บทที่ 18 ไม้เรียวในตำนาน
ยอมรับเลยว่าเมื่อวานพี่เจิดเดินถือของตามไอ้มะลิมันจนเหนื่อย เหนื่อยจนกินข้าวเย็นเสร็จอาบน้ำเสร็จหัวถึงหมอนแล้ว
หลับไปเลย เทียบกับการคุมคนงานในไร่ตากแดดตากลมแล้วมันคนละเรื่องกันเลยล่ะ
ตื่นมาอีกทีก็สายแล้ว จะควานหาตัวไอ้มะลิมากอดให้มันรำคาญเล่นสักหน่อยแต่ก็พบกับที่นอนว่างๆ เลยลุกขึ้นมามองหา
มันแต่ก็ไม่เจอ ในห้องน้ำก็ไม่มีหรือว่ามันจะแอบเก็บเสื้อผ้าหนีพี่เจิดไปแล้ววะหลังจากที่มันหลอกให้พี่เจิดซื้อเสื้อผ้าให้มัน
มากมาย
ว่าแล้วพี่เจิดก็ลุกขึ้นจาดเตียงอาบน้ำอาบท่าเตรียมจะไปดูไร่สักหน่อย จังหวะที่กำลังเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อที่จะเลือกว่าวันนี้สี
ไหนมันจะต้องใส่คู่กับสีไหน ถุงข้าวของที่จับยัดใส่ตู้เมื่อวานมันก็หล่นทะลักออกมาจากตู้เสื้อผ้า
“อะไรของมันวะเนี่ย”ทำไมไอ้มะลิมันไม่เก็บข้าวเก็บของให้เข้าที่วะ ไม่มีความเป็นแม่ศรีเรือนเอาซะเลย เดือดร้อนพี่เจิด
ต้องเก็บถุงที่มันร่วงๆยัดใส่ตู้เสื้อผ้าตามเดิม
อันที่จริงพี่เจิดเองก็ยังไม่ชินกับครึ่งหนึ่งของตู้เสื้อผ้าที่ถูกแย่งไปเป็นของไอ้มะลิ เสื้อผ้าสีจืดชืดของมันพาเอาเสื้อผ้าสี
สวยๆของพี่เจิดหมองลงไปด้วย ถุงข้าวของหลายต่อหลายถุงถูกจับยัดข้าไปในตู้เสื้อผ้า แต่มันมีถุงใบเล็กใบหนึ่งที่มันหล่นออก
มาจากถุงกระดาษใบใหญ่ มันค่อนข้างจะเรียกร้องความสนใจได้เป็นอย่างดีเมื่อพี่เจิดค่อนข้างจะไม่คุ้นกับมันทั้งที่ข้างถุงมีตรา
สัญลักษณ์พิมพ์อยู่
ด้วยความอยากรู้ว่ามันคืออะไรก็เลยหยิบไอ้ของที่อยู่ข้างในขึ้นมาดู ทำไมกันนะทำไมพี่เจิดถึงได้รู้สึกว่าสัญชาติญาณ
ความอยากรู้อยากเห็นของพี่เจิดมาทำงานเอาได้ถูกที่ถูกเวลา จุกนมลายตัวการ์ตูนน่ารักสำหรับเด็กทารกเอาไว้ดูดเล่นนี่มันอะไร
กันวะเนี่ย แล้วไอ้มะลิมันแอบไปซื้อมาตอนไหน แล้วมันซื้อมาทำไมวะ เลยทำให้พี่เจิดนึกย้อนไปคิดเรื่องที่น้องหมวยบอกว่าไอ้
มะลิมันให้สอนทำกับข้าวที่ดีสำหรับคนแก่กับคนท้อง พี่เจิดอยากจะคิดว่าไอ้จุกนมอันเล็กน่ารักๆนี้ไอ้มะลิมันแค่เห็นว่าน่ารักเลย
ซื้อมาดูเล่น แต่ก็อดสงสัยไม่ได้เลยว่ามันต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่ ก็ได้แค่คิดแต่ก็เก็บมันใส่ถุงกลับคือที่เดิมแล้วแต่งตัวเดินลงไปชั้น
ล่าง
“ไอ้มะลิล่ะพ่อ”ถามหาเมียทันทีที่เดินลงมาแล้วมองหาไม่เจอทำเอาเสี่ยมุ่ยส่ายหน้า
“ใจคอจะถามหาแต่เมียใช่ไหมไอ้หนู”
“ก็ฉันตื่นมาไม่เจอมันฉันก็ต้องถามหามันเป็นธรรมดา”พี่เจิดแก้ตัว
