มาแล้วค่าาา ^^ ดีใจที่มีคนอ่าน อิอิ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
บทที่ 2
“ห้องฉันอาจจะรกสักหน่อยนะ ไม่ค่อยได้ทำความสะอาด” สุทธิลักษณ์เอ่ยขึ้นพร้อมเดินนำหน้าชายหนุ่มอีกคนเข้ามาในห้องของตัวเอง บอกตามตรงว่ายังรู้สึกงงๆ ไม่หายที่อยู่ๆ ลูกน้องคนนี้ก็มาหาเขาถึงคอนโด
แถมยังซื้อเบียร์มาตั้งหลายกระป๋องแล้วบอกว่าจะมาดื่มด้วย ... ทำไมต้องทำแบบนี้กันนะ?
“นี่ถือว่าสะอาดกว่าห้องผมเยอะมากแล้วครับ หัวหน้า” เสียงนุ่มหวานกลั้วหัวเราะแล้ววางถุงพลาสติกใส่กระป๋องเบียร์ที่คงจะซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อใกล้คอนโดของเขา
ดวงตาคมมองอีกฝ่ายผ่านแว่นสายตานิ่งๆ ก่อนจะตัดสินใจพูดบางอย่างขึ้นมา
“นี่ไม่ใช่เวลางาน ไม่จำเป็นต้องเรียกหัวหน้าหรอก” เพราะหน้าที่และตำแหน่งที่สูงกว่าทำให้ตามธรรมเนียมแล้วลูกน้องทุกคนต้องเรียกเขาว่า ‘หัวหน้า’ แต่ตอนนี้ ... ไม่ใช่เวลางานสักหน่อย
“อ่า ... งั้นให้ผมเรียกว่าอะไรดีล่ะครับ” ใบหน้าหวานหันมามองหน้าเขาเล็กน้อย ท่าทางอ้ำอึ้งที่แสดงออกมาทำเอาชายหนุ่มอยากจะจับร่างที่บางกว่าลงกับโซฟาแล้วฟัดให้หน่ำใจจริงๆ
“เรียกคุณรักษ์หรือพี่รักษ์ก็ได้ แล้วแต่นัท” เขาเป็นฝ่ายเรียกชื่อเล่นของฐิติณัชขึ้นมาก่อนซึ่งปกติแล้วเวลาเจอกันที่ทำงานเขาจะเรียกว่าคุณฐิติณัชตลอด ไม่เคยเรียกชื่อเล่นแบบนี้เลย
รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ดีเหมือนกัน
“ได้ครับ ... พี่รักษ์” เสียงเบาๆ ของฐิติณัชเอ่ยออกมาเรียกรอยยิ้มอย่างพอใจที่มุมปากให้กับร่างสูง ไม่บ่อยเลยที่เขาจะยิ้ม ถ้าไม่ได้มีเรื่องที่ทำให้มีความสุข ชายหนุ่มจะไม่ยิ้มพร่ำเพรื่อหรอก
“แล้วคิดยังไงถึงอยากมาดื่มกับพี่” ชายหนุ่มถามขึ้นพลางรับกระป๋องเบียร์เย็นเฉียบจากเด็กหนุ่ม สรรพนามที่เปลี่ยนจาก ผม เป็น พี่ ทำให้คนฟังทำหน้ากระอักกระอ่วนพิกล ... ซึ่งเขาคิดไปเองหรือเปล่าที่ดูเหมือนกำลังเขิน
“เมื่อตอนเย็นผมได้ยินพี่บอกว่าไม่ชอบอยู่ที่คนเยอะๆ” ใบหน้าหวานตอบแล้วเสหันไปมองตรงอื่นแต่ร่างบางก็ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาวข้างๆ เขา
“อืม แล้ว?”
