ตอนที่ ๑
คงไม่มีใครปฏิเสธว่าความสุขคือปัจจัยหนึ่งที่มนุษย์ต้องการในชีวิต ต้นเหตุของการดิ้นรนทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นมาได้ด้วยสิ่งนี้ทั้งสิ้น แต่เพราะต้นทุนชีวิตต่างกัน จึงเป็นผลให้ต้องมีใครสักคนยอมใช้ทางลัดเพื่อมัน แต่อย่างน้อยก่อนที่จะจบชีวิตลง การใช้ทางลัดเพื่อให้สิ่งนั้นมาครองจึงถือไม่เป็นการกระทำที่ไม่เลวไปเสียทีเดียว
“พี่! พี่แทน ทางนี้พี่”
ใครสักคนร้องเรียกเขา เจ้าของสายตาอันเป็นจุดสนใจของสาวผู้เมียงมองมาเห็นกวาดไปตาม เขายกยิ้มรับ พยักหน้าว่าได้พบผู้ยืนโบกมือหย็อยๆ เรียกทักทายแล้ว ท่ามกลางเสียงดนตรีอึกทึกในคลับแห่งหนึ่งกลางย่านดัง ครั้นทรุดกายร่วมวงแล้วผู้เป็นรุ่นน้องก็เดินวนมาทิ้งลำแขนบนบ่า แทนคุณ ด้วยความสนิทสนม “คิดว่าจะชวดเสียแล้ว คุณแทนคุณ ไม่ยักจะรู้ว่ามาที่แบบนี้เป็นกับเขาด้วยนะ”
“ถ้าให้ฉันมาเพื่อแขวะกันแบบนี้ล่ะก้อนะไอ้พล...”
“โอ๋ๆ ไม่เอาน่าพี่แทน ผมล้อเล่นน่าพี่” หนุ่มจอมเย้านามนพพลฉีกยิ้มขันตบบ่าเขาหนักอยู่หลายที พลอยให้คนแสร้งโมโหยกยิ้มรับได้เล็กน้อย “
พวกแกมานานแล้วหรือ แล้วพวกไอ้ธัญ ไอ้ปอยังไม่มาเลยหรือไง”
ดวงตาคมกวาดมองโดยรอบดูลาดเลาถึงบรรยากาศ สะดุดตรงเห็นใครสักคนในกลุ่มหญิงสาว กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส จำได้ว่าพวกเธอคือเพื่อนร่วมสมัยเรียนเดียวกันกับเขา ทว่าชายผู้นั้นไม่รู้สึกคุ้นหน้าเท่าใดนัก ที่จริงเรียกได้ว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“อ๋อ สักพักก็คงถึงแหละพี่ รายนั้นเขาเป็นพวกมีครอบครัว”
“เออ ก็คงจริง ต้องเจียดเวลามานี่นะ”
ชายหนุ่มเอ่ยอือออ มองแขกผู้แปลกหน้าแววสำอางในกลุ่มเพื่อนอย่างครุ่นคิดว่าเป็นใคร ท่าทางจะอายุมากกว่าเขาสักสองสามปี หรืออาจเป็นคนรู้จักของกลุ่มเพื่อนที่นัดเลี้ยงรุ่นกันนี้ แทนคุณกอดอก ผละสายตากลับมายังโต๊ะเมื่อกลุ่มหญิงสาวร่วมรุ่นรับทราบว่าเขามาแล้ว เธอทั้งหลายต่างละความสนใจเขาคนนั้น ตรงดิ่งมาด้านนี้อย่างไม่ต้องนัดแนะกัน
“คุณแทน มาแล้วหรือคะ พวกเรารอตั้งนานรู้ไหม ในบรรดาเพื่อนร่วมรุ่นพวกเรารอคุณคนเดียวนะ”
