จัดไป จะได้ไม่ค้าง

-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 27คุณ....เคยนอนฝันร้ายซ้ำๆ มั้ย....เมื่อวิ่งหนีความน่ากลัวที่เกิดขึ้นในฝัน วิ่งจนสุดชีวิตแล้วร้องเรียกให้คนช่วย หากแต่ไม่สามารถหนีพ้น....สิ่งนั้นยังตามหลอกหลอนทุกฝีก้าว อิสระภาพถูกพรากเมื่อวิ่งหนีจนสุดทางและ...หนีไม่พ้น เสียงกรีดร้องดังโหยหวนอย่างน่าเวทนา....แล้วคุณก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงนอน....เหงื่อไหลชะโลมกาย....พลันนึกขึ้นได้ว่าแค่ฝัน…แต่คุณรู้ดีว่า...ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฝันร้าย....รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าเพียงแค่เสี้ยววินาทีก็จางหาย....เพราะตระหนักดีว่า....ไม่ใช่ครั้งแรก.....และก็จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย......ถึงอย่างนั้น....คุณก็ไม่สามารถชินกับมันอย่างที่พูดเอาไว้ได้
“มึงทำอะไรพาย!!”ทิวตวาดถามเสียงดัง พร้อมสาวเท้าก้าวประชิดคนที่ยืนนิ่ง แสดงสีหน้าไม่พอใจคนที่ยืนตรงหน้า
"พูดจาไม่มีสัมมาคาระวะเลยนะมึง ไอ้หน้าอ่อนเอ้ย"
"กูถามว่ามึงทำอะไรพาย"
"หึหึ...ว่าไงล่ะครับน้องพาย ให้พี่ตอบเพื่อนน้องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเราว่าอะไรดีครับ"
".........."ถึงแม้จะยืนอยู่ใกล้คนทั้งสองที่ตั้งท่าจะกระโจนใส่กันเต็มที แต่...ผมจะตอบอะไรได้ พูดอะไรจะดีที่สุด คำพูดที่เจตนาให้คนฟังเข้าใจผิด คิดไปได้ไกลกว่าสิ่งที่เป็นจริง.....เพิ่งสูญเสียเพื่อนสนิทไปหนึ่งคน แล้วนี่.......มันต้องการให้ผมทำอะไรงั้นเหรอ คิดเหรอว่า....ผมจะ...พูดอะไรออกไปได้
"พาย....มันทำอะไรพาย บอกทิวมา"เมื่อไม่ได้รับคำตอบอะไร ทิวก็หันมากระชากเสียงถามพร้อมกับมือที่เกาะกุมหัวไหล่ทั้งสองข้าง
"ออกห่างจากมันซะ"คำสั่ง....ที่รู้แก่ใจว่าสั่งใคร....การที่ผมไม่พูดอะไรเมื่อกี้....อาจกลายเป็นการยอมรับคำพูดที่คลุมเครือ......แล้วถ้าผมนิ่งเฉยเสียล่ะ....จะกลายเป็นการต่อต้านคำสั่งนี้หรือเปล่า
"มึงมีสิทธิ์อะไรมาสั่งพาย"
"มึงอยากรู้จริงๆ น่ะเหรอ"
"
พอ!! พอแล้ว......ผมขอร้อง......."ใช่...ผมขอร้อง....อีกครั้ง.....ไม่รู้ว่าขออะไร....แล้วจะได้รับการตอบรับมั้ย....ไม่รู้ว่า....จะเอาอะไรไปแลกอีกแล้ว.....หากแต่.....เหลือเพื่อนรักของผมไว้สักคนได้มั้ย....ใช่ว่าไม่รู้ว่าคนที่คอยปกป้องมาตลอดรู้สึกอย่างไรกับผม และเพราะรู้....ถึงได้ไม่กล้าแตะต้อง...ไม่กล้าทำร้ายจิตใจ.....ไม่กล้า....ที่จะทำให้ผิดหวัง....ไม่อยาก....รับความผิดหวัง....สายตาที่ได้รับรู้ความอัปยศครั้งก่อนที่เกิดขึ้น....สายตาคู่นั้นที่แสดงออกถึงความผิดหวัง...ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความสงสาร.....ยังคงชัดเจน......หากเล่าทุกอย่างแล้วความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่เหมือนเดิม...ผมคง...ทนไม่ได้.....