“ลูกลิของข้าก็ไปสอนหนังสือสิวะ นี่มันวันเปิดเทอมแล้ว”
“สอนหนังสือ? มันไปสอนหนังสือเหรอจ๊ะพ่อ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“เป็นผัวเมียกันภาษาอะไรของเอ็งวะ นี่เอ็งรู้เรื่องอะไรของเมียเอ็งบ้างไหมเนี่ยนอกจากวันๆเอาแต่ถามหากัน”เสี่ยมุ่ยถอน
หายใจให้กับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน
“ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
ใจคอไอ้มะลิมันจะไม่บอกอะไรพี่เจิดหน่อยเหรอวะว่าวันนี้มันต้องไปสอนหนังสือที่โรงเรียนเป็นวันแรก จนพี่เจิดเกือบจะลืม
ไปแล้วว่ามีเมียเป็นครู นี่ขนาดพี่เจิดกับมันนอนด้วยกันทุกวันตื่นเช้ามาก็เจอหน้ากันทุกวัน นอกจากมันจะไม่ยอมรับว่ามันรักพี่เจิด
แล้วมันยังจะทำตัวห่างเหินกับพี่เจิดอีก
สงสัยพี่เจิดต้องไปแอบดูมันสักหน่อยแล้วว่ามันได้ไปสอนหนังสือจริงๆรึเปล่า เผื่อเทอมนี้มีครูสวยๆย้ายมาใหม่พี่เจิดจะได้
คอยจับตาดูมันเอาไว้ไม่ให้ไอ้มะลิมันไปให้ท่าใคร แค่ลำพังกับน้องหมวยพี่เจิดก็ระแวงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ถ้าไอ้มะลิมันจะมีผู้
ต้องสงสัยว่าเป็นชู้เพิ่มมาอีกคนพี่เจิดคงต้องจับมันล่ามโซ่เอาไว้แต่ที่บ้าน
----------------------------------------------------------------------
ก็ว่าจะไปดูไร่อยู่หรอกนะ วันนี้กะว่าจะลงปุ๋ยด้วย แต่พี่เจิดกับไอ้มิ่งก็ดันแวะมาโรงเรียนก่อนจนได้ มาถึงเพลงชาติก็ขึ้นพอ
ดิบพอดีเลยต้อยืนตรงจนกว่าเพลงชาติจะจบแอบอยู่หลังต้นไม้กับไอ้มิ่งสองคนโดยไม่ได้คำนึงเลยว่าต้นไม้ต้นเดียงมันไม่
สามารถบดบังสีสันแฟชั่นคัลเลอร์ฟูลของตัวเองได้
“จะดีเหรอจ๊ะพี่เจิดมาแอบดูแบบนี้ถ้าไอ้มะลิมันจับได้มันด่าพี่เจิดเอานะจ๊ะ”ไอ้มิ่งสะกิดไหล่ลูกพี่มันเป็นการเตือน
“เออน่า มันจับไม่ได้หรอก กูแค่มาดูมันแปบเดียวมึงอย่ากลัวไม่เข้าเรื่องสิวะไอ้นี่”พี่เจิดปัดมือมันออก
เพราะตอนนี้ไอ้มิ่งมันกำลังขัดขวางการถ้ำองของพี่เจิดอยู่ พี่เจิดมองไอ้มะลิตัวขาวใส่ชุดราชการสีกากี พอเห็นมันแบบนี้
แล้วพี่เจิดก็นึกอยากจะจับมันถอดชุดข้าราชการออกนักเชียว ไม่ใช่ว่ามันใส่แล้วไม่ดูดีหรอกแต่มันใส่แล้วทำให้พี่เจิดรู้สึกว่าอยาก
ถอดชุดให้มันมากกว่า ไอ้ชุดข้าราชการเนี่ยมันก็เร้าอารมณ์ไปอีกแบบเหมือนกันนะ จู่ๆความคิดทะลึ่งบางอย่างมันก็แวบเข้ามาใน
หัวเชียว พี่เจิดตัดสินใจแล้วว่าคืนนี้จะเก็บดอกเบี้ยไอ้มะลิมันทั้งชุดนี้แหละวะ
แต่เพราะพี่เจิดมัวแต่แอบมองไอ้มะลิมันอยู่หลังต้นไม้เนี่ยแหละเลยไม่ทันได้ระวังตัว ไม่รู้ตัวว่าลูกสมุนยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้ม
