใส่แล้วเท่ไม่หยอก ส่วนกางเกงก็ยีนส์ขาดๆ ประหนึ่งไม่ได้ใส่ แน่นอนเขาหนาวแต่จำทน เพื่อความหล่อที่มาเป็นอันดับหนึ่ง
พ่อกับแม่มารับเขาที่มหาลัย ส่วนพี่ชายไปฟลอริด้าตั้งแต่เช้าแล้ว พลังของติ่งช่างมีอำนาจ พี่ชายเขาไม่มีอาการเจ็ทแล็คอะไรเลย นอกจากจะตื่นเต้นเหงื่อแตก ...อันนี้แม่เขาเล่าให้ฟัง เพชรไพลินฟังหูไว้หูดีกว่า แม่ชอบเมาท์เรื่องลูกให้โอเว่อร์ตลอดนั่นแหละ
หนุ่มไทยพาผู้ให้กำเนิดเที่ยวชมรอบมหาลัยสักพักใหญ่ แล้วจึงพาไปเดินตามล่าดาวของนักแสดงในดวงใจที่พวกท่านชื่นชอบบนถนนฮอลลีวูด
ทว่าแม่กลับตื่นเต้นยกใหญ่เมื่อเห็นดาวของเฉินหลง
"นึกว่าจะกรี๊ดดาราฝรั่ง ที่ไหนได้...."
ท่านลงนอนให้ลูกชายถ่ายรูปให้ พอนึกขึ้นได้ว่าทำอะไรเพี้ยนๆก็ตีแขนพ่อ
เพชรไพลินเห็นแล้วหัวเราะ เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความสุข นึกภาพตัวเองที่แก่หง่อมกับอเล็กซ์หัวขาว เดินตามหาดาวของตัวเอง แล้วชวนกันถ่ายรูปเหมือนคู่ตาแก่เพี้ยนๆอย่างในเรื่องThe Bucket List
"มีชื่ออเล็กซานเดอร์หรือเปล่าลูก"
"จะมีได้ไงล่ะแม่ เขาเพิ่งดัง"
"นั่นสิเนอะ"
"แม่อยากถ่ายป้ายฮอลลีวูดหรือเปล่า"
เพชรไพลินเปลี่ยนเรื่อง ลางสังหรณ์เกี่ยวกับแฟนหนุ่มเต้นตุบๆในหัว
"เขาให้ขึ้นไปได้เหรอ"
"ได้มั้ง เห็นคนขึ้นไปเยอะอยู่นะ มันมีจุดให้ถ่ายรูปอ่ะครับ"
"แล้วตาดารานั่นจะมาเจอเราเมื่อไหร่"
คนถูกถามลอบกลอกตาเหนื่อยหน่าย อยากบ่นเรื่องแฟนให้พ่อแม่แต่ก็ทำไม่ได้ เขากลัวว่าพวกท่านจะไม่ชอบลูกเขย แล้วพากันกีดกันหรืออย่างน้อยๆแค่พูดจากระทบกระเทียบ เขาก็เครียดแล้ว
เพชรไพลินจริงจังนะ....
...ยามถูกรัก ถูกโอบกอด
เขาไม่ใช่เด็กใสซื่อไร้เดียงสา ดังนั้นจึงรู้และสัมผัสได้ถึงสิ่งที่อเล็กซ์ส่งมา
มันคือความรัก ความห่วงใย ความอาทร สุดแท้แล้วแต่จะเรียก
อเล็กซ์จึงไม่น่าใช่คนที่จะเบี้ยวนัดหายไปเสียเฉยๆ
"กินก่อนเถอะลูก รอเขามาตั้งชั่วโมงกว่าแล้ว ไม่หิวหรือไง"
แม่แพรจิ้มผักใบม่วงสีสดเปื้อนน้ำสลัดยัดเข้าปาก สีหน้าปลื้มปริ่มกับรสชาติอาหารที่เขาดูออกว่าแสร้งทำ
อย่างน้อยเรื่องนี้แม่ก็เก่งกว่าเขา...