“ความจริงผมกะว่าจะชวนพี่ก่อนหวานด้วยซ้ำ แต่พอหวานชวนแล้วพี่ตอบแบบนั้นผมเลยไม่กล้าชวน แต่ก็คิดขึ้นได้ว่าในเมื่อพี่ไม่ชอบคนเยอะๆ งั้นผมมาดื่มกับพี่สองคน พี่คงโอเค”
โอเคสิ ... โอเคมากๆ เลยแหละ
“จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ไม่ชอบที่คนเยอะอะไรหรอก” เขาพูดเสียงเรียบพลางกระดกเบียร์ขึ้นดื่ม “แต่คิดว่าถ้าไปงานคงกร่อย”
“แสดงว่าพี่ ...” เสียงนุ่มพูดแค่นั้นแล้วก็เงียบไป สุทธิลักษณ์รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
“พี่ได้ยินหมดนั่นแหละ เลยไม่อยากทำเสียงบรรยากาศ”
“คงเพราะพี่ไม่ค่อยยิ้มมั้งครับ แล้วหน้าพี่ก็ดุด้วย คนอื่นเลยเกร็งๆ”
“แล้ว ... นัทไม่กลัวพี่เหรอ”
คำถามของเขาทำให้ชายหนุ่มอีกคนหันมายิ้มให้เล็กน้อย แต่ถึงมันจะเป็นแค่อมยิ้มก็ทำให้หัวใจของสุทธิลักษณ์กระตุกวูบได้ไม่น้อย
“ถึงคนอื่นจะกลัวพี่ยังไง แต่ผมรู้สึกว่า ... ไม่รู้สิ ... ผมรู้สึกว่าพี่ไม่เห็นน่ากลัวเลย”
“เหรอ ทำไมล่ะ”
“ก็ ... นอกจากพี่ชอบทำหน้านิ่งๆ แล้ว ... ผมก็ไม่เคยเห็นพี่จะดุด่าหรือกลั่นแกล้งลูกน้องคนไหนเลยนี่ครับ ดังนั้นถ้าพิจารณาให้ดีๆ แล้วพี่ก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวนะ”
“ยังดีที่มีคนคิดแบบนี้บ้าง ขอบใจนะ” ร่างสูงพูดเสียงนุ่มกับชายหนุ่มที่ตัวเล็กกว่า รอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีบนใบหน้าคลี่ออกเล็กน้อย
“มีอะไรหรือเปล่า” สุทธิลักษณ์ถามขึ้นเมื่ออยู่ๆ ฐิติณัชก็มองค้างนิ่งไปหลังจากที่เขายิ้มให้
“อ่อ ... ปะ ... เปล่าครับ” พูดแล้วใบหน้าหวานก็มีสีระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “ผมไม่ค่อยเห็นพี่ยิ้ม เลยตกใจนิดหน่อย”
“พี่ไม่ใช่คนยิ้มไปเรื่อย ไม่มีเรื่องให้ยิ้มก็ไม่ยิ้มหรอก” พอเห็นหน้าใสๆ ขึ้นเลือดฝาดแล้วก็รู้สึกเอ็นดูขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มันดูน่ารัก น่าทะนุถนอมเสียจริงๆ จนฝ่ามือหนาเผลอเอื้อมมือไปลูบศีรษะเล็กเบาๆ โดยไม่รู้ตัว
“พี่รักษ์รู้ไหมครับ ... พี่ยิ้มแล้วดูดีมากเลยนะ ยิ้มบ่อยๆ สิพี่ ผมชอบ” นอกจากจะยอมให้ร่างสูงลูบเส้นผมนุ่มๆ ของตัวเองแล้ว ใบหน้าเนียนละเอียดก็ส่งยิ้มหวานเยิ้มแถมยังเอ่ยประโยคที่น่ากำกวมจนสุทธิลักษณ์ต้องชะงัก
ชอบเหรอ? ชอบแบบไหน?