“งั้นหรือ ทำไมกัน” ชายหนุ่มแสร้งไม่รู้ไม่เห็น แต่โดยจริงแล้วเหตุใดคนฉลาดรู้ทันคนอย่างเขาจะไม่ทราบ
“เพราะพี่รวยไง” นพพลโพล่งขึ้น
“ว้าย! ปากเสียน่าพล เพราะว่าคุณแทนฮอตตั้งแต่สมัยเรียนแล้วน่ะซี ยิ่งประสบผลสำเร็จจนโด่งดังในฐานะอาจารย์ฝ่ายปกครองโรงเรียนที่หล่อที่สุดในประเทศ พวกเรายิ่งอยากเจอ” สาวสวยวัยยี่สิบหกปีเท่ากันทำหน้าตาตื่นเต้นขณะกล่าว
ทว่าผู้ฟังเพียงยกมุมปากยิ้มตามการกล่าวของเธอเท่านั้น แม้เหตุผลหลักของการหลีกหนีมาในที่ที่เขาคิดว่าไร้สาระนี้เป็นเพราะงานที่ตนประสบพบเจอ เขาเหนื่อยจากปัญญาที่บ้าน และการแบกรับความหวังเดียวทั้งหมดจึงอยากหนีออกมาที่ไหนสักที่
“ดื่มอะไรไหม” สาวคนหนึ่งยื่นแก้วให้ อีกคนก็ทรุดลงนั่งข้างมาจ้องหน้าพร้อมโปรยยิ้มหวาน
“ขอบคุณ”
นี่เป็นการออกนอกลู่นอกทางครั้งแรกของเขา ดื่มสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ไวน์ครั้งแรก แทนคุณเหลือบไปเห็นสายตาของชายผู้ถูกเขาแย่งสาวๆ มาโดยมิได้ตั้งใจ เหตุนี้กระมังทำให้เขาถูกอีกฝ่ายเพ่งมอง แต่ด้วยแววตาของอีกฝ่ายที่ส่งมากลับมิใช่เคืองขุ่นแต่อย่างใด มันเจือปนด้วยรอยยิ้ม ทำให้เขาต้องปัดความคิดมากออกไปด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่ต่างจากผู้อื่น เข้าหาเขาเพราะอะไร
ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้ม ครั้นเห็นเจ้าของร่างมุมนั้นเดินหายไปหลังถูกแย่งความสนใจก็ส่ายหน้า
ต้นทุนน้อยกว่า ก็น่าสมเพชแบบนั้นแล
“พี่แทน ผมลืมแนะนำไปสนิทเลย ตามมานี่สิ” นพพลตบบ่าเขาอีกรอบ เรียกความฉงนสนเท่ห์แก่ชายหนุ่มผู้เพิ่งมาถึง ครั้นเห็นรุ่นน้องขยิบตาให้หลังกวาดมองหญิงสาวผู้นั่งล้อมรอบเขาแล้วแทนคุณจึงเข้าใจ ลุกเดินตามนพพลไป แม้เสียงหล่อนทั้งหลายจะบ่นให้ได้ยินไล่หลังก็ตามที
“เฮ้อ พวกนี้นี่ยังไงยังงั้นเลย พี่ต้องระวังตัวให้ดีนะ พวกผู้หญิงหิวเงินสมัยนี้มันเยอะ รู้ไหม”
“นี่ใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่หา สอนฉันอย่างกับเด็กอนุบาลไปได้”
“แต่พี่ควรเชื่อผมนะ” นพพลแย่งแก้วจากมือเขาไปอย่างจริงจัง “รวยไม่ใช่หรือ ไปรับแก้วคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไงกัน แล้วนี่ดื่มไปแล้วใช่ไหม หา!”