"พาย...พายเป็นอะไร ไม่ต้องกลัวมันนะ เดี๋ยวทิวจัดการมันให้"
"ทิว.....พายไม่เป็นไร.....นี่ไม่ใช่ฝีมือเขาหรอก.......พาย....มีเรื่องกับ...คนอื่นน่ะ"แล้วผมก็ต้องเลี่ยงอีกครั้ง ถึงไม่ใช่คำโกหก แต่ก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด....ขอปกป้องไว้ก่อน....ขอรักษาความรู้สึกของเพื่อนคนนี้ไว้ก่อน
"ใคร....ใครทำให้พายเป็นแบบนี้"
"กูเห็นคนที่ชื่อนุเป็นคนทำ ตอนนี้ยังร้องไห้อยู่ด้านในอยู่เลย"เสียงตอบคำถามแทนผมของต่อทำให้ต้องหันไปมอง ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ และไม่ใช่คนเดียว ไม่ใช่พวกเดียว หากแต่....แบ่งฝักฝ่ายกันอย่างชัดเจน
"มึงว่าไงนะไอ้ต่อ นุเนี่ยนะ"น้ำเสียงไม่แน่ใจเพราะทิวรู้ดีถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผมกับเพื่อนข้างห้อง
"เออ ก็....รักสามเศร้าอะไรประมาณนั้น ที่เหลือมึงถามเอาเองแล้วกัน"คนตอบน้ำเสียงไม่มั่นคงนัก เพราะ....ไม่อยากอธิบายอะไรให้มากความ เพราะ.....ไม่รับรู้เรื่องจริงๆ ทั้งหมด
"อ้อ...ที่แท้ก็มีสายนี่เอง มิน่าเห็นยืนดูอยู่ตั้งนาน รู้เรื่องแล้วก็ปล่อยคนของกูได้แล้ว"แรงเกี่ยวที่เอวพร้อมรั้งตัวเข้ามาเบาๆ ของคนพูด ไม่ได้ทำให้คนที่จับไหล่ไว้ผ่อนแรงลง
"ใครคนของมึง พายไม่ใช่คนของมึง"
"ใช่ไม่ใช่ก็ถามเจ้าตัวเขาเองสิ จริงมั้ยพาย......อ้อ...ความจริง.....ลืมธุระสำคัญไปเสียสนิทเลย ขอตัวสักครู่นะ"อ้อมแขนแกร่งที่กระชับเอวหายไปพร้อมกับคนที่เดินหันหลังห่างออกไป น่าแปลกที่เวลาแบบนี้....มันยังคงมีน้ำเสียงเหมือนสนุกสนานได้อยู่….สนุก.....ความทุกข์ของผม....เป็นเรื่องสนุกของมันอีกแล้ว
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ผมมั่นใจว่าคนที่แยกตัวออกไปโทรศัพท์นั้น....ต้องทำอะไรสักอย่าง...ที่ไม่เกิดผลดีกับผมแน่ๆ แม้สีหน้าดูยิ้มแย้ม...แต่ภายในใจผมกลับเต้นจนเกือบผิดจังหวะ....เสียงร้องถามเรื่องราวจากคนที่ยังจับไหล่ไม่ช่วยดึงสติผมกลับมาจากภาพตรงหน้า.....อะไรสักอย่าง....กำลังจะเลวร้ายลง
“.....มีคนอยากคุยด้วย......คุยนานๆ ก็ได้นะ...พี่ไม่ว่า”น้ำเสียงทุ้มต่ำทอดลงช้าๆ อย่างคนอารมณ์ดี ผมกำโทรศัพท์ที่ถูกยัดเยียดให้ถือด้วยความกังวลใจ.....เบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอคุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้น...หากสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดทำให้จิตใจผมบอบช้ำจนปางตาย.....