ตอนพิเศษ
คนเรามักจะปฏิเสธสิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกอ่อนแอ ถึงผมจะคิดเสมอว่า…เมื่อไหร่ก็ได้…แต่ความจริงแล้ว ผมเร่งวันเร่งคืน และเฝ้ารออยู่ทุกเสี้ยววินาที สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ…มักใช้เวลาในการรอนานเสมอ บางครั้งสมหวัง…หากบางครั้งก็ล้มเหลว
“คืนนี้ไปเที่ยวต่อด้วยกันมั้ยวะ ไม่ได้กินเหล้าด้วยกันนานแล้วนะเว้ย”นัทเอ่ยปากชวนผมระหว่างที่เราทานอาหารหลังคุยงานเสร็จ
“ไม่ล่ะว่ะ กูรีบกลับ”
“น้องพายของมึงเขาไม่หายไปไหนหรอกน่า ไปเที่ยวกันสักวัน ฉลองหย่าให้กูหน่อย”
“มึงก็ไปฉลองกับนุสองคนดิวะ กูไม่ได้รู้สึกอะไรที่มึงหย่าหรือไม่หย่าสักหน่อย”
“ที่กูชวนนี่หมายถึงไปเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนนะเว้ย ผ่อนคลายบ้าง นานๆ ครั้ง”
“มึงนี่ก็ไม่แคร์เด็กมึงเลยเนอะ พูดต่อหน้ามันได้หน้าตาเฉย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ตั้ม นุเข้าใจรสนิยมพี่นัทดี นานๆ ไปลองอะไรใหม่ๆ ก็ดี จะได้ไม่เบื่อนุเร็ว แต่ห้ามซ้ำคนเกินหนึ่งครั้งล่ะ แล้วก็ห้ามแอบไปด้วย”นุตอบแทนไอ้นัท ผมก็เข้าใจนะว่าไอ้นัทน่ะมันมีรสนิยมทางเพศแบบแปลกๆ ถ้าห้ามไว้มากๆ มันก็คงอึดอัดแล้วยิ่งรุนแรงกว่าเดิม แต่นุที่อยู่กับมันได้ก็ท่าทางจะ…ไม่ต่างกัน
“จ้า รู้แล้วจ๊ะที่รัก”นัทหอมแก้มเมียใหม่มันอย่างไม่อายใคร มันคงทนอึดอัดมานาน
“ไปอยู่ด้วยกันแล้วก็อยู่ให้มันนานๆ ล่ะ”ถามว่าผมเป็นห่วงนุมั้ย ก็คงยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่รู้สึกอะไรกับคนที่เคยใช้เวลาร่วมกันช่วงหนึ่ง
“กูถามจริงๆ นะตั้ม มึง...มีอะไรกับพายบ้างเปล่าวะ”คำถามของมันผมส่ายหน้าแทนคำตอบ เคย…แต่ก็นานมากแล้ว
“มึงทนได้ไงวะ หรือมึงแอบไปมีข้างนอกเอา”
“เหี้ยแล้วมึง กูจะมีเวลาอะไรขนาดนั้น แค่ทำงานกูแทบไม่มีเวลานอนแล้ว นี่เดี๋ยวพรุ่งนี้พายต้องไปเรียน กูกลับดีกว่าว่ะ พรุ่งนี้ต้องไปส่งตอนเช้าอีก”ผมรีบพวกมันก็เลยรีบด้วย จะไปฉลองกันต่อที่ห้อง นุสั่งซาลาเปาของร้านฝากให้ผมเอากลับไปให้พาย กว่าจะกลับมาถึงห้อง พายคงทานข้าวเย็นไปแล้ว
ระยะหลังผมรู้สึกว่าพาย…ว่าง่ายเกินไป ไม่ได้พยายามเอาใจผม แต่ก็นิ่งจนผมระแวง คำพูดและการกระทำเหมือนเราใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่…ทั้งๆ ที่นอนอยู่ข้างๆ กัน ผมกลับรู้สึกเหมือนว่าถ้าตื่นมาตอนเช้า…พายจะหายไป
