มาตามคำสัญญา

***************************************************************************************
ตอนที่ 56ผมนั่งนิ่งอยู่ที่เบาะหลังบนรถทิวที่ต่อขับมา ระหว่างรอเสียงตอบรับจากปลายสายผมก็ต้องสบตากับต่อที่มองผ่านมาทางกระจกมองหลัง
"จะด่าอะไรก็ด่ามาเถอะ ไม่ต้องมองแบบนั้นหรอก"ผมพูดกับต่อที่ยังคงจ้องผมด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
"รู้ตัวด้วยเหรอว่าสมควรโดนด่า"ในสายตาของต่อมันคงเห็นผมเป็นศัตรูล่ะมั้ง
"ไม่เคยคิดว่าตัวเองควรโดนคนอื่นด่าสักที....ครับ"ผมพูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงพูดจากปลายสายที่รออยู่
"ว่าไง เลิกเรียนแล้วเหรอ เดี๋ยวพี่ไปรับนะ"เสียงคนพูดแสดงถึงความดีใจอย่างชัดเจน
"ไม่ต้องหรอก จะแวะไปหาเพื่อน เดี๋ยวกลับเอง"
"จะไปหาใคร ไปหามันใช่มั้ย พี่ไม่ให้ไปนะพาย"น้ำเสียงแข็งกระด้างขึ้นมาทันที นึกไว้อยู่แล้วว่ามันต้องสั่งผมแบบนี้
"ครั้งนี้ถือว่าผมขอแล้วกัน ไม่ต้องตามไปนะ"
"พายยังจะไว้ใจมันอยู่เหรอ จำไม่ได้เหรอว่าครั้งล่าสุดมันทำอะไรพาย"
"จำได้สิ...ผมจำเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ดี...ทุกอย่างจริงๆ"ไม่ว่าเรื่องไหน เรื่องของใคร ผมจดจำได้ดีทั้งนั้น
"......พาย..."ดูท่ามันคงเข้าใจความหมายของผม คำว่าทุกอย่างที่บอกไปนั้น...รวมถึงเรื่องของมันด้วย
"..... แล้วผมจะโทรบอกให้มารับแล้วกัน"ผมวางสายไปเพราะต่อให้พูดกันต่อไปอีกฝ่ายก็ คงไม่ยอมรับการกระทำของผม แต่ผมรู้ว่าเขาไม่สามารถห้ามผมได้เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
หลัง จากวางสายผมนั่งมองออกไปด้านนอกอย่างไร้จุดหมาย ใช่ว่าผมจะไว้ใจทิวเหมือนเมื่อก่อน แต่...ผมต้องมา ผมรู้แค่นี้เอง จะพูดว่าผมเชื่อใจทิวว่าทิวจะไม่หลอกผมอีกก็คงไม่ใช่ ผมเชื่อใจตัวเอง เชื่อในความคิดตัวเองว่าคราวนี้คงเป็นเรื่องจริง ถึงจิ๋วจะไม่สามารถห้ามทิวให้ทำอะไรผมได้ แต่จิ๋วก็ไม่เคยเห็นด้วย จะบอกว่าผมเชื่อใจจิ๋วก็ไม่ใช่อีก ผมแค่เชื่อในการวิเคราะห์ท่าทีของคนสองคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า การกระทำที่ขัดแย้งกัน ทั้งสองคนมาเพื่อพาผมไปหาทิวนั่นชัดเจนอยู่แล้ว แต่การที่ต่อดูเหมือนจะไม่เต็มใจและไม่พอใจนี่ก็ชัดเจน ส่วนจิ๋วก็ดูท่าทางจะต้องการพาผมไปให้ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้จิ๋วไม่เคยมีวี่แววจะบังคับผมแบบนี้ ผมก็ได้แต่คิดว่า...ตัวเองคงคิดถูก