“เอ่อ ...” คราวนี้เป็นเขาซะเองที่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
“พี่หน้าแดงนะ เมาแล้วเหรอครับ” อยู่ๆ ฐิตินัทก็เปลี่ยนเรื่องทำเอาเขาปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน ว่าแต่เขาหน้าแดงงั้นเหรอ? มิน่าล่ะรู้สึกหน้าตัวเองร้อนๆ อยู่เหมือนกัน แต่ไม่น่าจะเป็นเพราะเบียร์ที่กินนี่หรอก ... คงเป็นเพราะคนที่นั่งข้างๆ นี่มากกว่า
“งั้นเหรอ ก็คงเมานิดหน่อยล่ะมั้ง” ชายหนุ่มตอบแบบที่สมควรพูดออกไป ถึงจะไม่ได้เมาก็เถอะ
“นัทไม่เมาเหรอ ก่อนหน้านี้ก็ไปกับคนอื่นมานี่”
“นิดหน่อยครับ ผมคอแข็ง ไม่ค่อยเมาง่ายๆ หรอก”
“คอแข็งเหรอเราน่ะ ผิดกับภาพลักษณ์นะ”
“แล้วผมดูเป็นยังไงเหรอพี่”
“อืม ...” สุทธิลักษณ์ใช้ความคิดเล็กน้อย จะใช้คำพูดยังไงให้เหมาะสมดีนะ “ก็ดูเป็นเด็กดี ร่าเริง ไม่น่าจะเป็นพวกเที่ยวกลางคืนที่กินเหล้าเก่ง ... ล่ะมั้ง” พูดแบบนี้คงจะโอเค
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” ใบหน้าหวานพยักหน้ารับรู้เบาๆ แล้วยกเบียร์ขึ้นมาดื่มอีกอึกใหญ่
“ถ้าให้พูดง่ายๆ ก็น่าจะเป็นพวกใสซื่อ ไร้เดียงสา ประมาณนั้นแหละเด็กน้อย” ว่าแล้วก็ขยี้ศีรษะทุยอีกรอบ
“แปลว่าผมแสดงเก่งเหมือนกันสินะ” คำพูดของฐิติณัชทำให้มือที่อยู่บนหัวเด็กหนุ่มชะงัก ชายหนุ่มมองใบหน้าใสที่หันมาจ้องหน้าคมสันของเขาเต็มตา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นทันทีผิดจากในเวลาปกติลิบลับ มันสบประสานเข้ากับดวงตาสีดำเข้มของร่างสูงอย่างไม่ยอมละสายตา
“นัท ... นาย ...” ชายหนุ่มพูดได้แค่นั้นก่อนริมฝีปากจะถูกปิดลงด้วยริมฝีปากนิ่มๆ ของลูกน้องตัวเอง สัมผัสร้อนระอุจากปลายลิ้นที่พยายามดันแทรกเข้ามาในโพรงปากจนเขาเผลอเปิดรับความอุ่นชื้นให้เข้ามาภายใน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้สุทธิลักษณ์รู้สึกสมองตัวเองขาวโพลนไปหมด มันอื้ออึงทำอะไรไม่ถูกได้แต่ปล่อยให้คนตัวเล็กกว่าลิ้มรสชาติแสนหวานจนพอใจและเป็นฝ่ายถอนจูบออกไปเอง
“อะไรกัน?” น้ำเสียงที่เหมือนไม่ใช่ตัวเองเอ่ยออกมาจากปากของชายหนุ่ม มันเบาหวิวแหบพร่าจนเหมือนเป็นเสียงคนอื่น เขารู้สึกงงไปหมดแล้ว ทำไมอยู่ๆ เด็กคนนี้ถึงทำแบบนี้
ไม่ใช่ไม่ชอบ ... แต่ตั้งตัวไม่ทัน
“รู้อะไรไหมครับ พี่รักษ์” เสียงพูดกดต่ำพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มผุดขึ้นมาบนใบหน้าของฐิติณัชก่อนปลายนิ้วเรียวสวยจะแตะลงบนบ่ากว้างทั้งสองข้างของเจ้านายหนุ่มและจัดการผลักร่างหนาให้ล้มลงไปนอนหงายบนโซฟาทันทีโดยที่เขาโน้มกายตามลงไปติดๆ ทิ้งน้ำหนักทับคนตัวใหญ่เอาไว้โดยไม่ปล่อยให้ลุกขึ้นมาได้อีก