ผมนึกขำกับคำพูดตัวเองที่บอกไอ้นัท ผมก็ผู้ชายธรรมดา ไอ้ความต้องการทางเพศมันก็มีอยู่เรื่อยๆ แต่ทำไงได้ในเมื่อพายยังไม่ยอม และถึงยอมก็เพราะถูกผมเล้าโลม ไม่ใช่เพราะรู้สึกเหมือนกัน พี่นพบอกว่าไม่ให้ยุ่งกับพาย จนกว่าพายจะยอมเอง หรือ…จนกว่าจะรัก ทางเดียวที่จะแตะต้องพายได้คือเวลาที่พายหลับ น่าขำที่ต้องแอบสัมผัสคนที่นอนข้างกายกันทุกคืน น่าขำที่คนอย่างผมต้องแอบหอมแก้ม แอบกอด และจูบ…ในเวลาที่เขาไม่รับรู้ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าทำแล้วได้รับสายตารังเกียจกลับมาเหมือนเมื่อก่อน ผมถูกเกลียดยังจะดีเสียกว่าถูกรังเกียจ ที่นัทถามว่าผมทนได้ยังไง ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่บางครั้งการได้เพียงแค่กอดคนที่เรารัก มันก็สุขมากกว่ามีเซ็กส์กับคนอื่น….ไม่น่าเชื่อว่าจะมีวันที่ผมรู้สึกอะไรแบบนี้ได้จริงๆ
เช้านี้มันน่าอึดอัดขึ้นกว่าทุกที พายกลายเป็นคนที่ผมเดาไม่ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมถึงกับต้องเอ่ยปากย้ำว่าจะมารับและให้พายโทรหา ยอมรับว่ากังวลจนไม่อยากไปทำงาน แต่ก็ต้องไป ผมจดจ่อกับงาน แต่ก็พะวงเรื่องโทรศัพท์เป็นระยะ จนกระทั่งพายโทรมา ผมดีใจจนหลายคนแอบมอง แต่สิ่งที่ได้ยินมันไม่ใช่เลย พายไปหาไอ้เด็กเวรนั่นจนได้ ที่ผมกังวลเป็นเรื่องจริง จะบอกว่าผมหึงจนไม่อยากให้พายไปหามันก็ใช่ แต่ก็ห่วงด้วยเช่นกัน
ผมรีบขับรถมาดักรอรับพายกลับ หากหายไปนานผมคงต้องขึ้นไปตาม ผมอยากลองรอดูบ้างว่ามันจะทำอะไรพายอีกมั้ย พายเดินมาตรงหน้าช้าๆ ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อย…ก็กลับมา
พายกำลังทำอะไร และรู้สึกอะไรอยู่ นี่คือสิ่งที่ผมอยากรู้ พายกำลังสงสารเพื่อนที่หลงรักตัวเองจนกำลังจะเป็นบ้างั้นเหรอ หรือว่าทำอะไร เหมือนจะสงสาร แต่ก็นิ่งเฉย ไม่ว่าอะไรผมเหมือนเคย ไม่ร้องไห้….ใช่ พายไม่ร้องไห้มานานแล้ว เข้มแข็งขึ้น….อีกแล้วเหรอ
สำหรับผมการที่จะตัดใจจากใครหรืออะไรสักอย่าง ผมจะไม่ให้สิ่งนั้นอยู่ในระยะสายตาอีกเลย ตราบใดที่ยังมองเห็น มันคงยากที่จะลืม พายเองก็ควรจะลองทำอย่างนี้ เพื่อให้ทิวตัดใจได้เร็วขึ้น ความใจดีบางครั้งก็ทำร้ายคนอื่นได้เหมือนกัน แต่…บางทีถึงจะเจ็บปวด…เราก็ยังอยากได้รับความใจดีจากคนที่เรารักก็ได้
วันนี้ผมก็ต้องมาส่งพายที่คอนโดฯ ทิวอีกแล้ว ผมใช้เวลาระหว่างรอในรถเพื่อนอนหลับสักงีบ ตื่นมาก็ใช้โน้ตบุ๊คนั่งทำงานในร้านกาแฟใต้คอนโดฯ ถึงแม้จะรอไม่นาน แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่ทรมานมาก…เมื่อก่อนผมคุ้นเคยกับมันดี