จุดมุ่งหมายคือคอนโดของทิว หลังจากลงจากรถแล้วเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้อง พวกเราไม่ได้พูดอะไรกันเลย ผมยืนนิ่งเพื่อสงบใจตัวเอง เหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่เกิดในห้องยังคงชัดเจน ถึงตอนนั้นผมจะมึนด้วยฤทธิ์ยา แต่ความรู้สึกหวาดกลัว ผิดหวัง เสียใจ ทุกๆ อย่าง...ยังคงชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดเรื่องเมื่อวาน
"เข้าไปเถอะ พาย ทิวทำอะไรพายไม่ได้หรอก"จิ๋วแตะข้อศอกผมให้เดินตามต่อเข้าไป ผมสูดลมหายใจเข้าปอดหนักๆ ก่อนจะก้าวเดินเข้าสู่ภายในห้อง...ที่ผมไม่รู้จะเรียกว่าห้องได้หรือเปล่า
กลิ่น เหม็นอับภายในห้องโชยออกมาจนผมกลั้นลมหายใจเกือบไม่ทัน ก้าวไปเพียงแค่สองสามก้าวก็ต้องหยุดกวาดสายตามองรอบๆ ลังเบียร์และขวดทั้งเหล้าเบียร์วางกองที่มุมห้องมากมายจนคิดคำนวณระยะเวลา ที่จะใช้ดื่มลงไปไม่ถูก โทรทัศน์หน้าโซฟามีรอยร้าวบนหน้าจอมุมบนซ้าย ของประดับตกแต่งห้องหลายอย่างหายไป บางอย่างก็มีรอยร้าวหรือบิ่น ขนาดสภาพห้องยังเป็นแบบนี้ ผมคิดสภาพของเจ้าของห้องไม่ออกจริงๆ
"เกิดอะไรขึ้นเนี่ย"ผมครางเสียงต่ำกับสิ่งที่เห็น
"พายเข้าไปดูเองเถอะ ทิวนอนหลับอยู่ในห้องน่ะ คงยังไม่ตื่นเร็วๆ นี้หรอก"จิ๋ว
"ทำไมล่ะ"
" ก่อนออกไปต่อมันแอบเอายานอนหลับให้กิน กว่าจะตื่นก็คงอีกสักชั่วโมงสองชั่วโมงน่ะ พายเข้าไปดูทิวเถอะนะ"จิ๋วเดินจูงมือผมมาส่งที่หน้าประตูห้องนอนก่อนจะไป ช่วยต่อเก็บกวาดห้อง
ผมเปิดประตูเข้าไปด้านใน ภายในห้องมีเพียงแสงสลัวๆ จากหน้าต่างที่มีม่านปิดเอาไว้ ลมหายใจที่กักเก็บไว้ค่อยๆ ผ่อนออกช้าๆ เมื่อเห็นว่าสภาพภายในห้องไม่ได้เละเทะเหมือนด้านนอก ในนี้ยังคงสะอาดเหมือนเก่า ผ้านวมผืนหนาคลุมร่างที่นอนนิ่งบนเตียง ผมก้าวเท้าเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ข้างเตียง ใบหน้าสดใสหล่อเหลาอย่างที่ใครหลายคนนึกอิจฉาดูซูบซีด แก้มตอบลงไปตามสภาพร่างกายที่ผ่ายผอม รอบดวงตาดำคล้ำ ริมฝีปากสีคล้ำและแห้งแตก ฝ่ามือที่โผล่พ้นผ้านวมมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ เลือดที่ซึมออกมาแสดงให้เห็นว่าแผลยังคงสดใหม่...เกิดอะไรขึ้นกับทิว
"ทิว...ทำไมเป็นแบบนี้"ผมนั่งทรุดที่บนพื้นข้างเตียงแล้วร้องถามคนที่หลับใหลไม่ได้สติ