สิ่งที่อยู่ในมือผมตอนนี้....เหมือนกับการที่เขาเอากรรไกรเล็กๆ มาตัดขั้วหัวใจผมทิ้งไปง่ายๆ....คำถามที่ถามตัวเองหลายต่อหลายครั้งว่า...ยังเจ็บกว่านี้ได้อีกมั้ย.....ยังเสียใจมากกว่านี้ได้อีกหรือเปล่า......ครั้งที่เป็นครั้งสุดท้ายที่ตอบได้ตรงและชัดเจนที่สุด.......มันจะไม่เจ็บไปกว่านี้อีกแล้ว......เพราะ....ผมกำลังจะตาย
“.......ครับ”ผมพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ควบคุมแรงบนข้อนิ้วและฝ่ามือให้กำโทรศัพท์แนบหูไว้รอฟังเสียงปลายสาย.....นึกอยากให้....ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา
“พายเหรอลูก......เป็นไงบ้าง...ไม่ค่อยติดต่อแม่เลย”ความผิดอะไรที่ก่อไว้....ถึงทำให้ความปราถนาไม่เป็นจริง....เสียงนุ่มสบายหูที่ตอบกลับมาทำให้น้ำตาที่คลอหน่วยไหลเป็นสาย
“......แม่......”
“.....เอ่อ.....พาย.....ไม่ต้องตกใจเสียใจไปนะ......แม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหนู........แม่ไม่โกรธหนูเลยที่ไม่เคยบอกเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่.....แม่เข้าใจว่าหนูคงลำบากใจที่จะพูด.......”
“....อะไร....เหรอครับ”
“......คุณตั้มเขา.....เล่าเรื่องที่ทำกับลูกแม่หมดแล้ว........เขามายอมรับผิดกับแม่เอง......แม่เองก็ไม่เข้าใจความสัมพันธ์แบบนี้นักหรอก แต่แม่คิดว่าเข้าใจความรู้สึกเขากับลูกนะ........อย่างน้อยตอนนี้แม่ก็ดีใจที่เขาเข้ามาคอยดูแลรับผิดชอบลูกแม่ ไม่ได้ทิ้งขว้างไปไหน ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ”
“.........แม่ครับ...มัน”ผมไม่เข้าใจ...คำว่า....ยอมรับผิด....คำว่า....ดูแล......รับผิดชอบ.....หมายความว่าอะไร
“แม่ก็รอวันนี้ตั้งนาน เห็นคุณตั้มเขาขอเวลาปรับความเข้าใจกับหนูก่อน แม่ก็เลยได้แต่รอฟังข่าวลูกจากเขา ในเมื่อเข้าใจกันก็ดีแล้ว แม่อยู่ทางนี้ก็สบายใจ งานที่เขาเสนอให้ก็สบายกว่าเมื่อก่อน อากาศที่นี่ก็ดี…”
“งานอะไรครับ แม่อยู่ที่ไหน”ผมรีบถามทั้งๆ ที่แม่ยังพูดไม่จบ...อะไร...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผม
“อ้าว ตายจริงคุณตั้มเขายังไม่ได้บอกหนูเหรอว่าแม่มาทำงานที่รีสอร์ทเขา ทำได้เกือบเดือนแล้วล่ะ”
“....ว่าไงนะครับ แม่.....ทำงานกับเขาเหรอ”
“ใช่จ๊ะ นี่ก็อาศัยอยู่บ้านเขา คอยดูแลบ้านให้เพราะเขาไม่ค่อยมาพัก บ้านหลังกว้างอยู่กันไม่กี่คน แล้วเมื่อไหร่หนูจะมาเยี่ยมแม่ล่ะลูก บอกให้คุณเขาพามาเร็วๆ นะ แม่คิดถึง”