ไปแล้ว
“แอบดูอะไรอยู่ล่ะ”เสียงไอ้มิ่งมันแปลกๆไปนะ แล้วมันจะถามพี่เจิดทำไมทั้งๆก็รู้อยู่แล้วว่าพี่เจิดแอบมาดูไอ้มะลิ
“ถามโง่ๆนะมึงนี่ กูก็แอบมาดูเมียกูสิวะ”
“ถึงขนาดต้องมาแอบดูเลยเหรอ ขนาดนั้นเชียว”ยังมาว่าเหมือนแดกดันพี่เจิดอีก ไอ้มิ่งมันพูดแปลกๆนะ เสียงก็แปลกๆไป
ด้วย สงสัยมันจะเป็นหวัดล่ะมั้ง เสียงถึงได้ใหญ่เหมือนคนแก่เชียว
“ก็ต้องแอบดูสิวะ กูพามันไปย้อมผมมาใหม่หน้ามันเด็กลงตั้งเยอะ ขืนกูไม่แอบมาดูไม่รู้ว่ามันจะแอบไปมีชู้เอาตอนไหน
อีก”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง”
“ก็เออน่ะสิ มึงนี่ถามมากขัดจังหวะกู”พี่เจิดพยักหน้า ตาก็ยังจ้องมองไอ้มะลิยืนแนะนำตัวหน้าไมโครโฟนหน้าเสาธง ไม่ได้
รู้เรื่องรู้ราวเล๊ยว่ามีบุคคลที่สามยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง
“พะ พี่เจิดจ้ะ”คราวนี้ไอ้มิ่งเรียกเสียงสั่น เสียงกลับมาเป็นปกติแล้วนี่หว่า
“อะไรของมึงวะ จะเรียกทำไม”
“คะ คือว่า คะ ครูใหญ่”
“ครูใหญ่ทำไม”ครูใหญ่ที่ว่าก็คือผ.อ.นั่นเอง
พูดถึงผ.อ. พี่เจิดนี่ก็เป็นผ.อ.เหมือนกันนะ ผ.อ.ที่ย่อมาจากผัวอาจารย์น่ะ ว่าแต่ว่าพี่เจิดไม่เห็นครูใหญ่ เห็นแค่รองครูใหญ่
ยืนอยู่ข้างไอ้มะลิแล้วครูใหญ่ไปไหนวะ
“คะ ครูใหญ่ ยะ ยะ ยะ อยู่…อยู่ข้างหลังพี่เจิด”
นั่นล่ะ!!ตามที่ไอ้มิ่งมันบอกเลย พี่เจิดหันขวับกลับมามองแทบไม่ทัน มองเห็นร่างท้วมวัยจวนเจียนเกษียรยืนเอามือไขว้
หลังยิ้มเหี้ยมใส่พี่เจิด
พี่เจิดกับครูใหญ่คุ้นเคยกันดีเพราะตอนเรียนพี่เจิดเป็นหัวโจกคอยพาเพื่อนป่วนให้ครูทั้งโรงเรียนพากันปวดหัว และไม้เรียว
ครูใหญ่พี่เจิดก็ลิ้มรสมานับไม่ถ้วน พี่เจิดได้แต่ยิ้มแห้งให้ครูใหญ่ ยกมือขึ้นประนมงามๆไปหนึ่งที
“สวัสดีจ้ะครูใหญ่”
“มายืนทำลับๆล่อๆในโรงเรียนน่าสงสัย ไอ้เราก็นึกว่าอะไรที่แท้ก็หมาหวงก้างนี่เอง”
“แหะๆ ฉันแค่แวะมาดูเฉยๆไม่มีอะไรหรอกจ้ะครู”พี่เจิดนี่ใจหายวาบไปอยู่ตาตุ่ม มองเห็นไม้เรียวซ่อนอยู่ข้างหลังครูใหญ่
วับๆแวมๆอยู่ในมือ นึกถึงท่าหวดในตำนานของครูใหญ่แล้วพี่เจิดยังเสียวตูดไม่หาย หวดลงมาแต่ละที่เงื้อแขนจนสุดเชียว
“มาก็ดีแล้วครูมีเรื่องจะขอให้ช่วยหน่อย ได้ข่าวว่าบรรเจิดได้รับเสนอชื่อให้เป็นเกษตรกรดีเด่นประจำตำบลงั้นเรอะ”บรรเจิด
คือชื่อจริงที่สุดแทนจะเท่ของพี่เจิดนั่นเอง
“ใช่จ้ะ”
“จะเป็นอะไรไหมถ้าอยากจะขอพาเด็กๆไปดูไร่ของบรรเจิดสักหน่อยเป็นแนวทางในการศึกษาเผื่อจะได้เอาไปบอกต่อกับผู้