ไม่รู้ว่าเราจะต้องอยู่ในช่วงเวลาน่าอึดอัดแบบนี้อีกนานแค่ไหน เมื่อไหร่จะจบ แล้วจะเริ่มต้นใหม่อย่างไร…กับใคร พายทำให้ผมไว้ใจได้ว่าไม่ได้อยู่กับมันตามลำพัง แต่มันไม่พอเลย ผมต้องการสิ่งที่ทำให้มั่นใจได้ว่าพายจะอยู่กับผมตลอดไปมากกว่า ผมทำอะไรตามใจตัวเองลงไป แค่แอบทำรอยเล็กๆ ฝากไปให้มันได้เห็นบ้าง จะได้ไม่ลืมว่าพายยังอยู่กับผม
“เป็นไงบ้างเรา โทรมามีอะไร”พี่นพทักทันทีที่ผมโทรศัพท์ไปหาระหว่างรอพายอยู่ข้างล่าง
“ที่พี่เคยพูดไว้ว่า…ให้ผมรับผิดชอบพาย….ผมทำเท่าที่ทำได้แล้ว แต่พี่ไม่ได้บอกผมว่า….ผลของมันจะเป็นยังไง”
“…ก็แค่ให้รับผิดชอบ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงแกก็ต้องยอมรับ พี่เคยสอนไม่ให้แกคาดหวังว่าอะไรจะเป็นของเราตลอด ไม่มีใครเป็นเจ้าของอะไรได้ตลอดไปหรอกนะตั้ม…มันแค่อยู่ที่เดิมชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้กลายเป็นของใคร”
“….แล้วต้องทำยังไง…ให้ระยะเวลานั้นมันนานขึ้น”
“เฮ้อ…ตั้ม พี่ไม่เคยคิดจริงๆ ว่าตั้มจะรักพายมากขนาดนี้ บางทีพี่อาจจะผิดก็ได้ที่ปล่อยให้ตั้มใกล้ชิดพาย พี่ไม่รู้หรอกนะว่าทำยังไงพายถึงจะอยู่กับตั้มตลอดไป เพราะพี่ไม่ใช่พาย…อย่าคิดมากเลย ถ้าคิดว่าทำทุกอย่างแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยมันไป ตั้มยังมีพี่ มีแม่ใหญ่อยู่ พี่กับแม่ก็เป็นครอบครัวให้ตั้มได้….ถึงตั้มจะไม่ใช่ลูกของแม่พี่ แต่พี่ไม่เคยรู้สึกอย่างนั้นนะ ตั้มคือน้องชายคนเดียวของพี่…เป็นน้องชายที่พี่ภูมิใจเสมอมา”
“……ขอบคุณครับพี่นพ พี่ก็เป็นพี่ชายเพียงคนเดียวของผมเหมือนกัน”ผมไม่เคยคิดหรอกนะว่าได้ทำอะไรให้พี่นพภูมิใจได้บ้าง ดีแต่สร้างปัญหาให้พี่นพตามแก้ ก่อเรื่องมากมายจนเกือบทำลายความฝันเรื่องการเป็นหมอ แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้….พี่ก็ยังบอกว่าภูมิใจผมอีกเหรอ
วันนี้พายร้องไห้ ผมไม่รู้ว่ามันทำอะไรกับพาย จะเป็นเพราะรอยที่ผมแอบทำไว้หรือเปล่า หรือเรื่องอะไร นับวันผมยิ่งกลัวการอยู่ด้วยกันตามลำพังมากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าพายคิดอะไร และไม่รู้เมื่อไหร่จะพูดคำที่ผมไม่อยากได้ยิน
“ทำไมเดี๋ยวนี้คุณไม่ค่อยยุ่งกับผมล่ะ…ผมหมายถึงเรื่องอย่างว่าน่ะ”อยู่ดีๆ พายก็ถามขึ้นมาหน้าตาเฉย เมื่อกี้ก็ทำเหมือนอ้อนผม ส่วนนี่ก็…ยั่วกันชัดๆ
“…ก็แค่สัญญากับพี่นพไว้ว่าจะไม่ใช้กำลังบังคับอีก”เป็นคำสัญญาที่พี่นพขอไว้ในวันที่พาน้าพิมไปอยู่ที่บ้าน แต่ผมก็…ขอผลัดไปก่อน จน…ต้องยอมสัญญาเมื่อวันที่พายพยายามฆ่าตัวตายต่อหน้าผม วินาทีที่เห็นเลือดของคนที่เรารัก คนที่เจ็บกลับเป็นตัวผมเอง……ทำไมใครต่อใครต้องพยายามตายต่อหน้าผมด้วย…การอยู่กับผม…มันทรมานยิ่งกว่าการมีชีวิตอยู่อีกเหรอ