“เออ แล้วจะทำไม” ชายหนุ่มพยักหน้ารับเล็กน้อย มองนพพลถอนใจเดินนำหน้าไปยังอีกฝั่งของคลับอันเป็นที่หนุ่มๆ นั่งอยู่กลุ่มใหญ่ หนึ่งในนั้นเป็นชายแปลกหน้าที่เห็นก่อนหน้าได้เงยมองสบตาเขา ยิ้มอย่างเป็นมิตร แทนคุณเสตาไปทางอื่นอย่างอัตโนมัติโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร
“โอ้ เจ้ามือเรามาแล้ว มาๆ คุณชายแทนคุณ มานั่งตรงนี้เลยครับ”
“อะไร ใครบอกว่าฉันจะเลี้ยงพวกแกกัน”
“อ้าว...” นพพลมองหน้าแทนคุณอยู่ครู่หนึ่ง “ช่างมันเถอะพี่ แล้วนี่พี่ยังไม่รู้จักพี่วินใช่ไหม เขามากับพี่เอก”
“แล้วไอ้เอกมันไปไหนแล้วล่ะ”
“เข้าห้องน้ำมั้ง เพิ่งเดินออกไปเมื่อกี้นี่เอง พี่วินครับ นี่พี่แทน เขาหล่อแล้วก็รวยด้วยน้า แบบว่ารวยที่สุดในรุ่นเลย”
“พอได้แล้ว แกจะโม้อะไรนักหนา”
แทนคุณผลักหัวคนแนะนำไปที อีกข้างก็ยื่นมือขอทักทายทำความรู้จักอย่างเคยชิน อีกฝ่ายจึงยิ้มรับ เอื้อมมือมาสัมผัสกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผละออกไปสนใจโทรศัพท์ตัวเอง ไม่พูดจาหรือเริ่มประเด็นร่วมกับผู้อื่นอีก เพราะบรรยากาศระหว่างกันเปลี่ยนไป แทนคุณนึกฉงนอยู่ไม่น้อย ด้วยคราแรกดูเหมือนอีกฝ่ายอยากรู้จักกับเขาเต็มที
ดูหยิ่งยโสดีแฮะ
“ว่าแต่ว่าวันนี้แปลกนะที่มีแกมาร่วมด้วย ทุกปีหรือทุกทีที่นัดกันไม่เคยมีแกเลย” เพื่อนร่วมรุ่นคนหนึ่งเปิดประเด็น
“ก็เพราะมันบ้างานไงล่ะ จะรวยไปถึงไหนก็ไม่รู้ แค่สมบัติเก่าทั้งชาตินี้จะใช้หมดหรือเปล่า พูดก็พูดเถอะ วันนี้แกจะไม่เลี้ยงพวกเราจริงๆ ใช่ไหมวะไอ้แทน นี่เพื่อนนะเว้ย”
แทนคุณกวาดสายตามองเหล่าเพื่อนต่างเออออกันราวกับนัดไว้ บางที การไม่กลับมาพบคนพวกนี้ก็อาจรู้สึกดีกว่า แม้จะต้องทนอยู่ในบ้านเงียบเชียบคนเดียว
“นานๆ จะเจอกันที แค่นี้เองน่า”
“ใช่ กับเพื่อนกับฝูงทำไมแล้งน้ำใจอย่างนี้วะ”
“กินด้วยกันก็ต้องช่วยกันออกสิ ยิ่งเป็นเพื่อนยิ่งควรจะเกรงใจกัน พวกนายก็รู้ใช่ไหมว่าเพื่อนนายเขาทำงานหนักพอแรงแล้ว แล้วจะยังมีเห็บหมัดมาเกาะตัวเวลาพักอีก เป็นพวกนายจะรู้สึกยังไง”
เสียงใครสักคนเอ่ยขึ้น ได้เรียกให้แทนคุณหันไปสบ เป็น มาวิน ที่เลิกสนใจโทรศัพท์มือถือแล้ว “ฉันยังนับถือที่แทนอยู่ในระเบียบวินัยตัวเองจนสำเร็จเรื่องต่างๆ ตอนอายุแค่นี้ ดูซี... ฉันอายุสามสิบแล้วยังไม่มีอะไรเลย”
“เพราะพี่มีภาระไง แต่ไอ้แทนน่ะ แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก พี่ไม่รู้ว่ามันรวยแค่ไหน บ้านของพี่นี่เป็นได้แค่ห้อนอนของพักคนรับใช้มันแค่นั้นแหละ”
“แกก็พูดแรงเกินไปนะ” แทนคุณมุ่นคิ้วมองเพื่อนคนหนึ่งขณะกล่าว
“แกคิดได้ยังไงวะ คนจนคนรวยก็ล้วนมีปัญหาของใครของมันแตกต่างกันออกไป ไม่มีปัญหาเรื่องเงินก็จริงแต่ต้องปวดหัวเรื่องอื่นเหมือนกัน” แทนคุณหันมองมาวินทั้งถอนใจ กลับเป็นผู้อื่นขึ้นเสียงแทนเขาเสียอย่างนั้น
“พี่ไม่เข้าใจหรอก พี่วิน”
“พวกแกนั่นแหละไม่เข้าใจ...”