“.....เดี๋ยวไว้ผมโทรหาวันหลังนะครับ”
“จ๊ะ......อย่าคิดมากนะลูก มีอะไรก็ค่อยๆ คุยกัน”เสียงปลายสายเงียบไปพร้อมๆ กับโทรศัพท์ที่ถูกเขวี้ยงกลับไปปะทะอกเจ้าของจนหล่นลงพื้นพร้อมแตกกระจาย
“
คุณทำอย่างนี้ได้ไง!!! ทำกับผมได้ไง ผมไปทำอะไรให้ ทำไม ทำไม!!!”ผมโถมตัวเข้าใส่คนที่ยืนเป็นเป้านิ่งให้ทุบตีโดยไม่ตอบโต้....หมดแล้ว....หมดแล้วจริงๆ…ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว.....ทุกอย่าง.....มันทำไปเพื่ออะไร.....มันไปพูดอะไรกับแม่ แม่ถึงได้พูดออกมาแบบนั้น....แล้วตอนนี้แม่อยู่ที่ไหน....ปลอดภัยดีหรือเปล่า....หากผมไม่ตามใจมัน ไม่ทำตามคำสั่ง....แม่ผมจะยังอยู่ดีมั้ย.....ไม่เหลือแล้ว......ชีวิตผม.....ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
“มึงทำอะไรพาย!!!”แรงยื้อยุดข้อมือที่ถูกจับไว้ถูกบีบแน่นจากคนสองคน...ที่ไม่สนใจว่าผมจะเจ็บหรือไม่....ใช่...ไม่เจ็บแล้ว.....นี่มันไม่ใช่ชีวิตผม...ไม่ใช่ร่างกายผม.....เพราะงั้นผมถึงไม่เจ็บสินะ
“ก็แค่ให้แม่ลูกเขาคุยกัน......เรื่องของครอบครัวว่ะ มึงไม่เกี่ยว”
"เอามือมึงออกจากตัวพายเดี๋ยวนี้นะ"
"ทำไม มึงมีปัญหาอะไร มากกว่านี้กูก็ทำมาแล้ว"
"ไอ้สัตว์!!"เสียงด่าทอที่มาพร้อมกำปั้นหนักๆ กระแทกปลายคางจนคนที่จับตัวผมอยู่แทบหงายหลัง หากแต่ก็สามารถสวนฝ่าเท้ากลับไปที่หน้าท้องได้ในจังหวะไล่เลี่ยกัน ความชุลมุนเกิดขึ้นเมื่อไม่ได้มีเพียงหนึ่งคู่ที่อยู่ในเหตุการณ์....เพื่อนทั้งสองฝ่ายที่ล้อมรอบอยู่ต่างกรูเข้าใส่กันเหมือนเป็นเรื่องของตัวเองทั้งๆ ที่....ไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด.....ไม่ได้มีความรู้สึกร่วม....หากแต่เพราะคำว่า’เพื่อน’เลยทำให้ลืมคำว่าเจ็บ
"พี่นัท....พาพายกลับที"ผมเดินมาหาคนที่ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วม และยืนดูอยู่รอบนอกเพื่อห้ามปราม
"แต่ว่า...."คำค้านที่เหมือนจะปฏิเสธทำให้ผมหันหลังให้เตรียมเดินจากไป
"เดี๋ยวพาย! พี่พากลับก็ได้ ห้องไอ้ตั้มใช่มั้ย"แรงรั้งที่ข้อมือทำให้หยุดเดิน แต่ไม่หันกลับไปมองเหตุการณ์ชุลมุนด้านหลัง ผมยืนรออยู่ที่เดิมเพื่อให้คนที่รับปากขับรถออกมารับ สถานที่ๆ ควรกลับ...ไม่มี....มีเพียงสถานที่ๆ...ต้องกลับ