“แล้วถ้าคุณบังคับผมจะเกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“…ไม่รู้สิ ก็แค่สัญญา”
“แล้วถ้า…ผมยอม…จะเกิดอะไรขึ้น”
“…ลองใจพี่มันไม่สนุกอย่างที่คิดหรอกนะพาย”พายก็น่าจะรู้ว่าผมไม่ได้เป็นคนดีขนาดที่ว่ายั่วมากๆ แล้วจะปล่อยไปได้ หยุดตอนที่ยังหยุดได้จะดีกว่า
“ถ้าเราจูบกันมันจะเป็นยังไง จะไปจบบนเตียงมั้ย…หรือบนโซฟา”
“พาย…พี่ไม่มีความอดทนกับเรื่องแบบนี้มากนักหรอกนะ เพราะงั้นเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว”ผมพูดจบพายก็โน้มตัวมาจูบผมอย่างแผ่วเบา….เป็นครั้งแรกที่ได้จูบแบบนี้ สัมผัสอ่อนละมุนจนไม่รู้จะเรียกว่าจูบได้หรือเปล่า แผ่วเบาแต่…อ่อนหวาน
“…รู้สึกมั้ย”ริมฝีปากที่แนบชิดขยับเบาๆ ให้รู้สึกว่ายังไม่ได้ถอนปากออกไป
"อะไร"ยอมรับว่าสั่น ไม่ใช่เพราะปากที่แนบชิดกันหรอก แต่เพราะ….สายตาพาย
"นั่นสินะ"พายยิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินเข้าห้องไป ไม่น่าเชื่อว่าจูบแรกที่ได้จากพายจะเป็นจูบที่หวาน….ปนขม
ในที่สุดผมก็ได้รับคำตอบ…ว่าพายกำลังคิดอะไร น่าแปลกที่คำว่า ’ไม่ให้อภัย’ ฟังดูดีกว่าคำว่า ‘ไม่มีความสุข’ ผมไม่เคยขอให้พายอภัยให้กับความผิดที่ผมทำมา ผมผิดจริง ผิดซ้ำๆ ทำเรื่องเลวร้ายไว้เยอะ ผมไม่ได้เป็นคนดีอะไร แต่…การที่ทำให้คนที่เรารักไม่มีควาสุข…ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเลวและไร้ค่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาพายไม่เคยลืมความผิดของผมเลย ไม่เคยหยุดคิดถึงมัน ไม่เคยปล่อยให้มันผ่านไป ผมไม่ได้เป็นคนถูกกระทำ ผมเลยไม่รู้ว่าพายเจ็บปวดกับมันขนาดไหน แต่ผมก็ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้แล้ว ผมกันนุออกไปจากพาย เพราะอยากให้เห็นว่า…ผมจะไม่ยุ่งกับเพื่อนเขาอีก ผมกันทิวออกไป เพราะรู้ว่าถ้ามันรู้ว่าพายเป็นของผมแล้ว มันคงจะทำให้พายกลายเป็นของมันเข้าสักวัน…ปกป้องเหรอ ฟังดูดี หากความจริงก็แค่หึงหวง ผมพยายามปล่อยวางเมื่อได้เป็นคนเดียวที่ได้ใกล้ชิดพาย พยายามให้เราได้เรียนรู้กันและกัน ผม…พยายามแล้ว ทำตัวดีขึ้น…ก็คงมีบ้าง แต่ที่แน่ๆ พายไม่รู้หรอกว่าผมตามใจพายมากขนาดไหน ทั้งๆ ที่ไม่เคยยอมใครมากขนาดนี้ น้าพิมพ์เคยบอกว่าพายเป็นเด็กติดคนง่าย อยู่ใกล้มากใครก็ติดเขา…แล้วมาอยู่กับผม….ทำไมไม่ติดผมบ้างล่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ใช้ทั้งชีวิตหามา…ผมยกให้หมด….ขอเพียง….ให้พายอยู่กับผมก็พอ….