"ไก่ทอดนี่อร่อยมากเลย อยากได้สูตรจัง"
พ่อช่วยสร้างบรรยากาศให้ผ่อนคลายมากขึ้น เพชรจึงยกมุมปากขึ้น จิ้มผักหนึ่งใบเข้าปาก
รสชาติจืดๆของมันก็เป็นเพียงสิ่งที่ตอกย้ำว่าเขาไม่รับรู้รส ฝืนกลืนฝืดคอก่อนขอตัวเข้าห้องน้ำ
เฮ้อ!
นอกหน้าต่างเหนือศีรษะปรากฏภาพฟ้ามืดขมุกขมัว ถ้าเป็นวันปกติ เขาคงถูกอเล็กซ์พาขับรถเที่ยว ฟังพ่อดาราเจ้าปัญหาบ่นคนในกอง จบท้ายด้วยการนอนดมกลิ่นคาวคราบเหงื่อไคลของกันและกัน
มือเรียวหยิบมือถือขึ้นมาเช็คเป็นรอบที่ร้อย ...ยังคงว่างเปล่า
คิดอะไรไม่ออก นิ้วโป้งไถหน้าจอกลับไปกลับมา ยืนพิงผนังห้องน้ำอย่างคนหมดอาลัย เขาลองเข้าเว็บแฟนเพจของแฟนตัวเอง ซึ่งเป็นที่ๆอัพเดตเรื่องราวของอเล็กซ์ได้เร็วประหนึ่งว่าเป็นเงาเจ้านั่น
'เมย์เดย์ๆ ไม่รู้จริงหรือเปล่านะ วันนี้สดๆร้อนๆ เว็บxxxลงข่าวว่าอเล็กซ์แอบกุ๊กกิ๊กกับโอลิเวีย บอมเม่อที่กองถ่ายหนังเรื่องใหม่ล่ะ!
จากภาพแตกๆจะเห็นว่าอเล็กซ์นั่งคุยกับแม่สาวตาคมแบบถึงเนื้อถึงตัวไปนิสส ไม่รู้ว่าป่านนี้แฟนตัวจริงเขาเห็นหรือยังนะ
ถึงแอดมินจะใจสลายตอนที่พ่อยอดขมองอิ่มประกาศเปิดตัวแฟน แต่แอดมินก็ไม่นิยมการนอกใจนะจ้ะ
โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่จะนั่งใกล้กันขนาดนั้น ก็แหม่ดูข้างหลังฉากสิ มีแต่รถรา เสียงบนถนนน่าจะดังพอตัวแหละ
เรารอเจ้าตัวคอนเฟิร์มอีกทีดีกว่าเนาะ
แล้วพวกเธอคิดว่าไงกันบ้าง?'
...เสียงหยดน้ำดังเป็นจังหวะ
เวลาของเพชรไพลินเคลื่อนที่ช้าลง เขาหลุบตามองหยดน้ำ ภาพสโลโมชั่นของแพขนตากระทบกัน ภาพที่เขาเท้าแขนลงกับอ่างเป็นไปอย่างเชื่องช้า
และความเชื่องช้าคือความทรมาน
เขาตัดสินใจโทรหา รอไม่นาน แต่ก็นานพอที่จะรู้ว่าไม่รับ
'ถ้ารักกันจริง ก็ฝากข้อความนะครับคนสวย~'
เพชรไพลินอมยิ้ม ดีใจที่ได้ยินเสียง แต่นั่นคือเปลือกนอกต่างหาก! ในหัวใจของเขามันแตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี
นึกอยากให้ตัวเองเป็นคนโลกสวย ใจเย็น ไม่ใช่เอาแต่ใจและเป็นบ้า
เขาเปิดก็อก วักน้ำสาดใส่หน้าตัวเองเรียกสติ
น้ำตาเหรอ....ไม่มีวันหลั่งให้ไอ้คนขี้โกหกนั่นหรอก!
"เช็ดมั้ย?"
ร่างของผู้ชายแสนดีอยู่ตรงหน้า เพชรไพลินรับผ้าผืนน้อยมาถูแรงๆทีนึงก่อนส่งคืน
"ยูโอเคนะ?" แพททริคจับไหล่
"บางครั้งมันก็ไม่ราบรื่นบ้าง แต่ยูต้องฟังเหตุผลเขาด้วย อย่าเพิ่งตีโพยตีพาย"
"ไม่รู้สิ ตามหน้าเว็บก็มีให้เห็น ดอดไปถ่ายหนังกับสาวสวย...ใครล่ะจะบอกแฟนตัวเองว่า 'ขอเบี้ยวนัดหน่อยนะ โอลิเวียสุดสวยสำคัญกว่าอ่ะ'"
"แต่ยูก็ต้องคุยตัวต่อตัว ข่าวพวกนั้นมันไม่จริงเสมอไปหรอก"
"มันก็ต้องมีมูลบ้างแหละ"
"ที่ประเทศยูเคยเล่นข่าวเรียกเรตติ้งมั้ย?"