“พี่วิน มาคุยกับผมตรงนี้...”
มาวินชะงัก หันมองเอกณรงค์ผู้ที่พาเขามาด้วยความฉงนอยู่ครู่หนึ่งจึงลุกเดินตาม ให้หลังรุ่นพี่อายุสามสิบแล้วแทนคุณจึงทอดถอนใจ จริงอย่างที่มาวินกล่าวทุกอย่าง ไม่มีความสุขหากพบเจอแต่เหลือบริ้นคอยจะจับเขาเป็นบ่อเงิน ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะกลับ หากไม่สนุกก็ไม่ทราบว่าจะอยู่ต่อไปทำไม
“อ้าว พี่แทน จะกลับแล้วหรือพี่ อย่าไปสนใจเรื่องที่พี่ๆ เขาพูดเลย”
“อืม แต่ฉันจะจ่ายเองไอ้นพ จะได้ไม่ต้องเถียงกัน” แทนคุณเหลือบมองเพื่อนร่วมวง นอกจากจะไม่สำนึกในบุญคุณแล้วยังเหน็บแนมเขาซ้ำอย่างไร้ความคิด “เออ รู้จักคิดซะบ้าง มาทั้งทีก็ควรป๋าหน่อย ทำแบบนี้มันรวยไม่จริงนี่หว่า”
“พี่แทนเขาไม่เคยอวดรวย พวกพี่นั่นแหละคิดว่ารวยไปเอง”
“ไอ้พล พอได้แล้ว” แทนคุณถอนหายใจ เลือกจะเดินผ่านออกมา ฝ่าความชุลมุนของบทเพลงปลุกเร้าใจให้เต้นโครมครามมาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ เหตุเพราะโทรศัพท์ในกระเป๋ามันเริ่มสั่นตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาด้านในนี้แล้ว ชายหนุ่มงุดลงมองเบอร์ ไม่พ้นสายจากทางบ้านอันเป็นแหล่งที่เขาอยากหลบหนีมาถึงที่นี่
“ไม่รับหรือ”
เจ้าของเสียงทุ้มหนึ่งเอ่ยขึ้น แทนคุณเบิกตา ผละจากหน้าจอทัชสกรีนตรงหน้าไปเหลือบมองชายผู้สวมเครื่องแต่งกายดูอ่อนกว่าวัย และรอยยิ้มยามอีกฝ่ายเหลือบมองเป็นเหตุให้เขาต้องเก็บมือถือเข้ากระเป๋าเช่นเดิม มาวิน ชายรุ่นพี่ผู้เพิ่งพบกันยังไม่ถึงชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ
“อ้าว ไม่รับจริงๆ ด้วยแฮะ” อันที่จริงยังไม่ถึงยี่สิบนาทีเลยต่างหาก
ชายหนุ่มถอนใจ เบี่ยงกายจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ใจจริงก็เพียงหาที่สงบและหลบหลีกจากคนจอมตอแยน่าสมเพชด้านหลังมากกว่า “เฮ้ ทำไมไมตอบกันบ้าง ฉันไม่ได้บ้าคุยกับผนังใช่ไหม”
“ถ้าจะคิดอย่างนั้นก็แล้วแต่คุณสิ”
