“อื้อ อ....ไม่.....หยุด….อ๊ะ” ผมสะดุ้งด้วยความตกใจที่ถูกดึงจนตัวลอยแล้วถูกจับ ให้นั่งคล่อมอีกคน สภาพน่าอายและน่ารังเกียจ ...
ขอคอมเมนท์คุณจีหน่อยนะคะ
คือการใช้คำว่า "อีกคน" ซึ่งใช้สองครั้งในตอนที่ 22 นั้น การใช้ครั้งแรกตอนที่อ่านสปอย์ชวนให้เข้าใจผิดคิดไปอย่างมากกว่า ในฉากนี้มีตัวละครมากกว่าสองคน หนึ่งคือ พาย สองคือคนที่จับพายไปนั่งคร่อม สามคือคนที่ถูกพายนั่งคร่อม แต่พออ่านจริงๆ แล้วก็มีเพียงสองคน (ไม่รู้ว่าคนอื่นจะอ่านแล้วคิดแบบเดียวกันไหม แต่เป็นจุดที่ทำให้รู้สึกสะดุดนิดนึง
ในฐานะที่เป็นคนอ่านและคนเขียนเหมือนกัน ก็ไม่อาจฟันธงได้ว่างานเขียนชิ้นไหนเป็นวรรณกรรม งานเขียนชิ้นไหนเป็นขยะ แต่ไปหาความหมายของวรรณกรรมมา ได้แบบนี้ค่ะ
วรรณกรรม น. งานหนังสือ, งานประพันธ์, บทประพันธ์ทุกชนิด ทั้งที่เป็นร้อยแก้วและร้อยกรอง สำหรับเราแล้ว งานเขียนไม่จำเป็นเลยต้องเป็นวรรณกรรมชั้นสูงที่คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ งานเขียนนั้นเป็นการสื่อสารระหว่างคนเขียนไปยังคนอ่าน เป็นสิ่งที่คนเขียนเขียนขึ้นเพื่อจะบอก-สื่อ-ถ่ายทอด แนวคิด เรื่องราว มุมมอง ฯลฯ ของคนเขียนออกมาเป็นตัวอักษร ก็เหมือนกับ ดนตรี ภาพวาด หรืองานศิลป์อื่นๆ ซึ่งมีมากมายหลากหลาย ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย บางเพลงก็ทำให้เบิกบาน หดหู่ ตื่นเต้น หรือกลัว ภาพวาดก็มีทั้งสวยงามเหมือนจริง หรือฉีกไปในแนวไม่เหมือนจริง หรือดูไม่รู้เรื่อง เช่นมาเป็นหยด เป็นจุดไม่มีรูปร่าง
ดังนั้นงานเขียนที่เป็นอิสระ ก็ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับกระแสสังคมนิยม ไม่จำเป็นต้องพูดถึงแต่เรื่องสนุก หรือแง่ดีของคน โดยละที่จะไม่พูดถึงอีกด้านที่เป็นคนเหมือนกัน เช่น ความโหดร้าย ป่าเถื่อน หรือกามารมณ์ เราเชื่อว่าคุณจีมีเรื่องจะบอกผ่านแง่มุมของรักร้าย ถึงแม้ในเรื่องจะมีฉากรุนแรง แต่ก็เป็นฉากที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้ดี เข้าถึงอารมณ์เหมือนไปฟังเพลงแนวฮาร์ดคอร์ จังหวะหนักแน่นกระแทกลึกโดนใจ ดังนั้นในฐานะนักเขียนคนหนึ่งแล้ว คิดว่าคุณจีมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะถ่ายทอดอะไรออกมาแบบไหนก็ได้ เหมือนนักดนตรี หรือศิลปินที่มีสิทธิ์ที่จะเล่นเพลงอย่างไร วาดภาพแบบไหนก็ได้ แต่ที่สำคัญคือเราจะต้องทำให้สำเร็จ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เราต้องการถ่ายทอดนั้น แท้จริงแล้วคืออะไร อย่าให้คนที่เพิ่งอ่านงานได้เพียงแต่ส่วนใดส่วนหนึ่งมาตัดสินเรา
คนอ่านงานเขียนนั้นมีหลายระดับ ซึ่งระดับของคนอ่านก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง ประสบการณ์ชีวิต และทัศนคติของพวกเขาเอง บางคนอ่านเพื่อสนุก บางคนอ่านเพื่อฉาก บางคนอ่านแล้วคิดตาม เราที่เป็นคนเขียนไม่สามารถบังคับให้คนอ่านเข้าใจหรือเข้าถึง ตามแบบที่เราเข้าใจและต้องการแสดงออกได้ งานเขียนหนึ่งงาน คนอ่านร้อยคน ก็อาจคิดไม่เหมือนกันทั้งร้อยคน และอาจไม่มีใครคิดเหมือนคนเขียน แต่ก็คงมีบ้างที่ใกล้เคียง
หวังว่าคุณจีจะเข้าใจ ยืนหยัดที่จะเป็นตัวของตัวเอง และต่อสู้เพื่อมัน เหมือนกับศิลปินในอดีตที่ยืนกรานจะไม่เปลี่ยนผลงานของตนเองไปตามกระแสสังคม อย่างแวนโก๊ะที่ขายภาพตัวเองไม่ออกสักชิ้น เพื่อภาพที่เขาเขียนตอนนั้น ไม่มีใครชอบหรือเข้าใจ แต่ผลงานของเขาก็มีคุณค่าและเป็นที่ชื่นชมจากคนมากมายเหลือเกินในภายหลังที่เขาจากไป
สู้ๆ ค่ะ