ปกครองที่บ้านให้เอาไปทำตาม”
“ได้จ้ะครู ไม่มีปัญหาเลยจ้ะฉันยินดี”
เพราะมันเป็นจุดประสงค์ตั้งแต่แรกอยู่แล้วที่พี่เจิดต้องการทำประโยชน์ให้กับคนในหมู่บ้าน เริ่มจากสร้างงานให้ชาวบ้าน
ตอนที่ว่างจากทำนา จากนั้นก็ใช้ที่ดินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างที่พี่เจิดกำลังทำอยู่
“ขอบใจมากๆนะ โรงเรียนมีศิษย์เก่าเก่งๆกลับมาทำประโยชน์ให้กับสังคมแบบนี้ก็น่าภูมิใจเดี๋ยวนี้คนดีๆก็หายาก คนสมัยนี้
เอาแต่อยากจะรวยทางลัดพากันไปค้าไปขายยาบ้ากันเยอะ เห็นลูกศิษย์เป็นคนดีแบบนี้คนเป็นครูก็พลอยดีใจไปด้วย”ครูใหญ่ว่า
พลางตบไหล่พี่เจิดเบาๆอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินกลับไปคุมเด็กนักเรียนที่แถว
“ก็แล้วทำไมมึงไม่บอกกูล่ะวะว่าครูใหญ่มา เกือบจะโดนไม้เรียวฟาดไหมล่ะมึง”
“ก็ฉันจะรู้ไหมล่ะจ๊ะ รู้อีกทีก็มาโผล่ข้างหลังแล้ว”ไอ้มิ่งยืนปาดเหงื่อตอบเสียงสั่น มันเองก็เป็นลูกสมุนของพี่เจิดมาตั้งแต่ยัง
ไม่เข้าโรงเรียน ทำไมมันจะไม่รู้รสไม้เรียวในตำนานของครูใหญ่ โดนไปทีนี่ต้องพึ่งยาหม่องทาตูดไปอีกหลายวันเชียว
“ตกลงกูจะไว้ใจอะไรมึงได้บ้างวะเนี่ย”
มีเมียแล้วต้องมาคอยนั่งเฝ้าว่ากลัวจะมีชู้ มีลูกสมุนก็ไม่เคยจะวางใจได้พาให้พี่เจิดได้เมียผิดคน นี่ตกลงมีพี่เจิดคนเดียวใช่
ไหมที่ดูเพียบพร้อมและน่าเชื่อถือกว่าใครเพื่อน พี่เจิดล่ะได้แต่ส่ายหน้าให้เบาๆอย่างเหนื่อยใจ
พี่เจิดใช้เวลาอยู่พักใหญ่กับการแอบดูไอ้มะลิอยู่หลังต้นไม้ฝั่งตรงข้ามกับเสาธง นึกย้อนไปตอนเด็กๆก็นึกขึ้นได้ว่าชอบ
แอบมองน้องสร้อยทองเข้าแถวเคารพธงชาติอยู่บ่อยๆ เวลามาโรงเรียนพี่เจิดจะจงใจให้พ่อพี่เจิดมาส่งตอนเข้าแถวแล้วเพื่อที่จะ
มาต่อท้ายแถวเพราะเด็กผู้หญิงจะต้องอยู่ข้างหลังแถวต่อจากผู้ชาย แค่ได้มองน้องสร้อยทองอยู่ไกลๆพี่เจิดก็มีความสุขแล้ว แต่
ก็อย่างว่า มารพจญอย่างไอ้มะลิมันก็ตามจองล้างจองผลาญพี่เจิดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มันตามติดพี่สาวมันตลอดเวลาแม้กระทั่ง
เข้าแถว แม้แต่ตอนเข้าแถวมันยังมายืนเข้าแถวอยู่กับน้องสร้อยทองเลย บางวันพี่เจิดยังเผลอมองมันนานกว่าน้องสร้อยทองอีก
เพราะมันชอบหันมาแลบลิ้นใส่พี่เจิดประจำเวลาที่มันหันมาจับได้ว่าพี่เจิดมองพี่สาวมันอยู่
กว่าจะมาถึงไร่ก็เล่นเอาสายโด่งตะวันจะตรงหัวอยู่รอมร่อเพราะพี่เจิดต้องรอดูให้แน่ใจว่าไม่มีครูสาวๆมาใหม่ ปีนี้มีครูมา
ใหม่แค่สองคนคือไอ้มะลิกับครูผู้ชายรุ่นๆเดียวกับพี่เจิดอีกคนนึง พี่เจิดถึงได้วางใจมาดูไร่ดูนาได้สักที ต่อไปนี้ไอ้มะลิมันต้องมา