“ไม่เอาน่า เรียกฉันว่าพี่สิแทน”
“เราไม่ได้สนิทกันถึงขนาดนี้นั้นสักหน่อย หยุดตามผม”
“แต่เมื่อกี้ฉันเถียงช่วยนายเชียวนะ นี่พูดกับคนมีพระคุณแบบนี้หรือ” มาวินเดินตามหลัง
แทนคุณลอบถอนหายใจหยุดอยู่ตรงอ่างล้างหน้า หันไปประจันกับรุ่นพี่อายุห่างกัน วินาทีหนึ่งชายหนุ่มนึกแปลกใจเล็กน้อยกับภาพระยะใกล้ และฉงนใจอยู่ว่าเขาอายุถึงเลขสามเพราะนับผิดหรือเปล่า เหตุเพราะยังดูเยาว์วัยกว่าอายุมากโข นั่นอาจเกิดจากใบหน้าซึ่งดูมีแก้มและผิวพรรณสะอ้านเป็นต้นเหตุกระมัง
ชายหนุ่มปรับสีหน้า ถอยกรูดออกห่างอย่างต้องการตีตัวหลบ “คุณไม่ได้ช่วยผมสักหน่อย ผมไม่ได้ขอร้องและที่สำคัญผมจ่ายเงินไปให้เขาไปแล้ว” แทนคุณแจง
“เฮ้อ นายนี่หัวอ่อนกว่าที่คิดอีกนะ ทำไมต้องยอมด้วยล่ะ”
“ไม่ทราบว่าคุณเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของผมเมื่อไร สมบัติของผม เงินของผมจะใช้อะไรก็ได้ ไม่ต้องมาหวงแทนหรอกนะ เงินแค่นั้นแลกกับการให้ทุกอย่างจบผมยอมได้” แทนคุณมุ่นคิ้วขณะกล่าว ยิ่งยามมือถือในกระเป๋าสั่นยิ่งรบกวนความคิดของเขามากขึ้น “ขอโทษที ผมต้องการเวลาส่วนตัว ไม่ต้องมายุ่งกับผม”
มาวินเบิกตาอย่างแปลกใจหลังได้ยิน แต่ไม่วายที่จะกระเซ้าด้วยความคะนองใจ “อ้อ ที่แท้อาจารย์ฝ่ายปกครองสุดหล่อเป็นพวกมีปมเพราะถูกเพื่อนไถเงินนี่เอง ถึงเอาความกดดันไปลงกับนักเรียนที่น่าสงสารของตัวเอง”
“ไร้สาระ”
“อ้าว…”
มาวินหน้าเหวอเล็กน้อย เมื่อคนที่ตนเพิ่งทำทีดูถูกเดินย้อนกลับมาประจันหน้า แล้วก็ออกไปจากห้องน้ำราวไม่ต้องการพูดคุยกันอีก นี่มันไม่มีความเคารพกันเลยใช่ไหม เขาอายุมากกว่าหมอนี่ตั้งกี่ปี มาวินขบฟันทั้งรีบสาวเท้าตามหลัง ถึงจะเป็นคนร่ำรวยที่เขามองหา แต่มาวินไม่ใช่พวกจับปลาสองมือ
“พี่จะไปไหน เราคุยกันแล้วไงว่าพี่จะอยู่กับผมตลอด” มือของคนด้านหลังฉุดให้มาวินชะงัก เป็นเอกณรงค์อีกครั้งที่เข้ามาปราม มาวินชักรู้สึกไม่พอใจกับการบังคับขู่เข็ญของอีกฝ่ายเต็มที “มากเกินไปแล้วนะเอก แกทำอย่างกับฉันเป็นนักโทษ”