"เคย"
"แล้วคิดว่าที่นี่จะไม่มีเหรอ?" แพททริคจ้องดวงตาสั่นไหว ถ่ายทอดความมั่นคงของตัวเอง "...เอม..จำไว้นะ พวกนี้มันคือธุรกิจ ถ้าตัวยูสามารถขายได้ นำเงินมาให้ได้ พวกนักข่าวไร้จรรยาบรรณก็จะแต่งเรื่องขึ้นมาเองแหละ ฉลาดหน่อยก็มีหลักฐาน แต่เป็นหลักฐานกลางๆให้ไปคิดกันเอาเองแบบเนี้ย ถ้าเป็นจริงก็ดี ถ้าไม่จริงก็ช่วยไม่ได้ อยากทำตัวให้เล่นข่าวเอง แล้วในกรณีของอเล็กซ์ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนเข้าไปใหญ่ เจ้านั่นแค่ถูกเขียนเพื่อเรียกเรตติ้งหนังใหม่เท่านั้นแหละ ถ้ายูจะสรรเสริญประเทศไอว่าเลิศเลอล่ะก็ ...ยูจงจำไว้นะ ..มนุษย์...มีทั้งดีเลวปะปนกัน ไม่มีทางที่จะมีจรรยาบรรณเหมือนกันทั้งประเทศหรอก"
"ก็ใช่ แต่..."
"แต่ยูรู้อะไรไหม?....คนที่รู้ดีที่สุดคืออเล็กซ์ ยูต้องคุยกับเขา ต่อให้โอลิเวียเคยนอนกับเจ้านั่นมาสักร้อยครั้ง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกลับไปมีสัมพันธ์อีก"
".....แต่อเล็กซ์ก็เบี้ยวนัดอยู่ดี"
เพชรไพลินผินหน้าหนี ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา
"เฮ้อ...ก็ใช่ ....เอางี้นะ ..คุยกัน การคุยกันคือทางออก รอให้อเล็กซ์ถ่ายหนังให้เสร็จก่อน ป่านนี้คงยุ่งอยู่นั่นแหละ"
.
.
"ไอขอตัวนะ ขอโทษที่วันนี้มารบกวนเสียนาน"
เพชรไพลินค้อมตัวแสดงคำขอบคุณ จ่ายเงิน พาพ่อแม่กลับโรงแรมไม่ไกลนัก
โรงแรมระดับห้าดาวในย่านที่ห่างจากสถานที่ท่องเที่ยว จึงมีความสงบ ห้องไม่กว้างมากนักแต่การตกแต่งหรูหรา
เพชรไพลินมองไปที่หน้าต่าง เห็นป้ายอักษรฮอลลีวูดขนาดยักษ์อยู่ไกลๆ
อุปสรรค...มักมาตอนที่เราหลงลืม ว่านี่คือชีวิตมนุษย์
เขายืนมองผู้คนข้างล่างสัญจรไปมาด้วยใจห่อเหี่ยว
โกรธ โกรธมาก โกรธที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย
กี่ครั้งแล้วที่อเล็กซ์เป็นแบบนี้ หายไปโดยไม่บอก เดี๋ยวคงกลับมาง้อด้วยการพาไปเที่ยวอีก อาจจะขอโทษสักคำสองคำ แต่ไม่นานก็ทำแบบเดิม
เพชรไพลินฝืนน้ำตา รู้ตัวเองดีว่าต้องกลั้นเอาไว้ไม่ไหวแน่ จึงขอกลับไปนอนหอ นอนร้องไห้เงียบๆคนเดียวดีกว่า เขาไม่ชอบทำตัวอ่อนแอให้พ่อแม่เห็น
..........
กำลังปั่นตอนพิเศษอย่างเชื่องช้าค่ะ555555