ผมไม่เคยต้องการให้ใครรู้เรื่องราวของผม ไม่ต้องการให้ใครเกิดความสงสาร ไม่อยากอยู่ร่วมกันโดยที่ต้องสงสัยว่าเขาเพียงแค่สงสารเราหรือเปล่า….ผมไม่เคยให้ใครพูดเรื่องผมให้พายฟัง…ผมดีใจที่พายไม่สงสารความรักของทิว…..เพราะถ้าสงสาร…..ผมก็คงอยากบอกเพื่อให้พายสงสารผมบ้าง….ถึงจะยอมอยู่กับผมเพราะความเห็นใจ…ผมก็ยอม
เมื่อตอนเป็นเด็กผมไม่เข้าใจคำว่า ‘เมียนอกกฎหมาย’ เท่าไหร่ คำว่าเมียน้อยคือคำที่ชาวบ้านเรียกแม่ของผม และลูกชู้คือสรรพนามเรียกตัวผม เราไม่เคยกินข้าวนอกบ้านพร้อมหน้าพร้อมตา ไม่เคยได้ไปเที่ยวตอนปิดเทอม และผมมักถูกสอนด้วยคำพูดซ้ำๆ ว่า…ผมเป็นลูกพ่อ พ่อต้องเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น…ของๆ ผม ผมต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คนอื่นแย่งไปได้…ประโยคหลังผมไม่รู้หรอกว่าต้องทำยังไง แต่พ่อเป็นพ่อผมนั่นคือสิ่งเดียวที่ฝังใจ จนกระทั่ง…ผมเข้าใจคำว่า เมียน้อย และลูกชู้……แม่เป็นผู้หญิงที่โง่มาก พ่อไม่ใช่ของผมคนเดียวเพราะเขาก็มีลูกชายอีกคน แม่ต่างหากที่เป็นของผมคนเดียว
ความรักของพ่อคงเผื่อแผ่มาถึงแม่น้อยเกินไป เมียน้อยคนหนึ่งถึงได้มีชู้ ฟังดูสับสนมากสำหรับผม พ่อเริ่มหายหน้าไป จนหายไปในที่สุด และแม่ก็อยู่กินกับผู้ชายอื่น น่าเสียดาย…ผู้หญิงที่ท้องลูกไม่มีพ่อไม่มีคนจริงใจด้วย ไม่นานผู้ชายคนนั้นก็จากไป และแม่ก็ไม่กล้าแบกหน้ากลับไปหาพ่อ…เขาว่าคนที่อายุสั้นคือคนมีบุญ ผมไม่รู้ว่าแม่ทำบุญอะไรถึงจากไปเร็ว นอกจากทุบตีผม พยายามจับผมกดน้ำ พยายามฆ่าตัวตายต่อหน้าผมครั้งแล้วครั้งเล่า ผมว่าไม่ใช่บุญหรอกที่ทำให้คนเราอายุสั้น แต่เป็นเพราะปริมาณความรักที่ไม่สมดุลมากกว่า
ผมถูกส่งมาอยู่บ้านที่ไว้เลี้ยงเด็กกำพร้า สังคมใหม่ที่ผมต้องอยู่ทำให้รู้ซึ้งถึงความหมายที่แม่เคยพูด…ของๆ ผม ผมต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คนอื่นแย่งไปได้…การแก่งแย่งชิงดีโดยไร้กฏเกณฑ์ ผมซึ่งถูกปลูกฝังมาให้ช่วงชิงตั้งแต่เด็กก็เริ่มรู้วิธีการเอาตัวรอดที่นี่ เสื้อผ้าราคาและของเล่นราคาแพงที่พ่อเคยซื้อให้หลายชิ้นถูกแย่งไป ขณะเดียวกันผมก็ได้ของที่ผมอยากได้ของคนอื่นมาเหมือนกัน….เกือบสี่ปีที่ต้องอยู่ที่นี่เหมือนอยู่ในสมรภูมิรบของเด็ก ต่อหน้าผู้ใหญ่…บางคนทำตัวดีเพื่อที่จะได้มีคนอุปการะ ยกเว้นผม…ผู้ใหญ่คนหนึ่งจากผมไปเพราะความตาย ส่วนอีกคน…ทอดทิ้งผมเพราะเขามีครอบครัวตามกฎหมายต้องดูแล