“แล้วพี่คิดจะทำอะไร”
“ทำอะไร แกนั่นแหละคิดว่าฉันจะทำอะไร”
“ผมเห็นนะว่าพี่กำลังจะเดินตามไอ้แทนไป ทำไม...เห็นมันรวยกว่างั้นเหรอ”
“พอกันที...แกนี่มันหมาบ้าว่ะ คิดอะไรของแก”
“เออ คิดว่าจะง้อหรือ คอยดูว่าหมาตัวไหนมันจะซมซานกลับมาขอให้ผมช่วยอีก นอกจากผมมีใครเขายอมให้หมดทุกอย่างบ้าง บอกไว้เลยว่าไม่มีไอ้โง่ไหนจะดีเท่าผมหรอก!” สิ้นคำคนกล่าว มาวินหน้าชายามนิ้วชี้เรียวของเอกณรงค์จิ้มลงบนอก ใช่แล้ว หมาตัวนั้นซมซานกลับมาตายรังที่นี่ตลอดตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ครั้งนี้หมามันได้รู้ว่านายมันเป็นยังไง มันคงต้องหานายใหม่ที่ดีและโง่กว่า
มาวินกำหมัด “คอยดู ฉันจะไม่กลับมาหาแกอีก ไอ้เอก...”
มาวินเป็นจำพวกคนไม่เอาไหน การงานไม่ทำ ดีแต่ออกเที่ยวเตร่ไปทุกวันอย่างไร้จุดหมาย แต่เพราะทางบ้านมีภาระให้แบกรับ เขาจึงเลือกใช้วิธีที่ผู้ชายคนอื่นไม่ทำกัน นั่นคือแมงดา เพราะเห็นว่าเป็นความสุขสบายที่ไม่ต้องขวนขวายอะไรนอกจากเอาอกเอาใจ ไม่ต่างจากหมาอย่างที่เอกณรงค์นิยามให้
เอกณรงค์ไม่ใช่คนดี แต่มีดีที่รักและหวงแหนมาวินมากกว่าใครอื่น ยินยอมหยิบยื่นให้ตามที่เขาต้องการ แม้ว่าจะถูกตอบแทนด้วยนิสัยไม่ดีด้านอื่นก็ตาม มาวินเลิกกับเขาหลายครั้ง หากทว่าไม่เคยหนีพ้นอีกฝ่ายได้เลย
แต่ตอนนี้เขาได้ให้คำสัตย์แก่ตนเองแล้วว่า “หมาอย่างฉันจะหาเจ้านายคนใหม่ คนที่ดีและโง่กว่าแก”
“เออ จะรอดูอย่างใจจดใจจ่อว่าจะไปเกาะใครอีก แล้วก็จะรอดูว่าจะไปได้เท่าไร”
แม้คราแรกต้องการพูดจาให้เอกณรงค์สำนึกได้ที่ต่อว่าเขารุนแรงเกินไป แต่เมื่อพูดแล้วและเห็นธาตุอันเลวร้ายของอีกฝ่าย ทำให้มาวินต้องขบคิดแล้วว่าผู้ชายทั้งดีทั้งโง่นั้นอยู่แห่งหนไหน ครั้นคนดูถูกเดินจากไปไม่สนใจใยดีกันแล้วนั้นชายหนุ่มจึงคิดได้
เขาพูดอะไรลงไป เอกณรงค์คือขุมเงินที่เขามีตอนนี้!