" ทิวมันคิดถึงพาย....มันรักพายมากนะ พอพายหายไปมันก็เริ่มเล่นยาหนักขึ้น พอต่อมันไม่หาให้ทิวก็เลยหาเอง มันใช้จนเกือบติด พวกเราก็เลยต้องช่วยให้เลิกยา แต่เรื่องเหล้า...มันก็ยังดื่มหนักเหมือนเดิม ถ้าไม่ใช้ยา ก็คงมีเพียงเหล้าอย่างเดียวที่จะทำให้มันเห็นพายกลับมาหา...จิ๋วไม่รู้จะทำ ยังไงแล้ว งานที่ร้านมันก็ไม่ทำ พวกเราต้องหาวงอื่นมาเล่นแล้วหลอกพี่ธารว่าจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน วันๆ มันเอาแต่พูดถึงพาย ตั้งแต่วันแรกที่มันรู้จักพาย เรื่องรับน้อง งานกลุ่ม ติวหนังสือ ทำอาหาร จนมาถึงปัจจุบันที่พายไม่อยู่ มันก็เริ่มจะคลั่งขึ้นมาอีก ต่อกับจิ๋วไม่กล้าปล่อยมันไว้คนเดียวเลยต้องมานอนเฝ้า จิ๋วกลัวทิวจะเป็นบ้า มันเหมือนไม่อยู่ในโลกความจริง...มันยังอยู่ในโลกที่มีพายอยู่...โลกที่มัน ฝันหา คนที่มันพยายามทะนุถนอม...พาย...กลับมาหามันเถอะนะ...กลับมาเถอะ"
".....มือทิวเป็นอะไรเหรอ"น่าแปลกที่เสียงของผมยังคงนิ่ง และ...น้ำตาก็ไม่รินไหล
"แค่แก้วแตกน่ะ หลังๆ ทิวมันคุมตัวเองไม่ค่อยอยู่"
" ผ้ามัน...เปื้อนแล้ว เดี๋ยวพายทำแผลให้ใหม่แล้วกันนะ"ผมเอื้อมมือไปหยิบถุงยาที่วางข้างหัวเตียง ด้านในมีอุปกรณ์ทำความสะอาดแผลและยาแก้อักเสบอยู่พร้อม จิ๋วเดินออกไปนอกห้องปล่อยให้ผมนั่งอยู่ข้างทิวเพียงลำพัง รอยแผลกลางฝ่ามือไม่ยาวและไม่ลึก แต่ทิวคงไม่ระวังแผลเลยเปิดขึ้นมา ผมเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปชุบน้ำอุ่น เพื่อมาเช็ดหน้าให้ทิว หลังจากเช็ดหน้าเช็ดตาทิวก็ดูสดชื่นขึ้นมาบ้าง
"คิดว่าทิวคงเป็นไข้นะ จิ๋วอย่าลืมหายาให้ทิวกินหลังอาหารด้วยล่ะ"ผมเดินออกมาหาจิ๋วที่กำลังยืนล้างจานอยู่ข้างๆ ต่อ
"พาย...หมายความว่าพายจะไม่กลับมาเหรอ"คำถามของจิ๋วผมทำได้เพียงสบตากลับไป
"รู้มั้ยว่าทำไมมีเพียงส่วนของครัวกับห้องนอนเท่านั้นที่สะอาดอยู่"
"....."ผมนิ่งเงียบรอให้ต่ออธิบายเพิ่ม
".... ทิวมันมักจะพูดเสมอว่าพายทำกับข้าวอร่อย...อาหารทุกจานที่พายทำให้ทิวมันไม่ เคยลืม เหมือนกับภาพของพายที่นอนอยู่ข้างๆ มันบนเตียง ไม่เคยลืม และไม่กล้าแตะต้อง พอคิดจะแตะต้อง...ก็ต้องตื่นจากความฝันของตัวเอง รับความจริงไม่ได้ ไม่นานมันก็คงเป็นบ้า...แต่น่าดีใจแทนพายนะ...สุดท้ายไม่ว่ายังไง..มันก็จะ ไม่ลืมพาย"คำพูดประชดประชันของต่อไม่ทำให้ผมรู้สึกแย่แต่อย่างใด ตรงกันข้าม ผมกับรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าต่อเป็น'เพื่อนที่ดี'ของทิวจริงๆ
"... ฝากบอกทิวว่าอย่าดื่มเหล้ามาก...หวังว่าทิวคงจำได้ว่าพายไม่ชอบพวกขี้เมา"ผมพูดจบก็เดินออกมาจากห้อง ได้ยินเสียงจิ๋วตะโกนเรียกตามหลัง แต่ผมก็ยังเดินต่อไป
ลิฟต์เปิดขึ้นที่ชั้นล่าง ทันทีที่ก้าวเท้าพ้นบริเวณอาคารจนมาถึงลานจอดรถก็สามารถมองเห็นรถคุ้นตาจอด คอยอยู่ เหมือนที่คิดไว้ไม่ผิด ผมไม่จำเป็นต้องโทรไปหาเลย เขา...มักจะอยู่ในที่ๆ ผมคิดไว้เสมอ น่าแปลกที่ตอนนี้ผมเพิ่งคิดได้ว่า...ทิวกับเขา...ช่างเหมือนกันเหลือเกิน