วันหนึ่งก็มีประกาศเรียกผมให้ไปพบผู้ปกครอง….ผมที่ปกครองตัวเองมานานค่อนข้างแปลกใจ ผู้ชายที่มีอายุมากกว่าผมไม่กี่ปียืนฝืนยิ้มอยู่ตรงหน้าพร้อมฝ่ามือที่ยกมาลูบหางคิ้วที่เพิ่งแตกจากการต่อยกันเมื่อวาน
“พี่มารับน้อง…ขอโทษที่มารับช้า….กลับบ้านกับพี่นะ”เด็กผู้ชายที่ได้ชื่อว่าลูกตามกฎหมาย…พี่ชายที่มีสายเลือดเหมือนกันครึ่งหนึ่ง….ผมเคยมีบ้านด้วยเหรอ
“….ครับ”การตอบรับง่ายๆ ไม่ใช่เพราะดีใจที่เขามารับ แต่ดีใจที่จะได้ออกไปสักที
ผู้ชายที่ผมคาดว่าจะได้เจอกลับเหลือเพียงแค่กรอบรูป เขาตายไปแล้วเกือบครึ่งปี ผมเรียกภรรยาเขาว่าคุณนาย ถึงเธอจะบอกให้เรียกแม่ก็ตาม พี่ชายที่ดูอ่อนโยนไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น พี่นพต้องช่วยคุณนายบริหารกิจการ เรียกว่าต้องโหดจนคนงานเกรงเลยล่ะ ทุกครั้งที่ผมทำผิดเขามักเป็นคนลงโทษผม แต่ทุกครั้งที่มีคนด่าว่าผมเป็นลูกเมียน้อย…เขาก็เป็นคนเดียวที่ปกป้อง รวมถึงปกป้องผมจากอันตรายด้วย
“นั่นไม่ใช่ของตั้มนะ ตั้มจะไปแย่งจากเพื่อนมาไม่ได้”พี่นพชี้ไปที่รถบังคับของลูกผู้จัดการรีสอร์ท
“ถ้าแย่งได้มันก็เป็นของตั้ม”
“ไม่ใช่ ถ้าแย่งได้ตั้มก็เป็นขโมย ห้ามแย่งของคนอื่น ถ้าอยากได้ให้บอกพี่”ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะใจดีซื้อให้ แต่เปล่าเลย เขาให้ผมทำงานแลกเงิน แล้วให้เก็บเงินไปซื้อเอง
ตลอดเวลาพี่นพคอยดูแลผมอย่างดี นอนห้องเดียวกัน สอนการบ้าน ไปรับ-ส่งที่โรงเรียน แม้กระทั่งประชุมผู้ปกครองพี่นพก็ยังมาทำหน้าที่ให้…คนที่ทำให้ผมมากขนาดนี้…ต้องการอะไรจากผมเหรอ
“ถามจริงๆ เหอะ ทำกับผมแบบนี้ต้องการอะไร”
“ไม่ได้ต้องการอะไร ตั้มเป็นน้อง ทำไมพี่ต้องอยากได้อะไรจากน้องด้วยล่ะ พี่ต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายให้”
“….ให้ได้ทุกอย่างเหรอ”
“ได้สิ มีอะไรอยากได้รึไง”
“…งั้นอย่าเรียนแพทย์ได้มั้ยล่ะ”ผมอยู่มานานพอจะรู้ว่าพี่นพอยากเป็นหมอมากๆ มากจนยอมขัดใจกับคุณนายที่อยากให้เรียนบริหาร
“ได้สิ ถ้าตั้มต้องการทำร้ายพี่”พี่นพตอบทันทีโดยไม่คิด
“เอ่อ ตั้มไม่ได้…จะทำร้าย ตั้มแค่พูดเล่น พี่นพไม่ต้องทำหรอก ตั้มลองใจเฉยๆ”ผมรีบแก้ตัวเพราะกลัวพี่นพทำจริง
“แกล้งพี่สนุกมั้ย”
“….ไม่”