แม้แต่เงินที่จะขึ้นแท็กซี่กลับบ้านยังไม่มีเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มพ่นลมหายใจขณะสาวเท้าเดินออกมาสูดลมหายใจด้านนอก ริมถนนมีกลุ่มวัยรุ่นกลายกลุ่มยืนอยู่หน้าสถานบันเทิง บ้างก็เพิ่งมา บ้างก็ชวนกันไปต่อที่อื่น เหตุเพราะย่านนี้เป็นย่านรวมสถานบันเทิงชื่อดังหลายแห่ง แต่ตอนนี้เขาไม่มีที่ไป มาวินก้มลงมองเศษซากบุหรี่ของใครสักคนบนพื้น สภาพไม่ต่างจากตัวเขาเองมากนัก
ยับเยิน และไม่น่าจับต้อง
หากทว่าสายตากวาดไปเห็นใครสักคนเดินซวนเซอยู่ข้างลานจอดรถ เป็นร่างสูงหนา แต่งตัวคุณชายสุดเนี้ยบมาเที่ยวคลับอย่างนั้นคงเป็นใครไม่ได้แน่ มาวินมุ่นคิ้วพาร่างสูงโปร่งตัวเองไปมองสังเกตท่าทีแปลกไปของอีกฝ่าย
“นี่ เป็นอะไรไหม แทน!”
“ไม่ต้องมายุ่ง ผมช่วยเหลือตัวเองได้”
คนช่วยผู้ผลักออกห่างไปชิดกับรถยนต์ที่คาดว่าผู้กระทำกำลังจะเปิดขึ้น มาวินฉงน มองมือของผู้อายุน้อยกว่าหยิบกุญแจสั่นเทาราวกับมีไข้ แม้เพิ่งจะรู้จัก แม้แทนคุณจะไม่รู้สึกชอบเขาเท่าที่ควรนัก หากปล่อยให้เผชิญปัญหาคนเดียวเขาก็แล้งน้ำใจเกินทน ชายหนุ่มอังหน้าผากอีกฝ่ายตรวจเชคความร้อน “ไม่ร้อนนี่ เหงื่อท่วมตัวเลย ฉันว่านายควรถอดสูทออกนะ”
“ออกไป”
“ฉันหวังดีนะแทน”
“ออกไป ผม... ขอร้อง” คาดว่าปัญหาของแทนคุณคงยากที่ใครอื่นจะเข้าใจได้ ร่างสูงเข่าทรุดซวนเทนอนลงพื้นราวคนเมาจะสิ้นสติ ทว่าดูเหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้น มาวินมองร่างกายสั่นเทาของอีกฝ่ายด้วยความตื่นตระหนก พยุงเขาขึ้นไปนั่งบนรถหลังนึกคิดได้ว่าอีกฝ่ายประสบปัญหาอะไร
“นายแย่แล้วแทน”
มาวินหันมองคนกระสับกระส่ายบนเบาะขณะบังคับยานพาหนะแสนแพงของเจ้าตัวแล่นบนท้องถนน ใจจริงอยากจะพาไปหาใครสักคน แต่เพราะเสียงต่อว่าของแทนคุณยังไม่หายจากลำคอ มาวินจึงทราบดีว่าควรพาไปแห่งไหน ประจวบกับนึงถึงสภาพของตนเองและสถานะความเป็นอยู่ตอนนี้ มาวินคิดได้แล้วว่าต้องทำอย่างไรให้ตนพบเจอผู้ชายที่ดีและโง่แทนเอกณรงค์
มันจะดีต่อตัวเขา... นี่มันผลพลอยได้ที่ล้ำค่า...
แม้นว่าจะเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีตนเองก็ตาม
--------------------------------------------
มาวินเอ้ย จะจับอาเสี่ยโง่ๆ ดันเจองูซะได้ ที่สำคัญดันเป็นงูพิษซะด้วย 55555
เรื่องนี้ออกเป็นแนวผู้ใหญ่ค่ะ แซ่บลืม มีความเอสเอ็มด้วยนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ
เรื่องนี้พระเอกแมน นายเอกเป็นเกย์อยู่แล้วนะคะ
จะอัพก็วันเว้นวัน นานสุดก็สามวันค่ะ
อย่าลืมคอมเม้นด้วยเน้อ (รออ่าน)