ระหว่างทางไม่มีบทสนทนาใดๆ หรือหากมี ก็เป็นเพียงแค่การพูดอยู่ฝ่ายเดียวของคนขับ จวบจนกระทั่งถึงห้องพักผมก็แยกตัวเข้าห้องนอนเก็บตัวเงียบโดยไม่สนว่า คนที่ข้อร้องให้มาส่งได้กลับไปหรือยัง ไม่สนว่า...ผมรังเกียจห้องนี้มากขนาดไหน เพราะตอนนี้...มันเป็นที่เดียวที่จะให้ผมอยู่เงียบๆ คนเดียวได้ บรรยากาศในห้องน่าอึดอัดเพราะไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ หากแต่....ความรู้สึกร้อนหนาวอันเป็นพื้นฐานของความรู้สึกทางร่างกายกลับไม่รับรู้ ผมนอนนิ่งอยู่บนเตียง ขดตัวจนหัวเข่าแนบชิดยอดอก น้ำตาไหลจนรู้สึกถึงความเปียกชื้นบนปลอกหมอน....แค่...น้ำตาไหล....ใช่ว่าผมร้องไห้....ใช่ว่าผมเสียใจ....มันมากกว่านั้น....มากกว่า.....จนไม่คิดว่า....จะสามารถรู้สึกอะไรได้อีกต่อไป....มันเป็นใคร ทำไมถึงทำร้ายผมได้ขนาดนี้ ร่างกายที่คิดว่าเป็นของผม กลับไม่สามารถบังคับได้ตามใจนึก ร่างกายที่ขัดกับจิตใจมาเนิ่นนานจนถึงวันที่มันต้องแยกออกจากกัน.....ไม่ว่ามันมีเหตุผลอะไรให้กับการกระทำที่เกิดขึ้น.....ไม่ว่ามีเหตุผลอะไรในการบังคับให้ผมทำตามอย่างที่มันต้องการ.....ต่อให้คิดจนปวดหัว คิดเข้าข้างตัวเองอย่างคนโง่ที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นจริง...แต่รู้ไว้เถอะ.....อะไรที่มันต้องการ...จะไม่มีวันสมหวัง
ความเย็นชุ่มชื้นจากเนื้อผ้านุ่มสัมผัสบริเวณใบหน้าเบาๆ ปลุกให้ผมรู้สึกตัวจากการเผลอหลับใหล ใบหน้าที่ก้มลงบรรจงทำความสะอาดรอยแผลบนหน้าของผมดูเรียบเฉย น้ำหนักมือที่กดลงมุมปากหนักจนเกือบเผลอร้องครางด้วยความเจ็บ แต่ก็ต้องเงียบไว้พร้อมกับปิดเปลือกตา...ไม่คิดจะถามหาเหตุผล...ไม่คิดจะต่อว่าด่าทอ....ไม่คิดจะหลบเลี่ยงหลีกหนี.....อยากจะทำอะไรกับผม....ก็ตามใจ....หากร่างกายนี้ไม่สามารถทำอย่างใจคิด ชีวิตไม่สามารถดำเนินไปอย่างที่ต้องการ...ของสำคัญ คนสำคัญ..ไม่สามารถปกป้องไว้ได้.....จะทำอะไรกับผมอีก....ตามสบาย.....แต่...ถ้าวันใดผมรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่มันต้องการ อะไรคือสิ่งที่มันหวงแหน....อะไรคือสิ่งสำคัญ........วันนั้น......ผมจะทำลายลงด้วยมือคู่นี้ของผมเอง.....ขอให้มันเจ็บ...ยิ่งกว่าที่ผมเคยเจ็บ.....ขอให้มันสูญเสีย...ยิ่งกว่าที่ผมเคยสูญเสีย......ขอให้มันทุกข์ทรมานกว่าผม....ร้อยเท่าพันเท่า........ขออย่าให้คำว่า
’ความสุข’ ก้าวเข้ามาให้ชีวิตมันตลอดไป
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านแล้วก็