“ก็ดี แสดงว่าตั้มเริ่มแคร์ความรู้สึกพี่บ้างแล้ว ตั้มจำไว้นะ ยิ่งเราทำร้ายคนที่เราแคร์มากเท่าไหร่ คนที่เจ็บที่สุดก็คือเราเอง ตั้มเป็นน้องพี่ เป็นผู้ชาย อย่ารังแกใคร ต้องปกป้องคนอื่น จำไว้นะ”คำสอนทุกคำของพี่นพผมจำได้ขึ้นใจ แต่…ผมไม่ได้ดีขนาดที่จะทำตามที่สอน ผมเริ่มเรียกคุณนายว่า ‘แม่ใหญ่’ หลังจากผมเรียนจบและทำงาน ผมก็ขอสร้างบ้านหลังเล็กๆ แยกไปอยู่คนเดียว ทุกคนยอมรับว่าผมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว แต่…ผมเองที่ละอายใจ
ผมไม่ใช่คนดี…ถึงจะถูกเลี้ยงดูอย่างดีทดแทนส่วนที่ขาดไป ผมก็ยังเลวอยู่ ผมไม่โทษการเลี้ยงดูของแม่ ไม่โทษการปลูกฝังนิสัยแย่ๆ เมื่อผมโตขึ้น ผมก็มีความคิดตัดสินใจถูกผิดเองได้ ไม่มีเหตุผลที่เป็นคนเลว ไม่มีเหตุผลที่จะบอกว่าผมไม่รู้ว่าอะไรคือผิด อะไรคือถูก…ผมแค่ทำสิ่งที่อยากทำ….แล้วก็มานั่งเสียใจภายหลัง
ที่พี่นพบอกว่าให้ปกป้องคนอื่นและอย่ารังแกใคร ผมพลาดไปเมื่อปกป้องความรู้สึกของเพื่อน และรังแกคนอื่น…ที่ตัวเองมาตกหลุมรักภายหลัง ทำร้ายคนที่เราแคร์มันเจ็บมากอย่างนี้เอง ผมพยายามทดแทนความผิดที่เคยก่อ ปกป้องดูแล เอาใจใส่ ถึงจะไม่อ่อนโยนเหมือนพี่นพ แต่ผมก็พยายามอย่างที่สุดแล้ว แต่ทำไม…พายไม่เห็นแคร์ผมบ้าง ผมให้ทุกอย่างที่ให้ได้แล้ว…แค่ขอให้อยู่ข้างๆ กันก่อน…มันมากไปหรือไง ผมมันเลวขนาดนั้นเลยเหรอ…รักผมบ้างสักนิด…ไม่ได้เหรอ
ผมเชื่อว่าพายน่าจะรู้สึกอะไรกับผมบ้าง…และพายเองก็ยอมรับ…แต่คงรักไม่มากพอที่จะให้อภัย รักไม่มากพอที่จะลืมความเลวของผมใช่มั้ย สุดท้ายแล้วผมก็ไม่เคยเป็นเจ้าของพายจริงๆ…พายแค่ยอมอยู่กับผม…แล้วก็จากไปตามความต้องการของตัวเอง คำว่า ’รัก’ ที่ผ่านจากปากไม่มีค่าอะไรเลย…เมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมา…พายไม่เคยเอ่ยชื่อผมให้ได้ยินสักครั้ง
“น้าพิมพ์ครับ ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ย”
“อะไรจ๊ะ”
“ผมจำได้ว่า…วันที่ผมสารภาพเรื่องผมกับพาย…น้าพิมพ์เรียกผมว่าคุณ มัน…เหมือนกับที่พายเรียกผมเลย ผมไม่เข้าใจว่าพายสุภาพจนด่าไม่เป็น หรือมีความหมายอื่น”
“อ๋อ น้านึกแล้วเชียวว่าลูกน้าต้องเรียกตั้มอย่างนี้ น้าไม่เคยสอนคำหยาบให้ลูก ไม่ให้พูดด้วย น้าบอกพายเสมอว่าถ้าเราใช้คำหยาบเรียกคนอื่น ก็เหมือนกับให้ความสำคัญกับเขา เหมือนกับ…เรามีความรู้สึกพิเศษน่ะ แต่เป็นเกลียดเป็นพิเศษนะ มันไม่ใช่คำที่ดี ทำให้คนพูดดูแย่ด้วย ถ้าเราเรียกคนอื่นว่า ‘คุณ’ ก็หมายถึง….เขาไม่มีค่าให้เรารู้สึกหรือจดจำสถานะอะไรเลย”