ระยะห่างของเราน้อยลงเมื่อผมก้าวมาหยุดยืนข้างหน้าคนที่ยืนพิงประตูข้างคนขับอยู่ สีหน้าและแววตาแบบโล่งอกและแปลกใจปนเปกันจนมองไม่ออกว่าเขารู้สึกแบบไหน มากกว่า
"...กลับกันเถอะครับ"ผมเป็นฝ่ายพูดก่อนเมื่อเห็นเขายังคง ยืนนิ่ง เสียงผ่อนลมหายใจดังยาวก่อนที่ตัวผมจะถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนจนรู้สึกอึดอัด
"....ขอบคุณ"
"ผมว่าเราไปซื้อของแล้วไปทำอาหารกินกันที่ห้องดีกว่า ผมเริ่มหิวแล้วล่ะ"คำพูดของผมทำให้เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอก่อนจะคลายอ้อมแขนแล้วเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่ง
ห้างสรรพสินค้าใกล้คอนโดเป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอยที่สะดวกที่สุด ผมเดินนำคนเข็นรถคันใหญ่เพื่อหยิบสินค้าที่จำเป็น ของใช้ส่วนตัวสำหรับห้องน้ำ น้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาดพื้นและกระจก เมื่อได้ของครบเราก็รีบกลับมาที่ห้องด้วยเหตุผลเดียวกันคือความหิว
อาหารง่ายๆ คือข้าวผัดกุ้งกับแกงจืดสาหร่าย ผมไม่สามารถบรรจงทำกับข้าวได้เพราะมันคงเสียเวลา และไม่สามารถทนหิวได้นานกว่านี้ด้วย
"วันนี้ไม่ต้องไปทำงานแล้วเหรอ"ผมถามเมื่อเห็นคนที่เพิ่งกินข้าวเสร็จนอนเอกเขนกบนโซฟา
"ไม่ไปแล้ว"
"อู้งานนี่เอง"
".....มานั่งคุยตรงนี้หน่อยสิ"เขาลุกขึ้นนั่งแล้วขยับให้เหลือที่ว่างข้างๆ ให้ผมนั่งลงไป
"มีอะไรเหรอ"ผมนั่งลงแล้วก็เริ่มถาม...ในสิ่งที่รู้อยู่แล้ว
"....ไปหามันแล้ว...เป็นยังไง ไม่อยากพูดเรื่องนี้ให้ฟังบ้างเหรอ"
"ก็ไม่คิดว่าคุณอยากฟังนี่"
"ก็ไม่เชิง"
" ตอนนี้ทิวกำลังป่วย ผมไปตอนเขาหลับเพราะฤทธิ์ยาอยู่ ท่าทางคงดื่มหนักมาพักใหญ่ สภาพร่างกายก็ไม่ดูดีเท่าเมื่อก่อน ตอนนี้เขาคงไม่มีอะไรสู้คุณได้แล้วล่ะ คุณไม่ต้องกลัวหรอก"
" เดี๋ยวมันก็คิดได้เองนั่นล่ะว่าควรทำยังไงกับชีวิต พายก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันอีกล่ะ เดี๋ยวมันก็ลืมพายได้เอง"น้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจในคำเหน็บแนมจากผม
"ผมอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมระยะหลังคุณถึงไม่ขังผมไว้ ไม่ห้ามอะไรผมอีก ทุกอย่างเป็นเพราะว่าคุณรักผม...หรือว่าพี่นพสั่งอะไรคุณ"
****************************************************************************************