สอนหนังสือเด็กที่โรงเรียนเกือบทุกวันสินะ พี่เจิดคงต้องวางแผนดีๆแล้วล่ะว่าจะต้องเก็บดอกมันยังไงดี จะให้เก็บแบบทบต้นทบ
ดอกยันเช้าแบบเมื่อก่อนก็คงจะไม่ได้เพราะมันต้องไปสอนหนังสือ พี่เจิดคงจะต้องเก็บดอกเบี้ยมันวันละน้อยๆแต่เก็บนานๆสินะ
---------------------------------------------------------------------
“กลับมาแล้วเรอะไอ้หนู ทำไมวันนี้กลับมาซะเย็นเชียว”เสี่ยมุ่ยถามไถ่ลูกชายพลางนั่งอาบน้ำให้ไก่ชนตัวละแสนไปพลาง
“วันนี้ฉันลงปุ๋ยในไร่ก็เลยกลับมาช้าน่ะจ้ะ”
“มันจะไม่ช้าหรอกจ้ะถ้าพี่เจิดไม่มัวแต่ไปแอบดูไอ้มะลิมันจนเกือบจะโดนไม้เรียวครูใหญ่ฟาดเอา”ไอ้มิ่งอีกแล้ว เรื่องที่ไม่
ได้สั่งนี่ก็เสนอจัง
“ไอ้มิ่งไอ้ห่านี่ เดี๋ยวกูก็โบกซะหรอก ปากมากจริงเชียว”
“แหม่ ก็มันจริงนี่จ๊ะ ถ้าจะเฝ้ากันขนาดนั้นไม่เก็บเอาไว้แต่บ้านซะเลย”
“จริงๆเลยนะพวกเอ็งเนี่ย พอๆกันเลยทั้งลูกพี่ลูกน้อง เอ็งมันก็เกินไปนะไอ้หนูประเจิดประเจ้อนักเชียว ไอ้มิ่งเอ็งก็ไม่รู้จัก
ห้ามลูกพี่เอ็งบ้างเลย ไปๆๆไปอาบน้ำอาบท่ากันไปพวกเอ็ง”
“เห็นไหมล่ะ กูโดนพ่อบ่นเลยมึงนี่”หันไปเอ็ดใส่ไอ้มิ่งมัน ตาก็มองไปในโรงจอดรถมองหาจักรยานของไอ้มะลิมันแต่ไม่ยัก
จะเห็น “แล้วอีลิมันล่ะพ่อ มันยังไม่กลับมาอีกเหรอจ๊ะ”
“ยังไม่เห็นเลย อีกเดี๋ยวก็คงจะกลับนั่นแหละ วันนี้เปิดเทอมวันแรกคงจะมีอะไรให้ทำมากอยู่นั่นแหละ”
เปิดเทอมวันแรกมันจะมีอะไรให้ทำกันนักกันหนาวะ เท่าที่พี่เจิดจำได้วันเปิดเทอมวันแรกเนี่ยสบายสุดแล้ว ครูก็ไม่สอน
ปล่อยให้วิ่งเล่นกันสบายใจแล้วไอ้มะลิมันมีอะไรต้องทำจนเย็นป่านนี้แล้วยังไม่กลับวะเนี่ย มันต้องมาถือขันน้ำเย็นรอรับพี่เจิดกลับมาจากทำงานสิ
อย่าบอกนะว่ามันไปหาน้องหมวยอีกแล้ว เห็นไหมล่ะพี่เจิดบอกแล้วว่าปล่อยมันคลาดสายตาไม่ได้เลย
“นั่นจะไปไหนอีกล่ะไอ้หนู”
“ไปตามเมียกลับบ้านสิจ๊ะพ่อ ป่านนี้แล้วไม่กลับบ้านกลับช่อง”
“จริงๆเลยนะไอ้ลูกคนนี้ หลงเมียจนหัวปักหัวปำแล้วยังจะทำปากเก่ง”
เสี่ยมุ่ยถอนหายใจ มีหวังลูกชายก็คงจะต้องลงรอยเดียวกับตัวเอง บอกแล้วว่าเลือดพ่อมันแรง พ่อมันกลัวเมียยังไงลูกชาย
ก็กลัวเมียอย่างนั้น นี่ขนาดหลงกันขนาดนี้ยังจะมาทำปากดีใส่ อีกหน่อยเถอะจะขึ้นเตียงทีก็คงจะต้องคลานเข่าเข้าหาเสียล่ะมั้ง
-----------------------------------------------------------------------
กลับมาไม่เจอเมียถือขันน้ำเย็นรออีกแล้ว พ่อ ผ.อ.เจิด เมียกลับช้านิดช้าหน่อยต้องถึงกับตาม