ไม่มีค่าให้รู้สึก….หรือจดจำ….แม้แต่ชื่อก็ไม่ได้ถูกเรียก แล้วนี่…ไม่ได้อยู่ด้วยกัน…อีกไม่นานคงลืมผมไปจนหมด
วินาทีที่อยู่ในห้วงความทรงจำเสมอคือวินาทีแห่งการจากลา…พ่อที่เดินหันหลังจากไป…แม่ที่ตายต่อหน้า…และพาย…ที่เดินออกจากห้องโดยไม่เหลียวกลับมามอง....เหลือเพียงผมที่ยังคงอยู่เพียงลำพัง
ผมถูกเพื่อนล้อว่าหน้าด้านที่ตามตื้อพาย…คอยขับรถไปนั่งมองพายที่คณะ ขับรถตามไปดูพายทำงานที่ใหม่ ขอให้น้าพิมพ์เปิดเสียงให้ฟังเวลาคุยโทรศัพท์กับพาย หนักๆ เข้าก็ใช้รูปตอนเด็กของพายมาใช้ระบายอารมณ์ใคร่ของตัวเอง….ถูกทิ้งแล้วยังไงล่ะ ในเมื่อผมถูกทิ้งมาตลอดชีวิต ผมทำเท่าที่ผมทำได้แล้ว พายไม่ได้บอกว่าเกลียดผมสักหน่อย อย่างน้อยก็ยังได้ยินคำว่ารัก ไม่ได้พูดชื่อผมแล้วยังไง อย่างน้อยผมก็ได้เห็นรอยยิ้มของพายจนได้…ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าก่อนเดินจากผมไป ผมเคยคิดก่อนหน้านี้ว่าทำอย่างไรถึงจะได้พายมา…รู้จักแต่การช่วงชิง…และก็เป็นอย่างที่พี่นพบอก…ไม่เคยมีอะไรเป็นของเรา….การเข้าหาอย่างคนไม่รู้จัก ก็ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว…ผมปล่อยพายไปตามคำขอของพาย…แต่ผมยังรอพายได้อยู่ใช่ไหม….ผมก็แค่ปล่อยพายให้ห่างไป…ใช่ว่าผมต้องเปลี่ยนอะไรตามเสียหน่อย ผมก็ยังคงเหมือนเดิม ยังอยู่ที่เดิม ใช้ชีวิตเหมือนเดิม ตอนเช้าไปมหาฯลัย ถึงแม้จะไม่มีคนนั่งเคียงข้าง แต่ก็ยังได้เห็นหน้าก่อนพายเข้าเรียน กลางคืนไม่มีคนให้แอบนอนกอด…แต่ก็รู้ว่าเขาสบายดี
ชีวิตพายตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง…สบายดีใช่มั้ย…เรียกว่ามีความสุขได้หรือยัง ลืมเรื่องเลวร้ายของผมได้บ้างมั้ย…แต่อย่าลืมผมก็แล้วกัน ผม…ยังรออยู่….ยังอยู่ที่เดิม….ความรู้สึกเหมือนเดิม…ผมไม่ใช่คนดี….แต่ก็ทำทุกอย่างและยอมทุกอย่างแล้ว…..ผมไม่ช่วงชิง…..ไม่แกล้งเข้าหา….ไม่บังคับ….ผมแค่รอ…..แล้วจะกลับมาหาผมมั้ย…….จะรักได้หรือยัง…...จะยิ้มให้ผม…แล้วเรียกชื่อผมให้ได้ยิน….สักครั้งได้มั้ย….
หวังว่าพาย….คงตั้งใจที่จะเก็บกุญแจบ้านของเราไว้นะ***********************************************************************
มาแล้ววววววว มาให้เลยวันนี้วันดี ศุกร์ 13 before Valentine