“ตอนนี้พี่ทำหน้าได้โครตน่ากินเลย” นิ้วสวยๆ เลื่อนจากบ่ากว้างมาลูบไล้ไปตามกรอบหน้าของชายหนุ่ม ดวงตาคมเบิกกว้างกับการกระทำของอีกฝ่ายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ผมรู้นะว่าพี่แอบมองผมมาตลอด” เสียงนุ่มกระซิบชิดติดริมฝีปากของสุทธิลักษณ์พร้อมกับขบเม้มมุมปากของเขาเบาๆ ทำอารมณ์ภายในปั่นป่วนไปหมด ได้แต่นอนนิ่งตัวสั่นนิดๆ ปล่อยให้ผู้ชายที่ตัวเล็กกว่านอนทับด้านบนอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
“นะ ... นัท” ร่างสูงเริ่มพูดไม่เป็นคำ ยิ่งเมื่อฐิติณัชเฉลยว่ารู้ตัวมาตลอดว่าเขาแอบมอง ความกระดากอายก็ยิ่งพุ่งสูงจนต้องหันหน้าหนีหลบสายตาวับวาวของอีกฝ่ายเรียกเสียงหัวเราะเบาๆ เล็ดลอดออกมาจากลำคอบาง
“แต่จริงๆ แล้วพี่ก็เนียนพอสมควรเลยนะ คิดว่าคนอื่นคงไม่มีใครดูออกว่าพี่แอบมองผมมาตั้ง 2 ปีแล้ว”
“งั้นทำไมนัทถึงรู้ อ๊ะ ...” คราวนี้เขาหันกลับมาจ้องใบหน้าที่มีรอยยิ้มยิ้มแย้มสดใสราวกับเป็นเด็กตัวเล็กๆ หากแต่ดวงตานั่นแหละที่พราวระยับซะจนทำไมเขาจะดูไม่ออกว่ามันแฝงความนัยอะไรเอาไว้ แถมตอนนี้ปลายนิ้วของร่างเล็กก็เริ่มไต่ลงมาจากใบหน้าลงมาที่ลำคอและมาหยุดอยู่ที่ยอดอกเล็กๆ ของเขา แม้จะมีเนื้อผ้าขวางกั้นแต่ก็ยังสร้างความกระสันที่เริ่มลุกโชน
จากสถานการณ์ตอนนี้ทำให้สุทธิลักษณ์ประเมินได้ว่า ผู้ชายร่างบางที่ตัวเล็กกว่าเขาคนนี้เป็นรุกสินะ จริงเหรอเนี่ย! ภายในหน้าตาหวานๆ ให้ภาพลักษณ์ใสซื่อ ร่าเริง ดูไร้เดียงสา มองยังไงก็น่าจะเป็นรับแท้ๆ
“ทำไมผมถึงรู้งั้นเหรอ?” ร่างบางทวนคำถามอย่างจงใจ รอยยิ้มใสๆ จางหายไปเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะก้มลงไปจูบคนใต้ร่างของตัวเองอีกรอบ คราวนี้เป็นแค่จูบเบาๆ ไม่ได้เร่าร้อนเหมือนอย่างครั้งแรกแต่ก็ทำให้ร่างของสุทธิลักษณ์กระตุกราวกับถูกไฟช๊อต
“เพราะผม ... ก็แอบมองพี่มาตลอดเหมือนกันน่ะสิ”
“เฮ้ย!!!” เขาตกใจกับคำตอบนั้น มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าถูกฐิติณัชแอบมองมาตลอด ถ้าบอกว่าเขาเนียนแล้ว คนๆ นี้คงเนียนกว่าหลายเท่า
น่ากลัว ... เด็กคนนี้ ถึงสมองจะบอกแบบนี้แต่ใจของชายหนุ่มกลับเตลิดไปกับลมหายใจอุ่นๆ และการเสียดสีของผิวเนื้อเบาๆ ที่ดูเหมือนว่าฐิติณัชจะจงใจ
“พี่รักษ์ครับ ...” อยู่ๆ ร่างเล็กบนตัวก็เรียกชื่อเขาขึ้นมา ทำเอาสติสตังที่หลุดหายกลับคืนมาอีกครั้ง
“ห๊ะ ... อะ ... อะไร” อะไรกันเนี่ย ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นฝ่ายแตกตื่นจนพูดไม่เป็นคำได้ขนาดนี้
“ผมอยากกินพี่จริงๆ ซะแล้วสิ”
นี่ไม่ใช่แกะน้อย ... แต่นี่มันเสือชัดๆ!!!
โปรดติดตามตอนต่อไป ...
***********************************************************
พลิกล็อกกันน่าดู ถล่มทลาย พลิกล็อกกันมากมายแบบเทกระเป๋า #ร้องเพลง55555555
เป็นยังไงกันบ้างคะ พอแต่งโอเคมั้ย แอบกลัวว่ามันจะไม่ดี แหะๆ
ติชมกันได้นะคะ
พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ จะมีแอบ(?)ติดเรทนิดหน่อย คงไม่หนักมากเพราะยังแต่งไม่ค่อยเก่งแต่จะพยายามค่าาา